จ้าวรุ่ยหลับตาปี๋ ทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดของอ๋องตวน“หูหนวกหรือไง?”อ๋องตวนแหย่จ้าวรุ่ยอีกครั้ง อีกทั้งครั้งนี้ยังออกแรงมากกว่าเดิมเล็กน้อย ที่เรียกว่าออกแรงมากขึ้นเล็กน้อยของเขา เท่ากับใช้ไม้ทิ่มอย่างแรงของผู้อื่น“โอ๊ย!”จ้าวรุ่ยเจ็บจนกัดฟันแน่น“รีบบอกคนด้านล่างเร็ว เจ้าเป็นใคร?”“...” จ้าวรุ่ยปิดปากแน่นอีกครั้ง“หึ! ดูไม่ออกจริงๆ ครั้งก่อนถูกข้าต่อย ถึงขั้นฉี่ราด ครั้งนี้ กลับนิ่งเฉยเช่นนี้หรือ?”ยิ่งจ้าวรุ่ยแสดงความนิ่งเฉย อ๋องตวนก็ยิ่งได้ใจ เขาทิ่มจ้าวรุ่ยอีกสองสามครั้ง จ้าวรุ่ยไม่กล้าส่งเสียงดัง กัดฟันแน่น อดทนกับความเจ็บปวดจนหน้าแดงก่ำ เหงื่อผุดเต็มหน้าผาก เหงื่อเม็ดโตรินไหลลงมา ดวงตาแดงก่ำ ถลึงตามองอ๋องตวนและเฉินฝาน“อย่าใช้สายตาเช่นนั้นมองพวกข้า!” สีหน้าอ๋องตวนคล้ายถูกเข้าใจผิดเต็มประตู“เดิมทีพวกข้าก็ไม่คิดจะแขวนเจ้าไว้ที่นี่ แต่เจ้าเป็นคนคิดขึ้นเอง”จุดประสงค์ในการมาเยือนเมืองเฟิ่งหวงของเฉินฝานและอ๋องตวนนั้นชัดเจน ก็คือเพียงอยากจับตัวจ้าวรุ่ย บีบให้เขาเอาทหารกลับไปแต่จ้าวรุ่ยเอาแต่พูดไม่หยุดว่า หลังจากจับตัวเฉินฝานและอ๋องตวนได้แล้ว ตนจะแขวนพวกเขาไว้ที่กำแพงเมือง ใ
ด้านล่างกำแพงเมือง ประจวบเหมาะกับที่เวลานี้ จ้าวกังกำลังพาคนมานอกกำแพงเมืองทหารจ้าวสองแสนนายกำลังเร่งเดินทางมาเห็นจ้าวรุ่ยที่ถูกแขวนบนกำแพงเมือง ขุนนางและแม่ทัพทั้งหมดของแคว้นจ้าว ต่างตกใจอย่างมากจักรพรรดิของแคว้น ถูกแขวนไว้ที่กำแพงเมือง เป็นเรื่องที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน นี่เป็นการหยามเกียรติอย่างมาก“ฝ่าบาท! รีบไปช่วยฝ่าบาท!”ขุนนางและทหารทั้งในและนอกกำแพงเมืองต่างชุลมุนวุ่นวายแม่ทัพแคว้นจ้าวนำทหารมุ่งหน้าไปที่กำแพงเมืองมือธนูขึ้นสายเตรียมความพร้อมเฉินฝานเอาปากกระบอกปืนจ่อศีรษะของจ้าวรุ่ย “ควรทำอย่างไร? ข้าคงไม่ต้องสอนท่านกระมัง”“กรึก!”เสียงขึ้นลำปืนดังขึ้น“ถอยไป!”“ถอยกลับไปให้หมด!”จ้าวรุ่ยกรีดร้องสุดเสียงเมื่อคืนตอนออกจากตำหนัก มีทหารรักษาพระองค์คนหนึ่งอยากเสี่ยงตายไปช่วยจ้าวรุ่ย แต่ถูกเฉินฝานยิงตายปืนนัดนั้น ยิงไปที่ท้ายทอยของเขาจุดที่ถูกยิงทั้งใหญ่และลึก เพียงครู่หนึ่ง เลือดพวยพุ่งออกมา ทหารรักษาพระองค์คนนั้นกระตุกไม่หยุด จากนั้นไม่นาน เขาก็สิ้นใจเห็นภาพเหตุการณ์การตายอันน่าสยดสยองของทหารรักษาพระองค์ในระยะใกล้ด้วยตาตนเอง กระทั่งเวลานี้จ้าวรุ่ยก็ยังก
“แหะๆ!” อ๋องตวนหัวเราะแห้งๆ “ไม่อาจปิดบังเจ้าได้สักเรื่องจริงๆ”“ว่าแต่ เสี่ยวฝาน เมื่อวานเจ้าเป่ายิ้งฉุบได้เยี่ยมยอดจริงๆ ข้าไม่คิดเลยว่าจะเป่ายิ้งฉุบเช่นนี้ก็ได้ เวลานั้นเจ้า...”ขณะพูด อ๋องตวนเริ่มทำไม้ทำมือมือซ้ายคือเฉินฝาน มือขวาคือตัวเขาเองจ้าวรุ่ยไม่เข้าใจ นึกว่าอ๋องตวนกำลังพูดความลับบางอย่าง ดังนั้นจึงเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ ทั้งยังท่องจำเงียบๆเฉินฝาน "“..”“เช่นนั้นท่านก็เดาอยู่ที่นี่เถอะ รอท่านเดาออกแล้ว ข้าค่อยกลับมาเจรจากับจ้าวรุ่ย!”เฉินฝานขยับตัวหาท่านั่งที่สบาย“โอ๊ยๆ ไม่เดาแล้ว ข้าไม่เอาแล้ว!” อ๋องตวนรีบคว้าตัวเฉินฝาน แต่เฉินฝานไม่สนใจเขา หาที่ที่มีลมโกรก แล้วนอนพักผ่อน ไม่ว่าอ๋องตวนจะอ้อนวอนขอร้องเขาอย่างไร เขาก็แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน“เจ้าดูเจ้าสิ ดูเจ้าสิ ทำเสียงเรื่องหมดแล้ว!” จ้าวรุ่ยตำหนิอ๋องตวน“เฮ้อ ทุกครั้งที่ข้าอยากเล่นเป่ายิ้งฉุบ ก็ไม่อาจหยุดตนเองได้”“ชิๆๆ ไม่แปลกที่จักรพรรดิต้าชิ่งคนก่อนกล่าวว่าเจ้าไม่อาจประสบความสำเร็จ ทั้งยังสร้างปัญหาเก่ง วันนี้เห็นกับตาท่าจะเป็นเรื่องจริง”“ใช่ๆๆ!” อ๋องตวนพยักหน้า “ต่อไปนี้ข้า...”จู่ๆ อ๋องตวนก็หยุดลง หันไปม
“ใช่ ๆ เมื่อไม่กี่วันก่อน ทูตของเจ้าพูดจายกตนข่มท่านในพระราชวังต้าชิ่งของข้า บอกว่าหลังจากตะวันลับฟ้าอะไรนั่นยังตกลงกันไม่ได้ ก็จะให้ต้าชิ่งของข้าชดใช้เงินสามสิบล้านตำลึงให้กับพวกเจ้า”“นี่เป็นสิ่งที่เจ้าสั่งสอนมาใช่หรือไม่? คนต่ำช้าเจ้าเล่ห์!”“ปัง!”อ๋องตวนต่อยไปที่ศีรษะของจ้าวรุ่ยอีกครั้ง “ใครใช้ให้เจ้าตั้งเงื่อนไขส่งเดชเล่า ตอนนี้ก็รับกรรมที่ก่อไว้เสียเถิด เอาตามเงื่อนไขของเสี่ยวฝาน ให้กองทัพสองแสนนายกับทหารรักษาพระองค์อีกหมื่นนายถอยกลับไปที่แคว้นจ้าวของพวกเจ้าก่อนตะวันตกดิน เงินสามสิบล้านตำลึงก็ต้องส่งมาถึงก่อนตะวันตกดินด้วยเช่นกัน” “เจ้าไม่ยอมหรือ...”อ๋องตวนยกกำปั้นขึ้นมาอีกครั้ง“เดี๋ยวก่อน!”แม้ว่าหมัดของอ๋องตวนจะไม่น่ากลัวเท่าปืนในมือเฉินฝาน แต่ก็ค่อนข้างน่าสะพรึงกลัวอยู่เหมือนกัน บัดนี้จ้าวรุ่ยถูกอัดจนจมูกเขียวหน้าบวมช้ำแล้วสุภาษิตกล่าวไว้ว่า หากเขาเขียวยังคงดำรงอยู่ ย่อมมิกลัวขาดฟืนต่อไปเขาจะต้องหาโอกาสล้างความอัปยศในวันนี้ได้อย่างแน่นอนจ้าวรุ่ยกัดฟัน “ได้! ข้า...รับปากพวกเจ้า!”“แต่ว่า ดีหรือร้ายอย่างไรข้าก็เป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของแคว้นหนึ่ง พวกเจ้ามิอาจให
เหอจื้อเฟย ขุนนางของเมืองเฟิ่งหวงคุกเข่าลงกับพื้นดังตุบ “ท่านอ๋อง! ใต้เท้า! ต่อให้ข้าน้อยมีความกล้าอีกสิบเท่า ก็ไม่กล้าทำเช่นนี้หรอกขอรับ!”“เจ้ามิได้กระทำ เช่นนั้นเหตุใดจึงไม่มีผู้ใดมารับเงินเล่า?”“เรื่องนี้...” เหอจื้อเฟยทำสีหน้าลำบากใจ “ข้าน้อยก็ไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นขอรับ”“เจ้าไม่รู้ แล้วเป็นขุนนางเมืองนี้ได้อย่างไร?” อ๋องตวนที่อารมณ์ร้อนและไม่มีความอดทนอะไรกวัดแกว่งกำปั้นขึ้นมาหมายจะอัดคน“ท่านอ๋อง!” เฉินฝานรีบห้ามเขาทันที “ลุกขึ้นเถิด!” เฉินฝานกล่าวกับเหอจื้อเฟย“ขอบคุณขอรับใต้เท้า”เหอจื้อเฟยลุกขึ้นมาแล้ว แต่ท่าทางยังคงสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว พยายามยืนห่างจากอ๋องตวนเล็กน้อย“เจ้าออกไปเถิด พานักการในศาลาว่าการไปประกาศอีกครั้ง บางทีชาวบ้านจำนวนมากอาจยังไม่ทราบก็ได้”“ขอรับ ใต้เท้า!”เหอจื้อเฟยวิ่งออกไปราวกับหนีตายอ๋องตวนจ้องมองร่างของเหอจื้อเฟยที่จากไปอย่างรวดเร็วแล้วกล่าวว่า “เฉินฝาน แค่เห็นเหอจื้อเฟยคนนั้นก็รู้ว่าพูดโกหกอยู่ เจ้าปล่อยเขาไปเช่นนี้ได้อย่างไร?”“ปล่อยเขาไป หากให้เขาอยู่ที่นี่ ท่านคิดว่าเขาจะพูดหรือ?”“อัดสักยกสิ!” อ๋องตวนชูกำปั้นขนาดใหญ่ของต
“ใต้เท้า ซาลาเปาของข้าไม่ได้แพงเช่นนั้น หาได้มีราคาสูงถึงหนึ่งตำลึงไม่!”สตรีวัยกลางคนตอบไม่ตรงคำถาม นางห่อซาลาเปาบนแผงทั้งหมดให้เฉินฝาน เฉินฝานนึกว่าสตรีวัยกลางคนได้ยินคำพูดของตนไม่ชัด จึงคิดจะพูดอีกครั้งปรากฏว่าเขายังไม่ทันเอ่ยปาก สตรีวัยกลางคนก็เอ่ยขึ้นมาอีกทันที“อันที่จริงแล้วซาลาเปาพวกนี้ก็มิได้มีราคาสูงถึงหนึ่งตำลึงเช่นกัน! พ่อหนุ่ม วันนี้ข้าไม่ได้ทำมาเยอะขนาดนั้น!” สตรีวัยกลางคนพลันเอ่ยเสียงดัง “หากท่านยังต้องการ เช่นนั้นท่านก็รอสักครู่เถิด ข้าจะกลับไปทำเพิ่มให้ท่านอีกหนึ่งเข่ง ท่านรอไม่ไหว? เช่นนั้นรบกวนท่านไปกับข้าแล้ว”เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ เฉินฝานก็เข้าใจในพริบตา สตรีวัยกลางคนทราบถึงเหตุผล แต่ตอนนี้นางไม่กล้าเอ่ยออกมาตรง ๆเฉินฝานติดตามสตรีวัยกลางคน เดินเลี้ยวเจ็ดแปดครั้งไม่นานก็มาถึงย่านทิศเหนือของเมืองย่านทิศเหนือของเมืองแร้นแค้น ผู้คนที่อาศัยอยู่ล้วนเป็นผู้ที่ยากจนที่สุดในเมืองนี้บ้านของสตรีวัยกลางคนสร้างด้วยฟางหญ้า เสาไม้ที่ค้ำกระท่อมฟางหญ้าผุกร่อนจนไม่เหลือชิ้นดีแล้ว แค่ลมพัดทีเดียวก็ดูอันตรายเต็มที ผุพังยิ่งกว่าบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านซานเหอหลังนั้นเมื่อตอนท
โจรเข้ามาในเมืองกันหมดแล้ว แต่เหอจื้อเฟยกลับทำเป็นไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นเมื่อครู่สตรีวัยกลางคนยังบอกว่าเหอจื้อเฟยเป็นขุนนางที่ดี หรือว่าจะไม่กล้าพูดความจริงเฉินฝานบอกลาครอบครัวของสตรีวัยกลางคน แล้วรีบรุดไปยังที่ว่าการเมืองเฟิ่งหวงด้านนอกศาลาว่าการ เฉินฝานยังจงใจมองรอบหนึ่ง มีชายหลายคนเดินป้วนเปี้ยนอยู่ด้านนอกศาลาว่าการจริง ๆ ดวงตาชำเลืองมองศาลาว่าการของเมืองเฟิ่งหวงเป็นครั้งคราวสายตาของชายเหล่านั้นดูอำมหิตดุดัน มองแวบเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาพวกเขาน่าจะเป็นโจรที่สตรีวัยกลางคนพูดถึงโจรป่าคอยนั่งเฝ้าอยู่หน้าประตูที่ว่าการช่างอุกอาจนัก!เฉินฝานสาวเท้ายาว ๆ เข้าไปในที่ว่าการ“ท่านอัครเสนาบดีฝ่ายซ้าย!”เมื่อเห็นเฉินฝาน เหอจื้อเฟยก็วิ่งเข้ามาหาทันทีเฉินฝานเองก็ก้าวเท้ายาว ๆ เดินเข้าไปหาเช่นกัน เมื่ออยู่ห่างจากเหอจื้อเฟยไม่ถึงห้าเมตร...“เคร้ง!”เฉินฝานชักดาบคู่กายของนักการในศาลาว่าการคนหนึ่งออกมาอย่างฉับไว“ตะ ใต้...”ขณะที่นักการในศาลาว่าการพูดติดอ่าง เฉินฟานก็ถือดาบชี้ไปที่เหอจื้อเฟยแล้วเหอจื้อเฟยมองเฉินฟานอย่างตกตะลึง สุดท้ายก็คุกเข่าลงอย่างเงียบงัน
หญิงชราวัยประมาณหกสิบปีผู้หนึ่งขวางหน้าเหอจื้อเฟยไว้“ท่านแม่ ลูกต้องไปทำงาน ท่านอย่าขัดขวางลูกเลย” เหอจื้อเฟยเอ่ยด้วยความเจ็บปวดใจคนที่ยืนขวางเหอจื้อเฟยไม่ให้เหอจื้อเฟยไปทำร้ายโจร ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นมารดาของเขาเองนางเหอเหลือบมองดาบในมือของเหอจื้อเฟยแล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “งานของเจ้าอยู่ในที่ว่าการไม่ใช่หรือ? เจ้าเป็นขุนนาง ไม่อยู่ในที่ว่าการ ถือดาบวิ่งออกมา นี่จะไปทำสิ่งใด? เจ้าเป็นเพชฌฆาตหรือไร? เจ้าเป็นคนฆ่าสัตว์หรือไร?”“ท่านแม่ ลูกมีงานราชการเร่งด่วนจริง ๆ ใครก็ได้!”เหอจื้อเฟยพูดพลางหันหน้าไปสั่งนักการในศาลาว่าการที่อยู่ข้างหลังเสียงดัง “พาฮูหยินผู้เฒ่ากลับจวน!” “ใครกล้าแตะต้องข้า!”นางเหอหยิบกรรไกรออกมาทันที แล้วชี้ไปยังนักการในศาลาว่าการที่เดินมาหานางหลังจากที่นักการในศาลาว่าการหยุดเดินไม่กล้าเดินข้างหน้า นางเหอก็ใช้กรรไกรจ่อคอตัวเองทันที“เหอจื้อเฟย เจ้าอย่าคิดว่าแม่แก่แล้วหูตาฟ้าฟาง ไม่รู้ว่าเจ้าจะไปที่ใด หากเจ้าไปสังหารโจรก็สังหารแม่ก่อน หลังจากนั้นค่อยข้ามศพของแม่ไป”“ท่านแม่ นี่ท่านทำอะไร?” ใบหน้าของเหอจื้อเฟยเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและอับจนปัญญาอ๋องตวนถ
“ให้เขากิน!”เสิ่นหมิงหยวนผลักองครักษ์คนนั้นไปตรงหน้าเฉินฝานทันที“ใช่แล้ว จะปล่อยให้เฉินฝานเลือกคนกินสารหนูไม่ได้” พรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนพากันสนับสนุน“ไม่เพียงไม่อาจให้เฉินฝานเลือก สารหนูก็ต้องให้ใต้เท้าเสิ่นหาคนไปนำมาด้วยเช่นกัน” เฉินฝานไม่มีความเห็นอะไรกับข้อเสนอนี้ของเสิ่นหมิงหยวนเลย คนของเสิ่นหมิงหยวนกินสารหนู นี่เป็นข้อเสนอที่ไม่อาจดีไปกว่านี้แล้วองครักษ์ที่โดนผลักออกมาหน้าซีดเผือด ร่างกายสั่นเทา หากไม่ใช่เพราะมีคนพยุงอยู่ข้าง ๆ เกรงว่าตอนนี้เขาคงจะตกใจกลัวจนล้มไปกองกับพื้นแล้ว “สั่นทำไม ใต้เท้าเลี้ยงดูเจ้ามานานถึงเพียงนี้ ก็ถึงเวลาที่เจ้าต้องตอบแทนแล้ว” รองแม่ทัพข้างกายเสิ่นหมิงหยวนตะคอกใส่องครักษ์ผู้นั้นเบา ๆ “ข้าน้อย...”“วางใจได้ หากเจ้าตาย ครึ่งชีวิตที่เหลือของมารดา ภรรยาและบุตรสาวของเจ้าจะมีเงินให้ใช้ไม่หมดไม่สิ้น ได้ใช้ชีวิตที่ดีเหนือผู้อื่นตลอดไป หากเจ้าสั่นอีก เช่นนั้นก็อย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจ ให้พวกเจ้าทั้งครอบครัวไปเจอกันที่ปรโลก” รองแม่ทัพของเสิ่นหมิงหยวนใช้ทั้งบุญคุณและความเข้มงวดกับองครักษ์ผู้นั้น องครักษ์ผู้นั้นค่อย ๆ เลิกดิ้นรน สองตาว่างเปล่า ยืนอยู
“เช้ง!”เสียงกระบี่คมกริบออกจากฝักดึงขึ้นในอากาศหน้าประตูโรงเตี๊ยม“พูดมา!” หลี่ชิ่งชักกระบี่ออกจากเอวแล้วจ่อไปที่คอของจางทง “พวกเจ้ารับผลประโยชน์จากเฉินฝานใช่หรือไม่ ถึงได้ใส่ร้ายใต้เท้าเสิ่น”“พวกเราจะรับผลประโยชน์จากใต้เท้าเฉินได้อย่างไร เขาช่วยชีวิตพวกเราไว้” จางทงกล่าว“ยังจะบอกว่าเฉินฝานไม่ได้ให้ผลประโยชน์กับพวกเจ้าอีก เขาช่วยชีวิตพวกเจ้าไว้ก็เป็นผลประโยชน์แล้ว”พรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนยิ่งพูดก็ยิ่งบิดเบือน จางทงร้อนใจไม่ไหวแล้ว แต่กลัวว่าหากไม่ระวังคำพูดของตนเอง พวกพ้องของเสิ่นหมิงหยวนจะนำมาเล่นงานได้แต่ว่าไม่แก้ตัวก็ไม่ได้อีก ทำให้เขาร้อนใจจนหน้าแดงก่ำไปหมดแล้ว “นี่จะนับเป็นผลประโยชน์ได้อย่างไร ใต้เท้าเฉินแค่มีเมตตา...”จางสิงที่อยู่ข้าง ๆ รีบเอ่ย แต่เขายังไม่ทันพูดจบ พรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนก็เอ่ยตัดบทเขา“มีเมตตา บนโลกนี้จะมีเมตตาโดยไม่มีเหตุผลหรือ หากไม่ใช่เพราะเดิมทีพวกเจ้าเป็นองครักษ์ของตระกูลเสิ่น เจ้าคิดว่าเขาจะช่วยพวกเจ้าหรือ?” “เรื่องนี้...”เมื่อเห็นจางทงกับจางสิงลังเลใจ พรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนก็ฉวยโอกาสโจมตีต่อทันที “เห็นหรือไม่ พวกเจ้าเองก็คงคิดว่าไม่มีท
“เหลวไหลสิ้นดี!”พวกพ้องของเสิ่นหมิงหยวนเอ่ยโต้แย้งจางทงและจางสิงทันที “พวกเขาสองคนเป็นคนเลวย่อมพูดแต่เรื่องเลว ๆ ผู้คุ้มกันและบ่าวอาศัยครอบครัวเจ้านายไปวางอำนาจบาตรใหญ่ข้างนอกก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ? หากบอกว่าพวกเจ้ากระทำผิดเพราะใต้เท้าเสิ่นสั่งการ เช่นนั้นใต้เท้าหรือว่าเชื้อพระวงศ์ทั่วทั้งเมืองหลวง แต่ละคนก็สั่งการแบบนี้เช่นกันหรือ? สบคบคิดทำเรื่องที่สร้างความเสียหายต่อต้าชิ่งเช่นนี้ด้วยหรือ?” “ใต้เท้าเฉิน บ้านของท่านก็มีบ่าวเลวเช่นนี้เหมือนกันกระมัง” พวกพ้องของเสิ่นหมิงหยวนถามเฉินฝานเฉินฝานไม่อาจปฏิเสธได้เลยขณะที่สนทนาเล่นกับฉินเย่ว์เจียวเมื่อคืน ฉินเย่ว์เจียวบอกเขาว่ามีองครักษ์ในบ้านถูกใจภรรยาที่งดงามของชาวบ้านคนหนึ่ง จึงบังคับแย่งชิงตัวมาตรง ๆ องครักษ์คนนั้นถูกฉินเย่ว์เจียวจับมัดส่งเข้าคุกกรมอาญาด้วยตนเองไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้สถานการณ์ของต้าชิ่งไม่สู้ดีนัก กอปรกับบุรุษน้อยสตรีมาก บุรุษมีค่าดั่งทองคำ ขอเพียงบุรุษไม่ได้กระทำความผิดใหญ่หลวงอะไรก็จะไม่ได้รับการลงโทษอะไรเลย ก็เหมือนกับจางทงและจางสิงที่ข่มเหงสตรีดีงามกลางถนน แค่โดนลงโทษไล่ออกจากเมืองหลวงเท่านั้น อย่าว่าแ
“พวกเจ้าหมายถึงขุนนางเสิ่นหรือ? พวกเจ้าควรรู้เอาไว้ว่าหากไม่มีหลักฐาน การพูดให้ร้ายขุนนางขั้นหนึ่งของราชสำนักมีโทษถึงตายนะ!” ฉินเย่ว์เหมยเน้นคำว่าโทษถึงตายเป็นพิเศษ พูดให้จางทงกับจางสิงฟัง และพูดให้เสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยงฟัง รวมถึงพูดให้ผู้คนมากมายฟังด้วย“ฝ่าบาท!” เสิ่นหมิงหยวนพลันเดินมาข้างหน้า “อย่าทรงถูกหลอกนะพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาจะต้องไม่ได้กินสารหนูอย่างแน่นอน บนโลกนี้ไม่มีผู้ใดกินสารหนูแล้วรอดชีวิตต่อไปได้พ่ะย่ะค่ะ”“โอ้?” ฉินเย่ว์เหมยเลิกคิ้วขึ้น “ขุนนางเสิ่นรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาไม่ได้กินสารหนู?” “เพราะว่าเดิมทีพวกเขาอยู่ในตระกูลเสิ่นของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ” เสิ่นหมิงหยวนกล่าว“นี่ขุนนางเสิ่นยอมรับว่ารู้จักสองคนนี้หรือ?”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ เดิมทีพวกเขาเป็นผู้คุ้มกันตระกูลเสิ่นของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ"“ดังนั้น ข้อกล่าวหาของพวกเขาเป็นความจริงหรือ?” ฉินเย่ว์เหมยเอ่ยถามเสียงเย็นชาเสิ่นหมิงหยวนยอมรับว่าจางทงกับจางสิงเป็นคนของเขารวดเร็วถึงเพียงนี้ ทำให้ฉินเย่ว์เหมยประหลาดใจมาก การเปิดเผยตรงไปตรงมาของเสิ่นหมิงหยวนกลับทำให้ฉินเย่ว์เหมยไม่สบายใจเล็กน้อย เสิ่นหมิงหยวนมีแผนการรับมือที
เมื่อฉินเย่ว์เหมยถามจางทงกับจางสิงว่าผู้ใดบงการพวกเขา ทั่วทั้งบริเวณก็เงียบลงอีกครั้งทั้ง ๆ ที่มีคนยืนอยู่นับล้าน แต่กลับเงียบงันจนได้ยินแม้กระทั้งเข็มตกลงบนพื้น...เสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยงสบตากันอันที่จริงแล้วไม่เรียกว่าสบตากัน แต่เสิ่นหมิงหยวนกำลังปลอบใจเสิ่นหยวนเลี่ยง ไม่ให้เขาตื่นตระหนกมากกว่าจางทงกับจางสิงเองก็สบตากันแวบหนึ่ง“ท่านพี่ พูดไปเถิด” จางสิงกล่าว“ปึก!”จางทงโขกศีรษะลงกับพื้นอย่างแรงจางสิงก็ทำตามเช่นกัน“ฝ่าบาท ผู้ที่บงการพวกกระหม่อม ก็คือ...”“พวกเขา!”จางทงและจางสิงชี้ไปที่พ่อลูกตระกูลเสิ่นพร้อมกันคำตอบที่ได้นี้ทำให้ชาวเมืองลู่ตูตกตะลึงเกินไปแล้ว ถึงขนาดที่พวกเขาไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบกลับใด ๆ ในตอนที่จางทงกับจางสิงชี้ไปยังพ่อลูกตระกูลเสิ่น ชาวบ้านทั่วไปตะลึงงัน เสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยงก็ตะลึงงันเช่นกันจางทงกับจางสิงเป็นนักรบกล้าตายที่ตระกูลเสิ่นของพวกเขาเลี้ยงดูสั่งสอนมาตั้งแต่เล็ก จงรักภักดีต่อพวกเขาอย่างถึงที่สุด จางทงกับจางสิงไม่มีทางหักหลักพวกเขาเพราะเฉินฝานช่วยชีวิตจางทงกับจางสิงไว้เป็นอันขาดเดิมทีจางทงกับจางสิงจงรักภักดีต่อต
เมื่อได้ยินฐานะของบุรุษที่อยู่ด้านหลังผู้นั้น ในใจของฉินเย่ว์เหมยก็รู้สึกอย่างตกตะลึงอย่างมาก ก่อนหน้านี้นางก็ได้ยินหงอิงบอกว่าพวกนักฆ่าที่ลอบเข้าศูนย์บรรเทาทุกข์เหล่านั้นกินยาพิษฆ่าตัวตายกันหมดแล้ว นอกจากนี้ยาที่กินยังเป็นสารหนูอีกด้วย คนที่กินสารหนูเข้าไปยังมีชีวิตรอดได้จริงหรือ?ฉินเย่ว์เหมยมองเฉินฝานด้วยความเหลือเชื่อ หลังจากที่เคยเห็นวิชาแปลงโฉมมาก่อน ฉินเย่ว์เหมยกังวลเล็กน้อยว่าเฉินฝานจะใช้กลอุบายนี้ ตอนนี้ไม่เหมาะที่จะใช้กลอุบายนี้ ทางฝั่งเสิ่นหมิงหยวนสามารถมองออกได้ทันที ราวกับว่ากระแสจิตเชื่อมถึงกัน ฉินเย่ว์เหมยมองไปทางเฉินฝาน เฉินฝานก็มองมาทางนางพอดีเมื่อรับรู้ถึงความกังวลในใจฉินเย่ว์เหมย เฉินฝานก็พยักหน้าให้นางเล็กน้อย บ่งบอกให้นางไต่สวนอย่างสบายใจในขณะเดียวกัน ฉินเย่ว์เจียวก็เดินมาอยู่ข้างกายหงอิงเงียบ ๆ ฉินเย่ว์เจียวยัดกระดาษแผ่นหนึ่งใส่มือของหงอิง จากนั้นหงอิงก็แสดงตัวอักษรบนกระดาษให้ฉินเย่ว์เหมยเห็นหลังจากที่เห็นตัวอักษรบนกระดาษ ฉินเย่ว์เหมยก็สะบัดแขนเสื้อ จ้องมองบุรุษสองคนที่คุกเข่าตรงหน้านาง “บังอาจ คนที่กินสารหนูจะรอดชีวิตจนถึงตอนนี้ได้อย่างไร? จงกล่าวตามคว
“พวกเขา...”เมื่อเห็นชายทั้งสองคน คนแรกที่พูดคือเสิ่นหยวนเลี่ยง หากไม่ใช่เสิ่นหมิงหยวนคว้ามือของเขาไว้ทัน เขาคงสูญเสียการควบคุมทันทีแน่นอนเฉินฝานจับจ้องเสิ่นหยวนเลี่ยง ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ใต้เท้าเสี่ยวเสิ่น เหตุใดสีหน้าของท่านจึงซีดขาวเช่นนี้ หรือว่าท่านรู้จักสองคนนี้?”“ข้า ข้าจะรู้จักพวกเขาได้ยอ่างไร!”เสิ่นหยวนเลี่ยงรีบตอบทันทีเฉินฝานยิ้ม น้ำเสียงของเขายังคงเย็นชา “ใต้เท้าเสี่ยวเสิ่นตกใจเกินไปแล้ว ต่อหน้าฝ่าบาทแทนตนเองว่าข้า แม้กระทั่งคำว่ากระหม่อมก็ไม่ใช้”“เพี๊ยะ!”เฉินฝานเพิ่งพูดจบ ตามมาด้วยเสียงตบดังสนั่นฉินเย่ว์เจียวตบเสิ่นหยวนเลี่ยงอย่างดังท่ามกลางผู้คนมากมาย ถูกตบหน้า อีกทั้งยังถูกสตรีตบ เสิ่นหยวนเลี่ยงทั้งโมโหและอับอาย หูของเขาแดงก่ำ เขาชี้ไปที่ฉินเย่ว์เจียวพร้อมกัดฟันพูด “สตรีชั่ว กล้าตบข้างั้นรึ!”“เพี๊ยะ!”เสิ่นหยวนเลี่ยงถูกตบอีกครั้ง ครั้งนี้คนที่ตบเขาไม่ใช่ฉินเย่ว์เจียวแต่เป็นเฉินฝานเดิมทีเสิ่นหยวนเลี่ยงมีรอยฝ่ามือบนใบหน้าเพียงด้านเดียวเท่านั้น ตอนนี้เขามีรอยฝ่ามือทั้งสองด้าน ใบหน้าขาวซีดราวกับถูกประทับด้วยรอยฝ่ามือขับให้เด่นชัดยิ่งนัก“เจ้า...”“เพี
“ไป่เผยหราน”ฉินเย่ว์เหมยร้องเรียกไป่เผยหราน แล้วเดินหน้าหนึ่งก้าวทันทีไป่เผยหรานตัวสั่น รีบร้องตะโกนไปด้านหน้า “ฝ่าบาทอยู่ที่นี่ ใครกล้าขยับ ถือว่าดูหมิ่นกษัตริย์ ประหารชีวิต!”เหอจื่อหลินรอเวลานี้“มือธนู เตรียมตัว !”เกาทัณฑ์ของมือธนูกองทัพลาดตระเวนชูขึ้น เตรียมยิงชาวบ้านที่จะพุ่งตัวมา“ปล่อยตัวเฉินฝานไป ทั้งยังให้กองทัพยิงธนู คนเช่นนี้ไม่สมควรเป็นกษัตริย์แคว้นต้าชิ่งของเรา!”เสื่นหมิงหยวนแฝงตัวในกลุ่มคน ชักจูงทุกคนทันที“ลุย แม้ท่ามกลางพวกเราต้องมีคนตาย แต่อย่างน้อยคนส่วนมากก็ยังมีชีวิตรอด”หลังจากถ้อยคำนี้จบลง ชาวบ้านราวกับได้รับแรงกระตุ้น เลือดสูบฉีดกว่าเมื่อครู่ แต่ละคนพุ่งตัวมาข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิตกองทัพลาดตระเวนไม่อาจทานต้านทานได้แล้วเหอจื่อหลินหลับตาลงด้วยความปวดใจ ยกมือขวาขึ้น“ยิง!”“หยุด!”เสียงของเฉินฝานกลบเสียงของเหอจื่อหลินหลังจากสงครามเมืองเตียนตู กองทัพลาดตระเวนฟังคำสั่งของเฉินฝาน ทั้งที่เฉินฝานไม่มีตำแหน่งใดๆ ในกองทัพลาดตระเวน แต่แท้จริงแล้วเขาคือหัวหน้าที่แท้จริงของกองทัพลาดตระเวนขณะที่กองทัพลาดตระเวนลดเกาทัณฑ์ลง เฉินฝานผลักหงอิงแล้วเดินไปทาง
เสิ่นหมิงหยวนในวันนี้เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ มั่นใจว่าตนต้องเป็นฝ่ายชนะเพราะถอยหลังก้าวหนึ่ง แม้เฉินฝานจะออกนอกโรงเตี๊ยมได้ แต่เขาจะไปหาหลักฐานที่ใด สิ่งที่เกี่ยวข้องกับคนวางยาพิษ นอกจากไป่ชงซาน คนอื่นๆ ล้วนอยู่ระหว่างทางเตรียมเกิดใหม่แล้วเสิ่นหมิงหยวนก้าวไปข้างหน้าก้าวใหญ่ พูดเสียงดัง “เฉินฝานและองค์หญิงแคว้นหลู่ร่วมมือกับวางยาพิษให้กับชาวต้าชิ่ง ฝ่าบาทโปรดรับสั่งจับเขาด้วยพ่ะย่ะค่ะ พร้อมทั้งประหารชีวิตเขา เอาหัวเสียบประจารบนกำแพงเมืองลู่ตู เพื่อสยบความขุ่นเคืองของราษฎรพ่ะย่ะค่ะ!”พูดถึงท้ายประโยค เสิ่นหมิงหยวนคุกเข่าลง “ฝ่าบาทโปรดรับสั่งด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”ลง “ฝ่าบาทโปรดรับสั่งด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”ขุนนางด้านหลังเสิ่นหมิงหยวนต่างคุกเข่า เพียงชั่วพริบตาภาพตรงหน้าฉินเย่ว์เหมยคือผู้คนมากมายชาวบ้านด้านหน้าเห็นฉินเย่ว์เหมยไม่ออกคำสั่ง ยิ่งโมโหมากกว่าเดิม กองทัพลาดตระเวนของเหอจื่อหลินถอยหลังแล้วถอยหลังอีก“ฝ่าบาท ทางด้านแม่ทัพเหอไม่อาจต้านทานแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”หงอิงก็ร้อนใจยิ่งนัก หากฉินเย่ว์เหมยยังไม่มีคำสั่งให้เหอจื่อหลินใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด เช่นนั้นชาวบ้านก็จะฝ่าวงล้อมเข้ามาแล้วทุกคนล้ว