"เกิดอะไรขึ้น? ทําไมต้องโมโหขนาดนี้ด้วย?”ฉินซว คุณนายซ่ง ก้าวไปข้างหน้าและกอดซ่งหว่านชิว เมื่อเห็นใบหน้าของเธอเธอก็ตกใจและถามต่อไปว่า "เกิดอะไรขึ้น? ใครกล้ามาทําร้ายแกแบบนี้?”“เป็นหลินจืออี้”ซ่งหว่านชิวเล่าเรื่องให้ฉินซวงฟังอย่างคับแค้นใจฉินซวงยิ่งฟังก็ยิ่งโกรธ พลันตบโต๊ะอย่างแรง“ไร้เหตุผลสิ้นดี! ก่อนหน้านี้ทําให้พวกเราเสียหน้า จนต้องไปขอโทษนังแพศยาหลิ่วเหอนั่นที่บ้านอีก ตอนนี้มันที่เป็นแค่ลูกติดก็กล้ามาเล่นลูกไม้ต่อหน้าแกงั้นเหรอ? ดูท่าทางแล้วไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเอาซะเลย!”“แม่คะ คุณท่านกับประธานเซวียเห็นหมดแล้ว ฉันควรทํายังไงดี?” ซ่งหว่านชิวเม้มปากฉินซวงลุกขึ้นเดินไปเดินมาด้วยรูปร่างที่สง่างาม แต่สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ทันใดนั้น เธอก็หยุดเดินพลันเลิกคิ้วและยิ้ม“ตอนนี้ หลินจืออี้ก็ไม่มีไพ่ตายอยู่ในมือแล้ว เป็นโอกาสดีที่จะลงมือ”“แต่โทรศัพท์ของหนูก็โดนลบทิ้งแล้วเหมือนกันนะคะ” ซ่งหว่านชิวพูดอย่างโกรธเคือง"แล้วมันเกี่ยวอะไรด้วย? อย่าลืมสิ ไพ่ตายของเราคือแก ในแง่ของการดึงดูดใจคน มันจะไปสู้แกได้ยังไง?” ฉินซวงยกคางของเธอขึ้นและพูดอย่างน่าสงสาร “ดูหน้าแกสิ
ณ โรงพยาบาลพอหลินจืออี้ให้น้ำเกลือเสร็จ ไข้ก็ลดลงหมดแล้ว แม้คนจะไม่มีแรง แต่สภาพโดนรวมก็ถือว่าไม่เลว"ไม่นอนโรงพยาบาลจริงๆ เหรอ ดื่มเหล้าเยอะขนาดนั้น แถมยังตกน้ำเป็นไข้ เข้าโรงพยาบาลดูอาการวันหนึ่งก็เป็นเรื่องปกติ” หลี่ฮวนเขียนเวชระเบียนไปด้วยและชักชวนไปด้วยหลินจืออี้ไม่สนใจเขา เปิดผ้าห่มออกหมายจะลงจากเตียงทุกครั้งที่เธอเห็นหลี่ฮวน อารมณ์ของเธอก็จะซับซ้อนมากเธอเคยถามพยาบาลเป็นการส่วนตัว และได้รับการบอกว่าหลี่ฮวนเป็นหมอที่มีชื่อเสียงและมีความสามารถที่ดี แม้แต่ผู้ป่วยก็ยังชื่นชมเขาเป็นไปไม่ได้ที่จะทําการผ่าตัดปลูกถ่ายไตของเด็กโดยไม่ได้รับอนุญาตแต่ก็ตัดออกไม่ได้ว่าเขาจะเห็นแก่ความสัมพันธ์ของเขากับกงเฉินโดยรวมแล้ว สาเหตุหลักอยู่ที่กงเฉินทั้งนั้นหลี่ฮวนเห็นเธอตัดสินใจแล้ว ก็ถอนหายใจเล็กน้อย หางตาเหลือบไปเห็นเสื้อไหมพรมที่เธอสวมพอดี จึงอดตกใจไม่ได้เสื้อไหมพรมนี้ของกงเฉินไม่ใช่เหรอ...หลินจืออี้ไม่ได้สังเกตสีหน้าของหลี่ฮวน สะพายกระเป๋าแล้วเดินไปที่ประตูยังไม่ทันได้เดินออกไป ก็มีเงาร่างหนึ่งขวางทางเธอเอาไว้มือของชายคนนั้นที่สวมหยกสีแดงวางอยู่บนกรอบประตู ดวงตาที่ลึกล้ำข
“อาเล็ก เพื่อช่วยซ่งหว่านชิวล้างมลทินให้ขาวสะอาด ทุ่มเทแรงกายแรงใจจริงๆ เลยนะ”“แต่ฉันจะไม่ยอมให้พวกอาสมหวัง! ต่อให้ฉันต้องตาย ฉันก็จะลากซ่งหว่านชิวไปลงนรกให้ได้!”หลินจืออี้ถลึงตาใส่ซ่งหว่านชิวอย่างแรง แล้วเดินไปที่ประตูด้านหลัง เสียงทุ้มต่ำและเย็นชาของกงเฉินดังขึ้นเบาๆ “หลินจืออี้ แม่เธอก็ไม่สนใจแล้วเหรอ?”หลินจืออี้หยุดเดินทันทีริมฝีปากของเธอขาวซีด แม้แต่สมองก็ว่างเปล่าไปชั่วขณะเธอค่อยๆ หันกลับมา จ้องมองชายตรงหน้า ดวงตาแดงก่ำราวกับจะหลั่งเลือดในวินาทีต่อมา"ได้ ได้..."เธอก้มลงเก็บเอกสารบนพื้นอย่างแข็งทื่อ นิ้วมือสั่นระริกด้วยความอัปยศอดสูเมื่อกดแป้นพิมพ์ไปทีละคําๆเธอหลับตาเล็กน้อยและกดปุ่มส่งออกอย่างแรงเมื่อกงเฉินเดินเข้ามาใกล้ เธอถอยหลังและยิ้มให้เขาอ่อนๆ“อาเล็ก พอใจหรือยัง ได้หรือยัง?"ราวกับกลัวว่าเขาจะไม่ได้ยิน เธอถามออกไปอีกครั้งความไม่แยแสที่เปิดเผยในดวงตาของเธอทําให้เขาเห็นความรกร้างและความมืดที่ไม่มีที่สิ้นสุดในหัวใจของเธอดวงตาของกงเฉินสั่นเล็กน้อย ในดวงตามีความสับสนวุ่นวายที่ไม่สามารถอธิบายได้หลินจืออี้มองหลี่ฮวนที่เหม่อลอย แล้วยื่นมือออกมาพูดว่า “ถ
เฉินจิ่นพบกงเฉินที่กําลังดื่มชาอย่างเงียบๆ ในห้องทํางานของหลี่ฮวน“คุณชายสาม คุณหนูหลินถูกคุณชายใหญ่พาตัวไปแล้วครับ”กงเฉินหรี่ตา หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาหลินจืออี้ปิดเครื่องแล้วถ้วยชาแตกในมือของกงเฉินพร้อมกับเสียงของระบบโทรศัพท์ดวงตาเขาฉายแววอึมครึม ทําให้คนกลัวจนตัวสั่นหลี่ฮวนเหลือบมองเขา "ลนแล้วเหรอ? แล้วเมื่อกี้นายบังคับเธอทําไมล่ะ?”กงเฉินโยนถ้วยชาที่แตกลงในถังขยะ ขี้เกียจที่จะอธิบายอะไรหลี่ฮวนชี้ไปที่เสื้อไหมพรมที่พับไว้บนโต๊ะ “แม้แต่เสื้อไหมพรมตัวนี้นายก็ให้เธอใส่ นี่มัน...”“นายว่างมากเหรอ?”กงเฉินขัดจังหวะ หยิบเสื้อไหมพรมขึ้นมาแล้วหันหลังเดินจากไปเมื่อกลับมาถึงบ้านตระกูลกงก็ดึกมากแล้วกงเฉินยืนอยู่ในลานบ้าน จุดบุหรี่มวนหนึ่งขึ้นมาสูบเฉินจิ่นมองท้องฟ้า “คุณชายสาม ฝนใกล้จะตกแล้ว กลับเข้าไปเถอะครับ”กงเฉินเงยหน้าขึ้นมองเมฆสีดําที่ปกคลุมดวงจันทร์และพ่นหมอกสีขาวออกมา ในขณะที่เขามองไปยังห้องมืดห้องหนึ่งในเรือนของกงสือเหยียนเขาหยิบโทรศัพท์ออกมาอีกครั้ง แต่หน้าจอกลับเป็นสถานะการอัปเดตของกงเยี่ยนประโยคเดียว [แมวขี้เกียจตัวน้อย]พร้อมกับรูปถ่ายรูปหนึ่งในร
หลิวเหอยิ่งคิดไป ยิ่งพูดก็ยิ่งฮึกเหิมหลินจืออี้คว้าไหล่ของเธอแล้วเขย่าไปมา “แม่ ฉันจำเป็นต้องหาผู้ชายด้วยเหรอ? ฉันไม่ต้องการใครทั้งนั้น! ถ้าแม่ยังบังคับฉันอีก ฉันก็จะไปหาใครสักคนมาแต่งงานส่งๆ ซะเลย”“ดูแกสิ ฉันก็หวังดีกับแกนะ หาผู้ชายดีๆ สักคน ใช้ชีวิตดีๆ ไม่ดีหรือไงกัน?”"ชีวิตดีๆ ฉันพึ่งพาตัวเองไม่ได้เหรอ? ถึงต้องพึ่งผู้ชาย” หลินจืออี้โต้กลับ“ฉัน... ฉันเถียงสู้แกไม่ได้ รีบไปนอนซะ”หลิ่วเหอโบกมืออย่างจนใจหลินจืออี้กลับไปที่ห้องแล้วนอนลงบนเตียง ถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็นึกถึงโทรศัพท์มือถือที่ปิดเครื่องของตัวเองเธอหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าและรวบรวมความกล้าเปิดโทรศัพท์ทีแรกคิดว่าจะติ๊งๆ ดังไม่หยุด คิดไม่ถึงว่าโทรศัพท์จะเงียบเป็นพิเศษเมื่อกดเปิดข้อความส่วนตัวขึ้นมา ข้อความที่ด่าเธอในตอนแรกก็ถูกถอนออกไปหมดแล้ว แถมยังขอโทษเธอด้วยและในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงนี้ ซ่งหว่านชิวที่ควรจะภูมิใจในตัวเองกลับสูญเสียแฟนๆ ไปหลายแสนซ้ำยังถูกแฟนคลับเหยียบซ้ำทุกอย่างต้องเริ่มต้นหลังจากหลินจืออี้ส่งจดหมายขอโทษแฟนคลับของซ่งหว่านชิวด่าหลินจืออี้ยังไม่พอ ยังไปด่าโรงพ
กงเยี่ยนแอบช่วยหลินจืออี้ไว้มากขนาดนั้น เธอก็รู้สึกไม่ค่อยดีที่จะทําให้เขากระอักกระอ่วนเพียงเพราะแค่รูปถ่ายใบเดียวแต่สิ่งที่ควรพูดให้ชัดเจนก็ต้องพูดให้ชัดเจนไว้ก่อนพี่ใหญ่ก็คือพี่ใหญ่ ไม่มีอะไรอย่างอื่นอีกผ่านไปครู่ใหญ่ กงเยี่ยนก็ส่งรอยยิ้มกลับมา[พักผ่อนเร็วๆ หน่อยนะ][ค่ะ]เมื่อออกจากไลน์ หลินจืออี้ก็พลิกดูโทรศัพท์ที่ไม่ได้รับพอเห็นเบอร์โทรของกงเฉินแล้ว นิ้วมือเธอก็ชะงัก สุดท้ายก็วางโทรศัพท์ลง แล้วอาบน้ำเข้านอนเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น หลินจืออี้ก็ตื่นนอนและไปที่ห้องครัวระหว่างทางเธอยังคิดหาจะใช้ข้ออ้างอะไรให้คนใช้ยืมห้องครัวให้เธอใช้เพราะก่อนหน้านี้ เวลาเธอไปหาอะไรกินมักจะถูกคนอื่นเยาะเย้ยถากถางอยู่เสมอนึกไม่ถึงว่าพอเข้าประตูมา คนที่ยุ่งวุ่นวายล้วนเป็นคนแปลกหน้าทั้งนั้นหลังจากอีกฝ่ายเห็นเธอ ก็รีบวางงานในมือลงทันที และทักทายอย่างเป็นระเบียบ“คุณหนูหลิน คุณหิวหรือเปล่าคะ? เราจะเพิ่มความเร็วให้เร็วหน่อย แป๊ปหนึ่งนะคะ”คนที่พูดเป็นผู้หญิงอายุห้าสิบกว่าๆ มีรอยยิ้มอ่อนโยนมากหลินจืออี้อยู่ในตระกูลกงยังไม่เคยถูกคนใช้ปฏิบัติต่ออย่างนอบน้อมแบบนี้มาก่อน ชั่วขณะหนึ่งจึงรู้สึก
“พี่ใหญ่ พี่มาได้ยังไง”เธอเช็ดมือก่อนจะทักทาย“ฉันเห็นว่าเธอบาดเจ็บ เลยอยากไปส่งเธอที่สตูดิโอเช้านี้ เธออย่าไปเบียดรถไฟใต้ดินเลย” กงเยี่ยนเห็นเธอสวมผ้ากันเปื้อนจึงถามอย่างลังเลว่า “นี่เธอทําอะไรน่ะ?”หลินจืออี้ยกมือที่เปื้อนแป้งบางๆ เอ่ยขึ้นมาอย่างอายๆ “เดิมทีคิดจะทําขนมเปี๊ยะให้พี่กับคุณนายใหญ่ลองชิมดู แต่กลับถูกพี่จับได้ซะก่อน”“งั้นให้ฉันไปก่อนไหม?” กงเยี่ยนพูดติดตลกหลินจืออี้ยิ้มตามเขา “พี่ใหญ่ พี่นั่งรอปแป๊ปนะ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”กงเยี่ยนตอบอืมหลินจืออี้ทําอาหารเช้าอย่างคล่องแคล่ว พอเห็นกงเยี่ยนเอาแต่มองนาฬิกาข้อมือเป็นครั้งคราว จึงห่ออาหารเช้าทั้งหมดลงในกล่องข้าวที่เพิ่งซื้อมาใหม่แล้วหันไปกําชับคนรับใช้อีกว่า “อาหารจานนี้ของคุณนายใหญ่ค่อนข้างจะนิ่ม ย่อยง่ายหน่อย อย่าลืมให้เธอกินตอนร้อนๆ ล่ะ”“ได้ค่ะ”จากนั้นเธอก็ส่งถุงลายสก็อตสีน้ำเงินให้กับกงเยี่ยน“พี่ใหญ่ อย่ารังเกียจเลย กล่องข้าวเป็นของใหม่ทั้งหมด เดิมทีตั้งใจว่าต่อไปจะไปทํากับข้าวกินเองที่สตูดิโอ”“ไม่รังเกียจหรอก วันหลังอย่าลำบากแบบนี้อีก” กงเยี่ยนรับถุงมา “ไปกันเถอะ ฉันจะไปส่งเธอที่สตูดิโอ”“ค่ะ”เนื่องจาก
เลขาของกงเยี่ยนรู้สึกเหมือนโดนตบที่ขาของตัวเอง ทั้งตัวยืนไม่มั่นคง น้ำชาในมือสาดลงบนตัวกงเยี่ยนและกล่องอาหารกงเยี่ยนขมวดคิ้วเลขารีบพูดว่า “ขอโทษค่ะ คุณชายใหญ่ ฉันไม่ได้ตั้งใจค่ะ”ในเวลานี้ กงเฉินบีบก้นบุหรี่เข้าไปในที่เขี่ยบุหรี่“ฉันมาหานายก็เพื่อจะให้นายไปทําธุระที่เมืองไห่เฉิง เอกสารวางอยู่ที่นี่แล้ว อย่าลืมอ่านล่ะ”กงเยี่ยนชําเลืองมองเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะทํางาน “ครับ”“ไปก่อนล่ะ”กงเฉินจากไปโดยไม่หันกลับมามองเลยในห้องทํางาน กงเยี่ยนรับผ้าเช็ดหน้าในมือเลขามา สีหน้ายังคงอ่อนโยนเหมือนเดิม“ออกไปเตรียมสำหรับการไปทำงานนอกสถานที่หน่อย”“ค่ะ”เลขาลุกขึ้นและออกจากห้องทํางานกงเยี่ยนจ้องมองกล่องอาหารบนโต๊ะ สายตาเข้มขึ้นภายในลิฟต์เฉินจิ่นเล่นก้อนหินเล็กๆ ในมืออยู่“คุณชายสาม คุณเรียกผมตามมาก็เพื่อ...”“หืม?”“ไม่มีอะไร”……ต้องขอบคุณกงเยี่ยน หลินจืออี้จึงไม่ได้มาสาย เพิ่งกดบัตรเสร็จ เธอยังไม่ทันได้ดีใจ ก็ได้ยินเสียงที่ทําลายบรรยากาศดังขึ้นซะแล้ว“จืออี้”เสิ่นเยียนในชุดพนักงานต้อนรับ เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม“เธอเป็นพนักงานต้อนรับคนใหม่เหรอ?”ในใจของหลินจืออี้ยกย่อง
เซวียมั่นคิดแล้วคิดอีก แล้วพูดอย่างระมัดระวังว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นพวกเธอสามคนที่เป็นนักศึกษาฝึกงานใหม่ ก็ต่าวไปออกแบบมาคนละฉบับ แล้วไปพบประธานอวี๋กับฉันด้วยกัน”“ค่ะ” หลินจืออี้และเฉินฮวนตอบพร้อมกันมีเพียงซ่งหว่านชิวเท่านั้นที่พูดอย่างมั่นใจว่า “ประธานเซวีย ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเราขนาดนี้หรอกค่ะ ถึงเวลานั้นฉันจะนัดประธานอวี๋ พาจืออี้กับเฉินฮวนไปด้วยกันก็ได้แล้ว”เซวียมั่นยุ่งจริงๆ นั่นแหละ จึงพยักหน้าตกลงเมื่อสิ้นสุดการประชุมหลายคนล้อมซ่งหว่านชิวด้วยความอิจฉา“หว่านชิว เธอสมกับเป็นผู้หญิงของคุณชายสามจริงๆ นะ รู้จักคนไปทั่วเลย”“ที่ไหนกันล่ะคะ”ซ่งหว่านชิวเงยหน้ามองหลินจืออี้ ดวงตาแฝงรอยยิ้มหลินจืออี้ไม่สนใจเธอ หยิบของแล้วเดินออกไปข้างนอกพร้อมกับเฉินฮวนเฉินฮวนพึมพําว่า "จืออี้ ถ้าเธอมีเครือข่ายที่กว้างขวางแบบนี้ เธอต้องออกแบบได้ดีกว่าคุณซ่งอย่างแน่นอน"“เฉินฮวน หยุดพูดได้แล้ว”หลินจืออี้ขัดจังหวะ รู้สึกเสมอว่าบางครั้งเฉินฮวนมักพูดจาแปลกๆ อยู่ตลอดเมื่อกลับถึงที่นั่ง หลินจืออี้ที่กําลังคิดและออกแบบอยู่ในหัว จู่ๆ บนโต๊ะก็มีเอกสารกองหนึ่งวางลงมา“หลินจืออี้ ไปถ่ายเอก
เลขาของกงเยี่ยนรู้สึกเหมือนโดนตบที่ขาของตัวเอง ทั้งตัวยืนไม่มั่นคง น้ำชาในมือสาดลงบนตัวกงเยี่ยนและกล่องอาหารกงเยี่ยนขมวดคิ้วเลขารีบพูดว่า “ขอโทษค่ะ คุณชายใหญ่ ฉันไม่ได้ตั้งใจค่ะ”ในเวลานี้ กงเฉินบีบก้นบุหรี่เข้าไปในที่เขี่ยบุหรี่“ฉันมาหานายก็เพื่อจะให้นายไปทําธุระที่เมืองไห่เฉิง เอกสารวางอยู่ที่นี่แล้ว อย่าลืมอ่านล่ะ”กงเยี่ยนชําเลืองมองเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะทํางาน “ครับ”“ไปก่อนล่ะ”กงเฉินจากไปโดยไม่หันกลับมามองเลยในห้องทํางาน กงเยี่ยนรับผ้าเช็ดหน้าในมือเลขามา สีหน้ายังคงอ่อนโยนเหมือนเดิม“ออกไปเตรียมสำหรับการไปทำงานนอกสถานที่หน่อย”“ค่ะ”เลขาลุกขึ้นและออกจากห้องทํางานกงเยี่ยนจ้องมองกล่องอาหารบนโต๊ะ สายตาเข้มขึ้นภายในลิฟต์เฉินจิ่นเล่นก้อนหินเล็กๆ ในมืออยู่“คุณชายสาม คุณเรียกผมตามมาก็เพื่อ...”“หืม?”“ไม่มีอะไร”……ต้องขอบคุณกงเยี่ยน หลินจืออี้จึงไม่ได้มาสาย เพิ่งกดบัตรเสร็จ เธอยังไม่ทันได้ดีใจ ก็ได้ยินเสียงที่ทําลายบรรยากาศดังขึ้นซะแล้ว“จืออี้”เสิ่นเยียนในชุดพนักงานต้อนรับ เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม“เธอเป็นพนักงานต้อนรับคนใหม่เหรอ?”ในใจของหลินจืออี้ยกย่อง
“พี่ใหญ่ พี่มาได้ยังไง”เธอเช็ดมือก่อนจะทักทาย“ฉันเห็นว่าเธอบาดเจ็บ เลยอยากไปส่งเธอที่สตูดิโอเช้านี้ เธออย่าไปเบียดรถไฟใต้ดินเลย” กงเยี่ยนเห็นเธอสวมผ้ากันเปื้อนจึงถามอย่างลังเลว่า “นี่เธอทําอะไรน่ะ?”หลินจืออี้ยกมือที่เปื้อนแป้งบางๆ เอ่ยขึ้นมาอย่างอายๆ “เดิมทีคิดจะทําขนมเปี๊ยะให้พี่กับคุณนายใหญ่ลองชิมดู แต่กลับถูกพี่จับได้ซะก่อน”“งั้นให้ฉันไปก่อนไหม?” กงเยี่ยนพูดติดตลกหลินจืออี้ยิ้มตามเขา “พี่ใหญ่ พี่นั่งรอปแป๊ปนะ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”กงเยี่ยนตอบอืมหลินจืออี้ทําอาหารเช้าอย่างคล่องแคล่ว พอเห็นกงเยี่ยนเอาแต่มองนาฬิกาข้อมือเป็นครั้งคราว จึงห่ออาหารเช้าทั้งหมดลงในกล่องข้าวที่เพิ่งซื้อมาใหม่แล้วหันไปกําชับคนรับใช้อีกว่า “อาหารจานนี้ของคุณนายใหญ่ค่อนข้างจะนิ่ม ย่อยง่ายหน่อย อย่าลืมให้เธอกินตอนร้อนๆ ล่ะ”“ได้ค่ะ”จากนั้นเธอก็ส่งถุงลายสก็อตสีน้ำเงินให้กับกงเยี่ยน“พี่ใหญ่ อย่ารังเกียจเลย กล่องข้าวเป็นของใหม่ทั้งหมด เดิมทีตั้งใจว่าต่อไปจะไปทํากับข้าวกินเองที่สตูดิโอ”“ไม่รังเกียจหรอก วันหลังอย่าลำบากแบบนี้อีก” กงเยี่ยนรับถุงมา “ไปกันเถอะ ฉันจะไปส่งเธอที่สตูดิโอ”“ค่ะ”เนื่องจาก
กงเยี่ยนแอบช่วยหลินจืออี้ไว้มากขนาดนั้น เธอก็รู้สึกไม่ค่อยดีที่จะทําให้เขากระอักกระอ่วนเพียงเพราะแค่รูปถ่ายใบเดียวแต่สิ่งที่ควรพูดให้ชัดเจนก็ต้องพูดให้ชัดเจนไว้ก่อนพี่ใหญ่ก็คือพี่ใหญ่ ไม่มีอะไรอย่างอื่นอีกผ่านไปครู่ใหญ่ กงเยี่ยนก็ส่งรอยยิ้มกลับมา[พักผ่อนเร็วๆ หน่อยนะ][ค่ะ]เมื่อออกจากไลน์ หลินจืออี้ก็พลิกดูโทรศัพท์ที่ไม่ได้รับพอเห็นเบอร์โทรของกงเฉินแล้ว นิ้วมือเธอก็ชะงัก สุดท้ายก็วางโทรศัพท์ลง แล้วอาบน้ำเข้านอนเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น หลินจืออี้ก็ตื่นนอนและไปที่ห้องครัวระหว่างทางเธอยังคิดหาจะใช้ข้ออ้างอะไรให้คนใช้ยืมห้องครัวให้เธอใช้เพราะก่อนหน้านี้ เวลาเธอไปหาอะไรกินมักจะถูกคนอื่นเยาะเย้ยถากถางอยู่เสมอนึกไม่ถึงว่าพอเข้าประตูมา คนที่ยุ่งวุ่นวายล้วนเป็นคนแปลกหน้าทั้งนั้นหลังจากอีกฝ่ายเห็นเธอ ก็รีบวางงานในมือลงทันที และทักทายอย่างเป็นระเบียบ“คุณหนูหลิน คุณหิวหรือเปล่าคะ? เราจะเพิ่มความเร็วให้เร็วหน่อย แป๊ปหนึ่งนะคะ”คนที่พูดเป็นผู้หญิงอายุห้าสิบกว่าๆ มีรอยยิ้มอ่อนโยนมากหลินจืออี้อยู่ในตระกูลกงยังไม่เคยถูกคนใช้ปฏิบัติต่ออย่างนอบน้อมแบบนี้มาก่อน ชั่วขณะหนึ่งจึงรู้สึก
หลิวเหอยิ่งคิดไป ยิ่งพูดก็ยิ่งฮึกเหิมหลินจืออี้คว้าไหล่ของเธอแล้วเขย่าไปมา “แม่ ฉันจำเป็นต้องหาผู้ชายด้วยเหรอ? ฉันไม่ต้องการใครทั้งนั้น! ถ้าแม่ยังบังคับฉันอีก ฉันก็จะไปหาใครสักคนมาแต่งงานส่งๆ ซะเลย”“ดูแกสิ ฉันก็หวังดีกับแกนะ หาผู้ชายดีๆ สักคน ใช้ชีวิตดีๆ ไม่ดีหรือไงกัน?”"ชีวิตดีๆ ฉันพึ่งพาตัวเองไม่ได้เหรอ? ถึงต้องพึ่งผู้ชาย” หลินจืออี้โต้กลับ“ฉัน... ฉันเถียงสู้แกไม่ได้ รีบไปนอนซะ”หลิ่วเหอโบกมืออย่างจนใจหลินจืออี้กลับไปที่ห้องแล้วนอนลงบนเตียง ถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็นึกถึงโทรศัพท์มือถือที่ปิดเครื่องของตัวเองเธอหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าและรวบรวมความกล้าเปิดโทรศัพท์ทีแรกคิดว่าจะติ๊งๆ ดังไม่หยุด คิดไม่ถึงว่าโทรศัพท์จะเงียบเป็นพิเศษเมื่อกดเปิดข้อความส่วนตัวขึ้นมา ข้อความที่ด่าเธอในตอนแรกก็ถูกถอนออกไปหมดแล้ว แถมยังขอโทษเธอด้วยและในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงนี้ ซ่งหว่านชิวที่ควรจะภูมิใจในตัวเองกลับสูญเสียแฟนๆ ไปหลายแสนซ้ำยังถูกแฟนคลับเหยียบซ้ำทุกอย่างต้องเริ่มต้นหลังจากหลินจืออี้ส่งจดหมายขอโทษแฟนคลับของซ่งหว่านชิวด่าหลินจืออี้ยังไม่พอ ยังไปด่าโรงพ
เฉินจิ่นพบกงเฉินที่กําลังดื่มชาอย่างเงียบๆ ในห้องทํางานของหลี่ฮวน“คุณชายสาม คุณหนูหลินถูกคุณชายใหญ่พาตัวไปแล้วครับ”กงเฉินหรี่ตา หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาหลินจืออี้ปิดเครื่องแล้วถ้วยชาแตกในมือของกงเฉินพร้อมกับเสียงของระบบโทรศัพท์ดวงตาเขาฉายแววอึมครึม ทําให้คนกลัวจนตัวสั่นหลี่ฮวนเหลือบมองเขา "ลนแล้วเหรอ? แล้วเมื่อกี้นายบังคับเธอทําไมล่ะ?”กงเฉินโยนถ้วยชาที่แตกลงในถังขยะ ขี้เกียจที่จะอธิบายอะไรหลี่ฮวนชี้ไปที่เสื้อไหมพรมที่พับไว้บนโต๊ะ “แม้แต่เสื้อไหมพรมตัวนี้นายก็ให้เธอใส่ นี่มัน...”“นายว่างมากเหรอ?”กงเฉินขัดจังหวะ หยิบเสื้อไหมพรมขึ้นมาแล้วหันหลังเดินจากไปเมื่อกลับมาถึงบ้านตระกูลกงก็ดึกมากแล้วกงเฉินยืนอยู่ในลานบ้าน จุดบุหรี่มวนหนึ่งขึ้นมาสูบเฉินจิ่นมองท้องฟ้า “คุณชายสาม ฝนใกล้จะตกแล้ว กลับเข้าไปเถอะครับ”กงเฉินเงยหน้าขึ้นมองเมฆสีดําที่ปกคลุมดวงจันทร์และพ่นหมอกสีขาวออกมา ในขณะที่เขามองไปยังห้องมืดห้องหนึ่งในเรือนของกงสือเหยียนเขาหยิบโทรศัพท์ออกมาอีกครั้ง แต่หน้าจอกลับเป็นสถานะการอัปเดตของกงเยี่ยนประโยคเดียว [แมวขี้เกียจตัวน้อย]พร้อมกับรูปถ่ายรูปหนึ่งในร
“อาเล็ก เพื่อช่วยซ่งหว่านชิวล้างมลทินให้ขาวสะอาด ทุ่มเทแรงกายแรงใจจริงๆ เลยนะ”“แต่ฉันจะไม่ยอมให้พวกอาสมหวัง! ต่อให้ฉันต้องตาย ฉันก็จะลากซ่งหว่านชิวไปลงนรกให้ได้!”หลินจืออี้ถลึงตาใส่ซ่งหว่านชิวอย่างแรง แล้วเดินไปที่ประตูด้านหลัง เสียงทุ้มต่ำและเย็นชาของกงเฉินดังขึ้นเบาๆ “หลินจืออี้ แม่เธอก็ไม่สนใจแล้วเหรอ?”หลินจืออี้หยุดเดินทันทีริมฝีปากของเธอขาวซีด แม้แต่สมองก็ว่างเปล่าไปชั่วขณะเธอค่อยๆ หันกลับมา จ้องมองชายตรงหน้า ดวงตาแดงก่ำราวกับจะหลั่งเลือดในวินาทีต่อมา"ได้ ได้..."เธอก้มลงเก็บเอกสารบนพื้นอย่างแข็งทื่อ นิ้วมือสั่นระริกด้วยความอัปยศอดสูเมื่อกดแป้นพิมพ์ไปทีละคําๆเธอหลับตาเล็กน้อยและกดปุ่มส่งออกอย่างแรงเมื่อกงเฉินเดินเข้ามาใกล้ เธอถอยหลังและยิ้มให้เขาอ่อนๆ“อาเล็ก พอใจหรือยัง ได้หรือยัง?"ราวกับกลัวว่าเขาจะไม่ได้ยิน เธอถามออกไปอีกครั้งความไม่แยแสที่เปิดเผยในดวงตาของเธอทําให้เขาเห็นความรกร้างและความมืดที่ไม่มีที่สิ้นสุดในหัวใจของเธอดวงตาของกงเฉินสั่นเล็กน้อย ในดวงตามีความสับสนวุ่นวายที่ไม่สามารถอธิบายได้หลินจืออี้มองหลี่ฮวนที่เหม่อลอย แล้วยื่นมือออกมาพูดว่า “ถ
ณ โรงพยาบาลพอหลินจืออี้ให้น้ำเกลือเสร็จ ไข้ก็ลดลงหมดแล้ว แม้คนจะไม่มีแรง แต่สภาพโดนรวมก็ถือว่าไม่เลว"ไม่นอนโรงพยาบาลจริงๆ เหรอ ดื่มเหล้าเยอะขนาดนั้น แถมยังตกน้ำเป็นไข้ เข้าโรงพยาบาลดูอาการวันหนึ่งก็เป็นเรื่องปกติ” หลี่ฮวนเขียนเวชระเบียนไปด้วยและชักชวนไปด้วยหลินจืออี้ไม่สนใจเขา เปิดผ้าห่มออกหมายจะลงจากเตียงทุกครั้งที่เธอเห็นหลี่ฮวน อารมณ์ของเธอก็จะซับซ้อนมากเธอเคยถามพยาบาลเป็นการส่วนตัว และได้รับการบอกว่าหลี่ฮวนเป็นหมอที่มีชื่อเสียงและมีความสามารถที่ดี แม้แต่ผู้ป่วยก็ยังชื่นชมเขาเป็นไปไม่ได้ที่จะทําการผ่าตัดปลูกถ่ายไตของเด็กโดยไม่ได้รับอนุญาตแต่ก็ตัดออกไม่ได้ว่าเขาจะเห็นแก่ความสัมพันธ์ของเขากับกงเฉินโดยรวมแล้ว สาเหตุหลักอยู่ที่กงเฉินทั้งนั้นหลี่ฮวนเห็นเธอตัดสินใจแล้ว ก็ถอนหายใจเล็กน้อย หางตาเหลือบไปเห็นเสื้อไหมพรมที่เธอสวมพอดี จึงอดตกใจไม่ได้เสื้อไหมพรมนี้ของกงเฉินไม่ใช่เหรอ...หลินจืออี้ไม่ได้สังเกตสีหน้าของหลี่ฮวน สะพายกระเป๋าแล้วเดินไปที่ประตูยังไม่ทันได้เดินออกไป ก็มีเงาร่างหนึ่งขวางทางเธอเอาไว้มือของชายคนนั้นที่สวมหยกสีแดงวางอยู่บนกรอบประตู ดวงตาที่ลึกล้ำข
"เกิดอะไรขึ้น? ทําไมต้องโมโหขนาดนี้ด้วย?”ฉินซว คุณนายซ่ง ก้าวไปข้างหน้าและกอดซ่งหว่านชิว เมื่อเห็นใบหน้าของเธอเธอก็ตกใจและถามต่อไปว่า "เกิดอะไรขึ้น? ใครกล้ามาทําร้ายแกแบบนี้?”“เป็นหลินจืออี้”ซ่งหว่านชิวเล่าเรื่องให้ฉินซวงฟังอย่างคับแค้นใจฉินซวงยิ่งฟังก็ยิ่งโกรธ พลันตบโต๊ะอย่างแรง“ไร้เหตุผลสิ้นดี! ก่อนหน้านี้ทําให้พวกเราเสียหน้า จนต้องไปขอโทษนังแพศยาหลิ่วเหอนั่นที่บ้านอีก ตอนนี้มันที่เป็นแค่ลูกติดก็กล้ามาเล่นลูกไม้ต่อหน้าแกงั้นเหรอ? ดูท่าทางแล้วไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเอาซะเลย!”“แม่คะ คุณท่านกับประธานเซวียเห็นหมดแล้ว ฉันควรทํายังไงดี?” ซ่งหว่านชิวเม้มปากฉินซวงลุกขึ้นเดินไปเดินมาด้วยรูปร่างที่สง่างาม แต่สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ทันใดนั้น เธอก็หยุดเดินพลันเลิกคิ้วและยิ้ม“ตอนนี้ หลินจืออี้ก็ไม่มีไพ่ตายอยู่ในมือแล้ว เป็นโอกาสดีที่จะลงมือ”“แต่โทรศัพท์ของหนูก็โดนลบทิ้งแล้วเหมือนกันนะคะ” ซ่งหว่านชิวพูดอย่างโกรธเคือง"แล้วมันเกี่ยวอะไรด้วย? อย่าลืมสิ ไพ่ตายของเราคือแก ในแง่ของการดึงดูดใจคน มันจะไปสู้แกได้ยังไง?” ฉินซวงยกคางของเธอขึ้นและพูดอย่างน่าสงสาร “ดูหน้าแกสิ