นอกจากนี้ยังช่วยให้เธอไม่ต้องฝืนใจอยู่กับฮั่วเยี่ยนฉือ ต่างฝ่ายต่างเกลียดขี้หน้ากันอีกลุงอู๋เถียงเธอไม่ได้ “งั้นก็ได้ ลุงจะไปบอกคุณท่านเฉียวให้ก็แล้วกัน”เมื่อวางสายแล้ว ฟู่เถียนเถียนก็โทรศัพท์มาหาเธอเฉียวสือเนี่ยนกดรับสาย ก่อนจะเล่าเรื่องซึ่งราวกับละครเรื่องหนึ่งให้ฟู่เถียนเถียนฟังด้วยน้ำเสียงเรี
กลับมา?พูดเหมือนกับวิลล่าหลงเถิงเป็นบ้านของเธอจริง ๆ อย่างนั้นแหละเมื่อได้ยินคำถามไร้สาระของฮั่วเยี่ยนฉือแล้ว เฉียวสือเนี่ยนก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน ก่อนจะเดินจากไปป้าหวังซึ่งรีบร้อนออกมาจากห้องครัว เรียกเธอเอาไว้ก่อน “คุณผู้หญิงจะไปไหนคะ ยังไม่ได้ทานข้าวเช้าเลย!”“ฉันรีบค่ะ ไม่ทานแล้ว”พูดจบ
คำพูดที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงของฮั่วเยี่ยนฉือดังขึ้นในหูของเฉียวสือเนี่ยน เธอรู้สึกสมเพชเป็นอย่างที่สุด จึงเม้มปากลงแน่นเพราะไม่อยากตอบอะไรกลับไป“จะเกิดอะไรขึ้นได้อีกล่ะ เศษกรวดหรือเศษแก้วปักเข้าไปในเนื้อของเธอน่ะสิ” คุณหมอเป็นฝ่ายตอบแทนฮั่วเยี่ยนฉือนึกอะไรขึ้นมาได้ “เศษหินที่อยู่บนถังขยะ?”เฉียว
หลังจากครั้งที่แล้ว ที่เฉียวสือเนี่ยนให้เงินเขาห้าแสนบาทเพื่อเหมาทั้งเดือน ฮั่วเยี่ยนฉือจึงไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีกโดยปริยายเขาพูดเหตุผลที่ฟังขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ “ฉันไม่มีเวลาไปต่างจังหวัดกับคุณตาและเธอ ก็เลยดูแลค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้”เฉียวสือเนี่ยนปฏิเสธ “ไม่ต้อง ตระกูลเฉียวของพวกเราต
เขาครุ่นคิดสักพักก่อนจะหันหลังเดินเข้าไปในบ้านในขณะนี้เฉียวสือเนี่ยนกำลังดูไอแพดกับคุณตาที่โต๊ะน้ำชา พวกเขากำลังคุยกันเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของมณฑลหู ใบหน้าเล็กของเฉียวสือเนี่ยนปรากฏรอยยิ้มออดอ้อนและอ่อนโยน ซึ่งเขาไม่ได้เห็นมาเนิ่นนาน“คุณตาครับ” ฮั่วเยี่ยนฉือเรียกเขาเฉียวไห่ตงหันหน้ามา
เสียงทุ้มต่ำของเจ้านายดังขึ้นจากเบาะหลัง เขานึกว่าตัวเองฟังผิดไป“ประธานฮั่ว...ถามผมเหรอครับ?”ฮั่วเยี่ยนฉือไม่ตอบคนขับรถรวบรวมความกล้า ก่อนจะตอบกลับไป “ครอบครัวผมเมียเป็นใหญ่ ไม่ว่ามีเรื่องฉุกเฉินอะไรเธอก็จะเป็นคนจัดการ ไม่ต้องให้ผมกังวล”ฮั่วเยี่ยนฉือรู้ว่าคนขับรถไม่เข้าใจคำถามของเขา เขาจึงไม่อธิ
เมื่อวางสายจากคุณย่าฮั่วไป ก็ถึงเวลาขึ้นเครื่องพอดี พวกเขาจึงเข้าไปตรวจสอบบัตรที่นั่งหลังจากผ่านไปแล้วสองชั่วโมง เฉียวสือเนี่ยน คุณตา และลุงอู๋ก็เดินทางมาถึงมณฑลหูเพราะเย็นมากแล้ว พวกเขาจึงมาพักที่โรงแรมก่อน และคิดกันว่าพรุ่งนี้ตอนเช้าจะไปเยี่ยมเพื่อนเก่าคุณตาที่โรงพยาบาลเมื่อมาถึงโรงแรมแล้วเฉียว
ฮั่วเยี่ยนฉือไม่ได้สนใจลู่เฉินหนาน เขารีบซูมขยายรูปภาพทันทีมันเป็นรูปอาหารที่เฉียวสือเนี่ยนถ่ายเอาไว้ และรูปเซลฟี่ของเธอกับคุณตา ซึ่งเวลาที่โพสต์คือห้านาทีที่แล้ว!เพราะฉะนั้น เฉียวสือเนี่ยนเห็นข้อความของเขา แต่เธอกลับแกล้งทำเป็นไม่เห็นและไม่ตอบเขา!!ในตอนนั้นเอง โจวเทียนเฉิงก็ส่งหมายเลขโทรศัพท์และ
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั