ด้วยความช่วยเหลือจากปรมาจารย์เหยาปิงชู่ระดับสูง ฉู่เฉินไม่เพียงแต่กลับมาที่หนานจิงภายในหนึ่งวันเท่านั้น แต่ยังมาถึงทันเวลารับประทานอาหารเย็นกับป้าหลานอีกด้วยฉู่เฉินไม่ได้พูดถึงอะไรเกี่ยวกับการท้าประลองกับป้าหลาน เพราะไม่อยากทำให้เธอกังวลหลังจากพูดกับป้าหลานเกี่ยวกับเรื่องของพวกพี่สาว ฉู่เฉินไปหาฉู่เซี่ยงตง เพื่ออธิบายสถานการณ์ทุกอย่าง จากนั้น ฉู่เฉินจึงตามเหยาปิงชู่ไปที่นิกายแพทย์ขณะที่มุ่งหน้าไปทางใต้ พวกเขาทั้งสามหยุด และปรากฏตัวขึ้นเป็นเส้นทางบนภูเขาที่ทอดยาว พื้นที่นี้ถูกทิ้งร้าง ฉู่เฉินกำลังคิดเกี่ยวกับที่ตั้งของนิกายแพทย์ซวนเทียนจากนั้นก็เห็นผู้เฒ่าเหยาขว้างตราประจำตัวออกไปในอากาศตราที่มีคำว่า "ยา" ลอยขึ้นไปในอากาศ และเกิดระลอกคลื่นบนท้องฟ้า จากนั้นประตูมิติก็ปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ พร้อมด้วยคลื่นแรงดัน“นี่คือประตูทางเข้านิกายแพทย์ หากไม่มีตรานำทาง แม้แต่คนที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่หานิกายแพทย์เจอได้” ผู้เฒ่าเหยาพูดภาคภูมิใจ และก้าวเท้าเข้าไปในประตูฉู่เฉินเห็นอย่างนั้น ก็เดินตามฮวาหลางเยว่เข้าไปในประตูทันใดนั้น เหมือนโลกกำลังหมุน ฉู่เฉินจึงหลับตาลงตามสัญชาตญาณเมื่อลืมต
“สถานะของผู้เฒ่าเหยาในนิกายแพทย์คืออะไร?” ฉู่เฉินคิดว่าดูเหมือนว่า ตอนนี้เขากำลังเข้าใจผิด เพราะคิดว่าเหยาปิงชู่เป็นผู้นำของนิกายแพทย์ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ใช่“จะพูดยังไงดีอ่ะ อาจารย์ถือได้ว่าเป็นทูตของนิกายแพทย์ที่สามารถออกไปท่องในโลกภายนอก เหล่าผู้เอาวุโสไม่สนใจและการดำเนินการทั้งหมดอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของอาจารย์ แต่เขาไม่ใช่ผู้นำนิกาย เพราะนิกายแพทย์ซวนเทียนไม่มีผู้นำ” ฮวาหลางเยว่ลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ปิดบังความจริงเมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉู่เฉินก็รู้สึกครุ่นคิด ผู้เฒ่าเหยาเป็นเพียงคนที่คอยจัดแจงความเรียบร้อย และยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะทำตามที่สัญญาเอาไว้ได้จริงหรือไม่เพราะเขามาที่นี่แล้ว จึงทำได้แค่ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปและเดินตามฮวาหลางเยว่ไป ทั้งสองเดินอย่างเงียบๆ ฉู่เฉินไม่เข้าอะไรสักอย่าง และไม่ต้องการที่จะพูดด้วย ขณะที่ฮวาหลางเยว่ดูคิดมาก บางทีอาจคิดถึงตำแหน่งที่น่าอึดอัดใจของอาจารย์ของเขาในนิกาย เรื่องทำให้ฮวาหลางเยว่เงียบลงเช่นกันเดินไปตามเส้นทางหินสีฟ้า และไม่นานก็ถึงไหล่เขามีศาลาเล็กๆ มากมายที่นี่ ล้อมรอบด้วยต้นไม้โบราณ ให้ความรู้สึกถึงกลิ่นอายแห่งประวัติ
ณ ห้องโถงใหญ่ของนิกายแพทย์ มีการถกเถียงกันอย่างดุเดือดในหมู่ผู้เฒ่าคนที่นำการสนทนาคือชายชราผมขาวและใบหน้าอ่อนเยาว์ ซึ่งกำลังจ้องไปที่เหยาปิงชู่และพูดว่า: "ผู้เฒ่าเหยา ฉันเข้าใจว่าคุณทำงานหนักเพื่อนิกายของเรา และการดึงปรมาจารย์ด้านโอสถมาจากภายนอกก็เป็นวิธีหนึ่ง แต่ คนนอกนั้นไม่น่าเชื่อถือได้เท่ากับคนของพวกเราเอง คุณรู้ไหมว่าลูกศิษย์ของฉันได้ปรุงยาเม็ดระดับ 7 สำเร็จแล้ว หากให้เวลาอีกสักหน่อย เขาจะกลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุได้อย่างแน่นอน”“ฮึ่ม แค่เม็ดยาระดับ 7 เท่านั้นจะต้องพูดถึงด้วยหรือ? เม็ดยาระดับ 7 มีใครในหมู่พวกเราที่นี่ไม่สามารถปรุงออกมาได้บ้าง? และมีใครบ้างที่กล้าเรียกตัวเองปรมาจารย์ด้านโอสถเพราะเรื่องนั้น ผู้เฒ่าหลิว การที่จะถูกเรียกว่าปรมาจารย์ด้านโอสถได้ จะต้องสามารถสกัดยาเม็ดระดับ 6 ได้เป็นอย่างน้อย" เหยาปิงชู่ตอบกลับอย่างเหน็บแนม เมื่อเห็นผู้เฒ่าหลิวออกหน้าพูดชมเชยลูกศิษย์ของตัวเอง“แน่นอน ผู้ที่สามารถปรุงยาตั้งแต่ระดับ 9 ถึงระดับ 7 สามารถเรียกได้ว่าเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ แต่ผู้ที่สามารถปรุงยาตั้งแต่ระดับ 6 ถึงระดับ 4 เท่านั้นจึงจะเรียกว่าปรมาจารย์ด้านโอสถ ส่วนที่อยู่เหน
“นี่มันอะไรกัน? ผู้เฒ่าหลิว คุณกำลังวางแผนที่จะกดดันฉันด้วยวรยุทธของคุณเหรอ? เพราะคุณเถียงไม่ทันงั้นเรอะ?” เหยาปิงชูก็ยากที่จะรับมือแรงกดดันนี้ขณะที่ทั้งสองกำลังจะเผชิญหน้ากันเห็นเด็กคนหนึ่งเดินเข้ามา และเมื่อเด็กเข้าไปในห้องโถง แรงกดดันก็หายไปทุกคนหันไปมองเด็กน้อยนั่น และใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไป จากนั้นก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อคำนับ“คารวะผู้เฒ่าสูงสุด!”“ผู้เฒ่าสูงสุด ทำไมท่านถึงออกมาด้วย?”เด็กน้อยนั่นคือผู้เฒ่าสูงสุดของนิกายแพทย์ซวนเทียน“ไม่จำเป็นต้องสุภาพหรอก สหายเต๋าทุกท่าน ถ้าฉันไม่ออกมา คุณสองคนคงจะทำลายห้องโถงของนิกายแพทย์ไปแล้ว ผู้เฒ่าเหยา ผู้เฒ่าหลิว พวกคุณทั้งสองคนก็เหมือนกัน พวกคุณแก่จนหัวหงอกขนาดนี้แล้ว ยังเอาแต่ทะเลาะกันเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก มิตรภาพที่ยาวนานของพวกคุณมีค่าแค่นี้เหรอ?” เสียงที่มาจากร่างเด็กคนนั้น เป็นเสียงของชายแก่“ผู้เฒ่าเฟิงหยู่ คุณต้องสนับสนุนเฟยไป๋ คุณดูเฟยไป๋เติบโตขึ้นและคุ้นเคยพรสวรรค์ของเขาเป็นอย่างดี สิ่งที่เขาต้องการคือเวลาอีกสักหน่อยในการเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุอย่างแท้จริง เหยาปิงชูกลับพาคนนอกกลับที่นิกาย ถือเป็นไม่รักษาน้ำใจของเฟยไป๋
ขณะที่หันหลังกลับมา ใบหน้าสีดำสนิทก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของหลิวจื่อช่าง จากนั้นหลิวจื่อช่างเห็นว่ารอบๆ ศิษย์พี่มีเตาปรุงยาหลายใบที่แตกกระจัดกระจายอยู่แน่นอนว่าการเล่นแร่แปรธาตุของศิษย์พี่ล้มเหลวอีกครั้งรู้สึกอายที่ต้องให้หลิวจื่อช่างเห็นภาพของความล้มเหลว ศิษย์พี่ใหญ่ค่อยๆ ถามออกมาว่า "ศิษย์น้องหลิว ทำไมนายถึงมาที่นี่แทนที่จะฝึกวรยุทธในศาลาของตัวเองล่ะ?"หลิวจื่อช่างรีบเบี่ยงเบนสายตาอย่างรวดเร็วและตอบ: "ศิษย์พี่ ฉันมาเพื่อบอกแจ้งข่าวให้คุณโดยเฉพาะ"“ว่ามา”“ผู้เฒ่าเหยาพานักเล่นแร่แปรธาตุกลับมาจากข้างนอกนั่น”“อะไรนะ ล้อเล่นไหม?”“จริงแน่นอน ฉันเห็นคนๆ นั้นมากับตาตัวเองเลย ตอนนี้คนนั่นยังอยู่กับลูกศิษย์ไร้ประโยชน์ของผู้เฒ่าเหยา”เมื่อได้ยินการยืนยัน ท่าทางของเฟยไป๋ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แค่ยิ้มตอบ: "เอาล่ะ ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณสำหรับข้อมูล ศิษย์น้อง"“อืม ศิษย์พี่ งั้นคุณทำธุระของคุณต่อเถอะ”หลังจากที่หลิวจื่อช่างออกจากถ้ำและเดินออกไปไกลแล้ว สีหน้าของเฟยไป๋ก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด และมองดูเตาหลอมที่แตกกระจายบนพื้น ความโกรธก็พลุ่งพล่านและเตะเตาปรุงยากระเด็นลอยออกไป“ฮึ่ม ผู้เฒ่าเหยา
“นายไม่รู้จริงๆเหรอว่ากำลังพูดกับใครอยู่?” เฟยไป๋ถามด้วยความโกรธ และปล่อยรัศมีระดับมหากาฬกดดันใส่ฉู่เฉินฉู่เฉินสัมผัสได้เล็กน้อย นี่เป็นเพียงขั้นสามของระดับมหากาฬ รัศมีพุ่งไปใส่ใบหน้านั้น ถูกฉู่เฉินเพิกเฉยใส่และเผยแววตาเย็นชา “ฉันรู้ คุณบอกว่าคุณชื่อเฟยไป๋ใช่ไหม ยังมีธุระอะไรอีกไหม ถ้าไม่มีก็ออกไป ฉันจะไปฝึกต่อ”เฟยไป๋รู้สึกโมโหกับคำพูดของฉู่เฉิน แต่ไม่รู้ว่าจะตอบโต้อย่างไร ความโกรธของเขานั้นเกือบจะทำให้กระอักเลือดออกมา แต่เขาก็ไม่ได้สูญเสียความนิ่งสงบไป หากรัศมีไม่มีผล ก็มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว: วรยุทธของคนคนนี้สูงกว่าของตัวเขาเองเฟยไป๋รู้สึกหงุดหงิด ถ้าไม่ใช่เพราะหลายปีที่ผ่านมา เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจไปกับการฝึกฝนการเล่นแร่แปรธาตุ วรยุทธของเขาคงไม่อ่อนแอขนาดนี้เมื่อรู้ว่ามีแต่จะทำให้ตัวเองอับอายมากยิ่งขึ้นไปอีก หากอยู่ต่อไปเฟยไป๋ก็จากไปด้วยสีหน้าที่มืดมนในเมื่อเตือนแกแล้วไม่ฟัง ก็อย่าตำหนิฉันที่ไม่เมตตาแกจะมีชีวิตอยู่ไม่ถึงวันที่แกเข้าร่วมการแข่งขันปรุงยา……ขณะที่ฉู่เฉินกำลังจะปิดหน้าต่าง ก็สังเกตเห็นร่างของเด็กที่อยู่ด้านหลังเฟยไป๋อยู่ไม่ไกล!ก่อนหน้านี้ทั้งฉู่
บริเวณนี้ถูกคลายผนึกตั้งแต่เมื่อไหร่?ฉู่เฉินตระหนักได้ว่าตัวเองที่เป็นเจ้าเหนือหัวเมืองลับแลมังกรที่ล้มเหลว ตอนที่เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในเมืองลับแลมังกร แต่ฉู่เฉินกลับไม่ได้สังเกตเห็นเลยด้วยความคิด ร่างของเขาก็ปรากฏขึ้นในบริเวณนั้นที่นี่เป็นผืนน้ำที่เหมือนกระจกใส มีหมอกหนาทึบฉู่เฉินตะโกนเสียงดัง“ผู้อาวุโส ผมรู้ว่าคุณอยู่ที่นี่ ออกมาเถอะ ผมชื่อฉู่เฉิน และตอนนี้ผมเป็นเจ้าเหนือหัวของเมืองลับแลมังกร!”บางทีการแนะนำตัวเองของฉู่เฉินอาจได้ผล เกิดแสงและเงามารวมตัวกันตรงหน้าเขา และค่อยๆ กลายร่างเป็นชายสูงอายุที่หลังงอและเอวห้อยน้ำเต้า“เจ้าหนู มีระดับวรยุทธกระจอกอย่างนี้ ยังกล้าเสนอหน้ามาเรียกฉันอีก ไม่กลัวว่าฉันจะฆ่าแกด้วยการสะบัดมือเหรอ?” ชายชราจ้องมาที่ฉู่เฉินครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดออกมา“ผู้อาวุโส ถ้าท่านต้องการฆ่าผมจริงๆ ท่านคงไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าผมเช่นนี้หรอก” ฉู่เฉินยิ้ม“ฮึ่ม เจ้าหนู ถ้ายังฉลาดอยู่บ้าง ก็ปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นฉันจะฆ่าแกจริงๆ” ผู้อาวุโสพูดอย่างเย็นชา และไม่ละสายตาไปจากฉู่เฉิน“ผู้อาวุโส ไม่ใช่ว่าฉันไม่ต้องการปล่อยท่านออกไป แต่ระดับวรยุทธของผมต่ำเกินไ
“คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นเซียนวรยุทธ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ผมพ่ายแพ้ในทันที และมองไม่เห็นเขาลงมือเลยด้วยซ้ำ”“ฮึ่ม ด้วยพลังในปัจจุบันของนาย ถ้าฉันต้องการฆ่านายจริงๆ แล้วจุดจบก็เหมือนกัน นายคิดว่าเพราะฉันลดระดับวรยุทธเพื่อมาเป็นคู่ต่อสู้ให้ เลยคิดว่าสามารถเทียบกระดูกกับฉันได้?” จวินหวู่หมิงเยาะเย้ย"ก็ใช่" ฉู่เฉินลูบหัวอย่างเขินอายและพูดต่อ “แต่ในเมื่อเป็นเซียนวรยุทธ ทำไมเขาถึงเพิ่งมาคลายผนึกเอาในเวลานี้ด้วย?”จวินหวู่หมิงครุ่นคิดอยู่ก่อน ที่จะตอบ: “นี่อาจจะเกี่ยวข้องกับเซียนวรยุทธ นายเพิ่งเจอไปเมื่อกี้ก็ได้ บางทีการปรากฏตัวของเซียนวรยุทธคนอื่นนั้น ไปกระตุ้นมันเข้า”คำอธิบายนั้นดูสมเหตุสมผลฉู่เฉินกำลังคิดเช่นนั้น จู่ๆ น้ำเสียงของจวินหวู่หมิงก็เปลี่ยนไป"อย่างไรก็ตาม ยังมีข่าวลืออีกว่าเซียนวรยุทธ เหยาหลิงเฉินมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับนิกายแพทย์ซวนเทียน"“คุณหมายถึงว่าที่คลายผนึกพลังนั่น อาจเพราะเขาสัมผัสได้ถึงตัวตนที่คุ้นเคย?” ฉู่เฉินถาม“ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นสักหน่อย เป็นแค่การคาดเดาเท่านั้น”“ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ คงจะได้รู้กันเร็วๆ นี้”ฉู่เฉินพูดจบ ร่างก็วิบวับ จากนั้นก็ปราก