ฮานเฉิงจึงรีบอุ้มถังอวี่ขึ้น แล้วพาไปยังรถที่จอดรออยู่ทันทีเฉินมู่กระพริบตาปริบ ๆ อย่างไร้เรี่ยวแรง “ทำไมคุณถึงทำให้เขาสลบล่ะ?”“เขากอดคุณ”คำพูดนั้นช่างกระชับรัดกุม ทว่าเต็มไปด้วยเหตุผลที่มีน้ำหนักเฉินมู่ยกยิ้มมุมปาก ร่างกายของเธออ่อนยวบและล้มลงในอ้อมกอดของฮั่วหยุนเซียว พลางบ่นงึมงำออกมา “ฮั่วหยุนเซียว ฉันปวดหัว...”ฮั่วหยุนเซียวอุ้มเธอขึ้นมา น้ำเสียงของเขาแข็งกร้าวราวกับเหล็ก “มันจะไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้ว”เขาอุ้มเฉินมู่ไปขึ้นรถจี๊ปคันแรก จากนั้นรถหลายคันที่อยู่ในความมืดก็แล่นออกจากค่ายอีกครั้ง พร้อมกับเสียงที่ดังสะเทือนเลื่อนลั่นอีกด้านหนึ่งบนภูเขาซีซานเฉินชิงเสวี่ยกำลังออดอ้อนลู่ซีเจ๋ออยู่ “ซีเจ๋อ ซีเจ๋อ คุณรีบดูดาวฝั่งโน้นสิคะ!”ลู่ซีเจ๋อกอดเฉินชิงเสวี่ยแล้วยิ้มอย่างรักใคร่ “สวยมากเลย แต่ว่าทำไมดึกขนาดนี้แล้วยังอยากดูดาวขึ้นมาล่ะ คุณไม่ง่วงเหรอ?”เฉินชิงเสวี่ยก้มศีรษะทำทีพูดเสียงแผ่ว “ฉันคิดว่าพี่เขาคงไม่อยากเห็นหน้าฉัน ก็เลย...”ลู่ซีเจ๋อมองไปยังใบหน้าเล็ก ๆ ที่น้อยอกน้อยใจของเฉินชิงเสวี่ยแล้วพูดอย่างปวดใจ “คุณจะไปสนใจเธอทำไม? เธอพาถังอวี่ไปที่ป่าจนได้รับบาดเจ็บ แถม
โรงพยาบาลอันเซิ่งเฉินมู่ขมวดคิ้ว พลางเปิดเปลือกตาขึ้นมองไปยังผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างเตียง แล้วกระแอมไอหนึ่งเสียงเพื่อเรียกเขา “ฮั่วหยุนเซียว...”ฮั่วหยุนเซียวรีบวางโน๊ตบุ๊คในมือแล้วหันหน้ามาทางเธอทันที “คุณตื่นแล้วเหรอ? ยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนอีกไหม?”เฉินมู่กระแอมอีกสองครั้ง “เจ็บคอมากเลย”ฮั่วหยุนเซียวเทน้ำส่งให้เธอ “โอวจินบอกว่าคุณสูดดมควันเข้าไปเยอะ มันเป็นเรื่องปกติที่จะเจ็บคอ ผ่านไปไม่กี่วันก็จะดีขึ้น”เฉินมู่กลืนน้ำลายหนึ่งอึก น้ำเสียงของเธอแหบแห้งอย่างกับกระดาษทราย เธอหยุดใช้เสียงไปสิบกว่าวิถึงได้อ้าปากถามต่อ “โอวจินกลับมาแล้วเหรอคะ?”ฮั่วหยุนเซียวพยักหน้า “กลับมาเมื่อคืนนี้”เฉินมู่ถามขึ้นอีกครั้ง “คุณมาที่แคมป์ได้ยังไงคะ?”“ผมได้รับข่าวมาว่าคุณจะไปตั้งแคมป์ ผมเลยให้ฮานเฉิงตรวจสอบสถานที่ตรงนั้น ที่นั่นเป็นพื้นที่โปรเจกต์ของตระกูลลู่ ผมรู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ ก็เลยขับรถออกไปดูให้แน่ใจ” พอฮั่วหยุนเซียวอธิบายจบ เสียงเข้มก็หยุดไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “ยังดีที่ผมมาทัน”เฉินมู่ยิ้มบาง “ฉันประมาทเอง คิดไม่ถึงว่าพวกนั้นจะเล่นแรงขนาดนี้”ฮั่วหยุนเซียวเอื้อมมือออกมาลูบหน้าผากของเธอช
ความจริงใบหน้าของเฉินมู่มันก็น่าเกลียดอยู่แล้ว ถ้าเผามันซ้ำอีกครั้ง ชาตินี้ก็ไม่ต้องเจอใครแล้ว!ถ้าอนุญาตให้ยัยนั่นเข้าร่วมงานเลี้ยงตอนนี้! มันก็เหมือนเปิดทางให้หล่อนได้โชว์ความอับอายของตัวเองออกมาไงล่ะ!อย่าว่าแต่เรื่องงานเลี้ยงเลย แปดสิบเปอร์เซ็นต์ตอนนี้เฉินมู่จะต้องอยู่ในห้องไอซียูแน่ ๆ!เฉินชิงเสวี่ยกระแอมไอแล้วทำทีถามอย่างเป็นห่วง “แล้วรุ่นพี่ถังอวี่ล่ะ? เขาเป็นอะไรไหม?”เถียนอวี๋ส่ายหน้า “น่าจะไม่เป็นไรนะ ฉันโทรไปถามพยาบาลที่โรงพยาบาลมาแล้ว ที่จริงรุ่นพี่ถังอวี่ก็เป็นคนดัง ถ้าเจ็บหนักถึงขั้นเข้าโรงพยาบาล น่าจะต้องมีใครสังเกตเห็นแล้วล่ะ”เฉินชิงเสวี่ยยิ้มกว้าง “งั้นเธอก็ไม่ต้องกังวลแล้ว เถียนอวี๋ อย่างน้อยตอนนี้พวกเราก็มั่นใจได้แล้วว่ารุ่นพี่ถังอวี่กับเฉินมู่ยังอยู่ดี วันหลังพวกเราก็ค่อยไปเช็คดูที่โรงพยาบาล เธอไม่ต้องกังวล...”เถียนอวี๋ลบภาพใบลาทิ้งไป พลันพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ใครจะไปสนใจนังเฉินมู่กัน! ถึงมันจะโดนเผาตาย ฉันก็ไม่สนใจหรอกนะ!”ไม่กี่วันต่อมา เฉินชิงเสวี่ยคอยหาโอกาสเข้าไปดูอาการบาดเจ็บของเฉินมู่ แต่ก็โดนคนของทางโรงพยาบาลขวางเอาไว้ตลอดเธอนั่งทอดถอนใจอยู่ในอพาร์
เฉินมู่ตั้งสติอย่างเร็ว พลันถาม “จริงเหรอคะ? คุณแน่ใจใช่ไหม?”โอวจินพยักหน้า “ผมยืนยันอย่างชัดเจนโดยไม่ต้องสงสัย! ผมศึกษาเปรียบเทียบแบบแผนการรักษาต่าง ๆ มาแล้ว และตัดสินใจที่จะใช้วิธีผ่าตัดส่องกล้อง และการใช้ยาก็จะต้องใช้อย่างละเอียดรอบคอบ ถ้าหากว่าผลออกมาดีล่ะก็ ไม่เกินหนึ่งเดือนก็จัดการปัญหาได้แล้ว!”เฉินมู่รู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย หลังจากนี้หนึ่งเดือน เธอจะได้กลับไปอยู่ในรูปลักษณ์เดิมของตัวเองอีกครั้ง ซึ่งนั่นอาจเป็นการเชื่อมต่อเดียวระหว่างตัวเธอกับฉินมู่ในอดีตโอวจินมองไปยังฮั่วหยุนเซียว พร้อมเผยยิ้มออกมา “บอสฮั่วคิดว่าไงบ้างครับ?”ดวงตาของฮั่วหยุนเซียวเข้มขึ้นและถามว่า “ได้ผลการรักษาที่เร็วขนาดนี้ มันจะมีผลข้างเคียงหรือเปล่า?”โอวจินนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “มี”ฮั่วหยุนเซียวขมวดคิ้ว “ผลข้างเคียงคืออะไร?”“ความเจ็บปวด” โอวจินมองไปยังเฉินมู่แวบหนึ่ง “นี่เป็นการรักษาที่สุดโต่ง ตัวยาจะเข้าไปในแผลโดยตรงในรูปแบบโมเลกุลขนาดเล็ก แล้วซ่อมแซมเซลล์ที่เสียหาย แต่ผิวของใบหน้าจะเป็นส่วนที่ค่อนข้างบอบบาง ดังนั้น...มันจะเจ็บปวดมาก”“ฉันทำได้!” เฉินมู่รีบพูดทันที “ฉันไม่กลัวเจ็บหรอก ฉั
ใบหน้าเล็กของเฉินมู่ขึ้นสีแดงระเรื่อ มันช่างน่ารักน่าเอ็นดู ทว่าโอวจินดันเปิดประตูเข้ามาเสียก่อน “งั้นก่อนการผ่าตัดก็ทำตามขั้นตอนแรกก่อน...แค่ก แค่ก! นี่ฉันเป็นส่วนเกินหรือเปล่าเนี่ย?”ฮั่วหยุนเซียวชำเลืองตามองเพื่อนสนิท “อืม นายเป็นส่วนเกินมาโดยตลอด”โอวจิน “...”แต่นี่เป็นห้องทำงานของเขานะ! ฮั่วหยุนเซียวจะข่มเหงกันจนเกินไปแล้ว!เฉินมู่ต้องเข้ารับการตรวจร่างกายก่อนเข้ารับการผ่าตัด ดังนั้นโอวจินจึงพาเฉินมู่เข้าไปในห้องตรวจ และปล่อยให้ฮั่วหยุนเซียวรออยู่ข้างนอกคนเดียวเฉินมู่นอนลงบนเตียง ก่อนทำเป็นถามอย่างไม่ใส่ใจ “ที่ต่างประเทศมีเคสผู้ป่วยร้ายแรงฉุกเฉินงั้นเหรอ? ถึงทำให้คุณต้องออกโรงเองขนาดนั้น?”โอวจินตรวจสอบใบหน้าของเฉินมู่อย่างตั้งใจ และพยักหน้าตอบ “มีปืน...มีคนไข้ที่ต้องไปช่วยให้พ้นขีดอันตราย ผมเลยต้องไปทำการผ่าตัดให้”เปลือกตาของเฉินมู่กระตุกเบา ๆ “แล้วช่วยได้หรือเปล่า?”โอวจินหน้าบาน “แน่นอนอยู่แล้วสิ! ผมออกโรงเองทั้งที มันไม่มีทางล้มเหลวหรอกน่า”เฉินมู่หลับตาลง พลางถอนหายใจออกมายาว ๆ “งั้นก็ดีแล้วล่ะ”อีกาเป็นเด็กสาวที่อายุน้อยกว่าเฉินมู่เพียงหนึ่งปี เธอไม่สมควรตายตั้ง
สองวันถัดมา ในที่สุดวันงานเลี้ยงของมหาวิทยาลัยปินไห่ก็มาถึงเฉินมู่นั่งอยู่หลังเวทีแล้วกวาดสายตามองโน้ตเพลงแวบหนึ่ง เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าตัวเองจะไม่มีปัญหาอะไร เธอแค่ใส่ใจเรื่องเปียโนก็พอแล้วทว่าจู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เฉินมู่มองสายเรียกเข้าด้วยหางตา และกดรับสายอย่างไม่สบอารมณ์ “อะไรอีกล่ะ! ถังอวี่!”หลายวันมานี้ที่เข้าโรงพยาบาล ถังอวี่ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณหมอไม่อนุญาตให้เขาออกไปเดินเล่นได้ เขาก็เลยโทรหาเฉินมู่ให้คุยเล่นเป็นเพื่อนเกือบทุกวันตอนเฉินมู่ยังอยู่ที่ห้องพักผู้ป่วย อีกฝ่ายก็ท้าประลองตั้งแต่เกมเดอะคิงออฟไฟเตอร์ เกมคอนทรา จนไปถึงเกมแอ็งกรีเบิดส์ หลังจากที่เธอเอาชนะถังอวี่ได้ทุกเกม แถมยังถูกบันทึกไว้ว่าเธอได้ทำลายสถิติเดิมของเขา ถังอวี่ที่โดนเอาชนะซ้ำ ๆ จนกระอักเลือดก็ตามตื๊อเธออย่างไม่รู้จักเบื่อหน่าย“เฉินมู่! เธออยู่ที่งานเลี้ยงงั้นเหรอ!” ถังอวี่ถามอย่างคึกคักร่าเริง “เธอรอสักพักค่อยขึ้นเวทีนะ ฉันติดสินบนกับคุณพยาบาลไว้แล้ว เดี๋ยวฉันจะไปเล่นเปียโนสี่ประสานกับเธอ! เธอจะได้มีชื่อเสียงในมหาวิทยาลัยปินไห่! รอฉันด้วย!”เฉินมู่วางสายแล้วนวดหว่างคิ้ว จู่ ๆ ถังอวี่ที่
“เงยหน้าขึ้น นับเมฆดำหากว่าเวทีมีเปียโนตัวหนึ่งผมจะร้องเพลงให้คุณฟังแม้ว่าฝนจะสาดลงมามากมาย...”เฉินมู่ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วรีบยกไวโอลินขึ้นบรรเลงทันที เปียโนที่อยู่ในมุมนั้นได้กลายเป็นของตกแต่งไปแล้วหญิงสาวผมยาวพลิ้วไสวยืนอยู่ที่มุมของเปียโน มือเรียวยกไวโอลินขึ้นเล่นอย่างสง่างาม เมื่อชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีขาวเดินขึ้นเวที ทั้งคู่ก็มองหน้า สบตา และยิ้มให้กัน“เพลงนี้ที่ร้องให้คุณนั้น ไม่ได้มีอะไรพิเศษมันเป็นแค่เพียงตัวแทน ที่ผมอยากทำให้คุณมีความสุขจะละลายธารน้ำแข็งเพื่อคุณ จะยอมเป็นแมลงเม่าบินเข้ากองไฟเพื่อคุณไม่มีเรื่องใดที่ไม่คุ้มค่า...”เพลงของเขามีความหมายที่ลึกซึ้ง อีกทั้งแววตาของเฉินมู่ก็บริสุทธิ์ สดใส และสว่างไสวถังอวี่เอื้อมมือออกมาลูบที่กลางศีรษะของเฉินมู่ แล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน ไม่นานเสียงกรี๊ดก็ดังลั่นออกมาจากผู้ชมด้านล่างเวที แต่เฉินมู่ยังจดจ่อกับการเล่นไวโอลิน เลยไม่ได้ขัดขืนอะไรผู้ชมด้านล่างเวทีเริ่มคึกคักและส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวแล้ว นี่คือถังอวี่นะ!เขาคือเจ้าชายขี่ม้าขาวในใจสาว ๆ ตั้งกี่คน! ขณะนี้เขาได้ปรากฏตัวในรูปแบบฮีโร่ที่ขึ้นเวทีไปช่วยสาวงาม เขาหล่อจ
เฉินชิงเสวี่ยเรียนเต้นตั้งแต่เด็ก ๆ พื้นฐานการเต้นย่อมแข็งแกร่งมากเป็นธรรมดา บวกกับชุดที่ลู่ซีเจ๋อมอบให้เธอชุดนี้ จึงได้รับเสียงกรี๊ดจากผู้ชมด้านล่างอย่างไม่ขาดสายพอเฉินชิงเสวี่ยแสดงจบก็โค้งคำนับอย่างสง่างามและลงจากเวที เธอมองไปยังปฏิกิริยาของผู้ชมด้วยความพึงพอใจ แม้เฉินมู่จะได้รับความช่วยเหลือจากถังอวี่ แต่คนที่จะทำให้ผู้ชมทั้งฮอลล์ตื่นตาตื่นใจที่สุดก็ต้องเป็นเธออยู่ดี!หลังจากงานเลี้ยงจบลง นักแสดงต่างขึ้นเวทีเพื่อทำการขอบคุณ ลู่ซีเจ๋อถือดอกกุหลาบเก้าสิบเก้าดอกส่งขึ้นไปบนเวทีในแง่ของรูปลักษณ์ ลู่ซีเจ๋อก็เป็นคนหล่อคนหนึ่ง ผู้คนต่างรู้กันดีว่า เฉินชิงเสวี่ยมีคู่หมั้นที่มาจากวงศ์ตระกูลที่มีชื่อเสียงและอำนาจล้นฟ้าตอนนี้ลูกเขยผู้ร่ำรวยกำลังยืนหอบดอกกุหลาบบลูโรสสีน้ำเงินเก้าสิบเก้าดอกอยู่บนเวที พร้อมพูดด้วยความรักอันลึกซึ้งว่า “เสวี่ยเอ๋อ นี่คือดอกกุหลาบที่ผมให้คนขนส่งมาจากต่างประเทศเป็นพิเศษ เพื่อฉลองให้กับความสำเร็จในการแสดงของคุณ”ผู้ชมต่างมองเฉินชิงเสวี่ยด้วยสายตาที่อิจฉา“ดอกกุหลาบบลูโรสสีน้ำเงิน! หรือพูดง่าย ๆ ก็คือกุหลาบที่นำเข้า!”“แค่ช่อดอกไม้แบบนี้ช่อเดียวก็หมดเงินนับพัน
ฮั่วหยุนเซียวไม่รู้ว่าควรจะสงสารสาวน้อยตรงหน้าดี หรือควรจะภูมิใจในความหนักแน่นในสถานการณ์ที่อันตรายของเธอดีเขายกมือพร้อมขมวดคิ้ว “ฮานเฉิง จัดการให้เรียบร้อย”“ครับ บอส”ฮานเฉิงยกโทรศัพย์อยู่หลายสาย และแล้วนักข่าวที่สมควรจะอยู่ที่นี่ต่อ กลับแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็วเฉิงหยวนกระพริบตา “ทำไมพวกเขาไปกันหมดแล้วล่ะ?”เมื่อฝูงชนสลายตัว สายตาเฉินมู่ก็สะดุดเข้ากับรถเบนท์ลีย์หรูที่จอดอยู่ข้างทาง“ปีศาจร้ายปรากฎตัวแล้ว” เธอกล่าวเฉิงหยวนถือถุงขนมของตัวเองตามไปและถามต่อ “อะไรนะ?”เฉินมู่ช่วยถือของในมือเธอ แล้วพูดว่า “ฉันจะไปส่งเธอที่บ้านก่อนแล้วกัน”ใต้แสงแดดอบอุ่นในฤดูหนาว สองสาวพูดคุยถึงเรื่องในอนาคต และรถหรูระดับโลกอย่างเบนท์ลีย์คันนั้นก็ขับตามหลังมาอย่างช้า ๆฮานเฉิงถามอย่างสุขุม “บอสครับ พวกเราจะขับช้าขนาดนี้จริงเหรอครับ?”ฮั่วหยุนเซียวมองแผ่นหลังหญิงสาวตรงหน้าอย่างสนใจ แล้วพยักหน้า “ขับช้ากว่านี้”ฮานเฉิง “...”เมื่อเดินมาถึงใต้อาคาร เฉินมู่ก็พูดว่า “คุณไปเก็บของให้เรียบร้อยแล้วเราไปโรงพยาบาลกัน”เฉิงหยวนปัดมือไปมา “ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน พวกเขาแค่ขว้างปาผักมาขู่ฉัน
เธอลงจากรถแล้วเห็นเฉิงหยวนที่ถูกฝูงชนล้อมเอาไว้ เหมือนแมวที่กำลังตื่นตระหนกตกใจ และไม่มีที่ซ่อนตัวเธอวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไป แล้วดึงเฉิงหยวนเข้ามายังอ้อมอก พร้อมถามอย่างกังวลว่า “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”เมื่อเฉิงหยวนเห็นเฉินมู่ ก็ถึงกลับปล่อยโฮออกมาเธอยื่นมือไปปัดเศษผักบนตัวของเฉินมู่ออกให้ พร้อมส่ายหัว “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”เฉินมู่ประคองเธอให้ลุกขึ้น และแล้วไข่ไก่ฟองหนึ่งก็ลอยมา แต่เฉินมู่ยกมือขึ้นรับไว้ได้อย่างแม่นยํา“แกร๊ก” ไข่ไก่ในมือถูกบดขยี้จนแหลก และไข่ไก่เหลว ๆ ก็ไหลลงมาตามข้อมือของเธอ แววตาอันโหดเหี้ยมของเฉินมู่ทำให้ฝูงชนและนักข่าวต่างค่อย ๆ สงบลงเธอพูดกับหน้ากล้องที่ใกล้ที่สุด ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “จรรยาบรรณของนักข่าวคือการนำเสนอความเป็นจริง หวังว่าสื่อมวลชนทุกคนจะตระหนักข้อนี้ไว้หน่อย”พลันมีเสียงดังมาจากด้านหลัง “ความจริงก็คือเฉิงหยวนเป็นมือที่สาม! คนทั้งโลกต่างก็รู้เรื่องนี้!”“ใช่ ๆ คุณเป็นใคร! ทำไมถึงได้แก้ตัวแทนเฉิงหยวน!”เฉินมู่ตอบอย่างเยือกเย็น “เธอไม่ใช่มือที่สาม หวังว่าหลังจากวันที่ความจริงกระจ่างแล้ว ทุกคนในที่นี้ต้องขอโทษต่อการกระทำที่ทำต่อเฉิงหยวน”จ
เฉินมู่ซบอยู่ในอ้อมกอดลู่ซีเจ๋อพร้อมเช็ดน้ำตาด้วยท่าทีน้อยใจ “พี่คะ พี่เชื่อฉันสักครั้งเถอะ…”ลู่ซีเจ๋อหมดความอดทนกับเฉินมู่อย่างสิ้นเชิง เขาตะโกนอย่างเหลืออดว่า “ออกไป! ไสหัวออกไป!”เฉินมู่มองท่าทีที่ปวดใจของลู่ซีเจ๋อ แล้วถอนหายใจ “ลู่ซีเจ๋อ คุณ…”ลู่ซีเจ๋อมองหน้าเธอด้วยความโกรธเคืองเฉินมู่จึงได้เงียบลง พลางคิดว่าทำไมต้องปริปากพูดคำนี้ทั้ง ๆ ที่่ก่อนหน้านี้เธองัดหลักฐานเป็นร้อย ๆ อย่างเพื่อให้เห็นถึงจิตใจอันโหดเหี้ยมของเฉินชิงเสวี่ย แต่ลู่ซีเจ๋อก็มองไม่เห็นเธอจะเกลี้ยกล่อมเขาอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ แถมยังต้องถูกเฉินชิงเสวี่ยตอกกลับว่าเธออิจฉา“คุณคิดจะพูดอะไรอีก?” ลู่ซีเจ๋อมองเธอด้วยโกรธเคืองเฉินมู่ส่ายหัว “ไม่มีอะไรแล้ว แต่มีอะไรอยากจะบอกคู่หมั้นสุดที่รักของคุณหน่อย”เฉินชิงเสวี่ยมองเฉินมู่ด้วยสายตาที่หวาดกลัว “พี่มีอะไรอยากให้ฉันช่วยคะ...”เฉินมู่หัวเราะ แล้วพูดว่า “รบกวนเธอฝากบอกซุยซินยี่กับเฉินชิงโหรวด้วยนะ ว่าเฉิงหยวนจะกลับเข้าสู่วงการบันเทิงเร็ว ๆ นี้”เฉินชิงเสวี่ยจ้องมองเฉินมู่อย่างปวดใจ พลันเอ่ย “พี่คะ เฉิงหยวนเป็นมือที่สาม ทำไมพี่ยังจะคบหากับคนแบบนั้นอยู่อีก?”
แผลเป็นที่หน้าเกลียดน่ากลัวเหมือนตัวหนอนเกาะอยู่บนใบหน้า แถมยังมีรอยแดง ๆ อยู่รอบ ๆ เฉินชิงเสวี่ยถอนหายใจอย่างโล่งใจ แผลเป็นยังอยู่!ตอนที่กำลังลองชุดคราวก่อน เธอได้ข่าวว่าเฉินมู่กำลังรักษารอยแผลพวกนี้ มันทำเธอทุรนทุรายไปหลายวันเธอกลัวว่าเฉินมู่จะรักษาร่อยรอยแผลบนใบหน้าจนหายดี เพราะหากใบหน้านี้หายดีแล้ว มันจะกลับมาทำให้ชาวเมืองปินไห่ตกตะลึงอีกครั้ง เฉินชิงเสวี่ยหัวเราะอย่างโล่งใจ แถมยังเย้ยหยันเฉินมู่ต่อว่า “ได้ยินว่าเธอไปรักษาใบหน้า ทำไมยังเป็นแบบนี้อยู่ล่ะ?”เธอชี้ไปยังใบหน้าของเฉินมู่ พร้อมหัวเราะเยาะเย้ย “เธอดูไม่ออกเหรอว่ามันอาการหนักกว่าเมื่อก่อนอีกน่ะ?”“เฉินมู่ อย่าพยายามต่อไปเลย หน้าของเธอยังไงก็รักษาไม่หายหรอก เธอต้องแบกหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลแบบนี้ไปตลอดชีวิต เธอจะถูกผู้คนหัวเราะเยาะตลอดเวลา และถูกทอดทิ้งตลอดไป”เฉินมู่ง้างมือขึ้นแล้วกระแทกไปที่ใบหน้าของคนเจ็บอย่างแรง ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยหันไปตามเสียงดัง “เพี๊ยะ”เฉินชิงเสวี่ยโดนตบจนโกรธมาก เธอจ้องมองเฉินมู่ด้วยความเคียดแค้น “สมควร ใครให้เธออยู่เป็นหนามยอกอกในตระกูลเฉิน เธอควรตายไปพร้อมกับแม่ของเธอตั้งนานแล้ว!”
“นี่คุณ!” ลู่ซีเจ๋อถูกเฉินมู่ปั่นหัวจนออกอาการโกรธอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่ทั้งป่าเถื่อนและชั่วร้ายอย่างเธอมาก่อนเฉินชิงเสวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอีกครั้ง “ไม่เป็นไรหรอก พี่สาวก็แค่ล้อเล่น คุณไปเถอะ”เฉินชิงเสวี่ยออดอ้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอยากจะทานของหวานหน้าโรงพยาบาล ลู่ซีเจ๋อจึงได้แต่ทำตามคู่หมั้น แต่ก่อนเดินออกจากห้องก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่เฉินมู่อีกหนึ่งทีทันทีที่เขาเดินออกไป เฉินมู่ก็ขมวดคิ้วมองไปทางร่างบนเตียงอย่างเร็ว “เหลือเราแค่สองคนแล้ว มีอะไรอยากพูดไม่ใช่เหรอ?”ครั้งแรกเฉินลี่ซานสั่งให้เธอมาที่นี่ ครั้งที่สองลู่ซีเจ๋อก็พาเธอมาด้วยตัวเองอีกหนึ่งครั้ง เฉินชิงเสวี่ยเป็นคนวางแผนทั้งหมดให้เฉินมู่มาที่นี่ ไม่รู้ว่าเธอจะมีแผนการอะไรอีกเฉินชิงเสวี่ยเปลี่ยนสีหน้าในทันที ใบหน้าอ่อนหวานเมื่อสักครู่หายไปอย่างไร้ร่องรอยเธอมองหน้าเฉินมู่อย่างหงุดหงิด พร้อมพูดว่า “เธออย่ายุ่งเรื่องของตระกูลซุย!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนถามว่า “ทำไมเหรอ? ตระกูลซุยทำไมเหรอ?”เฉินชิงเสวี่ยพูดตรง ๆ ว่า “ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดี ตระกูลซุยกับตระกูลเราทำธุรกิจร่วมกันมา ถ้าเธอทำงานแต่งซินยี่
เฉินมู่ยักไหล่เล็กน้อย “ถึงฉันจะทำร้ายเธอจนตาย ฉันก็จะไม่รู้สึกผิด”ลู่ซีเจ๋อขมวดคิ้ว “เฉินมู่ คุณทำร้ายเสวี่ยเอ๋อถึงขั้นนั้น เธอยังไม่ถือโทษโกรธ แค่บอกให้คุณอย่าเข้าไปยุ่งกับตระกูลซุย แค่คุณไปเยี่ยมเธอบ้าง มันยากนักหรือไง?”เธอหัวเราะเยาะเล็กน้อย “แค่เธอบอกว่าไม่ถือโทษโกรธฉัน คุณก็เชื่อเหรอ? ลู่ซีเจ๋อ ฉันสงสัยจริง ๆ ว่าในสมองคุณมันมีรอยหยักบ้างไหม”ลู่ซีเจ๋ออึ้งไปสักพัก เขาไม่ใช่คนที่ทะเลาะวิวาทกับใครบ่อย ๆ ร่างสูงลากเฉินมู่ไปเรื่อย ๆ แล้วพูดว่า “ไปโรงพยาบาลกับผม!”ช่วงเวลาเลิกเรียนนักศึกษาทุกคนเดินลงจากอาคาร ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาตรงนั้น และแล้วทั้งสองก็เริ่มตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนเฉินมู่ไม่อยากตกเป็นประเด็นของคนทั้งมหาวิทยาลัยในวันพรุ่งนี้ จึงสะบัดมือออกอย่างจำใจและตอบว่า “ปล่อย ฉันเดินเองได้”ลู่ซีเจ๋อปล่อยมือเธอ เฉินหยวนจึงรีบวิ่งมาดึงแขนเฉินมู่ไว้ “ฉันไปเป็นเพื่อนนะ”เฉินมู่แตะมือเธอเบา ๆ “ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรหรอก เธอกลับหอพักไปก่อนเถอะ”เฉินหยวนพูดด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง “งั้นเธอต้องระวังตัวนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นต้องรีบโทรหาฉันนะ หรือไม่ก็… โทรหาตัวรวจเลย!”เฉินหยวนหัวเ
เช้าวันถัดมา เฉินมู่ไปมหาวิทยาลัยตามปกติเรื่องของเฉิงหยวนยังเป็นที่กล่าวถึงบนโลกโซเชียล ซุยซินยี่ยอมจ่ายให้กับคอมเมนท์พวกนี้ไม่น้อยเลยจริง ๆแต่เฉินมู่ยังต้องกลับไปเรียน ถึงแม้ว่าชาวเน็ตจะยังพากันด่าทอดาราในสังกัดของเธอก็ตามทันทีที่เดินเข้าห้องเรียน เฉินหยวนก็โบกมือเรียก “เฉินมู่ ฉันจองที่ตรงนี้ไว้ให้เธอ”เฉินมู่สาวเท้าเข้าไปพร้อมกระเป๋านักเรียน พลางเผยยิ้มกว้าง “ขอบคุณนะ”จางหยางที่นั่งโต๊ะด้านหน้าก็ยื่นกาแฟกับพร้อมแซนด์วิชให้ “อาหารเช้าของเธอ”เฉินมู่พูดด้วยความปลาบปลื้มใจ “ทำไมพวกเธอดีกับฉันจังเลย?”จางหยางส่ายหัวอย่างเคอะเขิน แล้วตอบว่า “แต่ก่อนฉันไม่ค่อยเป็นมิตรกับเธอ เพราะฉะนั้นตอนนี้ฉันจะแก้ตัว” ตั้งแต่ที่เธอทำให้ผู้คนเกิดความประทับใจในคืนงานเลี้ยงปีใหม่ ทุกคนในชั้นเรียนก็หันมาดีกับเธอเฉินหยวนรีบวิ่งเข้ามาซุบซิบ “เธอเห็นหรือยังว่าข่าวเฉิงหยวนในเน็ตกลับมาฉาวอีกแล้วนะ?”เฉินมู่รับอาหารเข้ากัดไปหนึ่งคำ ก่อนพยักหน้าตอบ “เห็นแล้ว”เฉินหยวนรีบโต้ตอบทันที “เฉินมู่ ฉันเห็นเธอสนิทกับหล่อน หล่อนไม่ใช่คนดีนะ!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนตอบว่า “หล่อนเป็นคนดีมาก แล้วต่อไปเธอจะรู้เอง
แค่คําเดียว ทำให้มุมปากของฮั่วหยุนเซียวกระตุกยกโค้งราวไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มไว้ได้เขาแตะมือไปที่ใบหน้าของเฉินมู่ พลางเรียกอย่างอ่อนโยนว่า “มู่มู่”เฉินมู่ลุกขึ้นนั่งอย่างสะลึมสะลือ แล้วถาม “คุณกลับมาแล้วเหรอคะ ตอนนี้กี่โมงแล้ว แล้วคุณทานข้าวหรือยัง?”แม้ว่าเธอไม่ได้งดงามเหมือนเหล่าคนมีชื่อเสียง แต่ก็แฝงด้วยความอ่อนหวานอยู่บ้างฮั่วหยุนเซียวไม่เคยรู้สึกว่า คําว่าเฉินมู่คํานี้จะอบอุ่นและน่าหลงใหลเช่นนี้มาก่อนหญิงสาวที่เขาสนใจนอนอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีกำลังงัวเงียผมเผ้ายุ่งเหยิงสามคำถามต่อเนื่องนั้นดึงเขาออกจากภวังค์และเข้าสู่ความเป็นจริง แต่เขาไม่มีทางเลือก และทำตามอย่างเต็มใจเฉินมู่อยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น ดวงตาค่อย ๆ ปิดลงอีกครั้ง ช่วงนี้เธอพักผ่อนไม่เพียงพอ ถ้าอยู่ในความสงบเมื่อไหร่เธอพร้อมจะหลับทันที“อืม…” จู่ ๆ ความเย็นก็เข้ามากระทบริมฝีปาก สมองเฉินมู่รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันทีสมองของเธอเริ่มประมวลผล พลันฝืนลืมตาขึ้น และเลียริมฝีปากตามสัญชาตญาณเธอมองเข้าไปในสายตาลึกลับของชายตรงหน้า ก่อนถามอย่างงุนงงว่า “อะไรเหรอ?”ปลายลิ้นของฮั่วหยุนเซียวไล่เลียตรงริมฝีปากล่างของตน รา
เมื่อทุกคนออกไป เฉิงหยวนก็ยังคงเกาะแขนของเฉินมู่ด้วยร่างกายอันสั่นอยู่อย่างนั้นเฉินมู่แตะมือเธอ พร้อมปลอบใจว่า “ไม่เป็นไรนะ ฉันจะคอยปกป้องคุณเอง”เฉิงหยวนพยักหน้า “ฉันเชื่อคุณ แต่ฉันไม่เข้าใจ ทำไมคนร้ายแบบพวกนั้น ถึงได้กล้ากล่าวหาเหยื่อแบบนี้”ผู้อำนวยการหยางวิ่งเข้ามาถามอย่างรีบร้อน “ผู้อำนวยการเฉินบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ? ผมพยายามห้ามคุณหนูซุยแล้ว แต่…”เฉินมู่ปัดมือไปมา พลางบอก “ไม่เป็นไรค่ะ ผู้อำนวยการหยางไม่ต้องกังวล นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเรา”เธอมองร่องรอยความเสียหายของข้าวของบนพื้น แล้วพูดต่อ “พวกเธอทำอะไรเสียหายบ้าง ลิสต์ให้ฉันด้วยนะ”ผู้อำนวยการหยางรีบยกปัดไม้ปัดมือปฎิเสธอย่างเร็ว “ไม่ได้ ๆ จะให้ผู้อำนวยการเฉินชดใช้ได้อย่างไร?” เฉินมู่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ใครบอกว่าฉันจะเป็นคนชดใช้ค่าเสียหาย? คุณหยางจัดการลิสต์รายการของที่เสียหายมาก็พอค่ะ”ผู้อำนวยการหยางก็ไม่รู้ว่าเฉินมู่คิดจะมาไม้ไหน จึงทำได้เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้นเฉิงหยวนกระแอมเล็กน้อย แล้วถามด้วยความระมัดระวังว่า “คงไม่ใช่ให้ฉันชดใช้ค่าเสียหายหรอกนะ?”“หึหึ” เฉินมู่ยิ้ม “ไม่ใช่ คนที่ลงมือทำลายข้าวของต่าง