Share

บทที่ 1167

Author: เฉินเจียเสี่ยวเกอ
“ท่านพี่!” จางสิงร้องเสียงดัง โน้มตัวไปกอดจางทง “ใต้เท้า รีบช่วยพี่ชายของข้าด้วยขอรับ”

แม้ว่าจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ตอนที่จางทงกินสารหนูลงไปจริง ๆ จางสิงก็รู้สึกตื่นตระหนกในใจไม่ไหวแล้ว

เฉินฝานสามารถช่วยพวกเขากลับมาจากประตูผีได้ครั้งหนึ่ง ไม่ได้หมายความว่าจะช่วยได้เป็นครั้งที่สอง

พิษสารหนูออกฤทธิ์ไวมาก เวลานี้ใบหน้าของจางทงไม่มีสีเลือดเลยสักนิดเดียว ร่างกายเริ่มชักกระตุก มีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก

“เฮ้อ!” เฉินฝานถอนหายใจ “นี่เจ้าจะลำบากลำบนทำไมกัน?”

“ใต้เท้า ข้าน้อยไม่ได้ลำบาก เพราะนี่เป็นโอกาสเดียวที่ข้าน้อยจะได้เป็นคนขอรับ” จางทงฝืนข่มกลั้นความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ฝืนยิ้มให้เฉินฝาน “รบ...กวนท่าน...ช่วยข้าน้อยอีกสักครั้ง...”

เมื่อพูดจบ ร่างกายของจางทงก็เริ่มชักกระตุกอย่างรุนแรง ตาขาวเริ่มเหลือกขึ้นมาเช่นกัน เลือดที่ไหลออกมาจากมุมปากเยอะขึ้นเรื่อย ๆ

“เร็วเข้า หามเขาไปที่โรงเตี๊ยม!”

จางทงถูกหามเข้าไปในโรงเตี๊ยมได้ไม่นาน องครักษ์ของเสิ่นหมิงหยวนก็ถูกหามเข้ามาด้วยเช่นกัน

ในขณะที่เฉินฝานสั่งให้คนหามจางถงเข้าไปในโรงเตี๊ยม เสิ่นหมิงหยวนก็ให้คนกรอกสารหนูใส่ปากองครักษ์ผู้นั้น

เสิ่นหมิงห
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Locked Chapter

Kaugnay na kabanata

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1168

    ครึ่งชั่วโมงต่อมา สีหน้าของจางทงและองครักษ์ของเสิ่นหมิงหยวนไม่ได้ซีดเผือดเหมือนเมื่อครู่นี้แล้ว จางทงได้รับพิษสองครั้ง เขาดูอ่อนแอเล็กน้อยส่วนองครักษ์ของเสิ่นหมิงหยวนมีสีหน้าปกติ ราวกับไม่ได้รับพิษเลยการล้างท้องเป็นวิธีการช่วยชีวิตผู้ได้รับพิษในทางศัลยแพทย์ เป็นวิธีการรักษาที่ธรรมดาอย่างยิ่งในยุคปัจจุบัน แต่ในสายตาคนโบราณเหล่านี้เป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงจริง ๆ “ช่วยชีวิตได้แล้ว ใต้เท้าเฉินช่วยชีวิตทั้งสองคนได้จริง ๆ!” “กินสารหนูแล้วยังช่วยชีวิตกลับมาได้ด้วย? ใต้เท้าเฉิน นั่นเป็นวิชาแพทย์จริง ๆ หรือ?” “ไฉนเลยวิชาแพทย์จะร้ายกาจถึงเพียงนี้ เป็นวิชาเซียนต่างหากเล่า” “ใต้เท้าเฉินเป็นเทพสวรรค์จุติลงมา!” นี่ก็คือชาวบ้านทั่วไป ในสายตาของพวกเขามีแค่ดำสุดโต่งและขาวสุดโต่งเมื่อพวกเขาโดนฝ่ายเสิ่นหมิงหยวนหลอกลวง ก็ด่าทอเฉินฝานด้วยคำพูดที่โหดร้ายสุดขีด ตอนนี้พบว่าเฉินฝานเป็นคนดีแล้ว พวกเขาก็สรรเสริญเฉินฝานอย่างดีที่สุดโดยไม่ตระหนี่เลย พวกเขาไม่เพียงสรรเสริญเฉินฝาน แถมยังเริ่มด่าทอสงสัยเสิ่นหมิงหยวนด้วย “พวกเจ้าดูองครักษ์ผู้นั้นสิ หากเมื่อครู่นี้ไม่ได้เห็นกับตาตนเอง ข้าไม่อยากจ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1169

    “ขุนนางต่ำต้อยอย่างกระหม่อมไม่มีอะไรจะพูดพ่ะย่ะค่ะ เรื่องที่จางทงและจางสิงทำเป็นคำสั่งของกระหม่อมจริง กระหม่อมเป็นคนทำเพียงผู้เดียวพ่ะย่ะค่ะ”เสิ่นหมิงหยวนเงียบไปครู่เดียวเท่านั้นก็ยอมรับทันที ไม่เพียงแต่เฉินเย่ว์เหมยที่ประหลาดใจ แม้แต่เสิ่นหยวนเลี่ยงก็ประหลาดใจเช่นกันผู้คนทั้งต้าชิ่งต่างรู้ว่าอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายและเบื้องขวาเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันมาโดยตลอด ทั้งสองฝ่ายขับเคี่ยวกันไม่ยอมปล่อย และรู้ว่าเรื่องการวางยาพิษในครั้งนี้จะต้องเกี่ยวพันกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างแน่นอน แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าเสิ่นหมิงหยวนจะยอมรับอย่างตรงไปตรงมาถึงเพียงนี้“ท่านพ่อ...”เสิ่นหยวนเลี่ยงเบิกตาโตมองเสิ่นหมิงหยวน แต่เสิ่นหมิงหยวนกลับก้มหน้าลงครึ่งหนึ่ง ไม่มีใครมองเห็นสีหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน“ดูท่าเสิ่นหมิงหยวนคิดจะสู้จนตกตายไปด้วยกัน”เฉินฝานพูดเสียงเบา เขาเอ่ยคำพูดนี้จบ เสียงเย็นชาเคร่งขรึมของฉินเย่ว์เหมยก็ดังมาจากด้านหน้าว่า “ขุนนางต่ำต้อย? ตอนนี้เจ้าเป็นขุนนางผู้กระทำผิดไม่มีสิทธิ์เรียกขานตนเองว่าขุนนางต่ำต้อยแล้ว ไป่เผยหราน จับกุมเสิ่นหมิงหยวนเสีย!” เสิ่นหมิงหยวนเบนศีรษะเล็กน้อย เสิ่นหยวนเลี่ยงม

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1170

    ตอนแรกเฉินฝานปรากฏตัวขึ้นในสายตาของราษฎรชาวต้าชิ่งในฐานะนายบำเรอของฉินเย่ว์เหมย คนที่ไม่รู้จักเขาดีย่อมดูแคลนเขาอย่างยิ่ง มีผู้คนมากหมายเห็นเขาเป็นคนประเภทเดียวกับนางสนมจอมล่อลวงเมื่อพรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนปลุกปั่นเช่นนี้ ชาวบ้านรอบ ๆ ก็รู้สึกอีกแล้วว่าพวกเขาพูดถูกต้อง เสิ่นหมิงหยวนสมควรถูกจับ เฉินฝานเองก็ควรถูกจับเช่นกัน“ไป่เผยหราน เหตุใดยังไม่ให้คนของเจ้าลงมือจับกุมเสิ่นหมิงหยวนให้เราอีก” ฉินเย่ว์เหมยหัวเสียเล็กน้อยหากเป็นผู้อื่น เมื่อฮ่องเต้มีรับสั่ง ไฉนเลยยังจะสนใจอะไรอีก ย่อมต้องจับกุมทันที แต่ไป่เผยหรานไม่ใช่ผู้อื่น ในใจของเขา กฎหมายและความยุติธรรมอยู่เหนือทุกสิ่ง หลักฐานที่เฉินฝานแสดงออกมาในตอนนี้ทำได้เพียงพิสูจน์ว่าเสิ่นหมิงหยวนวางแผนทำร้ายเขาเท่านั้นจริง ๆ แต่ไม่อาจพิสูจน์ยืนยันได้ว่าเขาไม่ได้วางยาพิษในใจของไป่เผยหรานย่อมเชื่อว่าเฉินฝานไม่มีทางวางยาพิษ แต่ว่าภายใต้สายตาจ้องมองของประชาชน หากจับกุมเพียงเสิ่นหมิงหยวนแต่ไม่จับกุมเฉินฝาน เขาทำไม่ได้เมื่อมองฉินเย่ว์เหมยที่โกรธเกรี้ยว แล้วมองไป่เผยหรานที่ทำหน้าลำบากใจ เสิ่นหยวนเลี่ยงก็ลอบปีติยินดีในใจ นับถือบิดาของตนมากยิ่ง

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1171

    คนที่เดินออกมาจากกลุ่มฝูงชนคือ ไป่ชงซาน!ช่วงที่ผ่านมานี้ไป่ชงซานอยู่กับเสิ่นหมิงหยวนมาโดยตลอด คนส่วนใหญ่ล้วนรู้จักเขา“ไฉนจึงเป็นเขา เขาเป็นกุนซือของใต้เท้าเสิ่นไม่ใช่รึ?”“ดูเหมือนจะไม่ใช่กุนซือ เหมือนจะเป็นเพื่อนของใต้เท้าเสิ่นเสียมากกว่า”“โอ้ เช่นนั้นคนที่ใต้เฉินกล่าวถึงคงจะไม่ใช่เขา”ไม่ได้มีเพียงแต่สายตาของราษฎรที่มองข้ามไป่ฉงซานไปด้านหลัง สายตาของพวกเสิ่นหมิงหยวนก็มองข้ามไปด้านหลังเช่นกัน ต้องการดูว่าคนที่เฉินฝานกล่าวถึงเป็นผู้ใดกันแน่ตลอดระยะทางที่ไป่ชงซานเดินมา เขาเดินค่อนข้างใกล้กับฉินเย่ว์เหมย ตอนที่ถูกทหารรักษาพระองค์ขวางไว้ เขาจึงหยุดฝีเท้า “ผู้เฒ่าไป่ นับวันเจ้ายิ่งไร้ประโยชน์เสียจริง พวกเราอยู่ทางนี้”ทางเสิ่นหมิงหยวนมีคนตะโกนเรียกเขา ไป่ชงซานอายุหกสิบห้าปีแล้ว ในยุคโบราณที่อายุเฉลี่ยไม่ถึงห้าสิบปี เขาก็ถือว่าอายุยืน มีอาการสายตายาวตามอายุตั้งนานแล้ว และอาการสายตายาวค่อนข้างรุนแรงอีกด้วยราวกับไป่ชงซานไม่ได้ยินคำพูดของคนผู้นั้น เขาคุกเข่าลงไปทันทีและหยิบถุงผ้าเล็ก ๆ ออกมาจากกระเป๋าอก ถุงผ้าเล็กๆอัดแน่นไปด้วยสิ่งของ จนแทบจะทะลักออกมาแล้วหลังจากที่หยิบถุงผ้า

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1172

    โดยปกติ เมื่อเสิ่นหมิงหยวนกล่าวเช่นนี้แล้ว ไป่ชงซานก็จะรีบไปหาทันที ดังนั้นเสิ่นหมิงหยวนจึงมองไป่ชงซานด้วยท่าทีโอหัง ราวกับเจ้าของที่รอให้สุนัขวิ่งกลับมาหาไป่ชงซานที่เพิ่งจะลุกขึ้นคุกเข่าเสียงดังตึงอย่างรุนแรงลงไปอีกครั้ง“ห่างเกินไปแล้ว”เสิ่นหมิงหยวนที่ยืนมองจากที่สูง ท่าทางและคำพูดยังคงโอหัง ทว่าเขาไม่ทันกล่าวจบ...“ฝ่าบาท ข้าน้อยยอมรับผิด พิษหญ้าไส้ขาดที่มาจากแหล่งน้ำแคว้นหลู่ข้าเป็นคนทำเอง และคนที่บงการข้าคือ...” จู่ ๆ ไป่ชงซานก็หยุดพูด ยกมือชี้ “ก็คือเขา อัครเสนาบดีเบื้องขวาเสิ่นหมิงหยวน!”ไป่ชงซานพูดจบไปจวนจะหนึ่งนาทีแล้ว เหล่าชาวบ้านทั่วบริเวณแตกตื่นสุดขีด เสิ่นหมิงหยวนและผู้อื่นยังไม่ทันมีการตอบสนองใดคนที่สนิทสนมกับเสิ่นหมิงหยวนและไป่ชงซาน ล้วนไม่อยากเชื่อว่าไป่ชงซานจะทรยศเสิ่นหมิงหยวนตอนที่ไป่ชงซานอายุสามสิบก็เป็นที่ปรึกษาที่เสิ่นหมิงหยวนเลี้ยงไว้ หากไร้ซึ่งการสนับสนุนมหาศาลของเสิ่นหมิงหยวน ไป่ชงซานย่อมจะยิ่งใหญ่แบบทุกวันนี้ไม่ได้“ไป่ชงซาน!” เสียงดุดันของเสิ่นหยวนเลี่ยง ทำลายความเงียบงันทางเสิ่นหมิงหยวน “เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังพูดอันใดอยู่ หากไม่มีพ่อข้า ตอนที่

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1173

    ตอนที่ไป่ชงซานกำลังจะวางยาพิษ เฉินฝานกลับส่งแว่นสายตายาวหนึ่งอันให้กับเขาปีนี้ไป่ชงซานอายุหกสิบสี่ปีแล้ว ตั้งแต่ตอนที่อายุห้าสิบก็เริ่มมีอาการสายตายาวตามอายุแล้ว ตลอดสิบสีปีที่ผ่านมามองสิ่งต่างๆด้วยสายตาขมุกขมัวเสมอ เมื่อได้สวมใส่แว่นตา ไป่ชงซานดีใจกล่าวขอบคุณเฉินฝานอย่างไม่หยุดหย่อนดีใจก็ส่วนดีใจ ไป่ชงซานยังจำเป้าหมายครั้งนี้ได้ เขากล่าวขอบคุณเฉินฝานไปพลางวางยาพาไปด้วย เขาใส่พิษรุนแรงชนิดที่ไม่มีสีไม่มีกลิ่นลงไปในชาของเฉินฝานเฉินฝานรับชาจากเขามา ตอนที่เขากำลังจะดื่มชา จู่ ๆ ก็วางถ้วยชาลง ถามว่าเขาเป็นใครเมื่อได้ยินคำพูดของเฉินฝาน ถึงแม้ในใจของไป่ชงซานจะตื่นตระหนกอย่างมาก ทว่าภายนอกก็คงทำท่าทางใจเย็นไว้ได้ ยังคงทำท่าทีเป็นสาวใช้อาวุโสต่อไปเฉินฝานอมยิ้มมองไป่ชงซานที่กำลังแก้ตัวสุดกำลัง เขาชี้ไปที่แว่นสายตายาวที่บนจมูกของไป่ชงซาน พูดสองสามคำด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ถึงแม้ยายซุนคนเดิมจะอายุมากแล้ว ทว่าสายตายังชัดแจ๋วสามารถร้อยเส้นด้ายลอดผ่านรูเข็มได้อยู่เฉินฝานเรียกหวงหวั่นเอ๋อร์ นางกระชากหนังหน้าปลอมของไป่ชงซานออกทันที ไป่ชงซานที่ถูกเปิดโปงแล้วก็ทำเหมือนพวกจางทง ดื่มชาที่มีพ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1174

    ไป่ชงซานที่ตาเปล่งประกายได้ไม่นาน พลันหม่นหมองไปอย่างรวดเร็วเขากล่าวว่าตอนนี้เขาทำผิดบาปใหญ่หลวง ไม่ควรคู่กับการรักษาคนแล้วเฉินฝานพูดตอบกลับเขาไปว่า สำหรับการรักษาไม่มีคำว่าสายไปหรอก หรือว่าเจ้าอยากให้จะหุบเขาร้อยบุปผาของเจ้าเป็นเพียงแค่หุบเขาแห่งพิษงั้นรึ?ไป่ชงซานยังคงยืนนิ่ง เฉินฝานถอนหายใจอย่างเสียดาย ช่างน่าเสียดายยิ่งนักที่วิธีการถอนพิษของเขาไม่ได้ถ่ายทอดให้คนที่เหมาะสมเฉินฝานรู้สึกเสียดายจริง ๆ ไป่ชงซานปรุงพิษได้และเข้าใจเรื่องพิษอย่างดี หากเขาเรียนรู้วิธีการล้างกระเพาะที่เป็นวิชาการแพทย์ในยุคปัจจุบัน คนจำนวนมหาศาลก็จะพลอยได้รับผลดีไปด้วยได้ยินดังนั้น ดวงตาไป่ชงซานเปล่งประกายเต็มที่ เขากล่าวถามเฉินฝานด้วยความเหลือเชื่อว่า เขายินยอมที่จะถ่ายทอดวิธีการถอนพิษของเขาจริงหรือเฉินฝานยิ้มออกมาทันที กล่าวว่าไป่ชงซานไม่อยากเรียนไม่ใช่รึ?ในตอนนั้นเขายังพูดไม่ทันจบ ไป่ชงซานก็คุกเข่าเรียกเขาว่าท่านอาจารย์ทันทีเงื่อนไขของเฉินฝานในการสอนวิธีการล้างกระเพาะยุคปัจจุบันให้ไป่ชงซานมีเพียงข้อเดียวคือ ต่อจากนี้หุบเขาบุปผาจะต้องถอนพิษให้กับชาวบ้านที่ยากไร้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเงื่อนไ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1175

    ฉินเย่ว์เหมยเรียกคนออกมาทันที “หลินไคหยวน”“กระหม่อมอยู่นี้ขอรับ!” ชายชราผมสีดอกเลาที่อายุประมาณห้าสิบปีคนหนึ่งเดินออกมาจากฝูงชนด้วยความรีบร้อนชายชราผู้นี้ก็คือหลินไคหยวน เป็นเสนาของสำนักศึกษาสูงสุด ในขณะเดียวกันก็เป็นมหาบัณฑิตที่ตำแหน่งสูงที่สุดในต้าชิ่ง เทียบเท่ากับอธิบดีกระทรวงศึกษาธิการในปัจจุบันหลินไคหยวนเพิ่งจะรุดหน้ามาได้มินาน ฉินเย่ว์เหมยก็โบกมือทันที “มิต้องทำความเคารพแล้ว รีบตรวจสอบลายมือเร็วเข้า!”หลินไคหยวนเป็นหนึ่งในขุนนางราชสำนักที่มิเลือกฝั่งใดทั้งสิ้น เมื่อก่อนตอนที่ซูซิวฉีและเสิ่นหมิงหยวนแย่งชิงกันอย่างดุเดือด คนส่วนใหญ่มักจะเลือกข้างแสดงจุดยืนตนเองทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับการเลือกฝั่ง หลินไคหยวนก็จะแกล้งป่วยเสมอ ต่อจากนั้นเมื่อซูซิวฉีตายไปแล้ว เสิ่นหมิงหยวนก็เป็นใหญ่แต่เพียงผู้เดียว หลินไคหยวนทำเป็นแกล้งเสียสติทันที มิว่าเสิ่นหมิงหยวนจะส่งคนประเภทใดเข้ามาที่ราชวิทยาลัย เขาล้วนทำเป็นเมินเฉยเสมอทำเช่นนี้รอให้เฉินฝานตั้งหลักปักฐานในราชสำนักให้มั่นคง เสิ่นหมิงหยวนมิได้ให้ความสนใจกับเขาแล้ว เขาจึงกลับมาคุมบังเหียนสำนักศึกษาสูงสุด ใหม่อีกครั้งหลังจากที่หลิน

Pinakabagong kabanata

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1315

    “อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1314

    “ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1313

    “นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1312

    สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1311

    เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1310

    การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1309

    วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1308

    หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1307

    ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ

Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status