หลังจากเสียงปืนดังขึ้น บอดี้การ์ดก็ปล่อยตัวแล้วถอยออกไปยืนข้าง ๆ 001 คิดว่าตัวเองตายแล้วจึงไม่ขยับ รออยู่สักพักไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดใดๆ แถมตอนนี้ก็ยังหายใจอยู่ จึงเปิดตาขึ้นด้วยความสงสัย เมื่อเขาหันไปมองที่เฉินจือฉาน ก็พบว่าปากกระบอกปืนไม่ได้ชี้มาที่หัวของเขาอีกต่อไปแล้ว กระสุนยิงไปโดนกล่องกระดาษที่อยู่ข้างๆ001 ประหลาดใจไม่อยากเชื่อ เขาจึงลุกขึ้นยืน “ทำไมคุณไม่ฆ่าผม?”เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับวิธีการที่รุนแรงของเฉินจือฉาน คนที่ตกอยู่ในมือของเขามักจะตายหรือไม่ก็พิการ เมื่อถูกจับได้ 001 ก็เตรียมใจที่จะตายแล้ว แต่ผลลัพธ์กลับคาดไม่ถึงเขายังไม่ตาย!“ฉันชื่นชมในความกล้าของนาย ดังนั้นจึงยมีชีวิตอยู่ต่อได้ หวังว่านายจะทำตามที่พูด คือปกป้องชีวิตเมียฉันให้ดีที่สุด แต่ถ้านายปกป้องเมียฉันไม่ได้ สิ่งที่นายจะได้รับคือความตาย”เป็นทั้งการฝากฝังและการข่มขู่ถ้าเขาปกป้องนายหญิงได้ ผู้ชายคนนี้จะยกย่องเขาเหมือนแขกคนสำคัญ แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับบอส เขาก็จะตายในไม่กี่นาทีเช่นกันนี่แหละคือเฉินจือฉาน ใช้ทั้งความกรุณาและความน่ากลัวเฉินจือฉานมองดู 001 ชั่วครู่หนึ่ง ความคิดหลายอย่างวิ่งผ่านหัว ไม่สนใจว่าภรรยาขอ
คาเทอร์รู้สึกหายใจไม่ออก เมื่อเผชิญหน้ากับชายคนนี้ที่ ให้ความรู้สึกกดดันอย่างรุนแรง ชายชาวตะวันออกคนนี้มีอำนาจและบารมีที่น่ากลัว! เฉินจือหานจ้องมองคาเทอร์ ด้วยสายตาที่เยือกเย็นและอันตราย สีหน้าไม่มีความปราณี"ไม่... ไม่เป็นไร ผมขอตัวก่อน ขอโทษที่รบกวน" คาเทอร์ลนลานหนีไปโดยไม่ทันให้บัตรชื่อหลินซินรู้สึกอับอาย เฉินจือหานเพิ่งจะจากไปไม่นาน ทำไมถึงกลับมาเร็วนัก เธอจะอธิบายยังไงดี"แค่ฉันจากไปแป๊บเดียว เธอก็หาแฟนใหม่เป็นฝรั่งแล้วเหรอ?" เฉินจือหานจ้องหลินซินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยหลินซินรู้สึกอายจนจับชายเสื้อแน่น "ไม่ใช่นะ จือหาน เขาเข้ามาทักเอง บอกว่าฉันเหมาะจะเป็นนางแบบในสตูดิโอของเขา""แต่เธอเป็นนางแบบของฉันได้คนเดียว"เฉินจือหานพูดอย่างหนักแน่น ก่อนที่จะดึงหน้าผากของเขามาชิดกับหน้าผากของภรรยา "เธอเป็นของฉันเท่านั้น"เช้าวันรุ่งขึ้นหลินซินตื่นขึ้นมาบนเตียงใหญ่ รู้สึกเหนื่อยล้า เธอมองดูรอยจูบบนอกที่เต็มไปหมด บางจุดถึงกับมีรอยแดงชัดเจน เธอพยายามจะลุกขึ้นดื่มน้ำ แต่ขาปวดจนไม่สามารถลุกขึ้น ต้องพยายามอยู่สักพักถึงจะยืนได้โดยที่ขาไม่สั่น เมื่อเธอเดินก็ต้องพยุงตัวกับกำแพงคิดถึงคืนที
เฉินจือหานไม่อยากสนใจผู้หญิงต่างชาติที่น่ารำคาญตรงหน้า จึงจูงมือหลินซินออกไปจากห้องประมูล เอมีเลียโกรธจนตัวสั่น กำเสื้อผ้าแน่น "สิ่งที่ฉันต้องการ ไม่ว่าจะเป็นภาพวาดหรือคน จะต้องเป็นของฉันเท่านั้น!"เธอจ้องมองแผ่นหลังของทั้งสอง ที่เดินจากไปด้วยความเคียดแค้น สาบานกับตัวเองว่าจะต้องเอาคืนให้ได้...ในปารีส ทั้งสองคนท่องเที่ยวกันสามวันเต็มๆ หลินซินและเฉินจือหานได้เที่ยวชมสถานที่สำคัญๆ ไปเกือบทุกแห่งแล้ว ไม่ว่าจะเป็นหอไอเฟล พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ และถนนแซงต์-แชร์แมง วันนี้ทั้งสองคนกำลังเก็บของเพื่อเตรียมตัวกลับ รอให้เฉินจือหานจัดการธุรกิจในปารีสเสร็จก็จะกลับเลยแต่ไม่รู้ทำไมหลินซินถึงรู้สึกว่า เอมีเลียที่เจอก่อนหน้านี้ไม่น่าจะยอมจบเรื่องง่ายๆ แต่สามวันที่ผ่านมากลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงคิดว่าคงเป็นเรื่องที่กังวลไปเองก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูดังขึ้น ขัดจังหวะความคิดของหลินซิน พนักงานที่อยู่หน้าห้องถามว่า "สวัสดีค่ะ คุณผู้หญิง น้ำชาช่วงบ่ายพร้อมแล้ว ต้องการให้เรานำเข้าไปให้ไหมคะ?"หลินซินเปิดประตูโดยไม่คิดอะไร แต่เมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่กลับตกตะลึงทันที คนที่อยู่ตรงหน้านั้นคือ...เฉินเฟิงและเฉิน
ปารีส,ตีห้าโรงแรมแลนแมนเป็นหนึ่งในโรงแรมชั้นสูงที่หรูหราที่สุดในปารีส ไม่เหมือนกับโรงแรมอื่น ๆ โรงแรมแลนแมนสามารถมองเห็นวิวพาโนรามาของปารีสได้ทั้งหมด ตำแหน่งที่ตั้งของโรงแรมดีเยี่ยม และราคาก็เริ่มต้นที่ห้าหมื่นต่อคืนในห้องเฉพาะที่ชั้นสี่สิบของโรงแรมแลนแมน เฉินจือหานกำลังนั่งทำงานอยู่ในห้องทำงานที่ต้องสะสางในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ไม่กี่อึดใจก็ทำไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว กลางวันเขาใช้เวลาไปเที่ยวกับหลินซิน กลางคืนก็มาทำงานที่บริษัทเขาช่างเป็นผู้จัดการเวลาที่ยอดเยี่ยมดิง ลิง ลิง——เสียงโทรศัพท์จากในห้องนอนดังขึ้น ขัดจังหวะความคิดของเฉินจือหาน เขาได้ยินแล้วรู้สึกไม่พอใจ ขมวดคิ้วเล็กน้อย "หืม? ใครโทรมา กล้าดียังไงถึงมารบกวนการนอนของเมียฉัน?"เขาก้าวเร็วๆ ไปยังห้องนอน เมื่อเห็นหลินซินนอนตะแคงหายใจเบาๆ โดยไม่ถูกเสียงโทรศัพท์ปลุก เฉินจือหานก็ถอนหายใจโล่งอก เปิดหน้าจอโทรศัพท์ขึ้นมาคุณปูเฉิน แสดงสายเรียกเข้าตื๊ด——เฉินจือหานกดตัดสายโทรศัพท์ และเปิดโหมดเงียบ เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ปลุกหลินซิน แล้วเขาก็กลับไปทำงานต่อ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถรบกวนการนอนของเมียเขาได้ทางฝั่งตรงข้าม"หมายเลขที่ท่านเรียก
ปู่เฉินรู้สึกไม่สบายตัวจากความโมโห ที่เกิดจากครอบครัวเฉินเฟิง จึงกลับไปพักผ่อนในห้องนอนของเขา หลังจากนั้นเฉินเค่อจึงจัดให้พวกเขาอาศัยในห้องรับรอง หลังจากที่หลินซินและเฉินจือหานลงจากเครื่องบินและมาถึงบ้านใหญ่ พวกเขารีบไปเยี่ยมปู่เฉินทันที"คุณปู่เฉิน!" หลินซินเปิดประตูและคุกเข่าลงข้างเตียง สายตาที่มืดมนของเธอเต็มไปด้วยความกังวล "คุณปู่เฉิน คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?"หลินซินจับมือของปู่เฉิน ที่กำลังรับน้ำเกลือด้วยความเป็นห่วง"ไม่เป็นไร แค่ไอเล็กน้อย หลินซิน"ปู่เฉินลูบหัวหลานสะใภ้เบา ๆ"เกิดอะไรขึ้นกันแน่คุณปู่?""ไม่มีอะไร หลินซิน ไม่ต้องกังวล เธอและจือหานเดินทางมาเหนื่อยๆ ไปพักผ่อนเถอะ"เฉินจือหานดูการแสดงของคุณปู่ และพูดขัดจังหวะ "คุณปู่ ถ้าไม่มีอะไรร้ายแรง ก็อย่าทำให้หลินซินกังวลเลย เรื่องที่เหลือให้ผมจัดการ"เขารู้ดีเกี่ยวกับสุขภาพของปู่ หมอประจำครอบครัว จะรายงานสภาพร่างกายของปู่ทุกวัน ปู่แค่ทำท่ายากลำบาก เพื่อให้หลินซินเป็นห่วง ครอบครัวเฉินเฟิงไม่สามารถทำร้ายปู่ได้ คิดว่าเป็นอาการเก่าที่ทำให้ปู่รู้สึกไม่สบาย"คุณปู่ ฉันก็เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้ อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อหลายปีก่
ประเทศฝรั่งเศสท้องฟ้ามืดครึ้ม เมฆดำปกคลุมราวกับจะถล่มลงมา มีเสียงฟ้าร้องกึกก้องและสายฟ้าแวบวาบเป็นระยะๆ ลางร้ายกำลังมา ผู้หญิงคนหนึ่งวางสายโทรศัพท์แล้วเดินไปมาในห้อง กำมือไว้แน่นขบคิดอย่างเงียบๆบอดี้การ์ดเคาะประตูเข้ามา รายงานสถานการณ์ให้คุณผู้หญิงฟัง “คุณนายหมิง ดอกเตอร์ให้ผมมาแจ้งว่า สารกระตุ้นเบต้าพัฒนาไปได้ครึ่งทางแล้ว”“ฮึ ไม่เลว” หญิงสาววัยกลางคนหัวเราะเย็นชา“เตรียมคนให้พร้อม ทันทีที่ดอกเตอร์พัฒนาสารกระตุ้นสำเร็จ เราจะกลับประเทศทันที”“รับทราบครับ คุณนายหมิง”หญิงสาวมองออกไปนอกหน้าต่าง แย้มยิ้มเย็นชาอย่างโหดเหี้ยมคฤหาสน์ตระกูลเฉินเสียงเคาะประตูดังขึ้นในห้องทำงาน เฉินจือหานยกมือขึ้นนวดขมับ คิดว่าเป็นเฉินอวี้ จึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เข้ามา”เขาเงยหน้าขึ้นมอง เห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ใส่ชุดนอนลูกไม้เซ็กซี่ “ไสหัวออกไป!”เฉินจือหานไม่แม้แต่จะเหลือบมองเธออีกสักครั้งเดียว เขาไม่มีความสนใจใดใดทั้งสิ้น ในสายตาของเขา ผู้หญิงมีเพียงสองประเภท หนึ่งคือภรรยาของเขา อีกประเภทคือคนแปลกหน้าที่ไม่เกี่ยวข้องเฉินหยวนกัดริมฝีปาก สองมือประสานกันอยู่ด้านหลัง นิ้วมือของเธอบิดลูกไม้บนชุดนอนอย่างปร
โชคดีที่เจียโจวฉลาดพอที่จะให้ฉีหยวนไปยั่วยวนจือหาน เพื่อถ่วงเวลา ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ เวลาที่เสียไปก็พอให้เธอวางยาและหนีได้ พอรู้ตัวก็หนีไปไกลแล้ว ความโกรธทั้งหมดของเฉินจือหานจะตกอยู่ที่ฉีหยวนแทนแต่เธอกลับประเมินความสามารถของเฉินจือหานต่ำเกินไป ถึงเธอจะหนีออกนอกประเทศ เขาก็ยังจะจับเธอกลับมาลงโทษจนได้“แย่แล้ว มีคนตามเรา”บอดี้การ์ดที่ขับรถเอ่ยขึ้น เฉินเจียโจวเปิดหน้าต่างแล้วมองออกไป เห็นว่ามีรถตามหลังมาสามสี่คัน เธอตกใจจนเหงื่อไหลเต็มหน้า รีบตะโกน“รีบไป! รีบไป!”“ความเร็วถึงที่สุดแล้ว แต่พวกเขาตามมาติดเกินไป สลัดไม่พ้น”ปัง ปัง ปัง เสียงปืนดังขึ้นรถที่ตามหลังมายิงปืนใส่เพื่อบังคับให้พวกเขาหยุดรถ!“สลัดไม่พ้นแล้ว เราต้องลงจากรถแล้ววิ่งหนี” บอดี้การ์ดหยุดรถ และสั่งให้ทั้งสองคนลงไป เฉินเจียโจวแบกเฉินเฟิงที่ขาพิการวิ่งเข้าไปในป่า เมื่อเฉินจือหานและบอดี้การ์ดหยุดรถ เฉินเจียโจวและเฉินเฟิงก็หนีไปไกลแล้ว“ตามไป พวกเขาหนีไปได้ไม่ไกล” เฉินจือหานสั่ง บอดี้การ์ดจึงตามเข้าไปในป่า เพื่อตามล่าทั้งสามคนในขณะที่ลมเย็นพัดกระหน่ำยามค่ำคืนบ้านใหญ่ตระกูลเฉินหลินซินไม่ห่างจากคุณปู่ตั้งแต่ถูกวางยา ส
ในขณะนี้บ้านตระกูลเฉินกำลังถูกไฟลุกลาม เนื่องจากคนรับใช้และบอดี้การ์ดทั้งหมดถูกขังอยู่ในสวนหลังบ้าน และมีเพียงเฉินเค่อเท่านั้นที่มีกุญแจ เมื่อพวกเขาเห็นว่าบ้านตระกูลเฉินไฟไหม้ ทำได้เพียงดูและไม่สามารถทำอะไรได้ โชคดีที่มีสระน้ำขนาดใหญ่อยู่หน้าสวนหลังบ้าน ทำให้ไฟไม่ลุกลามมาถึงที่นั่นในห้องนอนหลินซินใช้ผ้าขนหนูและผ้าห่ม ชุบน้ำแล้วห่มตัวคุณปู่ที่หมดสติไว้ และใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำปิดจมูกและปากของเธอและเฉินเค่อ"อาเค่อ เร็วเข้า ทำไมคุณไม่ฉีกผ้าปูที่นอนแล้วมัดมัน เราจะหนีออกทางหน้าต่าง"โชคดีที่ห้องของคุณปู่ไม่สูงนักแค่สามชั้น และนอกหน้าต่างเป็นสนามหญ้าเขียว การตกลงไปไม่น่าจะบาดเจ็บมาก ทางเดินไม่สามารถผ่านได้ มันเต็มไปด้วยไฟ หากฝ่าไปจะบาดเจ็บแน่นอน เฉินเค่อฉีกผ้าปูที่นอนแล้วโยนออกนอกหน้าต่าง หลินซินผูกคุณปู่กับหลังของเฉินเค่อ ให้พวกเขาหนีทางหน้าต่างก่อน"คุณผู้หญิง แล้วคุณล่ะ?""รีบไปเถอะ อาเค่อ ฉันหาทงหนีเองได้ ชีวิตของคุณปู่สำคัญที่สุด!"เฉินเค่อกัดฟัน ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะโต้เถียงกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตและความตาย เขาต้องพานายท่านหนีออกทาง หน้าต่างก่อน ทั้งสองคนตกลงมาถึงพื้น"คุ
เป็นคืนที่วุ่นวายที่สุดในเมืองหลวง ถนนหลายสายถูกปิดกั้น รถติดเป็นทางยาว และท้องฟ้ายามค่ำคืนมีเครื่องบินส่วนตัวหลายลำบินผ่านไปมา ชาวเมืองคิดว่าเป็นการซ้อมรบทางทหาร จึงพากันซุบซิบหลินซินกับทีมที่เจ็ดที่อยู่หน้าประตูโรงพยาบาล ถูกโจมตีจากหน่วยคอมมาโดต่างชาติอย่างต่อเนื่อง พวกเขาเริ่มเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ แต่กระนั้นก็ยังคงยิงได้แม่นยำ แต่การเคลื่อนไหวเริ่มช้าลง ลูกกระสุนที่บรรจุก็ไม่ราบรื่นเหมือนตอนแรก ดูเหมือนว่าศัตรูจะไม่มีวันหมดสิ้น ฆ่าหนึ่งคนก็มีคนใหม่เข้ามาแทนหลินซินเหงื่อแตกพลั่ก ทั้งเหนื่อยและหงุดหงิด"ใช้ยุทธวิธีฝูงชน น่ารำคาญจริงๆ" เธอยิงศัตรูที่กำลังวิ่งเข้ามา ยิงได้แม่นยำและฆ่ามันได้ทันที"หัวหน้า ศัตรูเยอะเกินไป เราไม่มีทางชนะ พวกเราจะถูกพวกมันฆ่าหมดถ้ายังสู้แบบนี้" 001 เปลี่ยนกระสุนซุ่มยิง"ฉันรู้!" หลินซินขมวดคิ้ว ในขณะที่เธอกำลังคิดหาวิธีแก้ไข ทีมที่เจ็ดที่อยู่ในห้องฉุกเฉินก็มาวิ่งมาหา ในแววตาแสดงถึงความหวัง"หัวหน้า! ทีมฉุกเฉินย้ายผู้ป่วยสำเร็จแล้ว พวกเขาให้เรามาแจ้งข่าว"ขอบคุณพระเจ้า!หากการผ่าตัดล้มเหลวหรือยืดเยื้อไปกว่านี้ พวกเขาทั้งหมดอาจต้องสังเวยชีวิต เธอไม
เงียบเกินไป เงียบจนหน้ากลัว ในขณะนี้ เธอได้ยินเพียงเสียงคลื่นทะเลตึก...ตึก...ตึก...บอดี้การ์ดคนหนึ่งเอามือกุมบาดแผลที่หน้าอก เดินขากะเผลกเข้ามาหาหลินซิน ด้วยความเจ็บปวดเขาคุกเข่าลงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา "นายหญิงหนีไปเถอะ...คุณชายมีอาการกำเริบ ครั้งนี้น่ากลัวมากไม่สามารถระงับได้ ผู้ช่วยเฉินให้ผมมาบอก คุณรีบออกจากเกาะตอนนี้เลย"หลินซินตัวเย็นเหงื่อท่วม เธอโยนของทุกอย่างในมือทิ้ง จับเสื้อของบอดี้การ์ดถามอย่างเร่งรีบ "ว่าอะไรนะ?! จือหานมีอาการกำเริบงั้นเหรอ ทำไมไม่แจ้งฉันเร็วกว่านี้!""นายหญิง เกาะที่คุณไปไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต ข้อความจึงส่งไปไม่ถึง" บอดี้การ์ดไอเป็นเลือดในขณะนั้นโทรศัพท์ในกระเป๋าของหลินซินส่งเสียงเตือน เธอดึงออกมาดูพบว่ามีสายเรียกเข้าและข้อความแจ้งเตือนมากมาย"แย่แล้ว!"หลินซินทิ้งโทรศัพท์วิ่งตรงไปยังบ้านพัก ศพของสาวใช้และบอดี้การ์ดนอนเกลื่อนกลาด เลือดท่วมเต็มห้องนั่งเล่น มีโทรศัพท์ตกอยู่ข้างโซฟา เฉินอวี้พยายามยื่นมือไปหยิบเพื่อเรียกความช่วยเหลือ แต่ในวินาทีต่อมา เฉินจือหานเห็นการกระทำของเขา ยิงปืนจนโทรศัพท์แตกเป็นเสี่ยงๆจือหานเดินมาหาเฉินอวี้ใช้ปืนจ่อที่หัวเขา ริมฝีป
หลินซินตื่นเพราะเสียงคลื่นทะเล และถูกปลุกด้วยการถูกใบไม้เกามือ เมื่อเธอลืมตาใบหน้าหล่อเหลาของเฉินจือหานก็ปรากฏตรงหน้า เขาหนุนศีรษะด้วยมือข้างหนึ่งและใช้ใบไม้ด้วยมืออีกข้างเกาเธอเล่น"ถ้าเธอไม่ตื่น ฉันคงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ""…"เป็นเพราะถูกเกาจนตื่นต่างหาก! เฉินจือหานถูกจับได้คาหนังคาเขาแต่ก็ไม่สนใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสนุกสนาน หลินซินนั่งขึ้นด้วยความโกรธ แต่ด้วยแรงที่มากไป ผ้าห่มที่คลุมอกเธอก็เลื่อนลงมา เผยให้เห็นเรือนร่างเธอรีบคลุมผ้าห่มขึ้นกลิ่นของทะเลโชยเข้ามาในลำคอทำให้เธอรู้สึกแห้งผาก เมื่อมองไปรอบๆ ต้นมะพร้าวขนาดใหญ่บังแสงอาทิตย์ไว้ ปล่อยให้มีพื้นที่ร่มรื่น ที่นั่งของพวกเขามีผ้าพื้นเมืองสีสันสดใสรองไว้กันทราย"พวกเราเมื่อคืนไม่ได้กลับบ้านเหรอ" สายลมทะเลพัดผมที่ต้นคอของหลินซินเบาๆ"ใช่ เห็นเธอนอนหลับสบายเกินไป ฉันไม่อยากปลุก เลยสั่งให้เฉินอวี้เอาผ้าห่มมาให้ เรานอนที่นี่ทั้งคืน""อย่างนี้ก็แปลว่า..."เฉินอวี้เห็นพวกเราหมดแล้วสิ! หลินซินหน้าแดงจัด เฉินจือหานหัวเราะในลำคอ ความอบอุ่นซ่านในใจ เขาคิดว่าเธอน่ารักเหลือเกิน"ยังจะหัวเราะอีก!" หลินซินขว้างหมอนอิงใส่สามีด้วยความโกรธ
คลื่นทะเลซัดสาดเข้าหาชายหาดราวกับจิตใจที่ปั่นป่วนของหลินซิน ดวงตาเธอแดงขึ้นเมื่อไรก็ไม่รู้ ใจเกิดความรู้สึกหวั่นไหวจนไม่รู้จะพูดอะไรออกมา"ฉันก็รักคุณค่ะ จือหาน ชาตินี้ ชาติหน้า หรือชาติไหน ฉันก็จะรักคุณ"เฉินจือหานสวมแหวนเพชรที่นิ้วนางของหลินซิน และจูบที่หลังมือเธอราวกับเป็นการสาบาน ทั้งสองนั่งที่โต๊ะ เขารินไวน์แดงให้เธอ"นี่คือ นี่คือน้ำแห่งความรักของเรา ดื่มเพื่อฉลอง""ดื่มเพื่อฉลอง"แก้วไวน์ชนกัน หลังจากดื่มไวน์แดงไปหลายแก้ว แก้มของหลินซินเริ่มแดง ตาเธอพร่ามัว และมีอาการเมา เฉินจือหานเข้ามาใกล้อุ้มเธอไว้ในอ้อมแขน ลมหายใจร้อนของเขาพ่นลงบนลำคอ ทำให้เธอยิ่งรู้สึกหวั่นไหว ประคองใบหน้าของสามีและจูบเขา ทั้งสองแลกจูบกันอย่างดูดดื่ม"ที่รัก เธอทำแบบนี้ ฉันก็แย่สิ…" เฉินจือหานพูดเสียงแหบมีนัยยั่วยวนหลินซินยกมือขึ้นไปแตะเป้ากางเกงของเขา ทำให้ชายหนุ่มมีปฏิกิริยาตื่นตัว เธออายจนก้มหน้าลง เฉินจือหานอุ้มภรรยามาที่ใต้ต้นมะพร้าว เขาถอดเสื้อเชิ้ตสีขาวออก วางรองหลังเธอเพื่อป้องกันไม่ให้ทรายบาดผิว"จะทำที่นี่เหรอ..." หลินซินกัดริมฝีปาก มองไปรอบๆ สถานที่นี้ดีมาก มีป่ามะพร้าวใหญ่บังสายตาได้อย่างดี เป
หลังสถานการณ์สงบลงมีเสียงปิดประตูดังขึ้น เฉินอวี้ออกไปแล้ว เหลือเพียงเฉินจือหานนั่งดื่มเหล้าอยู่ในห้องทำงาน หนึ่งแก้ว…แล้วอีกแก้ว ดูเหมือนจะไม่มีความตั้งใจที่จะหยุด เมื่อเห็นเขาลุกขึ้นเตรียมจะไปที่ระเบียงเพื่อสูบบุหรี่ หลินซินก็รีบกลับไปที่ระเบียงของห้องนอนเมื่อกลับมาถึงห้อง หลินซินรู้สึกไม่สบายใจเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ใจร้อน แต่เรื่องที่เฉินจือหานถูกพิษ ทำให้เธอรู้สึกตื่นตระหนก ตราบใดที่มาดามหมิงยังอยู่ที่บ้านตระกูลเฉิน การที่จือหานต้องอยู่ภายใต้การข่มขู่ของเธอเป็นเวลาหนึ่งวัน ทำให้มาดามหมิงเห็นได้ชัดว่าเธอเป็นจุดอ่อนของลูกชาย การฆ่าคนง่าย แต่การฆ่าคนที่สามารถจับจุดอ่อนของตนได้มันยากมากหลินซินหยิบโทรศัพท์พิเศษออกมา และโทรหาหมายเลข 001“ไปตรวจสอบบุคคลที่ชื่อว่า หมิงฉวน ฉันต้องการให้ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดของหล่อนอย่างละเอียด ใช่, มันสำคัญมาก”สั่งเสร็จก็วางโทรศัพท์ลง เธอกลับไปนอนบนเตียงและห่มผ้าห่ม…แต่ลืมตาตื่นตลอดทั้งคืนเช้าวันถัดมาหลินซินตื่นขึ้นและพบว่า ฉินจือหานไม่ได้กลับมาที่ห้องนอน เขาอยู่ที่ห้องทำงาน ซึ่งเต็มไปด้วยขวดเหล้า จึงสั่งให้แม่บ้านขึ้นมาทำความสะอาด หลายวันผ่านไปหลินซินไม
“หยุดเดี๋ยวนี้!” เสียงชายหนุ่มที่เย็นเยียบดังขึ้นมาดามหมิงหยุดมือ ซ่อนเจตนาฆ่าที่เพิ่งแสดงออกเมื่อสักครู่ กลับมามีท่าทางใจดีอีกครั้งเมื่อมองลูกชาย เขาเดินมาจากสวนไกลๆ เห็นหลินซินถูกบังคับให้คุกเข่าอยู่บนสนามหญ้า ลมหนาวพัดผ่านผมของเธอ เขาโกรธสุดขีด ผู้หญิงของเขาไม่เคยต้องทนความอับอายแบบนี้!ปัง!เฉินจือหานหยิบปืนออกมา ยิงบอดี้การ์ดชาวต่างชาติสองคนที่กักขังหลินซินทันที ทั้งสองมีรูเลือดดำทมึนที่หัวล้มลงกับพื้นทันที หลินซินไม่มีที่พึ่งก็ล้มลงบนสนามหญ้า เฉินจือหานเดินมาอย่างรวดเร็วแล้วกอดภรรยาไว้ ใส่เสื้อคลุมให้เธอเมื่อเห็นเศษแก้วบนขาของหลินซินแ ละมือที่แดงจากการถูกน้ำร้อนลวก เฉินจือหานก็แทบเป็นบ้า ดวงตาสีเข้มของเขาเต็มไปด้วยความโกรธรุนแรงพุ่งเป้ามองไปที่คุณนายหมิง “คุณกล้าแอบทำร้ายผู้หญิงของผม! หมิงฉวน!” ปลายกระบอกปืนจ่อที่หน้าผากมาดามหมิง หล่อนไม่หลบไม่หนี ยังคงมีท่าทางใจดีเหมือนเดิม“อาจือ ทำแบบนี้แม่จะเสียใจนะ” แกล้งร้องไห้และปล่อยน้ำตาหยดสองหยด“มันสมควรแล้วไหม แต่เดิมคุณซ่อนตัวอยู่ต่างประเทศ อยู่ไปจนตายก็ไม่มีใครสน แต่เมื่อกลับมาผมจะส่งคุณลงนรก ผลของการทำร้ายผู้หญิงของผมคือความตาย
ไม่นานนักม้าพันธุ์เผือกชื่อ ทาเสวี่ย ถูกนำตัวมา เป็นม้าสีขาวทั้งตัวมีเพียงกีบเท้าทั้งสี่ที่เป็นสีน้ำตาล เป็นม้าพันธุ์ดี มีความเร็วและความอึดสูง เป็นพันธุ์ที่หายากมาก"คุณผู้หญิง ทาเสวี่ยมาแล้วค่ะ" แม่บ้านซุนส่งสายบังเหียนให้หลินซิน"ดี" หลินซินรับสายบังเหียน ขณะที่บอดี้การ์ดกำลังพาตัวจงเซียนไปที่ประตูใหญ่ หลินซินก็สั่งให้หยุด"ปล่อยเธอ" หลินซินสั่ง"ปล่อย ปล่อยฉัน” เมื่อบอดี้การ์ดปล่อยตัว จงเซียนก็สะบัดมือออกทันที"ฉันจะให้โอกาสเธอ ถ้าเธออยากได้ตำแหน่งนี้มากนัก หากวันนี้เธอสามารถทำให้ทาเสวี่ยเชื่องต่อหน้าทุกคนได้ ฉันจะยกตำแหน่งให้เธอเลย เป็นไง?""เธอไม่ได้หลอกใช่ไหม?" จงเซียนไม่แน่ใจ"พูดคำไหนคำนั้น"หลินซินยื่นสายบังเหียนให้จงเซียน พร้อมทำท่าทางเหมือนว่าถ้าพูดโกหกจะตายทันที"แค่ม้าตัวเดียวเอง รอดูได้เลย!"จงเซียนรับสายบังเหียน แล้วขึ้นม้าทันที ตั้งแต่เด็กเธอก็เคยเข้าร่วมการแข่งมาหลายครั้ง การทำให้ม้าเชื่องไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเธอ เมื่อขึ้นม้าแล้วก็หันไปมองหลินซินด้วยสายตาท้าทาย"แต่ถ้าเธอแพ้ เธอต้องย้ายออกจากคฤหาสน์ทันที และห้ามเข้ามาอีก""ยังมีเวลาเปลี่ยนใจนะ" คำพูดของหลินซินทำให้
ผู้ชายดูดีที่สุดเมื่อไหร่ แน่นอนว่าเมื่อเขายืนอยู่ข้างภรรยาโดยไม่มีเงื่อนไข! ผู้ชายที่รักภรรยามากควรที่จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ สำหรับเฉินจือหานความรักและความเอาใจใส่ ที่หลินซินได้รับต้องมาจากเขาเท่านั้น พร้อมแสดงความรักที่มีต่อภรรยาให้ทุกคนเห็นโดยไม่มีเงื่อนไข หลินซินในอ้อมกอดของเฉินจือหานมีความสุขมาก ยิ้มจนเกือบถึงหูมาดามหมิงลงมาจากชั้นสาม เห็นคนรับใช้พากันคุกเข่าและคราบเลือดบนพื้นก็ขมวดคิ้ว "คุณปู่ของเธอไม่เกลียดการฆ่าคนในบ้านหรอกเหรอ?""นี่คือบ้านของผม ใครจะตายไม่ใช่เรื่องที่คุณมีสิทธิ์ยุ่งโดยเฉพาะคุณ อย่ายุ่งเรื่องของผมให้มากนัก" เฉินจือหานหัวเราะเย็นชา"จือหาน... เธอ" มาดามหมิงพูดไม่ออก โกรธจนต้องบีบที่จับบันไดอย่างแรง ไม่คิดว่าเฉินจือหานที่ไม่ได้เจอกันสิบปี จะมีนิสัยแข็งกร้าวขนาดนี้ กล้าต่อกรกับเธอแล้ว“ทำไมคุณถึงอยู่ที่ชั้นสาม นั่นเป็นพื้นที่ส่วนตัวไม่ใช่เหรอคะ”คำถามง่ายๆ ของหลินซิน ทำลายบรรยากาศในตอนนั้น ห้องของเธอกับเฉินจือหานอยู่ที่ชั้นสาม เพื่อความเป็นส่วนตัวปกติจะอนุญาตให้แม่บ้านซุน เข้ามาทำความสะอาดเท่านั้น คนรับใช้คนอื่นๆ สามารถทำงานได้เฉพาะที่ชั้นหนึ่งเท่านั้น
อาการบาดเจ็บของเฉินจือหานไม่มีอะไรน่าห่วง หลังจากตรวจเสร็จเขาก็สั่งให้เฉินอวี้เก็บของและเตรียมตัวกลับบ้าน ในระหว่างการตรวจ เฉินจือหานยืนกรานที่จะกอดภรรยาเอาไว้ ไม่ว่าจะตรวจปัสสาวะ ตรวจเลือด ทั้งหมดเขาต้องมีหลินซินอยู่ข้างๆ ด้วย มิฉะนั้นจะไม่ยอมให้ตรวจพยาบาลที่อยู่ข้างๆ ถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความประทับใจ พวกเธอต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ภรรยาของคุณเฉินช่างโชคดีจริงๆ “คุณเฉิน ถ้าไม่มีกิจกรรมที่รุนแรงและไม่ทำให้แผลเปิด ก็ไม่มีอะไรต้องห่วงครับ” หมอแจ้งอาการเมื่อตรวจเสร็จเรียบร้อยแล้ว“รวมถึงเรื่องบนเตียงด้วยไหม?” เฉินจือหานถามขึ้นหลินซินฟังแล้วหน้าแดงอย่างเห็นได้ชัด โชคดีที่หมอมีประสบการณ์มาก จึงเพียงไอเบาๆ และตอบว่า “ตราบเท่าที่ไม่รุนแรงเกินไปก็ไม่มีปัญหาครับ”“ได้ยินไหมที่รัก ครั้งหน้าเบาๆ หน่อยนะ” เฉินจือหานกอดหลินซินแล้วขบหูเธอเบาๆ“คุณก็ทำตัวให้ดีๆ หน่อยนะ จือหาน” หลินซินทุบหน้าอกเขาเบาๆ พร้อมพูดด้วยเสียงอ้อนๆหลังจากการตรวจเสร็จ เขาก็กอดภรรยาเดินออกจากโรงพยาบาลไปที่ลานจอดรถ ทุกคนคิดว่าเฉินจือหานแสดงความคลั่งรักแบบสุดใจ แต่ความจริงแล้วเขารู้สึกเจ็บปวดใจมาก ที่เมื่อวานเขาทำให้เธอบาด