เฉียวสือเนี่ยน “ฉันอยากกินไก่เผ็ด ปลาต้มผักกาดดอง เต้าหู้เหม็น ส่วนจานหลักคือเส้นหมี่ซุปหอยขม”ฮั่วเยี่ยนฉือจู้จี้เรื่องอาหารมาก หากเป็นอาหารรสจัด รสเผ็ด มีกลิ่นแรง ไม่สดใหม่ และไม่ดีต่อสุขภาพ ก็จะไม่แตะเลยอยากให้เธอไปกินข้าวเป็นเพื่อน ไหนดูหน่อยเถอะว่าเขาจะกินของพวกนี้ได้ไหม!เรื่องคำขอของเธอ ฮั่ว
ฮั่วเยี่ยนฉือเห็นความโกรธของเฉียวสือเนี่ยน และรู้ว่าเธอจะเดินออกไปด้วยความโกรธเกรี้ยวจริง ๆฮั่วเยี่ยนฉือดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนและกอดไว้แน่น ก่อนจะพูดเสียงเบา “เฉียวสือเนี่ยน เธอใช้อุบายจนได้แต่งงานกับฉันทั้งยังบอกว่าจะรักฉันตลอดไป แต่ตอนนี้เธอกลับทำเหมือนฉันเป็นขยะน่ารังเกียจ แม้แต่โอกาสขอแก้ตัวยังไ
“อย่าโทษตัวเองเลย” คุณย่าฮั่วมองความคิดของเธอออก “ฮั่วเยี่ยนฉือบอกว่าเป็นเขาที่อยากลองสักชิ้น ทำให้เป็นโรคลำไส้อักเสบ”“ฮั่วเยี่ยนฉือลำไส้และกระเพาะอาหารไม่ค่อยดีมาตั้งแต่เด็ก ตัวเขาไม่ระวังเอง ไม่เกี่ยวกับหนูหรอก”การปลอบโยนของคุณย่าฮั่วทำให้ในใจของเฉียวสือเนี่ยนมีความรู้สึกผสมปนเปกันอยู่ครู่หนึ่ง
“ย่าเพียงแค่ไม่อยากให้หนูคิดว่า ‘เรื่องร้ายที่เกิดจากงานแต่งงานครั้งนี้เป็นหนูที่หาเรื่องใส่ตัว’ ครั้งก่อนย่าเคยบอกแล้ว การที่หนูไล่ตามความรักไม่ใช่เรื่องที่ผิด เป็นเยี่ยนฉือไม่ทะนุถนอมหนู”คุณนายใหญ่ฮั่วพูด “หนูทั้งจิตใจดีและกล้าหาญ ย่าชอบหนูมากจริง ๆ หนูได้รับความเจ็บปวดจากการแต่งงานครั้งนี้ ย่าเอ
“ทางฝั่งแม่นาย มีเหตุผลอะไรกันแน่ถึงคิดจะให้เธอไปเป็นแม่บ้านของป๋ายอีอี?” เฉียวสือเนี่ยนถามหยวนหงจื้อพูดอย่างไม่ยี่หระ “สองวันมานี้แม่ผมไปที่บ้านเธอ และเอาแต่บอกว่าป๋ายอีอีทำงานอย่างหนักทุกวัน จึงไปทำอาหารให้เธอบ้าง ทำความสะอาดให้เธอบ้าง ป๋ายอีอีคิดจะใช้แม่ผมมาควบคุมผมอยู่แล้ว เลยไม่ได้รีบไล่เธอไป”
“ในเมื่อป๋ายอีอีคนนี้อันตรายขนาดนั้น เธอก็ต้องระวังตัวด้วยนะ”ได้ยินคำพูดของเฉียวเล่อเยียน เฉียวสือเนี่ยนก็ยิ้มพลางพูดหยอกล้อ “ไม่เลวเลย รู้จักเป็นห่วงคนอื่นแล้วสินะ”“ใครเป็นห่วงเธอกัน!” เฉียวเล่อเยียนพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ฉันแค่ไม่อยากติดร่างแหไปกับเธอด้วยต่างหาก”“โอเค จะพยายามไม่ทำให้เธอลำบากนะ”
เห็นว่าบรรยากาศเริ่มหนักหน่วง เฉียวสือเนี่ยนก็ยกแก้วขึ้น“เอาละ วันนี้พวกเรามากินข้าวกันอย่างมีความสุข อย่าพูดเรื่องที่ไม่มีความสุขเลย! มาเถอะ แด่พวกเราสามสาวที่มารวมตัวกินเลี้ยงอย่างเป็นทางการครั้งแรก และแด่ฉันที่หย่าได้อย่างราบรื่น ชนแก้ว!”ฟู่เถียนเถียนและถูหย่าลี่ได้ยินก็ต่างยกแก้วขึ้น “ชนแก้ว!”
ฟู่เถียนเถียนเอ่ย “เดิมทีหมอเวินก็กินได้น้อยในตอนกลางคืน บอกว่ากินแฮมเบอร์เกอร์ไปไม่กี่คำก็ไม่อยากอาหารสักเท่าไร เลยเอาอาหารที่ฉันทำให้หนีม่านเหยาแทน”เฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าความโกรธที่อยู่ภายในใจของตัวเองเริ่มเพิ่มสูงขึ้นแล้ว“หมอเวินใจกว้างจังเลยนะ เอาอาหารที่ภรรยาทำให้คนอื่นกิน! แถมยังหนีม่านเหยา
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั