ไม่ว่าเธอจะคิดไปเองหรือไม่ เฉียวสือเนี่ยนก็ไม่คิดที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่นอนพวกเขาหย่ากันแล้ว เธอไม่สมควรที่จะไปนั่งตรงนั้นเลยเฉียวสือเนี่ยนคิดได้เช่นนี้ จากนั้นเธอก็ไม่สนใจสถานการณ์ทางฝั่งของฮั่วเยี่ยนฉืออีก เธอเดินไปยังห้องน้ำทันทีหลังจากใช้เวลาในน้ำได้พักหนึ่งแล้ว ขณะที่เฉียวสือเนี
เมื่อราคานี้ออกมา ทุกคนก็เริ่มส่งเสียงอื้ออึงเพราะการไต่ราคาก่อนหน้านี้เพิ่มขึ้นแค่ทีละห้าแสนเท่านั้น แต่พอฮั่วเยี่ยนฉือชูป้าย กลับเสนอราคาประมูลที่สูงขึ้นกว่าเดิมสองเท่าในทันที!“ทั้งที่ประธานฮั่วรู้ว่าคุณหนูตระกูลหลีต้องการประมูลเข็มกลัดติดหน้าอกชิ้นนี้ให้ได้ แต่เขาก็ยังเสนอราคาแข่งอีก เขาคงคิดจะ
เมื่อฮั่วเยี่ยนฉือได้เห็นพวกเขา ก็ขมวดคิ้วงามไว้แน่นโดยพลันส่วนลู่เฉินหนานก็เอ่ยทักทายด้วยความกะตือรือร้น “คุณลุงฮั่ว กลับประเทศแล้วเหรอครับ ผมไม่ได้เจอคุณลุงนานแล้ว แต่คุณลุงก็ยังดูไม่แก่เลยสักนิดครับ!”เมื่อเผชิญหน้ากับท่าทางนอบน้อมที่ดูจงใจของลู่เฉินหนาน ฮั่วหย่วนเจ๋อเพียงแค่พยักหน้าเบา ๆ อย่างข
ฮั่วเยี่ยนฉือมองเธอด้วยสายตาเย็นชา “คุณมีอะไรจะพูดล่ะ”ใบหน้าของป๋ายอีอียังคงดูอ่อนหวานเหมือนในเวลาปกติ เธอไม่กลัวท่าทางเย็นยะเยือกของฮั่วเยี่ยนฉือ เธอเดินไปนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ด้านหน้าของเขา“เยี่ยนฉือ ฉันเคยบอกคุณว่าลำพังฉันแค่คนเดียวคงไม่มีความสามารถมากพอที่จะไปตรวจสอบตระกูลเฉิงได้หรอก และฉันก็ไม่
เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของป๋ายอีอี ฮั่วเยี่ยนฉือก็หมดความอดทนที่จะตอบกลับเธอ“ไม่ว่าคุณจะทำไปเพราะอะไร แต่เรื่องนี้ก็เป็นฝีมือของคุณอยู่ดี! คุณคิดว่าแค่คุณบอกมาคำเดียวว่าโดนบังคับ คุณก็จะปัดความรับผิดชอบได้แล้วงั้นเหรอ?”ป๋ายอีอีมองใบหน้าหล่อเหลาอันเย็นชาของฮั่วเยี่ยนฉือแล้ว พลันยิ้มทั้งที่ยังดวงตาแด
“คุณเฉียว เมื่อกี้ผมเพิ่งไปเยี่ยมป๋ายซื่ออวี้ที่โรงพยาบาลมา แม้ว่าสถานการณ์ขาของเขาจะไม่สู้ดีนัก แต่ท่าทางเขาดูสดใสทีเดียว แถมยังพูดจาอวดโอ้อย่างลำพองใจอีกด้วย ว่าตอนนี้พ่อของฮั่วเยี่ยนฉือกลับมาแล้ว จะไม่มีใครกล้าฉวยโอกาสทำอะไรพวกเขาได้อีก”หยวนหงจื้อเอ่ยด้วยความไม่สบายใจเล็กน้อย “ตระกูลป๋ายจะใช้โอก
เมื่อมองท่าทางบีบเค้นของมารดาแล้ว เวินจิ๋งหลี่พลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “แม่ไม่ได้ฟังที่หมอหนีบอกเหรอครับ เราเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกัน อีกอย่างผมก็เพิ่งจะหย่า ยังไม่ได้วางแผนว่าจะแต่งงานใหม่ครับ”เห็นได้ชัดว่ามารดาเริ่มไม่พอใจ แต่เนื่องจากหนีม่านเหยาอยู่ด้วย จึงไม่ได้พูดอะไรต่ออีกหลังจบมืออาหาร หนีม่านเหย
เธอยังคงสดใสเหมือนเดิม เธอเปี่ยมด้วยความมีชีวิตชีวา ดวงตาก็ประกายแสงระยิบระยับเฉกเช่นเดียวกับในร้านกาแฟวันนั้นที่พวกเขาได้เจอกันครั้งแรกตอนแรกเวินจิ๋งหลี่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการหย่าครั้งนี้เลย เขาถึงขั้นไม่เคยปล่อยให้เรื่องนี้กระทบกับงานเลยแม้ครึ่งชั่วขณะไม่ว่าจะเป็นการตื่นนอน พักผ่อน เข้างานและ
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั