เขาง้อนางมาโดยตลอดไม่ใช่หรือ? หูหนวกหรือ?“ใต้เท้า ท่านรีบง้อนางเร็ว สามีไม่อาจคิดเล็กคิดน้อยกับภรรยาได้!”“เคล้ง เคล้ง เคล้ง!”คานของศูนย์บรรเทาทุกข์เริ่มสั่นคลอนแล้ว ผู้ป่วยในศูนย์บรรเทาทุกข์พยายามลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไป ทว่าคนที่อาการรุนแรง พวกเขาไม่อาจแม้กระทั่งคลาน“ไปไหนก็ไป!”เฉินฝานโยนหมอหลี่ออกไปจากศูนย์บรรเทาทุกข์ รีบหันไปง้อหวงหวั่นเอ๋อร์ที่อยู่บนคาน “โธ่ แม่ทูลหัวของข้า ข้าผิดไปแล้วจริงๆ เจ้าหยุดฟันได้แล้ว หากคนเหล่านี้ตายเพราะศูนย์บรรเทาทุกข์ถล่มทับ เช่นนั้นข้าก็ไม่อาจมีชีวิตรอด ถึงตอนนั้นเจ้าจะยกเลิกการแต่งงานได้อย่างไร”หวงหวั่นเอ๋อร์ยังคงไม่หยุด“ได้!” ทันใดนั้นเองเฉินฝานก็พูดเสียงดัง “ในเมื่อเจ้าอยากให้ข้าตายมาก เช่นนั้นหมายความว่าเจ้าไม่อยากถอนหมั้น แล้วเหตุใดต้องทำให้เป็นเรื่องยุ่งยาก เรามาเป็นสามีภรรยากันตอนนี้เลย!”พูดจบ เฉินฝานปีนป่ายขึ้นไปหาหวงหวั่นเอ๋อร์ โอบเอวของนางแล้วกระโดดลงมาจากคาน จากนั้นเดินเข้าไปในห้องพักของเขาที่อยู่ภายในศูนย์บรรเทาทุกข์ตลอดทั้งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหวงหวั่นเอ๋อร์ไม่ขัดขืน ไม่ใช่เพราะนางไม่อาจเอาชนะเฉินฝาน แต่เป็นเพราะนางคิดไม่ถึงว่า
“ข้าบ้ายิ่งกว่านี้ได้อีก”เฉินฝานโยนหวงหวั่นเอ๋อร์ขึ้นไปบนเตียงหวงหวั่นเอ๋อร์ลุกขึ้น ทว่าตัวของนางกลับล้มลงไปกะทันหัน เฉินฝานทับนางเอาไว้แล้ว คว้ามือทั้งสองข้างของนางกดไว้เหนือศีรษะ“เทียบกับเป็นสามีภรรยาในปรโลก สู้เรามาเข้าห้องหอเวลานี้ยังจะดีเสียกว่า”เสียงทุ้มต่ำของเฉินฝาน สำหรับสาวน้อยวัยแรกแย้มที่ไม่ประสีประสากับโลกกว้าง ถือเป็นการยั่วเย้าที่เกินจะต้านทานลมหายใจอุ่นๆ ของเฉินฝานรินรดใบหน้าของหวงหวั่นเอ๋อร์และใบหู ทำให้หวงหวั่นเอ๋อร์รู้สึกถึงไอร้อนในร่างกายที่แผ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว พวงแก้มจวบจนใบหูแดงก่ำ“ท่าน...ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้!” หวงหวั่นเอ๋อร์พูดเฉินฝานใช้นิ้วชี้วาดบนพวงแก้มแดงระเรื่อของหวงหวั่นเอ๋อร์ “แต่ฟังจากน้ำเสียงของเจ้าแล้ว เหตุใดจึงไม่เหมือนกำลังปฏิเสธเล่า”“คนบ้า!”หวงหวั่นเอ๋อร์กำหมัดแน่นหมายจะต่อยเฉินฝาน ทว่าหมัดของนางกลับอ่อนยวบ ไม่ใช่ว่านางไม่อยากออกแรง เพียงแต่รู้สึกว่าเรี่ยวแรงทั้งหมดในร่างกาย ถูกเฉินฝานสูบไปจนหมดแล้ว“สามีภรรยา นี่คือช่วงเวลาชวนหวานที่สุดของมนุษย์ คนบ้าอะไรกัน” เฉินฝานโน้มหน้าลง ประทับจุมพิตลงบนใบหน้าของหวงหวั่นเอ๋อร์พวงแก้มของหญิงสาววั
“ที่อื่นไฟไม่ไหม้ กลับไหม้ร้านขายยา ต้องมีคนตั้งใจทำให้เกิดขึ้นแน่นอน ท่านอัครเสนาบดี ใต้เท้าต้องให้ท่านเจ้าเมืองตามสืบเรื่องนี้” หมอหลี่กล่าว“มีเผยหรานอยู่ ไม่ต้องถึงมือพานอีเฟยหรอก”พูดยังไม่ทันขาดคำ ไป่เผยหรานก็ปรากฏตัว เฉินฝานเพิ่งพูดจบ ไป่เผยหรานก็เดินเข้ามาหลังจากไป่เผยหรานทำความเคารพเสร็จ เขาก็พูดขึ้น “ใต้เท้า เจอตัวคนวางเพลิงแล้วขอรับ!”เฉินฝานพยักหน้า “เจ้าทำงานรวดเร็วจริงๆ!”“ทว่ายังไม่ทันสอบปากคำ เขาก็ปลิดชีพตนเองแล้ว”สีหน้าของไป่เผยหรานฉายความหงุดหงิด ขณะพูดเขาคุกเข่าลง “ใต้เท้า ข้าสะเพร่าในหน้าที่ โปรดลงโทษข้าด้วย!”“เจ้ารีบลุกขึ้น” เฉินฝานกล่าว “หากคนวางเพลิงไม่ปลิดชีพตนเอง เช่นนั้นถึงเป็นเรื่องแปลก วางเพลิงเวลานี้ ย่อมเป็นผู้กล้าตาย ข้าเดาว่าคนวางเพลิงไม่ได้มีแค่หนึ่งคนกระมัง”ไป่เผยหราน “ขอรับ ใต้เท้า มีทั้งหมดห้าคน ตายทั้งห้าคน แต่มีสิ่งหนึ่ง ที่ข้าไม่เข้าใจ รู้สึกแปลกยิ่งนัก”เฉินฝาน “หื้ม? แปลกอย่างไร”ไป่เผยหราน “เหตุใดคนวางเพลิงจึงไม่เลือกวางเพลิงตอนกลางดึก แต่กลับเลือกวางเพลิงยามซู แม้ฟ้าจะมืดแล้ว ทว่าเวลานั้นในร้านขายยามากมายยังมีคนอยู่ วางเพลิงเวลาน
“ใต้เท้า เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน ใต้เท้าพานส่งสมุนไพรที่ต้องใช้ในวันพรุ่งนี้มาแล้ว ข้าจัดสรรคนไปต้มยาก่อนขอรับ”ของที่เฉินฝานต้องการ อ๋องตวนและหงอิงจัดซื้อมาเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้สูตรยาที่ใช้รักษาคนป่วยในศูนย์บรรเทาทุกข์ยังคงใช้ตำรับยาของหมอหลี่ แม้ตำรับยาของเขาไม่อาจรักษาให้หายปลิดทิ้ง ทว่ายืดชีวิตคนป่วยได้“เจ้าไปเถอะ!”“อ๊าก!”เฉินฝานเพิ่งนั่งลง ก็ได้ยินเสียงร้องของหมอหลี่เฮ้อ วิชาแพทย์ของผู้เฒ่าคนนี้ค่อนข้างดี ทั้งยังเป็นคนมีความรับผิดชอบ เพียงแต่ตื่นตูมไปหน่อยด้านนอกยังคงเป็นเสียงบ่นของหมอหลี่“เหตุใดยาจึงเปียกหมด ไม่อาจใช้ยาที่เปียกได้ ใต้เท้าของพวกเจ้าน่าจะรู้ดี!”“หมอหลี่ นี่เป็นยาที่แห้งที่สุดแล้วขอรับ ตอนดับไฟทำให้ยาเปียกหมดขอรับ”“ตอนนั้นพวกเจ้าระมัดระวังหน่อยไม่ได้หรือ?”“เวลานั้นจะตระหนักอะไรมากมายได้ขอรับ อีกทั้งคนที่มาช่วยดับไฟก็ไม่ได้มีแค่พวกข้า ชาวบ้านในเมืองมากมายต่างมาเข้าร่วม”“ใช่ขอรับๆ โดยเฉพาะพวกชายฉกรรจ์ พวกเขายกถังน้ำบุกเข้าไปในกองไฟ เหตุที่ไฟไหม้ครั้งนี้ดับได้เร็ว ล้วนอาศัยพวกเขาขอรับ”“เฮ้อ ช่างเถอะๆ พวกเจ้าวางไว้ก่อน!”...ดึกมากแล้วลมพัดผ่าน ทำ
“เฮ้อ เขาเพียงล้อเล่นเท่านั้น พวกท่านอย่าเก็บมาใส่ใจ!” เฉินฝานรีบปลอบผู้ป่วยที่เวลานี้หวาดกลัวและไม่สบายใจ พวกเขาเชื่อคำพูดของฉินเย่ว์เหมย ลำพังหวงหวั่นเอ๋อร์เพียงคนเดียว ทำให้พวกเขาเชื่อว่าคนข้างกายเฉินฝานล้วนไม่ธรรมดาหวงหวั่นเอ๋อร์อายุเพียงสิบหกสิบเจ็ด รูปโฉมงดงาม ทว่าเมื่อนางออกโรง ไม่เพียงทำให้ทุกคนตกตะลึง แต่ยังฆ่าสังหารจะตายราบเป็นหน้ากลองพวกชายชุดดำที่บุกเข้าศูนย์บรรเทาทุกข์ในวันนี้ คนใดบ้างที่ไม่ใช่ยอดฝีมือเวลานั้น พวกเขามองไม่ออกเลยว่าหวงหวั่นเอ๋อร์ลงมืออย่างไร ตัวของหวงหวั่นเอ๋อร์และดาบของนางรวดเร็วยิ่งนัก พวกเขาเห็นเพียงปุยเมฆสีน้ำเงินลอยล่องไปมา เห็นเพียงลำแสงสีเงินเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็ว เวลาไม่นาน พวกชายชุดดำโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ตอนทุกอย่างจบลง หวงหวั่นเอ๋อร์ไว้ชีวิตชายชุดดำสองคน ทว่าชายชุดดำทั้งสองกินยาปลิดชีพตนในทันทีเวลานี้บุรุษหน้าตาสะอาดสะอ้าน มองดูแล้วน่ากลัวยิ่งกว่าหวงหวั่นเอ๋อร์“ใต้เท้า ท่านทำให้เขาโมโห รีบไปส่งเขาเถอะขอรับ แล้วกล่าวลากันให้ดี”คนในศูนย์บรรเทาทุกข์หลายคนต่างพากันเกลี้ยกล่อมเฉินฝานให้รีบไปง้อฉินเย่ว์เหมย“พวกรักตัวกลัวตาย” เฉินฝานเบ
“ไม่ได้ ไม่ได้!”เสียงที่ร้องตะโกนดังขึ้นดึงอารมณ์ของเฉินฝานและฉินเย่ว์เหมยกลับมาเฉินฝานมองไปตามสัญชาตญาณหมอหลี่กำลังพาหมออีกหลายคนตากสมุนไพรเปียกชื้นไว้ที่กระท่อมนอกศูนย์บรรเทาทุกข์“กระจายๆ หน่อย บุ้งกี๋หนึ่งอันไม่อาจบรรจุเยอะมากได้ สมุนไพรเหล่านี้ต้องตากให้แห้งก่อนฟ้าสว่าง”หมอหลี่นำสมุนไพรออกมาจากบุ้งกี๋ เพราะกับบอกหมอทั้งหลาย“หมอหลี่ ตอนต้มยาก็ต้องใส่น้ำ แม้ตอนนี้สมุนไพรจะเปียกทว่าก็ใช้ได้กระมัง” หมอคนหนึ่งถามขึ้น“นั่นไม่เหมือนกัน ก่อนเทสมุนไพรลงบนกระทะ สมุนไพรต้องแห้ง สมุนไพรแห้งมีพิษชื้นน้อย”พิษชื้น?เฉินฝานพูดในใจ เดินไปที่กระท่อม ฉินเย่ว์เหมยก็เดินตามไปเช่นเดียวกัน“ใต้เท้า ท่านมาแล้ว” หมอหลี่เป็นคนตรงไปตรงมา ไม่ชอบประจบประแจง ดังนั้นเพียงเงยหน้าขึ้นพูด จากนั้นก็ก้มหน้าทำงานต่อเฉินฝานชอบคนแบบหมอหลี่ ดังนั้นจึงให้เขาอยู่ที่ศูนย์บรรเทาทุกข์ต่อตั้งแต่ตัวตนของเฉินฝานเปิดเผย เมื่อก่อนไม่มีหมอคนใดยอมมาศูนย์บรรเทาทุกข์ ตอนนี้พวกเขาต่างก็แย่งกันมาที่ศูนย์บรรเทาทุกข์ไม่เพียงแย่งกันมา ทั้งยังยินดีที่จะเปิดเผยเคล็ดลับการรักษาที่สืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษแม้กระทั่งเฉิน
“หมอชั้นต่ำ ตากสมุนไพรของเจ้าไปเถอะ หากพรุ่งนี้ไม่อาจต้มยาได้ทันเวลา ข้าจะประหารเจ้า!”เฉินฝานทิ้งท้ายด้วยคำพูดหยาบคายหมอหลี่เงียบ เขาก้มหน้าก้มตากลับไปตากสมุนไพรต่อตอนตากสมุนไพร เขาบ่นไม่หยุดทั้งหมดนี้เป็นเพียงการแสดงของหมอหลี่เท่านั้น เขาเข้าใจคำใบ้ที่เฉินฝานบอกแล้ว เรื่องนี้ไม่อาจเปิดเผยได้ ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้ เดิมทีทำสิ่งใดเวลานี้ก็ต้องทำสิ่งนั้นต่อ...“อากาศร้อน ระวังฟืนไฟ!”เสียงด้านนอกดังเข้ามาในศูนย์บรรเทาทุกข์อีกครั้งเฉินฝานหาว พร้อมกับบิดขี้เกียจ “ดึกดื่นค่ำขืน หมอหลี่หยุดทำงานได้แล้ว กลับไปพักผ่อนเถอะ!”พูดจบ เฉินฝานลุกขึ้นเดินไปที่ห้องพัก“อ๊าก!”ตอนเปิดประตูห้องพัก เฉินฝานตกใจจนถึงกับอุทานเสียงดัง“ใต้เท้า!”ทหารรักษาพระองค์ที่เฝ้าอยู่ข้างๆ พุ่งตัวเข้ามา“ไม่มีอะไรๆ ตกใจเพราะหนูเท่านั้น” เฉินฝานรีบส่ายมือพร้อมกับพูด“หนู? เป็นไปไม่ได้กระมัง”สีหน้าของเหล่าทหารรักษาพระองค์ฉายความฉงน พวกเขาได้รับคำสั่งจากฉินเย่ว์เหมย คอยคุ้มกันความปลอดภัยของเฉินฝานเป็นประจำ เฉินฝานไม่ใช่คนที่จะตกใจเพราะหนูตัวหนึ่งได้เฉินฝานไม่สบอารมณ์ ไล่พวกเขาออกไป “ข้าบอกว่าใช่ก็ใช
“ไม่ทำให้ข้าสะดุ้งจนหัวใจวายตาย เจ้าคงไม่สาแก่ใจใช่หรือไม่?” เฉินฝานกุมหน้าอกแล้วลุกขึ้นนั่ง“คนเมื่อครู่คือฝ่าบาทหรือ?” หวงหวั่นเอ๋อร์ตอบไม่ตรงคำถาม“ใช่ คือฝ่าบาท!” เฉินฝานพยักหน้า เขาไม่มีความจำเป็นใดต้องปิดบังหวงหวั่นเอ๋อร์“ฝ่าบาทชอบท่าน” ดวงตาของหวงหวั่นเอ๋อร์ทอประกาย“ฝ่าบาทชอบข้าเป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ?” เฉินฝานนึกสงสัย“ชอบที่ข้าหมายถึงคือความรักของชายหญิง หรือข่าวลือจะเป็นความจริง ฝ่าบาทชมชอบพันธุ์ไม้เดียวกัน?”“เป็น...ไปได้กระมัง”วันหนึ่ง ฉินเย่ว์เหมยกลับมาเป็นสตรีได้ เช่นนั้นก็จะรักเขาอย่างเปิดเผย เขาพยายามเต็มกำลังเพื่อให้วันนั้นรีบมาถึง“แต่ว่า สายตาของท่านยามมองฝ่าบาท...ท่านก็ชอบฝ่าบาท?” หวงหวั่นเอ๋อร์พูด“แน่นอนว่าข้าชอบฝ่าบาท” เฉินฝานพูดด้วยความหนักแน่น ฉินเย่ว์เหมยเป็นภรรยาของเขา เขาจะไม่ชอบได้อย่างไร“ท่านไม่อาจชอบฝ่าบาท!”เฉินฝานเพิ่งพูดจบ หวงหวั่นเอ๋อร์ตะโกนเสียงดัง ทำให้เฉินฝานตกใจ“เจ้าจะเสียงดังเช่นนั้นทำไม?”“ท่านเป็นบุรุษ ท่านจะชอบฝ่าบาทได้อย่างไร!”“ฝ่าบาทชอบข้าได้ เหตุใดข้าจึงไม่อาจชอบ...” เฉินฝานหยุดพูดกะทันหัน จับจ้องหวงหวั่นเอ๋อร์แล้วเอ่ยถ
หวนนึกถึงภาพเพื่อนสนิทที่ถูกเสือฉีกร่างทั้งเป็น ฉินเย่วฉินดวงตาแดงก่ำ แววตาแน่วแน่“ได้!” เฉินฝานขานรับน้ำเสียงเด็ดขาดอย่างมากในขณะเดียวกันที่เฉินฝานออกเดินทาง โจวอวี่ก็พามือปืนหนึ่งพันคนของเขาปลอมตัวเป็นชาวบ้าน เดินทางจากอีกฝั่งของเมืองเช่นกันวันนี้คนบนท้องถนนมีจำนวนมากเป็นพิเศษ รถม้าของเฉินฝานต้องหยุดหลายครั้งเมื่อรถม้าหยุดอีกครั้ง ฉินเย่ว์ฉินกล่าวด้วยความหงุดหงิด “เจ้าเป็นท่านอัครเสนาบดีที่ตำแหน่งอำนาจสูงส่งมิใช่หรือ? ไฉนคนเดินเท้าบนท้องถนนจึงกล้าขวางทางรถม้าเจ้า”“ขวางทางอันใดกัน? พวกเราใต้เท้ามิใช่ขุนนางกังฉินที่วางอำนาจตามอำเภอใจไปทั่ว ใต้เท้าต้องรักและดูแลราษฎร วันนี้คนที่ออกจากเมืองค่อนข้างเยอะ พวกเราเพียงหยุดเพื่อหลีกทางให้ฝูงชนเท่านั้น อีกอย่างบัดนี้พวกเรามิได้นั่งรถม้าของอัครเสนาบดีเสียหน่อย”หลี่จู้นายพลประจำกายคนใหม่ของเฉินฝานที่ติดตามอยู่ด้านนอกรถม้าเริ่มปริปากตำหนิฉินเย่ว์ฉิน ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องที่โรงมหรสพจวบจนบัดนี้ เขาคิดมาตลอดว่าเป็นความผิดของฉินเย่ว์ฉิน หากมิใช่เพราะนาง เฉินฝานก็คงจะมิตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายบัดนี้เฉินฝานยังเป็นอัครเสนาบดีที่ ‘ตายไปแล้ว’
“ถูกต้อง คนของตำหนักเซียวเหยาส่วนใหญ่ล้วนมีวรยุทธ์ติดตัวและวางยาพิษเป็น และมีคนที่สามารถควบคุมงูได้เช่นกัน ทว่าสตรีที่ทำอันใดมิเป็นสักอย่างมีเยอะกว่าเสียอีก ทุกคนล้วนหน้าตาค่อนข้างดี พวกนางจะแยกย้ายกันไปแต่ละแคว้นในแผ่นดินใหญ่ ใช้ประโยชน์จากความงามของตนดึงดูดบุรุษ หลังจากที่ตั้งท้องได้สำเร็จแล้วก็จะตีตัวออกห่างหายไปอย่างเงียบ ๆ”“เดิมทีสตรีก็มีฐานะต่ำต้อยอยู่แล้ว ผนวกกับการที่พื้นที่ส่วนใหญ่ทั้งแคว้นหญิงเยอะชายจำนวนน้อย การจากไปของพวกนางมิเพียงแต่มิได้ทำให้ชายเหล่านั้นเสียใจเท่านั้น ชายส่วนใหญ่กลับรู้สึกยินดี อย่างไรเสียก็คงมิมีชายใดที่อยากให้สตรีที่ตนเองได้ร่วมอภิรมย์แล้วจากไปโดยมิบอกกล่าว”ตอนที่ฉินเย่ว์ฉินพูด ใช้สายตาถมึงทึงมองไปที่เฉินฝานเฉินฝานรู้ว่าฉินเย่ว์ฉินก็มีความสงสัยเช่นนี้กับเขาเช่นกัน เขามิได้แก้ตัว แก้ตัวไปก็ไร้ประโยชน์ เรื่องเช่นนี้มีเพียงเวลาเท่านั้นที่จะสามารถพิสูจน์ได้และที่นางพูดก็เป็นเรื่องจริงชายที่ถูกดึงดูดได้อย่างง่ายดายปานนั้น ย่อมมิยอมรับผิดชอบเป็นแน่“จากนั้นล่ะ หลังจากนั้นพวกนางอุ้มท้องแล้วก็กลับไปที่ตำหนักเซียวเหยาเช่นนี้รึ?”“ถูกต้อง” ฉินเย่ว์ฉิน
เฉินฝานรู้ว่าฉินเย่ว์ฉินหวาดระแวง “มิต้องสงสัยหรอก ข้าเชื่อเจ้าจริง ๆ”“ทำไมล่ะ?”“เพราะเจ้าเป็นพี่สาวของเย่ว์เจียว”อีกหนึ่งเหตุผลหนึ่งคือ ฉินเย่ว์ฉินออกมาเสี่ยงชีวิตช่วยเขาและฉินเย่ว์เจียวโดยมิห่วงความปลอดภัยตนเองแม้แต่น้อย“เพียงแค่นี้งั้นรึ?” ฉินเย่ว์ฉินสีหน้ามิเชื่อ“และเพราะว่าเจ้าเป็นภรรยาของข้า” เฉินฝานมิได้พูดเล่นหนังสือทางการที่เขาครอบครองอยู่ ตราบใดที่เขามิเขียนใบหย่า ฉินเย่ว์ฉินย่อมเป็นคนของเขาตลอดไป“แต่ข้ามิชอบเจ้า”“แล้วอย่างไรต่อ? ชีวิตของเจ้าเป็นข้า ตายไปแล้ววิญญาณก็เป็นของข้า” มิว่าจะเป็นน้ำเสียงหรือท่าทางของเฉินฝานล้วนแน่วแน่และเอาแต่ใจอย่างมากวินาทีที่ฉินเย่ว์ฉินกลับมา เฉินฝานก็มิได้คิดจะปล่อยให้นางจากไปตามกฎหมายของต้าชิ่ง ในฐานะที่เป็นสามี เขามีหน้าที่ดูแลนาง นางทำความผิด เขาก็มีหน้าที่อบรมสั่งสอนนางเช่นกันฉินเย่ว์ฉินใจเต้นจากคำพูดจี้ใจดำของเฉินฝานมิใช่รู้สึกหวั่นไหวเฉินฝานตอนที่อยู่หมู่บ้านซานเหอช่วงแรกมักพูดเสียงดังน้ำเสียงดุร้ายเสมอ ทว่าตอนนั้นฉินเย่ว์ฉินมิได้รู้สึกหวาดกลัวอย่างแน่นอน ถึงขั้นรู้สึกรำคาญอย่างมาก เฉินฝานในตอนนี้มิได้พูดเสียงดัง
ฉินเย่ว์ฉินเช็ดน้ำตาด้วยความรีบร้อน “อย่ามาพูดจาเหลวไหล ข้ามิได้ร้องไห้เสียหน่อย เพียงแค่เศษดินทรายเข้าตาเท่านั้น”“อ๋อ ๆ พี่รองมิได้ร้องไห้ เพียงแค่เศษดินทรายเข้าตา”ระหว่างที่พูด ฉินเย่ว์เจียวก็จูงมือเฉินฝานและฉินเย่ว์ฉิน “พวกพี่มิเป็นไรก็ดีแล้ว ในที่สุดพวกเราเหล่าพี่น้องก็พร้อมหน้าพร้อมตากันได้เสียที พวกเราจะกลับบ้านเดี๋ยวนี้ ข้าจะไปกว้านซื้อประทัดมาเยอะ ๆ เสียงประทัดต้องดังทั้งวันทั้งคืน”“ไม่!”เฉินฝานและฉินเย่ว์ฉินพูดออกมาพร้อมกัน“ข้าจะมิกลับไปกับพวกเจ้า” น้ำเสียงฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา นางยังคงมิยอมรับในตัวเฉินฝาน“จะจุดประทัดมิได้ บัดนี้ข้ามิสามารถกลับไปได้ชั่วคราว กลับไปเช่นนี้มิได้” เฉินฝานกล่าว“พี่รอง ข้ารู้ว่าพี่คิดอันใดอยู่ พี่มิอยากกลับไป ข้าก็คิดไว้อยู่แล้ว แต่...” ฉินเย่ว์เจียวถามเฉินฝานด้วยความสงสัย “นายท่าน ไฉนท่านจึงมิกลับ?”“พี่มิเพียงแต่กลับไปมิได้เท่านั้น และยังมิสามารถ ‘มีชีวิตอยู่’ ได้”“ใต้เท้าพูดถูก บัดนี้ใต้เท้ามิสามารถมีชีวิตอยู่ได้” ไป่เผยหรานที่อยู่ด้านข้างเข้าใจความหมายแฝงในประโยคที่เฉินฝานพูดทันทีขอเพียงเฉินฝานและฉินเย่ว์ฉิน‘เสียชีวิต’ ผู้ชักใยอย
เหอจื่อหลินและไป่เผยหรานพากองกำลังขยายอาณาเขตในการขุดค้น ทว่าหาอยู่นานก็ยังมิพบอยู่ดีมิรู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร“นายท่าน พี่รอง!”ฉินเย่ว์เจียวที่โดยปกติแล้วมีนิสัยดุดันตรงไปตรงมา บัดนี้ร้องไห้จนแทบจะหมดสติเหอจื่อหลินและไป่เผยหรานกำลังจะจัดแจงคนให้พานางกลับไป ปรากฏว่าเพิ่งจะปริปาก ฉินเย่ว์เจียวก็ถูกสิ่งของกระทบใส่อย่างรุนแรง“ตุ้บ!”ฉินเย่ว์เจียวถูกขว้างก้อนหินใส่“เจ้าคนหน้าไหนรนหาที่ตาย บังอาจขว้างหินใส่ข้า”“เจ้าเอะอะโวยวายปานนี้ และยังทุบตีคนที่ช่วยข้าอย่างรุนแรง เจ้ากลัวว่าพี่จะตายช้าไปหรือกระไร?”......!!!!ทุกคนล้วนตกตะลึงไปครู่ใหญ่ จึงได้สติกลับมาคือเฉินฝาน นี่คือเสียงของเฉินฝาน“นายท่าน ๆ”“ใต้เท้า ๆ”ฉินเย่ว์เจียวพุ่งตัวเข้าหาคนแรก ทว่ามินานนางก็รู้สึกงุนงง ได้ยินเสียงเฉินฝานแล้ว แล้วตัวเขาอยู่ที่ใด“นายท่าน ๆ ท่านอยู่ที่ใด?” ฉินเย่ว์เจียวร้อนรนใจจนกระทืบเท้า“เจ้าหยุดกระทืบเท้าได้แล้ว ถ้ายังกระทืบเท้าข้าคงได้ตายจริง ๆ แล้ว!”ได้ยินเช่นนี้ ฝูงชนมองใต้เท้าฉินเย่ว์เจียวตามสัญชาตญาณเฉินฝานอยู่ใต้เท้าฉินเย่ว์เจียวจริง เขาถูกโต๊ะตัวหนึ่งทับร่างไว้ เพราะโต
“ข้ารู้ว่าเจ้ามีข้อสงสัยมากมาย แต่อย่าเพิ่งมาถามตอนนี้ รีบตามข้ามา !”ฉินเย่ว์ฉินลากฉินเย่ว์เจียวไปทันที ดูจากท่าทางของนางแล้ว คงจะเป็นสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานจริง ๆฉินเย่ว์ฉินมุ่งหน้ากลับไปเรือนที่นางออกมาเมื่อครู่“ไปทางนั้นมิได้!” เฉินฝานตะโกนดังลั่นจู่ ๆ เขาก็ได้กลิ่นดินปืนจำนวนมาก จากประสบการณ์ในยุคปัจจุบันของเขา ดินปืนนี้จวนจะระเบิด“เย่ว์เจียวเย่ว์ฉิน อ๋องตวน อีกมินานที่แห่งนี้จะระเบิดแล้ว จงล่าถอยไปด้านนอก!”สองสามปีมานี้ฉินเย่ว์เจียวและอ๋องตวนมักจะติดตามอยู่ข้างกายเฉินฝานเสมอ เฉินฝานมักจะทำการทดลองระเบิดอยู่บ่อยครั้ง พวกเขาเข้าใจสิ่งที่เฉินฝานพูด และเข้าใจผลที่ตามมาของการระเบิดดินปืนในยุคนี้เป็นสินค้าหายาก เพราะดินปืนมีอานุภาพทำลายที่รุนแรง ดังนั้นดินปืนจึงเป็นสินค้าที่ทางการควบคุมอย่างเข้มงวด โดยปกติแล้วราษฎรมิสามารถครอบครองได้ แม้ฉินเย่ว์ฉินจะอยู่ในกลุ่มตำหนักเซียวเหยาที่แข็งแกร่งปานนั้นก็มิแน่เสมอไปว่าจะเคยสัมผัสกับดินปืนมากก่อน ผนวกกับการที่นางรู้สึกมิดีกับเฉินฝาน นางจึงมิฟังคำพูดของเขา นางมิได้ล่าถอยตามฉินเย่ว์เจียวไปด้านนอก ยังคงยืนกรานจะไปที่เรือนหลังนั้น“ไปม
“พี่รอง!” ฉินเย่ว์เจียวพุ่งตัวไปกอดฉินเย่ว์ฉินไว้แน่น ทั้งร่ำไห้และตะโกน “สองสามปีที่ผ่านมานี้พี่ไปอยู่ที่ใดมา ไฉนพี่มิกลับมาเยี่ยมพวกเราบ้าง พี่ใหญ่และนายท่านส่งไปคนมากมายไปตามหาพี่ ก็ยังมิเจอพี่อยู่ดี พี่รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นห่วงพี่เพียงใด?”ฉินเย่วเจียวร้องไห้ไปเรื่อย ๆ ก็เริ่มบ่นฉินเย่ว์ฉิน “ไฉนพี่จึงใจดำเช่นนี้ ยังมีชีวิตอยู่แท้ ๆ ไฉนจึงมิยอมกลับมา ไฉนมิยอมมาเจอหน้าพวกเรา? จำพวกเรามิได้แล้วงั้นรึ? และยังมีเรื่องของนายท่านอีก บัดนี้เขามิใช่นายท่านแบบเมื่อก่อนแล้ว ข้ามิเชื่อหรอกว่าพี่จะมิเคยได้ยินเรื่องที่เขาเปลี่ยนตัวเอง พี่จะต้องเคยได้ยินมาอย่างแน่นอน และพี่ก็รู้ด้วยว่าพวกเราเป็นห่วงเพียงใด แต่ก็ยังมิยอมกลับมาอยู่ดี พี่ช่างเป็นคนที่ใจดำอำมหิตเสียจริง”รู้สึกว่าบ่นไปก็มิได้ผล ฉินเย่ว์เจียวก็เริ่มชกต่อยฉินเย่ว์ฉิน นางนำความถวิลหา ความกังวลใจ ความคับแค้นใจที่มีต่อฉินเย่ว์ฉินทั้งหมดรวมเข้ามาไว้ในกำปั้นตนเองฉินเย่ว์ฉินมิได้ต่อต้าน มิได้เถียงกลับ ทำเพียงยืนอยู่ตรงนั้นให้ฉินเย่ว์เจียวระบายอารมณ์ ตอนที่ฉินเย่ว์เจียวกล่าวถึงเฉินฝาน ฉินเย่ว์ฉินหันไปมองเฉินฝาน ทว่าเป็นชำเลืองมองเพียงครู่เ
มิถึงเวลาหนึ่งถ้วยชา ผู้ฟังทั่วบริเวณล้มลงไปนอนกับพื้นทั้งหมด คนส่วนใหญ่ล้วนถูกงูฉกตาย ส่วนคนที่ถูกฉกแต่ยังมิสิ้นลม ใบหน้าดำคล้ำสติเลือนรางเพราะพิษงูมีผู้ฟังที่ล้มลงกับพื้นตรงประตูทางออกมากที่สุด เพราะคนส่วนใหญ่คิดที่จะหนีออกไป ทว่าประตูทางออกใหญ่ปิดล็อกไปตั้งแต่ตอนที่พวกเฉินฝานเข้ามาแล้ว“ให้ตายสิ!” อ๋องตวนตะโกนลั่น “แม้ทั้งชีวิตข้าจะทำเรื่องเลวทรามมาเยอะ เคยคิดไว้อยู่แล้วว่าอาจจะต้องตายอย่างน่าสังเวช ทว่าต่อจะให้น่าสังเวชเพียงใด ข้าก็มิอยากถูกงูฉกตายเช่นนี้!”อ๋องตวนที่ปกติมิเกรงกลัวสิ่งใด บัดนี้กลับเกิดความหวาดกลัวอย่างแท้จริง เขาหวาดกลัวงูที่สุด ตัวลื่น ๆ เนื้อสัมผัสเย็น ๆรูปลักษณ์ภายนอกน่าขยะแขยงเพียงแค่คิดก็รู้สึกขนพองสยองเกล้าแล้ว นับประสาอันใดกับการเห็นและถูกฉกด้วยตาตนเอง“ท่านอ๋อง ท่านมายืนด้านหลังข้า” ฉินเย่ว์เจียวกล่าวจบ ก็มองไปทางเฉินฝาน เฉินฝานพยักหน้าเล็กน้อยเมื่อเฉินฝานอนุญาต ฉินเย่ว์เจียวยื่นมือไปที่เอวทันทีฉินเย่ว์เจียวยังมิทันได้หยิบขลุ่ยไม้ไผ่ตรงเอวขึ้นมา ด้านนอกก็เสียงดนตรีที่เนิบนาบดังขึ้นเมื่อเสียงดนตรีนั้นดังขึ้น งูที่แต่เดิมโจมตีคนอย่างบ้าคลั่ง จู่ ๆก
วินาทีที่เห็นสตรีนางนั้น หลี่อวี้ไห่ตาเบิกกว้าง องครักษ์หญิงด้านหลังเขาเหล่านั้นก็มีสีหน้าเช่นเดียวกัน ตกตะลึงเหลือเชื่อ และหวาดกลัว!สตรีผู้นั้นหยุดฝีเท้าตรงหน้าหลี่อวี้ไห่ กะพริบตาเล็กน้อย น้ำเสียงเนิบนาบ “พวกเราโรงมหรสพเซียนยินทำการค้า ขอเพียงมิฝ่าฝืนกฎหมายต้าชิ่ง ก็ต้องเติมเต็มความต้องการของแขกเป็นธรรมดาอยู่แล้ว”หลี่อวี้ไห่ยังคงยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ทั้ง ๆ ที่เป็นคนวัยกลางคนผ่านโลกมามากมายแล้ว บัดนี้กลับทำอันใดมิถูก“หืม?” สตรีนางนั้นเลิกคิ้วขึ้นเลิกเล็กน้อย น้ำเสียงยังคงเนิบนาบ ทว่ากลับแฝงด้วยรังสีเย็นยะเยือกที่ทำให้คนอกสั่นขวัญผวา นางยกมือเรียวยาวของนางขึ้น ปัดไรผมบนหน้าผากตนเองเบา ๆ กำไลข้อมือรูปงูสีทองเปล่งประกายสะท้อนแสง “หูใช้การมิได้แล้วงั้นรึ?”เหงื่อเย็นหลายเม็ดผุดขึ้นหน้าผากหลี่อวี้ไห่ทันที “เร็วเข้าสิ รีบนำสุรามาให้ท่านอ๋อง”ตอนที่หลี่อวี้ไห่เหงื่อเย็นไหลออกมา อ๋องตวนก็เริ่มสงบสติอารมณ์มิได้ นับตั้งแต่วินาทีที่สตรีนางนั้นออกมา เขาก็เริ่มสงบสติอารมณ์มิอยู่แล้ว ทว่าเฉินฝานห้ามเขาไว้ตอนที่สาวใช้ยกสุราผ่านหน้าสตรีไป สตรีนางนั้นก็ยื่นมือเรียวยาวออกมาอีกครั้ง “เอาม