ท่ามกลางฝุ่นควัน คนกลุ่มหนึ่งปรากฏให้เห็นจางๆ และราตรียังคงยาวไกล โดยยังไม่มีวีแววของรุ่งอรุณแม้ว่าฝุ่นจะปลิวไปทุกที่ฉู่เฉินและคนอื่นก็ยังคงยืนรออย่างเงียบ ๆนี่คือที่ที่ทุกคนเข้าสู่ดินแดนเร้นลับนี้ด้วยกัน“ทำไมเราไม่เห็นทางออกล่ะ?”เซี่ยหยางจื่อที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ดูมีความกังวลเล็กน้อยแม้ว่าฉู่เฉินจะสามารถออกไปได้ตลอดเวลาและกลับไปที่ต้าเซี่ยได้ทันที แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ในขณะนี้ ฉู่เฉินยืนอยู่ที่นี่และสามารถมองกำแพงบางๆ ในเขตชานเมืองของต้าเซี่ยได้ที่ทางเข้าดินแดนเร้นลับ มีคนจากหลายตระกูลมารวมตัวกันแล้วผู้นำตระกูลหาน ฉิน เหยียน จ้าว ฉีและเว่ยต่างก็รออยู่ที่ทางเข้าอย่างกระตือรือร้นฉู่เฉินก็ยังเห็นผู้อาวุโสเฉินอยู่ที่นั่นด้วยผู้อาวุโสเฉินอาจกังวลเกี่ยวกับการสร้างปัญหาของสมาชิกตระกูลเหล่านี้ เขายังนำกองทัพติดอาวุธครบมือมาด้วยไม่ไกลจากผู้อาวุโสเฉิน ฉู่เฉินก็ "เห็น" ธงของคฤหาสน์เจิ้งหยางด้วยด้วยการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของผู้เฒ่าทั้งสี่ ผู้ที่เปิดดินแดนเร้นลับในวันนั้นทางเข้าดินแดนเร้นลับถูกเปิดออกแล้วเจิ้งหยางจื่อเป็นผู้นำ และก้าวออกไปด้วยเท้าข้างหนึ่งเซี่ยหยางจื่อเดินตาม
หลังจากพูดแล้ว ผู้อาวุโสโบกมือและพาศิษย์ทั้งสามออกไปผู้นำตระกูลในเมืองหลวงที่เหลือมองหน้ากันด้วยความสับสนอะไรกัน?ลูกศิษย์ฝีมือดีจากคฤหาสน์เจิ้งหยางที่มีคนมากกว่าสิบคน กลับรอดมาเพียงสามคนเท่านั้นหรือเหล่าผู้นำตระกูลมุ่งความสนใจไปที่ทางเข้าทันที โดยหวังว่าคนต่อไปที่ปรากฏตัวออกมาจะเป็นอัจฉริยะตระกูลพวกเขาภายในดินแดนเร้นลับจ้าวหมิงเจี๋ยกำลังจะก้าวออกไปข้างนอกทันใดนั้นก็พบว่าตัวเองถูกขวางเอาไว้เขาก็เข้าใจว่าเป็นการกระทำของฉู่เฉิน: "ฉู่เฉิน นี่นายหมายความว่าอะไร?”ฉู่เฉินยิ้มอ่อน“จ้าวหมิงเจี๋ยกรีดเลือดสาบานซะ แล้วฉันจะปล่อยนายออกไป”แม้ว่าฉู่เฉินจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าแต่จ้าวหมิงเจี๋ยก็ไม่สงสัยเลยว่าถ้าเขาไม่เห็นด้วย ฉู่เฉินจะฆ่าเขาปิดปากแน่นอนว่าไม่มีทางให้หนีใบหน้าของจ้าวหมิงเจี๋ยมืดมนปัจจุบันทางออกอยู่ตรงหน้าเรา แต่หากไม่ตกลง ทางออกก็อาจอยู่อีกซีกโลกหนึ่งเช่นกัน“ฉู่เฉิน นายก็จะให้พวกเขากรีดเลือดสาบาน ก่อนที่จะปล่อยเขาออกไปเหมือนกันใช่ไหม?”จ้าวหมิงเจี๋ยชี้ไปที่ชิงหลง เหยียนอู๋ซวงและคนอื่นๆ ด้วยความโกรธ“ไม่ พวกเขาไม่จำเป็นต้องทำซวี่เหว่ยและเฉินเหนิงลัวได้เข้าร่
เสียงของผู้นำตระกูลฉินดังก้องมาจากด้านหลัง“อะไรนะ คุณพยายามหยุดฉันงั้นเหรอ?“ ผู้อาวุโสเฉินถามทันที“คุณเป็นตัวแทนของต้าเซี่ย ฉันจะกล้าหยุดคุณได้อย่างไร”“แต่ ชิงหลง ซวนหวู่ ฉันถามพวกนายหน่อย อัจฉริยะของตระกูลฉินอยู่ที่ไหน?”ฉินลี่ชุนกล่าวขอโทษต่อผู้อาวุโสเฉินก่อน จากนั้นจึงหันไปหาฉู่เฉินและถามปรากฎว่าหลังจากเห็นฉู่เฉินและคนอื่นๆ ออกมาแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่มีใครออกมาจากดินแดนเร้นลับอีกเลยผู้คนจากตระกูลใหญ่อดไม่ได้ ที่จะรู้สึกถึงลางไม่ดีฉินลี่ชุนเริ่มตั้งคำถาม"ไม่รู้"เมื่อเผชิญกับการเค้นถาม ใบหน้าของชิงหลงยังคงนิ่งสงบ และเขาพูดอย่างแผ่วเบาฉู่เฉินเองก็ไม่ได้พูดอะไรเลย“พวกเราไปกันเถอะ!”ผู้อาวุโสเฉินพูดอีกครั้งเมื่อเห็นเช่นนั้น“ผู้อาวุโสเฉิน ถ้าคุณต้องการจากไป คุณก็สามารถทำได้ตามที่คุณต้องการ แต่ชิงหลงและซวนหวู่ ถ้าคุณทั้งสองคนยังไม่อธิบายอย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นในดินแดนเร้นลับ พวกคุณจะไม่สามารถไปจากที่นี่ได้ “ หานฉวนซิง ผู้นำตระกูลหานก็ลุกขึ้นยืนเช่นกันทั้งสองรวมพลังกันและหยุดฉู่เฉินและชิงหลง"บังอาจ!"เมื่อเห็นคนของตัวเองถูกหยุด ผู้อาวุโสเฉินแม้จะไม่มีวรยุทธ แต
“ผู้ฝึกฝนแสงนภานี้ ไม่เคยได้ยินมาก่อน รวมถึงแม้แต่ในโลกยุทธภพอีกด้วย”ทุกคนอุทานด้วยความประหลาดใจแม้แต่ปรมาจารย์ลึกลับทั้งสองบนท้องฟ้า ก็ยังจ้องมองลงมา“ก็แค่จอมยุทธขั้นสาม แล้วแกได้เป็นเจ้าของดินแดนเร้นลับนี้หรือเปล่า?”หนึ่งในนั้นมองที่ฉู่เฉินและพูดอย่างเย็นชา“ถ้าใช่แล้วจะทำไม?” ฉู่เฉินตอบอย่างไม่แยแสก่อนหน้านี้ ชายชราสองคนนี้ดูลึกลับและไม่อาจหยั่งรู้ได้ แต่ตอนนี้อาจเป็นเพราะพวกเขาอยู่ใกล้ทางออกของดินแดนเร้นลับ ฉู่เฉินจึงสามารถสัมผัสได้ถึงรัศมีของพวกเขาได้อย่างคลุมเครือ ซึ่งวรยุทธอยู่ในช่วงกลางของระดับจอมยุทธเท่านั้น มากที่สุดคือขั้นหก“เป็นแกจริงๆ สินะ! ช่างกล้าจริงๆ ไอ้หนู เพิ่งก้าวผ่านจิตมาแท้ๆ แต่แกก็เย่อหยิ่งและไม่เคารพผู้อาวุโสซะแล้ว แกคิดว่าเพียงเพราะแกเข้าสู่ระดับจอมยุทธแล้ว แกก็สามารถท้าท้ายพวกเราได้งั้นเรอะ?”ชายชราเปล่งเสียงออกมาด้วยความโกรธ เมื่อได้ยินแบบนั้น“แกนั่นแหละที่พูดจาวางมาดอยู่เสมอ ฉันไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ จะอะไรอีก เมื่อรู้แล้วว่าฉันได้ครอบครองดินแดนเร้นลับแล้ว แกก็ยังอยากจะบังคับฉันให้อยู่ที่นี่เหรอ?”ฉู่เฉินยังคงไม่ถ่อมตัวหรือเย่อหยิ่ง และมองต
จากข้อเรียกร้องของบรรพบุรุษตระกูลฉินฉู่เฉินก็ปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา“ไม่มี ไม่เห็นแม้แต่อันเดียว!”“เจ้าหนู แกถือว่ามีความกล้าทีเดียว แกคิดว่าในฐานะซวนหวู่สามารถปกป้องแกได้จริงๆ เรอะ ฉันพยายามพูดกับแกอย่างสุภาพ และแกกลับดูหมิ่นฉัน!” บรรพบุรุษตระกูลฉินโกรธแค้นทันทีต่อให้อารมณ์ดีขนาดไหนก็ทนไม่ไหวแล้วตอนนี้“ความเคารพเป็นสิ่งที่ต้องหามาเอง ไม่ใช่ต้องรอให้คนอื่นมามอบให้ หากแกไม่เคารพคนอื่นก่อน แล้วทำไมฉันต้องเคารพแกคืนด้วย!” ฉู่เฉินตอบอย่างใจเย็นคำพูดนั้นเต็มไปด้วยการเสียดสี“ไอ้หนู ด้วยทัศนคติแบบนี้ แกคือขยะเปียกที่เหลือรอดของตระกูลฉู่จริงๆ พวกแกทุกคนชอบร้องหาที่ตาย!”ผู้เฒ่าตระกูลฉินที่โดนการถากถาง จู่ๆ ก็ระงับความโกรธและหัวเราะเยาะเย้ยแทนเมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉู่เฉินก็ถามเขาทันที“แกหมายความว่าอะไร?”“ฉันหมายถึงอะไร ฉันรู้ว่าแกรู้เรื่องนั้นดีนิ”“แกกำลังบอกว่าเหตุการณ์ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าชิงซานนั้น ถูกจัดฉากโดยตระกูลฉินของแกเหรอ?”“แล้วจะทำไมล่ะ? ฉู่เฉิน แม้ว่าฉันจะบอกแกในตอนนี้ว่า ไม่เพียงแต่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าชิงซานที่ ถูกจัดการโดยตระกูลฉินในตอนนั้น แต่แม้แต
“ใช่แล้ว ใครจะคิดว่าฉู่ซวนหวู่จะเด็ดเดี่ยวและกล้าบ้าบิ่นได้ขนาดนี้ น่าเสียดาย หากเขาสามารถรอดไปจากหายนะครั้งนี้ได้ และจากการที่เขาครอบครองดินแดนเร้นลับนี้ ตระกูลฉู่ในเมืองหลวงก็จะกลับมารุ่งโรจน์ดังเช่นในอดีตอีกครั้ง”“จริงสิ น่าเสียดายนะ เฮ้อ”ทุกคนถอนหายใจแม้ว่าจะไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขาสองคนแต่ตอนนี้ ท่าทีที่ไร้เหตุผลของฉู่เฉินได้ประจักษ์ต่อสายตาของทุกคน ดังนั้นจึงถูกการวิพากย์วิจารณ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ไม่เพียงแต่ผู้ฝึกฝนอิสระเท่านั้นแม้แต่ชิงหลงและผู้อาวุโสเฉินที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉู่เฉิน ก็ยังตระหนักถึงอันตรายในขณะนี้สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ฉู่เฉินเสียสติไปแล้วแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมามัวคิดเรื่องนี้“ฮึ่ม กล้าที่จะโจมตีบรรพบุรุษของตระกูลฉิน ฉู่เฉินถึงคราวตายแล้ว!” ฉินลี่ชุนเยาะเย้ยอย่างเย็นชา มองไปทางชิงหลงกับผู้อาวุโสเฉินอย่างยียวน“ใช่ แม้ว่าพวกเราทั้งสองตระกูลจะขัดแย้งกันมาโดยตลอด แต่ฉันก็ยังเห็นด้วยกับสิ่งที่นายพูดในประเด็นนี้”หานฉวนซิงก็อยู่ข้างๆ มีท่าทางเหมือนชมการแสดงดีๆบนท้องฟ้าบรรพบุรุษของตระกูลฉินจงใจล่อฉู่เฉินมาที่นี่ เพื่อฆ่าเมื่อเห็นฉ
ทันใดนั้น ดินแดนเร้นลับขนาดใหญ่ก็ปกคลุมพวกเขาทั้งสองไว้บรรพบุรุษทั้งสองยังคงพูดคุยและหัวเราะโดยไม่รู้ตัว“ฉันไม่เคยคิดเลยว่า แค่เด็กหนุ่มหน้าใสจะทำให้นายไม่สามารถโค่นเขาลงได้ ถึงขั้นต้องเรียกหาฉันออกมา!”บรรพบุรุษตระกูลหานพูด“ใช่ ครั้งสุดท้ายที่พวกเราสองคนร่วมกันมือคือที่ตระกูลฉู่ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เวลาได้ผ่านมากว่าทศวรรษแล้ว แถมยังเป็นคนจากตระกูลฉู่อีก”บรรพบุรุษตระกูลฉินก็พูดอย่างใจเย็นเช่นกัน“เหมือนวาสข่าวลือเกี่ยวกับตระกูลฉินและหานที่ไม่ลงรอยกันก็ไม่เป็นความจริง!” ฉู่เฉินพูดขึ้นในขณะนี้เมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองคุยกันและหัวเราะเหมือนเพื่อนเก่า ก็อดไม่ได้ที่จะพูดแทรกขึ้นมา“ไม่ลงรอย? นั่นเป็นแค่เรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันของคนรุ่นใหม่” บรรพบุรุษตระกูลหานยิ้มและเชื่ออย่างชัดเจนว่าเมื่อทั้งคู่รวมพลังกัน ฉู่เฉินก็ไม่ใช่ภัยคุกคามใดๆ เลยบรรพบุรุษตระกูลฉินก็พูดเช่นกัน“หากพวกเราไม่สร้างเรื่องทะเลาะกันขึ้นมา ต้าเซี่ยจะอนุญาตให้พวกเราอยู่ในเมืองหลวงได้อย่างไร ช่างมันเถอะ แม้ว่าฉันจะบอกแกไป แกก็คงไม่เข้าใจ”“ไอ้หนู แกติดอยู่ในค่ายกลแล้ว ฉันจะถามแกเป็นครั้งสุดท้าย แกยินดีที่จะมอ
"จริงเหรอ?"ฉู่เฉินมีความคิดอีกอย่างหนึ่งบรรพบุรุษของตระกูลหานมองดูร่างกายของตัวเอง เริ่มหายไปจากเท้าขึ้นไปทีละน้อย“นี่… นี่เป็นไปไม่ได้!”วิธีการเหล่านี้สามารถลบออกได้ตามใจชอบ“นี่ไม่ใช่ค่ายกล แต่เป็นโลกของแกงั้นเรอะ?”ก่อนตาย บรรพบุรุษของตระกูลหานได้กล่าวคำพูดสุดท้ายแม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เรียกว่า โลกนี้คืออะไร แต่ก็มั่นใจว่ามันเป็นสิ่งที่ทรงพลังกว่าค่ายกลนี่จึงถือเป็นโลกของตัวเองตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดมากกว่านี้ สายตาเย็นชาของฉู่เฉินจับจ้องไปที่บรรพบุรุษตระกูลฉิน“ไว้ชีวิตฉันเถอะ ฉู่ซวนหวู่ สิ่งที่ฉันพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องโกหก ฉันหลอกคุณ ไว้ชีวิตฉันเถอะนะ แล้วฉันจะให้ทุกสิ่งที่คุณต้องการ!”บรรพบุรุษตระกูลฉิน เมื่อเห็นว่าบรรพบุรุษตระกูลหานหายไปต่อหน้าต่อตา ก็สึกหวาดกลัวอย่างยิ่ง เมื่อสบตากับแววตาของฉู่เฉินอีกครั้ง ก็ได้ร้องขอความเมตตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า“ตอนนี้สายเกินไปที่จะขอความเมตตาแล้ว หากแกคิดที่จะจัดการฉันและโจมตีฉันเพียงลำพัง อาจยังมีพื้นที่สำหรับการเจรจา แต่แกไม่ควรโจมตีทั้งสถานที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้าชิงซาน ไม่ต้องกังวล ฉันบอกแล้วว่าฉันจะฝังตระกูลฉินทั้ง