“ท่านพ่อ ฉินปิงเยว่ถูกใครบางคนชิงตัวไปแล้ว” ฉินหยวนไถเล่าอย่างตรงไปตรงมาถึงเรื่องที่เกิดขึ้นฉินลี่ชุนมีสีหน้าหมองคล้ำ กำลังเปิดปากสอนบทเรียน“ฉันบอกให้แกลงมือมาตั้งนานแล้ว แต่แกก็มัวรอให้เธอเต็มใจอยู่ได้ แล้วเป็นไง ตอนนี้หายกันไปหมดแล้ว!”“ท่านพ่อ ผมกำลังคิดที่จะเพิ่มพลังจากกายาทิพย์ของเธอให้ไปถึงระดับสูงที่สุด เพื่อเพิ่มโอกาสในการก้าวผ่านจิต ใครจะไปคิดถึงว่าเกิดเรื่องแบบนี้ได้”“พอแล้ว ปล่อยให้เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของฉันเอง แกไปเตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้ได้แล้ว”ฉินลี่ชุนขัดจังหวะฉินหยวนไถซึ่งยังคงอยากจะพูดอะไรบางอย่าง จากนั้นไล่ตามทิศทางที่ฉู่เฉินจากไปคืนนี้ก็เป็นคืนที่นอนไม่หลับ……บนท้องฟ้า ฉู่เฉินระบุทิศทางและมุ่งหน้าตรงไปยังฐานชิงหลงฉินปิงเยว่ที่เป็นคนธรรมดากำลังอยู่เคียงข้างเขา จึงไม่เหมาะที่จะเข้าร่วมการต่อสู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเหยาหลิงเฉินเพิ่งเตือนเขาว่ามีนักรบระดับจอมยุทธกำลังใกล้เข้ามาฉู่เฉินไม่จำเป็นต้องคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็รู้ดีว่านั่นต้องเป็นผู้นำตระกูลฉินจึงออกเล่นกลอุบายก่อน จากนั้นจึงรีบหนีไปทันที“คุณฉู่ คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!”ฉินปิงเยว
“เจ้าหนู แกคิดว่าเมื่อได้รับการออกหน้าปกป้องจากนิกายที่ซ่อนเร้น ฉันจะไม่กล้าทำอะไรแกงั้นเหรอ? ทำไมแกจู่ๆ ถึงปรากฏตัวอย่างเปิดเผยในตระกูลฉินแบบนี้ คราวนี้ฉันจะขอดูสิว่า จะมีใครหน้าไหนออกมาช่วยแกได้อีก!” หานเหอชิงพูดจอมยุทธอีกแล้ว!ฉู่เฉินรู้ดีว่าเขาไม่มีพละพลังพอที่จะต่อสู้กับระดับจอมยุทธนี้ คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ตระกูลหานของแกชนะได้โอถสทิพย์ไปในการประมูล และตอนนี้ก็ตกเป็นเป้าหมายคนของตระกูลอื่นแล้ว ถ้าแกไม่ไปคุ้มกันและปรากฏอยู่ที่นี่ แกไม่กลัวหรือว่าโอสถทิพย์ที่ตระกูลหานประมูลมาในที่สุดจะมีราคาสูง จะลงเอยด้วยการให้ประโยชน์แก่ผู้อื่น?”“ฮึ่ม แน่นอนเพราะว่าโอสถทิพย์นั่นที่ดึงดูดความสนใจของผู้บ่มเพาะทั้งหลาย ฉันจึงมีโอกาสที่จะแอบหนีมาฆ่าแกอย่างลับๆ นี่ไง นกอกจากนี้ เนื่องจากตระกูลหานสามารถซื้อมันได้ พวกเราก็เลยมีความสามรถที่จะปกป้องมันได้แน่นอน แกไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น แค่เตรียมตัวตายอย่างสบายสงบได้เลย” หานเหอชิงพูด โดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า เขาทิ้งภาพติดตาไว้ในขณะที่เขารีบไปหาฉู่เฉินเมื่อเห็นเช่นนั้น ฉู่เฉินก็หันหลังกลับและหนีไป“จะหนีไปไหน!”ร่างของหานเหอชิงปรากฏขึ
ฉู่เฉินก็ตกตะลึงอย่างมากกับภาพตรงหน้านี้หานเหอชิงเป็นจอมยุทธขั้นที่สอง และน่าประหลาดใจที่เขาไม่สามารถต้านทานต่อการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวของหนิงชิงเสว่ได้แม้แต่เหยาหลิงเฉินในเมืองลับแลมังกรก็ยังประหลาดใจไม่แพ้กัน และอุทาน: "นี่มันยาพิษบ้าอะไรกัน!"เมื่อเห็นหนอนไหมทองคำกู่ค่อยๆ กลับเข้ากับร่างของหนิงชิงเสว่ ฉู่เฉินก็ถามอย่างสงสัย: “พี่เจ็ด เกิดอะไรขึ้น? คุณมีแข็งแกร่งมากขนาดนี้ในเวลาสั้นๆ ได้ยังไง?”“ไว้คุยกันทีหลัง ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคุยกัน” หนิงชิงเสว่เหลือบมองไปในระยะไกลและคว้าฉู่เฉินเพื่อหลบหนี"เดี๋ยวก่อน" ฉู่เฉินรีบขัดหนิงชิงเสว่หันกลับมาด้วยสีหน้างุนงง“ฉินปิงเยว่ยังอยู่ด้านล่าง” ฉู่เฉินชี้ไปที่เท้าจากนั้นหนิงชิงเสว่ก็สัมผัสว่ามีร่างหนึ่งที่สามารถมองเห็นได้ลางๆ ที่ตีนเขาและเป็นฉินปิงเยว่เมื่อกี้แค่กังวลเรื่องความปลอดภัยของฉู่เฉินเท่านั้น และไม่ได้สัมผัสถึงตัวตนเพื่อนสนิทของตัวเอง ฉินปิงเยว่แม้ว่าจะอยากรู้ว่าทำไมเธอถึงโผล่มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรแต่เมื่อสัมผัสได้ว่ามีคนกำลังจ้องมองอยู่ในความมืด หนิงชิงเสว่จึงหนีไปพร้อมกับคนทั้งสองผ่านไปสักพักใหญ่"พวกเราจะ
"อะไรนะ?"คำพูดนั้นทำให้จางซินรู้สึกว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขามาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาใครซื้อบ้านแล้วย้ายเข้าวันเดียวกันบ้าง? คุณคิดว่ากำลังเล่นขายของอยู่? “ท่านครับ ไม่มีบริการดังกล่าว เร็วที่สุดคงใช้เวลาสองสามวัน” จางซินตอบอย่างสุภาพ“โอ้ งั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นก็ลืมมันเสียเถอะ” ฉู่เฉินพูดและยอมแพ้อย่างไม่เต็มใจเมื่อเห็นพวกเขาทั้งสามกำลังจะหันหลังกลับและจากไป จางซินก็โกรธจัดทันทีผู้ชายคนนี้เขามาที่นี่เพื่อสร้างความสนุกให้ตัวเองเหรอ? กำลังเคลิ้มหลับอยู่เลย แต่กลับโดนก่อความวุ่นวาย จึงทำให้โกรธมากในใจ จู่ๆ ก็นึกถึงสถานที่แห่งหนึ่งขึ้นมาทันที ดังนั้นจึงพูดออกไป“ท่านครับ มีบ้านที่คุณสามารถย้ายเข้าได้ทันที แต่ผมไม่แน่ใจว่าคุณจะมีเงินพอหรือไม่” จางซินพูดอย่างเย็นชาในเมืองหลวง แค่เป็นบ้านในสวน ใครจะไม่รู้ว่าราคามันเกือบจะสูงเท่าท้องฟ้าเมื่อได้ยินดังนั้น ฉู่เฉินก็เริ่มสนใจทันทีจึงถามอย่างรวดเร็วว่า"คุณกำลังบอกว่ามีบ้านที่ฉันสามารถซื้อและย้ายเข้าไปอยู่คืนนี้ได้ใช่ไหม?"“ครับท่าน แต่เพียงว่าบ้านหลังนี้มีราคาแพงไปสักหน่อย ดังที่คุณทราบ บ้านในเมืองหลวงสามารถเป็นเจ้าของได้เฉพาะผู้ที
บ้านหลังนี้ขายออกได้สักทีค่านายหน้าก็ต้องมา!แม้จะน่าเศร้าที่ได้เพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์เดียว แต่ก็ยังเป็นโชคลาภสำหรับเขาจางซินตบหน้าอกซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อให้คำมั่น และมอบกุญแจบ้านให้“แล้วทำไมมัวยังยืนอยู่ตรงนี้ล่ะ” ฉู่เฉินรับกุญแจไป พร้อมยิ้มและพูดออกมา“ครับ ผมจะดำเนินการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยเองครับ” จางซินเข้าใจทันที จึงหยิบการ์ดดำแล้วรีบออกไป“เอาล่ะ จากนี้ไป ที่นี่จะเป็นบ้านของฉันในเมืองหลวง เชิญนั่งก่อน พี่เจ็ด บอกฉันทีว่าเกิดอะไรขึ้น?” พวกเขาทั้งสามคนนั่งลง และฉู่เฉินก็ถามอย่างกระตือรือร้น“เสี่ยวเฉิน อาการบาดเจ็บของนายล่ะ?” หนิงชิงเสว่ไม่ได้อธิบาย เพียงแค่มองไปที่ฉู่เฉินที่ตัวเต็มไปด้วยเลือดและถามด้วยความกังวล"ไม่เป็นไร หายดีแล้ว" ฉู่เฉินไม่ได้โกหก นับตั้งแต่ดูดซับพลังงานลึกลับนั้นในนิกายแพทย์ เขาก็ตระหนักว่าความเร็วในการฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บของเขาไปถึงระดับที่น่ากลัวแล้วหนิงชิงเสว่ ค่อยๆ เล่าเรื่องราวคนทั้งสองหลังจากได้แยกจากกันในครั้งก่อนเดิมทีชายชราจากลัทธิแม่มดกู่ไม่ได้โกหก อูเจียงใกล้จะตายแล้วจริงๆแตกต่างจากนิกายอื่น ๆ ก่อนตายที่จะอูเจียงไม่เพียงแต่สอนหนิงชิ
“เล่นไม่ซื่อยังไง?” หนิงชิงเสว่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ตระกูลฉินเมื่อได้ยินเช่นนี้ แก้มของฉินปิงเยว่ก็แดงระเรื่อ และเธอก็กระซิบข้างหูของหนิงชิงเสว่อย่างรวดเร็ว“ตระกูลฉินนั่นน่ารังเกียจจริงๆ” หนิงชิงเสว่อุทานออกมา หลังจากได้ยินเรื่องราวของฉินปิงเยว่ จากนั้นเธอก็หันกลับมาถามว่า "ยังไงก็ตาม เธอมีกายาทิพย์แบบไหนกันที่สามารถช่วยให้นักสู้เพิ่มโอกาสในก้าวผ่านจิตได้"ฉินปิงเยว่พูดตะกุกตะกัก “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”หนิงชิงเสว่ไม่ได้กดดัน และเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็พูดกับฉินปิงเยว่ “เสี่ยวเฉินจะเข้าสู่ดินแดนเร้นลับในวันพรุ่งนี้ เอางี้…”“ยังไงนะ?” ฉินปิงเยว่ถามโดยสัญชาตญาณ จากนั้นก็เสียใจทันทีแน่นอนว่าสิ่งที่ หนิงชิงเสว่พูดต่อ ทำให้ฉินปิงเยว่รู้สึกเขินอายอย่างยิ่ง“ก็ใช้โอกาสนี้ในบ้านหลังใหม่ เพื่อดองกับเสี่ยวเฉิน?”ทันทีที่พูดเช่นนี้ ฉู่เฉินก็รู้สึกอายและไอซ้ำแล้วซ้ำเล่า “แค่กๆ พี่เจ็ด กำลังพูดไร้สาระเรื่องอะไร?”“โอ้ นายไม่เต็มใจเหรอ? ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเป็นเหมือนน้องสาวของฉัน ฉันคงไม่ยกเธอให้นายหรอก ไม่ต้องห่วง คนอื่นๆ ฉันอาจไม่รู้ แต่ฉันรู้จักปิงเยว่ดี เธอบอกฉันมากกว่าหนึ่งคร
“ฉันไม่ได้บอกว่าฉันจะยกเขาให้เธอนะ” หนิงชิงเสว่หัวเราะเบา ๆ"’งั้นเธอหมายความว่า?" จู่ๆ ฉินปิงเยว่ก็ถามอย่างสงสัย“เธอคิดว่าตัวเองเป็นคนเดียวที่ชอบฉู่เฉินเหรอ จริงๆ แล้ว ไม่ใช่แค่เธอเท่านั้น ฉันยังมีพี่สาวอีกหกคน พวกเราได้สัญญากันไว้ตั้งแต่ยังเด็กว่า พวกเราทุกคนจะแต่งงานกับเสี่ยวเฉิน”ทันทีที่คำพูดจบ ฉินปิงเยว่ก็ตาโตทันที“คนเจ็ดมีสามีคนเดียวกัน นี่... เป็นไปได้ยังไง…” ฉินปิงเยว่ตกตะลึงมากจนพูดไม่ออก“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ปิงเยว่ แม้ว่าเธอจะเป็นคนธรรมดา แต่เธอได้เห็นความสง่างามของพวกนักสู้ เธอควรเข้าใจว่าคนอย่างเสี่ยวเฉินไม่สามารถใช้กฏสามีเดียว-ภรรยาในทางโลกได้”คำพูดของหนิงชิงเสว่ทำลายมุมมองของฉินปิงเยว่ทันทีใช่แล้ว ปรมาจารย์ฉู่เป็นคนเช่นนี้ ดังนั้นจะมองในมุมมองของเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร?เมื่อเข้าใจสิ่งนี้ ฉินปิงเยว่ก็ตระหนักว่าหนิงชิงเสว่หมายถึงอะไร และถามด้วยน้ำเสียงลังเล: "เธอหมายถึง เธออยากให้ฉันเป็นภรรยารองเหรอ?"จิตใจของฉินปิงเยว่เต็มไปด้วยภาพจากละครโบราณในโทรทัศน์“ฮ่าๆ ปิงเยว่ ฉันไม่ได้พูดแบบนั้น ฉันแค่หมายความว่าหากพวกเราทุกคนจะแต่งงานกับคุณฉู่ ก็ยังคงเป็นพี่น้องกันอยู่
ฉู่เฉินคิดเป็นพันครั้ง คาดไม่ถึงว่าฉินปิงเยว่จะพูดคำเช่นนี้ต่อหน้าเขาเช่นเดียวกับที่ฉู่เฉินยังต้องเรียบเรียงคำพูด และเตรียมคิดหาวิธีตอบฉินปิงเยว่ฉินปิงเยว่ไม่เพียงแต่เดินเข้าไปหาฉู่เฉินเท่านั้น แต่ยังถอดเสื้อผ้าของเธอออกทีละชิ้นอีกด้วย“คุณหนูฉิน อย่าทำแบบนี้เลย” ฉู่เฉินรีบหยิบเสื้อผ้าขึ้นมา แล้วอามาคลุมให้ฉินปิงเยว่“คุณฉู่ คุณจะปฏิเสธฉันเหรอ?” ใบหน้าของฉินปิงเยว่เปลี่ยนเป็นสีแดง ขณะที่เธอมองฉู่เฉินอย่างเขินอาย"ไม่ ผม..."“ในเมื่อคุณฉู่ไม่ได้รังเกียจฉัน ตราบใดที่ร่างกายของฉันสามารถช่วยคุณฉู่ได้ ฉัน... ฉันก็เต็มใจ”ฉินปิงเยว่ก้มศีรษะลงและกัดริมฝีปากแน่น กลัวที่จะจ้องเข้าไปในดวงตาของฉู่เฉิน“ยิ่งกว่านั้น ปรมาจารย์ฉู่ ฉันหลงรักคุณตั้งแต่คุณมาที่ตระกูลฉิน หลังจากรู้ว่าคุณหมั้นกับชิงเสว่ ฉันก็เสียใจมาตลอด”“ต่อมาฉันได้ยินมาว่าคุณหย่าง ฉันเลยรู้ว่าฉันมีโอกาส เมื่อกี้ชิงเสว่ก็บอกฉันว่าเธอไม่รังเกียจถ้าจะมีฉันเพิ่มมาอีกสักคนด้วย ดังนั้นฉู่เฉิน ฉันชอบคุณ ฉันชอบคุณมานานมากแล้ว คุณชอบฉันไหม?”ฉินปิงเยว่คว้ามือของฉู่เฉินซึ่งกำลังเอาเสื้อผ้าไว้มาคลุมร่างของเธอ และระบายความรู้สึกของเธอ
“ไสหัวไปซะ!” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและตะโกน สายตาของเขาเย็นชา และเผยจิตสังหารออกมา“อะไร? แกกำลังไล่พวกเรางั้นเรอะ?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็ดูประหลาดใจและสงสัยว่าพวกเขาได้ยินผิด“ไอ้ขี้เหร่ แกกล้าอวดดีขนาดนั้นเลยเหรอ แกเชื่อไหมว่าฉันจะฆ่าแก”ทันใดนั้น ทุกคนก็โกรธฉู่เฉินอย่างมากแม้ว่านี่จะเป็นเมืองหลวง แต่พวกเขาก็เป็นสมาชิกของตระกูลหวัง พวกเขาข่มเหงผู้ที่อ่อนแอและข่มเหงคนหนุ่มสาวเป็นประจำทุกวัน จึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะหยิ่งผยองลำพองใจ พวกเขาคุ้นเคยกับแววตาหวาดกลัวและยอมจำนนของคนอื่น ๆ มาเป็นเวลานานคำพูดของฉู่เฉินทำให้พวกเขาโกรธมาก จนอยากจะถลกหนังเขาและหั่นเขาเป็นชิ้น ๆ!“ฉันจะพูดอีกครั้ง ไปให้พ้น! ไม่เช่นนั้นจะฆ่าอย่างไม่ปราณี!“ สายตาเย็นชาของฉู่เฉินกวาดไปทั่ว เต็มไปด้วยจิตสังหาร“ฆ่าอย่างไม่ปราณี?”“ฮ่า ๆ แกทำให้ฉันขำเป็นบ้า แกคิดว่าแกตัวเองคู่ต่อสู้ของพวกเราได้จริงเหรอ?”ชายหนุ่มหลายคนในชุดสูทมองขึ้นมาและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาของพวกเขาเยาะเย้ย ไม่สนใจเขาเลยฉู่เฉินส่ายหัวและถอนหายใจ คนพวกนี้มีสมองเอาไว้กั้นหูเท่านั้น เขาเพิ่งให้โอกาสพวกเขาไปเมื่อ
……ภายในเมืองหลวงที่คึกคัก บนถนนที่กว้างและราบเรียบกลุ่มบุคคลที่โดดเด่นเดินไปมาในเมือง โดดเด่นเหมือนฝูงนกยูงรำแพนหาง และดึงดูดสายตาที่อยากรู้อยากเห็นมากมายอย่างไรก็ตาม เครื่องแต่งกายของพวกเขาแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง โดยที่เย่ชิงชานสวมชุดสีขาวล้วน ดูบอบบางและงดงามเฉียวหานอวี้สวมชุดยาวสีม่วงแดง แสดงออกถึงท่าทางที่กล้าหาญและมั่นใจหนิงชิงเสว่ที่ยังเยาว์วัยและสวยงามในชุดสีน้ำเงิน ฉู่เหมิงเหยาผู้บริสุทธิ์และสวยงาม อ่อนโยนและเงียบขรึมมีเพียงฉู่เฉินที่สูงใหญ่และสง่างามในชุดสีดำเท่านั้นที่โดดเด่นออกมา ใบหน้าที่คมคายและเฉียบคมของเขาส่งออร่าของความเฉยเมยที่ทำให้เขาดูไม่เข้ากับคนอื่น ๆ“หนุ่มหล่อคนนั้นเป็นใคร? ทำไมเขามากับผู้หญิงมากมายขนาดนั้น?” พฤติกรรมของทั้งกลุ่มดึงดูดความสนใจของบางคนได้อย่างชัดเจนคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่มและหญิงสาว แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหราและเครื่องประดับสีสันสดใส บ่งบอกถึงภูมิหลังครอบครัวมีฐานะ“ผู้ชายคนนั้นดูอ่อนแอมาก แต่ผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ เขาแจ่มเป็นบ้า” คนที่รู้จักฉู่เฉินกระซิบเตือน ไม่เต็มใจที่จะก่อเรื่องฉู่เฉินเดินไปข้างหน้าคนเดียว โดยไม่สนใจคนร
“อืม พวกเราจะไม่ทอดทิ้งนายแน่นอน!”เสียงเจี๊ยวจ๊าวของกลุ่มสาว ๆ ทำให้ฉู่เฉินหมดหนทาง แต่ที่สำคัญกว่านั้น มันทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นขึ้นมา“เสี่ยวซือโถว เมื่อเป็นอย่างนั้น พวกเรามาเตรียมพร้อมกันเถอะ ฉันอยู่เฉย ๆ มาหลายวันแล้ว”เฉียวหานอวี้ถูกำปั้น และกระตือรือร้นที่จะพยายามทำอะไรสักอย่างพี่สาวคนอื่น ๆ ก็ตื่นเต้นเช่นกัน ราวกับว่าพวกเธอเห็นภาพของคนหลายคนที่เข้ามาในเมืองหลวงเป็นกลุ่มสถานการณ์นี้ทำให้ฉู่เฉินตกตะลึง“พี่ ๆ ได้โปรดรอก่อน เรื่องนี้ต้องดำเนินการทีละขั้นตอน และฉันกำลังจะทำสำเร็จในไม่ช้า ยังไม่สายเกินไปที่จะดำเนินการเมื่อฉันทำสำเร็จ และอีกอย่าง... ฉันไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือดของคุณจริง ๆ” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและพูดความเกลียดชังของคน ๆ หนึ่งต้องได้รับการจัดการด้วยตัวเองในที่สุด และไม่ให้พี่ ๆ มาเกี่ยวข้องได้ เพราะพวกเธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลยในเรื่องนี้“จะเป็นอะไรถ้านายไม่ใช่น้องของฉัน? นายเติบโตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกับพวกเราตั้งแต่ยังเด็ก และแม้ว่านายไม่ใช่น้องร่วมสายเลือดของฉัน แต่พวกเราก็ปฏิบัติกับนายเหมือนเป็นน้องชายของพวกเรา”เฉียวหานอวี้เอื้อมมือไปจับแขนเสื้อข
“ประสบการณ์ของฉันก็เรียบง่ายมาก ในกองไฟของสถานรับเลี้ยงเด็ก ฉันได้รับการช่วยเหลือจากชายชราคนหนึ่ง หลังจากนั้น ฉันก็ติดตามชายชราไปฝึกวรยุทธ หลังจากประสบความสำเร็จในการฝึกฝน ฉันก็ออกมาเพื่อล้างแค้นให้กับคุณปู่ผู้อำนวยการและทุก ๆ คน ฉันได้ติดตามเบาะแสทีละขั้นตอนไปจนถึงเมืองหลวง และนั่นคือทั้งหมด”ฉู่เฉินกางมือออกกว้าง แสดงให้เห็นว่าพูดจบแล้ว“แค่นั้นหรือ ไม่มีอะไรเลยเหรอ? เสี่ยวซือโถว นายปฏิบัติกับเราเหมือนคนนอกและปฏิเสธที่จะบอกความจริงกับเรา”เฉียวหานอวี้พูดขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนหน้านี้ เหล่าพี่สาวได้ใช้สายตากดดัน โดยหวังจะเกลี้ยกล่อมให้ฉู่เฉินเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม แต่คิดไม่ถึงว่า ฉู่เฉินจะพูดเพียงไม่กี่คำพวกเธอรู้สึกเหมือนว่าแผนของพวกเธอล้มเหลว“เสี่ยวซือโถว ถ้านายไม่พูด พวกเราก็รู้กันดี แล้วก็รู้ว่าตระกูลฉู่ เป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงในอดีต เป็นตระกูลเดิมของนาย นายตั้งใจไม่บอกความจริงกับพวกเรา เพราะไม่อยากทำให้พวกเราต้องเดือดร้อนใช่ไหม? ”หลินอีนัวจ้องมองฉู่เฉินและพูด“ถ้าไม่เคยรู้มาก่อน ก็คงจะดีกว่า เพราะถ้ารู้แล้ว แต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย และจะกลายเป็นภาระสำ
ในคฤหาสน์หนานหวาง มีเสียงหัวเราะดังครึกครื้น พี่สาวทั้งห้าคนมารวมตัวกันและสนุกสนานกัน ฉู่เฉินก็สนุกเช่นกัน ในขณะนี้ คนทั้งหกคนอยู่ในลานบ้าน ชิมอาหารที่ฉู่เหมิงเหยานำมา และพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขาเริ่มจากพี่สาม เฉียวหานอวี้ เธอได้พบกับหมอเทวดาหลี่ซ่างได้อย่างไร ทำไมถึงได้รับเป็นลูกศิษย์ได้ ทักษะทางการแพทย์ของเธอพัฒนาขึ้นอย่างไรหลังจากนั้น เธอช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างไรบ้าง เธอได้พบกับฉู่เฉินตอนไหน แล้วอะไรทำให้จดจำกันได้ และพูดถึงทุกอย่างอย่างละเอียด“ดังนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะน้องเจ็ดความจำเสื่อม พี่สามคงจะไม่ได้เจอเรา”หลังจากฟัง หลินอีนัวก็ถอนหายใจ“ใช่แล้ว พูดได้แค่ว่าโชคชะตาเล่นตลกกับผู้คน โอเค ฉันพูดจบแล้ว ถึงตาเธอแล้วนะ น้องห้า”เฉียวหานอวี้ส่งต่อบทสนทนาไปยังหลินอีนัวหลินอีนัว ก็ไม่ได้ปิดบังอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกตระกูลหลินพาตัวไป เข้าสู่วงการบันเทิงได้อย่างไร พบกับฉู่เฉินตอนไหน ทำไมถึงมาแสดงหนังร่วมกันอีก และสุดท้ายทำอีท่าไหนถึงเข้าร่วมนิกายเมียวหยินได้หลังจากที่หลินอีนัว พูดจบ พี่สาวหลายคนก็ถอนหายใจว่าประสบการณ์ของหลินอีนัวนั้นค่อนข้างทรหด จากนั้นพวกเธอก็
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ” เย่ชิงชาน หลินอีนัว และเฉียวหานอวี้ขึ้นรถคันที่สองไปแล้วด้วยความมึนงงชั่วขณะเมื่อเห็นเช่นนี้ หนิงชิงเสว่จึงรีบเข้าไปดึงฉู่เฉินอย่างสบาย ๆ“เสี่ยวซือโถว มานั่งด้วยกันเถอะ”“อืม”ฉู่เฉินตอบกลับ แล้วขึ้นรถที่อยู่ข้างหน้าเขา“ไปกันได้แล้ว” เมื่อมองไปที่เยว่ฟู่หลงที่ยังคงจ้องมองเขาอย่างซื่อบื้อ ฉู่เฉินก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูด“โอเค อาจารย์”เยว่ฟู่หลงเหยียบคันเร่งและรถออฟโรดสีดำ ก็พุ่งออกไปเหมือนสัตว์ร้ายที่คำรามภายในสนามบินเมืองหลวงฉู่เหมิงเหยาลงจากเครื่องบิน หยิบสัมภาระของเธอ และเห็นฉู่เฉินรออยู่ที่นั่น ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉู่เฉินคือผู้หญิงที่สวยงามสี่คน“พี่หก ทางนี้”ก่อนที่ฉู่เฉินจะพูด หนิงชิงเสว่ก็ตะโกนออกไปอันที่จริง แม้ว่าหนิงชิงเสว่จะไม่ตะโกน แต่ฉู่เหมิงเหยาก็คงจะเห็นแล้วเธอก้าวเท้าและเดินไปข้างหน้าเมื่อรู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับพี่สาวคนอื่น ๆ ฉู่เฉินกังวลว่าอาจจะเกิดความอึดอัด ฉู่เฉินจึงรีบแนะนำทุกคนทันที“พี่หก นี่คือพี่สาม เฉียวหานอวี้ ศิษย์โดยตรงของหมอเทวดา หลี่ซ่าง นี่คือพี่สี่ หลินอี้นัว ศิษย์สายตรงของหัวหน้านิกายเมียวห
“แกเป็นใคร?” จ้าวฟางเซียงถามโดยไม่รู้ตัว“ฉันชื่อฉู่เฉิน”เดิมทีฉู่เฉินคิดว่าในฐานะสมาชิกตระกูลจ้าวในเมืองหลวง จ้าวฟางเซียงต้องเคยได้ยินชื่อเขามาบ้าง และเมื่อรู้ว่าเป็นเขา อีกฝ่ายก็จะยับยั้งชั่งใจตัวเองได้บ้างโดยไม่คาดคิด หลังจากพูดชื่อของเขา จ้าวฟางเซียงก็หัวเราะออกมา“ฉันไม่สนใจว่าแกเป็นใคร ก็แค่ไอ้หน้าอ่อน แกยังกล้าประกาศชื่อของแกต่อหน้าฉัน มั่นหน้ามั่นโหนกจริง ๆ แต่น่าเสียดาย เมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน จ้าวฟางเซียง แกไม่ได้มีโอกาสที่จะหยิ่งยโส แก….”จ้าวฟางเซียงยังคงพูดไม่หยุดเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าชายชราที่ยืนอยู่ข้างหลังจ้าวฟางเซียงในตอนแรก มีสีหน้าหวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อของฉู่เฉินจริง ๆ แล้วเขาคือฉู่เฉิน ฉู่เฉินผู้ทำลายล้างตระกูลฉินเพียงลำพัง!ในบรรดาตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ฉู่เฉินกลายเป็นสิ่งต้องห้าม โดยเฉพาะในหมู่ผู้ที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับตระกูลฉู่ชายชราเดินไปหาจ้าวฟางเซียงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ขัดจังหวะการพูดของเขา และกระซิบที่หูของเขา“นายน้อย เขาคือฉู่ซวนหวู่ ฉู่ซวนหวู่ที่ฆ่าล้างบางตระกูลฉิน!”เมื่อได้ยินแล้วจ้าวฟางเซียงก็รู้ว่าฉู่เฉินเป็นใครไม่น่าแปลกใจ ที่จะฟังดู
เมื่อได้ยินเยว่ฟู่หลงกับเว่ยอิงลั่ว เรียกตัวเองเช่นนี้สำหรับหนิงชิงเสว่นั้นไม่เป็นไร เพราะยังไงฉันก็เคยได้ยินคำพูดที่สนิทสนมกว่านี้มาก่อนคนที่เหลืออีกสามคน ไม่ว่าจะเป็นเย่ชิงชาน หลินอีนัว หรือเฉียวหานอวี้ต่างก็หน้าแดงแจ๋ฉู่เฉินพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว“พี่สาว อย่าไปสนใจพวกเขา พวกเขาเคยพูดจาไร้สาระ ไปคุยกันต่อบนรถดีกว่า”“อืม”ทั้งสามคนไม่คัดค้าน แต่ทุกคนรีบวิ่งไปที่รถที่อยู่ข้างหลังพวกเขา“หยุด!”เสียงเย็นชาดังขึ้น ทำให้ฉู่เฉินหยุดชะงัก ร่างหนึ่งก้าวมาข้างหน้าเฉียวหานหยู่ ขวางทางของเธอฉู่เฉินเดินเข้าไปและมองไปที่ชายคนนั้น“พี่สาม คุณรู้จักเขาไหม?”“ไม่รู้จักเลย” เฉียวหานอวี้ตอบพร้อมเอียงหัวอย่างไม่ใส่ใจ“งั้นก็อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ขึ้นรถกันเถอะ”ฉู่เฉินจับมือเธอเบา ๆ ช่วยประคองเธอขึ้นรถ ขณะที่เขาเปิดประตูค้างไว้การเห็นตัวเองถูกเมินอย่างซึ่ง ๆ หน้า ถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับจ้าวฟางเซียง เขาไม่เพียงแต่เคยคิดจะใช้เงินห้าสิบล้านหยวนเพื่อเอาชนะใจเธอเท่านั้น แต่ตอนนี้เขากลับถูกเมินอย่างสิ้นเชิง และที่แย่ไปกว่านั้น ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าและหล่อกว่าคนนี้ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอี
“คุณหนูเฉียว คุณจะไปไหน ฉันจะพาคุณไปส่งเอง”จ้าวฟางเซียงไม่รู้ว่า มั่นหน้ามั่นโหนกมาจากไหน จึงเอื้อมมือไปหามือหยกอันบอบบางของเฉียวหานอวี้ เพื่อจับมือเธอเฉียวหานอวี้เบี่ยงตัวและหลบไป“นายจะทำอะไร?”“เฮ้ ๆ ทำอะไรอยู่ เป็นเรื่องปกติที่ฉันจะไปส่งคุณกลับบ้าน ไม่ใช่แค่คุณเท่านั้น แต่รวมถึงพวกคุณทุกคนด้วย”เมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้สามารถหลบมือของตัวเอง ได้อย่างง่ายดายจ้าวฟางเซียงไม่ได้สนใจ และยื่นมือเของเขาออกไปอีกครั้ง“นายบ้าไปแล้วหรือไง ตอนกลางวันแสก ๆ ฉันสามารถแจ้งความอนาจารนายได้!”เฉียวหานอวี้หลบอีกครั้งและพูดจาเย็นชา“บอกฉันสิ? ดูเหมือนว่าคุณยังไม่เข้าใจน้ำหนักของคำว่าตระกูลจ้าวแห่งเมืองหลวง ใครในเมืองนี้ที่กล้าเข้ามายุ่งกับฉัน จ้าวฟางเซียง!”จ้าวฟางเซียงพูดจาเย่อหยิ่งเมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้หลบได้อีกครั้ง จ้าวฟางเซียงก็รู้ว่า แม้เขาจะโง่แต่ผู้หญิงคนนี้คือวรยุทธ ถึงจะไม่สามารถรับรู้ระดับวรยุทธของผู้หญิงคนนี้ได้ แต่ระดับวรยุทธของเธอก็อาจจะเท่ากับเขา คาดว่าผู้หญิงคนนี้ได้ฝึกฝนวิชามาเหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงหลบเลี่ยงเขาได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลังจากเข้าใจแล้ว จ้าวฟางเซียงก็พูดอย่