เมื่อได้ยินความโกลาหลวุ่นวายข้างนอก ทุกคนในตระกูลฉินก็ตกตะลึงพวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าตระกูลจ้าวจะลงมืออย่างรวดเร็วขนาดนี้ ซ้ำยังขู่ว่าจะทำลายล้างตระกูลฉินให้สิ้นซากด้วยสายตาของทุกคนหันไปทางฉู่เฉินพร้อมกัน ราวกับอยากรู้เกี่ยวกับปฏิกิริยาตอบกลับของเขาอย่างไรก็ตาม ฉู่เฉินยังคงสงบนิ่งและนั่งอยู่กับที่ ดูเหมือนไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์นี้เลยฉินเวิ่นเทียนหรี่ตาลงและยืนขึ้นพูดกับฉู่เฉิน "คุณฉู่ โปรดรออยู่ที่นี่สักครู่ ผมจะออกไปดู""คุณพ่อ แม้ในสถานการณ์เช่นนี้ยังเลือกที่จะปกป้องเด็กคนนี้งั้นเหรอ?" ฉินเสี่ยว พ่อของฉิงปิงเยว่ถามอย่างเย็นชาฉินอู่พูดเสียงดัง "ใช่แล้ว คุณพ่อ ดูเหมือนว่าตระกูลจ้าวจะเอาจริงนะ ตระกูลฉินไม่จำเป็นต้องเป็นศัตรูกับพวกเขาเลย"ขณะที่พวกเขากำลังพูดอยู่ เสียงข่มขู่ของจ้าวเหยียส่งเสียงอีกครั้งที่ข้างนอก"ฉินเวิ่นเทียน คุณมีเวลาสิบนาทีในการมอบตัวไอ้เด็กคนแซ่ฉู่นั่นมา ไม่เช่นนั้นตระกูลจ้าวของฉันจะประกาศสงครามกับพวกคุณทันที!"สีหน้าของฉินเสี่ยวและคนอื่น ๆ เปลี่ยนไป และยังตั้งใจที่จะโน้มน้าวฉินเวิ่นเทียนต่อไปแต่แล้ว ฉู่เฉินก็พูดขึ้นมาว่า "ผู้เฒ่าฉิน แมลงวันข้างนอก
ทันใดนั้น เสียงเผด็จการดังมาจากด้านหลังของฝูงชน "ผู้เฒ่าฉิน ทำไมต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้?"ฝูงชนแยกออกจากัน ชายวัยกลางคนที่มีใบหน้ารูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสและแผ่รัศมีอันน่าเกรงขาม แต่งกายในเครื่องแบบก็เดินมาข้างหน้ายมฑุต!เมื่อเห็นเขา ใบหน้าจำนวนมากในฝูงชนก็เปลี่ยนสีทันทีผู้มาใหม่ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือ ลี่หง ผู้กำกับการตำรวจเมืองหนานเจียงเหตุผลที่ผู้คนระวังเขามากไม่ใช่ตำแหน่ง แต่เป็นวิธีการของเขามีข่าวลือว่าลี่หงทำการใดจะเข้มงวดมาก ใครก็ตามที่ตกอยู่ในมือของเขาไม่เคยรอดหรือถูกลงโทษอย่างรุนแรง เหมือนกับยมฑูตจากนรกที่น่าสะพรึงกลัวสำหรับทุกคนการแสดงออกของฉินเหวินเทียนเปลี่ยนไปเล็กน้อยในขณะที่เขาพูด "ผู้กำกับลี่ ฉันไม่ได้คาดคิดเลยว่าตระกูลจ้าวจะเชิญคุณ""ผู้เฒ่าฉิน คุณก็รู้ดีว่าฉันเป็นคนแบบไหน ฉันปฏิบัติตามกฎหมายเสมอ" ลี่หงพูดอย่างเคร่งขรึม"เรื่องวันนี้ตรงไปตรงมาเป็นเพียงความขัดแย้งระหว่างคนหนุ่มสาวสองคน ไม่ควรลุกลามไปสู่ความบาดหมางระหว่างตระกูลที่มีอำนาจ""ตราบใดที่คุณมอบชายหนุ่มที่มีแซ่ฉู่ให้ฉัน ฉันรับรองได้เลยว่าฉันจะจัดการเรื่องนี้อย่างยุติธรรมและปราศจากอคติ!"จากนั้นเขาก็เปลี่ย
ช่างเป็นเด็กที่กล้าหาญยิ่งนัก!กล้าให้ฉัน ผู้กำกับตำรวจเมืองหนานเจียงคนนี้เข้าไปพบเขาเหรอ?แม้ลี่หงจะนิ่งลึกอย่างกับมหาสุมทร แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเล็กน้อยในขณะนี้เมื่อไหร่ที่เขา ซึ่งเป็นผู้การตำรวจเมืองหนานเจียงผู้สง่างาม จำเป็นต้องพบปะกับเด็กวัยรุ่นเป็นการส่วนตัว?แต่ความสนใจของเขาถูกดึงดูดอย่างรวดเร็วด้วยเหรียญตราสีม่วงที่อยู่ตรงหน้าเขาเหรียญตราซึ่งมีขนาดเพียงฝ่ามือเท่านั้นถูกแกะสลักด้วยการออกแบบมังกรเก้าตัว เปล่งรัศมีอันสูงส่งอย่างยิ่งลี่หงมองมันอยู่นาน แต่ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร"ผู้เฒ่าฉิน คุณคิดว่าจะทำให้พวกเรากลัวด้วยเหรียญตราไม้ที่หักแล้วงั้นเหรอ?" จ้าวเหยียนเยาะเย้ยลี่หงยังถามอีกว่า "ผู้เฒ่าฉิน ที่คุณให้ฉันมานี่คืออะไร?""ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน คุณควรโทรไปถามผู้บังคับบัญชาของคุณดีกว่า" ฉินเวิ่นเทียนพูดด้วยรอยยิ้มลึกลับ "ฉันแนะนำให้คุณทำเช่นนั้น"เมื่อได้ยินดังนั้น ลี่หงก็ขมวดคิ้วท่าทางของฉินเวิ่นเทียนชี้ให้เห็นว่าเหรียญตรานี้ไม่ใช่ธรรมดา"ก็ได้ ฉันจะโทรไปถาม"เขาพยักหน้า หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเดินไปที่รถตำรวจเพื่อโทรหาผู้บังคับบัญชาหลังจากที่ได้
พวกเขาอยากรู้อยากเห็น เพราะไม่ได้ยินเสียงอะไรดังออกมาจากข้างนอกมาระยะหนึ่งแล้ว เพียงเห็นลี่หงก็เดินเข้ามา“ผู้กำกับลี่มาแล้ว”“เขาเข้ามาจับคนเป็นการส่วนตัว ทีนี้ มาดูกันว่าเจ้าหนูฉู่จะทำอะไรกันแน่”เมื่อเห็นแบบนี้ ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม ราวกับว่าพวกเขามองเห็นถึงหายนะของฉู่เฉินฉินเสี่ยวยืนขึ้นเพื่อทักทายเขา และพูดว่า "ผู้กำกับลี่ คุณมาที่นี่เพื่อจับกุมใครบางคนใช่ไหมครับ?"เขาหันกลับมาและชี้ไปที่ฉู่เฉินที่กำลังตัดเล็บอยู่ "นี่คือไอ้เด็กคนที่ทำร้ายจ้าวหมิงฮุย"ทุกคนหัวเราะแต่ในช่วงเวลาต่อมา ปฏิกิริยาท่าทางของลี่หงก็ทำให้พวกเขาตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ลี่หงวิ่งไปหาฉู่เฉินและโค้งคำนับด้วยความเคารพ “ท่าน... ท่านขอให้ผมเข้ามาพบท่าน และผมก็มาแล้วครับ...”เขาไม่รู้ว่าจะเรียกฉู่เฉินอย่างไรดี จึงเรียกฉู่เฉินว่า "ท่าน"เมื่อเห็นการกระทำของเขา ทั้งห้องโถงก็แตกตื่นทันทีตอนนั้น ฉินอู่ ฉินเสี่ว และคนอื่น ๆ ต่างเบิกตากว้าง และไม่เชื่อสายตาตัวเองมันเกิดอะไรขึ้น? ลี่หงควรจะจับกุมเด็กคนนี้ไม่ใช่หรือ?ทำไมเขาถึงแสดงความเคารพต่อเขาขนาดนี้ แม้กระทั่งเรียกเขาว่า "ท่าน" ล่ะ?หลี่หงเพิกเฉยต่อการแ
ทันทีที่เขาพูดจบ จ้าวเหยียนก็ถูกใส่กุญแจมือจ้าวเหยียนพยายามต่อสู้อย่างรุนแรงและตะโกนว่า "คุณกำลังทำอะไรอยู่ นี่มันอะไรกัน ผู้กำกับลี่ คุณต้องให้คำอธิบายกับฉัน ไม่เช่นนั้นตระกูลจ้าวของฉันจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปแน่"เมื่อเห็นหัวหน้าตระกูลของพวกเขาถูกจับกุม บอดี้การ์ดของตระกูลจ้าวก็เข้ามารวมตัวกันอยู่รอบ ๆ"นี่หมายความว่าไง?"ผู้กำกับลี่ตะคอกอย่างเย็นชา "ผู้นำตระกูลจ้าว ฉันเข้าใจสถานการณ์นี้ชัดเจนแล้ว เป็นลูกชายของคุณที่พยายามประพฤติตัวไม่เหมาะสมกับภรรยาของคนอื่น และเพราะเหตุนี้จึงถูกทุบตี แต่คุณกลับกล้าไปกล่าวหาคนอื่น""แม้ว่าลูกชายของฉันจะผิดตั้งแต่แรก แต่หมายความว่าเด็กคนนั้นจะทุบตีเขาปางตายขนาดนั้นได้เลยเหรอ?" จ้าวเหยียนพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ"ฉันไม่มีเวลามาเถียงกับคุณ" ผู้กำกับลี่ตัดบทเขาอย่างเย็นชา "วันนี้ คุณจะต้องไปที่สถานีตำรวจกับฉัน หรือไม่ก็พวกคุณสองคนรีบตกลงกันแล้วพาคนของคุณออกไปจากที่นี่ทันที"สีหน้าของจ้าวเหยียนเปลี่ยนไปมาหลายครั้งก่อนที่เขาจะกัดฟันและพูดว่า "ได้ เรามาตกลงกัน"แม้ว่าเขาจะพูดอย่างนั้น แต่ลึก ๆ แล้ว เขาหวังว่าเขาจะฉีกฉู่เฉินออกเป็นชิ้น ๆ ได้ผู้กำกับลี
ในขณะเดียวกัน ในห้องแสนสบายบนชั้นสองของวิลล่าตระกูลฉินเสียงที่ได้ยินเป็นระยะๆ นั้นทำให้คนที่ได้ยินหน้าแดง“ชิงเสว่ มาดูนี่หน่อย เธอคิดว่าหน้าอกของฉันเล็กลงกว่าเดิมหรือเปล่า?”"ไม่นะ"“จริงเหรอ? ทำไมฉันถึงรู้สึกว่ามันเล็กลงล่ะ? แล้วอีกอย่าง มันเหมือนกับว่าของเธอใหญ่ขึ้นนะ”“เร็วเข้า บอกฉันที เป็นเพราะเธอได้รับสารหล่อเลี้ยงด้วยความรักหรือเปล่า?”“โอ๊ย ปิงเยว่ หยุดโวยวายก่อน ฉันกังวลแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว”หนิงชิงเสว่ผลักมือซุกซนของฉินปิงเยว่ออกไป คิ้วของเธอขมวดด้วยความกังวล และบางครั้งก็เดินไปที่ประตูด้วยท่าทีกังวลมาก“เธอกังวลใช่ไหมว่าคุณฉู่จะปลอดภัยดีไหม?” ฉินปิงเยว่ถามด้วยรอยยิ้ม“ใช่ เราอยู่บนนี้มาครึ่งวันแล้วและยังไม่มีเสียงจากด้านล่างเลย…” หนิงชิงเสว่พูดด้วยความกังวล“ไม่ต้องกังวล คุณฉู่จะต้องไม่เป็นไร เธอก็รู้ว่าเขา…” ฉินปิงเยว่พูดอย่างไม่แยแสก่อนที่เธอจะพูดจบ มีเสียงเคาะประตู และเสียงของฉู่เฉินก็ตามมา “ชิงเสว่ เรากลับกันได้แล้ว”ใบหน้าของหนิงชิงเสว่เปล่งประกายด้วยความดีใจ และเธอก็รีบเปิดประตูและมองเขาอย่างตื่นเต้น "ฉู่เฉิน นายปลอดภัยดีใช่ไหม?"“ฉันดูเหมือนไม่ปลอดภั
ภายในแจฟฟรีย์กรุ๊ปทันทีที่หวังซวี่วางสาย กัวรุ่ยเพื่อนของเขาก็ถามทันทีว่า "นายน้อยหวัง เด็กคนนั้นพูดว่าอะไรบ้างครับ?""เขาบอกว่าเขาจะมาที่บริษัททันที" หวังซวี่ตอบพร้อมกับหัวเราะอย่างเย็นชา"ฮ่า ๆ ดี ตอนนี้ฉันตั้งตาคอยที่จะได้เห็นหน้าเจ้าเด็กคนนั้นจริง ๆ" กัวรุ่ยอดหัวเราะไม่ได้ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเฉินย่ากับถังรั่วเวยที่กำลังรอคอยด้วยความคาดหวังอย่างกระตือรือร้นหวังซวี่สบถอย่างเย็นชา "คอยดูให้ดี ฉันจะสอนบทเรียนดีๆ ให้ไอ้เด็กคนนั้นอีกสักครู่"แค่คิดว่าเขาต้องคุกเข่าต่อหน้าฉู่เฉินเมื่อคืนนี้ ทำให้เขารู้สึกอับอายอย่างมาก กระตือรือร้นที่จะกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมาโดยเร็วที่สุดในขณะนั้นโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เป็นหานฮุ่ยที่โทรมา "เสี่ยวหวัง ฉัน เสี่ยวหยุน และเสี่ยวเถา มาถึงทางเข้าบริษัทของเธอแล้ว"หวังซวี่พูด "ป้าหาน โปรดไปที่ห้องประชุมของบริษัทและรออยู่ที่นั่น ผู้จัดการแผนกทรัพยากรบุคคลจะดำเนินการสัมภาษณ์ ผมได้แจ้งให้พวกเขาทราบเกี่ยวกับคุณแล้ว""เยี่ยมมาก ขอบคุณเสี่ยวหวัง ไม่ต้องกังวล ป้าหานจะไม่ลืมความเมตตาของเธอเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย"หลังจากพูดเรื่องนี้ด้วยความตื่นเ
ฉู่เฉินยักไหล่ ไม่อยากเสียเวลาพูดอะไรกับพวกเขาอีกแล้วจึงก้าวเข้าไปในบริษัทในขณะนั้น หลินซวงหวู่ก็โทรมา "ผู้อำนวยการฉู่คะ คุณมาถึงบริษัทแล้วเหรอ?""ใช่ มีอะไรหรือเปล่า?" ฉู่เฉินถามหลินซวงหวู่อธิบายอย่างกระชับว่า "บริษัทเพิ่งพบผู้สมัครที่เหมาะสมสำหรับคนขับรถและเลขานุการของคุณ คุณอยากจะสัมภาษณ์พวกเขาเป็นการส่วนตัวหรือไม่คะ?"ฉู่เฉินกำลังจะมอบหมายการตัดสินใจ แต่จำการเผชิญหน้ากับหวงหยุนและหวงเทาได้"การสัมภาษณ์จะเริ่มเมื่อไหร่?" เขาถาม"เริ่มได้ตั้งแต่ตอนนี้ค่ะ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมาถึงบริษัทแล้ว การสัมภาษณ์จะจัดในห้องประชุม" หลินซวงหว่พูด"เอาล่ะ ฉันจะไปที่นั่น"ฉู่เฉินพยักหน้าและหันไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ใกล้ ๆในอีกด้านหนึ่ง เนื่องจากการแจ้งเตือนล่วงหน้าของหวังซวี่ พี่น้องหวงหยุนและหวงเทาจึงถูกนำเข้าไปในห้องประชุมหลังจากได้รับโทรศัพท์ จู่ๆ เจ้าหน้าที่ที่ทำการสัมภาษณ์ก็ประกาศว่า "โปรดรอสักครู่ ผู้อำนวยการฉู่ของเราจะสัมภาษณ์คุณเป็นการส่วนตัว""อะไรนะ? ผู้อำนวยการฉู่… ผู้อำนวยการฉู่จะสัมภาษณ์พวกเราเป็นการส่วนตัวเหรอ?"หวงหยุนและหวงเทาเริ่มกังวล คำพูดของพวกเขาตะกุกตะกักตกลงกันไม
“ไสหัวไปซะ!” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและตะโกน สายตาของเขาเย็นชา และเผยจิตสังหารออกมา“อะไร? แกกำลังไล่พวกเรางั้นเรอะ?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็ดูประหลาดใจและสงสัยว่าพวกเขาได้ยินผิด“ไอ้ขี้เหร่ แกกล้าอวดดีขนาดนั้นเลยเหรอ แกเชื่อไหมว่าฉันจะฆ่าแก”ทันใดนั้น ทุกคนก็โกรธฉู่เฉินอย่างมากแม้ว่านี่จะเป็นเมืองหลวง แต่พวกเขาก็เป็นสมาชิกของตระกูลหวัง พวกเขาข่มเหงผู้ที่อ่อนแอและข่มเหงคนหนุ่มสาวเป็นประจำทุกวัน จึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะหยิ่งผยองลำพองใจ พวกเขาคุ้นเคยกับแววตาหวาดกลัวและยอมจำนนของคนอื่น ๆ มาเป็นเวลานานคำพูดของฉู่เฉินทำให้พวกเขาโกรธมาก จนอยากจะถลกหนังเขาและหั่นเขาเป็นชิ้น ๆ!“ฉันจะพูดอีกครั้ง ไปให้พ้น! ไม่เช่นนั้นจะฆ่าอย่างไม่ปราณี!“ สายตาเย็นชาของฉู่เฉินกวาดไปทั่ว เต็มไปด้วยจิตสังหาร“ฆ่าอย่างไม่ปราณี?”“ฮ่า ๆ แกทำให้ฉันขำเป็นบ้า แกคิดว่าแกตัวเองคู่ต่อสู้ของพวกเราได้จริงเหรอ?”ชายหนุ่มหลายคนในชุดสูทมองขึ้นมาและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาของพวกเขาเยาะเย้ย ไม่สนใจเขาเลยฉู่เฉินส่ายหัวและถอนหายใจ คนพวกนี้มีสมองเอาไว้กั้นหูเท่านั้น เขาเพิ่งให้โอกาสพวกเขาไปเมื่อ
……ภายในเมืองหลวงที่คึกคัก บนถนนที่กว้างและราบเรียบกลุ่มบุคคลที่โดดเด่นเดินไปมาในเมือง โดดเด่นเหมือนฝูงนกยูงรำแพนหาง และดึงดูดสายตาที่อยากรู้อยากเห็นมากมายอย่างไรก็ตาม เครื่องแต่งกายของพวกเขาแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง โดยที่เย่ชิงชานสวมชุดสีขาวล้วน ดูบอบบางและงดงามเฉียวหานอวี้สวมชุดยาวสีม่วงแดง แสดงออกถึงท่าทางที่กล้าหาญและมั่นใจหนิงชิงเสว่ที่ยังเยาว์วัยและสวยงามในชุดสีน้ำเงิน ฉู่เหมิงเหยาผู้บริสุทธิ์และสวยงาม อ่อนโยนและเงียบขรึมมีเพียงฉู่เฉินที่สูงใหญ่และสง่างามในชุดสีดำเท่านั้นที่โดดเด่นออกมา ใบหน้าที่คมคายและเฉียบคมของเขาส่งออร่าของความเฉยเมยที่ทำให้เขาดูไม่เข้ากับคนอื่น ๆ“หนุ่มหล่อคนนั้นเป็นใคร? ทำไมเขามากับผู้หญิงมากมายขนาดนั้น?” พฤติกรรมของทั้งกลุ่มดึงดูดความสนใจของบางคนได้อย่างชัดเจนคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่มและหญิงสาว แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหราและเครื่องประดับสีสันสดใส บ่งบอกถึงภูมิหลังครอบครัวมีฐานะ“ผู้ชายคนนั้นดูอ่อนแอมาก แต่ผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ เขาแจ่มเป็นบ้า” คนที่รู้จักฉู่เฉินกระซิบเตือน ไม่เต็มใจที่จะก่อเรื่องฉู่เฉินเดินไปข้างหน้าคนเดียว โดยไม่สนใจคนร
“อืม พวกเราจะไม่ทอดทิ้งนายแน่นอน!”เสียงเจี๊ยวจ๊าวของกลุ่มสาว ๆ ทำให้ฉู่เฉินหมดหนทาง แต่ที่สำคัญกว่านั้น มันทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นขึ้นมา“เสี่ยวซือโถว เมื่อเป็นอย่างนั้น พวกเรามาเตรียมพร้อมกันเถอะ ฉันอยู่เฉย ๆ มาหลายวันแล้ว”เฉียวหานอวี้ถูกำปั้น และกระตือรือร้นที่จะพยายามทำอะไรสักอย่างพี่สาวคนอื่น ๆ ก็ตื่นเต้นเช่นกัน ราวกับว่าพวกเธอเห็นภาพของคนหลายคนที่เข้ามาในเมืองหลวงเป็นกลุ่มสถานการณ์นี้ทำให้ฉู่เฉินตกตะลึง“พี่ ๆ ได้โปรดรอก่อน เรื่องนี้ต้องดำเนินการทีละขั้นตอน และฉันกำลังจะทำสำเร็จในไม่ช้า ยังไม่สายเกินไปที่จะดำเนินการเมื่อฉันทำสำเร็จ และอีกอย่าง... ฉันไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือดของคุณจริง ๆ” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและพูดความเกลียดชังของคน ๆ หนึ่งต้องได้รับการจัดการด้วยตัวเองในที่สุด และไม่ให้พี่ ๆ มาเกี่ยวข้องได้ เพราะพวกเธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลยในเรื่องนี้“จะเป็นอะไรถ้านายไม่ใช่น้องของฉัน? นายเติบโตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกับพวกเราตั้งแต่ยังเด็ก และแม้ว่านายไม่ใช่น้องร่วมสายเลือดของฉัน แต่พวกเราก็ปฏิบัติกับนายเหมือนเป็นน้องชายของพวกเรา”เฉียวหานอวี้เอื้อมมือไปจับแขนเสื้อข
“ประสบการณ์ของฉันก็เรียบง่ายมาก ในกองไฟของสถานรับเลี้ยงเด็ก ฉันได้รับการช่วยเหลือจากชายชราคนหนึ่ง หลังจากนั้น ฉันก็ติดตามชายชราไปฝึกวรยุทธ หลังจากประสบความสำเร็จในการฝึกฝน ฉันก็ออกมาเพื่อล้างแค้นให้กับคุณปู่ผู้อำนวยการและทุก ๆ คน ฉันได้ติดตามเบาะแสทีละขั้นตอนไปจนถึงเมืองหลวง และนั่นคือทั้งหมด”ฉู่เฉินกางมือออกกว้าง แสดงให้เห็นว่าพูดจบแล้ว“แค่นั้นหรือ ไม่มีอะไรเลยเหรอ? เสี่ยวซือโถว นายปฏิบัติกับเราเหมือนคนนอกและปฏิเสธที่จะบอกความจริงกับเรา”เฉียวหานอวี้พูดขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนหน้านี้ เหล่าพี่สาวได้ใช้สายตากดดัน โดยหวังจะเกลี้ยกล่อมให้ฉู่เฉินเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม แต่คิดไม่ถึงว่า ฉู่เฉินจะพูดเพียงไม่กี่คำพวกเธอรู้สึกเหมือนว่าแผนของพวกเธอล้มเหลว“เสี่ยวซือโถว ถ้านายไม่พูด พวกเราก็รู้กันดี แล้วก็รู้ว่าตระกูลฉู่ เป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงในอดีต เป็นตระกูลเดิมของนาย นายตั้งใจไม่บอกความจริงกับพวกเรา เพราะไม่อยากทำให้พวกเราต้องเดือดร้อนใช่ไหม? ”หลินอีนัวจ้องมองฉู่เฉินและพูด“ถ้าไม่เคยรู้มาก่อน ก็คงจะดีกว่า เพราะถ้ารู้แล้ว แต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย และจะกลายเป็นภาระสำ
ในคฤหาสน์หนานหวาง มีเสียงหัวเราะดังครึกครื้น พี่สาวทั้งห้าคนมารวมตัวกันและสนุกสนานกัน ฉู่เฉินก็สนุกเช่นกัน ในขณะนี้ คนทั้งหกคนอยู่ในลานบ้าน ชิมอาหารที่ฉู่เหมิงเหยานำมา และพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขาเริ่มจากพี่สาม เฉียวหานอวี้ เธอได้พบกับหมอเทวดาหลี่ซ่างได้อย่างไร ทำไมถึงได้รับเป็นลูกศิษย์ได้ ทักษะทางการแพทย์ของเธอพัฒนาขึ้นอย่างไรหลังจากนั้น เธอช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างไรบ้าง เธอได้พบกับฉู่เฉินตอนไหน แล้วอะไรทำให้จดจำกันได้ และพูดถึงทุกอย่างอย่างละเอียด“ดังนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะน้องเจ็ดความจำเสื่อม พี่สามคงจะไม่ได้เจอเรา”หลังจากฟัง หลินอีนัวก็ถอนหายใจ“ใช่แล้ว พูดได้แค่ว่าโชคชะตาเล่นตลกกับผู้คน โอเค ฉันพูดจบแล้ว ถึงตาเธอแล้วนะ น้องห้า”เฉียวหานอวี้ส่งต่อบทสนทนาไปยังหลินอีนัวหลินอีนัว ก็ไม่ได้ปิดบังอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกตระกูลหลินพาตัวไป เข้าสู่วงการบันเทิงได้อย่างไร พบกับฉู่เฉินตอนไหน ทำไมถึงมาแสดงหนังร่วมกันอีก และสุดท้ายทำอีท่าไหนถึงเข้าร่วมนิกายเมียวหยินได้หลังจากที่หลินอีนัว พูดจบ พี่สาวหลายคนก็ถอนหายใจว่าประสบการณ์ของหลินอีนัวนั้นค่อนข้างทรหด จากนั้นพวกเธอก็
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ” เย่ชิงชาน หลินอีนัว และเฉียวหานอวี้ขึ้นรถคันที่สองไปแล้วด้วยความมึนงงชั่วขณะเมื่อเห็นเช่นนี้ หนิงชิงเสว่จึงรีบเข้าไปดึงฉู่เฉินอย่างสบาย ๆ“เสี่ยวซือโถว มานั่งด้วยกันเถอะ”“อืม”ฉู่เฉินตอบกลับ แล้วขึ้นรถที่อยู่ข้างหน้าเขา“ไปกันได้แล้ว” เมื่อมองไปที่เยว่ฟู่หลงที่ยังคงจ้องมองเขาอย่างซื่อบื้อ ฉู่เฉินก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูด“โอเค อาจารย์”เยว่ฟู่หลงเหยียบคันเร่งและรถออฟโรดสีดำ ก็พุ่งออกไปเหมือนสัตว์ร้ายที่คำรามภายในสนามบินเมืองหลวงฉู่เหมิงเหยาลงจากเครื่องบิน หยิบสัมภาระของเธอ และเห็นฉู่เฉินรออยู่ที่นั่น ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉู่เฉินคือผู้หญิงที่สวยงามสี่คน“พี่หก ทางนี้”ก่อนที่ฉู่เฉินจะพูด หนิงชิงเสว่ก็ตะโกนออกไปอันที่จริง แม้ว่าหนิงชิงเสว่จะไม่ตะโกน แต่ฉู่เหมิงเหยาก็คงจะเห็นแล้วเธอก้าวเท้าและเดินไปข้างหน้าเมื่อรู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับพี่สาวคนอื่น ๆ ฉู่เฉินกังวลว่าอาจจะเกิดความอึดอัด ฉู่เฉินจึงรีบแนะนำทุกคนทันที“พี่หก นี่คือพี่สาม เฉียวหานอวี้ ศิษย์โดยตรงของหมอเทวดา หลี่ซ่าง นี่คือพี่สี่ หลินอี้นัว ศิษย์สายตรงของหัวหน้านิกายเมียวห
“แกเป็นใคร?” จ้าวฟางเซียงถามโดยไม่รู้ตัว“ฉันชื่อฉู่เฉิน”เดิมทีฉู่เฉินคิดว่าในฐานะสมาชิกตระกูลจ้าวในเมืองหลวง จ้าวฟางเซียงต้องเคยได้ยินชื่อเขามาบ้าง และเมื่อรู้ว่าเป็นเขา อีกฝ่ายก็จะยับยั้งชั่งใจตัวเองได้บ้างโดยไม่คาดคิด หลังจากพูดชื่อของเขา จ้าวฟางเซียงก็หัวเราะออกมา“ฉันไม่สนใจว่าแกเป็นใคร ก็แค่ไอ้หน้าอ่อน แกยังกล้าประกาศชื่อของแกต่อหน้าฉัน มั่นหน้ามั่นโหนกจริง ๆ แต่น่าเสียดาย เมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน จ้าวฟางเซียง แกไม่ได้มีโอกาสที่จะหยิ่งยโส แก….”จ้าวฟางเซียงยังคงพูดไม่หยุดเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าชายชราที่ยืนอยู่ข้างหลังจ้าวฟางเซียงในตอนแรก มีสีหน้าหวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อของฉู่เฉินจริง ๆ แล้วเขาคือฉู่เฉิน ฉู่เฉินผู้ทำลายล้างตระกูลฉินเพียงลำพัง!ในบรรดาตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ฉู่เฉินกลายเป็นสิ่งต้องห้าม โดยเฉพาะในหมู่ผู้ที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับตระกูลฉู่ชายชราเดินไปหาจ้าวฟางเซียงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ขัดจังหวะการพูดของเขา และกระซิบที่หูของเขา“นายน้อย เขาคือฉู่ซวนหวู่ ฉู่ซวนหวู่ที่ฆ่าล้างบางตระกูลฉิน!”เมื่อได้ยินแล้วจ้าวฟางเซียงก็รู้ว่าฉู่เฉินเป็นใครไม่น่าแปลกใจ ที่จะฟังดู
เมื่อได้ยินเยว่ฟู่หลงกับเว่ยอิงลั่ว เรียกตัวเองเช่นนี้สำหรับหนิงชิงเสว่นั้นไม่เป็นไร เพราะยังไงฉันก็เคยได้ยินคำพูดที่สนิทสนมกว่านี้มาก่อนคนที่เหลืออีกสามคน ไม่ว่าจะเป็นเย่ชิงชาน หลินอีนัว หรือเฉียวหานอวี้ต่างก็หน้าแดงแจ๋ฉู่เฉินพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว“พี่สาว อย่าไปสนใจพวกเขา พวกเขาเคยพูดจาไร้สาระ ไปคุยกันต่อบนรถดีกว่า”“อืม”ทั้งสามคนไม่คัดค้าน แต่ทุกคนรีบวิ่งไปที่รถที่อยู่ข้างหลังพวกเขา“หยุด!”เสียงเย็นชาดังขึ้น ทำให้ฉู่เฉินหยุดชะงัก ร่างหนึ่งก้าวมาข้างหน้าเฉียวหานหยู่ ขวางทางของเธอฉู่เฉินเดินเข้าไปและมองไปที่ชายคนนั้น“พี่สาม คุณรู้จักเขาไหม?”“ไม่รู้จักเลย” เฉียวหานอวี้ตอบพร้อมเอียงหัวอย่างไม่ใส่ใจ“งั้นก็อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ขึ้นรถกันเถอะ”ฉู่เฉินจับมือเธอเบา ๆ ช่วยประคองเธอขึ้นรถ ขณะที่เขาเปิดประตูค้างไว้การเห็นตัวเองถูกเมินอย่างซึ่ง ๆ หน้า ถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับจ้าวฟางเซียง เขาไม่เพียงแต่เคยคิดจะใช้เงินห้าสิบล้านหยวนเพื่อเอาชนะใจเธอเท่านั้น แต่ตอนนี้เขากลับถูกเมินอย่างสิ้นเชิง และที่แย่ไปกว่านั้น ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าและหล่อกว่าคนนี้ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอี
“คุณหนูเฉียว คุณจะไปไหน ฉันจะพาคุณไปส่งเอง”จ้าวฟางเซียงไม่รู้ว่า มั่นหน้ามั่นโหนกมาจากไหน จึงเอื้อมมือไปหามือหยกอันบอบบางของเฉียวหานอวี้ เพื่อจับมือเธอเฉียวหานอวี้เบี่ยงตัวและหลบไป“นายจะทำอะไร?”“เฮ้ ๆ ทำอะไรอยู่ เป็นเรื่องปกติที่ฉันจะไปส่งคุณกลับบ้าน ไม่ใช่แค่คุณเท่านั้น แต่รวมถึงพวกคุณทุกคนด้วย”เมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้สามารถหลบมือของตัวเอง ได้อย่างง่ายดายจ้าวฟางเซียงไม่ได้สนใจ และยื่นมือเของเขาออกไปอีกครั้ง“นายบ้าไปแล้วหรือไง ตอนกลางวันแสก ๆ ฉันสามารถแจ้งความอนาจารนายได้!”เฉียวหานอวี้หลบอีกครั้งและพูดจาเย็นชา“บอกฉันสิ? ดูเหมือนว่าคุณยังไม่เข้าใจน้ำหนักของคำว่าตระกูลจ้าวแห่งเมืองหลวง ใครในเมืองนี้ที่กล้าเข้ามายุ่งกับฉัน จ้าวฟางเซียง!”จ้าวฟางเซียงพูดจาเย่อหยิ่งเมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้หลบได้อีกครั้ง จ้าวฟางเซียงก็รู้ว่า แม้เขาจะโง่แต่ผู้หญิงคนนี้คือวรยุทธ ถึงจะไม่สามารถรับรู้ระดับวรยุทธของผู้หญิงคนนี้ได้ แต่ระดับวรยุทธของเธอก็อาจจะเท่ากับเขา คาดว่าผู้หญิงคนนี้ได้ฝึกฝนวิชามาเหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงหลบเลี่ยงเขาได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลังจากเข้าใจแล้ว จ้าวฟางเซียงก็พูดอย่