“เด็กโง่!” เฉินฝานบีบจมูกอันงดงามของฉินเย่ว์โหรวเบาๆ “คนเหล่านั้นไม่ได้เห็นเสียหน่อยว่าพวกเรามีลูกหลังจากนั้นเอาไปพูดมั่วซั่ว เจ้าก็ยังเชื่ออีก!” “แต่ว่า...... สีหน้าของฉินเย่ว์โหรวก็ยังคงกังวล“ข้าน้อยเห็นท้องโตมาตั้งมากมายแล้ว แต่ไม่ใหญ่ขนาดข้าเช่นนี้ ยังมี......อื้อ......” เห็นดวงตาสองข้างของฉินเย่ว์โหรวแดงเล็กน้อย เฉินฝานใจเจ็บ เชิดหน้านางขึ้นจูบปากของนางอย่างไม่คิดในช่วงเวลาที่ตั้งท้องฉินเย่ว์โหรว อารมณ์อ่อนไหวง่าย ก็ถูกเฉินฝานปลอบประโลมด้วยดูดคลึงริมฝีปากเช่นนี้......ผ่านไปครู่หนึ่งเฉินฝานลูบท้องของฉินเย่ว์โหรวเบาๆ “เด็กดี อย่าคิดมากเลย เพราะในท้องของเจ้าไม่ได้มีแค่ลูกคนเดียว ดังนั้นตั้งใหญ่กว่าปกติอยู่แล้วสิ” “จริงหรือ?”ดวงตากลมคู่นั้นของฉินเย่ว์โหรวสุกสกาวราวกับดวงดาว ขนตาก็เปล่งประกายอีกด้วยมองจนใจของเฉินฝานแทบจะละลายแล้ว เขาจุ๊บท้องฉินเย่ว์เจียวโหรว“ถ้าไม่จริงจะทำอะไรข้าก็ได้เลย!”“เช่นนั้น......” ฉินเย่ว์โหรวก้มหน้ามองท้องตนเอง สายตาเต็มด้วยความรักของแม่ที่มีต่อลูก “ท้องของข้าน้อยมีลูกสองคน?”ลูกฝาแฝดฉินเย่ว์โหรวเคยได้ยินมาเท่านั้น ยังไม่เคยพบไม่
คนด้านนอกที่ทุบประตูตัวไถลเข้ามา ทุกคนร่างทับกันไปมารวมกันเป็นกลุ่มก้อน เสียงร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อนตอนที่เปิดประตูเฉินฝานก็ถอยหลังออกมาแล้ว เอามือไพล่หลัง มองทุกสิ่งอย่างสงบนิ่งหลังที่ผ่านไปสิบกว่านาที คนที่กองรวมกันจึงแยกตัวออก คนที่อยู่ด้านล่างสองสามคนโดนทับจนได้รับแผลฉกรรจ์ ครอบครัวของพวกเขาร้องไห้ฟูมฟายหามคนออกไป“เฉินฝาน เจ้าสมควรตายไปเสีย”“เจ้าจะต้องจงใจเป็นแน่!”คนเหล่านั้นเอาความโกรธมาลงที่เฉินฝานเฉินฝานผายมือออก พูดอย่างบริสุทธิ์ใจว่า “ทั้งที่พวกเจ้ามาทุบประตูบ้านให้ข้าโผล่หัวออกมาแท้ๆ ข้าก็ตอบรับคำขอของพวกเจ้า เปิดประตูออกมา เหตุใดจึงยังบอกว่าข้าจงใจกันล่ะ?”“......”เหล่าผู้คนถูกเฉินฝานพูดจี้ใจดำจนน้ำท่วมปากเรื่องราวก็เป็นเช่นนี้จริงๆพวกเขาคงจะไม่มีใครคิดหรอกว่าเฉินฝานจะเปิดประตูออกมาเอง คนปกติเมื่อได้ยินสถานการณ์เช่นนี้ สิ่งที่คิดก็ต้องเป็นการหลบหนีเมื่อครู่ตอนที่อยู่ด้านนอกพวกเขาได้ยินหลี่ซานให้เฉินฝานรีบหนีไป พวกเจ้าจึงลนลาน จึงใช้แรงมากขึ้นไปอีก“เขาจงใจเบี่ยงเบนความสนใจพวกเรา ทุกคนอย่าลืมจุดหมายที่เรามาในครั้งนี้สิ” ชาง
“คุณพระ!”“น้องสี่!”“พี่สี่!”ฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์ฉู่พุ่งตัวเข้าไปพร้อมกันเย่ว์หนูพยายามจะลืมสองตาที่ถูกทำลายไปแล้วขึ้นมาสายตาพร่ามัว“นาย......นายท่าน ขอ......อภัย เย่ว์หนูไม่ดีเอง เย่ว์หนูไม่สามารถปกป้องนายหญิงไว้ได้”เย่ว์หนูไม่เพียงได้รับบาดเจ็บที่ตาสองข้างเท่านั้น แผ่นหลังเองก็เต็มไปด้วยแผลเช่นกันเลือดสีสดไหลลงมาจากแผ่นหลัง ผสมปนเปอยู่กับฉินเย่ว์โหรว“ใครทำ ใครทำร้ายเย่ว์โหรวและลูกของข้า ใครทำวะ?”เฉินฝานในตอนนี้ ก็เหมือนสิงโตตัวหนึ่งที่กำลังโกรธจัด แววตาผุดเปลวไฟที่สามารถแผดเผาคนได้“นาย.......ท่าน นายหญิงเย่ว์โหรวไม่ได้รับบาดเจ็บ ทว่านางตกใจจนหมดสติไป จะคลอดแล้ว เร็ว...... ถ้าช้าไปอีกก็......แค่ก!”เย่ว์หนูกระอักเลือดออกจากปาก เป็นลมล้มพับหมดสติกับพื้นไป“เย่ว์หนูเย่ว์หนู......หมอ เย่ว์เจียวเจ้ารีบไปตามหมอกับหมอตำแยทำคลอดมา!”“หมอข้าไปเรียกให้ก็ได้ น้องเย่ว์เจียวไปเรียกหมอตำแยมาเถอะ!” หลี่ซานกล่าว“รับทราบ!”ฉินเย่ว์เจียวและหลี่ซานรีบออกไปอย่างรีบร้อนเฉินฝานอุ้มฉินเย่ว์โหรวขึ้น ในขณะเดียวกันก็ออกคำสั่งและแนะนำพวกสุ่ยเซียนโบตั๋นทำแผลให้เย่ว์หนูบาดแผล
ฉินเย่ว์โหรวที่อยู่บนเตียงเรี่ยวแรงยิ่งโรยราลงไปเรื่อยๆพวกเย่ว์เจียวเสียเวลาอยู่ด้านนอกไปนานขนาดนั้น น้ำคร่ำของฉินเย่ว์โหรวแตกแล้ว รอให้หมอตำแยมาทำคลอดก็ไม่ทันแล้ว“เย่ว์เจียว มา!”เฉินฝานอุ้มฉินเย่ว์โหรวเดินออกไปด้านนอกทันทีด้านนอกประตูใหญ่จวนเฉิน เต็มไปด้วยความโกลาหลวุ่นวายผู้คนด้านในสามชั้น ด้านนอกสามชั้นล้อมบ้านเฉินฝานไว้ ฉินเย่ว์เจียวและหลี่ซานที่อยากจะพุ่งออกไป ถูกคนที่ขวางประตูเบียดเสียดปะปนเข้าด้วยกัน ฉินเย่ว์เจียวอยากหยิบธนูขึ้นมาก็ยังทำไม่ได้เลยเพราะคนพวกนั้นเบียดนางจนไม่มีช่องว่างแม้แต่น้อยจางเจิ้งห้าวส่งนักว่าการมาจำนวนมาก ทว่านักว่าการก็เยอะไม่เท่ากับราษฎรอยู่ดี พวกเขาเองก็ถูกห้อมล้อมจนขยับไปไหนไม่ได้เช่นกันเสียงโวยวาย เสียงตะโกน เสียงกรนด่าผสมปนเปกันไปหมด“อ้าก!”ฉินเย่ว์โหรวที่แต่เดิมก็ทรมานมากอยู่แล้ว เสียงเอะอะโวยวายเหล่านี้ทำให้นางสติแตกกระเจิงทันทีนางปิดหูพลางกรีดร้องทว่าการกรีดร้องทำให้นางอ่อนแอลงกว่าเดิม เสี่ยงอันตรายมากขึ้น“เย่ว์โหรว เพื่อลูก เจ้าต้องสงบสติอารมณ์นะ” เฉินฝานใช้เสื้อผ้าปกปิดนางไว้ เพื่อเสียงที่จะมากระทบกับโสตประสาทของนางเบาลง
ผ่านไปชั่วครู่เดียว คนที่ถือมีดทำครัวรุดหน้าขึ้นมา หยุดอยู่ตรงนั้นไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย ราวกับว่าถูกตอกติดกับพื้นดินรังสีอาฆาตในแววตาของเฉินฝานไร้สิ่งปกปิด ทำให้พวกเขาอกสั่นขวัญแขวนตอนนี้ เขาไม่ใช่มนุษย์ เขาคือเทพแห่งความตายทุกตัวอักษรในคำพูดของเขาล้วนเป็นกลิ่นอายแห่งความตายเฉินฝานอุ้มฉินเย่ว์โหรว ค่อยๆรุดหน้าไปทีละก้าว คนที่ปิดล้อมเขาไว้ก็ถอยไปเรื่อยๆเช่นกันไม่มีใครกล้าสกัดกั้นไว้!“อย่าไปกลัว เขาแค่ขู่ขวัญพวกเรา!”“ปิดล้อมเขาไว้ จะให้เขาออกไปไม่ได้!”ชางเฟยอวี่คอแหบแห้งไปหมดแล้ว ทว่าคนเหล่านั้นราวกับไม่ได้ยินคำพูดของเขา คนที่ถอยหนีก็ยังคงถอยต่อไปหลังจากปีศาจร้ายออกมาน่าหวาดกลัว ทว่าเฉินฝานในตอนนี้น่าหวาดกลัวกว่าเสียอีก“เย่ว์เจียว เร็วเข้า รีบเอารถม้าไปจอดที่ประตูหน้า”หลี่ซานพูดเตือนฉินเย่ว์เจียวเฉินฝานในตอนนี้ สามารถเดินออกมาจากประตูใหญ่ได้สำเร็จ“โอ้ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!”ฉินเย่ว์เจียวกระโดดทะยานสองสามก้าว ก็หายวับไปแล้วหลี่ซานตกตะลึงฝีมือของฉินเย่ว์เจียว ถูกเฉินฝานฝึกฝนให้เก่งกาจขนาดนั้นแล้วหรือ?!ประตูหน้าตระกูลเฉิน“นายท่าน ข้า......ท้อง......เจ็บปวดเหลือ
เฉินฝานถอดเสื้อด้านนอกของตัวเองออก มัดเข้ากับสองข้างของรถม้าอย่างคล่องแคล่ว ในขณะเดียวกันก็ออกคำสั่งกับฉินเย่ว์เจียวที่ตะลึงงันจนยืนแข็งทื่อเหมือนหุ่นไก่ “ไม่ต้องตะลึง ไม่ต้องตกใจ ตอนนี้เจ้าเข้าไปในจวน เอาเสื้อผ้ากับผ้าห่มผืนเล็กของเย่ว์โหรวออกมา ให้เสาเย่าต้มน้ำร้อนสองสามหม้อใหญ่ ให้เหมยกุ้ยเอามุ้งกันยุงที่ซักใหม่ ตัดออกมาเป็นชิ้นๆเอาไปทำผ้าพันแผลให้ข้า แล้วก็ให้เย่ว์จี้เอากรรไกรไปอังไฟให้ขึ้นสีแดง หลังจากนั้นก็เอามาให้ข้าทั้งหมด”“......ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้!”ในสถานการณ์แบบนี้จะมาถามว่าเจ้าทำคลอดเป็นหรือไม่ มันก็ไม่มีความหมายแล้วไม่นานนักฉินเย่ว์เจียวหอบกองเสื้อผ้าและผ้าห่มผืนเล็กๆมาเหมยกุ้ยหอบผ้าพันแผลที่ทำจากมุ้งกันยุงกองใหญ่มาเย่ว์จี้นำกรรไกรสองสามอันที่อั่งไฟจนขึ้นสีแดงมาเช่นกันเสาเย่าพาสาวใช้คนอื่นยกน้ำร้อนออกมาจากในจวนทีละอ่าง“เย่ว์โหรว!”เฉินฝานพยุงฉินเย่ว์โหรวที่หมดสติขึ้นมา“จะหลับไม่ได้นะ ถ้าเจ้าหลับไป เหล่าลูกน้อยจะหลับไปตลอดกาล เพื่อเหล่าลูกน้อย เจ้าต้องแข็งแกร่งนะ”หญิงสาวที่เดิมอ่อนแอ ในการเป็นแม่ต้องแข็งแกร่งเมื่อได้ยินว่าหากนางหลับไป ลูกน้อยในท้อง
ลูกชายหรือลูกสาว?ฉินเย่ว์เจียวหันหน้ากลับไปพร้อมใช้สายตาถามเฉินฝานเอ่อ...เฉินฝานชะงักครู่หนึ่งภายในใจของเขาคิดเพียงขอให้ฉินเย่ว์โหรวและลูกปลอดภัย ไม่ได้สนใจว่าลูกจะเป็นเพศชายหรือเพศหญิง“เจ้าเปิดก็ได้คำตอบแล้วไม่ใช่หรือ”เฉินฝานเป็นห่วงแต่ฉินเย่ว์โหรว ในท้องของฉินเย่ว์โหรวมีทารกอีกคนที่ยังไม่ออกมา“เย่ว์โหรว มีลูกน้อยที่ยังไม่ออกมา สู้ๆ ออกแรงหน่อย ออกแรงอีกหน่อย!”เฉินฝานให้กำลังใจ พร้อมกดท้องฉินเย่ว์โหรวลงเบาๆเขาจำได้ว่าเมื่อก่อนตอนเขาช่วยต้าฮวงทำคลอด มารดาในฐานะหมอผดุงครรภ์สอนเขาแบบนี้ตอนศีรษะของทารกน้อยไม่ออกมา ให้กดท้องลง เพื่อให้ทารกลื่นไหล หลังจากรอศีรษะออกมา...ขณะเฉินฝานและฉินเย่ว์โหรวกำลังขะมักเขม้นคลอดลูก ทางด้านฉินเย่ว์เจียวเปิดผ้าของทารกน้อยด้วยความระมัดระวัง“เป็นเด็กผู้ชาย เด็กผู้ชาย!”เสียงร้องด้วยความดีใจของฉินเย่ว์เจียว ดังก้อง“จริงหรือเจ้าคะ?” เหมยกุ้ย เย่ว์จี้และสาวใช้คนอื่นๆ และวิ่งมาล้อมวง“จริงๆ ด้วย นายท่านของเรามีลูกแล้ว ทั้งยังเป็นลูกชาย”เสียงของสาวใช้ดังก้อง ทั้งยังเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ บางคนถึงขั้นร้องไห้ทุกวันที่ผ่านมา พวกนางถ
“เฉินฝานออกมาแล้ว!”ไม่รู้ว่าเป็นเพราะยังกลัวคำพูดคำนั้นของเฉินฝานหรือไม่ ให้พวกเขาชดใช้ด้วยความตายหลังจากเฉินฝานออกมาจากรถม้า คนพวกนั้นก็หยุดเงียบ“ทุกคนไม่ต้องกลัวเขา คำพูดของเขาเพียงขู่ให้หวาดกลัวเท่านั้น พวกเรามีตั้งมากมาย ยังจะสู้เขาไม่ได้หรือ...”“ฟิ้ว!”เฉินฝานคว้าไข่มุกบนผมของฉินเย่ว์เจียวออกมาชางเฟยอวี่ไม่กล้าพูดให้จบประโยค ซ่อนตัวอยู่หลังบ่าวรับใช้ของตนเองราวกับนกกระทา เฉินฝานทำตาเขาบอดไปข้างหนึ่งแล้ว เขากลัวจะเสียตาอีกข้างหนึ่งไปมือของเฉินฝานจับไข่มุกแน่น ลงจากรถม้า เดินไปหาชางเฟยอวี่ทีละก้าว“เฉินฝาน!” ชางเฟยอวี่แกล้งทำเป็นนิ่งสงบ เขาร้องตะโกนด้านหลังบ่าวรับใช้ด้วยความโอหัง “เจ้าอยากจะทำเหมือนเดิม อยากทำร้ายดวงตาของข้าอีก ข้าขอบอกเจ้า ฝันไปเถอะ ตอนนี้คนมากมายกำลังมองดูอยู่ ขอเพียงเจ้ากล้าลงไม้ลงมือ ข้าจะร้องเรียนเจ้าแน่นอน ให้เจ้าใช้ชีวิตอยู่ในคุกตลอดไป!”“เสี่ยวฝาน อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม” จางเจิ้งห้าวเตือนเฉินฝานเสียงเบาครั้งก่อนตระกูลชางตั้งตัวไม่ทัน พวกเขาจึงทำสำเร็จสำหรับความโอหังของชางเฟยอวี่และการตักเตือนของจางเจิ้งห้าว เฉินฝานราวกับไม่ได้ยินอย่างไรอย่างนั
เฉินฝานที่พักสายตาโดยตลอดลืมตาขึ้น “ครอบครัวผู้เฒ่ามีหลานสาวสิบคนที่ยังมิได้ออกเรือนงั้นหรือ?”“เฮ้อ หากจะกล่าวให้ถูกต้องคือมีทั้งหมดสิบห้าคน มีห้าคนที่คิดว่าตนเองอายุมากแล้ว กลายเป็นภาระของคนในบ้านจึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย”เสียงของผู้เฒ่าตาบอดตะกุกตะกักเป็นอย่างมาก “ปีที่แล้วผูกคอตาย เดือนที่แล้ว ก็มีอีกสองคนที่จวนจะ...โชคดีที่ยายเฒ่าไปเจอเสียก่อน มิเช่นนั้นก็คง...”ผู้เฒ่าตาบอดพูดมิออกแล้ว มีเพียงดวงตาที่ขาวโพลนมิมีตาดำพรั่งพรูน้ำตาอุ่นๆออกมามิหยุดอากาศหนาวจนถึงจุดเยือกแข็ง มินานนักน้ำตาก็แข็งตัวเป็นน้ำแข็งคำพูดของผู้เฒ่าตาบอดแทงใจดำของเย่ว์หนูในตอนแรกที่นางอยู่ในครอบครัว ก็มีพี่น้องสิบคนเช่นกัน รายชื่อล้วนถูกแจ้งไปที่จวนอำเภอแล้ว ทว่าต่อให้ถูกส่งตัวไปแล้ว ท้ายที่สุดก็ถูกส่งตัวคืนมาอยู่ดีหากมิใช่ตอนนั้นเห็นว่าเฉินฝานกำลังรับกองกำลังหญิงพอดี ตอนนี้นางก็คงจะเป็นวิญญาณสาวเร่ร่อนตนหนึ่งในอำเภอผิงอันไปเรียบร้อยแล้ว“เช่นนั้นพ่อแม่เหล่าหลานสาวของท่านล่ะ? พวกเขามิสนใจพวกนางเลยหรือ?”ถึงแม้จะยากลำบาก พ่อแม่ของเย่ว์หนู ก็ยังดูแลพวกนางอย่างดีที่สุด“เฮ้อ~”เมื่อได้ยินคำพูดของเย่ว์ห
“ตอบคำถามข้ามา!”“คำถามของเจ้างั้นรึ? คำถามอันใดกัน?”“อย่ามาแกล้งโง่!”“นี่ ๆ ข้ามิได้แกล้งเสียหน่อย!” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นของเซียนเจี้ยนหวงทำเหมือนกับว่ามิมีความผิด “เมื่อครู่ข้าเผลอหลับไป ได้ยินมิชัดเจนจริง ๆ เจ้ากล่าวว่าตำหนักเซียวเหยารึ? ตำหนักเซียวเหยาคืออะไรกัน?”“จุดประสงค์ที่ตำหนักเซียวเหยายังคงอยู่คืออันใด เจ้าก็รู้แก่ใจดีมิใช่รึ หรือว่าเจ้าจะรอให้ผู้ชายจำนวนมากต้องถูกสังหารโดยที่เจ้ามิทำอันใดเลยงั้นรึ”“เพื่อนของซูซิวฉีเป็นเช่นนี้งั้นรึ?”เฉินฝานมองซียนเจี้ยนหวงอย่างมิละสายตา“ข้า ข้า...” ในท้ายที่สุดเสียงของเซียนเจี้ยนหวงก็ขาดหายไป “ข้าทำได้เพียงรับปากเจ้าว่าจะมิยอมให้คนของตำหนักเซียวเหยาสังหารชายผู้บริสุทธิ์ไม่เลือกหน้าอย่างเด็ดขาด”“เรื่องอื่นข้าก็มิรู้แล้ว เจ้ามิต้องถามข้าแล้ว” เซียนเจี้ยนหวงวิ่งหายไปในกลีบเมฆทันทีตอนที่เฉินฝานเดินออกจากหลุมศพของเมี่ยวอวี่แล้วเดินมาตรงถนน เห็น...“เย่ว์หนู ไฉนเจ้ายืนอยู่คนเดียว? รถม้าล่ะ?”เฉินฝานกล่าวถามเย่ว์หนูสีหน้าคับข้องใจยืนอยู่บนถนนโดยลำพังนิสัยของเย่ว์หนูค่อนข้างคล้ายคลึงกับผู้ชาย น้อยครั้งที่จะเป็นเช่นน
ความเย็นที่หัวไหล่ปลุกฉินเย่ว์เหมยที่กำลังเคลิบเคลิ้มให้ตื่นจากภวังค์“ชายมักมาก!”ฉินเย่ว์เหมยที่อับอายจนโมโหถีบเฉินฝานออกไปทันที“โอ๊ย ๆ ๆ!”เฉินฝานกุมท้องที่ถูกถีบจนเจ็บปวดกลิ้งตัวไปมา ครั้งนี้เป็นความเจ็บของจริงทว่าครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยเพิกเฉยอย่างจริงจัง มิว่าเฉินฝานจะร้องอย่างไร นางก็จะมิเดินเข้าไปหาอีกนางพร่ำบอกตนเองเสมอนางเป็นจักรพรรดินีของต้าชิ่ง ๆชีวิตของนางถูกลิขิตให้อุทิศแก่ราชวงศ์ต้าชิ่ง นางจะอภิเษกสมรสมิได้“ตอนนี้ก็เป็นเวลาดึกดื่นแล้ว เจ้ายังมีเรื่องอันใดจะกราบทูลอีกหรือไม่? หากมิมีก็กลับไปเถอะ”ความเจ็บตรงท้องของเฉินฝานเพิ่งจะจางหายไป โสตประสาทก็ได้ยินเสียงอันเยือกเย็นของฉินเย่ว์เหมยเมื่อเงยหน้ามอง เห็นว่าฉินเย่ว์เหมยที่นั่งตรงข้ามกับเขาได้กลับสู่ท่าทางเย่อหยิ่งเยือกเย็นดังเดิมแล้วเฉินฝานยักไหล่หากต้องการพิชิตจักรพรรดินีท่านนี้ ดูแล้วหนทางด้านยังอีกยาวไกลสินะ“ข้ามิได้มีเรื่องอันใดเป็นพิเศษ เดิมทีก็แค่อยากเจอเจ้า”เฉินฝานจัดเสื้อผ้าตนเองเล็กน้อย เขาก็เตรียมตัวที่จะจากไปแล้วเช่นกันหลังจากที่กลับมาพบกับพวกฉินเย่ว์โหรวอีกครั้ง ก็อยู่ในสถานการณ์เสี่ย
“เจ้า...เจ้าผู้ชายมักมาก ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”ฉินเย่ว์เหมยที่สูญเสียการทรงตัวไถลเข้าไปในอ้อมอกของเฉินฝาน ใบหน้าขึ้นสี ใช้มือผลักเฉินฝานออกไป“มิปล่อย!”เฉินฝานกอดรัดแน่นกว่าเดิม“เจ้าตัวหอมนุ่มนิ่มเช่นนี้ ข้าจะตัดใจยอมปล่อยได้อย่างไรกัน”“เจ้า!” ฉินเย่ว์เหมยโกรธจนตัวสั่น “หน้าด้านไร้ยางอาย!”“ถูกต้อง!” เฉินฝานทำท่าทีหน้าด้านหน้าทน “ข้าก็เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด ฝ่าบาทท่านเพิ่งมารู้ตัวตอนนี้งั้นหรือ?”“เจ้า...”ฉินเย่ว์เหมยยื่นมือออกไปคิดที่จะผลักเฉินฝานออกอีกครั้ง“ห้ามขยับตัว!” เฉินฝานจับมือสองข้างของฉินเย่ว์เหมยไว้ “เจ้าให้ข้านอนพักสักครู่ได้หรือไม่?”ระหว่างที่พูด เฉินฝานก็ปล่อยมือของฉินเย่ว์เหมย หยิบหมอนมาไว้บนตักของนางสองสามเดือนที่ผ่านมานี้ หากเขามิได้อยู่ในเส้นทางการสู้รบกำจัดกบฏ ก็เผชิญความยากลำบากที่คาบเกี่ยวกับความตายห้องของฉินเย่ว์เหมยอบอุ่น เรือนร่างของฉินเย่ว์เหมยกลิ่นช่างหอมหวนยิ่งนัก ทำให้เฉินฝานได้สัมผัสกับความอบอุ่นและความปลอดภัยที่มิเคยรู้สึกมาก่อน“อยากนอน เจ้าไยมิกลับห้องตนเอง...”ฉินเย่ว์เหมยหยุดพูดทันที เพราะนางเห็นว่าเฉินฝานที่นอนหนุนตักของนางได้หลับไ
ยามค่ำคืนสำนักบัณฑิตเมืองเซียนตูตอนนี้เป็นที่พำนักของฉินเย่ว์เหมยชั่วคราวณ เรือนหลักลานกลางฉินเย่ว์เหมยสวมชุดบรรทมสีเหลือง ก้มหน้าก้มตาอ่านสาสน์กราบทูล“นี่โกรธข้าอยู่งั้นหรือ มิใช่ว่าข้ามิอยากพบเจ้าในทันทีเสียหน่อย กองกำลังทหารหลวงของหลี่ชิ่งปิดล้อมจวนเจ้าเมืองอย่างแน่นหนา เข้าได้ไปยากยิ่งนัก!”เฉินฝานพูดอธิบายกับฉินเย่ว์เหมย ฉินเย่ว์เหมยกลับเพิกเฉยมิได้สนใจเขาแม้แต่น้อยเฉินฝานเดินไปทางซ้าย นางก็จะหันหน้าไปทางขวาเฉินฝานเดินไปทางขวา นางก็จะหันหน้าไปทางซ้ายอย่างไรเสียมิว่าเฉินฝานจะพยายามเพียงใด นางก็จะมิสบตากับเฉินฝานหมดหนทางแล้วจริง ๆ เฉินฝานจึงแย่งสาสน์กราบทูลในมือฉินเย่ว์เหมยมา จากนั้นมิพูดมิจาดึงฉินเย่ว์เหมยเข้ามาในอ้อมอกทันที“เจ้า เจ้าผู้ชายมักมาก!”ฉินเย่ว์เหมยมีวรยุทธ์ต่อสู้ติดตัว และฝีมือยอดเยี่ยมอีกด้วยตบสองสามทีก็สามารถทำให้เฉินฝานลงไปนอนกับพื้นได้“โอ๊ย ๆ ๆ เจ็บเหลือเกิน เจ็บจะตายแล้ว!”เฉินฝานกุมท้องตนเอง กลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้น“เจ้าอย่ามาแสร้ง...”ราวกับเฉินฝานมิได้ยินคำพูดของฉินเย่ว์เหมย ยังคงกุมท้องกลิ้งไปกลิ้งมา สีหน้าแสดงถึงความเจ็บปวดสุดขีด“เจ
“เฉินฝาน ถึงแม้ตอนเจ้าจะเป็นอัครเสนาบดีขั้นหนึ่งระดับสูง ทว่าก็มิสามารถสังหารเลขาธิการขั้นสองระดับสูงอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้ได้!”เสิ่นหมิงหยวนที่พอจะสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เริ่มประณามเฉินฝาน“ถูกต้อง ในฐานะที่หยางอวิ๋นหู่เป็นเลขาธิการกรมโยธาธิการขั้นสอง ต่อให้จะทำความผิด ก่อนที่จะสังหารก็ต้องฝ่าบาทออกคำสั่งก่อนจึงจะสังหารได้ อัครเสนาบดีเบื้องซ้ายทำเกินไปแล้ว”“เพิ่งจะได้รับตำแหน่งอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย ก็กำเริบเสิบสานแล้วหรือ? คิดว่าสามารถสังหารขุนนางที่ยศน้อยกว่าเขาได้ ตามอำเภอใจงั้นหรือ?”“คนที่โหดเหี้ยม และมิให้เกียรติฝ่าบาทเช่นนี้ จะสามารถเป็นอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายเยี่ยงไร?”มีขุนนางจำนวนมากที่เดือดดาลกับการกระทำของเฉินฝานแน่นอนว่าเหล่าคนที่เดือดดาลเหล่านั้น ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวน“ฝ่าบาท!” เสิ่นหยวนเลี่ยงรีบเดินออกมาจากด้านหลังเสิ่นหมิงหยวนทันที “ท่านอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย...”“ชิ้ง!”เฉินฝานตวัดกระบี่ในมือชี้ไปที่เสิ่นหยวนเลี่ยงทันที “ถ้าเจ้ายังพูดพล่ามอีก อย่าหาว่ากระบี่ในมือข้าไร้ความปรานี”น้ำเสียงเฉินฝานดุดันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ท่าทางโหดเหี้ยมอย่างมา
“ฝ่าบาท”เฉินฝานพุ่งตัวขึ้นไป ส่ายหน้าให้กับฉินเย่ว์เหมยหลี่ชิ่งยังมีทหารหลวงประจำการอยู่ด้านนอกเมืองเซียนตูห้าหมื่นกว่าคน สามารถเคลื่อนทัพตามคำสั่งของเสิ่นหมิงหยวนได้ทุกเมื่ออำนาจของเสิ่นหมิงหยวนเป็นปึกแผ่นอย่างมาก ตอนนี้หากอยากจะโค่นล้มเสิ่นหมิงหยวนในคราเดียว ต้องบีบบังคับให้เสิ่นหมิงหยวนจนตรอกให้ได้สถานการณ์ตอนนี้ ควรปล่อยตามน้ำไปก่อนน้ำเสียงของฉินเย่ว์เหมยผ่อนคลายลงแล้ว “ทหารหลวงรวมพลมากมายอยู่ที่แห่งนี้ ข้าคิดว่าใต้เท้าเสิ่นจะก่อกบฏเสียอีก?”เสิ่นหมิงหยวนเลิกคิ้วขึ้นทันที เขารู้ว่าฉินเย่ว์เหมยยอมอ่อนข้อแล้วเหมือนกับที่เฉินฝานคาดการณ์ เสิ่นหมิงหยวนได้เตรียมการโต้กลับไว้เรียบร้อยแล้ว ขอเพียงฉินเย่ว์เหมยออกคำสั่งโจมตีเขา เขาก็จะสั่งให้กองกำลังทหารหลวงห้าหมื่นคนของหลี่ชิ่งปิดล้อมเมืองทันทีเสิ่นหมิงหยวนรีบกล่าวอย่างลนลาน “ฝ่าบาทคิดจะทำให้ข้าน้อยตกใจตายหรือกระไร ข้าน้อยเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นคนหนึ่ง ไฉนจะคิดก่อกบฏได้”คำพูดนี้เสิ่นหมิงหยวน มิเพียงแสดงความจงรักภักดีเท่านั้น และยังเป็นการพูดจาเหน็บแนมเฉินฝานอีกด้วยอำนาจในการนำทัพกองกำลังลาดตระเวนยังคงอยู่ในมือของเฉินฝาน ถึงแม้
ตอนที่ห่างจากเฉินฝานอย่างน้อยสิบเมตร ฉินเย่ว์เหมยก็ลงจากเกี้ยวเดินลงมาสาวเท้ามาหาเฉินฝานอย่างเร่งรีบตอนที่ห่างจากเฉินฝานประมาณสามสี่เมตร ฉินเย่ว์เหมยกลับหยุดฝีเท้าของตนเองไว้หิมะค่อยๆโปรยปรายลงมาตอนที่ห่างกันประมาณสองสามเมตร ฉินเย่ว์เหมยและเฉินฝานยืนมองหน้ากันและกันห่างกันไปเพียงเวลาสั้นๆมิกี่เดือน ทว่ารู้สึกห่างจากเฉินฝานไปสองภพชาติจึงได้กลับมาพบกันอีกครั้งน้ำตาคลอเบ้า จวนจะเอ่อล้นไหลออกมาแต่ท้ายที่สุดก็ต้องฝืนกล้ำกลืนน้ำตากลับไปแต่ไรมานางมิเคยลืมนางเป็นจักรพรรดินี เขาเป็นขุนนางนางต้องเก็บอาการไว้!“เขาคือใต้เท้าเฉินจริงๆ”“ใต้เท้าเฉินฝานยังมีชีวิตอยู่!”ท่ามกลางเหล่าขุนนาง มีคนตะโกนลั่นด้วยความดีใจคนผู้นี้คือเลขาธิการกรมยุติธรรมไป่เผยหราน“ใต้เท้าเฉินคืนชีพจากความตาย ช่างเป็นโชคดีของพวกเราต้าชิ่งเสียจริง!”เหล่าขุนนางที่ปกติมิฝักใฝ่เป็นพวกของเสิ่นหมิงหยวนพากันซาบซึ้งใจ“เฉินฝาน!”เสียงตื่นเต้นดีใจครั้งนี้ดังกว่าเสียงดีใจก่อนหน้านี้เสียอีก“ไอ้หยา!”ร่างเงาหนึ่งพุ่งผ่านเหล่าขุนนาง ข้ามผ่านฉินเย่ว์เหมยไป เดินตรงไปหาเฉินฝานทันที“เป็นเจ้าจริงๆด้วย ช่างดีเ
ตวนซินอ๋องมิอยากเชื่อสายตาของตนเอง เขายกกำปั้นไปด้านหน้าเฉินฝานทันที หลังนั้นก็ชูสามนิ้วออกไปชูสามนิ้วแล้วตะโกนพูดขึ้นหนึ่งประโยค“หนึ่งกฎเกณฑ์ สองสตรี สามเงินเหวิน!”เมื่อตะโกนจบก็จ้องไปที่เฉินฝาน สื่อความหมายว่าถึงตาเจ้าแล้วเฉินฝานรู้สึกหมดคำพูดอีกครั้ง ถูกพลทหารหนึ่งพันปิดล้อมมิสำคัญ จวนจะถูกตัดหัวประหารก็มิสำคัญเช่นกันสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ...เฉินฝานก็ยกกำปั้นขึ้นมาชูนิ้วยื่นไปด้านหน้าตวนซินอ๋องเช่นกัน“สี่ฤดูกาล ห้าปรมาจารย์ หกที่นั่ง!”ทหารหลวงที่ปิดล้อมเฉินฝานและตวนซินอ๋องไว้มึนงงในบัดดลแม้กระทั่งหลี่ชิ่งที่เป็นหัวหน้าของพวกเขายังกวาดสายตามองไปรอบข้าง เขากำลังสงสัยว่านี้เป็นสัญญาณลับระหว่างเฉินฝานและตวนซินอ๋องหรือไม่“ถูกต้องทั้งหมด ๆ!”ตวนซินอ๋องดีใจออกนอกหน้าเดินไปกอดเฉินฝาน “เจ้าพูดรหัสลับของการเล่นทายตัวเลขถูกทั้งหมด เจ้าเป็นลูกเขยที่แสนดีของข้าจริงๆด้วย เจ้ายังมีชีวิตดังคาดสินะ”กำปั้นแห่งความปีติของตวนซินอ๋อง ทุบไปหลังเฉินฝานครั้งแล้วครั้งเล่าเฉินฝานรู้สึกวิงเวียนศีรษะ เขาจวนจะถูกพ่อตาของตนเองตบหลังจนแทบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว“ชาวบ้านใจกล้า ก่อความวุ่