ถานซูหงเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ “และเสนอกับฮั่วเยี่ยนฉือให้หน่อยแล้วกัน ว่าทางด้าน ‘เฟยหยาง กรุ๊ป’ พอจะช่วยเป็นสื่อกลางให้ลุงของเธอได้ไหม ลุงของเธออยากจะร่วมงานกับที่นั่น!”เป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ ด้วยเฉียวสือเนี่ยนเอ่ยตามตรง “คุณป้าคะ ฮั่วเยี่ยนฉือคงไม่ฟังฉันหรอก และฉันก็เอ่ยปากกับเขาเรื่องนี้ไม่ได้ด้
ต่อมาร่างของเฉียวสือเนี่ยนก็โผเข้าสู่อ้อมแขนของฮั่วเยี่ยนฉือกลิ่นต้นสนซีดาร์อ่อน ๆ มาพร้อมกับกลิ่นกายของผู้ชายทะลุเข้าไปในจมูก มันทำให้เฉียวสือเนี่ยนสั่นสะท้านเล็กน้อย แม้ช่วงนี้เธอกับฮั่วเยี่ยนฉือจะเคยเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันมาแล้วหลายครั้ง และส่งผลให้เกิดการสัมผัสร่างกายอยู่บ้างแต่ถูกเขากอดอย่าง
เฉียวสือเนี่ยนคิดสักพัก ก็หยิบโทรศัพท์ถ่ายฉากนี้ไว้ แถมยังจงใจถ่ายหมีสีชมพูตัวหนึ่งที่อยู่บนเตียงเข้าไปด้วย จากนั้นก็ส่งไปหาป๋ายอีอีป๋ายอีอีชอบใช้ไม้นี้ไม่ใช่เหรอ ก็ให้เธอลองลิ้มรสนี้หน่อยจะโกรธหรือไม่เธอก็ไม่สนใจ สิ่งสำคัญก็คือการทำให้เธอรู้สึกไม่สบายเช่นนี้ต่อไปป๋ายอีอีกับฮั่วเยี่ยนฉือคบกันแล้ว
ป๋ายอีอีวิเคราะห์ได้อย่างถูกต้องจริง ๆไม่ว่าคนที่จับจุดอ่อนของเซี่ยลี่สยงไว้เล่น หรือว่าคนที่คิดจะใช้ประโยชน์ในครั้งนี้ ต่างก็คงไม่เอาเรื่องนี้ไปเปิดเผยให้กับคุณผู้หญิงเซี่ยหรอกถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ส่งผลดีต่อใครทั้งนั้นแต่ตอนนี้ คุณผู้หญิงเซี่ยไม่เพียงแต่รู้ข้อมูลนี้ แถมยังหาหลักฐานของเซี่ยลี่สยงได้
“พี่สาว” เวลานี้ เสียงทุ้มต่ำของโจวหยางอิงก็ดังขึ้นที่ตรงประตู “พี่มาฝึกด้วยกันกับผมเถอะ ผมจะสอนวิธีที่ไม่ค่อยเหนื่อยมากให้พี่”พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินก็พยักหน้า ระดับความยากในตอนนี้หนักเกินไป เธอทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ โจวหยางอิงพาเธอมาถึงสนามฝึกที่มีกระสอบทรายแขวนอยู่“พี่สาว พี่สวมอันนี้ไว้ และต่อยกร
สีหน้าที่ไม่แยแสของฮั่วเยี่ยนฉือมองเฉียวสือเนี่ยนที่อยู่เบื้องหน้าเธอเงยหน้าเชิดอก ใบหน้าเล็กที่ประณีต และลำคอเรียวยาวกำลังเปล่งประกายโดยเฉพาะภายใต้แสงไฟและผู้ชายที่ถูกเธอปกป้องกำลังมองด้วยใบหน้าที่ซาบซึ้งใจ ดวงตาก็ส่องแสงเปล่งประกาย ทำให้ฮั่วเยี่ยนฉือรู้สึกอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก“ไม่ต้องพูดอย่างช
“เฉียวสือเนี่ยน ฉันไม่ได้กำลังเจรจากับเธอนะ!” ฮั่วเยี่ยนฉือใกล้จะควบคุมความโกรธไม่อยู่แล้ว “ไม่อยากถูกอุ้มขึ้นรถ งั้นก็รีบเปิดประตูรถซะ!”“...” เฉียวสือเนี่ยนดูออกว่าฮั่วเยี่ยนฉือกำลังอดทนอยู่จริง ๆ กลัวเขาจะพูดจริงทำจริง เธอจึงปลดล็อกรถอย่างเข้าใจสถานการณ์ฮั่วเยี่ยนฉือนั่งอยู่ข้างคนขับ พอเฉียวสือเ
เฉียวสือเนี่ยนยังไม่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ของหมิงเหมา ถูหย่าลี่ก็ยังมีงานอื่นที่ต้องจัดการอีกเฉียวสือเนี่ยนลุกขึ้นยืน “พี่ถู อย่ากังวลไปเลย ฉันจะคอยสนับสนุนพี่อยู่เสมอนะ เรื่องเงินทุนก็ปล่อยให้ฉันไปคิดหาวิธีจัดการ”“เดิมทีการเพิ่มลายดอกไม้ลงบนผ้าดิ้น ย่อมง่ายกว่าเพื่อนที่ช่วยเหลือกันในยามยากอยู่แล
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั