เฉินมู่ขยี้ผมไปมาเชิงหัวเสีย “วางแผนฆาตกรรม! คุณเชื่อหรือเปล่าล่ะ?”ฮั่วหยุนเซียวหัวเราะเบา ๆ “โอวจินไม่ได้บอกคุณเหรอ? ปริมาณยามันน้อยเกินไป ไม่เพียงพอที่จะคร่าชีวิตคนได้”เฉินมู่ถลึงตาใส่เขากลับ “นี่คุณเชื่อจริง ๆ เหรอคะ! ฆ่าคุณไปแล้วฉันจะได้อะไรขึ้นมา?”ฮั่วหยุนเซียวไม่ได้ตอบกลับ เขาลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงช้า ๆ “เทน้ำให้ผมหน่อย”เฉินมู่ลุกขึ้นเดินไปเทน้ำแล้วยื่นแก้วไปให้ฮั่วหยุนเซียว พอเห็นเขานั่งพิงอย่างไม่สบายตัว ก็เลยหยิบหมอนใบหนึ่งขึ้นมายัดไว้ด้านหลังของฮั่วหยุนเซียวให้ชายหนุ่มขยับตัวให้เข้าที่เข้าทาง เขายิ้มบาง ๆ “ช่างรู้ความจริง ๆ”เฉินมู่นั่งลงพลางถามกลับ “คุณวางใจเถอะค่ะ ฉันจะหาให้ได้ว่าใครเป็นคนวางยา จะไม่ปล่อยให้คุณเจ็บตัวฟรี ๆ แน่”ฮั่วหยุนเซียวตะลึงงัน คำพูดที่กล้าหาญนี้ออกมาจากปากของเฉินมู่เล่นเอาเขาทึ่งไปเลยตั้งแต่เด็กจนโต เขาเป็นผู้มีอำนาจควบคุมทุกอย่างในตระกูลฮั่ว แต่ไหนแต่ไรก็เป็นเขาที่ต้องคอยปกป้องตระกูลฮั่ว ปกป้องคนอื่น ๆแต่ตอนนี้ มีสาวน้อยคนหนึ่งที่เครื่องสำอางค์ลอกออกแทบจะหมดหน้านั่งอยู่ข้างเตียงของเขาด้วยท่าทีของคนที่กำลังกึ่งง่วงงุนกึ่งมีสติ แถมยังพู
เฉินมู่ส่ายหน้า “ฉันยังมีธุระต้องที่ต้องกลับไปทำอยู่ อีกอย่างจะให้ฉันใส่ชุดราตรีเดินไปเดินมาตลอดเวลาก็คงไม่ได้ รอฉันทำธุระเสร็จก่อนแล้วคืนนี้จะมาอีกนะคะ”ฮั่วหยุนเซียวพยักหน้า “เดินทางระวัง ๆ”จากนั้นเฉินมู่ก็เดินออกไปจากห้องผู้ป่วยโอวจินยื่นมือโบกไปมาตรงหน้าเพื่อนสนิทพร้อมพูดหยอกล้อ “คนน่ะไปแล้ว! ไม่ต้องมองตาละห้อยขนาดนั้นก็ได้ไหม?”ฮั่วหยุนเซียวถอนสายตากลับมา “ฉันจะออกจากโรงพยาบาลได้ตอนไหน?”โอวจินที่อยู่บนโซฟาพูดตอบ “อยู่เพิ่มอีกสักสองวันไม่ดีเหรอ? นายจะได้มีเหตุผลให้เฉินมู่มาเยี่ยมทุกวันไง”ฮั่วหยุนเซียว “.....”พูดได้สมเหตุสมผลดีนี่!โอวจินกระตุกยิ้ม “พี่ชาย ฉันไม่เคยพูดเหรอว่าแต่ไหนแต่ไร นายเป็นคนที่ไม่กินของหวานเลย แต่นี่กลับซัดคุกกี้ไปตั้งหนึ่งกล่องใหญ่ นี่นายกลัวว่าตัวเองจะตายช้าลงหรืออะไร?”“เฉินมู่เป็นคนทำเองกับมือใช่ไหม? หรือว่าโตขนาดนี้แล้ว ยังไม่เคยกินของหวานที่ผู้หญิงทำเหรอ?”“คุณบอสฮั่วครับ ถ้าครั้งนี้ไม่ได้ไหวพริบอันรวดเร็วของผม เรื่องนี้จะต้องสร้างปัญหาให้กับตระกูลฮั่วของพวกนายแน่ แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น เฉินมู่คงจะมานั่งพูดคุยกับนายอยู่ตรงนี้ได้หรอก? มีหวังคน
พอเฉินมู่อยากจะคิดบัญชีก็ดันหาตัวต้นเหตุไม่เจอ อย่างนั้นก็กลับห้องไปนอนต่ออีกหน่อยดีกว่า รอคนกลับมาแล้วค่อยว่ากันเธอเพิ่งจะก้าวเท้าเข้ามาภายในห้อง โทรศัพท์มือถือก็ส่งเสียงดังขึ้น พอเห็นว่าคุณนายลู่เป็นคนโทรมาจึงถอนหายใจแล้วรับสาย “สวัสดีค่ะ คุณป้า”เสียงร้องไห้ของคุณนายลู่ดังขึ้นจากปลายสาย เสียงสั่นเครือพูดเป็นระยะ ๆ “เสี่ยวมู่ หนูรีบมาเร็วเข้า ป้าขอโทษหนูด้วยจริง ๆ ป้า...”พอเฉินมู่รับรู้ถึงน้ำเสียงวิตกของอีกคน เธอจึงเดินลงบันไดไปพลางพูดปลอบไปว่า “คุณป้าอย่าใจร้อนไปนะคะ หนูจะไปเดี๋ยวนี้”หญิงสาวโบกรถไปที่บ้านตระกูลลู่ เมื่อวานนี้ครอบครัวนี้ยังดูครึกครื้นอยู่เลย ทว่าวันนี้ห้องรับแขกกลับดูอึมครึมจนน่าตกใจ ที่ด้านหน้าก็ไม่มีคนรับใช้อยู่เลยสักคน การ์ดจำนวนหนึ่งถูกสั่งให้ยืนเฝ้าประตูหน้าไว้เพื่อกันไม่อนุญาติให้คนนอกเข้าไปเฉินมู่เดินผ่านการ์ดเข้าไป ก่อนจะเห็นคุณนายลู่กับคุณท่านลู่นั่งอยู่ตรงกลางโซฟา ส่วนลู่ซีเจ๋อก็นั่งอยู่ที่โซฟาเดี่ยวก้มหน้าไม่พูดอะไรครอบครัวเฉินลี้ซานเองก็อยู่กันพร้อมหน้าพลางล้อมรอบเฉินชิงเสวี่ยอยู่อีกด้าน เฉินชิงเสวี่ยกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นพอคุณนายลู่เห็นเฉิน
คุณนายลู่มองท่าทางอ่อนแอไร้กระดูกของเฉินชิงเสวี่ยแล้วพูดกังขาออกมาประโยคหนึ่ง “ก่อเรื่องแบบนี้ไปแล้วยังจะเหลือชื่อเสียงอะไรอีก?”คุณท่านลู่พยักหน้า “แต่คุณเฉินพูดถูกแล้ว ถึงยังไงพวกเราทั้งสองตระกูลก็ต้องดองกันอยู่ดี จัดการให้มันเร็วขึ้นหน่อยคงจะดีกว่า”คุณนายลู่มองไปยังเฉินมู่ เธอตัดใจจากเฉินมู่ไม่ได้จริง ๆ! เฉินมู่เป็นคนที่เธอคอยเฝ้าดูจนเติบใหญ่ เป็นคนที่เธอเลือกให้มาเป็นลูกสะใภ้!เฉินชิงเสวี่ยเอนกายพิงอกลู่ซีเจ๋อพร้อมกัดริมฝีปาก ให้ตายสิ! เธอเล่นใหญ่ขนาดนี้แล้วนะ! คุณนายลู่ยังจะอยากได้นังเฉินมู่อยู่อีกหรือ!ซู่หรูหลานเห็นดังนั้นจึงรีบพูดเสริมขึ้นมาทันที “ใช่แล้วค่ะ เสี่ยวมู่ก็เคยพูดเองว่าการหมั้นถูกยกเลิกไปแล้ว คงจะไม่มีความเห็นอะไรหรอกค่ะ ในเมื่อซีเจ๋อกับชิงเสวี่ย เด็กสองคนนี้ใจตรงกัน ก็ช่วยสนับสนุนพวกเขาเถอะค่ะ...”บรรยากาศอึมครึมในห้องนั่งเล่นเริ่มแพร่กระจายออกมา เฉินชิงเสวี่ยมองเฉินมู่น้ำตาคลอเบ้า “พี่คะ หนูรู้ว่าหนูทำผิดต่อพี่ แต่ว่าหนูรักซีเจ๋อจริง ๆ นะคะ ได้โปรด...”นี่ยังต้องบังคับให้เฉินมู่พยักหน้าด้วยหรือนี่!เดิมทีเฉินมู่ก็ไม่ได้ถือสาอยู่แล้วที่ทั้งคู่จะมาอยู่ด้วยกั
ทันทีที่เฉินมู่พูดออกมา ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ตกตะลึงไปพร้อม ๆ กัน วางยาพิษอะไรหรือ?ใบหน้าของซู่หรูหลานซีดเซียว หล่อนรีบวิ่งไปดึงตัวเฉินชิงเสวี่ยเข้ามาในอ้อมแขนทันที “เฉินมู่! นี่เธอพูดเรื่องบ้าอะไร? ตอนนี้กำลังคุยกันเรื่องงานแต่งงานของน้องสาวเธออยู่ อย่ามาทำแบบนี้เพียงเพราะมีความเคียดแค้นในใจแล้วมายัดเยียดความผิดให้คนอื่นนะ!”ลู่ซีเจ๋อก้าวเท้ามายืนอยู่ข้างหน้าเฉินชิงเสวี่ยและซู่หรูหลานด้วยความโกรธ “เฉินมู่ คุณนี่มันชอบสร้างปัญหาเหลือเกินนะ ที่ผ่านมาคุณกลั่นแกล้งเสวี่ยเอ๋อยังไม่พออีกเหรอ?”พ่อลู่และแม่ลู่ก็ตกใจเช่นกัน มีกลอุบายมากมายในตระกูลที่ร่ำรวยเช่นนี้ได้อย่างไรกัน แต่เรื่องที่วางยาพิษเป็นเรื่องที่หาได้ยากที่จะเกิดขึ้นต่อหน้าผู้คนคุณนายลู่ยืนขึ้นแล้วเดินไปข้าง ๆ เฉินมู่ จากนั้นถามอย่างประหม่า “เสี่ยวมู่ วางยาพิษอะไรเหรอ? มันเกิดอะไรขึ้น? บอกป้ามา ป้าจะเป็นจัดการให้”“แม่! เวลานี้ยังจะช่วยเฉินมู่อยู่อีกเหรอครับ? เธอทำให้เห็นชัดเจนแล้วว่าวางแผนทำร้ายคนอื่น! เธอไม่อยากให้เสวี่ยเอ๋อแต่งงานกับผมอย่างราบรื่น ดังนั้นเธอจึงพูดเรื่องเลวร้ายนี้ขึ้นมา!”ลู่ซีเจ๋อรู้สึกว่าแม่ของตัวเองน
ทันทีที่คุณนายลู่เห็นการแสดงละครของซู่หรูหลานก็รู้สึกจิตใจว้าวุ่น ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าของลูกชายตัวเอง หล่อนคงจัดการกับสองแม่ลูกคู่นี้ไปแล้ว!“ซีเจ๋อ! หุบปาก!” คุณนายลู่ดุลูกชายด้วยความโกรธ ถ้าลู่ซีเจ๋อยังยืนกรานแบบนี้ต่อไป มันจะยิ่งทำร้ายหัวใจของเฉินมู่ไปเรื่อย ๆ!พ่อลู่กับเฉินลี้ซานมองดูผู้หญิงที่ทั้งร้องไห้ทั้งทำเสียงดังโวยวายแล้วล้วนรู้สึกว่าพวกหล่อนกำลังทำให้ผู้นำตระกูลอย่างพวกเขาขายหน้า ทว่าสามีอย่างพวกตนจะพูดอะไรได้ จะกลืนก็ไม่เข้า จะคายก็ไม่ออก ลู่ซีเจ๋อโกรธมาก ทำไมเขาถึงควบคุมความคิดของแม่ตัวเองไม่ได้นะเขามองไปที่เฉินมู่ จากนั้นก็พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เฉินมู่ คุณต้องบอกแม่ผมเองว่า ที่คุณถอนหมั้นนั้นเป็นเพราะเรื่องของชิงเสวี่ยกับผม หรือเพราะว่าคุณเปลี่ยนใจไปรักชายอื่นแล้ว! เมื่อวานคุณลุกลี้ลุกลนรีบออกไปจากงานเลี้ยง คุณรีบไปหาใครกันแน่!”“คุณนี่ช่างคิดได้อย่างรอบคอบเหลือเกินนะ! ในขณะที่ใจหนึ่งก็เลี้ยงดูผู้ชายแปลกหน้าอยู่ด้านนอก อีกใจหนึ่งก็กำลังวางแผนเอาใจแม่ของผมให้ได้แต่งงานกับตระกูลลู่ คุณคิดว่าผมมองกลอุบายเล็ก ๆ ของคุณไม่ออกเหรอ?”“นายหุบปากซะ!” คุณนายลู่รีบขัดขวา
เฉินชิงเสวี่ยแสร้งเอนกายลงในอ้อมแขนของลู่ซีเจ๋ออย่างอ่อนแรง พร้อมสะอื้นไห้เบา ๆ “พี่คะ ได้โปรดถามคนรับใช้ของตระกูลลู่เถอะว่าคุณป้าได้กินเค้กหรือคุกกี้ที่พี่ทำมาให้เมื่อวานหรือเปล่า? และถ้ากินไปแล้ว ท่านเจ็บป่วยตรงไหนหรือเปล่า?”เธอตกใจกับคำพูดของเฉินมู่เมื่อครู่นี้ ต่อมาก็ได้ตอบสนองเฉินมู่กลับไป แต่ทว่าเฉินมู่นั้นไม่มีหลักฐาน แล้วทำไมเธอจะต้องกลัวด้วยล่ะ?บรรยากาศในห้องนั่งเล่นตอนนี้เงียบสงัด เฉินมู่จ้องมองเฉินชิงเสวี่ยและหัวเราะเบา ๆ “เฮอะ!”เสียงหัวเราะทำลายความเงียบของทุกคนในที่นั้น มันเป็นพฤติกรรมที่ทั้งจองหอง เย้ยหยัน และเปี่ยมไปด้วยความปิติยินดีเฉินชิงเสวี่ยรู้สึกถึงลางสังหรณ์แปลก ๆ ขี้นมาทันที มือเรียวจับเสื้อผ้าของลู่ซีเจ๋อไว้แน่น พลางถามด้วยเสียงสั่น “พี่หัวเราะอะไรเหรอ?”เฉินมู่มองไปที่เฉินชิงเสวี่ยเฉิน พร้อมเอื้อมมือไปบีบคางที่บอบบางของหล่อน ทำให้เฉินชิงเสวี่ยสะดุ้ง และตัวแข็งทื่อเล็กน้อย ก่อนจะคร่ำครวญเพราะความเจ็บปวดอย่างรุนแรง“เฉินมู่! คุณทำอะไรเนี่ย!” ลู่ซีเจ๋อตะโกนเรียกเฉินมู่เอนกายไปข้างหน้าเล็กน้อย กายบางขยับตัวเข้าไปหาเฉินชิงเสวี่ยพลันโต้กลับ “ตั้งแต่ต้นจนจ
คุณนายลู่หันกลับมามองไปยังสามีของตน จากนั้นก็มองไปที่ซู่หรูหลานและพูดด้วยความรังเกียจ “คุณนายเฉินเลี้ยงดูลูกสาวได้ดีเช่นนี้ ตระกูลลู่ของเราคงไม่มีวาสนาที่จะได้เสวยสุขอีกแล้ว!”“ถ้าเกิดวันหนึ่งภรรยาผมทุกข์ใจหนัก วันนั้นคงเป็นฝันร้ายของผมแน่ ๆ!”ทว่าซู่หรูหลานยังคงมีความทุ่มเท เธอกัดฟันเถียงสองสามีภรรยาตระกูลลู่ “แต่เมื่อคืนนี้ ผู้คนมากมายได้เห็นว่า…”“ถ้าเห็นแล้วมันยังไง!” คุณนายลู่กล่าว “เรื่องแบบนี้ถ้าพูดออกมาแล้ว คนที่ต้องทนทุกข์ทรมานก็ไม่ใช่ซีเจ๋อของเราสักหน่อย! เธอแค่อาจจะโดนคนส่วนใหญ่เหน็บแนมชีวิตส่วนตัวก็แค่นั้น!”“จะมีผู้ชายที่ไหนล่ะ ที่จะสามารถกระโดดลงแม่น้ำเพื่อฆ่าตัวตายตามผู้หญิงบ้าง? ยังมีคนในเมืองปินไห่อีกมากที่เต็มใจจะแต่งงานกับเรา! ไม่ต้องพูดถึงเรื่องลูกคุณนายเฉินหรอกค่ะ!”“พอแล้ว พอแล้ว!” พ่อลู่หยุดภรรยาของเขา ก่อนมองไปที่เฉินลี้ซาน จากนั้นก็เอ่ยเสียงเข้ม “ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ พี่เฉินก็ควรดูแลเรื่องของคนที่บ้านไปก่อนนะ วันนี้ทางเราขอไม่ทานข้าวเย็นด้วยแล้วกัน”ประหนึ่งว่าออกคำสั่งไล่แขกให้กลับไป เฉินลี้ซานเองก็ไม่ได้รั้งอะไร ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงดึงตัวซู่หรูหลานและ
ฮั่วหยุนเซียวไม่รู้ว่าควรจะสงสารสาวน้อยตรงหน้าดี หรือควรจะภูมิใจในความหนักแน่นในสถานการณ์ที่อันตรายของเธอดีเขายกมือพร้อมขมวดคิ้ว “ฮานเฉิง จัดการให้เรียบร้อย”“ครับ บอส”ฮานเฉิงยกโทรศัพย์อยู่หลายสาย และแล้วนักข่าวที่สมควรจะอยู่ที่นี่ต่อ กลับแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็วเฉิงหยวนกระพริบตา “ทำไมพวกเขาไปกันหมดแล้วล่ะ?”เมื่อฝูงชนสลายตัว สายตาเฉินมู่ก็สะดุดเข้ากับรถเบนท์ลีย์หรูที่จอดอยู่ข้างทาง“ปีศาจร้ายปรากฎตัวแล้ว” เธอกล่าวเฉิงหยวนถือถุงขนมของตัวเองตามไปและถามต่อ “อะไรนะ?”เฉินมู่ช่วยถือของในมือเธอ แล้วพูดว่า “ฉันจะไปส่งเธอที่บ้านก่อนแล้วกัน”ใต้แสงแดดอบอุ่นในฤดูหนาว สองสาวพูดคุยถึงเรื่องในอนาคต และรถหรูระดับโลกอย่างเบนท์ลีย์คันนั้นก็ขับตามหลังมาอย่างช้า ๆฮานเฉิงถามอย่างสุขุม “บอสครับ พวกเราจะขับช้าขนาดนี้จริงเหรอครับ?”ฮั่วหยุนเซียวมองแผ่นหลังหญิงสาวตรงหน้าอย่างสนใจ แล้วพยักหน้า “ขับช้ากว่านี้”ฮานเฉิง “...”เมื่อเดินมาถึงใต้อาคาร เฉินมู่ก็พูดว่า “คุณไปเก็บของให้เรียบร้อยแล้วเราไปโรงพยาบาลกัน”เฉิงหยวนปัดมือไปมา “ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน พวกเขาแค่ขว้างปาผักมาขู่ฉัน
เธอลงจากรถแล้วเห็นเฉิงหยวนที่ถูกฝูงชนล้อมเอาไว้ เหมือนแมวที่กำลังตื่นตระหนกตกใจ และไม่มีที่ซ่อนตัวเธอวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไป แล้วดึงเฉิงหยวนเข้ามายังอ้อมอก พร้อมถามอย่างกังวลว่า “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”เมื่อเฉิงหยวนเห็นเฉินมู่ ก็ถึงกลับปล่อยโฮออกมาเธอยื่นมือไปปัดเศษผักบนตัวของเฉินมู่ออกให้ พร้อมส่ายหัว “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”เฉินมู่ประคองเธอให้ลุกขึ้น และแล้วไข่ไก่ฟองหนึ่งก็ลอยมา แต่เฉินมู่ยกมือขึ้นรับไว้ได้อย่างแม่นยํา“แกร๊ก” ไข่ไก่ในมือถูกบดขยี้จนแหลก และไข่ไก่เหลว ๆ ก็ไหลลงมาตามข้อมือของเธอ แววตาอันโหดเหี้ยมของเฉินมู่ทำให้ฝูงชนและนักข่าวต่างค่อย ๆ สงบลงเธอพูดกับหน้ากล้องที่ใกล้ที่สุด ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “จรรยาบรรณของนักข่าวคือการนำเสนอความเป็นจริง หวังว่าสื่อมวลชนทุกคนจะตระหนักข้อนี้ไว้หน่อย”พลันมีเสียงดังมาจากด้านหลัง “ความจริงก็คือเฉิงหยวนเป็นมือที่สาม! คนทั้งโลกต่างก็รู้เรื่องนี้!”“ใช่ ๆ คุณเป็นใคร! ทำไมถึงได้แก้ตัวแทนเฉิงหยวน!”เฉินมู่ตอบอย่างเยือกเย็น “เธอไม่ใช่มือที่สาม หวังว่าหลังจากวันที่ความจริงกระจ่างแล้ว ทุกคนในที่นี้ต้องขอโทษต่อการกระทำที่ทำต่อเฉิงหยวน”จ
เฉินมู่ซบอยู่ในอ้อมกอดลู่ซีเจ๋อพร้อมเช็ดน้ำตาด้วยท่าทีน้อยใจ “พี่คะ พี่เชื่อฉันสักครั้งเถอะ…”ลู่ซีเจ๋อหมดความอดทนกับเฉินมู่อย่างสิ้นเชิง เขาตะโกนอย่างเหลืออดว่า “ออกไป! ไสหัวออกไป!”เฉินมู่มองท่าทีที่ปวดใจของลู่ซีเจ๋อ แล้วถอนหายใจ “ลู่ซีเจ๋อ คุณ…”ลู่ซีเจ๋อมองหน้าเธอด้วยความโกรธเคืองเฉินมู่จึงได้เงียบลง พลางคิดว่าทำไมต้องปริปากพูดคำนี้ทั้ง ๆ ที่่ก่อนหน้านี้เธองัดหลักฐานเป็นร้อย ๆ อย่างเพื่อให้เห็นถึงจิตใจอันโหดเหี้ยมของเฉินชิงเสวี่ย แต่ลู่ซีเจ๋อก็มองไม่เห็นเธอจะเกลี้ยกล่อมเขาอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ แถมยังต้องถูกเฉินชิงเสวี่ยตอกกลับว่าเธออิจฉา“คุณคิดจะพูดอะไรอีก?” ลู่ซีเจ๋อมองเธอด้วยโกรธเคืองเฉินมู่ส่ายหัว “ไม่มีอะไรแล้ว แต่มีอะไรอยากจะบอกคู่หมั้นสุดที่รักของคุณหน่อย”เฉินชิงเสวี่ยมองเฉินมู่ด้วยสายตาที่หวาดกลัว “พี่มีอะไรอยากให้ฉันช่วยคะ...”เฉินมู่หัวเราะ แล้วพูดว่า “รบกวนเธอฝากบอกซุยซินยี่กับเฉินชิงโหรวด้วยนะ ว่าเฉิงหยวนจะกลับเข้าสู่วงการบันเทิงเร็ว ๆ นี้”เฉินชิงเสวี่ยจ้องมองเฉินมู่อย่างปวดใจ พลันเอ่ย “พี่คะ เฉิงหยวนเป็นมือที่สาม ทำไมพี่ยังจะคบหากับคนแบบนั้นอยู่อีก?”
แผลเป็นที่หน้าเกลียดน่ากลัวเหมือนตัวหนอนเกาะอยู่บนใบหน้า แถมยังมีรอยแดง ๆ อยู่รอบ ๆ เฉินชิงเสวี่ยถอนหายใจอย่างโล่งใจ แผลเป็นยังอยู่!ตอนที่กำลังลองชุดคราวก่อน เธอได้ข่าวว่าเฉินมู่กำลังรักษารอยแผลพวกนี้ มันทำเธอทุรนทุรายไปหลายวันเธอกลัวว่าเฉินมู่จะรักษาร่อยรอยแผลบนใบหน้าจนหายดี เพราะหากใบหน้านี้หายดีแล้ว มันจะกลับมาทำให้ชาวเมืองปินไห่ตกตะลึงอีกครั้ง เฉินชิงเสวี่ยหัวเราะอย่างโล่งใจ แถมยังเย้ยหยันเฉินมู่ต่อว่า “ได้ยินว่าเธอไปรักษาใบหน้า ทำไมยังเป็นแบบนี้อยู่ล่ะ?”เธอชี้ไปยังใบหน้าของเฉินมู่ พร้อมหัวเราะเยาะเย้ย “เธอดูไม่ออกเหรอว่ามันอาการหนักกว่าเมื่อก่อนอีกน่ะ?”“เฉินมู่ อย่าพยายามต่อไปเลย หน้าของเธอยังไงก็รักษาไม่หายหรอก เธอต้องแบกหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลแบบนี้ไปตลอดชีวิต เธอจะถูกผู้คนหัวเราะเยาะตลอดเวลา และถูกทอดทิ้งตลอดไป”เฉินมู่ง้างมือขึ้นแล้วกระแทกไปที่ใบหน้าของคนเจ็บอย่างแรง ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยหันไปตามเสียงดัง “เพี๊ยะ”เฉินชิงเสวี่ยโดนตบจนโกรธมาก เธอจ้องมองเฉินมู่ด้วยความเคียดแค้น “สมควร ใครให้เธออยู่เป็นหนามยอกอกในตระกูลเฉิน เธอควรตายไปพร้อมกับแม่ของเธอตั้งนานแล้ว!”
“นี่คุณ!” ลู่ซีเจ๋อถูกเฉินมู่ปั่นหัวจนออกอาการโกรธอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่ทั้งป่าเถื่อนและชั่วร้ายอย่างเธอมาก่อนเฉินชิงเสวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอีกครั้ง “ไม่เป็นไรหรอก พี่สาวก็แค่ล้อเล่น คุณไปเถอะ”เฉินชิงเสวี่ยออดอ้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอยากจะทานของหวานหน้าโรงพยาบาล ลู่ซีเจ๋อจึงได้แต่ทำตามคู่หมั้น แต่ก่อนเดินออกจากห้องก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่เฉินมู่อีกหนึ่งทีทันทีที่เขาเดินออกไป เฉินมู่ก็ขมวดคิ้วมองไปทางร่างบนเตียงอย่างเร็ว “เหลือเราแค่สองคนแล้ว มีอะไรอยากพูดไม่ใช่เหรอ?”ครั้งแรกเฉินลี่ซานสั่งให้เธอมาที่นี่ ครั้งที่สองลู่ซีเจ๋อก็พาเธอมาด้วยตัวเองอีกหนึ่งครั้ง เฉินชิงเสวี่ยเป็นคนวางแผนทั้งหมดให้เฉินมู่มาที่นี่ ไม่รู้ว่าเธอจะมีแผนการอะไรอีกเฉินชิงเสวี่ยเปลี่ยนสีหน้าในทันที ใบหน้าอ่อนหวานเมื่อสักครู่หายไปอย่างไร้ร่องรอยเธอมองหน้าเฉินมู่อย่างหงุดหงิด พร้อมพูดว่า “เธออย่ายุ่งเรื่องของตระกูลซุย!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนถามว่า “ทำไมเหรอ? ตระกูลซุยทำไมเหรอ?”เฉินชิงเสวี่ยพูดตรง ๆ ว่า “ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดี ตระกูลซุยกับตระกูลเราทำธุรกิจร่วมกันมา ถ้าเธอทำงานแต่งซินยี่
เฉินมู่ยักไหล่เล็กน้อย “ถึงฉันจะทำร้ายเธอจนตาย ฉันก็จะไม่รู้สึกผิด”ลู่ซีเจ๋อขมวดคิ้ว “เฉินมู่ คุณทำร้ายเสวี่ยเอ๋อถึงขั้นนั้น เธอยังไม่ถือโทษโกรธ แค่บอกให้คุณอย่าเข้าไปยุ่งกับตระกูลซุย แค่คุณไปเยี่ยมเธอบ้าง มันยากนักหรือไง?”เธอหัวเราะเยาะเล็กน้อย “แค่เธอบอกว่าไม่ถือโทษโกรธฉัน คุณก็เชื่อเหรอ? ลู่ซีเจ๋อ ฉันสงสัยจริง ๆ ว่าในสมองคุณมันมีรอยหยักบ้างไหม”ลู่ซีเจ๋ออึ้งไปสักพัก เขาไม่ใช่คนที่ทะเลาะวิวาทกับใครบ่อย ๆ ร่างสูงลากเฉินมู่ไปเรื่อย ๆ แล้วพูดว่า “ไปโรงพยาบาลกับผม!”ช่วงเวลาเลิกเรียนนักศึกษาทุกคนเดินลงจากอาคาร ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาตรงนั้น และแล้วทั้งสองก็เริ่มตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนเฉินมู่ไม่อยากตกเป็นประเด็นของคนทั้งมหาวิทยาลัยในวันพรุ่งนี้ จึงสะบัดมือออกอย่างจำใจและตอบว่า “ปล่อย ฉันเดินเองได้”ลู่ซีเจ๋อปล่อยมือเธอ เฉินหยวนจึงรีบวิ่งมาดึงแขนเฉินมู่ไว้ “ฉันไปเป็นเพื่อนนะ”เฉินมู่แตะมือเธอเบา ๆ “ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรหรอก เธอกลับหอพักไปก่อนเถอะ”เฉินหยวนพูดด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง “งั้นเธอต้องระวังตัวนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นต้องรีบโทรหาฉันนะ หรือไม่ก็… โทรหาตัวรวจเลย!”เฉินหยวนหัวเ
เช้าวันถัดมา เฉินมู่ไปมหาวิทยาลัยตามปกติเรื่องของเฉิงหยวนยังเป็นที่กล่าวถึงบนโลกโซเชียล ซุยซินยี่ยอมจ่ายให้กับคอมเมนท์พวกนี้ไม่น้อยเลยจริง ๆแต่เฉินมู่ยังต้องกลับไปเรียน ถึงแม้ว่าชาวเน็ตจะยังพากันด่าทอดาราในสังกัดของเธอก็ตามทันทีที่เดินเข้าห้องเรียน เฉินหยวนก็โบกมือเรียก “เฉินมู่ ฉันจองที่ตรงนี้ไว้ให้เธอ”เฉินมู่สาวเท้าเข้าไปพร้อมกระเป๋านักเรียน พลางเผยยิ้มกว้าง “ขอบคุณนะ”จางหยางที่นั่งโต๊ะด้านหน้าก็ยื่นกาแฟกับพร้อมแซนด์วิชให้ “อาหารเช้าของเธอ”เฉินมู่พูดด้วยความปลาบปลื้มใจ “ทำไมพวกเธอดีกับฉันจังเลย?”จางหยางส่ายหัวอย่างเคอะเขิน แล้วตอบว่า “แต่ก่อนฉันไม่ค่อยเป็นมิตรกับเธอ เพราะฉะนั้นตอนนี้ฉันจะแก้ตัว” ตั้งแต่ที่เธอทำให้ผู้คนเกิดความประทับใจในคืนงานเลี้ยงปีใหม่ ทุกคนในชั้นเรียนก็หันมาดีกับเธอเฉินหยวนรีบวิ่งเข้ามาซุบซิบ “เธอเห็นหรือยังว่าข่าวเฉิงหยวนในเน็ตกลับมาฉาวอีกแล้วนะ?”เฉินมู่รับอาหารเข้ากัดไปหนึ่งคำ ก่อนพยักหน้าตอบ “เห็นแล้ว”เฉินหยวนรีบโต้ตอบทันที “เฉินมู่ ฉันเห็นเธอสนิทกับหล่อน หล่อนไม่ใช่คนดีนะ!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนตอบว่า “หล่อนเป็นคนดีมาก แล้วต่อไปเธอจะรู้เอง
แค่คําเดียว ทำให้มุมปากของฮั่วหยุนเซียวกระตุกยกโค้งราวไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มไว้ได้เขาแตะมือไปที่ใบหน้าของเฉินมู่ พลางเรียกอย่างอ่อนโยนว่า “มู่มู่”เฉินมู่ลุกขึ้นนั่งอย่างสะลึมสะลือ แล้วถาม “คุณกลับมาแล้วเหรอคะ ตอนนี้กี่โมงแล้ว แล้วคุณทานข้าวหรือยัง?”แม้ว่าเธอไม่ได้งดงามเหมือนเหล่าคนมีชื่อเสียง แต่ก็แฝงด้วยความอ่อนหวานอยู่บ้างฮั่วหยุนเซียวไม่เคยรู้สึกว่า คําว่าเฉินมู่คํานี้จะอบอุ่นและน่าหลงใหลเช่นนี้มาก่อนหญิงสาวที่เขาสนใจนอนอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีกำลังงัวเงียผมเผ้ายุ่งเหยิงสามคำถามต่อเนื่องนั้นดึงเขาออกจากภวังค์และเข้าสู่ความเป็นจริง แต่เขาไม่มีทางเลือก และทำตามอย่างเต็มใจเฉินมู่อยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น ดวงตาค่อย ๆ ปิดลงอีกครั้ง ช่วงนี้เธอพักผ่อนไม่เพียงพอ ถ้าอยู่ในความสงบเมื่อไหร่เธอพร้อมจะหลับทันที“อืม…” จู่ ๆ ความเย็นก็เข้ามากระทบริมฝีปาก สมองเฉินมู่รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันทีสมองของเธอเริ่มประมวลผล พลันฝืนลืมตาขึ้น และเลียริมฝีปากตามสัญชาตญาณเธอมองเข้าไปในสายตาลึกลับของชายตรงหน้า ก่อนถามอย่างงุนงงว่า “อะไรเหรอ?”ปลายลิ้นของฮั่วหยุนเซียวไล่เลียตรงริมฝีปากล่างของตน รา
เมื่อทุกคนออกไป เฉิงหยวนก็ยังคงเกาะแขนของเฉินมู่ด้วยร่างกายอันสั่นอยู่อย่างนั้นเฉินมู่แตะมือเธอ พร้อมปลอบใจว่า “ไม่เป็นไรนะ ฉันจะคอยปกป้องคุณเอง”เฉิงหยวนพยักหน้า “ฉันเชื่อคุณ แต่ฉันไม่เข้าใจ ทำไมคนร้ายแบบพวกนั้น ถึงได้กล้ากล่าวหาเหยื่อแบบนี้”ผู้อำนวยการหยางวิ่งเข้ามาถามอย่างรีบร้อน “ผู้อำนวยการเฉินบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ? ผมพยายามห้ามคุณหนูซุยแล้ว แต่…”เฉินมู่ปัดมือไปมา พลางบอก “ไม่เป็นไรค่ะ ผู้อำนวยการหยางไม่ต้องกังวล นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเรา”เธอมองร่องรอยความเสียหายของข้าวของบนพื้น แล้วพูดต่อ “พวกเธอทำอะไรเสียหายบ้าง ลิสต์ให้ฉันด้วยนะ”ผู้อำนวยการหยางรีบยกปัดไม้ปัดมือปฎิเสธอย่างเร็ว “ไม่ได้ ๆ จะให้ผู้อำนวยการเฉินชดใช้ได้อย่างไร?” เฉินมู่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ใครบอกว่าฉันจะเป็นคนชดใช้ค่าเสียหาย? คุณหยางจัดการลิสต์รายการของที่เสียหายมาก็พอค่ะ”ผู้อำนวยการหยางก็ไม่รู้ว่าเฉินมู่คิดจะมาไม้ไหน จึงทำได้เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้นเฉิงหยวนกระแอมเล็กน้อย แล้วถามด้วยความระมัดระวังว่า “คงไม่ใช่ให้ฉันชดใช้ค่าเสียหายหรอกนะ?”“หึหึ” เฉินมู่ยิ้ม “ไม่ใช่ คนที่ลงมือทำลายข้าวของต่าง