ฮั่วเยี่ยนฉือส่งรูปเจ้าปัญหาให้ป๋ายอีอี “อธิบายที ว่าไอ้รูปนี้มันอะไรกัน?”พอได้ยินแบบนั้น ไม่ใช่แค่ป๋ายอีอีคนเดียวที่ตกใจ เฉียวสือเนี่ยนก็ตกใจเหมือนกันฮั่วเยี่ยนฉือถามเอากับป๋ายอีอีตรง ๆ แบบนี้เลยเหรอ?ป๋ายอีอีในกล้องวิดีโอก็ชะงักเล็กน้อยตอนเห็นรูปถ่าย แล้วก็นึกออก “รูปนี้เป็นรูปที่ฉันลบออกไปจากอิ
“ฉันไม่ได้มีหน้าที่ไปทำเรื่องพวกนี้กับเธอหรอกนะ”เฉียวสือเนี่ยนวางสัมภาระของตนเองลงบนโซฟา “ถ้าจำไม่ผิด เธอเคยพูดไว้นี่ว่าจะไม่มาหาฉันอีก? กลับดี ๆ ล่ะ ฉันไม่ส่ง”ขณะที่เฉิงหว่านซินกำลังจะโมโหอยู่รอมร่อ จู่ ๆ เธอก็เห็นเข้ากับชุดราตรีที่เฉียวสือเนี่ยนซื้อมา กล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นทันที “ว้าว ชุดราตร
นี่กดรับสายไปอย่างนั้นเหรอ!!!ทางอีกฝั่งของโทรศัพท์ ดวงตาดำเข้มคู่หนึ่งกำลังจดจ้องเธอ ความล้ำลึกรุนแรงในแววตาไม่แปรเปลี่ยนสมองของเฉียวสือเนี่ยนมึนงงไปชั่วขณะนี่มันเรื่องอะไรกัน?เธอกดตัดสายทิ้งไปชัด ๆ แล้วทำไมถึงกลายเป็นรับสายวิดีโอคอลไปได้!เห็นสายตาของฮั่วเยี่ยนฉือที่กวาดมองตนเองตั้งแต่หัวจรดเท้
โจวเทียนเฉิงเดินเข้าไปหาฮั่วเยี่ยนฉือ ส่วนเฉียวสือเนี่ยนกับถูหย่าลี่ก็เดินไปทางบริเวณพักผ่อนสำหรับแขกที่อยู่ด้านหน้าพอเห็นถูหย่าลี่ หลายคนก็พากันซุบซิบ“นั่นคุณผู้หญิงเซี่ยจากหมิงเหมาไม่ใช่เหรอ เธอมาได้ยังไงน่ะ?”“คุณผู้หญิงเซี่ยอะไรกันเล่า คนเขาหย่ากันแล้ว ตอนนี้ต้องเป็นประธานถูต่างหาก!”“สงสัยวัน
ป๋ายอีอีรีบเดินเข้ามาตรงหน้าพวกเขา เธอพูดกับเฉียวสือเนี่ยนด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงานทั้งยังมีมารยาท “ขอโทษนะคะคุณผู้หญิงฮั่ว ฉันต้องขอยืมตัวท่านประธานฮั่วสักสองสามนาทีหน่อยนะคะ”“จำเป็นต้องไปเจอประธานกัวสักครั้งค่ะ” ป๋ายอีอีกล่าวกับฮั่วเยี่ยนฉือฮั่วเยี่ยนฉือมองเฉียวสือเนี่ยน แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบา
ที่เสียแรงถูลู่ถูกังลากเธอมานี่ เพื่ออยากยกยอปอปั้นหรืออยากจะยืมปากคนอื่นบอกเธอ เรื่องตำแหน่งป๋ายอีอีในใจฮั่วเยี่ยนฉือกันแน่?เฉียวสือเนี่ยนหัวเราะ “คำพวกนี้เสิร์จหาในกูเกิลก็ได้แล้ว ฉันไม่เสียเวลาบอกพวกเธอหรอก ถ้าพวกเธอยังเถียงกันไม่จบ ก็เชิญเถียงกันต่อไปได้เลย ฉันขอตัวก่อน”“กินปูนร้อนท้องละสิไม่ว
ฮั่วเยี่ยนฉือมองเฉียวสือเนี่ยนที่ทำท่าทางเหินห่างกับเขาอย่างชัดเจนแล้ว เลยเข้าใจไปว่าเธอยังคงไม่พอใจเรื่องเมื่อครู่นี้อยู่“ไว้ดึก ๆ จะให้โจวเทียนเฉิงตรวจสอบบริษัทของพวกเธอ แล้วทำให้พวกเธอออกไปจากวงธุรกิจนี้ ต่อไปจะได้ไม่มีโอกาสมาลบหลู่เธออีก”เฉียวสือเนี่ยนเอ่ย “ไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ ไม่อย่างนั้นเดี๋
เฉียวสือเนี่ยนไม่อยากนึกถึงเรื่องโง่ๆ ที่เคยทำในอดีต และก็ไม่อยากอธิบายต่อล้อต่อเถียงกับฮั่วเยี่ยนฉือด้วยถึงอย่างไร อีกสิบกว่าวันก็จะถึงวันเกิดคุณย่าแล้ว ถึงเวลานั้นเขาก็จะรู้ถึงการตัดสินใจของเธอเองขณะที่กำลังเต้นรำกันอยู่นั้น เฉียวสือเนี่ยนพลันเห็นเงาหลังของป๋ายอีอีกับสุภาพบุรุษคนหนึ่งเข้าป๋ายอี
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั