แม้ว่าคำพูดของเฉินมู่จะไม่ได้ฟังดูจริงจังมากมาย แต่มันกลับทำให้เฉินชิงเสวี่ยกรีดร้องอยู่ในใจได้ดวงตาของหล่อนเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ พลางมองไปที่ลู่ซีเจ๋ออย่างน่าสงสาร ซีเจ๋อ พี่เขายังคงไม่เต็มใจที่จะยอมรับ...เธอไม่มีวันยกโทษให้ฉัน…”ลู่ซีเจ๋อจ้องเฉินมู่อยู่พักหนึ่ง แล้วถามเสียงเข้ม “ที่คุณไม่อยากให้เราหมั้นกัน เพราะคุณยังมีผมอยู่ในใจใช่ไหม?”และด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาต้องการได้ยินคำว่า “ไม่อยาก” ออกจากปากของเฉินมู่แต่เฉินมู่ที่เห็นคุณนายลู่ยังนั่งอยู่ด้วย จึงไม่อยากพูดจาหยาบคายออกไป เธอเอ่ยเพียงแค่ว่า “คุณชายลู่ อย่าคิดเข้าข้างตัวเองฝ่ายเดียวเลย” “เฉินชิงเสวี่ยเต็มไปด้วยแผนการในใจ และกี่ครั้งแล้วเธอทำร้ายฉัน แต่คุณก็ยังยินดีที่จะแต่งงานกับเธอ ดังนั้นการหมั้นและการแต่งงานของคุณจึงไม่เกี่ยวข้องกับฉัน ฉันแค่...” เธอชี้แจงอยู่ตรงนี้ครู่หนึ่ง “ฉันแค่ไม่อยากให้เฉินชิงเสวี่ยได้แต่งงานสมดั่งใจหวัง ก็แค่นั้น”ราวกับคำพูดนั้นแทงใจเฉินชิงเสวี่ย หล่อนเอนตัวเข้าไปในอ้อมแขนของลู่ซีเจ๋อทันที พลันพูดด้วยความเสียใจ “ซีเจ๋อ ก็ฉันบอกไปแล้วว่าพี่สาวไม่เคยยกโทษให้ฉัน แถมเธอยังต้องการให้เราเลิกกันอีก…
“เสี่ยวมู่! รีบมาดูนี่เร็ว หนูคิดว่ามันดูดีไหม?” คุณนายลู่เรียกเธอเฉินมู่เดินไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเห็นคุณนายลู่ถือชุดสีฟ้าอยู่ในมือ ทว่ายังไม่ทันจะได้เอ่ยปาก เฉินชิงเสวี่ยก็พูดยกยออย่างกระตือรือร้น “มันดูดีมากเลยค่ะ!”“ผิวของคุณป้าขาว ยิ่งใส่สีฟ้าก็จะยิ่งขาวขึ้นไปอีกค่ะ ต้องสวยมากแน่ ๆ ค่ะ”คุณนายลู่มองไปที่เฉินมู่และถามอีกครั้ง “หนูคิดว่ายังไง เสี่ยวมู่?”เฉินมู่กระแอมไอ พลางเอ่ยตอบ “คุณป้าคะ งานหมั้นของลูกชายคนเดียวของคุณป้า ถือเป็นงานมงคลที่สำคัญนะคะ หนูคิดว่ามันน่าจะดีกว่าถ้าสวมชุดสีแดง”คุณนายลู่พยักหน้า “หนูพูดถูก”เฉินมู่เดินไปหยิบชุดกี่เพ้าสีแดงเข้มออกมา พร้อมถาม “ชุดนี้เป็นไงคะ? สีแดงเข้มดูไม่ฉูดฉาดเกินไป แต่ดูสง่างามค่ะ” “ไม่เลวนะ!” คุณนายลู่รับมาพร้อมรอยยิ้ม “ป้าจะไปใส่ลองดู”เมื่อคุณนายลู่เดินเข้าไปในห้องลองชุด ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าทันทีเธอมองไปที่เฉินมู่อย่างเชือดเฉือน “เธอใช้วิธีอะไร ทำไมท่านถึงพอใจไปซะทุกอย่าง? หรือท่านยังต้องการให้เธอแต่งงานกับซีเจ๋ออยู่?”เฉินมู่กระพริบตาสองสามที “เฉินชิงเสวี่ย ถ้าจะบ้าก็บ้าไปคนเดียวสิ ฉันพู
เมื่อเฉินชิงเสวี่ยลองชุดเสร็จก็เดินออกมา เธอเห็นคุณนายลู่และเฉินมู่นั่งด้วยกัน ส่วนลู่ซีเจ๋อก็นั่งอยู่ข้าง ๆ ราวกับครอบครัวที่เพรียบพร้อม เธอสัมผัสได้ถึงความหดหู่ในใจ และรู้สึกไม่ค่อยดีนัก เธอจึงตะโกนเบา ๆ “ซีเจ๋อ คุณดูสิว่าฉันสวมชุดนี้แล้วดูดีไหม?”ลู่ซีเจ๋อลืมตาขึ้นมองดู เฉินชิงเสวี่ยเป็นคนสวย มีรูปร่างดี และดูดีในทุก ๆ อย่างที่สวมใส่ เขาจึงเอ่ยชม “สวยมากครับ”เฉินชิงเสวี่ยขมวดคิ้ว เมื่อก่อนลู่ซีเจ๋อจะยกย่องชมเชยเธออย่างกระตือรือร้นมากกว่านี้ บางครั้งก็ยึดติดกับความสวยของเธอราวกลับลุ่มหลง แต่วันนี้กลับมีท่าทีที่เปลี่ยนไปเสียอย่างนั้น? เธอโน้มตัวไปข้างหน้าอีกครั้ง แล้วถามอีกครั้ง “ซีเจ๋อ มันดูดีจริง ๆ ใช่ไหม?”ลู่ซีเจ๋อพยักหน้า “จริง ๆ ครับ ผมพูดไปแล้วไม่ใช่เหรอ? มันดูดีมาก”เมื่อเห็นว่าลู่ซีเจ๋อยังคงเฉยเมย เฉินชิงเสวี่ยจึงทำได้เพียงหันไปหาคุณนายลู่ พลันเอ่ยถาม “คุณป้าคะ คุณป้าคิดว่ามันเหมาะกับหนูไหมคะ? เพราะนี่เป็นงานเลี้ยงการหมั้นหมาย หนูกลัวจะทำให้ทั้งสองตระกูลเสียหน้า”คุณนายลู่พยักหน้า “ในเมื่อซีเจ๋อบอกว่ามันดูดี งั้นก็เอาชุดนี้แล้วกันนะ” ที่เจ็บปวดมากกว่าคนอื่นไม่แยแส
เฉินมู่ยังไม่ทันจะโต้แย้ง ฮั่วหยุนเฉินก็จุ๊ปากอย่างชื่นชม จากนั้นก็เหลือบมองไปที่เฉินมู่ พลางเอ่ยตอบ “คุณ... เมื่อก่อนคงตาบอดสินะ!”เฉินมู่ “…”ฮั่วหยุนเฉินยิ้มเหยียด “คุณชายลู่ ไม่ต้องกังวลไปนะครับ ความสัมพันธ์ของผมกับเฉินมู่ไม่ใช่แบบที่คุณจินตนาการหรอกครับ แต่เธอ...” เขาไตร่ตรองคำพูดของตนเองอยู่ครู่หนึ่ง “เธอเป็นผู้หญิงที่ผมไม่อาจเอื้อมได้”เธอเป็นคนที่เขาไม่สามารถอาจเอื้อมถึงได้! นั่นก็เพราะว่าเธอคือพี่สะใภ้ในอนาคตของเขา! ถ้าเขากล้าที่จะคิด ฮั่วหยุนเซียวคงถล่มเขาภายในไม่กี่นาทีแน่! ลู่ซีเจ๋อตกตะลึง เฉินมู่...คาดไม่ถึงว่าฮั่วหยุนเฉินจะประจบสอพลอเธอขนาดนี้เลย?ฮั่วหยุนเฉินมองไปยังเฉินมู่ แล้วเอ่ยถาม “เสี่ยวมู่มู่ คุณซื้อของเสร็จหรือยัง ผมมีเรื่องบางอย่างจะบอกคุณ”เฉินมู่พยักหน้า “เสร็จแล้วค่ะ”ฮั่วหยุนเปิดประตูฝั่งด้านข้างที่นั่งคนขับ แล้วขอให้เฉินมู่เข้าไปในรถ เขาหันหลังกลับมาพูดเสริมอีกว่า “คุณชายลู่ต้องระวังคำพูดด้วยนะ ผมกับเฉินมู่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างชายหญิงแบบนั้น”ถ้าให้ลู่ซีเจ๋อพูดจามั่วซั่วแบบนี้ต่อไป จนเรื่องนี้ถึงหูของฮั่วหยุนเซียว เขาคงจะเป็นคนต่อไปท
เฉินมู่ตัดสินใจทันที “ไปที่บริษัทแบรนด์ฝั่งนั้นเพื่อดูสถานการณ์กันเถอะ”ฮั่วหยุนเฉินรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย “เสี่ยวมู่มู่ พี่ชายของผมบอกว่าจะแก้ปัญหานี้เอง อย่างมากที่สุดก็แบนหวางหว่านรั่วออกจากวงการ คุณอย่าไปบุกน้ำลุยไฟออกตัวแทนเธอเลยนะ?”เฉินมู่ส่ายหัว และพูดอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ “ไม่ หวางหว่านรั่วยังคงเป็นศิลปินในสังกัดของซิงอวี่มีเดีย แค่เธอคนเดียวคงไม่สามารถทำให้คนอื่นมีปัญหาได้หรอก”“อีกทั้ง...” เธอหยุด แล้วเอ่ยต่อ “ฉันเป็นซีอีโอของซิงอวี่มีเดีย ถ้าฉันไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ ฉันอาจจะต้องคืนบริษัทกลับไปให้ฮั่วหยุนเซียวโดยตรง และถ้าฉันคงต้องลาออก ฉันก็ต้องกลับบ้านไปทะเลาะกับเฉินชิงเสวี่ยอีก” ฮั่วหยุนเฉินแย้งเธอไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงต้องไปส่งเธอที่บริษัทแบรนด์ชุดชั้นใน “ผมไม่สะดวกที่จะขึ้นไปกับคุณ แต่ผมจะรอที่ชั้นล่าง ถ้ามีเรื่องอะไรโทรมาหาผมได้”“โอเค” เฉินมู่ขึ้นไปชั้นบนอย่างรีบร้อน ในกองถ่ายดูวุ่นวายมาก เฉินมู่เดินเข้าไปดึงตัวพนักงานคนหนึ่งมาถามเรื่องราวทั้งหมด ปรากฎว่าแบรนด์ไม่พอใจรายละเอียดของโฆษณาที่ถ่ายทำเมื่อวาน วันนี้หวางหว่านรั่วจึงถูกขอให้กลับมาถ่ายทำอีกครั้ง เป็นผ
หวงโหย่วเฉวียนมองไปที่หวางหว่านรั่ว ดาราสาวจึงพูดอย่างมีปฏิภาณไหวพริบทันที “ต้องเป็นเธอแน่ ๆ เมื่อวานตอนอยู่ที่บ้านฉัน เธอก็ต้องการขโมยต่างหูของฉันด้วยสินะ ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนจนผู้น่าสงสารที่ไม่เคยเห็นโลกมาก่อน คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าขโมยของในที่สาธารณะแบบนี้!”ทั้งสองคนประสานเสียงกันเป็นปี่เป็นขลุ่ย และคุยกันเรื่องต่าง ๆ เป็นตุเป็นตะ ราวกับว่าเฉินมู่เป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยที่ยากจนจริง ๆ พวกเขาปั้นเรื่องว่าถ้าเธอเจอของดีอะไร เธอก็จะยัดใส่ไว้ในกระเป๋าตัวเองหวงโหย่วเฉวียนแสร้งตีหน้าเศร้า “ผู้อำนวยการหยาง คุณเห็นแล้วว่าเธอคือผู้ช่วยคนใหม่ของเรา แต่เราไม่รู้จริง ๆ ว่าเธอเป็นคนแบบนี้ เจ็บใจซะจริงเชียว!”“หว่านรั่วเธอเป็นดารา หาเงินได้แต่ละครั้งก็เยอะมาก เธอคงไม่ขโมยอะไรไปจริง ๆ หรอกครับ และแน่นอนว่าคนร้ายต้องเป็นผู้ช่วยคนนี้แน่ ๆ ฉันขอให้เธอส่งชุดชั้นในคืนมา และเพื่อเป็นการไถ่โทษ เราจะไม่รับค่าตอบแทนสำหรับการโฆษณาครั้งนี้ ฟังดูโอเคไหมครับ?” ผู้อำนวยการหยางฟังสิ่งที่สองคนนี้พูดและมองเฉินมู่อย่างสงสัย ก่อนจะเอ่ยถามว่า “เธอขโมยมันไปจริง ๆ เหรอ?” ทว่ายังไม่ทันจะเอ่ยปากพูด หวงโหย่วเฉวีย
เฉินมู่หยุดหายใจชั่วคราว พลางเอ่ยต่อ “ที่ประตูตู้รองเท้ามีช่องลับอยู่ ไปค้นหาให้ละเอียดที”เมื่อฮั่วหยุนเฉินได้ยินน้ำเสียงที่จริงจังของเฉินมู่ เขาก็รู้ได้เลยว่าแปดสิบเปอร์เซ็นตอนนี้พี่สะใภ้กำลังเจอปัญหา เขาจึงสั่งให้คนเข้าไปค้นหาชุดชั้นในทันทีทว่าก่อนที่เฉินมู่จะกดวางสาย หวางหว่านรั่วกลับวิ่งไปจับตัวเธอไว้ และตะโกนด่าดังลั่น “เธอกล้ามากนะ! นี่เธอคิดจะพิสูจน์อะไรห๊ะ?”เฉินมู่เบี่ยงตัวหลบไปด้านข้าง แต่โทรศัพท์กลับถูกหล่อนกระแทกใส่จนตกพื้นฮั่วหยุนเฉินได้ยินเสียงกระทบกระทั่ง เขาจึงรีบตะโกนเรียก “เสี่ยวมู่มู่? เฉินมู่? พี่สะใภ้?”พอเห็นว่าสายถูกตัดไป เขาก็โทรรายงานสถานการณ์ให้พี่ชายทราบทันทีหวางหว่านรั่วถูกหวงโหย่วเฉวียนลากตัวออกไป แต่หล่อนยังคงต่อสู้ดิ้นรนเพื่อพุ่งไปหาเฉินมู่ดาราสาวสะบัดมือไปมาอย่างหัวเสีย “เธอเป็นแค่ผู้ช่วย! เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครห๊ะ? กล้าดียังไงมาทำแบบนี้กับฉัน? ฉันจะคอยดูว่าหลังจากนี้เธอจะรอดไปได้ยังไง?”หวงโหย่วเฉวียนเองก็ด่าเฉินมู่อย่างดุดันเหมือนกัน “เธอบ้าไปแล้วเหรอ? เห็นชัดว่าเธอขโมยมัน แต่เธอยังกล้าสั่งให้คนไปค้นบ้านแบบนั้นอีก! ฉันสามารถฟ้องร้องคนที่เธ
เฉินมู่ยกมือขึ้นพลางขมวดคิ้ว “อย่าส่งเสียงดังไป อีกเดี๋ยวเธอก็รู้ว่าฉันเอาความมั่นใจมาจากไหน”ผู้อำนวยการหยางที่เฝ้าดูการต่อสู้ของคนในบ้านซิงอวี่มีเดีย เริ่มไม่พอใจกับเสียงโห่ร้องดังลั่นของดาราสาว เขาเอ่ยถามอย่างไม่พอใจ “สรุปแล้วบริษัทของพวกคุณมีปัญหาอะไรกัน? ใครกันที่ปกปิดความผิดของตัวเอง แล้วโยนความผิดให้ผู้อื่น?”หวงโหย่วเฉวียนคุกเข่าลงพร้อมเอ่ยขอร้อง “ไม่ใช่ ไม่ใช่ เรื่องนี้มันเป็นเพราะผู้ช่วยของหว่านรั่ว…”เฉินมู่หลับตาลงครู่หนึ่ง ก่อนเดินไปหาผู้อำนวยการหยาง “ผู้อำนวยการหยางค่ะ ขอเวลาให้ฉันอีกสักสองสามนาที แล้วเราจะได้รู้ว่าใครขโมยของไป และใครที่ปกปิดความผิดของตนเองแล้วโยนความผิดให้ผู้อื่น”“เมื่อความค้นพบจริงแล้ว ซิงอวี่มีเดียจะรับผิดชอบต่อเรื่องนี้เองค่ะ โปรดควางใจเถอะนะคะ เราจะไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบแน่นอน”ผู้อำนวยการหยางตกใจ เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ที่ไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่แรงผลักดันของเธอนั้นแข็งแกร่งกว่าหวงโหย่วเฉวียนเสียอีก!เขายืนคิดอยู่พักหนึ่ง แล้วจึงเอ่ย “ตกลง ฉันจะให้เวลาเธอ จะได้รู้ว่าเรื่องมันจะจบยังไง”เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการหยางวางใจเฉินมู่ หวางหว่านรั่วก็ยิ่ง
ฮั่วหยุนเซียวไม่รู้ว่าควรจะสงสารสาวน้อยตรงหน้าดี หรือควรจะภูมิใจในความหนักแน่นในสถานการณ์ที่อันตรายของเธอดีเขายกมือพร้อมขมวดคิ้ว “ฮานเฉิง จัดการให้เรียบร้อย”“ครับ บอส”ฮานเฉิงยกโทรศัพย์อยู่หลายสาย และแล้วนักข่าวที่สมควรจะอยู่ที่นี่ต่อ กลับแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็วเฉิงหยวนกระพริบตา “ทำไมพวกเขาไปกันหมดแล้วล่ะ?”เมื่อฝูงชนสลายตัว สายตาเฉินมู่ก็สะดุดเข้ากับรถเบนท์ลีย์หรูที่จอดอยู่ข้างทาง“ปีศาจร้ายปรากฎตัวแล้ว” เธอกล่าวเฉิงหยวนถือถุงขนมของตัวเองตามไปและถามต่อ “อะไรนะ?”เฉินมู่ช่วยถือของในมือเธอ แล้วพูดว่า “ฉันจะไปส่งเธอที่บ้านก่อนแล้วกัน”ใต้แสงแดดอบอุ่นในฤดูหนาว สองสาวพูดคุยถึงเรื่องในอนาคต และรถหรูระดับโลกอย่างเบนท์ลีย์คันนั้นก็ขับตามหลังมาอย่างช้า ๆฮานเฉิงถามอย่างสุขุม “บอสครับ พวกเราจะขับช้าขนาดนี้จริงเหรอครับ?”ฮั่วหยุนเซียวมองแผ่นหลังหญิงสาวตรงหน้าอย่างสนใจ แล้วพยักหน้า “ขับช้ากว่านี้”ฮานเฉิง “...”เมื่อเดินมาถึงใต้อาคาร เฉินมู่ก็พูดว่า “คุณไปเก็บของให้เรียบร้อยแล้วเราไปโรงพยาบาลกัน”เฉิงหยวนปัดมือไปมา “ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน พวกเขาแค่ขว้างปาผักมาขู่ฉัน
เธอลงจากรถแล้วเห็นเฉิงหยวนที่ถูกฝูงชนล้อมเอาไว้ เหมือนแมวที่กำลังตื่นตระหนกตกใจ และไม่มีที่ซ่อนตัวเธอวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไป แล้วดึงเฉิงหยวนเข้ามายังอ้อมอก พร้อมถามอย่างกังวลว่า “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”เมื่อเฉิงหยวนเห็นเฉินมู่ ก็ถึงกลับปล่อยโฮออกมาเธอยื่นมือไปปัดเศษผักบนตัวของเฉินมู่ออกให้ พร้อมส่ายหัว “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”เฉินมู่ประคองเธอให้ลุกขึ้น และแล้วไข่ไก่ฟองหนึ่งก็ลอยมา แต่เฉินมู่ยกมือขึ้นรับไว้ได้อย่างแม่นยํา“แกร๊ก” ไข่ไก่ในมือถูกบดขยี้จนแหลก และไข่ไก่เหลว ๆ ก็ไหลลงมาตามข้อมือของเธอ แววตาอันโหดเหี้ยมของเฉินมู่ทำให้ฝูงชนและนักข่าวต่างค่อย ๆ สงบลงเธอพูดกับหน้ากล้องที่ใกล้ที่สุด ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “จรรยาบรรณของนักข่าวคือการนำเสนอความเป็นจริง หวังว่าสื่อมวลชนทุกคนจะตระหนักข้อนี้ไว้หน่อย”พลันมีเสียงดังมาจากด้านหลัง “ความจริงก็คือเฉิงหยวนเป็นมือที่สาม! คนทั้งโลกต่างก็รู้เรื่องนี้!”“ใช่ ๆ คุณเป็นใคร! ทำไมถึงได้แก้ตัวแทนเฉิงหยวน!”เฉินมู่ตอบอย่างเยือกเย็น “เธอไม่ใช่มือที่สาม หวังว่าหลังจากวันที่ความจริงกระจ่างแล้ว ทุกคนในที่นี้ต้องขอโทษต่อการกระทำที่ทำต่อเฉิงหยวน”จ
เฉินมู่ซบอยู่ในอ้อมกอดลู่ซีเจ๋อพร้อมเช็ดน้ำตาด้วยท่าทีน้อยใจ “พี่คะ พี่เชื่อฉันสักครั้งเถอะ…”ลู่ซีเจ๋อหมดความอดทนกับเฉินมู่อย่างสิ้นเชิง เขาตะโกนอย่างเหลืออดว่า “ออกไป! ไสหัวออกไป!”เฉินมู่มองท่าทีที่ปวดใจของลู่ซีเจ๋อ แล้วถอนหายใจ “ลู่ซีเจ๋อ คุณ…”ลู่ซีเจ๋อมองหน้าเธอด้วยความโกรธเคืองเฉินมู่จึงได้เงียบลง พลางคิดว่าทำไมต้องปริปากพูดคำนี้ทั้ง ๆ ที่่ก่อนหน้านี้เธองัดหลักฐานเป็นร้อย ๆ อย่างเพื่อให้เห็นถึงจิตใจอันโหดเหี้ยมของเฉินชิงเสวี่ย แต่ลู่ซีเจ๋อก็มองไม่เห็นเธอจะเกลี้ยกล่อมเขาอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ แถมยังต้องถูกเฉินชิงเสวี่ยตอกกลับว่าเธออิจฉา“คุณคิดจะพูดอะไรอีก?” ลู่ซีเจ๋อมองเธอด้วยโกรธเคืองเฉินมู่ส่ายหัว “ไม่มีอะไรแล้ว แต่มีอะไรอยากจะบอกคู่หมั้นสุดที่รักของคุณหน่อย”เฉินชิงเสวี่ยมองเฉินมู่ด้วยสายตาที่หวาดกลัว “พี่มีอะไรอยากให้ฉันช่วยคะ...”เฉินมู่หัวเราะ แล้วพูดว่า “รบกวนเธอฝากบอกซุยซินยี่กับเฉินชิงโหรวด้วยนะ ว่าเฉิงหยวนจะกลับเข้าสู่วงการบันเทิงเร็ว ๆ นี้”เฉินชิงเสวี่ยจ้องมองเฉินมู่อย่างปวดใจ พลันเอ่ย “พี่คะ เฉิงหยวนเป็นมือที่สาม ทำไมพี่ยังจะคบหากับคนแบบนั้นอยู่อีก?”
แผลเป็นที่หน้าเกลียดน่ากลัวเหมือนตัวหนอนเกาะอยู่บนใบหน้า แถมยังมีรอยแดง ๆ อยู่รอบ ๆ เฉินชิงเสวี่ยถอนหายใจอย่างโล่งใจ แผลเป็นยังอยู่!ตอนที่กำลังลองชุดคราวก่อน เธอได้ข่าวว่าเฉินมู่กำลังรักษารอยแผลพวกนี้ มันทำเธอทุรนทุรายไปหลายวันเธอกลัวว่าเฉินมู่จะรักษาร่อยรอยแผลบนใบหน้าจนหายดี เพราะหากใบหน้านี้หายดีแล้ว มันจะกลับมาทำให้ชาวเมืองปินไห่ตกตะลึงอีกครั้ง เฉินชิงเสวี่ยหัวเราะอย่างโล่งใจ แถมยังเย้ยหยันเฉินมู่ต่อว่า “ได้ยินว่าเธอไปรักษาใบหน้า ทำไมยังเป็นแบบนี้อยู่ล่ะ?”เธอชี้ไปยังใบหน้าของเฉินมู่ พร้อมหัวเราะเยาะเย้ย “เธอดูไม่ออกเหรอว่ามันอาการหนักกว่าเมื่อก่อนอีกน่ะ?”“เฉินมู่ อย่าพยายามต่อไปเลย หน้าของเธอยังไงก็รักษาไม่หายหรอก เธอต้องแบกหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลแบบนี้ไปตลอดชีวิต เธอจะถูกผู้คนหัวเราะเยาะตลอดเวลา และถูกทอดทิ้งตลอดไป”เฉินมู่ง้างมือขึ้นแล้วกระแทกไปที่ใบหน้าของคนเจ็บอย่างแรง ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยหันไปตามเสียงดัง “เพี๊ยะ”เฉินชิงเสวี่ยโดนตบจนโกรธมาก เธอจ้องมองเฉินมู่ด้วยความเคียดแค้น “สมควร ใครให้เธออยู่เป็นหนามยอกอกในตระกูลเฉิน เธอควรตายไปพร้อมกับแม่ของเธอตั้งนานแล้ว!”
“นี่คุณ!” ลู่ซีเจ๋อถูกเฉินมู่ปั่นหัวจนออกอาการโกรธอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่ทั้งป่าเถื่อนและชั่วร้ายอย่างเธอมาก่อนเฉินชิงเสวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอีกครั้ง “ไม่เป็นไรหรอก พี่สาวก็แค่ล้อเล่น คุณไปเถอะ”เฉินชิงเสวี่ยออดอ้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอยากจะทานของหวานหน้าโรงพยาบาล ลู่ซีเจ๋อจึงได้แต่ทำตามคู่หมั้น แต่ก่อนเดินออกจากห้องก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่เฉินมู่อีกหนึ่งทีทันทีที่เขาเดินออกไป เฉินมู่ก็ขมวดคิ้วมองไปทางร่างบนเตียงอย่างเร็ว “เหลือเราแค่สองคนแล้ว มีอะไรอยากพูดไม่ใช่เหรอ?”ครั้งแรกเฉินลี่ซานสั่งให้เธอมาที่นี่ ครั้งที่สองลู่ซีเจ๋อก็พาเธอมาด้วยตัวเองอีกหนึ่งครั้ง เฉินชิงเสวี่ยเป็นคนวางแผนทั้งหมดให้เฉินมู่มาที่นี่ ไม่รู้ว่าเธอจะมีแผนการอะไรอีกเฉินชิงเสวี่ยเปลี่ยนสีหน้าในทันที ใบหน้าอ่อนหวานเมื่อสักครู่หายไปอย่างไร้ร่องรอยเธอมองหน้าเฉินมู่อย่างหงุดหงิด พร้อมพูดว่า “เธออย่ายุ่งเรื่องของตระกูลซุย!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนถามว่า “ทำไมเหรอ? ตระกูลซุยทำไมเหรอ?”เฉินชิงเสวี่ยพูดตรง ๆ ว่า “ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดี ตระกูลซุยกับตระกูลเราทำธุรกิจร่วมกันมา ถ้าเธอทำงานแต่งซินยี่
เฉินมู่ยักไหล่เล็กน้อย “ถึงฉันจะทำร้ายเธอจนตาย ฉันก็จะไม่รู้สึกผิด”ลู่ซีเจ๋อขมวดคิ้ว “เฉินมู่ คุณทำร้ายเสวี่ยเอ๋อถึงขั้นนั้น เธอยังไม่ถือโทษโกรธ แค่บอกให้คุณอย่าเข้าไปยุ่งกับตระกูลซุย แค่คุณไปเยี่ยมเธอบ้าง มันยากนักหรือไง?”เธอหัวเราะเยาะเล็กน้อย “แค่เธอบอกว่าไม่ถือโทษโกรธฉัน คุณก็เชื่อเหรอ? ลู่ซีเจ๋อ ฉันสงสัยจริง ๆ ว่าในสมองคุณมันมีรอยหยักบ้างไหม”ลู่ซีเจ๋ออึ้งไปสักพัก เขาไม่ใช่คนที่ทะเลาะวิวาทกับใครบ่อย ๆ ร่างสูงลากเฉินมู่ไปเรื่อย ๆ แล้วพูดว่า “ไปโรงพยาบาลกับผม!”ช่วงเวลาเลิกเรียนนักศึกษาทุกคนเดินลงจากอาคาร ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาตรงนั้น และแล้วทั้งสองก็เริ่มตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนเฉินมู่ไม่อยากตกเป็นประเด็นของคนทั้งมหาวิทยาลัยในวันพรุ่งนี้ จึงสะบัดมือออกอย่างจำใจและตอบว่า “ปล่อย ฉันเดินเองได้”ลู่ซีเจ๋อปล่อยมือเธอ เฉินหยวนจึงรีบวิ่งมาดึงแขนเฉินมู่ไว้ “ฉันไปเป็นเพื่อนนะ”เฉินมู่แตะมือเธอเบา ๆ “ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรหรอก เธอกลับหอพักไปก่อนเถอะ”เฉินหยวนพูดด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง “งั้นเธอต้องระวังตัวนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นต้องรีบโทรหาฉันนะ หรือไม่ก็… โทรหาตัวรวจเลย!”เฉินหยวนหัวเ
เช้าวันถัดมา เฉินมู่ไปมหาวิทยาลัยตามปกติเรื่องของเฉิงหยวนยังเป็นที่กล่าวถึงบนโลกโซเชียล ซุยซินยี่ยอมจ่ายให้กับคอมเมนท์พวกนี้ไม่น้อยเลยจริง ๆแต่เฉินมู่ยังต้องกลับไปเรียน ถึงแม้ว่าชาวเน็ตจะยังพากันด่าทอดาราในสังกัดของเธอก็ตามทันทีที่เดินเข้าห้องเรียน เฉินหยวนก็โบกมือเรียก “เฉินมู่ ฉันจองที่ตรงนี้ไว้ให้เธอ”เฉินมู่สาวเท้าเข้าไปพร้อมกระเป๋านักเรียน พลางเผยยิ้มกว้าง “ขอบคุณนะ”จางหยางที่นั่งโต๊ะด้านหน้าก็ยื่นกาแฟกับพร้อมแซนด์วิชให้ “อาหารเช้าของเธอ”เฉินมู่พูดด้วยความปลาบปลื้มใจ “ทำไมพวกเธอดีกับฉันจังเลย?”จางหยางส่ายหัวอย่างเคอะเขิน แล้วตอบว่า “แต่ก่อนฉันไม่ค่อยเป็นมิตรกับเธอ เพราะฉะนั้นตอนนี้ฉันจะแก้ตัว” ตั้งแต่ที่เธอทำให้ผู้คนเกิดความประทับใจในคืนงานเลี้ยงปีใหม่ ทุกคนในชั้นเรียนก็หันมาดีกับเธอเฉินหยวนรีบวิ่งเข้ามาซุบซิบ “เธอเห็นหรือยังว่าข่าวเฉิงหยวนในเน็ตกลับมาฉาวอีกแล้วนะ?”เฉินมู่รับอาหารเข้ากัดไปหนึ่งคำ ก่อนพยักหน้าตอบ “เห็นแล้ว”เฉินหยวนรีบโต้ตอบทันที “เฉินมู่ ฉันเห็นเธอสนิทกับหล่อน หล่อนไม่ใช่คนดีนะ!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนตอบว่า “หล่อนเป็นคนดีมาก แล้วต่อไปเธอจะรู้เอง
แค่คําเดียว ทำให้มุมปากของฮั่วหยุนเซียวกระตุกยกโค้งราวไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มไว้ได้เขาแตะมือไปที่ใบหน้าของเฉินมู่ พลางเรียกอย่างอ่อนโยนว่า “มู่มู่”เฉินมู่ลุกขึ้นนั่งอย่างสะลึมสะลือ แล้วถาม “คุณกลับมาแล้วเหรอคะ ตอนนี้กี่โมงแล้ว แล้วคุณทานข้าวหรือยัง?”แม้ว่าเธอไม่ได้งดงามเหมือนเหล่าคนมีชื่อเสียง แต่ก็แฝงด้วยความอ่อนหวานอยู่บ้างฮั่วหยุนเซียวไม่เคยรู้สึกว่า คําว่าเฉินมู่คํานี้จะอบอุ่นและน่าหลงใหลเช่นนี้มาก่อนหญิงสาวที่เขาสนใจนอนอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีกำลังงัวเงียผมเผ้ายุ่งเหยิงสามคำถามต่อเนื่องนั้นดึงเขาออกจากภวังค์และเข้าสู่ความเป็นจริง แต่เขาไม่มีทางเลือก และทำตามอย่างเต็มใจเฉินมู่อยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น ดวงตาค่อย ๆ ปิดลงอีกครั้ง ช่วงนี้เธอพักผ่อนไม่เพียงพอ ถ้าอยู่ในความสงบเมื่อไหร่เธอพร้อมจะหลับทันที“อืม…” จู่ ๆ ความเย็นก็เข้ามากระทบริมฝีปาก สมองเฉินมู่รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันทีสมองของเธอเริ่มประมวลผล พลันฝืนลืมตาขึ้น และเลียริมฝีปากตามสัญชาตญาณเธอมองเข้าไปในสายตาลึกลับของชายตรงหน้า ก่อนถามอย่างงุนงงว่า “อะไรเหรอ?”ปลายลิ้นของฮั่วหยุนเซียวไล่เลียตรงริมฝีปากล่างของตน รา
เมื่อทุกคนออกไป เฉิงหยวนก็ยังคงเกาะแขนของเฉินมู่ด้วยร่างกายอันสั่นอยู่อย่างนั้นเฉินมู่แตะมือเธอ พร้อมปลอบใจว่า “ไม่เป็นไรนะ ฉันจะคอยปกป้องคุณเอง”เฉิงหยวนพยักหน้า “ฉันเชื่อคุณ แต่ฉันไม่เข้าใจ ทำไมคนร้ายแบบพวกนั้น ถึงได้กล้ากล่าวหาเหยื่อแบบนี้”ผู้อำนวยการหยางวิ่งเข้ามาถามอย่างรีบร้อน “ผู้อำนวยการเฉินบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ? ผมพยายามห้ามคุณหนูซุยแล้ว แต่…”เฉินมู่ปัดมือไปมา พลางบอก “ไม่เป็นไรค่ะ ผู้อำนวยการหยางไม่ต้องกังวล นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเรา”เธอมองร่องรอยความเสียหายของข้าวของบนพื้น แล้วพูดต่อ “พวกเธอทำอะไรเสียหายบ้าง ลิสต์ให้ฉันด้วยนะ”ผู้อำนวยการหยางรีบยกปัดไม้ปัดมือปฎิเสธอย่างเร็ว “ไม่ได้ ๆ จะให้ผู้อำนวยการเฉินชดใช้ได้อย่างไร?” เฉินมู่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ใครบอกว่าฉันจะเป็นคนชดใช้ค่าเสียหาย? คุณหยางจัดการลิสต์รายการของที่เสียหายมาก็พอค่ะ”ผู้อำนวยการหยางก็ไม่รู้ว่าเฉินมู่คิดจะมาไม้ไหน จึงทำได้เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้นเฉิงหยวนกระแอมเล็กน้อย แล้วถามด้วยความระมัดระวังว่า “คงไม่ใช่ให้ฉันชดใช้ค่าเสียหายหรอกนะ?”“หึหึ” เฉินมู่ยิ้ม “ไม่ใช่ คนที่ลงมือทำลายข้าวของต่าง