หลังจากที่ฉู่เฉินเข้ามาในห้องแล้ว ก็สั่งให้คนนำนำเครื่องครัวหม้อ และกระทะเข้ามาการเดินทางไปจิงโจวครั้งนี้ เขาประสบความสำเร็จในการค้นพบโสมโลหิตดร้อยปีและดอกเทียนหลิง ถัดไปก็คือปรุงยาปลุกชีพผลข้างเคียงที่เกิดจากร่างกายหนาวเหน็บของพี่สาวคนหกนั้น สามารถขจัดออกจนหมดได้ด้วยยาปลีพเท่านั้นเนื่องจากไม่มีเตาสำหรับการเล่นแร่แปรธาตุ เขาจึงต้องใช้หม้อและกระทะแทนแม้ว่าวิธีนี้จะมีประสิทธิภาพน้อยกว่า แต่ก็ยังสามารถประยุกต์ใช้นำมาปรุงยาได้เมื่อนำโสมโลหิตร้อยปีและดอกหลิงเทียนออกมา ก็เปิดเตาแม่เหล็กไฟฟ้าเตาแม่เหล็กไฟฟ้าไม่มีผลต่อการเล่นแร่แปรธาตุ มีเพียงแต่ให้ความร้อนเท่านั้น ผลของการเล่นแร่แปรธาตุที่แท้จริงนั้นมาจากกำลังภายในของร่างกายฉู่เฉินเขาไม่แม้แต่จะไม่ลังเล ใส่ส่วนผสมของยาปลุกชีพลงในหม้อตามลำดับที่ระบุไว้เอาในสูตรยาเมื่อหม้อเริ่มร้อน จากนั้นไม่นานส่วนผสมเหล่านี้ก็ถูกต้มจนละลายหมด กลิ่นหอมของยาเข้มข้นหอมฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งห้องในระหว่างนี้ พลังภายในจากร่างกายฉู่เฉินจะถ่ายทอดอย่างต่อเนื่องกับไปสู่ยาน้ำนี้เขาต้องกำจัดสิ่งสกปรกออกจากของเหลว ทำให้มันมีคุณสมบัติของยาบริสุทธิ์มากยิ่ง
เธอซึ่งเป็นพี่หก มองดูเขาอย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรกในรอบสิบสองปี ต้องบอกว่าหนุ่มน้อยคนนี้ค่อนข้างหน้าตาหล่อเหลายิ่งกว่าพวดดาราหนุ่มในทีวีเสียอีก และที่สำคัญคือไม่สูญเสียความเป็นชายชาตรีสงสัยว่าผู้หญิงคนไหนกัน ที่จะโชคดีที่จะได้อยู่กับเขาในอนาคตฉู่เมิ่งเหยาพึมพำกับตัวเองทันใดนั้นราวกับว่าเธอนึกอะไรบางอย่างได้ แก้มก็แดงระเรื่อเพราะตอนที่พวกเธอยังเด็ก พี่สาวทั้งเจ็ดรวมถึงตัวเธอเองต่างก็โวยวายว่า ถ้าโตมาพวกเธอจะแต่งงานกับฉู่เฉินและให้กำเนิดลูกมากมายแก่เขาในเวลานั้นจะเป็นเพียงการพูดเล่นกันแบบเด็ก ๆ โดยไม่เข้าใจความหมายก็ตามเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ มันทำให้หัวใจของฉู่เมิ่งเหยากลับเต้นแรงจนควบคุมไม่ได้เธอจ้องไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของฉู่เฉิน จากนั้นก็ก้มศีรษะลง ริมฝีปากสีแดงเย้ายวนของเธอแทบจะสัมผัสกับใบหน้าของฉู่เฉินตอนนั้นเอง ฉู่เฉินก็ลืมตาขึ้นทันทีการเคลื่อนไหวของฉู่เมิ่งเหยาก็แข็งนิ่งเหมือนหินทันทีรดวงตาของพวกเขาประสานกันแก้มของฉู่เมิ่งเหยาเปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีเหมือนกับมะเขือเทศสีแดง และหัวใจของเธอก็เต้นรัวแทบจะหลุดออกมาม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไป เธอกลับเห็นฉู่เฉินหลับตาลงอ
ตอนที่ทุกคนได้ยินเสียงก็เดินออกจากคฤหาสน์ เห็นรถจี๊ปทหาร 2 คันจอดอยู่ที่ทางเข้าหน้าคฤหาสน์หน้ารถจี๊ปมีชายฉกรรจ์สองสามคนเดินนำหน้าชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งกำลังตะโกนโหวกเหวกอยู่ในขณะนี้เมื่อเห็นชายหนุ่ม ใบหน้าที่สวยงามของฉู่เมิ่งเหยาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา“คุณฉู่ พวกเขา…” แม่บ้านเฉินเหมยหรูมองไปที่ฉู่เฉินราวกับเห็นผู้ช่วยชีวิต“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณอีกแล้วครับ”ฉู่เฉินส่ายหัวก่อนหันไปหาชายหนุ่ม: "นายเป็นใครกัน? นายไม่รู้เหรอว่าไม่มีสิทธิ์มาก่อความวุ่นวายหน้าคนอื่น"“ไอ้หนู แกคิดว่าตัวเองป็นใครถึงต้องรู้ว่าฉันคือใคร?”ชายหนุ่มยิ้มอย่างเหยียดหยามก่อน หันไปมองฉู่เมิ่งเหยาที่อยู่ข้างหลังเขา: "ฉู่เมิ่งเหยา เธอคิดว่าซ่อนตัวจากฉันจะได้ผลเหรอ? รีบตามฉันกลับไปเพื่อแต่งงานกันเถอะ"ฉู่เมิ่งเหยาตัวแข็งทื่อแล้วพูดตอบกลับอย่างเย็นชา: "หานเล่ย ฉันไม่เคยตอบตกลงที่จะแต่งงานกับนายเลย ตอนที่ฉันยืมตะกรุดเสือจากพ่อนาย ฉันแค่บอกว่าจะพิจารณานายดู""ไร้สาระ!"ชายหนุ่มชื่อหานเล่ยโต้กลับอย่างฉุนเฉียว: "ฉันไม่ต้องการโอกาสบ้าๆ ฉันแค่อยากแต่งงานกับเธอ!"“รออะไรกันอยู่ล่ะ? พาคุณหนูฉู่กลับไป”เขาโบกมือให้ชาย
“ไอ้เวร พ่อของฉันคือนายพลหานนะ แกลงไม้ลงมือกับฉันไม่ได้…”แม้จะอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ แต่เขาก็ยังคงขมขู่ออกมาฉู่เฉินมองลงมาจากด้านบนแล้วพูดว่า: "ไม่สำคัญหรอกว่าพ่อของแกจะเป็นนายพลหานหรือใคร แม้แต่จะเป็นเง็กเซียนฮ่องเต้ก็ตาม ไม่สามารถจะรังแกคนของฉัน ฉู่เฉินคนนี้ได้!"เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉู่เมิ่งเหยาอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ในใจก็รู้สึกอบอุ่นเป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่เธอไม่เคยพบกับความรู้สึกได้รับการปกป้องเช่นนี้ฉู่เฉินพูดต่อ: "ตอนนี้ ฉันให้โอกาสแกขอโทษพี่หกของฉัน ตราบใดที่เธอให้อภัยแก ชีวิตเล็กๆ ของแกก็จะได้รับการอโหสิกรรม"“แกอย่าอวด…”ก่อนที่หานเล่ยจะพูดจบประโยค ชายฉกรรจ์คนหนึงรีบเอามือปิดปากของเขา: "นายน้อย ในถิ่นของคนอื่นแบบนี้ คุณยอมขอโทษเถอะครับ"“ใช่ครับนายน้อย คุณมีสถานะสูงส่ง ทำไมคุณถึงลดระดับตัวเองลงมาไปคลุกโคลนกับเขาครับ?”ชายฉกรรจ์คนอื่น ๆ ก็โน้มน้าวให้เขาขอโทษเช่นกันความหยิ่งพยองของหานเล่ยถูกฉู่เฉินบดขยี้อย่างย่อยยับ ทำได้เพียงมองไปที่ฉู่เมิ่งเหยาและพูดอย่างไม่เต็มใจ: "ขอโทษ!"“พี่หก พี่ได้ยินไหม?” ฉู่เฉินถาม“ไม่” ฉู่เมิ่งเหยาส่ายหัวฉู่เฉินตะคอกเสียงดีง: “ดังกว
เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่เมิ่งเหยา คนอื่นๆ ก็มองไปที่ฉู่เฉินอย่างนึกสงสัยฉู่เฉินยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ผมก็มีวิธีของผมน่ะ”ไม่นานหลังจากที่หานเล่ยจากไป ฉู่เมิ่งเหยาก็ได้รับสายเรียกเข้าโทรศัพท์เธอมองดูหมายเลขที่โทรเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและพูดว่า "สายจากหานฉินหู่ ผู้บัญชาการทหารแห่งไห่ซี ดูเหมือนว่าหานเล่ยจะไปฟ้องเขาแล้ว"“รับสาย!” ฉู่เฉินพูดฉู่เมิ่งเหยาสูดหายใจเข้าลึก ๆ และรับสายในที่สุดหลังจากวางสาย เธอพูดด้วยหน้าซีดเซียว "หานฉินหู่ต้องการให้ฉันขอโทษหานเล่ยที่ค่ายทหารไห่ซี ภายในสามวัน ไม่เช่นนั้นจะไม่รับประกันผลที่ตามมา!"เมื่อเธอพูดจบ ท่าทางของทุกคนก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงสิ่งที่กลัวได้เกิดขึ้นแล้วจริงๆมีเพียงฉู่เฉินเท่านั้นที่ยังคงสงบและพูดว่า "พี่หก ไม่ต้องกลัวนะ หลังจากสามวันนี้ผมจะไปกับพี่ที่ ไห่ซีเอง ผมอยากจะเห็นเหมือนกันว่าอะไรทำให้ผู้บัญชาการทหารแห่งไห่ซีคนนี้ กล้าที่จะรังแกคนของฉู่เฉินคนนี้"ฉันเป็นคนของฉู่เฉิน?เมื่อได้ยินเข้าแก้มของฉู่เมิ่งเหยาก็แดงขึ้นมา เธอพยักหน้าตามหลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันไปแล้ว ฉู่เฉินพูดกับป้าหลานและฉินปิงเยว่ว่า: “ป้าหลาน พี่เจ็ด…”เ
“อะไรนะ? นั่นมันปรมาจารย์วรยุทธเชียวนะ เขาตายแล้วเหรอ? จะเป็นไปได้ยังไงกัน?”“ฮิๆ พวกนายยังไม่รู้เหรอ? ว่ากันว่าจินเทียนเซิงกับปรมาจารย์ฉู่ต่อสู้กันอย่างน่าตกใจในเสินหนงเจี้ย โดยสุดท้าย จินเทียนเซิงก็พ่ายแพ้และหลบหนีไปอย่างหมดท่า ดูเหมือนว่าเขาจะตายด้วยน้ำมือขอปรมาจารย์ฉู่อีก?”"ปรมาจารย์ฉู่คนนี้เป็นใครกัน? คาดไม่ถึงว่าจะสามารถสังหารปรมาจารย์วรยุทธคนหนึ่งได้"เมื่อข่าวใหญ่ถูกเผยแพร่ออกมา ในที่สุดผู้คนก็รู้ที่มาของปรมาจารย์ฉู่คนนี้แล้ว“ปรมาจารย์ฉู่เป็นคนหนานเจียง มีข่าวลือว่าอายุไม่ถึงยี่สิบปี สามารถควบคุมฟ้าผ่าได้และสังหารปรมาจารย์ครึ่งก้าวด้วยตัวคนเดียว!”"ตู้ม!"ข่าวลือเรื่องของตัวตนของฉู่เฉิน ทำให้จิงโจวทั้งหมดและแม้แต่เมืองใกล้เคียงต่างตกตะลึง““ปรมาจารย์ฉู่ผู้นี้เป็นปีศาจจริงๆ ไม่เพียงแต่ก้าวเข้าสู่เข้าสู่ระดับปรมาจารย์วรยุทธตั้งแต่อายุยังน้อยเ แต่เขายังสังหารปรมาจารย์จินเทียนเซิงผู้ช่ำชองอีกด้วย!”“ หากให้เวลาเขาได้เติบโตอีก บางทีเขาอาจจะพิชิตอาณาจักรหวู่โหวได้ในอนาคต!”“ชักชวน ต้องชักชวนมาเป็นพวกให้ได้ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม ”ในช่วงเวลาหนึ่ง มีการออกคำสั่งจากกองกำลังพ
เช้าวันที่สอง ฉู่เฉินได้พบกับเยว่ฟู่หลงและเว่ยอิงลั่วทั้งสองคนอีกครั้งคราวนี้พวกเขาเป็นฝ่ายมาหาเองฉู่เฉินอุทานด้วยความดีใจ “พี่เยว่ คุณมีข่าวเกี่ยวกับพี่สาวเจ็ดของผมบ้างไหม?”เขาถามเพราะเขารู้ว่าสองคนนี้ยุ่งอยู่กับงานราชการและปกติจะไม่มาหาตัวเองโดยไม่มีเหตุผล“น้องฉู่ ฉันขอโทษ!”เยว่ฟูหลงส่ายหัวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น "พวกเราได้ตามสืบเรื่องคุณหนูหนิงและนังเฒ่าอสรพิษแล้ว แต่น่าเสียดายที่ยังไม่มีข่าวอะไรในช่วงนี้เลย"“งั้นอะไรที่ทำให้คุณมาที่นี่?” ฉู่เฉินถามหลังจากสบตากันแล้วเยว่ฟู่หลงและเว่ยอิงลั่ว เหมือนไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นพูดอย่างไรในที่สุด เยว่ฟู่หลงก็เป็นฝ่ายเข้าประเด็น "นายเคยได้ยินเกี่ยวกับซวนหวู่ไหม?"ฉู่เฉินส่ายหัว "ซวนหวู่ควรจะเป็นองค์กรลับของต้าเซี่ย ที่เชี่ยวชาญในการแก้ปัญหาที่ยุ่งยากซับซ้อนสำหรับพวกข้าราชการเบื้องหน้า”"ถูกต้อง!"เยว่ฟู่หลงพยักหน้า "ในฐานะนักรบ นายต้องรู้ว่าความเสียหายที่เกิดจากนักรบนั้นยิ่งใหญ่กว่าคนธรรมดามาก อาจเป็นอันตรายมากกว่าหลายร้อยหรือหลายพันเท่า ดังนั้นจึงต้องมีพลังที่จะยับยั้งพวกเขา"“ซวนหวู่เป็นองค์กรปฏิบัติการที่จัดตั้งขึ้นโดยรัฐบาล
มองเยว่ฟู่หลงที่ทำตัวเหมือนคนบ้า เว่ยอิงลั่วก็ร้องไห้ออกมา และน้ำตาไหลอย่างควบคุมไม่ได้ดวงตาของเธอแดงก่ำขณะที่เธอพูด: "พวกคุณทุกคนเห็นแก่ตัวเกินไป ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้น และไม่สนใจเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเองโดยตรง"“สมัยนี้ที่มองผิวเผินดูสงบสุข ไม่มีวันไหนที่สงบสุขหรอก แต่มีบางคนได้แบกภาระไว้ และก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับภาระนั้น”“ทุกครั้งใครกันที่ต่อสู้แนวหน้าในระหว่างเกิดแผ่นดินไหวและน้ำท่วม ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยผู้อื่น? เงินเดือนของพวกเขามากมายไหม? พวกเขาไม่ใช่มนุษย์เหรอ? แต่เป็นเพราะพวกเขาคือทหารของประชาชน!”“คดียาเสพติดคลี่คลาย มีกี่คนที่ยอมเสียสละเลือดเนื้อต่อสู้? เงินเดือนของพวกเขาสูงมากเหรอ? พวกเขาไม่ใช่มนุษย์เหรอ? แต่เป็นเพราะพวกเขาคือทหารของประชาชน!” “เยว่ฟู่หลงกับฉันรอดชีวิตมาได้ก็ถือว่าโชคดีแล้ว เบื้องหลังพวกเรา มีผู้คนนับไม่ถ้วนล้มตายอยู่บนเส้นทางเพื่อปกป้องพวกคุณ และถูกฝังไว้ใต้ดินไปตลอดกาล”“ตัวอย่างเช่น อดีตหัวหน้าผู้สอนของซวนหวู่ของฉัน ต้องเผชิญหน้ากับปรมาจารย์วรยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่สามคนจากประเทศศัตรูโดยลำพัง และท้ายที่สุดก็สละชีวิตตัวเองเพื่อ