เมื่อเดินเข้าไปในสำนักงานเบลล่าปรบมือแนะนำว่า “นักศึกษาฝึกงานคนใหม่ คุณซ่งหว่านชิว ท่านประธานเซวียยอมรับว่าเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนคนอื่นๆ คงไม่ต้องให้ฉันแนะนำแล้วนะ”ทุกคนต่างรู้จักกาลเทศะและเข้าใจความหมายแฝงของเบลล่าพวกเขาพากันเข้าแถวทักทายซ่งหว่านชิวอย่างกระตือรือร้นส่วนหลินจืออี้และเฉินฮวนกลับไม่มีใครสนใจ แม้แต่ชื่อก็ไม่มีใครถามซ่งหว่านชิวเหลือบมองหลินจืออี้เล็กน้อย ก่อนจะเริ่มการแสดงของเธออีกครั้งเธอเดินเข้าไปยืนตรงกลางระหว่างหลินจืออี้และเฉินฮวน ก่อนจะคล้องแขนพวกเธอด้วยท่าทีอ่อนโยนและกล่าวว่า"สองคนนี้ก็เป็นเพื่อนของฉัน หลินจืออี้และเฉินฮวน ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ"หลินจืออี้ชะงักไปเล็กน้อยดูเหมือนซ่งหว่านชิวจะได้ยินบทสนทนาของเธอกับเฉินฮวนที่หน้าลิฟต์ และรอคอยโอกาสเอาคืนพวกเธอเห็นได้ชัดว่า ซ่งหว่านชิวกำลังใช้พวกเธอเพื่อแสดงให้เห็นถึงความใจกว้างของตัวเอง พร้อมทั้งลดทอนการมีตัวตนของพวกเธอลงทำให้เหมือนกับว่าพวกเธอเข้ามาฝึกงานในสตูดิโอได้เพราะเธอน่าเสียดายที่เฉินฮวน กลับรู้สึกซาบซึ้งใจที่ซ่งหว่านชิวให้ความเอาใจใส่เธอเป็นพิเศษแต่หลินจืออี้กลับดึงมือของซ่งหว่านชิวออก
ความชั่วร้ายของซ่งหว่านชิวที่แสดงออกในยามส่วมตัวนั้น หลินจืออี้เคยได้สัมผัสมาแล้วในชาติที่แล้วเธอสามารถเปลี่ยนหน้ากากได้อย่างคล่องแคล่ว และการแสดงของเธอก็ไร้ที่ติในชาติที่แล้ว หลินจืออี้จะพยายามอธิบายด้วยทุกวิถีทาง แต่ตอนนี้เธอพบว่าไม่จำเป็นต้องยุ่งยากขนาดนั้นในการรับมือกับซ่งหว่านชิวแค่บ้าคลั่งก็พอแล้วหลินจืออี้วางโทรศัพท์ลง แล้วยกกาแฟที่ร้อนจัดขึ้นมา หันตัวทันที“ปากดีขนาดนี้ ยังโดนความร้อนไม่พอเหรอ?”“คุณซ่งอยากลิ้มลองรสชาติของการโดนคนบ้าเล่นงานบ้างไหม?”“สิ่งที่ฉันเสียไปคือเงินเดือน แต่สิ่งที่เธอจะเสียคือทั้งหน้าตาของเธอเองและตระกูลซ่ง รวมถึงหน้าของคุณชายสาม เธอจะยอมเสียไหมล่ะ?”แน่นอนว่า เมื่อซ่งหว่านชิวเห็นกาแฟร้อนๆ ใบหน้าของเธอก็เริ่มสั่นสะท้านตามสัญชาตญาณ รองพื้นเริ่มจะหลุดออกจากหน้าแล้วซ่งหว่านชิวถอยหลังไปสองก้าว สีหน้าดูดุร้าย “หลินจืออี้ อย่ามั่นหน้าเกินไปหน่อยเลย เธอคิดว่าเธอชนะแล้วเหรอ?”“สุดท้ายก็ยังไง? คุณชายสามก็คำนึงถึงฉันอยู่ดี แล้วก็ยังทำลายหลักฐานที่เธอถืออยู่”“เขารักฉัน ถึงได้ทำแบบนี้ ส่วนเธอ...ก็แค่สนุกกับการที่ของเล่นที่มาเสิร์ฟถึงมือก็เท่านั้น”
เฉินฮวนมองไปที่ซ่งหว่านชิวด้วยความกังวล “อันนี้... จะดีเหรอคะ? ไวน์ของคุณชายสามคงไม่ถูกใช่ไหมคะ?”ซ่งหว่านชิวยิ้มอย่างสบายๆ “คุณชายสามพาฉันมาบ่อยๆ เขาก็ให้ฉันเลือกตามใจชอบนะ ฉันก็ไม่ค่อยรู้ราคาหรอก แต่ก่อนหน้านี้ฉันทำขวดไวน์ตกขวดหนึ่ง เขาบอกว่ามันราคาหลานแสนเลยล่ะ แต่คุณชายสามก็ไม่ได้ว่าอะไรนะคะ แค่ห่วงว่าฉันจะได้รับบาดเจ็บเท่านั้น”“โอ้ย ทำไมเหมือนได้กลิ่นความรักลอยฟุ้งละเนี่ย? ทุกคนยังไม่ขอบคุณว่าที่เถ้าแก้เนี้ยกันอีก?” เพื่อนร่วมงานล้อเลียน“ขอบคุณครับ/ค่ะ เถ้าแก้เนี้ย”“อย่าทำแบบนี้สิ ฉันไม่พูดแล้ว”ซ่งหว่านชิวทำสีหน้าแดงอาย ราวกับสาวน้อยที่รู้สึกเขินอาย แต่สายตาของเธอกลับจับจ้องไปที่หลินจืออี้อย่างมั่นคง ราวกับกำลังประกาศสิทธิ์ในตัวเองหลินจืออี้มองเธอแล้วก็แกล้งยิ้มพร้อมเพื่อนร่วมงานเธอไม่สนใจแม้กระทั้งกงเฉิน แล้วจะไปสนใจว่าที่เถ้าแก้เนี้ยอย่างซ่งหว่านชิวเนี่ยนะ?ในขณะนั้น เฉินฮวนก็ย้ายมานั่งข้างหลินจืออี้ ยิ้มกว้าง“ฉันอิจฉาคุณซ่งจริงๆ เลยนะ แต่จืออี้คงไม่อิจฉาหรอก เพราะแฟนเธอก็คงดีกับเธอมากเลยล่ะ”“ฉันไม่มีแฟน” หลินจื่ออี้ย้ำเสียงแข็ง“แล้วที่คอเธอล่ะ...?”“หมากัด
ในขณะที่กงเฉินพาซ่งหว่านชิวออกไป ซ่งหว่านชิวที่พิงไหล่เขาอยู่ก็หันกลับมามองหลินจืออี้ด้วยสายตาเกรี้ยวกราดเพียงแค่นั้นหลินจืออี้ก็รู้แล้วว่า ซ่งหว่านชิวคงจะพยาบาทเธออีกครั้งแน่หลินจืออี้ถอนสายตากลับมา แล้วมองเฉินฮวนด้วยความไม่เข้าใจ“เมื่อกี้เธอพูดอะไรน่ะ?”“จืออี้ ขอโทษนะ ฉันดื่มเยอะไปหน่อย เลยพูดล้อเล่นนิดหน่อย เธออย่าถือสาเลย”เฉินฮวนหน้าแดงก่ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ดูก็รู้ว่าดื่มไปไม่น้อยจริงๆหลินจืออี้เองจะเอาคำพูดของคนเมามาเป็นเรื่องจริงจังก็คงไม่ได้ เธอจึงได้แต่เพียงเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะเงียบไป ไม่พูดอะไรอีกบรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความครึกครื้น หลายคนดื่มจนเริ่มปล่อยตัวตามสบายเฉินฮวนลุกขึ้นอย่างโซเซ “ฉันเพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ ขอถือโอกาสดื่มให้พี่ๆ ทุกคนสักแก้วนะคะ”พูดจบ เธอก็เงยหน้ากระดกเหล้าหมดแก้วในรวดเดียว แล้วพลิกแก้วคว่ำลงให้ทุกคนดูเพื่อยืนยันว่าเธอดื่มหมดจริงๆนี่มันทำให้คนอื่นๆ เหลือบตามองหลินจืออี้ไปด้วยเธอได้แต่ลุกขึ้นยกแก้วในมือขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “ฉันเองก็ขอดื่มให้ทุกคนด้วยค่ะ”ก่อนหน้านี้ซ่งหว่านชิวก็คอยชักชวนให้ทุกคนดื่มกันหนักอยู่แล้ว หลินจ
เฉินจิ่นพยักหน้าเล็กน้อย “เชิญครับ”ซ่งหว่านชิวเปิดประตูรถลงไปและเดินตรงไปยังอี๋หยวน…หลินจืออี้เดินออกจากห้องรับรองตามทางเดินยาว ลมเย็นที่พัดผ่านทำให้เธอที่กำลังเมาหนักอยู่แล้วยิ่งรู้สึกมึนงงกว่าเดิมความเมาเริ่มแทรกซึมลึกขึ้นอีกขั้นเธอจับเสาพยุงตัวพลางเดินไปตามความรู้สึก แต่พอเดินไปได้สักพักก็เหมือนจะนึกขึ้นได้ว่าตรงนี้ต้องเลี้ยว เธอเลยหันตัวกะทันหัน ทว่ากลับเหยียบพลาดตกบันไดเข้าเต็มๆตามมาด้วยเสียงดังตุ้ม ทันใดนั้นทั้งตัวเธอก็เปียกชุ่มไปหมดทันที ความเย็นเฉียบที่กระจายไปทั่วทำให้เธอได้สติขึ้นมาไม่น้อยหลินจืออี้ถึงเพิ่งรู้ว่าเธอเผลอตกลงไปในสระน้ำขนาดเล็ก เมื่อมองน้ำที่ลึกมาถึงช่วงอกพอดี ความรู้สึกอับอายก็พุ่งขึ้นมาทันทีเธอค่อยๆ เดินไปที่ขอบสระ แล้วเหยียบขั้นบันไดทีละก้าวอย่างระมัดระวังเพื่อขึ้นจากน้ำแต่ขอบสระที่เธอปีนขึ้นอยู่ติดกับกระจกหน้าต่างบานใหญ่ของสำนักงานผู้จัดการกงเฉินไม่ได้โกหกซ่งหว่านชิว ผู้จัดการอี๋หยวนมีเรื่องต้องหารือกับเขาจริงๆ“คุณชายสามครับ คุณหนูซ่งเพิ่งติดหนี้ไว้ที่นี่กว่าห้าล้าน วันนี้เธอก็เปิดไวน์หกขวดของคุณอีก จะลงบันทึกเป็นชื่อคุณเหมือนเดิม หรื
หลินจืออี้เบิกตาโพลงมองผู้ชายตรงหน้าก็เห็นเพียงเขายกมือสองข้างขึ้นดึงคอเสื้อด้านหลังแล้วดึงไปข้างหน้า เสื้อถูกถอดออกมาทันที เผยให้เห็นร่างกายอันเต่งตึงที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อผ้าเพราะยกแขนทั้งสองข้างขึ้น กล้ามเนื้อที่เอวและท้องก็ขยับตามไปด้วย แต่กลับเห็นกล้ามเนื้อที่ชัดเจน ไม่มีไขมันส่วนเกินเลยแม้แต่นิดเดียวหลินจืออี๋อึ้งไปเล็กน้อย ทันใดนั้นเสื้อไหมพรมตัวหนึ่งก็ปาใส่หน้าเธอกงเฉินเอนกายพิงโต๊ะ กวาดตามองหลินจืออี้ด้วยสายตากรุ้มกริ่ม “คืนนั้นยังดูไม่พอหรือ? ไม่อยากป่วยก็ไปเปลี่ยนข้างในซะ”ใบหน้าของหลินจืออี้ร้อนผ่าวขึ้นมาทันที เธอคว้าเสื้อไหมพรมแล้ววิ่งเข้าไปในห้องเล็กก่อนจะวางผ้าม่านลงหลังจากนั้น ทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดอะไรกัน ในอากาศมีเพียงเสียงหลินจืออี้ที่กำลังถอดเสื้อผ้ากงเฉินหยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งมวน เมื่อเขากําลังจะจุดไฟ สายตาก็ถูกเงาบนผ้าม่านแย่งไปหลินจืออี้ที่กําลังถอดเสื้อคอเต่าออก เมื่อยกแขนขึ้น ก็เผยให้เห็นรูปร่างที่มีส่วนโค้งส่วนเว้าออกมามันช่างดูเย้ายวนภายใต้บรรยากาศสลัวๆ แบบนี้เธอเป็นสาวสวยจัดอยู่แล้ว ไม่จําเป็นต้องเปลืองแรงเลย ก็สามารถกระตุ้นทุกอณูเซลล์ของผู้ชาย ม
จูบที่เผด็จการตกลงมา ไม่ให้โอกาสหลินจืออี้ได้ต่อต้านเลยแม้แต่น้อยริมฝีปากและฟันแนบชิดกัน กงเฉินสํารวจกลิ่นไวน์ที่โชยออกมาจากริมฝีปากของเธอทุกกระเบียดนิ้วหลินจืออี้ยกมือขึ้นผลักอกของเขา แต่เมื่อฝ่ามือสัมผัสผิวของเขา กลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเขาหายใจถี่ขึ้น จูบยิ่งแรงขึ้นแต่นี่ยังไม่เพียงพอ หลังจากชิมอาหารอันโอชะแล้ว ใครจะยอมสงบจิตสงบใจได้กันเล่า?กงเฉินก็เป็นผู้ชายเหมือนกันหลินจืออี้ถูกอุ้มไปที่โต๊ะไวน์ เสื้อไหมพรมหดตัวลง เผยให้เห็นผิวขาวๆ บนขามือของกงเฉินลูบไล้ตามผิวของเธอหลินจืออี้กําลังคิดว่าจะผลักเขาออกยังไง โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นกงเฉินยันตัวขึ้นอย่างไม่พอใจ ก่อนกวาดตามองหมายเลขแล้วรับสาย“เฉินจิ่น”“คุณชายสาม คุณซ่งไปเข้าห้องน้ำแล้วลื่นล้มโดยไม่ตั้งใจ มือที่บาดเจ็บก่อนหน้านี้ไปยันพื้นเข้า บอกว่าเจ็บมาก ผมเรียกรถพยาบาลพาเธอไปโรงพยาบาลแล้วครับ”“ส่งเสื้อผ้าชุดหนึ่งมาที่ห้องเก็บไวน์”"ห้องเก็บไวน์หรือครับ? ได้ครับ"ไม่นาน เฉินจิ่นก็มาถึง หลังจากกวาดมองทั้งสองคนแล้ว ก็รีบก้มหน้าส่งเสื้อผ้าที่สะอาดให้ จากนั้นก็ถอยออกไปกงจมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังม่านหลินจืออี้รีบ
หลินจืออี้มองซ่งหว่านชิวที่กําลังเข้าใกล้ ในใจไม่มีระลอกคลื่นใดๆเธอนั่งตัวตรง เหลือบมองมือที่บาดเจ็บของซ่งหว่านชิว แล้วยิ้มเยาะ “พูดจบแล้วเหรอ? ลำบากเธอจริงๆ เลยนะที่ได้รับบาดเจ็บแล้วไม่ลืมที่จะคุยกับฉัน นี่ไม่เหมาะกับบุคลิกที่บอบบางของเธอเลยนะ? ในเวลานี้เธอควรนอนบนเตบยงร้องห่มร้องไห้ถึงจะถูกสิ”หลินจืออี้ประชดประชันเธอกลับไปริมฝีปากของซ่งหว่านชิวสั่นระริก เธอกัดฟันพลางพูดว่า “ฉันเสแสร้งเท่าเธอไม่ได้หรอก ภายนอกดูต้องการตัดความสัมพันธ์กับคุณชายสาม แต่ลับหลังกลับอ่อยเขาไปทั่ว แผนแกล้งปล่อยเพื่อจับนี่เธอเข้าใจดีเหลือเกินนะ”"ทำไมเหรอ? อยากเรียนหรือไง?” หลินจืออี้ถามด้วยรอยยิ้มซ่งหว่านชิวโกรธจนหน้าดําหน้าแดงสมองเต็มไปด้วยฉากที่เห็นนอกห้องเก็บไวน์ตอนนั้นซ่งหว่านชิวบอกว่าจะไปห้องน้ำ ที่จริงก็แค่อยากจะยืนยันว่ากงเฉินไปหาหลินจืออี้หรือเปล่าเมื่อผู้อํานวยการร้านอาหารบอกว่ากงเฉินไปเขตสำนักงานแล้ว เธอดีใจมากอย่างน้อยก็แสดงว่าหลินจืออี้ไม่ได้สําคัญขนาดนั้นแต่เมื่อเธอไปถึงเขตสำนักงาน กลับเห็นกงเฉินอุ้มหลินจืออี้อยู่ ซ้ำยังพาหลินจืออี้ไปยังห้องเก็บไวน์ส่วนตัวที่เธอเข้าไปไม่ได้ซ
หลินจืออี้เคยคิดเอาไว้หลายสิบอย่างถึงความเป็นไปได้ แม้กระทั่งคิดว่าซ่งหว่านชิวอาจจะใช้เธอเป็นเครื่องมือในการทำให้ตัวเองแท้งลูก แบบนั้น เธอก็จะกลายเป็นคนบาปไปตลอดกาลแต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่เคยคิดเลยว่า ซ่งหว่านชิวจะผลักเธอลงไปในทะเลสาบทะเลสาบที่ตระกูลกงเป็นทะเลสาบเทียมที่ขุดลึกมาก น้ำเย็นเฉียบเจ็บแสบแทบจะทันทีที่ร่างของหลินจืออี้จมหายไปเธอพยายามดิ้นรนสุดชีวิต “ช่วย…”แต่พออ้าปาก น้ำก็ทะลักเข้าปากเข้าจมูก ทำให้เธอพูดไม่ออกสักคำเดียวหลินจืออี้คิดว่าเธอคงไม่รอดแล้ว ใครจะคิดว่าซ่งหว่านชิวจะเริ่มตะโกนขอความช่วยเหลือขึ้นมา“ช่วยด้วยค่ะ! จืออี้ตกน้ำ!”เสียงร้องขอความช่วยเหลือของซ่งหว่านชิวทำให้มีคนมากมายรีบวิ่งมาที่ทะเลสาบแต่ตอนนั้นหลินจืออี้ใส่เสื้อโค้ทตัวยาวที่ดูดน้ำไว้เต็มที่ น้ำหนักมหาศาลทำให้ร่างของเธอเริ่มจมลงช้าๆ แรงก็ค่อยๆ หมดลงไปแล้วจู่ๆ ก็มีเงาร่างหนึ่งกระโจนลงน้ำพยุงเธอขึ้นจากน้ำอย่างแรงหลินจืออี้สำลักน้ำแล้วไอออกมา สายตาที่พร่ามัวมองเห็นเพียงผู้ชายที่อุ้มเธออยู่เป็นกงเฉินเขาก้มหน้า เส้นผมเปียกโชก น้ำที่หยดจากปลายผมดวงตาสีดำขลับจ้องมองเธออย่างไม่ละสายตาหางตาแด
เธอมีความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ได้เหมือนกับว่า เด็กคนนี้ควรจะเป็นความโชคดีของเธอ เป็นคนที่จะนำพาทุกอย่างที่เธอปรารถนามาให้แต่ตอนนี้เธอเองก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมสิ่งที่ควรจะได้มาง่ายๆ กลับค่อยๆ ห่างไกลออกไปจากตัวเองทุกที เพราะแบบนี้ ซ่งหว่านชิวที่ไม่ยอมแพ้จึงแต่งหน้าแต่งตัวอย่างดีแล้วมาที่ตระกูลกง เธอคิดจะเดิมพันครั้งสุดท้าย ถ้าวันนี้สามารถได้ตัวกงเฉินสำเร็จ เด็กในท้องเกิดก่อนกำหนดแค่เดือนกว่าๆ ก็ยังพออธิบายได้ว่าเป็นเรื่องธรรมชาติแต่เธอไม่คิดเลยว่าจะได้ยินข่าวที่ทำให้เธอช็อกขนาดนี้มือที่วางอยู่บนหน้าท้องของซ่งหว่านชิวค่อยๆ กำแน่นขึ้น จนความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่างดูท่าลูกคนนี้เธอคงเก็บไว้ไม่ได้แล้ว คืนนี้กงเฉินไม่มีทางแตะต้องเธอแน่นอนถ้าอย่างนั้น...ลูกของหลินจื้ออี้ก็ต้องตายไปพร้อมกับลูกของเธอแบบนี้กงเฉินก็ไม่มีเหตุผลอะไรไปขัดคำสั่งของคุณท่านที่ต้องแต่งงานกับหลินจื้ออี้แล้วซ่งหว่านชิวลดมือลง หยิบแป้งพัฟขึ้นมาปัดแต่งหน้าเติมเล็กน้อยก่อนจะถอดต่างหูจากใบหูใส่ลงกล่องเครื่องประดับเล็กๆ ที่พกติดตัวมาด้วยเธอรีบเดินเข้าห้องรับแขก ก่อนที่กงเฉินจะกลับมารีบเข้าไปทักทายทุกคนก่อน
หลินจื้ออี้เข้าไปในห้องน้ำแล้วก็อาเจียนออกมาอย่างหนัก แม้จะบ้วนปากด้วยน้ำยารสผลไม้ถึงสามรอบแต่ในปากก็ยังขมอยู่ดีทันทีที่เธอเดินออกมาจากห้องน้ำก็มีเงาหนึ่งมายืนขวางทางไว้เธอพูดด้วยเสียงอ่อนล้า “หลบไปหน่อย”กงเฉินจ้องมองเธอ “ยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนอีกหรือเปล่า?”หลินจื้ออี้ได้ยินคำพูดนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ“อาเล็กดูแลฉันดีแบบนี้เพราะฉันท้องเหรอ?อย่าลืมสิตอนนั้นอาบอกว่าถ้าฉันท้องก็ให้ไปเอาเด็กออกไม่ใช่เหรอ?”“...”สีหน้าของกงเฉินมืดมนลงทันทีหลินจื้ออี้นึกถึงคำเตือนของคุณท่านเมื่อครู่แล้วก็อดนึกถึงชาติที่แล้วไม่ได้ ตอนที่คุณท่านปฏิบัติต่อซิงซิงซิงซิงเป็นเด็กผู้หญิงแถมยังเป็นลูกที่ไม่มีใครต้องการ คุณท่านก็ไม่เคยยอมรับเลยว่าเธอเป็นหลานสาวของตระกูลกงแต่เมื่อซ่งหว่านชิวกลับมาพร้อมกับลูกชาย โลกออนไลน์ก็เต็มไปด้วยข่าวว่าเขารักหลานชายคนนั้นมากแค่ไหน ถึงกับประกาศว่าลูกชายของซ่งหว่านชิวคือลูกเพียงคนเดียวของกงเฉินทุกคนต่างหัวเราะเยาะเธอกับลูกสาวของเธอว่า พยายามแทบตายสุดท้ายก็ได้แต่ความว่างเปล่าตอนนี้คุณท่านก็คงจะสมหวังแล้วในเมื่อไม่มีเธอคอยขวางทาง ก็คงต้องดูว่าซ่งหว่านชิว
หลินจื้ออี้มองดูโต๊ะกลมขนาดใหญ่ เธออดคิดไม่ได้ว่าครั้งก่อนที่กินข้าวที่นี่คือเหตุการณ์ที่เธอเคยระเบิดใส่แม่ลูกตระกูลซ่งหว่านชิวคุณท่านกงซึ่งนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะแต่งตัวด้วยสูทเรียบร้อยสีหน้าเคร่งขรึมตามแบบฉบับเพราะคำนึงถามมารยาท หลินจื้ออี้จึงเอ่ยทักอย่างนอบน้อม “คุณท่าน”“อืม นั่งกินข้าวเถอะ”เขาโบกมือเชิญทุกคนเริ่มกินอาหารหลินจื้ออี้มองอาหารทะเลเต็มโต๊ะแล้วกลืนน้ำลายเบาๆ แต่เพราะมีคุณท่านอยู่เธอจึงคีบแค่เนื้อวัวตรงหน้าเท่านั้นเธอไม่ได้เป็นตัวแทนแค่ตัวเองแต่ยังเป็นตัวแทนของหลิ่วเหอด้วยพอคิดถึงเรื่องที่หลิ่วเหอยังต้องใช่ชีวิตอยู่ในตระกูลกงนี้ต่อไป ทุกการกระทำของเธอในฐานะลูกสาวจึงมีความสำคัญมากขณะกำลังคิดอยู่นั้น หลิ่วเหอก็คีบอาหารทะเลให้เธอหลายอย่าง ทั้งปลาดิบ เนื้อหอยสังข์ และยังตักโจ๊กกุ้งล็อบสเตอร์ชามใหญ่ให้ด้วยหลิ่วเหอพูดเบาๆอย่างแนบเนียนว่า “กินก่อนนะ เดี๋ยวถ้าโต๊ะหมุนมาถึง ฉันจะหยิบหอยเป๋าฮื้อดำ ไส้กุ้งในหอยเชลล์ แล้วก็กุ้งทะเลย่างให้เธอ”หลินจื้ออี้พยักหน้ารัวๆ พูดในใจว่า ขอบคุณนะแม่เมื่อก่อนเธอไม่กินอาหารทะเลเพราะรู้สึกว่ามันคาว แต่หลังจากได้ลองอาหารทะเลฝีมือพ่อ
“ฉัน…เธอท้องแล้ว!ฉันขอตั้งสติก่อนนะ ผู้หญิงคนนี้หลอกฉันทุกทางเลยเหรอเนี่ย? ทั้งที่ฉันยังอุตส่าห์ช่วยทำใบรับรองว่าเธอมีปัญหาทางจิตใจให้!”หลี่ฮวนแทบกรี๊ดออกมา เขาถูกหลินจืออี้หลอกเต็มๆ!“พูดมา”กงเฉินยกมือถือออกห่างจากหูด้วยสีหน้ารำคาญใจ“ภาวะเสี่ยงแท้งส่วนใหญ่ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ อาหารการกินก็ต้องระวัง โดยเฉพาะห้ามทำงานหนัก” หลี่ฮวนตอบ“อืม”“แล้วนายจะทำยังไง?เมื่อก่อนตอนที่มีข่าวลือ เธอยอมรับว่าคืนนั้นเธออยู่กับนาย นายก็อ้างกระแสสังคมแต่งงานกับเธอได้เลย คุณท่านก็คงจะพูดอะไรไม่ได้ แต่นี่เธอกลับไม่ยอม นายบอกฉันตามตรงนะ ตอนนั้นนายยอมร่วมมือกับคุณท่านกดดันเธอเพราะนายเองก็มีใจใช่ไหมล่ะ?”หลี่ฮวนหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์กงเฉินก้มหน้าลงเล็กน้อย “วางสายละ”หลี่ฮวนรีบร้องห้ามเสียงดัง “นายนี่มันปากไม่ตรงกับใจชัดๆ นายต้องโชว์ข้อดีตัวเองบ้างนะ!”“โชว์ไปแล้ว”“อะไรนะ…” … ตู้ดๆๆ…ฝั่งนู้นสายตัดไปแล้วทิ้งให้หลี่ฮวนงงเป็นไก่ตาแตกโชว์ไปแล้ว?โชว์อะไรของมันวะ?.......หลังจากที่เฉินซู่หลานตรวจร่างกายเสร็จ กงเฉินก็ช่วยประคองเธอเดินออกจากตึกพอขึ้นรถมาด้วยกัน เฉินซู่หลานก็ยิ้มหวานแล้วพูดว่า
“ฮะ? ฉัน...” หลินจืออี้ชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะรู้ว่าหมอเข้าใจผิดว่าเธอเป็นคนอื่น“ตั้งครรภ์ระยะแรกนะมีเลือดออกนิดหน่อยต้องพักผ่อนให้มาก อย่ากระโดดโลดเต้นและอาหารการกินก็ต้องระวัง”“ไม่ใช่ค่ะคุณหมอ ฉัน...”“พอแล้ว คนต่อไป” หมอขีดปากกาลงใบตรวจแล้วเรียกคนถัดไปผู้หญิงคนต่อไปก็เปิดประตูเข้ามาเรียบร้อยหลินจืออี้เห็นว่าไม่มีเหตุผลจะต้องอธิบายต่อก็รีบถอยออกมาพอหันตัวกลับ ตึบ! ก็ชนเข้ากับใครบางคนเธอก้มหน้าลงขอโทษ “ขอโทษค่ะ”กำลังจะเดินหนีไปอยู่แล้วข้อมือของเธอกลับถูกคว้าไว้อย่างแรง“เธอโกหกฉัน?เธอท้องอยู่เหรอ”เสียงที่มักจะสงบนิ่งเยือกเย็นตอนนี้กลับปะทุไปด้วยความโกรธหลินจืออี้เงยหน้าขึ้นถึงพบว่าคนตรงหน้าก็คือกงเฉินเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน?หรือว่ามากับซ่งหว่านชิว?แต่เห็นชัดๆ ว่าซ่งหว่านชิวมาก็เพื่อทำแท้งไม่ใช่เหรอ?หลินจืออี้ยังไม่ทันได้คิดอะไรให้ชัดเจนข้อมือของเธอก็ยิ่งเจ็บขึ้นเธอร้องเบาๆ “ปล่อยนะ ฉันเจ็บนะ แล้วฉันก็ไม่ได้ท้อง!”กงเฉินหรี่ตามองความโกรธในดวงตายิ่งเพิ่มขึ้นแต่แรงที่มือก็คลายลงนิดหน่อยพร้อมกับเธอเข้าไปในห้องตรวจ“อาการของเธอเป็นยังไง?”หมอขยับแว่นมองห
แผนกสูตินรีเวชก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่ปัญหาก็คือหลินจืออี้เห็นแผ่นหลังที่คุ้นตาซ่งหว่านชิวถึงแม้ว่าเธอจะแต่งตัวมิดชิดแค่ไหนแต่แผ่นหลังนี้ก็ฝังอยู่ในหัวของหลินจืออี้ตั้งแต่ชาติที่แล้ว เธอจะลืมได้อย่างไรกัน?แต่ซ่งหว่านชิวมาทำอะไรที่แผนกสูตินรีเวชล่ะ?“จืออี้ เป็นอะไรไป?” เฉินซู่หลานที่ยืนอยู่ข้างหน้าก็หันมาส่งเสียงเรียกเธอ“ไม่มีอะไรค่ะ มาแล้ว”หลินจืออี้ก็รีบเดินตามไป แต่พอเธอหันกลับไปมองอีกที ซ่งหว่านชิวก็หายไปแล้วเฉินซู่หลานดึงแขนเธอไว้ แล้วชี้ไปที่บันไดข้างหน้า “ขึ้นทางนี้ก็ได้นะ”หลินจืออี้ได้สติกลับมาและพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินขึ้นไปพร้อมกับเธอแบบเหม่อลอยหรือว่าที่ซ่งหว่านชิวเดินทะลุผ่านแผนกสูตินรีเวชเพราะว่าสะดวก?พอขึ้นไปถึงข้างบนหลินจืออี้ก็ช่วยเฉินซู่หลานจัดที่นั่งเพื่อรอคิวตรวจ หมอผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลนี้เป็นเพื่อนของเฉินซู่หลาน เธอไว้ใจเขามากเป็นพิเศษเธอยอมรอก็ไม่ยอมไปโรงพยาบาลเอกชนเปลี่ยนหมอคนใหม่ตรวจหลินจืออี้เข้าใจดีคนมีเงินก็มักจะเลือกหมอที่ตัวเองไว้ใจได้และไม่ค่อยยอมเปลี่ยนคนคงกลัวข้อมูลสุขภาพของตัวเองจะรั่วไหลกงเฉินก็เป็นแบบนั้น การตรวจร่างกายทุกค
“แก... แกอิจฉาฉันจริงๆ ด้วย แม้แต่ผู้ชายก็รั้งไว้ไม่ได้!” เฉินฮวนทุบกล่องในมือ“เหอะ” เซวียมั่นยิ้มเยาะและเดินออกไปทันที เธอขี้เกียจเกินไปที่จะตอบคําถามที่น่าเบื่อแบบนี้"แกหมายความว่ายังไง? แกพูดมาให้ชัดเจนนะ”เฉินฮวนรีบวิ่งไปที่เซวียมั่น แต่ถูกขวางโดยผู้ช่วยเบลล่าเบลล่ารีบเอ่ย "รปภ.พาคนออกไปเร็วเข้า อ้อ แล้วก็ขยะของมันด้วย"แล้วเฉินฮวนก็ถูกโยนออกไปหลินจืออี้ไม่ได้รู้สึกสงสารอะไรเลย ทั้งหมดนี้เป็นเฉินฮวนทำตัวเองทั้งนั้นเมื่อก้มหน้าทํางาน เธอก็เห็นซ่งหว่านชิวที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งพอดีซ่งหว่านชิวเอามือปิดปากเหมือนรู้สึกไม่สบายมาก จากนั้นก็ฉวยโอกาสตอนที่ทุกคนไม่ทันสังเกตลุกขึ้นและออกจากที่นั่งไปหลินจืออี้รู้สึกแปลกใจ กําลังจะดูให้ละเอียด โทรศัพท์ก็สั่น“พรุ่งนี้ฉันอยู่บ้าน แกจะมาไหม?”“อืม”“งั้นฉันจะทําอาหารที่แกชอบ มาอยู่เป็นเพื่อนฉันเร็วๆ หน่อย”“ได้”หลินจืออี้ยิ้มเมื่อเห็นข่าว เธอวางแผนว่าจะถือโอกาสพักผ่อนพรุ่งนี้ไปบ้านตระกูลกงเพื่อย้ายของที่เหลือไปที่คอนโดจริงๆ แล้วก็ไม่มีอะไรมากหรอกเมื่อก่อนตอนที่อยู่บ้านตระกูลกงเธอก็ใช้ชีวิตอย่างหวาดผวา ดังนั้นหลังจากพักอย
บนรถกงเฉินและซ่งหว่านชิวเพิ่งนั่งได้มั่นคนขับรถที่สวมถุงมือสีขาวอยู่แถวหน้าก็หันมามองกงเฉินอย่างประหม่า“คุณผู้ชาย ถ้าไม่ไปบริษัท งั้นผมก็จะไปถนนลี่หัวแล้วนะครับ”“อืม”กงเฉินตอบรับเบาๆ แล้วหลับตาพักผ่อนซ่งหว่านชิวเพิ่งพบว่าคนขับไม่ใช่คนที่คุ้นเคยมาก่อน จึงถามอย่างสงสัยว่า “ทําไมเปลี่ยนคนขับกะทันหันล่ะคะ? ทางก็ไม่คุ้นเคยแล้ว”กงเฉินหลับตาลงและพูดอย่างเย็นชาว่า “ไม่คุ้นเคยทางขับไปเดี๋ยวก็คุ้นเคยเอง แค่คนที่แยกนายจ้างไม่ออกก็ไม่จําเป็นต้องเก็บไว้แล้ว”ได้ยินดังนั้น หน้าของซ่งหว่านชิวก็เหมือนมีรอยร้าวและเล็บที่เพิ่งทําใหม่ก็จิกลงไปในเบาะหนังแท้โดยตรงแต่ใบหน้าของเธอยังคงยิ้มอยู่ "ค่ะ"จากนั้นทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดคุยกันอีกพอไปถึงบ้านตระกูลซ่ง ซ่งหว่านชิวไม่กล้ารั้งกงเฉินไว้ พูดคําอําลาแล้วลงจากรถเหมือนวิ่งหนีกงเฉินก็ไม่ได้อยู่ต่อ เขาจากไปทันทีไม่รู้ว่าเธอเก็บกดเกินไปหรือเปล่า ซ่งหว่านชิวรู้สึกหมดแรง กระเพาะอาหารเริ่มปั่นป่วนอีกครั้งเธอผลักคนรับใช้ที่หิ้วชายกระโปรงราตรีให้เธอออก แล้วรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำและเริ่มอาเจียน"อ้วก... แหวะ...”ในเวลานี้ รถของฉินซวงก็จอดอยู่ที่ปร