เฉินมู่เคาะโต๊ะ พลางเบือนหน้ามองไปยังดวงตาที่โกรธเคืองของเถียนอวี๋ จากนั้นก็ขบริมฝีปากของตนเอง และพูดว่า “ไม่ต้องหรอกคะ ฉันขออยู่ที่นี่ดีกว่า”“โอเคครับ งั้นผมกลับก่อนนะ แล้วเจอกันครับ” ฮานเฉิงกล่าวอำลาเฉินมู่อย่างเคารพ แล้วเดินออกจากหอพักไป ทันทีที่ฮานเฉิงจากไป คนอื่น ๆ ที่มุ่งดูเหตุการณ์เมื่อครู่ก็มารวมตัวกันทันที สาว ๆ ต่างจ้องดูกองเอกสารบนโต๊ะและซุบซิบไม่หยุด “เฉินมู่ เธอเป็นสมาชิกของเซียวเซียงซวนจริง ๆ เหรอ! ฉันไม่เคยเห็นเมนูผลิตภัณฑ์ใหม่นี้มาก่อนเลย! แล้วนี่ก็เป็นการ์ดขอโทษจริง ๆ เธอค่อนข้างมีสถานะทางสังคมที่ดีเลยนะเนี่ย!”เฉินมู่ไม่ตอบ แต่เดิมเธอโกรธเพราะเค้กที่ฮั่วหยุนเซียวมอบให้ถูกทำลายแต่ตอนนี้บิลของร้านเซียวเซียงซวนได้เปลี่ยนแปลงทัศนคติของเพื่อนร่วมห้องเธออย่างมาก และเธอก็ไม่แพ้ อย่างไรก็ตาม เธอสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ของตัวเองต่อไปได้ โดยการใช้ชีวิตในหอพักอย่างเงียบ ๆ อย่างที่หวังไว้ แต่ทว่าเถียนอวี๋คงไม่คิดแบบนั้น เธอจ้องมองไปที่เพื่อนร่วมห้องของตัวเอง จากนั้นก็จ้องไปที่เฉินมู่ เธออยากเห็นภาพแบบนี้เสียที่ไหนกันล่ะ เฉินมู่ทำให้เธอละอายใจ! อีกทั้งยังอายเรื่องรุ่นพี่ถัง
เฉินมู่มองไปที่เฉินชิงเสวี่ยซึ่งนั่งอยู่ตรงกลางโซฟา ใบหน้างดงามนั่นเหยียดยิ้มให้เฉินมู่เฉินมู่รู้ว่านี่ไม่ใช่งานปาร์ตี้ธรรมดา แต่เป็นเฉินชิงเสวี่ยที่จัดงานเลี้ยงอันยิ่งใหญ่ขึ้นเพื่อลอบกัดเธอ! ครอบครัวของเถียนอวี๋เป็นเพียงชนชั้นกลางธรรมดา ไม่สามารถจัดงานเลี้ยงใหญ่ขนาดนี้ได้ แต่เฉินชิงเสวี่ยทำได้ หากเฉินชิงเสวี่ยไม่อยู่ที่นั่น เถียนอวี๋จะไม่กล้าท้าทายเฉินมู่ในที่สาธารณะเช่นนี้เฉินมู่ยิ้มแล้วถามกลับ “เฉินชิงเสวี่ย พูดมาสิ เมื่อไหร่จะปล่อยเฉินหยวนไป”เฉินชิงเสวี่ยยืดผมของตนเองให้ตรง พลางเอ่ย “ใครคือเฉินหยวนเหรอ ฉันไม่รู้จัก แล้วฉันจะปล่อยหล่อนไปได้ยังไงล่ะ?”เฉินหยวนบีบมือเฉินมู่ในทันที “เฉินมู่! เรารีบไปกันเถอะ! อย่าเอาชีวิตเธอมาแลกกับฉันเลย!"เฉินมู่ยิ้มตอบ “เมื่อกี้ยังกลัวจนตัวสั่นไม่ใช่เหรอ?”เฉินหยวนกัดฟันแน่น “ใช่ ตอนนี้ฉันกลัวมาก! แต่ฉันทิ้งเธอไว้ที่นี่คนเดียวไม่ได้หรอก!”เฉินมู่ใช้บีบมือเพื่อนกลับอย่างปลอบโยน “ไม่ต้องกังวลนะ มันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น”ทันทีที่เสียงเงียบไป เถียนอวี๋ก็โยนถ้วยลูกเต๋าออกมา “หยุดพูดเรื่องไร้สาระ มาเริ่มกันเถอะ ต้องดื่มให้หมดแก้ว ใครอ้วกก่อนคนนั
ถังอวี่หยิบไวน์ที่อยู่ข้างหน้าขึ้นดื่มจนหมด จากนั้นก็ตะโกนเสียงดังออกมา “มาสู้กันอีกรอบ!”ในรอบนี้ ถังอวี่เต็มไปด้วยพลังอันแข็งแกร่ง เขาจะไม่ยอมให้เฉินมู่เรียกแต้มเจ็ดหกได้!ถังอวี่มองไปที่คะแนนลูกเต๋าของตัวเอง ใต้มือเขามีลูกเต๋าหกแต้มอยู่ลูกเดียว ดังนั้นเฉินมู่จะต้องแพ้แน่นอน! เขาเอนหลังพิงโซฟาอย่างมั่นใจแล้วเหยียดแขนออก ก่อนเชิดคางขึ้นพร้อมแสยะยิ้ม “เปิดสิ ฉันมีแค่หกลูกเดียวเท่านั้น”“ฉันรู้” เฉินมู่เปิดถ้วยด้วยใบหน้าที่สงบนิ่ง “ของฉันคือ เสือดาว”คำว่า “เสือดาว” นั้นหมายความว่า เมื่อแต้มของลูกเต๋าห้าลูกเท่ากันหมด ก็จะนับเป็นลูกเต๋าลูกที่หกได้ เช่น ถ้าลูกเต๋าทั้งห้าลูกออกหกแต้ม ก็ให้นับเป็นหกลูกหกแต้มอย่างไรก็ตาม โอกาสที่ลูกเต๋าทั้งห้าจะมีแต้มเท่ากันนั้นน้อยมาก ดังนั้นถังอวี่จึงมั่นใจว่าตัวเองจะชนะ! ทว่าเฉินมู่กลับทอยลูกเต๋าได้ห้าแต้มเท่ากันหมดจริง ๆ นิ้วเรียวยาวของเธอผลักลูกเต๋าไปข้างหน้า พลางเอ่ย “ฉันมีหก คุณมีหนึ่ง ถ้ารวมกันก็เจ็ดหกพอดี เชิญคุณดื่มให้กับความพ่ายแพ้เถอะนะ”ใบหน้าของถังอวี่ซีดเผือด ผู้ชมทุกคนต่างเงียบเสียง มีเพียงเสียงเพลงเท่านั้นที่ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง
“เฉินมู่! นั่นเธอจะทำอะไร!” เถียนอวี๋ตะโกนเสียงแข็ง “ปล่อยรุ่นพี่ถังอวี่เดี๋ยวนี้นะ”เฉินชิงเสวี่ยเองก็ตกใจเช่นกัน เธอพูดด้วยความตื่นตระหนก “เฉินมู่ มีอะไรก็พูดกันดี ๆ! อย่าใช้ความรุนแรงกันเลย เราแค่เชิญเธอมาเล่นเกมก็แค่นั้น อย่าโกรธไปเลยนะ?”ถังอวี่ที่ถูกกดแนบเบาะโซฟาต่อหน้าที่สาธารณชน รู้สึกเสียหน้าโดยสิ้นเชิง เขากัดฟันพูดอย่างฉุนเฉียว “เฉินมู่ แน่จริงก็ลองทำร้ายฉันสิ!”พลันขวดไวน์ก็เริ่มขยับเข้าไปใกล้ สัมผัสที่เย็นเฉียบกดลงที่ลำคอของถังอวี่ ร่างนั่นสั่นด้วยความกลัว จากนั้นก็ได้ยินเสียงที่เย็นชาและขมขื่นของเฉินมู่เอ่ยว่า “ถังอวี่ ความอดทนของฉันหมดแล้ว คิดว่าฉันเป็นคนทำให้คุณขายหน้าใช่ไหม?”“แต่ฉันจะบอกคุณให้ชัด ๆ นะ แค่คนระดับคุณ ฉันสามารถเอาชนะได้ทั้งคืนเลยด้วยซ้ำ คุณมันอ่อนเองแล้วยังจะโทษคนอื่น ไวน์ที่นี่เพิ่มได้ตลอด อยากจะลองดื่มทั้งคืนจนอ้วกแตกเลยไหมล่ะ!” “นี่เธอ!” ถังอวี่ตวาดลั่น เขาต้องการยืนขึ้นเพื่อตอบโต้ แต่ถูกมือของเฉินมู่กดไว้แน่น เลยไม่สามารถขยับตัวบนโซฟาได้บอดี้การ์ดที่อยู่ข้างหลังกลัวว่าขวดไวน์แตกในมือของเฉินมู่จะทำร้ายเจ้านายของตน จึงไม่กล้ากระทำการหุนหันพลันแล
ชายผู้นี้เปรียบเสมือนพระเจ้าที่มาปรากฏกายเคียงข้างเธอได้ทุกที่ทุกเวลาฮั่วหยุนเซียวเพียงตอบกลับว่า “อืม” คำเดียว เหมือนกับว่าบอกเป็นนัยยะ จากนั้นจึงถามต่อ “คุณดื่มไปหรือเปล่า?”เฉินมู่ส่ายหัว “ไม่! สักหยดก็ไม่ได้ดื่ม”“แล้วทะเลาะกับใครมาด้วยใช่ไหม?” ฮั่วหยุนเซียวถามอีกครั้ง ตั้งแต่ที่เฉินมู่ยอมรับว่าเธอเคยเรียนกังฟูมา ฮั่วหยุนเซียวก็สัมผัสได้เสมอว่าเธอมักจะเจอแต่เรื่องทะเลาะวิวาทเฉินมู่หดคอแล้วตอบกลับไป “ไม่...ไม่ใช่ มันไม่ใช่การทะเลาะ”ฮั่วหยุนเซียวพยักหน้า “งั้นก็ดี ถังอวี่น่ะ ยากที่จะรับมือใช่ไหม?”เฉินมู่ใช้มือถูหน้าตัวเอง และพยักหน้าอย่างดุเดือด “ใช่! จริง ๆ แล้วเขาเหมือนกับเด็กสามขวบ! ถ้าตัวเองไม่ชนะก็จะไม่มีความสุข อีกทั้งยังบังคับให้คนอื่นเล่นกับเขาจนกว่าเขาจะชนะ! แต่หมอนี่ดันมีชื่อเสียงและความนิยมล้นหลาม จะให้จัดการเลยก็ทำไม่ได้จริง ๆ!” ฮั่วหยุนเซียวยิ้มบาง “ผมเลยต้องมาแก้ปัญหานี้ไงล่ะ อีกอย่าง ผมมีอีกหนึ่งเรื่องที่ต้องบอกคุณด้วย”ฮั่วหยุนเซียวหยิบเอกสารยื่นให้เฉินมู่ “สัญญานายหน้าเดิมของถังอวี่มาจากหยุนซางฟิล์มแอนด์เทเลวิชั่น หากคุณต้องการเซ็นสัญญา ผมจะให้ปล่อยตัว
เฉินมู่ตกตะลึงอยู่นาน แล้วถามกลับ “คุณน่าจะโทรผิดนะคะ คุณเป็นใครคะ?”“ฉันไม่ได้โทรผิด! เธอ! เธอทำร้ายฉันเมื่อวานนี้! และตอนนี้ฉันต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแล้ว! เธอรีบมาที่โรงพยาบาลด่วนเลย! หรือต้องให้ฉันฟ้องเธอก่อนห๊ะ!” ชายคนนั้นพูดต่อเฉินมู่กระพริบตาปริบ ๆ “ถังอวี่เหรอ?”เฉินมู่แน่ใจว่า เมื่อวานนี้เธอไม่ได้ทำอะไรกระทบกระเทือนจิตใจของถังอวี่เลย ดังนั้นมือเรียวจึงวางโทรศัพท์ลง และทิ้งท้ายไว้หนึ่งประโยคก่อนกดวาง “ก็แล้วแต่ จะฟ้องก็ฟ้องเลย”ทว่าเสียงเรียกเข้ากลับดังขึ้นอีกครั้ง เฉินมู่จึงตอบกลับด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว “ถังอวี่! นี่คุณยังไม่จบอีกเหรอ คุณ…”“มาที่โรงพยาบาลเลย ไม่งั้นฉันจะฟ้องร้องเฉินหยวนแทน!” ถังอวี่พูด “ฉันรู้ว่าภูมิหลังครอบครัวของเฉินหยวนเป็นแค่ครอบครัวฐานะธรรมดา ๆ ดังนั้นถ้าฉันฟ้องร้องขึ้นมา ครอบครัวของหล่อนต้องลำบากแน่!”เฉินมู่มองไปยังรอยยิ้มอ่อนหวานของเฉินหยวนที่กำลังหยิบขนมปัง แล้วยื่นมาให้เฉินมู่ ริมฝีปากนั่นเผยรอยยิ้มบางเบา “ใครเหรอ? กินข้าวก่อนเถอะ มันเย็นหมดแล้ว”เมื่อตอนที่เธอยังเป็นนักฆ่า เธอเคยยืนหยัดช่วยเหลือเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ใสซื่อบริสุทธิ์ไว้ไ
ถังอวี่เหลือบมองเธอแวบหนึ่ง ความหงุดหงิดในดวงตาของหญิงสาวแสดงออกมาอย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ต้องการเล่นกับเขาถังอวี่จึงปล่อยจอยคุมเกมในมือแล้วนอนเหยียดขาตรงบนเตียง ไปดอลหนุ่มจัดวางท่าทางให้ดูองอาจ พลางกรอกตามองเพดานไปมา “น่าเบื่อ อุตส่าห์ตามหาความสนุกมานาน และเธอคือความสนุกเดียวที่ฉันหาเจอ”ใบหน้าของเฉินมู่คลายความหงุดหงิดลง ก่อนตอบ “ถังอวี่…ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำให้คุณมีความสุขหรอกนะ”ถังอวี่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ถ้าอย่างนั้นก็กลับไปเถอะ แต่เธอทำให้ฉันโกรธอยู่ เธอก็ต้องแบกรับความเสี่ยงเองนะ”คำพูดนั้นเป็นเสมือนภัยคุกคามแบบที่เฉินมู่กลัวน้อยที่สุดในชีวิต เนื่องจากอารมณ์ขึ้นลงของเด็กน้อยถังอวี่ ยิ่งเขาติดเธอมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีมากเท่านั้นเธอหันกลับและเดินออกจากวอร์ด พร้อมปิดประตูเสียงดังปังถังอวี่ตกใจตะโกนลั่น “ไปเลย ไปเลย ฉันไม่เซ็นให้หรอก!”ทว่าสองนาทีต่อมา ถังอวี่กลับพูดพึมพำราวกับสาปแช่ง “นังผู้หญิงบ้า! จะไปจริง ๆ เหรอ!"เขาลุกขึ้นจากเตียงเพื่อไล่ตามเธอออกไป แต่พอเปิดประตูวอร์ด ไอดอลหนุ่มจำต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นฮานเฉิงในชุดสูทสีดำและรองเท้าหนัง พร้อมถือถุงกระดาษส
นับตั้งแต่เฉินมู่ทำให้คนในสาขาเขียนบทและกำกับการแสดงภูมิใจ จางหยางก็ได้กลายเป็นแฟนคลับอันดับหนึ่งของเธอ และความชอบของเขามันก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆเฉินมู่พูดด้วยรอยยิ้ม “มันก็แค่การตั้งแคมป์ ฉันไปกับเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ๆ ได้ ไม่จำเป็นต้องเสียเงินเพิ่มหรอก”จางหยางถอนหายใจด้วยความโล่งอก “งั้นก็ดีเลย เราจะเดินทางตอนสี่โมงเย็นนะ รถบัสของผู้สนับสนุนจะจอดรออยู่ที่ประตูมหาวิทยาลัย ถ้าเธอเก็บของเสร็จแล้ว ฉันจะพาเธอไปที่นั่น”เฉินมู่ขอบคุณอย่างสุภาพ เธอกลับไปเก็บเสื้อผ้าที่หอพักและนำเสื้อคลุมมาเพิ่ม ทว่าหลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ละเอียด มือบางก็หยิบยาสำหรับใว้ใช้ในเหตุการณ์ฉุกเฉินใส่ลงกระเป๋าด้วย จากนั้นค่อยส่งข้อความบอกฮั่วหยุนเซียวว่า สองวันนี้เธอจะไม่ได้อยู่ที่มหาวิทยาลัย เพราะไม่อยากให้ฮั่วหยุนเซียวต้องรอเก้อเวลาสี่โมงเย็น เฉินหยวนก็เดินลงไปส่งเฉินมู่ จางหยางยืนรออยู่ที่ชั้นล่าง ทั้งสามคนพูดคุยและผลัดกันสอนวิธีเข้าแคมป์ให้เฉินมู่ “สถานที่ตั้งแคมป์อยู่แถบซีซาน คืนนี้บนภูเขาอากาศค่อนข้างเย็น ต้องนำเสื้อกันหนาวไปเยอะ ๆ หน่อย”“อีกอย่าง เธออย่าเดินไปไหนไปมั่วซั่วล่ะ ไม่งั้นตอนกลางคื
ฮั่วหยุนเซียวไม่รู้ว่าควรจะสงสารสาวน้อยตรงหน้าดี หรือควรจะภูมิใจในความหนักแน่นในสถานการณ์ที่อันตรายของเธอดีเขายกมือพร้อมขมวดคิ้ว “ฮานเฉิง จัดการให้เรียบร้อย”“ครับ บอส”ฮานเฉิงยกโทรศัพย์อยู่หลายสาย และแล้วนักข่าวที่สมควรจะอยู่ที่นี่ต่อ กลับแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็วเฉิงหยวนกระพริบตา “ทำไมพวกเขาไปกันหมดแล้วล่ะ?”เมื่อฝูงชนสลายตัว สายตาเฉินมู่ก็สะดุดเข้ากับรถเบนท์ลีย์หรูที่จอดอยู่ข้างทาง“ปีศาจร้ายปรากฎตัวแล้ว” เธอกล่าวเฉิงหยวนถือถุงขนมของตัวเองตามไปและถามต่อ “อะไรนะ?”เฉินมู่ช่วยถือของในมือเธอ แล้วพูดว่า “ฉันจะไปส่งเธอที่บ้านก่อนแล้วกัน”ใต้แสงแดดอบอุ่นในฤดูหนาว สองสาวพูดคุยถึงเรื่องในอนาคต และรถหรูระดับโลกอย่างเบนท์ลีย์คันนั้นก็ขับตามหลังมาอย่างช้า ๆฮานเฉิงถามอย่างสุขุม “บอสครับ พวกเราจะขับช้าขนาดนี้จริงเหรอครับ?”ฮั่วหยุนเซียวมองแผ่นหลังหญิงสาวตรงหน้าอย่างสนใจ แล้วพยักหน้า “ขับช้ากว่านี้”ฮานเฉิง “...”เมื่อเดินมาถึงใต้อาคาร เฉินมู่ก็พูดว่า “คุณไปเก็บของให้เรียบร้อยแล้วเราไปโรงพยาบาลกัน”เฉิงหยวนปัดมือไปมา “ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน พวกเขาแค่ขว้างปาผักมาขู่ฉัน
เธอลงจากรถแล้วเห็นเฉิงหยวนที่ถูกฝูงชนล้อมเอาไว้ เหมือนแมวที่กำลังตื่นตระหนกตกใจ และไม่มีที่ซ่อนตัวเธอวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไป แล้วดึงเฉิงหยวนเข้ามายังอ้อมอก พร้อมถามอย่างกังวลว่า “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”เมื่อเฉิงหยวนเห็นเฉินมู่ ก็ถึงกลับปล่อยโฮออกมาเธอยื่นมือไปปัดเศษผักบนตัวของเฉินมู่ออกให้ พร้อมส่ายหัว “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”เฉินมู่ประคองเธอให้ลุกขึ้น และแล้วไข่ไก่ฟองหนึ่งก็ลอยมา แต่เฉินมู่ยกมือขึ้นรับไว้ได้อย่างแม่นยํา“แกร๊ก” ไข่ไก่ในมือถูกบดขยี้จนแหลก และไข่ไก่เหลว ๆ ก็ไหลลงมาตามข้อมือของเธอ แววตาอันโหดเหี้ยมของเฉินมู่ทำให้ฝูงชนและนักข่าวต่างค่อย ๆ สงบลงเธอพูดกับหน้ากล้องที่ใกล้ที่สุด ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “จรรยาบรรณของนักข่าวคือการนำเสนอความเป็นจริง หวังว่าสื่อมวลชนทุกคนจะตระหนักข้อนี้ไว้หน่อย”พลันมีเสียงดังมาจากด้านหลัง “ความจริงก็คือเฉิงหยวนเป็นมือที่สาม! คนทั้งโลกต่างก็รู้เรื่องนี้!”“ใช่ ๆ คุณเป็นใคร! ทำไมถึงได้แก้ตัวแทนเฉิงหยวน!”เฉินมู่ตอบอย่างเยือกเย็น “เธอไม่ใช่มือที่สาม หวังว่าหลังจากวันที่ความจริงกระจ่างแล้ว ทุกคนในที่นี้ต้องขอโทษต่อการกระทำที่ทำต่อเฉิงหยวน”จ
เฉินมู่ซบอยู่ในอ้อมกอดลู่ซีเจ๋อพร้อมเช็ดน้ำตาด้วยท่าทีน้อยใจ “พี่คะ พี่เชื่อฉันสักครั้งเถอะ…”ลู่ซีเจ๋อหมดความอดทนกับเฉินมู่อย่างสิ้นเชิง เขาตะโกนอย่างเหลืออดว่า “ออกไป! ไสหัวออกไป!”เฉินมู่มองท่าทีที่ปวดใจของลู่ซีเจ๋อ แล้วถอนหายใจ “ลู่ซีเจ๋อ คุณ…”ลู่ซีเจ๋อมองหน้าเธอด้วยความโกรธเคืองเฉินมู่จึงได้เงียบลง พลางคิดว่าทำไมต้องปริปากพูดคำนี้ทั้ง ๆ ที่่ก่อนหน้านี้เธองัดหลักฐานเป็นร้อย ๆ อย่างเพื่อให้เห็นถึงจิตใจอันโหดเหี้ยมของเฉินชิงเสวี่ย แต่ลู่ซีเจ๋อก็มองไม่เห็นเธอจะเกลี้ยกล่อมเขาอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ แถมยังต้องถูกเฉินชิงเสวี่ยตอกกลับว่าเธออิจฉา“คุณคิดจะพูดอะไรอีก?” ลู่ซีเจ๋อมองเธอด้วยโกรธเคืองเฉินมู่ส่ายหัว “ไม่มีอะไรแล้ว แต่มีอะไรอยากจะบอกคู่หมั้นสุดที่รักของคุณหน่อย”เฉินชิงเสวี่ยมองเฉินมู่ด้วยสายตาที่หวาดกลัว “พี่มีอะไรอยากให้ฉันช่วยคะ...”เฉินมู่หัวเราะ แล้วพูดว่า “รบกวนเธอฝากบอกซุยซินยี่กับเฉินชิงโหรวด้วยนะ ว่าเฉิงหยวนจะกลับเข้าสู่วงการบันเทิงเร็ว ๆ นี้”เฉินชิงเสวี่ยจ้องมองเฉินมู่อย่างปวดใจ พลันเอ่ย “พี่คะ เฉิงหยวนเป็นมือที่สาม ทำไมพี่ยังจะคบหากับคนแบบนั้นอยู่อีก?”
แผลเป็นที่หน้าเกลียดน่ากลัวเหมือนตัวหนอนเกาะอยู่บนใบหน้า แถมยังมีรอยแดง ๆ อยู่รอบ ๆ เฉินชิงเสวี่ยถอนหายใจอย่างโล่งใจ แผลเป็นยังอยู่!ตอนที่กำลังลองชุดคราวก่อน เธอได้ข่าวว่าเฉินมู่กำลังรักษารอยแผลพวกนี้ มันทำเธอทุรนทุรายไปหลายวันเธอกลัวว่าเฉินมู่จะรักษาร่อยรอยแผลบนใบหน้าจนหายดี เพราะหากใบหน้านี้หายดีแล้ว มันจะกลับมาทำให้ชาวเมืองปินไห่ตกตะลึงอีกครั้ง เฉินชิงเสวี่ยหัวเราะอย่างโล่งใจ แถมยังเย้ยหยันเฉินมู่ต่อว่า “ได้ยินว่าเธอไปรักษาใบหน้า ทำไมยังเป็นแบบนี้อยู่ล่ะ?”เธอชี้ไปยังใบหน้าของเฉินมู่ พร้อมหัวเราะเยาะเย้ย “เธอดูไม่ออกเหรอว่ามันอาการหนักกว่าเมื่อก่อนอีกน่ะ?”“เฉินมู่ อย่าพยายามต่อไปเลย หน้าของเธอยังไงก็รักษาไม่หายหรอก เธอต้องแบกหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลแบบนี้ไปตลอดชีวิต เธอจะถูกผู้คนหัวเราะเยาะตลอดเวลา และถูกทอดทิ้งตลอดไป”เฉินมู่ง้างมือขึ้นแล้วกระแทกไปที่ใบหน้าของคนเจ็บอย่างแรง ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยหันไปตามเสียงดัง “เพี๊ยะ”เฉินชิงเสวี่ยโดนตบจนโกรธมาก เธอจ้องมองเฉินมู่ด้วยความเคียดแค้น “สมควร ใครให้เธออยู่เป็นหนามยอกอกในตระกูลเฉิน เธอควรตายไปพร้อมกับแม่ของเธอตั้งนานแล้ว!”
“นี่คุณ!” ลู่ซีเจ๋อถูกเฉินมู่ปั่นหัวจนออกอาการโกรธอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่ทั้งป่าเถื่อนและชั่วร้ายอย่างเธอมาก่อนเฉินชิงเสวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอีกครั้ง “ไม่เป็นไรหรอก พี่สาวก็แค่ล้อเล่น คุณไปเถอะ”เฉินชิงเสวี่ยออดอ้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอยากจะทานของหวานหน้าโรงพยาบาล ลู่ซีเจ๋อจึงได้แต่ทำตามคู่หมั้น แต่ก่อนเดินออกจากห้องก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่เฉินมู่อีกหนึ่งทีทันทีที่เขาเดินออกไป เฉินมู่ก็ขมวดคิ้วมองไปทางร่างบนเตียงอย่างเร็ว “เหลือเราแค่สองคนแล้ว มีอะไรอยากพูดไม่ใช่เหรอ?”ครั้งแรกเฉินลี่ซานสั่งให้เธอมาที่นี่ ครั้งที่สองลู่ซีเจ๋อก็พาเธอมาด้วยตัวเองอีกหนึ่งครั้ง เฉินชิงเสวี่ยเป็นคนวางแผนทั้งหมดให้เฉินมู่มาที่นี่ ไม่รู้ว่าเธอจะมีแผนการอะไรอีกเฉินชิงเสวี่ยเปลี่ยนสีหน้าในทันที ใบหน้าอ่อนหวานเมื่อสักครู่หายไปอย่างไร้ร่องรอยเธอมองหน้าเฉินมู่อย่างหงุดหงิด พร้อมพูดว่า “เธออย่ายุ่งเรื่องของตระกูลซุย!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนถามว่า “ทำไมเหรอ? ตระกูลซุยทำไมเหรอ?”เฉินชิงเสวี่ยพูดตรง ๆ ว่า “ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดี ตระกูลซุยกับตระกูลเราทำธุรกิจร่วมกันมา ถ้าเธอทำงานแต่งซินยี่
เฉินมู่ยักไหล่เล็กน้อย “ถึงฉันจะทำร้ายเธอจนตาย ฉันก็จะไม่รู้สึกผิด”ลู่ซีเจ๋อขมวดคิ้ว “เฉินมู่ คุณทำร้ายเสวี่ยเอ๋อถึงขั้นนั้น เธอยังไม่ถือโทษโกรธ แค่บอกให้คุณอย่าเข้าไปยุ่งกับตระกูลซุย แค่คุณไปเยี่ยมเธอบ้าง มันยากนักหรือไง?”เธอหัวเราะเยาะเล็กน้อย “แค่เธอบอกว่าไม่ถือโทษโกรธฉัน คุณก็เชื่อเหรอ? ลู่ซีเจ๋อ ฉันสงสัยจริง ๆ ว่าในสมองคุณมันมีรอยหยักบ้างไหม”ลู่ซีเจ๋ออึ้งไปสักพัก เขาไม่ใช่คนที่ทะเลาะวิวาทกับใครบ่อย ๆ ร่างสูงลากเฉินมู่ไปเรื่อย ๆ แล้วพูดว่า “ไปโรงพยาบาลกับผม!”ช่วงเวลาเลิกเรียนนักศึกษาทุกคนเดินลงจากอาคาร ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาตรงนั้น และแล้วทั้งสองก็เริ่มตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนเฉินมู่ไม่อยากตกเป็นประเด็นของคนทั้งมหาวิทยาลัยในวันพรุ่งนี้ จึงสะบัดมือออกอย่างจำใจและตอบว่า “ปล่อย ฉันเดินเองได้”ลู่ซีเจ๋อปล่อยมือเธอ เฉินหยวนจึงรีบวิ่งมาดึงแขนเฉินมู่ไว้ “ฉันไปเป็นเพื่อนนะ”เฉินมู่แตะมือเธอเบา ๆ “ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรหรอก เธอกลับหอพักไปก่อนเถอะ”เฉินหยวนพูดด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง “งั้นเธอต้องระวังตัวนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นต้องรีบโทรหาฉันนะ หรือไม่ก็… โทรหาตัวรวจเลย!”เฉินหยวนหัวเ
เช้าวันถัดมา เฉินมู่ไปมหาวิทยาลัยตามปกติเรื่องของเฉิงหยวนยังเป็นที่กล่าวถึงบนโลกโซเชียล ซุยซินยี่ยอมจ่ายให้กับคอมเมนท์พวกนี้ไม่น้อยเลยจริง ๆแต่เฉินมู่ยังต้องกลับไปเรียน ถึงแม้ว่าชาวเน็ตจะยังพากันด่าทอดาราในสังกัดของเธอก็ตามทันทีที่เดินเข้าห้องเรียน เฉินหยวนก็โบกมือเรียก “เฉินมู่ ฉันจองที่ตรงนี้ไว้ให้เธอ”เฉินมู่สาวเท้าเข้าไปพร้อมกระเป๋านักเรียน พลางเผยยิ้มกว้าง “ขอบคุณนะ”จางหยางที่นั่งโต๊ะด้านหน้าก็ยื่นกาแฟกับพร้อมแซนด์วิชให้ “อาหารเช้าของเธอ”เฉินมู่พูดด้วยความปลาบปลื้มใจ “ทำไมพวกเธอดีกับฉันจังเลย?”จางหยางส่ายหัวอย่างเคอะเขิน แล้วตอบว่า “แต่ก่อนฉันไม่ค่อยเป็นมิตรกับเธอ เพราะฉะนั้นตอนนี้ฉันจะแก้ตัว” ตั้งแต่ที่เธอทำให้ผู้คนเกิดความประทับใจในคืนงานเลี้ยงปีใหม่ ทุกคนในชั้นเรียนก็หันมาดีกับเธอเฉินหยวนรีบวิ่งเข้ามาซุบซิบ “เธอเห็นหรือยังว่าข่าวเฉิงหยวนในเน็ตกลับมาฉาวอีกแล้วนะ?”เฉินมู่รับอาหารเข้ากัดไปหนึ่งคำ ก่อนพยักหน้าตอบ “เห็นแล้ว”เฉินหยวนรีบโต้ตอบทันที “เฉินมู่ ฉันเห็นเธอสนิทกับหล่อน หล่อนไม่ใช่คนดีนะ!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนตอบว่า “หล่อนเป็นคนดีมาก แล้วต่อไปเธอจะรู้เอง
แค่คําเดียว ทำให้มุมปากของฮั่วหยุนเซียวกระตุกยกโค้งราวไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มไว้ได้เขาแตะมือไปที่ใบหน้าของเฉินมู่ พลางเรียกอย่างอ่อนโยนว่า “มู่มู่”เฉินมู่ลุกขึ้นนั่งอย่างสะลึมสะลือ แล้วถาม “คุณกลับมาแล้วเหรอคะ ตอนนี้กี่โมงแล้ว แล้วคุณทานข้าวหรือยัง?”แม้ว่าเธอไม่ได้งดงามเหมือนเหล่าคนมีชื่อเสียง แต่ก็แฝงด้วยความอ่อนหวานอยู่บ้างฮั่วหยุนเซียวไม่เคยรู้สึกว่า คําว่าเฉินมู่คํานี้จะอบอุ่นและน่าหลงใหลเช่นนี้มาก่อนหญิงสาวที่เขาสนใจนอนอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีกำลังงัวเงียผมเผ้ายุ่งเหยิงสามคำถามต่อเนื่องนั้นดึงเขาออกจากภวังค์และเข้าสู่ความเป็นจริง แต่เขาไม่มีทางเลือก และทำตามอย่างเต็มใจเฉินมู่อยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น ดวงตาค่อย ๆ ปิดลงอีกครั้ง ช่วงนี้เธอพักผ่อนไม่เพียงพอ ถ้าอยู่ในความสงบเมื่อไหร่เธอพร้อมจะหลับทันที“อืม…” จู่ ๆ ความเย็นก็เข้ามากระทบริมฝีปาก สมองเฉินมู่รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันทีสมองของเธอเริ่มประมวลผล พลันฝืนลืมตาขึ้น และเลียริมฝีปากตามสัญชาตญาณเธอมองเข้าไปในสายตาลึกลับของชายตรงหน้า ก่อนถามอย่างงุนงงว่า “อะไรเหรอ?”ปลายลิ้นของฮั่วหยุนเซียวไล่เลียตรงริมฝีปากล่างของตน รา
เมื่อทุกคนออกไป เฉิงหยวนก็ยังคงเกาะแขนของเฉินมู่ด้วยร่างกายอันสั่นอยู่อย่างนั้นเฉินมู่แตะมือเธอ พร้อมปลอบใจว่า “ไม่เป็นไรนะ ฉันจะคอยปกป้องคุณเอง”เฉิงหยวนพยักหน้า “ฉันเชื่อคุณ แต่ฉันไม่เข้าใจ ทำไมคนร้ายแบบพวกนั้น ถึงได้กล้ากล่าวหาเหยื่อแบบนี้”ผู้อำนวยการหยางวิ่งเข้ามาถามอย่างรีบร้อน “ผู้อำนวยการเฉินบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ? ผมพยายามห้ามคุณหนูซุยแล้ว แต่…”เฉินมู่ปัดมือไปมา พลางบอก “ไม่เป็นไรค่ะ ผู้อำนวยการหยางไม่ต้องกังวล นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเรา”เธอมองร่องรอยความเสียหายของข้าวของบนพื้น แล้วพูดต่อ “พวกเธอทำอะไรเสียหายบ้าง ลิสต์ให้ฉันด้วยนะ”ผู้อำนวยการหยางรีบยกปัดไม้ปัดมือปฎิเสธอย่างเร็ว “ไม่ได้ ๆ จะให้ผู้อำนวยการเฉินชดใช้ได้อย่างไร?” เฉินมู่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ใครบอกว่าฉันจะเป็นคนชดใช้ค่าเสียหาย? คุณหยางจัดการลิสต์รายการของที่เสียหายมาก็พอค่ะ”ผู้อำนวยการหยางก็ไม่รู้ว่าเฉินมู่คิดจะมาไม้ไหน จึงทำได้เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้นเฉิงหยวนกระแอมเล็กน้อย แล้วถามด้วยความระมัดระวังว่า “คงไม่ใช่ให้ฉันชดใช้ค่าเสียหายหรอกนะ?”“หึหึ” เฉินมู่ยิ้ม “ไม่ใช่ คนที่ลงมือทำลายข้าวของต่าง