บ่วงกรรมที่เขาฆ่าพ่อฆ่าแม่หล่อนและทำลายหมู่บ้านโจรจนราบเป็นหน้ากลอง ทำให้นางโจรอย่างหล่อนสิ้นชื่อต้องเข้ามาอยู่ในสภาพแวดล้อมในชีวิตของเขา จำเป็นต้องปั้นหน้าปั้นตายอมตกเป็นเมียมันโดยไม่เต็มใจ ต้องทำตัวเหมือนรักคนที่เกลียดจนจับใจ และปรนนิบัติรับใช้มันทุกเมื่อเชื่อวันรู้ไหม... มันแค้นเหลือเกิน แค้นจนอยากจักฆ่าให้สิ้นเสียเดี๋ยวนั้นพระยาสิงขร... มิว่าจักในอดีตหรือปัจจุบัน เอ็งมันก็ระยำยิ่งนักตัดภาพมาที่อีกฝั่ง นางสาวบีแหงนหน้ามองเรือนไทยขนาดใหญ่โตที่ดูหรูหรา หากแต่กลับสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่างวนเวียนอยู่รอบๆ ราวกับคลื่นขมุกขมัวส่งกลิ่นเน่าเฟะลอยมาตามลม เรือนไทยหลังนี้ไม่ธรรมดาเอาเสียเลยเมื่อเข้ามาภายในหอกลางที่ถูกตบแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่น่าจะราคาแพงพอสมควร ก็ปรากฎร่างสะโอดสะองของหญิงวัยกลางคนดูงดงามและเยือกเย็นนั่งนั่งรวบมือรออยู่ที่ตั่งไม้สักใหญ่ กรอบภาพที่ทำจากทองด้านหลังคือภาพองค์ครุฑที่ดูขลังขับให้ท่านผู้หญิงดูน่าหวั่นเกรงไปอีกระดับ นางสาวบีคุกเข่าลงตรงหน้าหล่อน พร้อมกับหมอบกราบแนบปลายเท้างามเป็นพิธีทักทายอย่างที่เตี๊ยมกันมากับขุนแสนคำพอเงยหน้าขึ้นมา ก็พบกับเด็กหนุ่มหน
“ไม่มีอารมณ์อ่ะ อ้อนวอนหน่อยสิ” นางสาวบีไม่ใช่หญิงในครรลองคลองธรรมหรือยอมใครได้โดยง่าย เธอเป็นคนตรงไปตรงมา อะไรที่เอาคืนได้แม้เล็กน้อยก็จะทำ เป็นหญิงสาวที่แสบสันโดยธรรมชาติ“กงการกระไรที่จักต้องอ้อนวอนมึง เป็นหญิง มีหน้าที่ออดอ้อนบำเรอผัวก็พอ”ผัว! เต็มปากเต็มคำเลยเนอะแสดงว่าตอนนี้หื่นแบบอันลิมิต แอบกลัวแล้ว“แล้วกงการอะไรที่ฉันจะต้องยอมพี่ตลอดด้วยล่ะ?” หล่อนสู้ขาดใจ ถึงปกติเขาจะรุกหล่อนเองทุกที แต่ดูคราวนี้สายตานั่นบ่งบอกว่าอยากให้สาวเจ้าออนท็อปให้เต็มแก่ แต่ติดที่ทิฐินั้นสูงเสียดฟ้า ไม่อยากยอมรับว่าตัวเองอยากเป็นฝ่ายโดนรุกไล่บ้าง“ปรนเปรอกูซะ เดี๋ยวนี้” ขุนแสนคำไม่สนใจฟัง ออกคำสั่งอย่างเอาแต่ใจ“ไม่”“บำเรอกู”“อยากทำก็ทำเองไหม สมัยไหนแล้ว มาบังคับกันแบบนี้ฉันแจ้งตำรวจได้นะ ข้อหาบังคับข่มขู่หวังกระทำชำเรา รู้ไหมว่าถึงเป็นผัวเมียกัน ถ้าไม่สมัครใจก็เท่ากับข่มขืนนะจ๊ะ” คราวนี้ได้ทีสอนกฎหมายประเทศไทยยุค 4.0 เสียเลย ในยุคที่กฎมลเฑียรบาลในสมัยก่อนไม่มีกฎข้อไหนที่ถูกสร้างออกมาปกป้องเพศหญิง ก็ช่วงนี้มันยุคชายเป็นใหญ่นี่นา บางทีแค่เอาตัวรอดยังยากเลยด้วยซ้ำ เรื่องนี้รู้ดีแต่มันหมั่นไส้โว้ยน
“อื้อ... พี่แสน” เสียงครางฮือจากสาวเจ้าพร่ำเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงหวามหวานยังคงดังชิดกกหู ขุนแสนคำนั้นปลดผ้านุ่งออกพร้อมๆ กับเข็มขัดเงินแวววาว ปลดปล่อยความใหญ่โตที่ผงาดออกมานอกผืนผ้าอาจจะดูง่าย ดูร่านเหลือเกินที่ยอมเรียกชื่อตามที่อีกฝ่ายอ้อนขอโดยที่ลืมตัวไปว่าอีกฝ่ายเห็นหล่อนเป็นเพียงผลประโยชน์ หรือเรียกง่ายๆ ว่าทาสสวาทดีๆ เท่านั้นแต่เธอไม่ผิดสักหน่อยที่จะเผลอไผลยั่วเย้าเขาเพราะรสของตัณหาอย่างไรเราทั้งคู่ก็ไม่ได้เชื่อมใจถึงกันด้วยเรื่องราวดีๆ นอกจากเซ็กซ์และราคะอันร้อนแรงอยู่แล้วหล่อนรักสนุกไม่เน้นผูกพัน ส่วนเขาก็แค่เอาหล่อนไว้คลายใคร่กำหนัด แถมยังจ้องจะหาทางสับขาหลอกลงมือฆ่าร่างที่นางสาวบีสิงสู่อยู่ให้ตายไปแบบช้าๆ อีกด้วยอย่างไรโลกโน้นเธอก็ตายไปแล้วนี่ โลกนี้ไม่ต่างจากโลกหลังความตายหรือบ่วงกรรมที่ต้องมาตามชดใช้ เขาตาย เราก็ตาย เขาผี เราก็ผีผีมันไม่มีความรู้สึกหรอกไม่มีความรักกับใครที่นี่ที่เป็นเรื่องสุขนิยมทั้งนั้นสู้เอาด้านมืดทุกอย่างมาสาดใส่กันตรงๆ ไปเลยจะดีกว่า ฉีกอกพูดคุยกันไปเลยว่าแท้จริงแล้วมนุษย์เรามันเป็นอย่างไร มันมัวเมาไปด้วยกิเลสราคะ รสแห่งการเอาชนะ เกมที่เดิมพันด
“ถ้ามิใช่แล้วจักเป็นใครที่มีธุระกงการกับเรื่องนี้ได้... อ้อ หรือจักเป็นทองพินเจ้าคะ?”“อย่าละลาบละล้วงถึงนาง หล่อนรู้ดีว่าหล่อนแค่เพียงตบแต่งเพื่อมีลูกให้ฉันเท่านั้น มิว่าจักเป็นหล่อนหรือทองพิน”นั่นคือความคิดในใจของขุนแสนคำที่อยากพูดออกมาแทนใจท่านพระยา ก็เพราะเขาเผลอไปหลงรักเมียเอกที่จ้องจะฉีกอกกันทุกคราที่มีโอกาส ภายในบ้านของท่านมันถึงวุ่นวายได้ขนาดนี้ มีลูกลูกก็ไม่รัก เมียที่รักมากก็ไม่เคยรัก แบบนี้หนามยอกต้องเอาหนามเข้าบ่ง เป็นคติประจำใจของเขาถึงเขาจะทำแบบนั้นกับเรื่องของตนเองไม่ได้ก็ตามแม่เอื้องน้อยชะงักงันเมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าแดงก่ำอดกลั้นไม่ให้อารมณ์ระเบิดใส่สามีผู้ร้างรัก มันเต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ดวงตาสีฟ้าครามหม่นแสงลงทันที อีกฝ่ายนั้นไม่เคยไยดีหล่อน หล่อนย่อมรู้ดีที่สุด แต่ใจเจ้ากรรมมันดันลุ่มหลงเขาไปเสียแล้วแม้นกระทั่งยอมคลอดเด็กที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา จนลูกเกลียดหล่อนไปรักเอาแต่ทองพิน แค่นี้ยังมิพออีกหรือหล่อนเสียสละไม่มากพออีกหรือ“คุณพี่รู้ดีว่าฉันรอคุณพี่มาร่วมเตียงด้วยนานเพียงไร คุณพี่มิคิดแยแสฉัน มิต่างกระไรกับเจ้ามิ่ง เลือดเนื้อเชื้อไขที่มาจากฉ
หมับพลันนั้นพอนึกถึงดวงหน้าคมคายของพระยาสิงขรก่อนหน้าที่หลั่งน้ำตาราวกับจะแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ดวงตานั้นบ่งบอกว่าหลงรักปักใจกับนางบัวงามคนนี้จนถอนตัวไม่ขึ้น แต่ที่สุมไฟความแค้นก็เพราะสิ่งที่เมียตัวเองทำมันเกินให้อภัยน่าแปลกที่นางสาวบีเห็นภาพซ้อนทับใบหน้าของพระยาสิงขรที่ถูกแทนที่ด้วยขุนแสนคำที่กำลังร่ำไห้ ในตอนนั้นจึงเผลอใจตกเป็นของเขาท่ามกลางพายุฝนฟ้าคะนองที่โหมกระหน่ำแต่เมื่อเมฆครึ้มหายลับฟ้าไป ภาพตรงหน้ามีเพียงเขาที่ทิ้งให้หล่อนนอนเดียวดายอยู่บนฟูกเท่านั้รเธอไม่ได้มอบใจให้ขุนแสนคำเต็มร้อยเปอร์เซ็น แต่การที่นอนกับเขาหลายครั้ง มันก็ไม่แปลกที่จะมีความรู้สึกบางอย่างก่อเกิดขึ้นอยู่บ้างเล็กๆ น้อยๆแต่... ก็ตามนั้นล่ะนางสาวบีเป็นแค่หญิงงามเมืองให้เขาซื้อตัวจอง หน้าที่ในโลกนี้มีเพียงแค่นี้เธอไม่ควรมีความรู้สึกอะไรกับขุนแสนคำ อย่างไรก็ตายไปแล้วทั้งคู่ มันเป็นไปไม่ได้หรอก และถึงจะมีโอกาสเป็นไปได้สักสิบเปอร์เซ็นล่ะก็ เขาก็ไม่ใช่ของของเธออยู่ดีว่าแล้วก็ฉีกยิ้มต่อหน้ายิ่งยงที่ยืนจ้องมองเรือนร่างของหล่อนอย่างเปิดเผย ดวงตาของเขานั้นดูไร้พิษภัย หากแต่มองออกได้ง่ายดายเหลือเกินนะเด็กหนุ่มกับหญิ
“มีสิ นางผู้หญิงจอมเสแสร้ง”ในที่สุดเวลาที่รอคอยก็มาถึง สีหน้าของนางบัวงามดูกวนประสาทยิ่งกว่าเก่าในขณะที่หันกลับมาประจันหน้ากับอีกฝ่ายเต็มตัว พร้อมกับคลี่ยิ้มบางตอบรับคำพูดคำจาอันหยาบคายจากวัยรุ่นอโยธยาที่ดูเหมือนว่าจะลืมมารยาทเอาไว้ที่บ้าน“แล้วสรุปมีอะไรจ๊ะ เจ้ามิ่ง?”“อย่ามาเรียกฉันอย่างพี่ฉันเรียก หล่อนมิมีสิทธิ์นั้น” เด็กหนุ่มแทบจะเลือดขึ้นหน้าสุดขีดเมื่อนอกจากผู้หญิงคนนี้จะไม่ได้ให้ความสนใจกับคำดูหมิ่นของเขาแล้ว ยังเสนอหน้าย้อนถามกลับแล้วก็เรียกชื่อตามที่พี่ยิ่งยงเรียกบนโต๊ะอาหารอีก มันเป็นอะไรที่น่าอับอายอย่างยิ่ง “เรียกฉันว่าคุณมิ่ง”“แล้วเจ้ามิ่งเป็นใคร ทำไมถึงมาสั่งฉัน?” สาวเจ้าไม่ได้รู้สึกหวั่นเกรงจากบารมีลูกชายจากเมียคนที่สองเลยสักนิด กลับกันตอนนี้ฐานะของเธออาจไม่เทียบชั้นเพราะเป็นเมียคนที่สาม (ละมั้ง) แต่ในฐานะของความเป็นผู้ใหญ่ เธอจะแสดงให้เด็กคนนี้รู้ซึ้งว่าอย่ามาแหยมกับอดีตลูกสาวหมอผีชื่อดังที่ขึ้นชื่อเรื่องปากแซ่บจัดจ้านที่สุดในย่านเยาวราชคนนี้ “เจ้ามิ่งเป็นพ่อฉันรึ? หรือถือตัวเป็นลูกพระยาแล้วคิดจะสั่งอะไรผู้หญิงคนไหนก็ได้”“หล่อนคงมิรู้ว่าแม่ฉันเป็นใครถึงกล้าต่อฝีปาก
“หล่อนมันหญิงอวดดี ข้าล่ะเกลียดยิ่งนัก แถมยังไม่สวยเลยสักนิด” ปากว่าแบบนั้น พลันสะบัดหน้าเดินออกไปอย่างหุนหัน สายตาคนสวยที่จดจ้องมองแผ่นหลังกว้างนั้นมีแววหมั่นไส้ สุดท้ายก็ได้แค่นี้เองเหรอ?ฉันก็เกลียดเธอเหมือนกัน ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม!ต้องยอมรับว่าการตามมาหาเรื่องหาราวของมิ่งขวัญหลังช่วงมื้ออาหารกลางวันที่น่าจะจบลงไปแล้วนั้นส่งผลได้ดีกับผู้หญิงที่มีนิสัยใจร้อนจ้องแต่จะบวกลูกเดียวอย่างบีเป็นอย่างมาก เธอหมดอารมณ์จะเดินชมนกชมไม้เหมือนที่ตั้งใจเอาไว้ และเลือกที่จะเดินหน้าตึงวกกลับไปที่หอนอนของตน แต่ระหว่างทางก็เดินสวนกับร่างเพรียวระหงของใครบางคน“เอ้ะ! / เอ้ะ?” เสียงอุทานดังขึ้นพร้อมๆ กัน ดูเหมือนว่าเอื้องน้อยจะเพิ่งออกมาจากประตูหอนอนฝั่งเธอ ทำให้นางบัวงามขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความสงสัย“ขะ... ขอโทษจ้ะ ฉันเข้าหอนอนผิด” เป็นคำแก้ตัวที่ชวนให้สงสัยยิ่งกว่าเดิม สาวอยุธยานี่โกหกไม่เก่งกันเอาเสียเลย เอื้องน้อยหลบเลี่ยงสายตาหล่อนแสดงพิรุธออกมาอย่างชัดเจน ด้วยความที่เป็นผู้หญิงด้วยกันจึงมั่นใจในเซ้นส์ของผู้หญิงพอสมควร เธอสัมผัสได้ว่านางบัวงามไม่ธรรมดา แม้ว่าจะให้กลิ่นอายแตกต่างจากคุณหญิงทองพิ
คำเชิญชวนนั้นดูอันตรายราวกับแม่แมงมุมที่ชักใยรอให้เหยื่อไปติดกับ แต่คิดว่าในฐานะของแม่เอื้องน้อยในตอนนี้จะสามารถต่อกรกับผู้หญิงที่ไม่ว่าจะดูจากมุมไหนก็ไม่มีทางเข้ามาในรูปแบบที่เป็นมิตรเช่นนางบัวงามได้อย่างนั้นน่ะหรือ? หลังจากที่ถูกผู้หญิงคนนี้จับได้ว่าเธอเข้ามาในหอนอนฝั่งของเธอเพื่อที่จะลอบค้นข้าวของส่วนตัวน่ะนะ เป็นใครจะให้ไว้ใจได้ลงถ้าเป็นเมียรองบ้านอื่นน่าจะพอมีอำน่าจไปต่อกรกับอนุภรรยาที่อ่อนกว่าได้ แต่เอื้องน้อยไม่ได้อยู่ในสถานะที่เป็นต่อใครแบบนั้น“... ค่ะ”มีแต่ต้องยอมรับการเชื้อเชิญที่ดูยังไงก็คงจะลวงเข้าไปลงโทษกันได้โดยไม่มีข้อแม้เท่านั้นเองหากแต่เมื่อเดินเข้ามาด้านในหอนอนที่น่าจะเป็นฝั่งของคุณพี่แล้ว ดูเหมือนว่าผู้หญิงตรงหน้าจะต้อนรับขับสู้เธออย่างดี จากการส่งบ่าวให้เอาน้ำรองดอกมะลิมาให้ดื่มแก้กระหาย ไหนจะการชวนคุยอย่างเป็นธรรมชาติยกตัวอย่างเช่น...“จริงหรือเปล่าเจ้าคะที่คุณเอื้องเป็นแม่ของเจ้ามิ่งขวัญ?”“แค่กๆ” แม่เอื้องน้อยสำลักน้ำออกมา อีกฝ่ายทำเหมือนว่าไม่รู้อย่างนั้นล่ะ หรือจงใจจักค่อนขอดกันว่ามิ่งขวัญดูเหมือนลูกชายของคุณหญิงทองพินมากกว่า? “ใช่ค่ะ แต่ก็ไม่ได้ดูแลเลี้ย
หล่อนควรว่านอนสอนง่ายกับเขา จึงจะเหมาะเจาะที่สุด“เมื่อวานหล่อนยั่วยวนพี่ชายฉัน อย่าคิดว่ามิรู้มิเห็นเชียวล่ะ”“...”“ทำเอาตาเเก่นั่นโกรธเกรี้ยวเป็นฟืนไฟ ดูเหมือนจักประมาทพ่อฉันเกินไป หล่อนมิอาจล่วงรู้ว่าพ่อฉันทำอันใดได้บ้าง”“... คุณยอดหล้าเขาเป็นคนใจดี เเถมยังพึ่งพาได้อีกต่างหาก” เเต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้กระทบกระเทือนทางใจใดๆ เธออยากยอมรับด้วยซ้ำว่าเธอกำลังจะ ‘ยั่ว’ พี่ชายของเขา เพราะยังไงพี่ผีก็ไฟเขียวแล้วนี่ “หน้าตาก็ดี ยศศักดิ์ก็สูง หากจักมีใครตกบ่วงรักคุณเขา ก็ไม่น่าเเปลก”“เเต่หล่อนไม่มีสิทธิ์นั้น เพราะหล่อนเป็นเมียของพ่อฉัน! นั่นไม่ต่างกับมีศักดิ์เป็นเเม่อีกคนของไอ้… ยอดหล้า”“หากคนละสายเลือดเเล้ว ฉันไม่นับว่าเป็นญาติกันหรอก ดูพี่ชายเจ้ามิ่งเองก็สนใจฉันอยู่นะ”“เหอะ” มิ่งขวัญเเค่นหัวเราะ “หล่อนมิรู้หรือว่าพี่ชายข้ามีฉายาในพระนครเช่นไร เเต่มิเเปลกนัก ถึงรู้ หญิงเช่นหล่อนก็ยังคงคิดวิ่งโร่เข้าหามัน เเต่ฉันจักขอเตือนไว้”“...”“พี่ชายฉัน มันมิเหมือนพ่อที่จักตกหลุมพรางหล่อน มันไม่อ่อนโยนกับหล่อนดอก หากได้หล่อนครานึง หล่อนจักเป็นทาสรองบ่อนมันทุกคราไป เพราะมันน่ะคบค้าผู้หญิงมากเสียยิ่งกว่า
นางสาวบีนึกโล่งอก ถ้าเกิดเขายังทำเหมือนหล่อนเป็นตัวเเทนของเมียเก่าต่อไป มองเธอด้วยสายตาเว้าวอนอาลัยอาวรณ์ต่อไป อาจจะมีสักวันที่บีหลงรักขุนเเสนคำเข้าจริงๆ เพราะความสัมพันธ์ทางกายของเธอมีเเค่เขาเท่านั้น เเม้จะใช้ร่างกายของชายอีกคนก็ตามเเม้ว่าเขาจะโพล่งออกมาราวกับเรื่องที่เคยหวงเเหนร่างกายนี้ของนางบัวงามเมื่อก่อนที่เราตกลงสัญญาใจกันครั้งเเรกนั้นมันไม่ต่างกับคำโป้ปดก็ตามหากเเต่เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้ง เธอก็ลืมตาขึ้นมาในตอนเช้าท่ามกลางฟูกนอนที่ไร้คนเคียงกาย ซึ่งไม่ใช่เรื่องเเปลกเพราะอีกฝ่ายนั้นเพียงเเค่เล่นบทผัวด้วยความจำใจ นางสาวบีทำเหมือนทุกอย่างเป็นเรื่องปกติ เธอตื่นขึ้นมาขัดถูคราบเหงื่อโดยมีบ่าวรับใช้คอยปรนนิบัติในช่วงเช้า เเต่งหน้าทำผมเหมือนวันนี้คือวันทั่วๆ ไปของหล่อนหญิงสาวสะคราญนั้นเคลื่อนตัวเปิดบานประตูออก ในเช้าอันสดใสนั้นเหมือนกับโลกใบใหม่ นางสาวบียอมรับว่าเธอเองก็มีความรู้สึกเล็กๆ กับการขีดเส้นให้ชัดเจนในวันนี้ เเต่เพื่อชีวิตเเละหัวใจของเธอ การอกหักมันเจ็บ ยิ่งอกหักจากผู้ชายที่ไม่ลืมรักเก่ายิ่งเจ็บไปอีกสองเท่าที่บอกว่าไม่มีวัน… นั่นมันเพราะเขาไม่มีวันที่จะมาหลงชอบวิญญาณที่ไม่
บีที่ผล็อยหลับไปนั้นจมลงสู่ห้วงนิทราลึกลับในแบบที่ตนเองไม่เคยใฝ่ฝันจะนึกถึง พื้นที่ที่คุ้นเคย เศษความแห้งแล้งจากเพลิงสงคราม เลือดและซากศพของเหล่าทหาร กลุ่มควันไฟดำมืดล้อมรอบพื้นที่กว้างขวาง กลิ่นคาวคละคลุ้งชวนอยากอาเจียน รวมถึงร่างใหญ่ทะมึนที่ไม่พบเจอมาเสียนาน ร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลและรอยคมดาบบาดเลือดเนื้อ แผ่นหลังกว้างในชุดเกราะเต็มยศนั้นทำให้นางสาวบีที่ยังคงอยู่ในร่างของนางบัวงามค่อยๆ ก้าวเดินไปใกล้เขาแม้ภาพลักษณ์ของเขาจะดูน่ากลัวเหมือนที่เคยพบเจอ แต่เชื่อหรือไม่ว่าบีไม่แม้แต่จะรู้สึกหวาดกลัวเหมือนในคราวแรกแล้ว อาจเพราะหล่อนรู้ดีที่สุดว่าคนๆ นี้เป็นผู้ชายที่น่าสงสารและน่าหดหู่แค่ไหน การตายของเขามันทรมานเทียบเท่าไม่ได้กับการทรยศหักหลังของผู้หญิงคนนี้ด้วยซ้ำ“เรียกฉันมาในนิมิตนี่มีอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงหวานนั้นเอ่ยถามอย่างเหินห่าง ที่เขาทิ้งหล่อนนอนคนเดียวและจากไป เพื่อรอให้หลับสนิทจนดึงมาในนิมิตแห่งความตายใช่หรือเปล่า ดูเหมือนเขาเองก็รู้ตัวดีแล้วสินะว่าที่เธอพูดออกไปนั้นหมายความว่ายังไง หากเราสองคนจะขีดเส้นกันใต้ระหว่างกันชัดกว่านี้อีกนิด เพราะว่าเป้าหมายของเขามันย่อมไม่ได้มาโด
หมอนั่นก็แค่เด็กที่ถูกตามใจจนเคยตัวไม่ใช่เหรอ? ดูจากกิตติมาศักดิ์ลูกรักของคุณหญิง ไอ้หมอนี่คงจะคิดว่าทุกอย่างที่อยากได้ก็จะได้มาโดยง่ายสินะ เหมือนอย่างไอ้บอสพี่ชายแท้ๆ ของเธอไง พอรู้ตัวว่าเป็นลูกคนโปรดเลยคิดว่าขออะไรแม่ก็คงจะให้ แล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆแต่ก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่คิดจะไปเอาจากยอดหล้านั้นจะเพราะเธอต้องการข้อมูลส่วนตัวของบ้านนี้จริงๆ หรือเพราะว่าผูกใจเจ็บเรื่องเก่าๆ ของพี่ชายกันแน่แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะพอเดาความคิดความอ่านของเธอได้ เพราะหล่อนประมาท เขาถึงต้องยื่นมือเข้าช่วยเหลือแม้จะไม่เต็มใจ การที่เข้าสิงท่านพระยาก็เพราะเหตุผลนี้เช่นกัน เพราะความมุทะลุของวิญญาณแฝงในร่างนั้น กำลังจะพาปัญหาย้อนเข้าตัวแน่นอนว่าเขาชอบความกล้าของหล่อน ก็เลยปล่อยไปเฉยๆ ไม่ได้ อย่างไรนี่ก็ร่างของบัวงาม ร่างกายของหญิงที่เขารอคอยให้นางกลับมาอธิบายทุกๆ อย่างว่าเพราะเหตุใดจึงทรยศหักหลังเขาเช่นนี้“หึ สิ่งที่มึงกำลังคิดอยู่นั่นแลที่อันตราย” ฝ่ามือที่ผละออกเปลี่ยนมาบีบข้อแขนของหล่อนที่เม้มปากคิดขัดแย้งในห้วงอารมณ์ ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ถึงได้กระตุกยิ้มอย่างระอาใจเหลือทน กระตุกมือหนาแค่ทีเด
ปึง!หากแต่มีคนที่เก็บอารมณ์ไม่ได้ยิ่งกว่าใครที่เริ่มออกอาการหนัก พระยาสิงขรทุบโต๊ะเสียงดังจนจานชามกระจัดกระจายไปตามแรงเหวี่ยงของเขา พาลให้ทั้งโต๊ะอาหารตกอยู่ในความเงียบสงัด ทุกสายตาตรึงอยู่ที่ชายวัยกลางคนที่กำมือที่วางอยู่บนโต๊ะอาหารแน่นเสียจนสั่น แม้แต่นางสาวบีก็ยังตกใจที่เขาเป็นไปได้ขนาดนั้น จนร่างกายใหญ่โตนั้นหยัดกายลุกขึ้น ทิ้งประโยคเย็นเยียบทิ้งท้ายเอาไว้“ข้าอิ่ม จักขึ้นเรือน”สุรเสียงที่ทุ้มต่ำไม่ได้กระแทกกระทั้น หากแต่กดต่ำเสียจนพาให้ขนหัวตั้ง ก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากตรงนั้น ทิ้งโต๊ะอาหารไว้ด้านหลังด้วยบรรยากาศที่อื้ออึงยอดหล้ายังคงฉีกยิ้มอยู่ ในขณะที่คุณหญิงนิ่งสงบพอๆ กับบ่าวรับใช้ที่ค่อนข้างตกใจกับท่าทีในวันนี้ของพระยาสิงขร ปรกติท่านไม่เคยมีปัญหากับยอดหล้าไม่ว่าเขาจะทำตัวต่อหน้าเช่นไร ขอเพียงไม่ล่วงเกินแม่ของตนเป็นอันดี เหตุผลที่แท้จริงเพราะว่าเขาเป็นลูกคนโตของผู้หญิงที่เขารัก รวมถึงเป็นลูกที่เก่งกาจมีพรสวรรค์ แต่ทว่าคราวนี้ท่านเปลี่ยนไปแค่เพียงเพราะเห็นลูกชายคนโตพูดจาสนิทสนมกับเมียใหม่เท่านั้นเมื่อคล้อยแผ่นหลังของชายวัยกลางคนไปแล้ว รอยยิ้มของยอดหล้าที่คงอยู่นั้นเปลี่ยนเ
การกลับมาที่บ้านในรอบปีของยอดหล้านั้นสร้างความยินดีให้แก่คุณผู้หญิงและบรรดาบ่าวรับใช้เพศหญิงเป็นอย่างมาก แน่นอน... เพราะเขานั้นมีวาจาคารมเป็นอาวุธ รวมถึงรูปโฉมที่แทบจะถอดแบบจากพ่อสมัยยังหนุ่มมาเต็มๆ การใช้คารมหลอกล่อผู้หญิงทั้งน้อยใหญ่ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินความสามารถของยอดหล้าคนนี้ตั้งแต่เล็กแต่น้อยก็ไปหยอกเอินแม่ครัว ไม่เคยแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายว่าคนไหนเป็นบ่าวในเรือนเบี้ยหรือคนไหนเป็นเมียขุนนางชั้นสูง ขอแค่เป็นผู้หญิงสะสวยพร้อมใช้คำเยินยอเสมอ บ่าวไพร่ในเรือนล้วนรักใคร่เอ็นดู ยิ่งได้รับแต่งตั้งยศขุนหลวงแล้วมีข่าวดีว่าจักกลับมาเยี่ยมบ้าน หญิงสาวน้อยใหญ่ในบ้านก็ดีใจจนเป็นลมใครจะรู้ว่าด้านมืดของบุตรชายคนโตผู้นี้น่ากลัวถึงเพียงไหน และคงไม่มีใครรับรู้ได้ดีเท่าพี่น้องร่วมสายเลือด โดยเฉพาะมิ่งขวัญที่ไม่ต่างจากสิ่งที่รอรับแรงระบายอารมณ์จากพี่ชายทั้งของคาวหวานถูกตระเตรียมมาเป็นการดีเสียจนเต็มโต๊ะ อาหารที่ดูหรูหราและพิเศษกว่าทุกมื้ออาหารที่ผ่านมา (และน่าจะไม่มีสารพิษจากเงื้อมมือคุณหญิงปะปนอีก) ถูกตั้งตระหง่านรอบโต๊ะ เมนูที่ผ่านปลายจวักจนประณีตบรรจงนั้นไม่ต่างจากอาหารในโรงแรมไทยหรูๆ เสียจนน่าสวาปา
แล้วเจ้าที่พี่ไม่เคยจักสามารถแสดงความอ่อนแอได้เลยสักคราเพราะกลัวเจ้าจักหลุดมือพี่ไป จักกลับมาหาพี่ได้เมื่อไหร่กันพี่กลัวว่าตนเอง... จักแสดงความอ่อนแอกับวิญญาณเร่ร่อนที่สิงสู่ในกายเจ้าไปมากกว่านี้ แลพี่จักมิเป็นตัวพี่อีกต่อไปใครๆ ก็รู้ว่าไอ้แสนคำไม่ใช่บุตรชายที่แท้จริงของเจ้าหมื่นบรมเดชะ เป็นเพียงเด็กชายเก็บมาเลี้ยงในบานะ ‘ทายาท’ เพื่อสืบทอดเชื้อสายต่อไป เนื่องจากลูกของเจ้าหมื่นนั้นมีแต่ผู้หญิง การที่เขาได้ยศขุนนำหน้าจากการทำความดีความชอบในการศึกตอนที่อายุยี่สิบปี ผู้เป็นพ่อนั้นพึงพอใจในตัวลูกยิ่งนัก เพราะแสนคำเติบโตมาอย่างดีในมุมมองของชายชาติทหาร เขาแข็งแกร่ง และสามารถสืบทอดเรื่องการรบได้อย่างดีเยี่ยมไม่ต่างกับบิดาเลี้ยงตั้งแต่สมัยยังหนุ่ม แม้ว่าตอนนี้ขาข้างขวาจะใช้การไม่ได้จนต้องพึ่งไม่เท้าอยู่เป็นประจำหากแต่ใครจะรู้ถึงความกล้ำกลืนฝืนทนของบุตายที่เลื่องลือว่าไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของท่าน พ่อแม่ของเขาเป็นใครไม่เคยพบเห็นหน้าค่าตาเลยสักครั้ง เพียงว่าเขาเป็นอดีตลูกทาส ที่เจ้าหมื่นขอซื้อมาเพราะในเรือนมีแต่บุตรหญิงเขามันเป็นเพียงลูกทาสที่ถูกพ่อแม่ขายให้ขุนมูลนายหวังมีพดเบื้ยไว้กินเศษข้าวเท่านั
ขุนแสนคำในร่างพระยาสิงขรล่วงรู้เรื่องราวความผิดปรกติภายในพระราชวังจากข้อความที่ส่งมาจากคนสนิทในวังของท่านดูเหมือนในหมู่พระสนมทั้งห้าสิบคน จะมีพระสนมคนหนึ่งมีการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างแปลก และเริ่มเอิกเกริก เอาใหญ่ในด้านความสัมพันธ์กับพระราชา จนพระมเหสีผู้เปรียบไม่ต่างมารดาของเมืองรู้สึกไม่พอพระทัย และต้องการกำจัดพระสนมคนนี้อย่างลับๆ จึงมอบหมายงานนี้ให้คนในวังเป็นหูเป็นตาคอยกลั่นแกล้งให้เสียฐานันดรไปแน่นอนว่าฝั่งพระยาสิงขรเป็นปฏิปักษ์กับพระมเหสี เนื่องจากทำงานอยู่ใต้ร่มพระบาทของพระเจ้าอยู่หัว จึงต้องหาวิธีสกัดกั้นความคิดนั้นของพระองค์เสีย อย่างไรในยุคนี้หญิงไม่มีทางเป็นใหญ่ไปมากกว่าชายหรอก การมีสนมถึงห้าสิบคน เป็นหลักฐานที่ชัดเจนที่สุดที่พระมเหสีไม่มีวันหนีไปจากความจริงข้อนี้ได้ ในยุคที่กฎมณเฑียรบาลยังไม่เอื้อเฟื้อต่อผู้หญิงแม้แต่แม่เมือง ทำให้ผู้ชายรวมตัวกันคิดว่าถ้ามีอำนาจจะทำอะไรก็ได้แน่นอนว่าขุนแสนคำนั้นอยู่ในยุคโบราณที่ชายเป็นใหญ่ เขาจึงมีความคิดไปตามสมัย นึกเข้าข้างกษัตริย์ เพราะเป็นหญิงถึงต้องยอมผู้ชายเนื่องจากแข็งแรงกว่า หากพระมเหสีไม่เล่นกลการเมืองดีๆ ก็ไม่มีวันที่จะกำจัดพระส
“วันนี้มื้อกลางวันมิเห็นหล่อนกับคุณพี่มาทานข้าว แต่ฉันเตรียมสำรับไว้เผื่อเธอหิวอยู่แล้ว ถ้าหิวก็บอกฉันนะ จักเรียกบ่าวมาจัดสำรับให้ตรงนี้” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเอาแต่ยืนยิ้มไม่พูดไม่จาอะไร คุณผู้หญิงทองพินจึงถือโอกาสตัดสินใจว่านั่นคือคำอนุญาต รีบกวักมือเรียวเรียกบ่าวนางหนึ่งที่นั่งพับเพียบเฝ้าที่พื้นเรือนข้างๆ พลางกระซิบกระซาบให้ยกถาดสำรับมาวางให้นางบัวงามที่ยืนอยู่ตรงหน้า บ่าวไพร่มีท่าทีสงบในขณะที่รุดเดินจ้ำก้มหัวนอบน้อมให้เธอและคุณผู้หญิงไปด้านหลัง ซึ่งน่าจะเป็นที่ตั้งของห้องครัวประจำเรือน “ขอโทษที่ทำให้คุณผู้หญิงต้องลำบากนะเจ้าคะ” นางสาวบีพูดอย่าง ถ่อมตน นั่นเพราะอีกอย่างข้าวเมื่อวานที่ตกถึงท้องก็มีแค่ข้าวที่จับมือมาไม่กี่ ก้อนกับน้ำพริกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยิ่งผ่านศึกรักมาอย่างหนักหน่วงเพราะ ขุนแสนคำโคตรดุก็ยิ่งหิวโหยเป็นพิเศษถึงจะแอบหวั่นเกรงถึงบางสิ่งที่คนเป็นเมียหลวงน่าจะใส่ในอาหารตั้งแต่มื้อก่อนก็เถอะ แต่ดวงตาที่จับจ้องราวกับพร้อมรับชมอากัปกิริยาทุกอย่างของหล่อนทำเอาตัวแข็งไม่กล้าขัดขืนหรือปฏิเสธ ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงใจดีกับเธอขนาดนั้น แต่ครั้นจะให้ไปหากับข้าวกับปลากินเองก็ใช่ที่