เฉินฮวนมองไปที่ซ่งหว่านชิวด้วยความกังวล “อันนี้... จะดีเหรอคะ? ไวน์ของคุณชายสามคงไม่ถูกใช่ไหมคะ?”ซ่งหว่านชิวยิ้มอย่างสบายๆ “คุณชายสามพาฉันมาบ่อยๆ เขาก็ให้ฉันเลือกตามใจชอบนะ ฉันก็ไม่ค่อยรู้ราคาหรอก แต่ก่อนหน้านี้ฉันทำขวดไวน์ตกขวดหนึ่ง เขาบอกว่ามันราคาหลานแสนเลยล่ะ แต่คุณชายสามก็ไม่ได้ว่าอะไรนะคะ แค่ห่วงว่าฉันจะได้รับบาดเจ็บเท่านั้น”“โอ้ย ทำไมเหมือนได้กลิ่นความรักลอยฟุ้งละเนี่ย? ทุกคนยังไม่ขอบคุณว่าที่เถ้าแก้เนี้ยกันอีก?” เพื่อนร่วมงานล้อเลียน“ขอบคุณครับ/ค่ะ เถ้าแก้เนี้ย”“อย่าทำแบบนี้สิ ฉันไม่พูดแล้ว”ซ่งหว่านชิวทำสีหน้าแดงอาย ราวกับสาวน้อยที่รู้สึกเขินอาย แต่สายตาของเธอกลับจับจ้องไปที่หลินจืออี้อย่างมั่นคง ราวกับกำลังประกาศสิทธิ์ในตัวเองหลินจืออี้มองเธอแล้วก็แกล้งยิ้มพร้อมเพื่อนร่วมงานเธอไม่สนใจแม้กระทั้งกงเฉิน แล้วจะไปสนใจว่าที่เถ้าแก้เนี้ยอย่างซ่งหว่านชิวเนี่ยนะ?ในขณะนั้น เฉินฮวนก็ย้ายมานั่งข้างหลินจืออี้ ยิ้มกว้าง“ฉันอิจฉาคุณซ่งจริงๆ เลยนะ แต่จืออี้คงไม่อิจฉาหรอก เพราะแฟนเธอก็คงดีกับเธอมากเลยล่ะ”“ฉันไม่มีแฟน” หลินจื่ออี้ย้ำเสียงแข็ง“แล้วที่คอเธอล่ะ...?”“หมากัด
ในขณะที่กงเฉินพาซ่งหว่านชิวออกไป ซ่งหว่านชิวที่พิงไหล่เขาอยู่ก็หันกลับมามองหลินจืออี้ด้วยสายตาเกรี้ยวกราดเพียงแค่นั้นหลินจืออี้ก็รู้แล้วว่า ซ่งหว่านชิวคงจะพยาบาทเธออีกครั้งแน่หลินจืออี้ถอนสายตากลับมา แล้วมองเฉินฮวนด้วยความไม่เข้าใจ“เมื่อกี้เธอพูดอะไรน่ะ?”“จืออี้ ขอโทษนะ ฉันดื่มเยอะไปหน่อย เลยพูดล้อเล่นนิดหน่อย เธออย่าถือสาเลย”เฉินฮวนหน้าแดงก่ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ดูก็รู้ว่าดื่มไปไม่น้อยจริงๆหลินจืออี้เองจะเอาคำพูดของคนเมามาเป็นเรื่องจริงจังก็คงไม่ได้ เธอจึงได้แต่เพียงเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะเงียบไป ไม่พูดอะไรอีกบรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความครึกครื้น หลายคนดื่มจนเริ่มปล่อยตัวตามสบายเฉินฮวนลุกขึ้นอย่างโซเซ “ฉันเพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ ขอถือโอกาสดื่มให้พี่ๆ ทุกคนสักแก้วนะคะ”พูดจบ เธอก็เงยหน้ากระดกเหล้าหมดแก้วในรวดเดียว แล้วพลิกแก้วคว่ำลงให้ทุกคนดูเพื่อยืนยันว่าเธอดื่มหมดจริงๆนี่มันทำให้คนอื่นๆ เหลือบตามองหลินจืออี้ไปด้วยเธอได้แต่ลุกขึ้นยกแก้วในมือขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “ฉันเองก็ขอดื่มให้ทุกคนด้วยค่ะ”ก่อนหน้านี้ซ่งหว่านชิวก็คอยชักชวนให้ทุกคนดื่มกันหนักอยู่แล้ว หลินจ
เฉินจิ่นพยักหน้าเล็กน้อย “เชิญครับ”ซ่งหว่านชิวเปิดประตูรถลงไปและเดินตรงไปยังอี๋หยวน…หลินจืออี้เดินออกจากห้องรับรองตามทางเดินยาว ลมเย็นที่พัดผ่านทำให้เธอที่กำลังเมาหนักอยู่แล้วยิ่งรู้สึกมึนงงกว่าเดิมความเมาเริ่มแทรกซึมลึกขึ้นอีกขั้นเธอจับเสาพยุงตัวพลางเดินไปตามความรู้สึก แต่พอเดินไปได้สักพักก็เหมือนจะนึกขึ้นได้ว่าตรงนี้ต้องเลี้ยว เธอเลยหันตัวกะทันหัน ทว่ากลับเหยียบพลาดตกบันไดเข้าเต็มๆตามมาด้วยเสียงดังตุ้ม ทันใดนั้นทั้งตัวเธอก็เปียกชุ่มไปหมดทันที ความเย็นเฉียบที่กระจายไปทั่วทำให้เธอได้สติขึ้นมาไม่น้อยหลินจืออี้ถึงเพิ่งรู้ว่าเธอเผลอตกลงไปในสระน้ำขนาดเล็ก เมื่อมองน้ำที่ลึกมาถึงช่วงอกพอดี ความรู้สึกอับอายก็พุ่งขึ้นมาทันทีเธอค่อยๆ เดินไปที่ขอบสระ แล้วเหยียบขั้นบันไดทีละก้าวอย่างระมัดระวังเพื่อขึ้นจากน้ำแต่ขอบสระที่เธอปีนขึ้นอยู่ติดกับกระจกหน้าต่างบานใหญ่ของสำนักงานผู้จัดการกงเฉินไม่ได้โกหกซ่งหว่านชิว ผู้จัดการอี๋หยวนมีเรื่องต้องหารือกับเขาจริงๆ“คุณชายสามครับ คุณหนูซ่งเพิ่งติดหนี้ไว้ที่นี่กว่าห้าล้าน วันนี้เธอก็เปิดไวน์หกขวดของคุณอีก จะลงบันทึกเป็นชื่อคุณเหมือนเดิม หรื
หลินจืออี้เบิกตาโพลงมองผู้ชายตรงหน้าก็เห็นเพียงเขายกมือสองข้างขึ้นดึงคอเสื้อด้านหลังแล้วดึงไปข้างหน้า เสื้อถูกถอดออกมาทันที เผยให้เห็นร่างกายอันเต่งตึงที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อผ้าเพราะยกแขนทั้งสองข้างขึ้น กล้ามเนื้อที่เอวและท้องก็ขยับตามไปด้วย แต่กลับเห็นกล้ามเนื้อที่ชัดเจน ไม่มีไขมันส่วนเกินเลยแม้แต่นิดเดียวหลินจืออี๋อึ้งไปเล็กน้อย ทันใดนั้นเสื้อไหมพรมตัวหนึ่งก็ปาใส่หน้าเธอกงเฉินเอนกายพิงโต๊ะ กวาดตามองหลินจืออี้ด้วยสายตากรุ้มกริ่ม “คืนนั้นยังดูไม่พอหรือ? ไม่อยากป่วยก็ไปเปลี่ยนข้างในซะ”ใบหน้าของหลินจืออี้ร้อนผ่าวขึ้นมาทันที เธอคว้าเสื้อไหมพรมแล้ววิ่งเข้าไปในห้องเล็กก่อนจะวางผ้าม่านลงหลังจากนั้น ทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดอะไรกัน ในอากาศมีเพียงเสียงหลินจืออี้ที่กำลังถอดเสื้อผ้ากงเฉินหยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งมวน เมื่อเขากําลังจะจุดไฟ สายตาก็ถูกเงาบนผ้าม่านแย่งไปหลินจืออี้ที่กําลังถอดเสื้อคอเต่าออก เมื่อยกแขนขึ้น ก็เผยให้เห็นรูปร่างที่มีส่วนโค้งส่วนเว้าออกมามันช่างดูเย้ายวนภายใต้บรรยากาศสลัวๆ แบบนี้เธอเป็นสาวสวยจัดอยู่แล้ว ไม่จําเป็นต้องเปลืองแรงเลย ก็สามารถกระตุ้นทุกอณูเซลล์ของผู้ชาย ม
จูบที่เผด็จการตกลงมา ไม่ให้โอกาสหลินจืออี้ได้ต่อต้านเลยแม้แต่น้อยริมฝีปากและฟันแนบชิดกัน กงเฉินสํารวจกลิ่นไวน์ที่โชยออกมาจากริมฝีปากของเธอทุกกระเบียดนิ้วหลินจืออี้ยกมือขึ้นผลักอกของเขา แต่เมื่อฝ่ามือสัมผัสผิวของเขา กลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเขาหายใจถี่ขึ้น จูบยิ่งแรงขึ้นแต่นี่ยังไม่เพียงพอ หลังจากชิมอาหารอันโอชะแล้ว ใครจะยอมสงบจิตสงบใจได้กันเล่า?กงเฉินก็เป็นผู้ชายเหมือนกันหลินจืออี้ถูกอุ้มไปที่โต๊ะไวน์ เสื้อไหมพรมหดตัวลง เผยให้เห็นผิวขาวๆ บนขามือของกงเฉินลูบไล้ตามผิวของเธอหลินจืออี้กําลังคิดว่าจะผลักเขาออกยังไง โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นกงเฉินยันตัวขึ้นอย่างไม่พอใจ ก่อนกวาดตามองหมายเลขแล้วรับสาย“เฉินจิ่น”“คุณชายสาม คุณซ่งไปเข้าห้องน้ำแล้วลื่นล้มโดยไม่ตั้งใจ มือที่บาดเจ็บก่อนหน้านี้ไปยันพื้นเข้า บอกว่าเจ็บมาก ผมเรียกรถพยาบาลพาเธอไปโรงพยาบาลแล้วครับ”“ส่งเสื้อผ้าชุดหนึ่งมาที่ห้องเก็บไวน์”"ห้องเก็บไวน์หรือครับ? ได้ครับ"ไม่นาน เฉินจิ่นก็มาถึง หลังจากกวาดมองทั้งสองคนแล้ว ก็รีบก้มหน้าส่งเสื้อผ้าที่สะอาดให้ จากนั้นก็ถอยออกไปกงจมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังม่านหลินจืออี้รีบ
หลินจืออี้มองซ่งหว่านชิวที่กําลังเข้าใกล้ ในใจไม่มีระลอกคลื่นใดๆเธอนั่งตัวตรง เหลือบมองมือที่บาดเจ็บของซ่งหว่านชิว แล้วยิ้มเยาะ “พูดจบแล้วเหรอ? ลำบากเธอจริงๆ เลยนะที่ได้รับบาดเจ็บแล้วไม่ลืมที่จะคุยกับฉัน นี่ไม่เหมาะกับบุคลิกที่บอบบางของเธอเลยนะ? ในเวลานี้เธอควรนอนบนเตบยงร้องห่มร้องไห้ถึงจะถูกสิ”หลินจืออี้ประชดประชันเธอกลับไปริมฝีปากของซ่งหว่านชิวสั่นระริก เธอกัดฟันพลางพูดว่า “ฉันเสแสร้งเท่าเธอไม่ได้หรอก ภายนอกดูต้องการตัดความสัมพันธ์กับคุณชายสาม แต่ลับหลังกลับอ่อยเขาไปทั่ว แผนแกล้งปล่อยเพื่อจับนี่เธอเข้าใจดีเหลือเกินนะ”"ทำไมเหรอ? อยากเรียนหรือไง?” หลินจืออี้ถามด้วยรอยยิ้มซ่งหว่านชิวโกรธจนหน้าดําหน้าแดงสมองเต็มไปด้วยฉากที่เห็นนอกห้องเก็บไวน์ตอนนั้นซ่งหว่านชิวบอกว่าจะไปห้องน้ำ ที่จริงก็แค่อยากจะยืนยันว่ากงเฉินไปหาหลินจืออี้หรือเปล่าเมื่อผู้อํานวยการร้านอาหารบอกว่ากงเฉินไปเขตสำนักงานแล้ว เธอดีใจมากอย่างน้อยก็แสดงว่าหลินจืออี้ไม่ได้สําคัญขนาดนั้นแต่เมื่อเธอไปถึงเขตสำนักงาน กลับเห็นกงเฉินอุ้มหลินจืออี้อยู่ ซ้ำยังพาหลินจืออี้ไปยังห้องเก็บไวน์ส่วนตัวที่เธอเข้าไปไม่ได้ซ
ซ่งหว่านชิวก็เป็นคนแบบนี้ จริงเท็จผสมกัน แต่สามารถแสดงออกมาได้อย่างจริงใจและน่าสงสารเธอจงใจพูดว่าหลินจืออี้พูดว่าไปทำลายเรื่องดีๆ ของเธอ กงเฉินย่อมต้องคิดเชื่อมกับเรื่องห้องเก็บไวน์หลินจืออี้มีประวัติวางยาเพื่อปีนขึ้นเตียง งั้นกงเฉินก็จะต้อวสงสัยว่าที่เธอเมาตกน้ำก็เพราะกําลังเล่นละครอยู่เขาเป็นคนขี้ระแวงอยู่แล้วเมื่อมีความสงสัย หลินจืออี้ก็จะถูกปฏิเสธโดยสิ้นเชิงในชาติก่อน หลินจืออี้ก็ถูกซ่งหว่านชิวบีบให้จนมุมด้วยวิธีนี้หลังจากฟังจบ สีหน้ กงเฉินที่ปกป้องซ่งหว่านชิวก็เย็นชาและน่ากลัวขึ้นมาทันทีและในเวลานี้ ด้านหลังกงเฉินยังมีคนสองคนตามมาด้วยคุณท่านกงและเซวียม่านที่เพิ่งกลับมาจากการเดินทาง ล้วนเป็นซ่งหว่านชิวที่เรียกมาในเวลาที่กําหนดทั้งสองมองรอยฝ่ามือบนใบหน้าซ่งหว่านชิว ต่างก็มองหลินจืออี้อย่างไม่พอใจคุณท่านกงเริ่มโจมตบก่อน "หลินจืออี้ แกล้งบ้าแกล้งโง่พอหรือยัง? ทำตัวแบบนี้ใช้ได้ซะที่ไหน?"เซวียม่านไม่ชอบผู้หญิงที่เจ้าแผนการ ถ้าหลินจืออี้เป็นคนแบบนี้ งั้นเธอก็ไม่สามารถให้เธออยู่ในสตูดิโอได้“หลินจืออี้ หวังว่าเธอจะให้คําอธิบายที่สมเหตุสมผลกับฉันด้วย”ไม่รอให้หลินจื
ซ่งหหว่านชิวกล้าให้ไหม?แน่นอนว่าไม่กล้าเธอพูดเองว่า ในมือถือเต็มไปด้วยรูปภาพที่ทําให้หลิ่วเหอและกงฉื่อหยานอับอายในวันนั้นน่าเสียดาย ตอนนี้จะให้หรือไม่ให้ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเธอแล้วคุณท่านกงมองไปที่บอดี้การ์ดที่อยู่ข้างหลังเขา บอดี้การ์ดเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์ของเธอ จากนั้นถอดรหัสหน้าจอและเปิดเครื่องและส่งออกไปภาพถ่ายหลายร้อยรูปในอัลบั้ม ทําให้เขาเกือบจะบีบหน้าจอโทรศัพท์แตก“ซ่งหหว่านชิว เธอใช้ได้เลยนะ ดูเหมือนว่าคําเตือนของฉันยังไม่เพียงพอสินะ!”“คุณ คุณท่านคะ ฉันไม่ได้...”ร่างกายของซ่งหหว่านชิวอ่อนปวกเปียก แทบจะคุกเข่าขอความเมตตาแล้วคุณท่านกงไม่แม้แต่จะมองเธอ โยนโทรศัพท์ให้กงเฉิน แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “แกจัดการซะ!”“ครับ”กงเฉินตอบรับเสียงเรียบขณะนี้เอง หลี่ฮวนก็มาถึง พอเห็นท่าทางของหลินจืออี้ก็ทําให้เขาตกใจจนเกือบจะกรีดร้อง"หลินจืออี้! คุณมีจิตสํานึกในการเป็นคนไข้หน่อยได้ไหม ผมให้น้ำเกลือคุณ แต่คุณมาทำเป็นบริจาคเลือดแทนเนี่ยนะ”ทุกคนจึงพบว่ามือที่ให้น้ำเกลือของหลินจืออี้มีเลือดกลับมาตั้งนานแล้ว ท่อส่งของเหลวสีแดงเลือดสายหนึ่งดูน่าตกใจยิ่งนักหลินจืออี้ร่างกายอ่อ
หลินจื้ออี้มองดูโต๊ะกลมขนาดใหญ่ เธออดคิดไม่ได้ว่าครั้งก่อนที่กินข้าวที่นี่คือเหตุการณ์ที่เธอเคยระเบิดใส่แม่ลูกตระกูลซ่งหว่านชิวคุณท่านกงซึ่งนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะแต่งตัวด้วยสูทเรียบร้อยสีหน้าเคร่งขรึมตามแบบฉบับเพราะคำนึงถามมารยาท หลินจื้ออี้จึงเอ่ยทักอย่างนอบน้อม “คุณท่าน”“อืม นั่งกินข้าวเถอะ”เขาโบกมือเชิญทุกคนเริ่มกินอาหารหลินจื้ออี้มองอาหารทะเลเต็มโต๊ะแล้วกลืนน้ำลายเบาๆ แต่เพราะมีคุณท่านอยู่เธอจึงคีบแค่เนื้อวัวตรงหน้าเท่านั้นเธอไม่ได้เป็นตัวแทนแค่ตัวเองแต่ยังเป็นตัวแทนของหลิ่วเหอด้วยพอคิดถึงเรื่องที่หลิ่วเหอยังต้องใช่ชีวิตอยู่ในตระกูลกงนี้ต่อไป ทุกการกระทำของเธอในฐานะลูกสาวจึงมีความสำคัญมากขณะกำลังคิดอยู่นั้น หลิ่วเหอก็คีบอาหารทะเลให้เธอหลายอย่าง ทั้งปลาดิบ เนื้อหอยสังข์ และยังตักโจ๊กกุ้งล็อบสเตอร์ชามใหญ่ให้ด้วยหลิ่วเหอพูดเบาๆอย่างแนบเนียนว่า “กินก่อนนะ เดี๋ยวถ้าโต๊ะหมุนมาถึง ฉันจะหยิบหอยเป๋าฮื้อดำ ไส้กุ้งในหอยเชลล์ แล้วก็กุ้งทะเลย่างให้เธอ”หลินจื้ออี้พยักหน้ารัวๆ พูดในใจว่า ขอบคุณนะแม่เมื่อก่อนเธอไม่กินอาหารทะเลเพราะรู้สึกว่ามันคาว แต่หลังจากได้ลองอาหารทะเลฝีมือพ่อ
“ฉัน…เธอท้องแล้ว!ฉันขอตั้งสติก่อนนะ ผู้หญิงคนนี้หลอกฉันทุกทางเลยเหรอเนี่ย? ทั้งที่ฉันยังอุตส่าห์ช่วยทำใบรับรองว่าเธอมีปัญหาทางจิตใจให้!”หลี่ฮวนแทบกรี๊ดออกมา เขาถูกหลินจืออี้หลอกเต็มๆ!“พูดมา”กงเฉินยกมือถือออกห่างจากหูด้วยสีหน้ารำคาญใจ“ภาวะเสี่ยงแท้งส่วนใหญ่ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ อาหารการกินก็ต้องระวัง โดยเฉพาะห้ามทำงานหนัก” หลี่ฮวนตอบ“อืม”“แล้วนายจะทำยังไง?เมื่อก่อนตอนที่มีข่าวลือ เธอยอมรับว่าคืนนั้นเธออยู่กับนาย นายก็อ้างกระแสสังคมแต่งงานกับเธอได้เลย คุณท่านก็คงจะพูดอะไรไม่ได้ แต่นี่เธอกลับไม่ยอม นายบอกฉันตามตรงนะ ตอนนั้นนายยอมร่วมมือกับคุณท่านกดดันเธอเพราะนายเองก็มีใจใช่ไหมล่ะ?”หลี่ฮวนหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์กงเฉินก้มหน้าลงเล็กน้อย “วางสายละ”หลี่ฮวนรีบร้องห้ามเสียงดัง “นายนี่มันปากไม่ตรงกับใจชัดๆ นายต้องโชว์ข้อดีตัวเองบ้างนะ!”“โชว์ไปแล้ว”“อะไรนะ…” … ตู้ดๆๆ…ฝั่งนู้นสายตัดไปแล้วทิ้งให้หลี่ฮวนงงเป็นไก่ตาแตกโชว์ไปแล้ว?โชว์อะไรของมันวะ?.......หลังจากที่เฉินซู่หลานตรวจร่างกายเสร็จ กงเฉินก็ช่วยประคองเธอเดินออกจากตึกพอขึ้นรถมาด้วยกัน เฉินซู่หลานก็ยิ้มหวานแล้วพูดว่า
“ฮะ? ฉัน...” หลินจืออี้ชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะรู้ว่าหมอเข้าใจผิดว่าเธอเป็นคนอื่น“ตั้งครรภ์ระยะแรกนะมีเลือดออกนิดหน่อยต้องพักผ่อนให้มาก อย่ากระโดดโลดเต้นและอาหารการกินก็ต้องระวัง”“ไม่ใช่ค่ะคุณหมอ ฉัน...”“พอแล้ว คนต่อไป” หมอขีดปากกาลงใบตรวจแล้วเรียกคนถัดไปผู้หญิงคนต่อไปก็เปิดประตูเข้ามาเรียบร้อยหลินจืออี้เห็นว่าไม่มีเหตุผลจะต้องอธิบายต่อก็รีบถอยออกมาพอหันตัวกลับ ตึบ! ก็ชนเข้ากับใครบางคนเธอก้มหน้าลงขอโทษ “ขอโทษค่ะ”กำลังจะเดินหนีไปอยู่แล้วข้อมือของเธอกลับถูกคว้าไว้อย่างแรง“เธอโกหกฉัน?เธอท้องอยู่เหรอ”เสียงที่มักจะสงบนิ่งเยือกเย็นตอนนี้กลับปะทุไปด้วยความโกรธหลินจืออี้เงยหน้าขึ้นถึงพบว่าคนตรงหน้าก็คือกงเฉินเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน?หรือว่ามากับซ่งหว่านชิว?แต่เห็นชัดๆ ว่าซ่งหว่านชิวมาก็เพื่อทำแท้งไม่ใช่เหรอ?หลินจืออี้ยังไม่ทันได้คิดอะไรให้ชัดเจนข้อมือของเธอก็ยิ่งเจ็บขึ้นเธอร้องเบาๆ “ปล่อยนะ ฉันเจ็บนะ แล้วฉันก็ไม่ได้ท้อง!”กงเฉินหรี่ตามองความโกรธในดวงตายิ่งเพิ่มขึ้นแต่แรงที่มือก็คลายลงนิดหน่อยพร้อมกับเธอเข้าไปในห้องตรวจ“อาการของเธอเป็นยังไง?”หมอขยับแว่นมองห
แผนกสูตินรีเวชก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่ปัญหาก็คือหลินจืออี้เห็นแผ่นหลังที่คุ้นตาซ่งหว่านชิวถึงแม้ว่าเธอจะแต่งตัวมิดชิดแค่ไหนแต่แผ่นหลังนี้ก็ฝังอยู่ในหัวของหลินจืออี้ตั้งแต่ชาติที่แล้ว เธอจะลืมได้อย่างไรกัน?แต่ซ่งหว่านชิวมาทำอะไรที่แผนกสูตินรีเวชล่ะ?“จืออี้ เป็นอะไรไป?” เฉินซู่หลานที่ยืนอยู่ข้างหน้าก็หันมาส่งเสียงเรียกเธอ“ไม่มีอะไรค่ะ มาแล้ว”หลินจืออี้ก็รีบเดินตามไป แต่พอเธอหันกลับไปมองอีกที ซ่งหว่านชิวก็หายไปแล้วเฉินซู่หลานดึงแขนเธอไว้ แล้วชี้ไปที่บันไดข้างหน้า “ขึ้นทางนี้ก็ได้นะ”หลินจืออี้ได้สติกลับมาและพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินขึ้นไปพร้อมกับเธอแบบเหม่อลอยหรือว่าที่ซ่งหว่านชิวเดินทะลุผ่านแผนกสูตินรีเวชเพราะว่าสะดวก?พอขึ้นไปถึงข้างบนหลินจืออี้ก็ช่วยเฉินซู่หลานจัดที่นั่งเพื่อรอคิวตรวจ หมอผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลนี้เป็นเพื่อนของเฉินซู่หลาน เธอไว้ใจเขามากเป็นพิเศษเธอยอมรอก็ไม่ยอมไปโรงพยาบาลเอกชนเปลี่ยนหมอคนใหม่ตรวจหลินจืออี้เข้าใจดีคนมีเงินก็มักจะเลือกหมอที่ตัวเองไว้ใจได้และไม่ค่อยยอมเปลี่ยนคนคงกลัวข้อมูลสุขภาพของตัวเองจะรั่วไหลกงเฉินก็เป็นแบบนั้น การตรวจร่างกายทุกค
“แก... แกอิจฉาฉันจริงๆ ด้วย แม้แต่ผู้ชายก็รั้งไว้ไม่ได้!” เฉินฮวนทุบกล่องในมือ“เหอะ” เซวียมั่นยิ้มเยาะและเดินออกไปทันที เธอขี้เกียจเกินไปที่จะตอบคําถามที่น่าเบื่อแบบนี้"แกหมายความว่ายังไง? แกพูดมาให้ชัดเจนนะ”เฉินฮวนรีบวิ่งไปที่เซวียมั่น แต่ถูกขวางโดยผู้ช่วยเบลล่าเบลล่ารีบเอ่ย "รปภ.พาคนออกไปเร็วเข้า อ้อ แล้วก็ขยะของมันด้วย"แล้วเฉินฮวนก็ถูกโยนออกไปหลินจืออี้ไม่ได้รู้สึกสงสารอะไรเลย ทั้งหมดนี้เป็นเฉินฮวนทำตัวเองทั้งนั้นเมื่อก้มหน้าทํางาน เธอก็เห็นซ่งหว่านชิวที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งพอดีซ่งหว่านชิวเอามือปิดปากเหมือนรู้สึกไม่สบายมาก จากนั้นก็ฉวยโอกาสตอนที่ทุกคนไม่ทันสังเกตลุกขึ้นและออกจากที่นั่งไปหลินจืออี้รู้สึกแปลกใจ กําลังจะดูให้ละเอียด โทรศัพท์ก็สั่น“พรุ่งนี้ฉันอยู่บ้าน แกจะมาไหม?”“อืม”“งั้นฉันจะทําอาหารที่แกชอบ มาอยู่เป็นเพื่อนฉันเร็วๆ หน่อย”“ได้”หลินจืออี้ยิ้มเมื่อเห็นข่าว เธอวางแผนว่าจะถือโอกาสพักผ่อนพรุ่งนี้ไปบ้านตระกูลกงเพื่อย้ายของที่เหลือไปที่คอนโดจริงๆ แล้วก็ไม่มีอะไรมากหรอกเมื่อก่อนตอนที่อยู่บ้านตระกูลกงเธอก็ใช้ชีวิตอย่างหวาดผวา ดังนั้นหลังจากพักอย
บนรถกงเฉินและซ่งหว่านชิวเพิ่งนั่งได้มั่นคนขับรถที่สวมถุงมือสีขาวอยู่แถวหน้าก็หันมามองกงเฉินอย่างประหม่า“คุณผู้ชาย ถ้าไม่ไปบริษัท งั้นผมก็จะไปถนนลี่หัวแล้วนะครับ”“อืม”กงเฉินตอบรับเบาๆ แล้วหลับตาพักผ่อนซ่งหว่านชิวเพิ่งพบว่าคนขับไม่ใช่คนที่คุ้นเคยมาก่อน จึงถามอย่างสงสัยว่า “ทําไมเปลี่ยนคนขับกะทันหันล่ะคะ? ทางก็ไม่คุ้นเคยแล้ว”กงเฉินหลับตาลงและพูดอย่างเย็นชาว่า “ไม่คุ้นเคยทางขับไปเดี๋ยวก็คุ้นเคยเอง แค่คนที่แยกนายจ้างไม่ออกก็ไม่จําเป็นต้องเก็บไว้แล้ว”ได้ยินดังนั้น หน้าของซ่งหว่านชิวก็เหมือนมีรอยร้าวและเล็บที่เพิ่งทําใหม่ก็จิกลงไปในเบาะหนังแท้โดยตรงแต่ใบหน้าของเธอยังคงยิ้มอยู่ "ค่ะ"จากนั้นทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดคุยกันอีกพอไปถึงบ้านตระกูลซ่ง ซ่งหว่านชิวไม่กล้ารั้งกงเฉินไว้ พูดคําอําลาแล้วลงจากรถเหมือนวิ่งหนีกงเฉินก็ไม่ได้อยู่ต่อ เขาจากไปทันทีไม่รู้ว่าเธอเก็บกดเกินไปหรือเปล่า ซ่งหว่านชิวรู้สึกหมดแรง กระเพาะอาหารเริ่มปั่นป่วนอีกครั้งเธอผลักคนรับใช้ที่หิ้วชายกระโปรงราตรีให้เธอออก แล้วรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำและเริ่มอาเจียน"อ้วก... แหวะ...”ในเวลานี้ รถของฉินซวงก็จอดอยู่ที่ปร
ซ่งหว่านชิวเป็นทางลัดที่เร็วที่สุดสําหรับเสิ่นเยียนที่จะเข้าใกล้วงการชนชั้นสูง ยอมทิ้งไปเพื่อคนอย่างเฉินฮวนมันไม่คุ้มค่าเลยดังนั้นเสิ่นเยียนจะต้องถือโอกาสบอกแผนการกับซ่งหว่านชิวแน่นอนซ่งหว่านชิวและเธอร่วมมือกันทั้งภายในและภายนอก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทั้งสองก็สามารถหลบหนีได้อย่างรวดเร็วน่าเสียดายที่เฉินฮวนเข้าใจช้าเกินไป เธอมองหลินจืออี้อย่างไม่เต็มใจ “แกเปลี่ยนเบอร์ห้อง แกมั่นใจได้ยังไงว่าฉันจะมาที่นี่?”“เธอมั่นใจเกินไปแล้ว ตั้งแต่เธอจงใจวางรูปคู่กับสามีของประธานเซวียไว้ในตําแหน่งที่โดดเด่นที่สุดบนโต๊ะทํางาน ฉันก็รู้ว่าเธอจะต้องมาชื่นชมผลงานชิ้นเอกของเธอแน่นอน” หลินจืออี้อธิบาย"ฉันแพ้แล้ว แต่แกก็ไม่ได้ชนะเหมือนกัน” เฉินฮวนพูดอย่างแค้นเคืองถึงยังไงก็ยังมีซ่งหว่านชิวและเสิ่นเยียนที่เป็นอุปสรรคขัดขวางอยู่หลินจืออี้เดินไปที่ประตู ชะงักไปครู่หนึ่ง มองเธออย่างเย็นชา “เธอไม่เคยเป็นเป้าหมายของฉันเลย”พูดจบเธอก็เดินจากไป...ณ ห้องจัดเลี้ยงเมื่อหลินจืออี้เข้าประตูมา ห้องทั้งห้องก็มืดลงซ่งหว่านชิวยืนอยู่กลางห้องโถงอย่างตื่นเต้นพร้อมกับกงเฉิน รอของขวัญลึกลับในตํานานหลินจืออ
ทุกคนต่างก็ตกใจเมื่อเห็นใบหน้าของเฉินฮวนรูปร่างหน้าตาและรูปร่างของเฉินฮวนนั้นถือว่าธรรมดาเท่านั้น แทบจะไม่สามารถเทียบได้กับเซวียมั่นที่ได้รับการดูแลอย่างดีได้เลยด้วยซ้ำสามีของเซวียมั่นคิดยังไงกันแน่?เฉินฮวนห่อเสื้อผ้าและร้องไห้สะอึกสะอื้นว่า "ประธานเซวีย ฉัน ฉันถูกใส่ร้ายนะคะ หลินจืออี้เรียกฉันมาที่ห้องรับรองเบอร์ 6! พอเข้ามาฉันก็รู้สึกร้อนไปทั้งตัวแล้วฉันก็ไม่รู้อะไรเลย”ทุกคนหูผึ่งกันทันที พล็อตเรื่องนี้กลับตาลปัตรได้ด้วยเหรอ?เซวียมั่นขมวดคิ้วมองหลินจืออี้ “เกิดอะไรขึ้น?”หลินจืออี้ส่ายหัวอย่างไม่เข้าใจ “ประธานเซวีย ฉันก็ไม่เข้าใจว่าทําไมเฉินฮวนถึงพูดแบบนี้ค่ะ ต่อให้ฉันจะให้เขาไปที่ห้องรับรองเบอร์ 6 เพื่อใส่ร้ายเขาจริง แต่นี่เป็นห้องรับรองเบอร์ 9 นะคะ”พูดจบเธอก็ชี้ไปที่ป้ายบนประตูมันเป็นเลข 9ตัวใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่มเฉินฮวนจ้องมองตัวเลขอย่างไม่เชื่อสายตา ทันใดนั้นก็นึกอะไรบางอย่างออก จ้องหลินจืออี้เขม็งหลินจืออี้ยกยิ้มที่ริมฝีปากล่าง แสร้งทําเป็นกังวล “เฉินฮวน เมื่อกี้เธอบอกว่าฉันใส่ร้ายเธอเหรอ? แต่ในห้องนี้ยังมีสามีของประธานเซวียด้วยนะ เธอหมายความว่าฉันสมรู้ร่วมคิดกับเ
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนต่างก็สูดหายใจเข้าลึกๆแต่เซวียมั่นไม่ได้ตกอยู่ในความสงสัยในตนเอง กลับหัวเราะเยาะ "คุณเพิ่งรู้จักฉันในวันแรกหรือไงกัน? ก่อนแต่งงานคุณชมว่าฉันฉลาดและพึ่งพาตนเอง ตอนนี้คุณกลับบอกว่าฉันแข็งแกร่งเกินไปเหรอ? ทําไมคุณไม่บอกว่าคุณอ่อนแอเกินไปล่ะ? ถึงต้องมาหาสิ่งที่เรียกว่าความน่าเกรงขามจากผู้หญิงคนหนึ่ง?”"คุณ! หย่าเดี๋ยวนี้เลย! ผมทนคุณไม่ไหวแล้ว”"ก็ควรจะหย่าจริงๆ นั่นแหละ แต่แกต้องออกจากบ้านตัวเปล่า! เรื่องดีๆ ของพวกแกสองคนคนเขาเห็นกันหมดแล้ว ถ้าพวกแกยังมียางอายก็เก็บข้าวของออกไปจากสตูดิโอของฉันซะ ไม่งั้นฉันจะแจ้งตํารวจข้อหาพวกแกขโมยเอกสารสําคัญของสตูดิโอไป”“เธอ... เธอมีสิทธิ์อะไร? ฉันเป็นสามีของเธอ! ฉันขอให้แบ่งทรัพย์สินเท่าๆ กัน!" ชายคนนั้นโกรธจนหน้าแดงเซวียมั่นกําลังจะบอกว่าฝันไปเถอะ ซ่งหว่านชิวก็ก้าวไปข้างหน้าขัดจังหวะขึ้นมาซะก่อน“ประธานเซวียคะ กรุณาใจเย็นๆ ก่อนค่ะ ที่จริงเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ความผิดของสามีคุณเท่านั้น จืออี้รู้ทั้งรู้ว่าคุณมีบุญยังอ่อยสามีคุณอีก ฉันคิดว่าเธอควรขอโทษคุณมากที่สุดค่ะ”อ่อยหรือ?เหอะๆประโยคเดียวของซ่งหว่านชิวก็ทําให้ชายชั่ว