หลินจืออี้กวาดตามองด้านล่างเวที สายตาสบกันกับผู้ชายที่นั่งอยู่โต๊ะวีไอพีผู้รับผิดชอบจัดงานข้างกายก้มศีรษะลง แล้วพูดอะไรสักอย่างอย่างระมัดระวังแต่เขากลับมีสีหน้าเฉื่อยชา ไม่ได้สนใจว่าเขากำลังพูดอะไร ยกแก้วชาขึ้นแล้วมองมาที่หลินจืออี้อย่างมืดมนผ่านไอร้อนความกดดันที่แข็งแกร่งทำให้ใจของเธอหวาดผวา จนอดเลื่อนสายออกมาอย่างรวดเร็วไม่ได้ด้านล่างเวที สายตาของคนส่วนมากที่มองหลินจืออี้ล้วนแต่ไม่มีความคาดหวังถึงอย่างไรคนที่จะเอาอัญมณีระดับล้านมาเข้าร่วมการแข่งขันเหมือนอย่างซ่งหว่านชิวนั้นน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการออกแบบของเธอที่ทั้งสมบูรณ์แบบ และแปลกใหม่แม้แต่ผู้รับผิดชอบยังคิดแบบนี้“คุณชายสามวางใจได้ เมื่อสักครู่ผมถามอาจารย์เซวียมั่นแล้ว เธอพึงพอใจคุณหนูซ่งมาก ที่หนึ่งในครั้งนี้ไม่มีใครแล้วนอกจากเธอ”กงเฉินจิบชาไปหนึ่งอึก พูดเอื่อยๆ “ก็ไม่แน่ ?”ผู้รับผิดชอบงงงัน คาดเดาความคิดของเขาไม่ค่อยจะได้ ค่อยๆ เคลื่อนสายตาไปตามแววตาของเขาที่มองไปยังหลินจืออี้ด้านบนเวทีเขาคิดแล้วคิดอีก ทันใดนั้นก็เข้าใจอะไรได้“คุณชายสาม ผมเข้าใจแล้ว”กงเฉินไม่ได้สนใจเลยว่าเขากำลังพูดอะไร
แต่หลินจืออี้กลับหันไปด้านข้างแล้วมองเธอหนึ่งครั้งแล้วเดินไปด้านหน้าสองก้าว“แม้ว่าพวกเราจะเป็นพื่อนร่วมชั้นกัน แต่สนิทกันเหรอ? แม้ว่าจะขอร้อง ก็ไม่จำเป็นต้องให้คู่แข่งมาขอร้องหรอกนะ?”“เธอ…” ซ่งหว่านชิวตะลึง และแสดงสีหน้าเจ็บปวดมีผู้ตัดสินรู้ว่าสถานะของซ่งหว่านชิวไม่ธรรมดา และก็คิดว่ามีกงเฉินอยู่เบื้องหลัง จึงรีบลุกขึ้นพูดตำหนิ “หลินจืออี้ ผลงานของเธอก็ถูกเธอทำตกแล้ว คุณหนูซ่งใจดีช่วยเธอกู้หน้า เธอยังมีท่าทางแบบนี้เหรอ รักษาความปลอดภัย! เอาลงไป! ไม่มีผลงานก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วม อย่าให้เสียเวลาของทุกคนเลย”ซ่งหว่านชิวเช็ดหางตา มองดูถูกหลินจืออี้ สายตาก็เต็มไปด้วยความพอใจแต่หลินจืออี้กลับสงบนิ่งเป็นพิเศษแล้วพูด “ใครบอกว่าฉันไม่มีผลงาน?”เธอหันไปมองซ่งหว่านชิว แล้วพูดต่อทีละคำ “โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน ฉันก็กลัวจะเกิดอุบัติเหตุ ดังนั้นเลยตั้งใจจัดเตรียมตัวอย่างไว้สองชุด”สีหน้าของซ่งหว่านชิวแข็งชะงักวินาทีต่อมาพนักงานที่หลินจืออี้ตั้งใจจ่ายเงินให้รออยู่ก็ยกของชุดหนึ่งขึ้นมาบนเวทีเธอมองเซวียมั่นที่อยู่ด้านล่างเวที แล้วค่อยๆ พยักหน้าพูด “นี่คือมงกุฎวันเกิดที่ฉันทำ ซิงเยว่”
มีเพียงแต่หลินจืออี้ที่รู้ว่าซิงซิงของเธอเป็นลูกสาวที่ดีที่สุดในโลกทุกวันเกิดหลังจากที่ซิงซิงรู้เรื่องล้วนแต่หวังว่าเธอจะร่างเริงและมีความสุขซิงซิงมักจะบอกว่า “แม่คะ หลังจากนี้แม่ไม่ต้องร้องไห้แล้วได้ไหมคะ? ”และเธอก็บอกว่า “แม่คะ คนอื่นต่างก็มีพ่อที่ช่วยลูกสวมมงกุฎ”หลังจากนั้นเธอก็เข้าใจแล้วว่าพ่อไม่ชอบเธอ ดังนั้นเธอเลยพูดว่าแม่สวมให้สวยยิ่งกว่าคิดแล้วดวงตาของหลินจืออี้ก็แดงไปครู่หนึ่ง แต่เธอรับปากซิงซิงแล้วว่าหลังจากนี้จะไม่ร้องไห้ สุดท้ายก็อดกลั้นเอาไว้เธอยกมือขึ้นลูบมงกุฎบนศีรษะ แล้วค่อยๆ มองขึ้นไปด้านบนซิงซิง แม่ทำมงกุฎให้หนูหนึ่งอัน ชอบไหม?ทิ้งตอนก่อนหน้านี้เอาไว้ เซวียมั่นชื่นชมความสามารถของหลินจืออี้ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ หรือความชาญฉลาดที่แปลกใหม่ยิ่งกว่าซ่งหว่านชิวผลงานของซ่งหว่านชิวก็ดีมาก แต่ก็มีความล้มเหลวหนึ่งอย่าง…แหวนที่เกินจริงวงนั้นเวลานี้ อยู่ดีๆ เซวียมั่นก็ลุกขึ้น และไม่ได้ริเริ่มเดินไปทางหลินจืออี้“ฉันอยากดูตะขอที่เธอออกแบบ นึกไม่ถึงว่ารูปร่างจะซ่อนเร้นขนาดนี้”“ได้ค่ะ”หลินจืออี้ยิ้มเล็กน้อย นำมงกุฎส่งให้กับเซวียมั่นอวี๋กวงจง ซ่งหว่านอี้ข
จนกระทั่งเซวียมั่นพูดว่า "แข่งต่อเถอะ"พิธีกรพูดอย่างรวดเร็วว่า "เชิญทั้งสองท่านพักผ่อนก่อน ขอเชิญผู้แข่งขันคนต่อไปขึ้นเวที"หลินจืออี้ยิ้มแล้วก้าวลงจากเวที ซ่งหว่านชิวเดินตามหลังมา"เธอรู้อยู่แล้วเหรอ?""คุณซ่ง คุณหมายว่าอะไรเหรอ? ทําไมฉันฟังไม่เข้าใจเลยล่ะ? นั่นไม่ใช่ผลงานของคุณหรอกเหรอ? ฉันจะไปรู้อะไรล่ะ?" หลินจืออี้แกล้งทําเป็นสงสัยแล้วถามกลับซ่งหว่านชิวมองไปรอบๆ และลดเสียงลง "ทําไมสร้อยคอถึงขาดได้?"หลินจืออี้ยิ้มเล็กน้อย "เอาผลงานตัวอย่างออกแบบของฉันไป ไม่รุ้หรือไงว่าต้องเปลี่ยนข้อมูล? แค่คัดลอกยังคัดลอกไม่เป็น”พูดจบเธอก็หันหลังเดินจากไปหลังจากเดินไปได้สองก้าว เธอก็หยุดมองซ่งหว่านชิวแล้วเตือนว่า "ตอนที่อาเล็กให้แบบแปลนแก่เธอ ไม่ได้กําชับเธอหรอกเหรอว่าอย่าเติมอะไรมั่วๆ? แหวนนั่นน่าเกลียดซะไม่มีอ่ะ”"หลินจืออี้!"ซ่งหว่านชิวโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ภาพลักษณ์ที่สง่างามของเธอเกือบจะถูกทําลายแล้วเมื่อหลินจืออี้เห็นซ่งหว่านชิวใช้เพชรจริงแสดงบนเวที เธอก็รู้ว่าสร้อยเส้นนี้จะต้องขาดแน่นอนดังนั้นเธอจึงจงใจดึงดูดให้เซวียมั่นลองสวมผลงานของตัวเองด้วยนิสัยของซ่งหว่านชิว เธอย่อมไม่ป
หลินจืออี้มองผู้ชมด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ในมือถือถ้วยรางวัลอันหนักอึ้งคอของเธอเหมือนโดนบีบด้วยมือคู่หนึ่งที่มองไม่เห็นความรู้สึกของการหายใจไม่ออกดูเหมือนจะกำลังบอกเธอว่ามันยากแค่ไหนที่จะหลบหนีชะตากรรมที่ถูกกําหนดไว้แล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่มีที่พึ่งแต่ทว่า วินาทีต่อมา เธอก็กําถ้วยรางวัลในมือแน่นชาติที่แล้ว เธอไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมการแข่งขันด้วยซ้ำ แต่ชาตินี้ เธอกลับเกือบทําให้ซ่งหว่านชิวไม่ได้รับถ้วยรางวัลอย่างน้อย โชคชะตาที่สมควรตายนั่นก็ได้เริ่มเปลี่ยนไปบ้างนิดหน่อยแล้วสักวันหนึ่ง มันจะต้องเข้าสู่วงโคจรที่เธอต้องการแน่นอนหลินจืออี้เงยหน้าขึ้น ยิ้มให้ผู้ชมด้านล่างเวที ทั้งต่อผู้ชมและต่อเจ้าของดวงตาคู่นั้นกงเฉินไม่มีใครสามารถทำให้เธอยอมแพ้ได้อีก นอกจาก... ตัวเธอจะยอมแพ้เองที่ด้านล่างเวทีเฉินจินเดินไปข้างๆ กงเฉิน ก้มตัวลงเล็กน้อยและรายงานที่ข้างหู"คุณชายสาม เรียบร้อยแล้วครับ""อืม"กงเฉินยกถ้วยชาขึ้นสบตากับหลินจืออี้ หรี่ตามอง ซ่อนความไม่พอใจในแววตารอยยิ้มของเธอช่างงดงามภายใต้แสงไฟ ดึงดูดสายตาของผู้ชายทุกคนข้างหูของเขาได้ยินแม้
เธอไม่จําเป็นต้องวิ่งไปที่กงเฉิน แค่สามารถยืนอยู่ข้างกงเฉินและถ่ายรูปได้ รูปถ่ายนี้จะต้องแพร่กระจายบนอินเทอร์เน็ตอย่างแน่นอน และเธอก็จะสามารถมีชื่อเสียงได้ไม่มีใครที่ไม่ทําเพื่อตัวเองหรอกเฉินฮวนไม่ผิดหลินจืออี้หลีกทางให้ ยิ้มให้เธอ "เธอไปเถอะ กระโปรงที่เธอใส่วันนี้เป็นสีหมึก ยืนถ่ายรูปกับคุณชายสามกำลังสวยพอดีเลย”เธอหาเหตุผลให้เรียบร้อยแล้วด้วยซ้ำเฉินฮวนอึ้งไปเล็กน้อย กล่าวขอบคุณแล้วเดินไปอีกฟากหนึ่งของกงเฉินส่วนหลินจืออี้ก็ยืนอยู่ข้างสุดเมื่อทุกคนโพสท่าถ่ายรูป กงเฉินก็ยกมือขึ้นบังกล้องเขาพูดอย่างเคร่งขรึมว่า "ควรให้ผู้เข้าแข่งขันยืนตรงกลาง"พูดจบ เขาก็ปัดมือของซ่งหว่านชิวออกไปและเดินไปที่ขอบสุดอย่างเงียบๆซึ่งก็คือข้างกายของหลินจืออี้หลินจืออี้หมายจะหลบกงเฉินโดยอัตโนมัติ แต่กลับถูกมือข้างหนึ่งแนบบนหลังขัดขวางเอาไว้ฝ่ามือที่อ่อนโยนสัมผัสผิวของเธอผ่านเสื้อผ้าบางๆ ทําให้เธอตื่นตระหนกเธอเอื้อมมือไปดึงมือเขาออกอย่างเบาๆ แต่กลับถูกเขากุมข้อมือและกดไว้ที่เอวด้านหลัง นิ้วหัวแม่มือที่สวมหยกแดงลูบไล้เนื้อแขนของเธอหลังของเธอสั่นเล็กน้อย ทํายังไงก็ดิ้นไม่หลุดจากมือของเขา
เหตุการณ์นี้เป็นสิ่งที่หลินจืออี้คาดไม่ถึงจริงๆเพื่อปราบปรามเธอ ซ่งหว่านชิวนี่ไม่เลือกวิธีการจริงๆใครลอกใครกันแน่ ซ่งหว่านชิวรู้ดีกว่าใคร ตอนนี้กลับคิดจะมาใส่ร้ายว่าเธอลอกเลียนแบบอ้างอิง คํานี้ใช้ได้ดีจริงๆ เลยนะเมื่อรวมกับนักข่าวที่เตือนทุกคนว่า หลินจืออี้ได้อ่านร่างการออกแบบของซ่งหว่านชิวล่วงหน้าแล้วถ้ายอมรับการอ้างอิงก็หมายความว่าเธอยอมรับว่าซ่งหว่านชิวเก่งกว่าตัวเอง ดังนั้นผลงานที่เข้าร่วมการแข่งขันก็อ้างอิงจากซ่งหว่านชิวด้วยแต่ถ้าไม่ยอมรับการอ้างอิง งั้นก็เท่ากับว่าเธอปากแข็ง อันดับสองนี้ได้มาอย่างไม่มีเกียรติเลยซ่งหว่านชิวพูดไกล่เกลี่ยอยู่ข้างๆ ว่า "ทุกคนอย่าพูดแบบนี้เลย เป็นเกียรติของฉันที่ถูกจืออี้เอาไปอ้างอิงนะ"จากนั้นเธอก็พูดอย่างเศร้าๆ ว่า "แต่คราวนี้ฉันเพิ่มองค์ประกอบของดวงอาทิตย์ในผลงานของฉัน เพราะฉันเปรียบเทียบดวงอาทิตย์เป็นคุณชายสาม เพราะมีแสงอาทิตย์ ของเขา ทุกสิ่งทุกอย่างถึงได้สวยงามแบบนี้ ก็เลยรู้สึกไม่สบายใจจริงๆ ที่โดนยืมไปอ้างอิงแบบนี้”พูดไป แก้มของเธอก็แดงเล็กน้อย ราวกับเขินอายมากบางคนเริ่มส่งเสียงเชียร์และยิ่งถ่ายรูปกันอย่างเมามันกงเฉินกลับเย
"อย่าขยับ" เขาพูดเสียงต่ำ"เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?" หลินจืออี้ถามอย่างไม่เข้าใจ"มีริบบิ้นสีติดอยู่บนหัวเธอน่ะ เดี๋ยวฉันช่วยเอาออกให้"กงเยี่ยนถือโอกาสลูบเส้นผมของเธอ นิ้วมือสอดแทรกเข้าไป มองสายตาของเธอที่เปลี่ยนไปมา อดไม่ได้ที่จะเข้าไปดมผมของเธอใกล้ๆเมื่อสังเกตเห็นว่ากงเยี่ยนขยับเข้ามาใกล้ หลินจืออี้ก็หน้าแดง เอามือบังหัวตัวเองไว้"ฉัน ฉันลืมสระผม กลิ่นมันแปลกมากใช่ไหมคะ?"กงเยี่ยนหัวเราะเบาๆ "เปล่า หอมมากต่างหาก""พี่ใหญ่ พี่ล้อเล่นเก่งจริงๆ" หลินจืออี้รู้สึกอายมาก“ไปเถอะ รถฉันอยู่ประตูด้านข้าง”"อืม"หลินจืออี้เดินเคียงบ่าเคียงไหล่กับกงเยี่ยน เธอม้วนผมตัวเองโดยไม่รู้ตัวนี่เป็นการกระทําเล็กๆ น้อยๆ ของเธอเมื่อเธอเขินอายถึงจะทำกงเฉินเห็นฉากนี้แล้ว เม้มริมฝีปากบางเล็กน้อย บรรยากาศรอบตัวมืดมนและน่าสะพรึงกลัวเสียงแกร๊กดังขึ้น เขาหันข้างไปจุดบุหรี่มวนหนึ่ง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆ หันหลังกลับในทางเดิน ผู้รับผิดชอบของผู้จัดงานถูกเฉินจิ่นปิดปากและคุกเข่าลงบนพื้น"อื้อๆๆ..." คุณชายสาม! ผมผิดไปแล้ว! ผมผิดไปแล้วจริงๆ ครับ!”กงเฉินเดินไปหาเขา กระโจนออกจากหมอกสีขาว และพูดอ
เธอมีความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ได้เหมือนกับว่า เด็กคนนี้ควรจะเป็นความโชคดีของเธอ เป็นคนที่จะนำพาทุกอย่างที่เธอปรารถนามาให้แต่ตอนนี้เธอเองก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมสิ่งที่ควรจะได้มาง่ายๆ กลับค่อยๆ ห่างไกลออกไปจากตัวเองทุกที เพราะแบบนี้ ซ่งหว่านชิวที่ไม่ยอมแพ้จึงแต่งหน้าแต่งตัวอย่างดีแล้วมาที่ตระกูลกง เธอคิดจะเดิมพันครั้งสุดท้าย ถ้าวันนี้สามารถได้ตัวกงเฉินสำเร็จ เด็กในท้องเกิดก่อนกำหนดแค่เดือนกว่าๆ ก็ยังพออธิบายได้ว่าเป็นเรื่องธรรมชาติแต่เธอไม่คิดเลยว่าจะได้ยินข่าวที่ทำให้เธอช็อกขนาดนี้มือที่วางอยู่บนหน้าท้องของซ่งหว่านชิวค่อยๆ กำแน่นขึ้น จนความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่างดูท่าลูกคนนี้เธอคงเก็บไว้ไม่ได้แล้ว คืนนี้กงเฉินไม่มีทางแตะต้องเธอแน่นอนถ้าอย่างนั้น...ลูกของหลินจื้ออี้ก็ต้องตายไปพร้อมกับลูกของเธอแบบนี้กงเฉินก็ไม่มีเหตุผลอะไรไปขัดคำสั่งของคุณท่านที่ต้องแต่งงานกับหลินจื้ออี้แล้วซ่งหว่านชิวลดมือลง หยิบแป้งพัฟขึ้นมาปัดแต่งหน้าเติมเล็กน้อยก่อนจะถอดต่างหูจากใบหูใส่ลงกล่องเครื่องประดับเล็กๆ ที่พกติดตัวมาด้วยเธอรีบเดินเข้าห้องรับแขก ก่อนที่กงเฉินจะกลับมารีบเข้าไปทักทายทุกคนก่อน
หลินจื้ออี้เข้าไปในห้องน้ำแล้วก็อาเจียนออกมาอย่างหนัก แม้จะบ้วนปากด้วยน้ำยารสผลไม้ถึงสามรอบแต่ในปากก็ยังขมอยู่ดีทันทีที่เธอเดินออกมาจากห้องน้ำก็มีเงาหนึ่งมายืนขวางทางไว้เธอพูดด้วยเสียงอ่อนล้า “หลบไปหน่อย”กงเฉินจ้องมองเธอ “ยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนอีกหรือเปล่า?”หลินจื้ออี้ได้ยินคำพูดนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ“อาเล็กดูแลฉันดีแบบนี้เพราะฉันท้องเหรอ?อย่าลืมสิตอนนั้นอาบอกว่าถ้าฉันท้องก็ให้ไปเอาเด็กออกไม่ใช่เหรอ?”“...”สีหน้าของกงเฉินมืดมนลงทันทีหลินจื้ออี้นึกถึงคำเตือนของคุณท่านเมื่อครู่แล้วก็อดนึกถึงชาติที่แล้วไม่ได้ ตอนที่คุณท่านปฏิบัติต่อซิงซิงซิงซิงเป็นเด็กผู้หญิงแถมยังเป็นลูกที่ไม่มีใครต้องการ คุณท่านก็ไม่เคยยอมรับเลยว่าเธอเป็นหลานสาวของตระกูลกงแต่เมื่อซ่งหว่านชิวกลับมาพร้อมกับลูกชาย โลกออนไลน์ก็เต็มไปด้วยข่าวว่าเขารักหลานชายคนนั้นมากแค่ไหน ถึงกับประกาศว่าลูกชายของซ่งหว่านชิวคือลูกเพียงคนเดียวของกงเฉินทุกคนต่างหัวเราะเยาะเธอกับลูกสาวของเธอว่า พยายามแทบตายสุดท้ายก็ได้แต่ความว่างเปล่าตอนนี้คุณท่านก็คงจะสมหวังแล้วในเมื่อไม่มีเธอคอยขวางทาง ก็คงต้องดูว่าซ่งหว่านชิว
หลินจื้ออี้มองดูโต๊ะกลมขนาดใหญ่ เธออดคิดไม่ได้ว่าครั้งก่อนที่กินข้าวที่นี่คือเหตุการณ์ที่เธอเคยระเบิดใส่แม่ลูกตระกูลซ่งหว่านชิวคุณท่านกงซึ่งนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะแต่งตัวด้วยสูทเรียบร้อยสีหน้าเคร่งขรึมตามแบบฉบับเพราะคำนึงถามมารยาท หลินจื้ออี้จึงเอ่ยทักอย่างนอบน้อม “คุณท่าน”“อืม นั่งกินข้าวเถอะ”เขาโบกมือเชิญทุกคนเริ่มกินอาหารหลินจื้ออี้มองอาหารทะเลเต็มโต๊ะแล้วกลืนน้ำลายเบาๆ แต่เพราะมีคุณท่านอยู่เธอจึงคีบแค่เนื้อวัวตรงหน้าเท่านั้นเธอไม่ได้เป็นตัวแทนแค่ตัวเองแต่ยังเป็นตัวแทนของหลิ่วเหอด้วยพอคิดถึงเรื่องที่หลิ่วเหอยังต้องใช่ชีวิตอยู่ในตระกูลกงนี้ต่อไป ทุกการกระทำของเธอในฐานะลูกสาวจึงมีความสำคัญมากขณะกำลังคิดอยู่นั้น หลิ่วเหอก็คีบอาหารทะเลให้เธอหลายอย่าง ทั้งปลาดิบ เนื้อหอยสังข์ และยังตักโจ๊กกุ้งล็อบสเตอร์ชามใหญ่ให้ด้วยหลิ่วเหอพูดเบาๆอย่างแนบเนียนว่า “กินก่อนนะ เดี๋ยวถ้าโต๊ะหมุนมาถึง ฉันจะหยิบหอยเป๋าฮื้อดำ ไส้กุ้งในหอยเชลล์ แล้วก็กุ้งทะเลย่างให้เธอ”หลินจื้ออี้พยักหน้ารัวๆ พูดในใจว่า ขอบคุณนะแม่เมื่อก่อนเธอไม่กินอาหารทะเลเพราะรู้สึกว่ามันคาว แต่หลังจากได้ลองอาหารทะเลฝีมือพ่อ
“ฉัน…เธอท้องแล้ว!ฉันขอตั้งสติก่อนนะ ผู้หญิงคนนี้หลอกฉันทุกทางเลยเหรอเนี่ย? ทั้งที่ฉันยังอุตส่าห์ช่วยทำใบรับรองว่าเธอมีปัญหาทางจิตใจให้!”หลี่ฮวนแทบกรี๊ดออกมา เขาถูกหลินจืออี้หลอกเต็มๆ!“พูดมา”กงเฉินยกมือถือออกห่างจากหูด้วยสีหน้ารำคาญใจ“ภาวะเสี่ยงแท้งส่วนใหญ่ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ อาหารการกินก็ต้องระวัง โดยเฉพาะห้ามทำงานหนัก” หลี่ฮวนตอบ“อืม”“แล้วนายจะทำยังไง?เมื่อก่อนตอนที่มีข่าวลือ เธอยอมรับว่าคืนนั้นเธออยู่กับนาย นายก็อ้างกระแสสังคมแต่งงานกับเธอได้เลย คุณท่านก็คงจะพูดอะไรไม่ได้ แต่นี่เธอกลับไม่ยอม นายบอกฉันตามตรงนะ ตอนนั้นนายยอมร่วมมือกับคุณท่านกดดันเธอเพราะนายเองก็มีใจใช่ไหมล่ะ?”หลี่ฮวนหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์กงเฉินก้มหน้าลงเล็กน้อย “วางสายละ”หลี่ฮวนรีบร้องห้ามเสียงดัง “นายนี่มันปากไม่ตรงกับใจชัดๆ นายต้องโชว์ข้อดีตัวเองบ้างนะ!”“โชว์ไปแล้ว”“อะไรนะ…” … ตู้ดๆๆ…ฝั่งนู้นสายตัดไปแล้วทิ้งให้หลี่ฮวนงงเป็นไก่ตาแตกโชว์ไปแล้ว?โชว์อะไรของมันวะ?.......หลังจากที่เฉินซู่หลานตรวจร่างกายเสร็จ กงเฉินก็ช่วยประคองเธอเดินออกจากตึกพอขึ้นรถมาด้วยกัน เฉินซู่หลานก็ยิ้มหวานแล้วพูดว่า
“ฮะ? ฉัน...” หลินจืออี้ชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะรู้ว่าหมอเข้าใจผิดว่าเธอเป็นคนอื่น“ตั้งครรภ์ระยะแรกนะมีเลือดออกนิดหน่อยต้องพักผ่อนให้มาก อย่ากระโดดโลดเต้นและอาหารการกินก็ต้องระวัง”“ไม่ใช่ค่ะคุณหมอ ฉัน...”“พอแล้ว คนต่อไป” หมอขีดปากกาลงใบตรวจแล้วเรียกคนถัดไปผู้หญิงคนต่อไปก็เปิดประตูเข้ามาเรียบร้อยหลินจืออี้เห็นว่าไม่มีเหตุผลจะต้องอธิบายต่อก็รีบถอยออกมาพอหันตัวกลับ ตึบ! ก็ชนเข้ากับใครบางคนเธอก้มหน้าลงขอโทษ “ขอโทษค่ะ”กำลังจะเดินหนีไปอยู่แล้วข้อมือของเธอกลับถูกคว้าไว้อย่างแรง“เธอโกหกฉัน?เธอท้องอยู่เหรอ”เสียงที่มักจะสงบนิ่งเยือกเย็นตอนนี้กลับปะทุไปด้วยความโกรธหลินจืออี้เงยหน้าขึ้นถึงพบว่าคนตรงหน้าก็คือกงเฉินเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน?หรือว่ามากับซ่งหว่านชิว?แต่เห็นชัดๆ ว่าซ่งหว่านชิวมาก็เพื่อทำแท้งไม่ใช่เหรอ?หลินจืออี้ยังไม่ทันได้คิดอะไรให้ชัดเจนข้อมือของเธอก็ยิ่งเจ็บขึ้นเธอร้องเบาๆ “ปล่อยนะ ฉันเจ็บนะ แล้วฉันก็ไม่ได้ท้อง!”กงเฉินหรี่ตามองความโกรธในดวงตายิ่งเพิ่มขึ้นแต่แรงที่มือก็คลายลงนิดหน่อยพร้อมกับเธอเข้าไปในห้องตรวจ“อาการของเธอเป็นยังไง?”หมอขยับแว่นมองห
แผนกสูตินรีเวชก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่ปัญหาก็คือหลินจืออี้เห็นแผ่นหลังที่คุ้นตาซ่งหว่านชิวถึงแม้ว่าเธอจะแต่งตัวมิดชิดแค่ไหนแต่แผ่นหลังนี้ก็ฝังอยู่ในหัวของหลินจืออี้ตั้งแต่ชาติที่แล้ว เธอจะลืมได้อย่างไรกัน?แต่ซ่งหว่านชิวมาทำอะไรที่แผนกสูตินรีเวชล่ะ?“จืออี้ เป็นอะไรไป?” เฉินซู่หลานที่ยืนอยู่ข้างหน้าก็หันมาส่งเสียงเรียกเธอ“ไม่มีอะไรค่ะ มาแล้ว”หลินจืออี้ก็รีบเดินตามไป แต่พอเธอหันกลับไปมองอีกที ซ่งหว่านชิวก็หายไปแล้วเฉินซู่หลานดึงแขนเธอไว้ แล้วชี้ไปที่บันไดข้างหน้า “ขึ้นทางนี้ก็ได้นะ”หลินจืออี้ได้สติกลับมาและพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินขึ้นไปพร้อมกับเธอแบบเหม่อลอยหรือว่าที่ซ่งหว่านชิวเดินทะลุผ่านแผนกสูตินรีเวชเพราะว่าสะดวก?พอขึ้นไปถึงข้างบนหลินจืออี้ก็ช่วยเฉินซู่หลานจัดที่นั่งเพื่อรอคิวตรวจ หมอผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลนี้เป็นเพื่อนของเฉินซู่หลาน เธอไว้ใจเขามากเป็นพิเศษเธอยอมรอก็ไม่ยอมไปโรงพยาบาลเอกชนเปลี่ยนหมอคนใหม่ตรวจหลินจืออี้เข้าใจดีคนมีเงินก็มักจะเลือกหมอที่ตัวเองไว้ใจได้และไม่ค่อยยอมเปลี่ยนคนคงกลัวข้อมูลสุขภาพของตัวเองจะรั่วไหลกงเฉินก็เป็นแบบนั้น การตรวจร่างกายทุกค
“แก... แกอิจฉาฉันจริงๆ ด้วย แม้แต่ผู้ชายก็รั้งไว้ไม่ได้!” เฉินฮวนทุบกล่องในมือ“เหอะ” เซวียมั่นยิ้มเยาะและเดินออกไปทันที เธอขี้เกียจเกินไปที่จะตอบคําถามที่น่าเบื่อแบบนี้"แกหมายความว่ายังไง? แกพูดมาให้ชัดเจนนะ”เฉินฮวนรีบวิ่งไปที่เซวียมั่น แต่ถูกขวางโดยผู้ช่วยเบลล่าเบลล่ารีบเอ่ย "รปภ.พาคนออกไปเร็วเข้า อ้อ แล้วก็ขยะของมันด้วย"แล้วเฉินฮวนก็ถูกโยนออกไปหลินจืออี้ไม่ได้รู้สึกสงสารอะไรเลย ทั้งหมดนี้เป็นเฉินฮวนทำตัวเองทั้งนั้นเมื่อก้มหน้าทํางาน เธอก็เห็นซ่งหว่านชิวที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งพอดีซ่งหว่านชิวเอามือปิดปากเหมือนรู้สึกไม่สบายมาก จากนั้นก็ฉวยโอกาสตอนที่ทุกคนไม่ทันสังเกตลุกขึ้นและออกจากที่นั่งไปหลินจืออี้รู้สึกแปลกใจ กําลังจะดูให้ละเอียด โทรศัพท์ก็สั่น“พรุ่งนี้ฉันอยู่บ้าน แกจะมาไหม?”“อืม”“งั้นฉันจะทําอาหารที่แกชอบ มาอยู่เป็นเพื่อนฉันเร็วๆ หน่อย”“ได้”หลินจืออี้ยิ้มเมื่อเห็นข่าว เธอวางแผนว่าจะถือโอกาสพักผ่อนพรุ่งนี้ไปบ้านตระกูลกงเพื่อย้ายของที่เหลือไปที่คอนโดจริงๆ แล้วก็ไม่มีอะไรมากหรอกเมื่อก่อนตอนที่อยู่บ้านตระกูลกงเธอก็ใช้ชีวิตอย่างหวาดผวา ดังนั้นหลังจากพักอย
บนรถกงเฉินและซ่งหว่านชิวเพิ่งนั่งได้มั่นคนขับรถที่สวมถุงมือสีขาวอยู่แถวหน้าก็หันมามองกงเฉินอย่างประหม่า“คุณผู้ชาย ถ้าไม่ไปบริษัท งั้นผมก็จะไปถนนลี่หัวแล้วนะครับ”“อืม”กงเฉินตอบรับเบาๆ แล้วหลับตาพักผ่อนซ่งหว่านชิวเพิ่งพบว่าคนขับไม่ใช่คนที่คุ้นเคยมาก่อน จึงถามอย่างสงสัยว่า “ทําไมเปลี่ยนคนขับกะทันหันล่ะคะ? ทางก็ไม่คุ้นเคยแล้ว”กงเฉินหลับตาลงและพูดอย่างเย็นชาว่า “ไม่คุ้นเคยทางขับไปเดี๋ยวก็คุ้นเคยเอง แค่คนที่แยกนายจ้างไม่ออกก็ไม่จําเป็นต้องเก็บไว้แล้ว”ได้ยินดังนั้น หน้าของซ่งหว่านชิวก็เหมือนมีรอยร้าวและเล็บที่เพิ่งทําใหม่ก็จิกลงไปในเบาะหนังแท้โดยตรงแต่ใบหน้าของเธอยังคงยิ้มอยู่ "ค่ะ"จากนั้นทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดคุยกันอีกพอไปถึงบ้านตระกูลซ่ง ซ่งหว่านชิวไม่กล้ารั้งกงเฉินไว้ พูดคําอําลาแล้วลงจากรถเหมือนวิ่งหนีกงเฉินก็ไม่ได้อยู่ต่อ เขาจากไปทันทีไม่รู้ว่าเธอเก็บกดเกินไปหรือเปล่า ซ่งหว่านชิวรู้สึกหมดแรง กระเพาะอาหารเริ่มปั่นป่วนอีกครั้งเธอผลักคนรับใช้ที่หิ้วชายกระโปรงราตรีให้เธอออก แล้วรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำและเริ่มอาเจียน"อ้วก... แหวะ...”ในเวลานี้ รถของฉินซวงก็จอดอยู่ที่ปร
ซ่งหว่านชิวเป็นทางลัดที่เร็วที่สุดสําหรับเสิ่นเยียนที่จะเข้าใกล้วงการชนชั้นสูง ยอมทิ้งไปเพื่อคนอย่างเฉินฮวนมันไม่คุ้มค่าเลยดังนั้นเสิ่นเยียนจะต้องถือโอกาสบอกแผนการกับซ่งหว่านชิวแน่นอนซ่งหว่านชิวและเธอร่วมมือกันทั้งภายในและภายนอก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทั้งสองก็สามารถหลบหนีได้อย่างรวดเร็วน่าเสียดายที่เฉินฮวนเข้าใจช้าเกินไป เธอมองหลินจืออี้อย่างไม่เต็มใจ “แกเปลี่ยนเบอร์ห้อง แกมั่นใจได้ยังไงว่าฉันจะมาที่นี่?”“เธอมั่นใจเกินไปแล้ว ตั้งแต่เธอจงใจวางรูปคู่กับสามีของประธานเซวียไว้ในตําแหน่งที่โดดเด่นที่สุดบนโต๊ะทํางาน ฉันก็รู้ว่าเธอจะต้องมาชื่นชมผลงานชิ้นเอกของเธอแน่นอน” หลินจืออี้อธิบาย"ฉันแพ้แล้ว แต่แกก็ไม่ได้ชนะเหมือนกัน” เฉินฮวนพูดอย่างแค้นเคืองถึงยังไงก็ยังมีซ่งหว่านชิวและเสิ่นเยียนที่เป็นอุปสรรคขัดขวางอยู่หลินจืออี้เดินไปที่ประตู ชะงักไปครู่หนึ่ง มองเธออย่างเย็นชา “เธอไม่เคยเป็นเป้าหมายของฉันเลย”พูดจบเธอก็เดินจากไป...ณ ห้องจัดเลี้ยงเมื่อหลินจืออี้เข้าประตูมา ห้องทั้งห้องก็มืดลงซ่งหว่านชิวยืนอยู่กลางห้องโถงอย่างตื่นเต้นพร้อมกับกงเฉิน รอของขวัญลึกลับในตํานานหลินจืออ