โลกนี้มันเพี้ยนไปแล้วใช่ไหม? หรือมีขั้นตอนไหนมันผิดปกติหรือเปล่า?น้ำตาของลิเดียไหลออกมาทันที เธอตะโกนออกมาอย่างน้อยใจ “พ่อคะ! เธอรังแกหนูนะ! ทำไมหนูต้องขอโทษด้วย!”ไซม่อนคว้าปืนพกที่เฉินมู่โยนมาบรรจุกระสุนอย่างคล่องแคล่ว แล้วยิงไปที่เป้าหนึ่งนัดดัง “ปัง”!เพราะว่าไม่มีอุปกรณ์ป้องกันหู ลิเดียจึงตกใจกลัวจนตัวสั่น แม้แต่เฉินชิงเสวี่ยกับลู่ซีเจ๋อยังถูกทำให้ตกใจไปด้วยทว่าเฉินมู่กลับยืนนิ่งอยู่ที่เดิมอย่างไม่สะทกสะท้าน ราวกับไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยเสียงปืนทำให้ลิเดียร้องไห้หนักขึ้น ไซม่อนตะคอกด้วยความโกรธอีกครั้ง “ขอโทษซะ! อย่าให้พ่อต้องพูดซ้ำ!”ลิเดียมองเฉินมู่อย่างไม่เต็มใจ ก่อนแค่นเสียงพูดเบา ๆ เหมือนเสียงยุง “ขอโทษ”“เสียงดังกว่านี้!” ไซม่อนดุเธอ“ขอโทษ!” ลิเดียตะโกนทั้งน้ำตาที่ไหลพรากเธอไม่เข้าใจจริง ๆ ทำไมวันนี้พ่อที่รักเธอเสมอมาถึงไม่ยอมปกป้องเธอ!ไซม่อนมองไปยังเฉินมู่อย่างระมัดระวังแล้วถามเสียงเบา “คุณหนูเฉิน แบบนี้ใช้ได้หรือเปล่าครับ?”เฉินมู่แค่นเสียงตอบ “ดูแลเธอให้ดี ๆ อย่าให้มาก่อกวนฉันอีก!”“ครับ ผมทราบแล้ว” ไซม่อนรีบพยักหน้าตอบรับทันทีเฉินมู่เดินผ่านไซม่อน และ
หลังจากออกมาจากคฤหาสน์ เฉินมู่ก็ตรงกลับไปที่โรงแรมประตูห้องของฮั่วหยุนเซียวยังคงปิดสนิท ไม่รู้ว่างานของเขาที่แอตแลนตามันยุ่งมากขนาดไหน เฉินมู่เองก็ไม่เคยได้ซักไซ้ไล่เลียงมาก่อนตกเย็น เฉินมู่ก็ได้รับสายคุณสมิธจากกองทุนเทียนสื่อ “คุณเฉินครับ เกี่ยวกับการแก้ไขคุณสมบัติของรายชื่อนั้น คณะกรรมการได้ลงนามและอนุมัติเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้เช้า ขอให้คุณมาที่สำนักงานใหญ่ด้วยครับ เรามีเอกสารหลายฉบับต้องให้คุณเซ็นรับรอง”เฉินมู่ถอนหายใจอย่างโล่งอก “ขอบคุณค่ะ พรุ่งนี้ฉันจะไปให้ตรงเวลา”ในตอนเย็น ทางโรมแรมก็ส่งมื้อเย็นมาให้ตามปกติ และยังคงมีข้อความฝากมาอีกเช่นเคย “คุณฮั่วบอกว่า ไม่สามารถอยู่ทานมื้อเย็นกับคุณเฉินได้ครับ”ร่างบางพยักหน้า “อื้ม ฉันทราบแล้วค่ะ”ขณะนั้นเอง ลิเดียที่นั่งอยู่ในห้องพักของเฉินชิงเสวี่ยที่โรงแรม ก็ร่ำไห้กับเฉินชิงเสวี่ยเพื่อระบายความน้อยใจของตัวเอง“ฉันไม่เข้าใจเลย! นังเฉินมู่นั่นมีอะไรพิเศษกันแน่? ถึงทำให้คุณพ่อตำหนิฉันเพื่อหล่อนแบบนี้ได้!”ในใจเฉินชิงเสวี่ยเองก็ตื่นตระหนก ความสัมพันธ์ระหว่างเฉินมู่กับไซม่อนมันไม่ธรรมดาจริง ๆ ถึงขั้นทำให้ไซม่อนยอมทำให้ลูกสาวตัวน้อยขอ
“เชิญคณะกรรมการยกมือขึ้นเพื่อลงมติด้วยครับ”เฉินมู่มองไปยังคณะกรรมการ ทุกคนยกมือขวาขึ้นอย่างเป็นเอกฉันท์ แสดงความยินยอมในการแก้ไข มีเพียงตระกูลคอลลินเท่านั้น ลิเดียไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิดสมิธอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย เขากระแอมไอแล้วพูดซ้ำอีกรอบว่า “เชิญคณะกรรมการยกมือลงมติด้วยครับ”ลิเดียยังคงไม่มีการเคลื่อนไหวสมิธเหงื่อแตกพลั่ก แม้ว่าเมื่อวานนี้ไซม่อน คอลลินจะได้เซ็นชื่อไปแล้ว แต่ว่ายังต้องให้ตัวแทนยกมือขึ้นในที่ประชุมเป็นการแสดงว่ายินยอม ทั้งหมดนี้จึงจะถูกบันทึกลงในบันทึกการประชุม!เขากระซิบเตือนว่า “ลิเดีย! ถึงตาคุณแล้ว!”ลิเดียเชิดคางที่งดงามขึ้น “ฉันทราบค่ะว่าถึงคิวฉันแล้ว ฉันไม่ยกมือ แปลว่าไม่เห็นด้วย”เฉินมู่ขมวดคิ้วมองเธอ “เหตุผลที่เธอไม่เห็นด้วยคืออะไร?”ลิเดียยักไหล่ “มันชัดเจนมาก เธอไม่เหมาะสมที่จะเข้าร่วมกองทุนเทียนสื่อแทนแม่ของเธอ”เฉินมู่เอ่ยเสียงเย็น “อย่างนั้นเธอคิดว่าใครเหมาะล่ะ? เฉินชิงเสวี่ยเหรอ?”ลิเดียยิ้มอย่างพออกพอใจ เธอโทรหาเฉินชิงเสวี่ยแล้วพูดว่า “ชิงเสวี่ย เข้ามาเลยสิ”พลันประตูห้องประชุมก็ถูกผลักออก เฉินชิงเสวี่ยเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มที่สง่างามวันนี
เมื่อเห็นคนทั้งสองคนที่พูดคุยกันอยู่นานยังไม่ได้บทสรุป ลิเดียจึงขยับปากพูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้น การประชุมคณะกรรมการของวันนี้ก็พอเท่านี้แล้วกัน ตระกูลคอลลินไม่มีทางยอมให้คนอย่างเฉินมู่ได้เข้าร่วมกองทุนเทียนสื่ออย่างเด็ดขาด” เฉินมู่มองเธอด้วยสายตาเย็นชา “เธอนี่ถูกพ่อตามใจจนเสียคนจริง ๆ!”พูดถึงตรงนี้ ลิเดียก็โกรธขึ้นมาอีกครั้งเธอทุบโต๊ะแล้วลุกขึ้นมาด้วยอารมณ์โกรธจัด “แกอย่าเอาพ่อฉันมาขู่ไปหน่อยเลย! เฉินมู่ วันนี้พ่อของฉันมีประชุมทั้งวัน เขาไม่ว่างมาสนใจแกหรอก! ยังไงฉันก็ไม่เห็นด้วย แกอย่าคิดที่เสียเวลาแก้ไขเลย!”เธอถูกตามใจจนเสียนิสัยจริง ๆ ที่จริงเธอก็ไม่ได้สนใจกองทุนเทียนสื่อที่ต้องจริงจังหรือใส่ใจในกาลเทศะอยู่แล้ว เธอรู้เพียงแค่ว่าตัวเองได้รับความคับแค้นใจมาจากเฉินมู่ ยังไงก็ต้องสู้!“ปัง!” เสียงปืนดังกึกก้องสั่นสะเทือนไปทั่วสำนักงานใหญ่!กระสุนนัดหนึ่งเจาะทะลุกระจกหน้าต่างขนาดใหญ่ของสำนักงานกองทุนเทียนสื่อ และฝังลงบนร่างของคนที่อยู่ใกล้หน้าต่างมากที่สุด!มีเลือดไหลออกมาจากไหล่ของลิเดีย เธอล้มลงกับพื้นพร้อมแรงกระแทกที่มหาศาลด้วยความเจ็บปวด หลังจากที่เฉินชิงเสวี่ยตะลึงงันไปครู่หน
ลิเดียรู้สึกน้อยใจเป็นอย่างมาก เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นพร้อมเอ่ย “เธอจะดุอะไรฉันนักหนา! เธอแค่ทิ้งฉันไว้ที่นี่ก็จบแล้ว!”เฉินมู่ยังคงดึงคนเจ้าน้ำตาไปข้างหน้าเรื่อย ๆ “เธอคิดว่าฉันอยากช่วยเธอมากนักหรือไง? ถ้าไม่เห็นแก่พ่อของเธอ ฉันก็กะจะไม่สนใจเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว!”ตามหลักแล้ว ไซม่อนมีนิสัยที่รักลูกสาวมากเท่าชีวิต ถ้าหากวันนี้ลิเดียมาจบเห่อยู่ที่นี่ หมอนั่นได้ร้องไห้จนตายอยู่ในคฤหาสน์แน่ ๆ กว่าสองร่างจะย้ายขึ้นมาข้างบนได้ก็ช่างยากเย็นแสนเข็ญ เฉินมู่พาอีกคนเข้าไปในห้องเก็บเอกสารในห้องมีเพียงหน้าต่างขนาดเล็กและแสงไฟสลัว ๆ เท่านั้น เฉินมู่จับลิเดียยัดเข้าไปใต้โต๊ะตัวใหญ่แล้วดึงเสื้อผ้าเธอออก“เธอจะทำอะไรเนี่ย!” ลิเดียตะโกนด้วยความตื่นตระหนกเฉินมู่จึงใช้มือปิดที่ใบหน้าของเธอไว้ “หุบปากซะ!”ลิเดียเงียบปากทันที พลางมองเฉินมู่ด้วยน้ำตานองอย่างน่าเวทนา เฉินมู่ถูกสีหน้าที่น่าสงสารนี้ทำให้ตัวเองจนปัญญา ไม่นานสาวเจ้าก็พูดขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค “ยังมีแรงตะโกนอยู่ แสดงว่ายังไม่ถึงตาย”มือเรียวจัดชุดให้เข้าที่ แล้วถอดเสื้อโค้ทตัวนอกออกมาคลุมตัวลิเดียเอาไว้ “รออยู่ในนี้ ห้ามส่งเสียงดัง”แต่พอ
เฉินมู่เดินออกไปจากห้องเก็บเอกสารแล้วปิดประตูเบา ๆเธอพิงตัวกับเสาด้านหลังพลางเหลือบมองลงไปยังชั้นล่าง บริเวณนั้นมีชายพร้อมอาวุธครบมืออยู่สี่คน และคนที่วิ่งหนีออกไปไม่ทันก็ถูกล้อมไว้ที่ห้องโถงทั้งหมดผู้ชายและผู้หญิงเหล่านั้นนั่งยอง ๆ แล้วเอามือกุมศีรษะ พลันชายคนหนึ่งก็ถือปืนขึ้นและตะโกนว่า “กองทุนเทียนสื่อ! ทำบุญให้เจริญไปเถอะ! ตอนนี้มีคนใจบุญคนไหนสามารถช่วยพวกแกได้ไหม?”“ไปหาซะ! เอาคนที่ซ่อนอยู่ออกมาให้หมด! มัดพวกมันไว้ต่อรองกับตำรวจ!”ลูกน้องของมันหลายคนเริ่มเคลื่อนไหวทันที เฉินมู่ก้มตัวลงและเดินไปที่บันได แต่กลับพบเข้ากับชายสวมหมวกคลุมศีรษะคนหนึ่งเข้าให้!ชายคนนั้นยกปืนขึ้นมาอย่างเร็ว เฉินมู่จึงกระโดดลงมาจากบันได แล้ววาดขาก้าวข้ามเพื่อถีบลงไปที่ศีรษะของชายคนนั้นโดยตรงชายตัวโตโดนเฉินมู่ถีบจนสลบไปในพริบตา ก่อนจะล้มลงที่บันไดร่างเล็กหยิบปืนมาจากอีกฝ่ายอย่างคล่องแคล่ว ขณะที่ตรวจสอบลูกกระสุนเสร็จก็ได้ยินเสียงคนจากชั้นล่างตะโกนลั่น “ตำรวจมาแล้ว!”ในใจของเฉินมู่รู้สึกยินดี ตราบใดที่ตำรวจสามารถเจรจาได้อย่างรวดเร็วเท่าไหร่ คนที่อยู่ในนี้ก็จะถูกช่วยออกไปได้เร็วเท่านั้นด้านนอกประต
เฉินมู่พุ่งเข้าไปดึงเธอออกมาจากใต้โต๊ะพร้อมดุเสียงแหลม “ตะโกนอะไรนักหนา! ตอนที่ดวลปืนกับฉันยังอวดดีอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?”ลิเดียตัวสั่นเทา “ฉัน...ฉันไม่เคยฆ่าคน...”เฉินมู่ชะงักมือไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “ลิเดีย เรื่องที่ฉันช่วยชีวิตเธอไว้ เธอต้องเก็บเป็นความลับนะ”สติของลิเดียเลอะเลือนเล็กน้อยเพราะเสียเลือดไปมาก เธอกระพริบตาปริบ ๆ “อะไรเหรอ?”เฉินมู่ถอนหายใจอย่างจนปัญญา “เรื่องของวันนี้ ห้ามบอกใครเด็ดขาด เธอไม่ได้เห็นฉันยิงปืน และก็ไม่ได้เห็นฉันฆ่าคน ได้ยินไหม?”ลิเดียพูดเพียง “อื้อ” พลันร่างกายก็อ่อนยวบแล้วสลบลงไปในอ้อมแขนของเฉินมู่เฉินมู่ทำได้เพียงแบกเธอขึ้นมาและเดินออกจากห้องเก็บเอกสาร พอเห็นตำรวจเข้ายึดชั้นล่างได้แล้วจึงยกมือขึ้นตะโกนเรียก “ช่วยด้วยค่ะ! เรียกรถพยาบาลที!”ฮั่วหยุนเซียวเบนสายตาขึ้นมองก็พบกับเฉินมู่ที่หน้าตามอมแมมไปด้วยฝุ่น เขารีบวิ่งขึ้นไปชั้นบนทันที ร่างสูงไม่ได้สนใจลิเดียที่หมดสติลงไปอย่างสิ้นเชิง เขาดึงเฉินมู่เข้ามาใกล้ พร้อมจ้องมองร่างเล็กด้วยสายตาเย็นยะเยือกเฉินมู่ตะลึงงัน เธอยกยิ้มที่มุมปากอย่างอึดอัด “คุณฮั่ว? คุณมาได้ยังไงคะ?”เดิมทีชุดที่เฉินมู่สว
เฉินมู่รู้สึกว่าภายในห้องมันเงียบจนน่าตกใจ กระทั่งเสียงหัวใจของตัวเอง เธอยังได้ยินอย่างชัดเจนเธอกระแอมไอหนึ่งครั้งแล้วพูดว่า “ไม่เห็นนะคะ”พูดจบเธอก็หันหน้ากลับไปมองฮั่วหยุนเซียวอย่างพิจารณา พร้อมเลิกคิ้วแล้วยิ้มออกมา “ไม่เห็นค่ะ”ฮั่วหยุนเซียวจ้องมองคนตรงหน้าเป็นเวลาครึ่งนาทีเต็ม จ้องจนเฉินมู่รู้สึกว่าตัวเองคงไม่อาจทนต่อไปได้เสี้ยววิเขาก็ลุกขึ้นจากโซฟาพลันเอ่ย “รีบพักผ่อนเถอะ”หลังจากที่ส่งฮั่วหยุนเซียวแล้ว เฉินมู่จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกและได้แต่สับสนวุ่นวายอยู่ในใจเธอใกล้ชิดกับฮั่วหยุนเซียวมากเกินไปหรือเปล่า? หากฮั่วหยุนเซียวรู้ตัวตนของเธอ เขาจะตัดสินใจอย่างไร?หรือบางทีอาจจะไม่ต้องตัดสินใจตั้งแต่แรก? เพราะเธอเป็นนักฆ่าของเคโจวที่คนปกติต่างหวาดกลัวจนถึงขั้นรังเกียจร่างบางเอนตัวนอนบนเตียงแล้วค่อย ๆ เข้าสู่นิทราอย่างง่วงงุน เรื่องใหญ่ตอนนี้ก็คือต้องนอนก่อน วันนี้เสียพลังงานไปไม่น้อยเลยจริง ๆอีกด้านหนึ่ง ภายในโรงแรมของลู่ซีเจ๋อเฉินชิงเสวี่ยดื่มน้ำอุ่นอึกหนึ่งด้วยท่าทางที่ระมัดวังและหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง ลู่ซีเจ๋อจึงถามด้วยความเป็นห่วงว่า “เสวี่ยเอ๋อ คุณเป็นอะไรไป? ตั้ง
ฮั่วหยุนเซียวไม่รู้ว่าควรจะสงสารสาวน้อยตรงหน้าดี หรือควรจะภูมิใจในความหนักแน่นในสถานการณ์ที่อันตรายของเธอดีเขายกมือพร้อมขมวดคิ้ว “ฮานเฉิง จัดการให้เรียบร้อย”“ครับ บอส”ฮานเฉิงยกโทรศัพย์อยู่หลายสาย และแล้วนักข่าวที่สมควรจะอยู่ที่นี่ต่อ กลับแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็วเฉิงหยวนกระพริบตา “ทำไมพวกเขาไปกันหมดแล้วล่ะ?”เมื่อฝูงชนสลายตัว สายตาเฉินมู่ก็สะดุดเข้ากับรถเบนท์ลีย์หรูที่จอดอยู่ข้างทาง“ปีศาจร้ายปรากฎตัวแล้ว” เธอกล่าวเฉิงหยวนถือถุงขนมของตัวเองตามไปและถามต่อ “อะไรนะ?”เฉินมู่ช่วยถือของในมือเธอ แล้วพูดว่า “ฉันจะไปส่งเธอที่บ้านก่อนแล้วกัน”ใต้แสงแดดอบอุ่นในฤดูหนาว สองสาวพูดคุยถึงเรื่องในอนาคต และรถหรูระดับโลกอย่างเบนท์ลีย์คันนั้นก็ขับตามหลังมาอย่างช้า ๆฮานเฉิงถามอย่างสุขุม “บอสครับ พวกเราจะขับช้าขนาดนี้จริงเหรอครับ?”ฮั่วหยุนเซียวมองแผ่นหลังหญิงสาวตรงหน้าอย่างสนใจ แล้วพยักหน้า “ขับช้ากว่านี้”ฮานเฉิง “...”เมื่อเดินมาถึงใต้อาคาร เฉินมู่ก็พูดว่า “คุณไปเก็บของให้เรียบร้อยแล้วเราไปโรงพยาบาลกัน”เฉิงหยวนปัดมือไปมา “ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน พวกเขาแค่ขว้างปาผักมาขู่ฉัน
เธอลงจากรถแล้วเห็นเฉิงหยวนที่ถูกฝูงชนล้อมเอาไว้ เหมือนแมวที่กำลังตื่นตระหนกตกใจ และไม่มีที่ซ่อนตัวเธอวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไป แล้วดึงเฉิงหยวนเข้ามายังอ้อมอก พร้อมถามอย่างกังวลว่า “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”เมื่อเฉิงหยวนเห็นเฉินมู่ ก็ถึงกลับปล่อยโฮออกมาเธอยื่นมือไปปัดเศษผักบนตัวของเฉินมู่ออกให้ พร้อมส่ายหัว “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”เฉินมู่ประคองเธอให้ลุกขึ้น และแล้วไข่ไก่ฟองหนึ่งก็ลอยมา แต่เฉินมู่ยกมือขึ้นรับไว้ได้อย่างแม่นยํา“แกร๊ก” ไข่ไก่ในมือถูกบดขยี้จนแหลก และไข่ไก่เหลว ๆ ก็ไหลลงมาตามข้อมือของเธอ แววตาอันโหดเหี้ยมของเฉินมู่ทำให้ฝูงชนและนักข่าวต่างค่อย ๆ สงบลงเธอพูดกับหน้ากล้องที่ใกล้ที่สุด ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “จรรยาบรรณของนักข่าวคือการนำเสนอความเป็นจริง หวังว่าสื่อมวลชนทุกคนจะตระหนักข้อนี้ไว้หน่อย”พลันมีเสียงดังมาจากด้านหลัง “ความจริงก็คือเฉิงหยวนเป็นมือที่สาม! คนทั้งโลกต่างก็รู้เรื่องนี้!”“ใช่ ๆ คุณเป็นใคร! ทำไมถึงได้แก้ตัวแทนเฉิงหยวน!”เฉินมู่ตอบอย่างเยือกเย็น “เธอไม่ใช่มือที่สาม หวังว่าหลังจากวันที่ความจริงกระจ่างแล้ว ทุกคนในที่นี้ต้องขอโทษต่อการกระทำที่ทำต่อเฉิงหยวน”จ
เฉินมู่ซบอยู่ในอ้อมกอดลู่ซีเจ๋อพร้อมเช็ดน้ำตาด้วยท่าทีน้อยใจ “พี่คะ พี่เชื่อฉันสักครั้งเถอะ…”ลู่ซีเจ๋อหมดความอดทนกับเฉินมู่อย่างสิ้นเชิง เขาตะโกนอย่างเหลืออดว่า “ออกไป! ไสหัวออกไป!”เฉินมู่มองท่าทีที่ปวดใจของลู่ซีเจ๋อ แล้วถอนหายใจ “ลู่ซีเจ๋อ คุณ…”ลู่ซีเจ๋อมองหน้าเธอด้วยความโกรธเคืองเฉินมู่จึงได้เงียบลง พลางคิดว่าทำไมต้องปริปากพูดคำนี้ทั้ง ๆ ที่่ก่อนหน้านี้เธองัดหลักฐานเป็นร้อย ๆ อย่างเพื่อให้เห็นถึงจิตใจอันโหดเหี้ยมของเฉินชิงเสวี่ย แต่ลู่ซีเจ๋อก็มองไม่เห็นเธอจะเกลี้ยกล่อมเขาอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ แถมยังต้องถูกเฉินชิงเสวี่ยตอกกลับว่าเธออิจฉา“คุณคิดจะพูดอะไรอีก?” ลู่ซีเจ๋อมองเธอด้วยโกรธเคืองเฉินมู่ส่ายหัว “ไม่มีอะไรแล้ว แต่มีอะไรอยากจะบอกคู่หมั้นสุดที่รักของคุณหน่อย”เฉินชิงเสวี่ยมองเฉินมู่ด้วยสายตาที่หวาดกลัว “พี่มีอะไรอยากให้ฉันช่วยคะ...”เฉินมู่หัวเราะ แล้วพูดว่า “รบกวนเธอฝากบอกซุยซินยี่กับเฉินชิงโหรวด้วยนะ ว่าเฉิงหยวนจะกลับเข้าสู่วงการบันเทิงเร็ว ๆ นี้”เฉินชิงเสวี่ยจ้องมองเฉินมู่อย่างปวดใจ พลันเอ่ย “พี่คะ เฉิงหยวนเป็นมือที่สาม ทำไมพี่ยังจะคบหากับคนแบบนั้นอยู่อีก?”
แผลเป็นที่หน้าเกลียดน่ากลัวเหมือนตัวหนอนเกาะอยู่บนใบหน้า แถมยังมีรอยแดง ๆ อยู่รอบ ๆ เฉินชิงเสวี่ยถอนหายใจอย่างโล่งใจ แผลเป็นยังอยู่!ตอนที่กำลังลองชุดคราวก่อน เธอได้ข่าวว่าเฉินมู่กำลังรักษารอยแผลพวกนี้ มันทำเธอทุรนทุรายไปหลายวันเธอกลัวว่าเฉินมู่จะรักษาร่อยรอยแผลบนใบหน้าจนหายดี เพราะหากใบหน้านี้หายดีแล้ว มันจะกลับมาทำให้ชาวเมืองปินไห่ตกตะลึงอีกครั้ง เฉินชิงเสวี่ยหัวเราะอย่างโล่งใจ แถมยังเย้ยหยันเฉินมู่ต่อว่า “ได้ยินว่าเธอไปรักษาใบหน้า ทำไมยังเป็นแบบนี้อยู่ล่ะ?”เธอชี้ไปยังใบหน้าของเฉินมู่ พร้อมหัวเราะเยาะเย้ย “เธอดูไม่ออกเหรอว่ามันอาการหนักกว่าเมื่อก่อนอีกน่ะ?”“เฉินมู่ อย่าพยายามต่อไปเลย หน้าของเธอยังไงก็รักษาไม่หายหรอก เธอต้องแบกหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลแบบนี้ไปตลอดชีวิต เธอจะถูกผู้คนหัวเราะเยาะตลอดเวลา และถูกทอดทิ้งตลอดไป”เฉินมู่ง้างมือขึ้นแล้วกระแทกไปที่ใบหน้าของคนเจ็บอย่างแรง ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยหันไปตามเสียงดัง “เพี๊ยะ”เฉินชิงเสวี่ยโดนตบจนโกรธมาก เธอจ้องมองเฉินมู่ด้วยความเคียดแค้น “สมควร ใครให้เธออยู่เป็นหนามยอกอกในตระกูลเฉิน เธอควรตายไปพร้อมกับแม่ของเธอตั้งนานแล้ว!”
“นี่คุณ!” ลู่ซีเจ๋อถูกเฉินมู่ปั่นหัวจนออกอาการโกรธอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่ทั้งป่าเถื่อนและชั่วร้ายอย่างเธอมาก่อนเฉินชิงเสวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอีกครั้ง “ไม่เป็นไรหรอก พี่สาวก็แค่ล้อเล่น คุณไปเถอะ”เฉินชิงเสวี่ยออดอ้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอยากจะทานของหวานหน้าโรงพยาบาล ลู่ซีเจ๋อจึงได้แต่ทำตามคู่หมั้น แต่ก่อนเดินออกจากห้องก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่เฉินมู่อีกหนึ่งทีทันทีที่เขาเดินออกไป เฉินมู่ก็ขมวดคิ้วมองไปทางร่างบนเตียงอย่างเร็ว “เหลือเราแค่สองคนแล้ว มีอะไรอยากพูดไม่ใช่เหรอ?”ครั้งแรกเฉินลี่ซานสั่งให้เธอมาที่นี่ ครั้งที่สองลู่ซีเจ๋อก็พาเธอมาด้วยตัวเองอีกหนึ่งครั้ง เฉินชิงเสวี่ยเป็นคนวางแผนทั้งหมดให้เฉินมู่มาที่นี่ ไม่รู้ว่าเธอจะมีแผนการอะไรอีกเฉินชิงเสวี่ยเปลี่ยนสีหน้าในทันที ใบหน้าอ่อนหวานเมื่อสักครู่หายไปอย่างไร้ร่องรอยเธอมองหน้าเฉินมู่อย่างหงุดหงิด พร้อมพูดว่า “เธออย่ายุ่งเรื่องของตระกูลซุย!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนถามว่า “ทำไมเหรอ? ตระกูลซุยทำไมเหรอ?”เฉินชิงเสวี่ยพูดตรง ๆ ว่า “ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดี ตระกูลซุยกับตระกูลเราทำธุรกิจร่วมกันมา ถ้าเธอทำงานแต่งซินยี่
เฉินมู่ยักไหล่เล็กน้อย “ถึงฉันจะทำร้ายเธอจนตาย ฉันก็จะไม่รู้สึกผิด”ลู่ซีเจ๋อขมวดคิ้ว “เฉินมู่ คุณทำร้ายเสวี่ยเอ๋อถึงขั้นนั้น เธอยังไม่ถือโทษโกรธ แค่บอกให้คุณอย่าเข้าไปยุ่งกับตระกูลซุย แค่คุณไปเยี่ยมเธอบ้าง มันยากนักหรือไง?”เธอหัวเราะเยาะเล็กน้อย “แค่เธอบอกว่าไม่ถือโทษโกรธฉัน คุณก็เชื่อเหรอ? ลู่ซีเจ๋อ ฉันสงสัยจริง ๆ ว่าในสมองคุณมันมีรอยหยักบ้างไหม”ลู่ซีเจ๋ออึ้งไปสักพัก เขาไม่ใช่คนที่ทะเลาะวิวาทกับใครบ่อย ๆ ร่างสูงลากเฉินมู่ไปเรื่อย ๆ แล้วพูดว่า “ไปโรงพยาบาลกับผม!”ช่วงเวลาเลิกเรียนนักศึกษาทุกคนเดินลงจากอาคาร ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาตรงนั้น และแล้วทั้งสองก็เริ่มตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนเฉินมู่ไม่อยากตกเป็นประเด็นของคนทั้งมหาวิทยาลัยในวันพรุ่งนี้ จึงสะบัดมือออกอย่างจำใจและตอบว่า “ปล่อย ฉันเดินเองได้”ลู่ซีเจ๋อปล่อยมือเธอ เฉินหยวนจึงรีบวิ่งมาดึงแขนเฉินมู่ไว้ “ฉันไปเป็นเพื่อนนะ”เฉินมู่แตะมือเธอเบา ๆ “ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรหรอก เธอกลับหอพักไปก่อนเถอะ”เฉินหยวนพูดด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง “งั้นเธอต้องระวังตัวนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นต้องรีบโทรหาฉันนะ หรือไม่ก็… โทรหาตัวรวจเลย!”เฉินหยวนหัวเ
เช้าวันถัดมา เฉินมู่ไปมหาวิทยาลัยตามปกติเรื่องของเฉิงหยวนยังเป็นที่กล่าวถึงบนโลกโซเชียล ซุยซินยี่ยอมจ่ายให้กับคอมเมนท์พวกนี้ไม่น้อยเลยจริง ๆแต่เฉินมู่ยังต้องกลับไปเรียน ถึงแม้ว่าชาวเน็ตจะยังพากันด่าทอดาราในสังกัดของเธอก็ตามทันทีที่เดินเข้าห้องเรียน เฉินหยวนก็โบกมือเรียก “เฉินมู่ ฉันจองที่ตรงนี้ไว้ให้เธอ”เฉินมู่สาวเท้าเข้าไปพร้อมกระเป๋านักเรียน พลางเผยยิ้มกว้าง “ขอบคุณนะ”จางหยางที่นั่งโต๊ะด้านหน้าก็ยื่นกาแฟกับพร้อมแซนด์วิชให้ “อาหารเช้าของเธอ”เฉินมู่พูดด้วยความปลาบปลื้มใจ “ทำไมพวกเธอดีกับฉันจังเลย?”จางหยางส่ายหัวอย่างเคอะเขิน แล้วตอบว่า “แต่ก่อนฉันไม่ค่อยเป็นมิตรกับเธอ เพราะฉะนั้นตอนนี้ฉันจะแก้ตัว” ตั้งแต่ที่เธอทำให้ผู้คนเกิดความประทับใจในคืนงานเลี้ยงปีใหม่ ทุกคนในชั้นเรียนก็หันมาดีกับเธอเฉินหยวนรีบวิ่งเข้ามาซุบซิบ “เธอเห็นหรือยังว่าข่าวเฉิงหยวนในเน็ตกลับมาฉาวอีกแล้วนะ?”เฉินมู่รับอาหารเข้ากัดไปหนึ่งคำ ก่อนพยักหน้าตอบ “เห็นแล้ว”เฉินหยวนรีบโต้ตอบทันที “เฉินมู่ ฉันเห็นเธอสนิทกับหล่อน หล่อนไม่ใช่คนดีนะ!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนตอบว่า “หล่อนเป็นคนดีมาก แล้วต่อไปเธอจะรู้เอง
แค่คําเดียว ทำให้มุมปากของฮั่วหยุนเซียวกระตุกยกโค้งราวไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มไว้ได้เขาแตะมือไปที่ใบหน้าของเฉินมู่ พลางเรียกอย่างอ่อนโยนว่า “มู่มู่”เฉินมู่ลุกขึ้นนั่งอย่างสะลึมสะลือ แล้วถาม “คุณกลับมาแล้วเหรอคะ ตอนนี้กี่โมงแล้ว แล้วคุณทานข้าวหรือยัง?”แม้ว่าเธอไม่ได้งดงามเหมือนเหล่าคนมีชื่อเสียง แต่ก็แฝงด้วยความอ่อนหวานอยู่บ้างฮั่วหยุนเซียวไม่เคยรู้สึกว่า คําว่าเฉินมู่คํานี้จะอบอุ่นและน่าหลงใหลเช่นนี้มาก่อนหญิงสาวที่เขาสนใจนอนอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีกำลังงัวเงียผมเผ้ายุ่งเหยิงสามคำถามต่อเนื่องนั้นดึงเขาออกจากภวังค์และเข้าสู่ความเป็นจริง แต่เขาไม่มีทางเลือก และทำตามอย่างเต็มใจเฉินมู่อยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น ดวงตาค่อย ๆ ปิดลงอีกครั้ง ช่วงนี้เธอพักผ่อนไม่เพียงพอ ถ้าอยู่ในความสงบเมื่อไหร่เธอพร้อมจะหลับทันที“อืม…” จู่ ๆ ความเย็นก็เข้ามากระทบริมฝีปาก สมองเฉินมู่รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันทีสมองของเธอเริ่มประมวลผล พลันฝืนลืมตาขึ้น และเลียริมฝีปากตามสัญชาตญาณเธอมองเข้าไปในสายตาลึกลับของชายตรงหน้า ก่อนถามอย่างงุนงงว่า “อะไรเหรอ?”ปลายลิ้นของฮั่วหยุนเซียวไล่เลียตรงริมฝีปากล่างของตน รา
เมื่อทุกคนออกไป เฉิงหยวนก็ยังคงเกาะแขนของเฉินมู่ด้วยร่างกายอันสั่นอยู่อย่างนั้นเฉินมู่แตะมือเธอ พร้อมปลอบใจว่า “ไม่เป็นไรนะ ฉันจะคอยปกป้องคุณเอง”เฉิงหยวนพยักหน้า “ฉันเชื่อคุณ แต่ฉันไม่เข้าใจ ทำไมคนร้ายแบบพวกนั้น ถึงได้กล้ากล่าวหาเหยื่อแบบนี้”ผู้อำนวยการหยางวิ่งเข้ามาถามอย่างรีบร้อน “ผู้อำนวยการเฉินบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ? ผมพยายามห้ามคุณหนูซุยแล้ว แต่…”เฉินมู่ปัดมือไปมา พลางบอก “ไม่เป็นไรค่ะ ผู้อำนวยการหยางไม่ต้องกังวล นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเรา”เธอมองร่องรอยความเสียหายของข้าวของบนพื้น แล้วพูดต่อ “พวกเธอทำอะไรเสียหายบ้าง ลิสต์ให้ฉันด้วยนะ”ผู้อำนวยการหยางรีบยกปัดไม้ปัดมือปฎิเสธอย่างเร็ว “ไม่ได้ ๆ จะให้ผู้อำนวยการเฉินชดใช้ได้อย่างไร?” เฉินมู่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ใครบอกว่าฉันจะเป็นคนชดใช้ค่าเสียหาย? คุณหยางจัดการลิสต์รายการของที่เสียหายมาก็พอค่ะ”ผู้อำนวยการหยางก็ไม่รู้ว่าเฉินมู่คิดจะมาไม้ไหน จึงทำได้เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้นเฉิงหยวนกระแอมเล็กน้อย แล้วถามด้วยความระมัดระวังว่า “คงไม่ใช่ให้ฉันชดใช้ค่าเสียหายหรอกนะ?”“หึหึ” เฉินมู่ยิ้ม “ไม่ใช่ คนที่ลงมือทำลายข้าวของต่าง