ฉินเย่ว์โหรวเจ็บจี๊ดในใจ นางจำความขมขื่นและความน้อยใจของการไปวัดเทพอัปสรเพื่อแย่งชิงที่นั่งเมื่อปีที่แล้ววันนี้ของปีที่แล้ว เพิ่งถึงเวลาเหม่า[footnoteRef:1] นางโจวก็รีบเร่งพาพวกนางไปแย่งชิงที่นั่งในวัดเทพอัปสร [1: เวลาเหม่า หมายถึง ช่วงเวลา 05:00-07:00เช้า] เวลาเหม่าก็คือเวลาระหว่างห้าถึงหกโมงเช้าตระกูลผู้ดีมีอำนาจล้วนค่อนข้างเกียจคร้าน พวกเขาอยากขอพรเรื่องลูก แต่ไม่อยากตื่นเช้าเกินไป ขณะเดียวกันพวกเขาก็ต้องการให้แน่ใจว่าจะไม่ถูกเบียดออกไป จึงไปกดดันมัคานายกของวัดเทพอัปสร เมื่อทนแรงกดดันของผู้มีอำนาจเหล่านั้นไม่ได้ มัคนายกจึงประกาศเทพอัปสรผู้ประทานบุตรมีข้อกำหนด ผู้ที่เข้าแถวล่วงหน้าล้วนไม่เคร่งครัดพอ เฉพาะผู้ศรัทธาที่ออกเดินทางเวลาเหม่ากับสิบห้านาทีเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์เข้าวัดเพื่อขอบุตรได้ฉินเย่ว์โหรวสุขภาพไม่ดี ฉินเย่ว์เจียวจึงแบกนางวิ่งทางเขาเมื่อนางวิ่งมาถึงวัดเทพอัปสร เท้าของฉินเย่ว์เจียวก็เต็มไปด้วยแผลพุพองถึงกระนั้น สองพี่น้องก็ยังรู้สึกว่ามันคุ้มค่า เพราะพวกนางแย่งที่นั่งไว้ได้แต่ไม่คาดคิด เมื่อพวกนางเข้าแถวรอเข้าวัดเทพอัปสรอย่างมีความสุข นางโจวที่มาถึงทีหลัง
นั่นเป็นรถม้าม้าสี่ตัว ยิ่งไปกว่านั้นม้าทั้งสี่ตัวไม่มีตัวไหนไม่อ้วนท้วนและแข็งแรงเสียงกึกก้องดังขึ้นเรื่อย ๆ ฝุ่นและควันที่ลอยขึ้นจากถนนที่ม้าเหยียบย่ำนั้นเริ่มซัดเข้ามาในรถม้าม้าสี่ตัวคันนั้นม่านถูกเปิดออก เผยให้เห็นหน้าของชางเฟยอวี่ ดวงตาข้างขวาของเขาปิดไว้ด้วยผ้าปิดตาสีดำ ดังที่เฉินฝานพูดว่าตาของเขาใช้ไม่ได้แล้วชางเฟยอวี่เยาะเย้ยเฉินฝานอย่างภาคภูมิใจ “เฉินฝาน เจ้าไม่ได้มีอำนาจและร่ำรวยมากนักหรือ? ทำไมถึงมีรถม้าม้าสองตัวล่ะและยังเป็นม้าธรรมดา โถ ๆ ๆ ม้าแบบนี้ของเจ้า จะวิ่งเร็วสู้ม้าของข้าได้อย่างไรกันเล่า”“แต่ว่า แม้จะวิ่งช้าเกินไปและเข้าแถวเข้าวัดเทพอัปสรไม่ได้ก็ไม่มีผลกระทบใดกับเจ้าหรอก เพราะต่อให้เจ้าไปถึงคนแรกก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าเจ้าเป็นไอ้อ่อน/หัดได้ ฮ่า ๆ ๆ!” เสียงหัวเราะเยาะทำให้ใบหน้าของชางเฟยอวี่ดูน่าเกลียดเล็กน้อย“นี่! ตอนแรกก็ดี แต่ตอนนี้น่าเกลียดมาก!” เฉินฝานส่ายหัวและถอนหายใจเมื่อเห็นว่าเฉินฝานไม่เพียงแต่ไม่โกรธ แต่ยังพูดว่าเขาน่าสงสาร ชางเฟยอวี่ก็โกรธเคือง “เจ้าพูดว่าใครน่าเกลียด”เฉินฝานยิ้มเหยาะ “ข้ารู้สึกเสียดายกับนายน้อยชาง เจ้าเคยมีร
“ชาติหน้าอะไร ข้าอยากมีลูกและมีความสุขร่วมกับพวกเจ้าชาตินี้”“และเจ้าเสี่ยวฉู่ อายุเท่าข้า? หยุดคิดได้แล้ว จงเติบโตให้ดีแล้วมอบลูกสาวที่น่ารักอย่างเจ้าให้ข้า”เฉินฝานดึงฉินเย่ว์โหรวและฉินเย่ว์ฉู่ออกจากตัวเขาเปิดม่านรถม้าและก้าวเท้ากว้างมาอยู่ข้าง ๆ ฉินเย่ว์เจียว“นี่เจ้าทำอะไร จะบังคับรถม้าเองรึ? เฉินฝาน ข้าจะบอกให้ หยุดต่อสู้ที่ไร้จุดหมายเถอะ ฮ่า ๆ ๆ!” เสียงหัวเราะของชางเฟยอวี่ชวนขนลุกรถม้าของเฉินฝานถูกเบียดมาถึงขอบหน้าผา หากล้อขยับออกไปอีกเล็กน้อยสามารถตกเขาได้ทันที“สวบ!”เฉินฝานดึงลูกธนูสองดอกออกจากกระบอกบนหลังฉินเย่ว์เจียว“ลูกธนู! ฮ่า ๆ ๆ” ชางเฟยอวี่กล่าวดูถูก “เจ้าคิดว่ายังตายไม่เร็วมากพองั้นรึ?”ระยะห่างระหว่างรถม้าสองคันไม่ถึงครึ่งเมตร หากเฉินฝานทำร้ายม้าด้วยลูกธนูตอนนี้ ม้าต้องตกใจกลัวและตื่นตัวแน่ ไม่ต้องใช้คนขับรถม้าก็สามารถชนเฉินฝานตกเขาได้ทันที“เฉินฝาน โปรดอย่าต่อสู้ที่ไร้จุดหมายและยอมรับความตายซะเถอะ ไม่ต้องกังวล ถ้าเจ้าไม่ขัดขืน ข้า ชางเฟยอวี่จะช่วยเจ้าจัดพิธีที่ยิ่งใหญ่และฝังศพของเจ้ากับภรรยาของเจ้าอย่างสมเกียรติ”ชางเฟยอวี่เหลือบมองฉินเย่ว์เจียวด้วยสีหน้
“ท่านผู้ใดคือกฎของคาน?” ฉินเย่ว์เจียวที่มีบุคลิกตรงไปตรงมาขานเรียกโดยตรงเฉินฝานไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดีจึงดึงฉินเย่ว์เจียว “เย่ว์เจียว อย่าตะโกน กฎของคานไม่ใช่คน”“ไม่ใช่คน?” ใบหน้าของฉินเย่ว์เจียวเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ไม่ใช่คนแล้วจะช่วยพวกเราได้อย่างไรเจ้าคะ?”“ข้ารู้แล้ว!” ฉินเย่ว์ฉู่พูดอย่างมั่นใจ ตอนที่นายท่านตกลงไปในหุบเขา ท่านก็ไปถึงโลกที่เหมือนสวรรค์ไม่ใช่หรือเจ้าคะ? กฎของคานนี่ต้องเป็นเพื่อนของนายท่านที่อยู่ที่นั่นแน่ ๆ”“เอ่อ......” เฉินฝานเกาหัว “จะว่าอย่างนั้นก็ได้!”“เอ้อ พวกเราต้องรีบไปขอประทานบุตรไม่ใช่เหรอ? ถ้าช้ากว่านี้พวกเราจะไม่ทันเข้าแถวนะ” เฉินฝานรีบเปลี่ยนเรื่องเพราะกลัวว่าพี่น้องตระกูลฉินยังสับสนกับปัญหานี้“ใช่ ๆ พวกเราต้องรีบไปแล้ว!”ออกเดินทางแต่เช้า หลังจากเกือบถูกรถม้าคันอื่นชนถึงสามครั้งตลอดทางเดิน พวกเฉินฝานเพิ่งมาถึงวัดเทพอัปสรที่อยู่บนภูเขาจ้วงติงคนที่ต่อแถว หากใช้คำว่าฟาดฟันตลอดทางก็ไม่มากเกินไป ทุกคนต่างเหนื่อยกับการเดินทาง หลายคนยังมีเลือดเปื้อนตามร่างกายคนที่รู้ว่ามาขอบุตรนั้นแล้วไป แต่คนที่ไม่รู้ คงคิดว่าคนเหล่านี้หนีมาจากสนามรบใ
ฉินเย่ว์โหรวรีบปิดปากของเฉินฝาน “นายท่าน โปรดอย่าล่วงเกินเทพอัปสรผู้ประทานบุตรเจ้าค่ะ”ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ชาวต้าชิ่งกล้าที่จะล่วงเกินเทพเจ้าใด ๆ แต่ไม่กล้าล่วงเกินเทพอัปสรผู้ประทานบุตรแม้ว่าเฉินฝานจะบอกความรู้ทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่มากมายให้กับพวกฉินเย่ว์โหรว อย่างไรเสียพวกนางก็อาศัยอยู่ในยุคโบราณระบบศักดินาและความเชื่อไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ไม่มีทางคิดนอกกรอบ“นี่เจ้าเป็นใคร ชักช้าอยู่ไย ถ้าไม่อยากเข้าไปก็ออกไปให้พ้นทางและอย่าขวางทางพวกเรา”มีเสียงใจร้อนดังมาจากด้านหลังเมื่อเฉินฝานหันกลับไป คนที่เห็นว่าเป็นเฉินฝานพูดดังขึ้นกว่าเดิม “อ้าว นี่เฉินฝานไม่ใช่หรือ?”เฉินฝานดีใจทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นใคร “นายน้อยชาง วันนี้เจ้าแต่งตัวโดดเด่นไม่เบาเชียวนะ คล้ายกับหัวหมูบนเขียงดี”คำพูดของเขา เกิดเสียงหัวเราะเบา ๆ เป็นพัก ๆตอนนี้ชางเฟยอวี่สวมผ้าปิดตาด้านขวาของใบหน้า ด้านซ้ายบวมแดงและเต็มไปด้วยรอยแผล มองแล้วเหมือนหัวหมูจริง ๆ“ไม่ว่าข้าจะเป็นอย่างไร ข้าก็ยังดีกว่าเจ้า!” ชางเฟยอวี่กัดฟันกร่อนและพูดอย่างขมขื่น “เจ้ามันแค่คนอ่อนหัดที่ไร้ความสามารถ!”ขณะที่พูด ชางเฟยอวี่เริ่มพูดจาเหน็บแ
“ความผิดบาป ความผิดบาป!”เจ้าสำนักนักพรตชิงอวิ๋นของวัดเทพอัปสรเดินออกมาพร้อมกับยกมือและแสดงสีหน้าเคร่งครัด“เทพอัปสรผู้ประทานบุตรรักทุกสิ่งมีชีวิต ทรงประทานเด็กทารกผู้ชายนับไม่ถ้วนมาให้กับต้าชิ่งของเราทุกปี ผู้ถวายปัจจัยไม่มีความเคารพเช่นนี้ จะทำให้พระองค์ขุ่นเคืองอย่างแน่นอน”“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะจุดธูปให้กับผู้ถวายปัจจัยทุกวันและอธิษฐานขอการอภัยโทษจากเทพอัปสร”“หลังจากนั้นหนึ่งปี หากผู้ถวายปัจจัยไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายหรือบุตรสาวได้อีก ท่านต้องมาอยู่ต่อหน้าเทพอัปสรด้วยการคุกเข่าเป็นเวลาเจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าวัน ยอมรับว่าตนเป็นผู้ไม่มีเชื้อและขอ การให้อภัยโทษจากเทพอัปสร ขอให้ได้เป็นผู้ชายที่แท้จริงในภพหน้า!”นี่ไม่ใช่การอธิษฐานเผื่อเฉินฝาน แต่เป็นการประกาศสงครามกับเฉินฝานถ้าเฉินฝานไม่กล้าตอบรับ ก็เท่ากับยอมรับว่าเขาไม่ใช่ผู้ชาย ถ้าเขากล้าตอบรับ ก็จงรอดูต่อไปก่อนเดินออกมา นักพรตชิงอวิ๋นทำความเข้าใจเฉินฝานอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาเหมือนกับชางเฟยอวี่ที่เชื่อว่าเฉินฝานไม่สามารถมีลูกได้เฉินฝานเพิ่งพูดจาล่วงเกินและจะทำลายเส้นทางทางการเงินของพวกเขา เขาไม่ปล่อยให้เฉินฝานจากไปแบบนี
ฉินเย่ว์เจียวไล่น้องสาวสองสามคนลงจากรถม้า“เย่ว์หนู ขับรถม้าของเจ้าดี ๆ อย่าแอบมองล่ะ เฮ้อ เจ้าจะแอบมองก็ไม่เป็นไร ผลิดอกออกผลให้กับนายท่านเป็นความรับผิดชอบของเจ้าเหมือนกัน”“พี่เย่ว์เจียว พี่พูดอะไรเนี่ย”ใบหน้าที่จริงจังของเย่ว์หนูมีอาการหน้าแดงระเรื่อนางพกดาบทุกวันและนำหน่วยพิทักษ์คอยเพื่อปกป้องความปลอดภัยคนทั้งตระกูลของเฉินฝาน จนเกือบลืมไปว่าตนก็เป็นผู้หญิงเหมือนกันฉินเย่ว์เจียวไม่สนใจเย่ว์หนู นางหยิบเหล้าสองขวดที่ห้อยอยู่รอบคอตลอดทางและเปิดฝาออก จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นแล้วเทเข้าปากดื่มอึก ๆ“ตุบ!” ฉินเย่ว์เจียววางขวดเหล้าลงบนแผ่นไม้ของรถม้าอย่างแรง “นายท่าน เรามาเริ่มกันเถอะเจ้าค่ะ”ขณะที่พูด นางพลอยถอดเสื้อผ้าของเฉินฝานไปด้วย“......” เฉินฝานพูดไม่ออก ผู้หญิงคนนี้เอาจริงหรือนี่!เสื้อผ้าของเฉินฝานถูกนางถอดออกเกือบหมด แต่เฉินฝานไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ทำให้ฉินเย่ว์เจียวรู้สึกกังวลเวลานายท่านอยู่กับเย่ว์โหรวและปานิว เขาไม่ได้เป็นแบบนี้ เขาจะกอดพวกนาง จากนั้น…...“นายท่าน ทำไมไม่ขยับเลยเจ้าคะ เร็วเข้าสิเจ้าคะ!” ฉินเย่ว์เจียวกังวลเล็กน้อย หลังจากเหล้าเข้าปาก ใบหน้าของนางแดง
เฉินฝานพลันกอดเอวของฉินเย่ว์เจียว“อ้า!” ฉินเย่ว์เจียวร้องตกใจเฉินฝานยิ้มและถาม “ข้าตั้งใจทำอะไร?”มองดูใบหน้าของเฉินฝานที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ฉินเย่ว์เจียวแทบหลงใหลเสียสติหนึ่งปีที่แล้ว เห็นใบหน้านี้ทีไรก็ทำให้นางรู้สึกพะอืดพะอม แต่ตอนนี้ทำไมถึงรู้สึกว่าหล่อมากฉินเย่ว์เจียวอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย“ท่านตั้งใจ ตอนนี้หยุดแกล้งก่อน รีบทำเถอะเจ้าค่ะ!” แม้ว่าในใจรู้สึกเขินอายมาก แต่ปากก็ยังเร่งเฉินฝานไม่หยุดหลังจากนี้สิบเดือนนางจะคลอดลูก ให้เฒ่านักพรตชิงอวิ๋นกับชางเฟยอวี่ผู้น่ารังเกียจนั่นโมโห“……” เฉินฝานพูดไม่ออก ผู้หญิงคนนี้ ไม่เข้าใจในอารมณ์ แต่ทุกส่วนของร่างกายกลับขยับขยายไปยังอารมณ์นั้นเฉินฝานชี้ตัวเอง “ข้าใส่เสื้อผ้าอยู่ จะเริ่มได้อย่างไร?”“อ่อ ๆ” เพียงครู่เดียว เสื้อผ้าของเฉินฝานก็ถูกถอดออกหมด……“นายท่าน!” ฉินเย่ว์เจียวกอดเฉินฝาน ผิวสีข้าวสาลีที่มีเหงื่อชุ่ม ทำให้ดูมีเสน่ห์มากขึ้นหน้าอกที่เว้านูน ผมเพ้าที่ยุ่งเหยิงและหยาดผมที่ชุ่มเหงื่อ ไม่มีสิ่งใดไม่สะท้อนว่าข้างในรถม้าเมื่อครู่นี้ปะลองอย่างดุเดือดเพียงใด“อืม” เฉินฝานกอดฉินเย่ว์เจียวและเอนตัวพิงหน้าต่างรถอย่างส
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ