ต่อให้ตระกูลแพทย์แผนจีนจะยินดีขายสูตรให้ แต่ก็ไม่แน่ว่าจะสู้กับหมิงฮวยกรุ๊ปได้หลังจากที่จ้าวหมิงฮวยมองไปที่ปฏิกิริยาของเธออย่างละเอียดแล้ว มุมปากของเขาก็อดไม่ได้ที่จะทำท่ายิ้มอย่างภาคภูมิใจเขาถอนหายใจเบา ๆ "ฉิงเสวี่ย อันที่จริงเราไม่ควรเป็นศัตรูกันหรอกนะ เราสามารถเป็นเพื่อนหรือเป็นหุ้นส่วนกันได้นี่นา"“ขอแค่คุณยอมหย่ากับนายแซ่ฉู่นั่นแล้วมาแต่งงานกับผม ผมสัญญาว่าในภายภาคหน้าอุตสาหกรรมเครื่องสําอางในหนานเจียง เฟยเสวี่ยกรุ๊ปจะเป็นผู้นํา และหมิงฮวยกรุ๊ปของผมก็จะไม่มีการแข่งขันกับคุณ”“อีกอย่างพอถึงตอนนั้น ผมก็ยังจะมอบสูตรเครื่องสําอางในมือให้เป็นของขวัญหมั้นเพื่อแต่งงานกับคุณอีกด้วย คุณคิดว่ายังไง” สิ่งที่เขาพูดนั้นดูจริงใจซะจนคนที่ไม่รู้อาจถูกเขาหลอกได้เลยแต่หนิงฉิงเสวี่ยไม่ได้โง่ขนาดนั้น เธอรู้ดีว่าจ้าวหมิงฮวยก็แค่ต้องการในร่างกายของเธอก็เท่านั้นอีกอย่าง ตระกูลจ้าวยังเข้าร่วมในการเผาสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าชิงซานก็นับว่าเป็นศัตรูกับหนิงฉิงเสวี่ยแล้วเธอจะร่วมมือกับศัตรูได้ยังไงเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หนิงฉิงเสวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะพูดอย่างเย็นชาว่า “จ้าวหมิงฮวย เป็นไปไม่ได้หรอกที่ฉันจะแต่งงาน
หนิงฉิงเสวี่ยหลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง แต่หลังจากได้ยินการเคลื่อนไหวที่ข้างหูของเธอเธอก็เผลอลืมตาขึ้นมาดูแล้วสีหน้าก็เต็มไปด้วยความดีใจอย่างอดไม่ได้ชายที่อยู่ๆ ก็มาปรากฏตัวตรงหน้าคนนี้ นอกจากฉู่เฉินแล้วจะเป็นใครไปเสียได้ ขณะนี้หนิงฉิงเสวี่ยก็น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่ขาดสายฉู่เฉินเข้าไปพยุงเธอให้ลุกขึ้น “เธอไม่เป็นไรใช่ไหม”“ฉัน……ฉันไม่เป็นไร” หนิงฉิงเสวี่ยพูดจบก็อดไม่ได้ที่จะกอดฉู่เฉินไว้แน่น ร่างกายที่บอบบางสั่นสะท้านไปทั้งตัว ในดวงตาก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกเมื่อครู่เธอเกือบที่จะเสร็จจ้าวหมิงฮวยไปซะแล้ว โชคดีที่ฉู่เฉินมาได้ทันเวลา“ท่านประธานคะ” พานอวิ๋นก็รีบพุ่งเข้ามา ใบหน้าเต็มไปด้วยความร้อนรน“เธอคอยอยู่ตรงนี้ก่อน ที่เหลือให้ฉันจัดการเอง” ฉู่เฉินปลอบหนิงฉิงเสวี่ยแล้วกลับหลังหันไปมองจ้าวหมิงฮวยแววตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชาจนทำให้คนที่เห็นรู้สึกขนลุกไปทั้งตัวถ้าเมื่อครู่เขามาช้าไปอีกก้าวเดียวก็ไม่อาจจะนึกถึงผลที่ตามมาได้เลยถึงแม้ระหว่างหนิงฉิงเสวี่ยกับเขาจะไม่มีความรู้สึกต่อกัน แต่ยังไงเธอก็ยังเป็นผู้หญิงของฉู่เฉินถ้าหากแม้แต่ผู้หญิงของตัวเองก็ยังปกป้องไม่ได้ จะเรียกว่าลูกผู้
“ไม่งั้นตระกูลจ้าวก็จะไม่ปล่อยนายเอาไว้แน่ นอกจากนายจะต้องตายแล้ว แม้แต่หนิงฉิงเสวี่ย พวกเธอก็ต้องตายด้วย”พอได้ยินคำพูดของเขา ในที่สุดหนิงฉิงเสวี่ยก็ได้สติขึ้นมา เธอรีบเข้าไปดึงมือของฉู่เฉินเอาไว้แน่น “ฉู่เฉิน อย่าวู่วาม อย่าวู่วามเด็ดขาด ถ้านายฆ่าเขา นายก็จะตายเหมือนกัน”เธอร้อนรนจนน้ำตาไหลพรากฉู่เฉินทนเห็นผู้หญิงร้องไห้ไม่ได้ที่สุด ความอาฆาตเมื่อครู่ก็มลายหายไปทันที เขาจึงทำได้เพียงโยนจ้าวหมิงฮวยออกไปเหมือนสุนัขข้างถนนที่ตายแล้ว “ไสหัวไปซะ ฉันเห็นแก่หน้าของฉิงเสวี่ย ฉันจะปล่อยให้นายมีชีวิตอยู่ต่ออีกหลายวัน”ไม่นาน บอดี้การ์ดของจ้าวหมิงฮวยก็รีบมาโดยเร็วแล้วหามเขาออกไปแต่สํานักงานรายล้อมไปด้วยพนักงานนับไม่ถ้วน ทุกคนต่างวิพากษ์วิจารณ์ฉู่เฉินและพวกเขาไปทั่ว“ถ้าฉันดูไม่ผิดละก็ คนที่ถูกโยนออกมาเมื่อครู่คือจ้าวหมิงฮวยคุณชายของของตระกูลเศรษฐีตระกูลจ้าวใช่ไหม”“ใช่ เป็นเขานั่นแหละ”“ผู้ชายของฉิงเสวี่ยคนนี้โหดจริงๆ นึกไม่ถึงเลยว่าจะทุบตีทำร้ายคุณชายจ้าวได้ขนาดนั้น ครั้งนี้ตระกูลจ้าวต้องบ้าคลั่งแน่ๆ”“มันจะไม่ใช่แค่บ้าคลั่งน่ะสิ ถือว่าเขาเจอหายนะครั้งใหญ่เข้าแล้วล่ะ แม้แต่ประธานหนิงก็ไม่สาม
ก่อนที่ฉู่เฉินจะได้เปิดปากพูด หนิงชิงเสว่ก็ดึงเขาออกจากเฟยเสวี่ยจื่อกรุ๊ป"เธอจะพาฉันไปไหน?" ฉู่เฉินอดถามขึ้นไม่ได้หลังจากขึ้นรถแล้ว"ไปถึงที่นั่นก็จะรู้เอง"หนิงชิงเสว่พูดอย่างเย็นชา จากนั้นสตาร์ทรถและขับออกไปในเวลาเดียวกัน ข่าวเกี่ยวกับจ้าวหมิงฮุยที่ถูกโค่นล้มก็แพร่ขยายอย่างรวดเร็วในหมู่สังคมชนชั้นสูงของหนานเจียง"พวกคุณเคยได้ยินเรื่องนี้หรือเปล่า? เรื่องที่จ้าวหมิงฮุยถูกจัดการแล้ว และว่ากันว่าเขาไม่มีใครเป็นทายาทสืบทอดเชื้อสายด้วยซ้ำ""โอ้ พระเจ้า เป็นเรื่องจริงเหรอ? เขาเป็นลูกชายคนโตของตระกูลจ้าวนะ ใครมันบ้าระห่ำไปกล้าแตะต้องเขา?""เรื่องจริงสิ ฉันได้ยินมาว่าคนที่ทำให้เขาพิการ ดูเหมือนว่าจะเป็นไอ้คนไร้น้ำยาที่ได้รับการเลี้ยงดูจากหนิงชิงเสว่ ซึ่งหลายคนก็เห็นหมดในตอนนั้น""หนิงชิงเสว่บ้าไปแล้วหรือ? ปล่อยให้คนของตัวเองทำกับนายน้อยจ้าวแบบนี้เนี่ยนะ อย่าลืมว่า ตอนนี้ตระกูลหนิงนั้นแตกต่างไปจากเมื่อก่อนแล้ว""เหอะ ๆ ทุกคนมาดูกันเร็ว ไอ้หนุ่มที่โค่นล้มนายน้อยจ้าวจะต้องถึงคราวเคราะห์แล้ว ... "บรรดาเศรษฐีทั้งหลายต่างตกตะลึงกับข่าวนี้ นอกจากการพูดถึงกันอย่างดุเดือดแล้ว ย
คุณฉู่ นี่มันเรื่องร้ายแรงเกินไปน่าแปลกใจที่จ้าวหมิงฮุยถูกโค่นล้มแต่แล้วเธอก็หัวเราะคุณฉู่ ในฐานะแพทย์เซียนแห่งกุ่ยเหมินผู้โด่งดังของต้าเซี่ย ถือแหวนวิญญาณมังกรอยู่ในมือ และฐานะของเขาก็มีชื่อเสียงมากแม้จ้าวหมิงฮุยก็ถูกโค่นลงมาแล้ว แต่ตระกูลจ้าวสามารถทำอะไรกับเขาได้ล่ะ?ฉู่เฉินก็พูดไม่ออกเช่นกันเขาพูดตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้วว่าเขาไม่ได้เห็นตระกูลจ้าวอยู่ในสายตาเลย แต่หนิงชิงเสว่ไม่เชื่อฉิงปิงเยว่เห็นว่าหนิงชิงเสว่ดูเหมือนจะไม่รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของฉู่เฉิน ก็คิดอะไรบางอย่างในใจ จากนั้นยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และพูดว่า "ชิงเสว่ เธอกำลังขอร้องฉันเหรอ?""ใช่ ฉันขอร้อง" ใบหน้าของหนิงชิงเสว่เปลี่ยนเป็นสีขาวซีดและดวงตาของเธอก็เริ่มแดงก่ำ ขณะที่เธอพูดว่า "ตราบใดที่เธอสามารถช่วยฉู่เฉินได้ แม้ว่าเธอจะสั่งให้ฉันคุกเข่าและขอร้องเธอก็ตาม ฉัน... ฉันเต็มใจที่จะทำ"ขณะที่เธอพูดนั้น เธอก็กำลังจะคุกเข่าลงฉินปิงเยว่แค่พูดเล่น ไม่คิดว่าเธอจะเอาจริงเอาจัง รีบเข้าไปพยุงเธอขึ้นพร้อมกับพูดว่า "ช่างมันเถอะ ฉันไม่แกล้งเธอแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกใช่ไหม? ฉันจะช่วย""ขอบคุณเธอนะ ปิงเยว่" หนิง
เมื่อได้ยินความโกลาหลวุ่นวายข้างนอก ทุกคนในตระกูลฉินก็ตกตะลึงพวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าตระกูลจ้าวจะลงมืออย่างรวดเร็วขนาดนี้ ซ้ำยังขู่ว่าจะทำลายล้างตระกูลฉินให้สิ้นซากด้วยสายตาของทุกคนหันไปทางฉู่เฉินพร้อมกัน ราวกับอยากรู้เกี่ยวกับปฏิกิริยาตอบกลับของเขาอย่างไรก็ตาม ฉู่เฉินยังคงสงบนิ่งและนั่งอยู่กับที่ ดูเหมือนไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์นี้เลยฉินเวิ่นเทียนหรี่ตาลงและยืนขึ้นพูดกับฉู่เฉิน "คุณฉู่ โปรดรออยู่ที่นี่สักครู่ ผมจะออกไปดู""คุณพ่อ แม้ในสถานการณ์เช่นนี้ยังเลือกที่จะปกป้องเด็กคนนี้งั้นเหรอ?" ฉินเสี่ยว พ่อของฉิงปิงเยว่ถามอย่างเย็นชาฉินอู่พูดเสียงดัง "ใช่แล้ว คุณพ่อ ดูเหมือนว่าตระกูลจ้าวจะเอาจริงนะ ตระกูลฉินไม่จำเป็นต้องเป็นศัตรูกับพวกเขาเลย"ขณะที่พวกเขากำลังพูดอยู่ เสียงข่มขู่ของจ้าวเหยียส่งเสียงอีกครั้งที่ข้างนอก"ฉินเวิ่นเทียน คุณมีเวลาสิบนาทีในการมอบตัวไอ้เด็กคนแซ่ฉู่นั่นมา ไม่เช่นนั้นตระกูลจ้าวของฉันจะประกาศสงครามกับพวกคุณทันที!"สีหน้าของฉินเสี่ยวและคนอื่น ๆ เปลี่ยนไป และยังตั้งใจที่จะโน้มน้าวฉินเวิ่นเทียนต่อไปแต่แล้ว ฉู่เฉินก็พูดขึ้นมาว่า "ผู้เฒ่าฉิน แมลงวันข้างนอก
ทันใดนั้น เสียงเผด็จการดังมาจากด้านหลังของฝูงชน "ผู้เฒ่าฉิน ทำไมต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้?"ฝูงชนแยกออกจากัน ชายวัยกลางคนที่มีใบหน้ารูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสและแผ่รัศมีอันน่าเกรงขาม แต่งกายในเครื่องแบบก็เดินมาข้างหน้ายมฑุต!เมื่อเห็นเขา ใบหน้าจำนวนมากในฝูงชนก็เปลี่ยนสีทันทีผู้มาใหม่ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือ ลี่หง ผู้กำกับการตำรวจเมืองหนานเจียงเหตุผลที่ผู้คนระวังเขามากไม่ใช่ตำแหน่ง แต่เป็นวิธีการของเขามีข่าวลือว่าลี่หงทำการใดจะเข้มงวดมาก ใครก็ตามที่ตกอยู่ในมือของเขาไม่เคยรอดหรือถูกลงโทษอย่างรุนแรง เหมือนกับยมฑูตจากนรกที่น่าสะพรึงกลัวสำหรับทุกคนการแสดงออกของฉินเหวินเทียนเปลี่ยนไปเล็กน้อยในขณะที่เขาพูด "ผู้กำกับลี่ ฉันไม่ได้คาดคิดเลยว่าตระกูลจ้าวจะเชิญคุณ""ผู้เฒ่าฉิน คุณก็รู้ดีว่าฉันเป็นคนแบบไหน ฉันปฏิบัติตามกฎหมายเสมอ" ลี่หงพูดอย่างเคร่งขรึม"เรื่องวันนี้ตรงไปตรงมาเป็นเพียงความขัดแย้งระหว่างคนหนุ่มสาวสองคน ไม่ควรลุกลามไปสู่ความบาดหมางระหว่างตระกูลที่มีอำนาจ""ตราบใดที่คุณมอบชายหนุ่มที่มีแซ่ฉู่ให้ฉัน ฉันรับรองได้เลยว่าฉันจะจัดการเรื่องนี้อย่างยุติธรรมและปราศจากอคติ!"จากนั้นเขาก็เปลี่ย
ช่างเป็นเด็กที่กล้าหาญยิ่งนัก!กล้าให้ฉัน ผู้กำกับตำรวจเมืองหนานเจียงคนนี้เข้าไปพบเขาเหรอ?แม้ลี่หงจะนิ่งลึกอย่างกับมหาสุมทร แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเล็กน้อยในขณะนี้เมื่อไหร่ที่เขา ซึ่งเป็นผู้การตำรวจเมืองหนานเจียงผู้สง่างาม จำเป็นต้องพบปะกับเด็กวัยรุ่นเป็นการส่วนตัว?แต่ความสนใจของเขาถูกดึงดูดอย่างรวดเร็วด้วยเหรียญตราสีม่วงที่อยู่ตรงหน้าเขาเหรียญตราซึ่งมีขนาดเพียงฝ่ามือเท่านั้นถูกแกะสลักด้วยการออกแบบมังกรเก้าตัว เปล่งรัศมีอันสูงส่งอย่างยิ่งลี่หงมองมันอยู่นาน แต่ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร"ผู้เฒ่าฉิน คุณคิดว่าจะทำให้พวกเรากลัวด้วยเหรียญตราไม้ที่หักแล้วงั้นเหรอ?" จ้าวเหยียนเยาะเย้ยลี่หงยังถามอีกว่า "ผู้เฒ่าฉิน ที่คุณให้ฉันมานี่คืออะไร?""ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน คุณควรโทรไปถามผู้บังคับบัญชาของคุณดีกว่า" ฉินเวิ่นเทียนพูดด้วยรอยยิ้มลึกลับ "ฉันแนะนำให้คุณทำเช่นนั้น"เมื่อได้ยินดังนั้น ลี่หงก็ขมวดคิ้วท่าทางของฉินเวิ่นเทียนชี้ให้เห็นว่าเหรียญตรานี้ไม่ใช่ธรรมดา"ก็ได้ ฉันจะโทรไปถาม"เขาพยักหน้า หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเดินไปที่รถตำรวจเพื่อโทรหาผู้บังคับบัญชาหลังจากที่ได้