จนกระทั่งเซวียมั่นพูดว่า "แข่งต่อเถอะ"พิธีกรพูดอย่างรวดเร็วว่า "เชิญทั้งสองท่านพักผ่อนก่อน ขอเชิญผู้แข่งขันคนต่อไปขึ้นเวที"หลินจืออี้ยิ้มแล้วก้าวลงจากเวที ซ่งหว่านชิวเดินตามหลังมา"เธอรู้อยู่แล้วเหรอ?""คุณซ่ง คุณหมายว่าอะไรเหรอ? ทําไมฉันฟังไม่เข้าใจเลยล่ะ? นั่นไม่ใช่ผลงานของคุณหรอกเหรอ? ฉันจะไปรู้อะไรล่ะ?" หลินจืออี้แกล้งทําเป็นสงสัยแล้วถามกลับซ่งหว่านชิวมองไปรอบๆ และลดเสียงลง "ทําไมสร้อยคอถึงขาดได้?"หลินจืออี้ยิ้มเล็กน้อย "เอาผลงานตัวอย่างออกแบบของฉันไป ไม่รุ้หรือไงว่าต้องเปลี่ยนข้อมูล? แค่คัดลอกยังคัดลอกไม่เป็น”พูดจบเธอก็หันหลังเดินจากไปหลังจากเดินไปได้สองก้าว เธอก็หยุดมองซ่งหว่านชิวแล้วเตือนว่า "ตอนที่อาเล็กให้แบบแปลนแก่เธอ ไม่ได้กําชับเธอหรอกเหรอว่าอย่าเติมอะไรมั่วๆ? แหวนนั่นน่าเกลียดซะไม่มีอ่ะ”"หลินจืออี้!"ซ่งหว่านชิวโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ภาพลักษณ์ที่สง่างามของเธอเกือบจะถูกทําลายแล้วเมื่อหลินจืออี้เห็นซ่งหว่านชิวใช้เพชรจริงแสดงบนเวที เธอก็รู้ว่าสร้อยเส้นนี้จะต้องขาดแน่นอนดังนั้นเธอจึงจงใจดึงดูดให้เซวียมั่นลองสวมผลงานของตัวเองด้วยนิสัยของซ่งหว่านชิว เธอย่อมไม่ป
หลินจืออี้มองผู้ชมด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ในมือถือถ้วยรางวัลอันหนักอึ้งคอของเธอเหมือนโดนบีบด้วยมือคู่หนึ่งที่มองไม่เห็นความรู้สึกของการหายใจไม่ออกดูเหมือนจะกำลังบอกเธอว่ามันยากแค่ไหนที่จะหลบหนีชะตากรรมที่ถูกกําหนดไว้แล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่มีที่พึ่งแต่ทว่า วินาทีต่อมา เธอก็กําถ้วยรางวัลในมือแน่นชาติที่แล้ว เธอไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมการแข่งขันด้วยซ้ำ แต่ชาตินี้ เธอกลับเกือบทําให้ซ่งหว่านชิวไม่ได้รับถ้วยรางวัลอย่างน้อย โชคชะตาที่สมควรตายนั่นก็ได้เริ่มเปลี่ยนไปบ้างนิดหน่อยแล้วสักวันหนึ่ง มันจะต้องเข้าสู่วงโคจรที่เธอต้องการแน่นอนหลินจืออี้เงยหน้าขึ้น ยิ้มให้ผู้ชมด้านล่างเวที ทั้งต่อผู้ชมและต่อเจ้าของดวงตาคู่นั้นกงเฉินไม่มีใครสามารถทำให้เธอยอมแพ้ได้อีก นอกจาก... ตัวเธอจะยอมแพ้เองที่ด้านล่างเวทีเฉินจินเดินไปข้างๆ กงเฉิน ก้มตัวลงเล็กน้อยและรายงานที่ข้างหู"คุณชายสาม เรียบร้อยแล้วครับ""อืม"กงเฉินยกถ้วยชาขึ้นสบตากับหลินจืออี้ หรี่ตามอง ซ่อนความไม่พอใจในแววตารอยยิ้มของเธอช่างงดงามภายใต้แสงไฟ ดึงดูดสายตาของผู้ชายทุกคนข้างหูของเขาได้ยินแม้
เธอไม่จําเป็นต้องวิ่งไปที่กงเฉิน แค่สามารถยืนอยู่ข้างกงเฉินและถ่ายรูปได้ รูปถ่ายนี้จะต้องแพร่กระจายบนอินเทอร์เน็ตอย่างแน่นอน และเธอก็จะสามารถมีชื่อเสียงได้ไม่มีใครที่ไม่ทําเพื่อตัวเองหรอกเฉินฮวนไม่ผิดหลินจืออี้หลีกทางให้ ยิ้มให้เธอ "เธอไปเถอะ กระโปรงที่เธอใส่วันนี้เป็นสีหมึก ยืนถ่ายรูปกับคุณชายสามกำลังสวยพอดีเลย”เธอหาเหตุผลให้เรียบร้อยแล้วด้วยซ้ำเฉินฮวนอึ้งไปเล็กน้อย กล่าวขอบคุณแล้วเดินไปอีกฟากหนึ่งของกงเฉินส่วนหลินจืออี้ก็ยืนอยู่ข้างสุดเมื่อทุกคนโพสท่าถ่ายรูป กงเฉินก็ยกมือขึ้นบังกล้องเขาพูดอย่างเคร่งขรึมว่า "ควรให้ผู้เข้าแข่งขันยืนตรงกลาง"พูดจบ เขาก็ปัดมือของซ่งหว่านชิวออกไปและเดินไปที่ขอบสุดอย่างเงียบๆซึ่งก็คือข้างกายของหลินจืออี้หลินจืออี้หมายจะหลบกงเฉินโดยอัตโนมัติ แต่กลับถูกมือข้างหนึ่งแนบบนหลังขัดขวางเอาไว้ฝ่ามือที่อ่อนโยนสัมผัสผิวของเธอผ่านเสื้อผ้าบางๆ ทําให้เธอตื่นตระหนกเธอเอื้อมมือไปดึงมือเขาออกอย่างเบาๆ แต่กลับถูกเขากุมข้อมือและกดไว้ที่เอวด้านหลัง นิ้วหัวแม่มือที่สวมหยกแดงลูบไล้เนื้อแขนของเธอหลังของเธอสั่นเล็กน้อย ทํายังไงก็ดิ้นไม่หลุดจากมือของเขา
เหตุการณ์นี้เป็นสิ่งที่หลินจืออี้คาดไม่ถึงจริงๆเพื่อปราบปรามเธอ ซ่งหว่านชิวนี่ไม่เลือกวิธีการจริงๆใครลอกใครกันแน่ ซ่งหว่านชิวรู้ดีกว่าใคร ตอนนี้กลับคิดจะมาใส่ร้ายว่าเธอลอกเลียนแบบอ้างอิง คํานี้ใช้ได้ดีจริงๆ เลยนะเมื่อรวมกับนักข่าวที่เตือนทุกคนว่า หลินจืออี้ได้อ่านร่างการออกแบบของซ่งหว่านชิวล่วงหน้าแล้วถ้ายอมรับการอ้างอิงก็หมายความว่าเธอยอมรับว่าซ่งหว่านชิวเก่งกว่าตัวเอง ดังนั้นผลงานที่เข้าร่วมการแข่งขันก็อ้างอิงจากซ่งหว่านชิวด้วยแต่ถ้าไม่ยอมรับการอ้างอิง งั้นก็เท่ากับว่าเธอปากแข็ง อันดับสองนี้ได้มาอย่างไม่มีเกียรติเลยซ่งหว่านชิวพูดไกล่เกลี่ยอยู่ข้างๆ ว่า "ทุกคนอย่าพูดแบบนี้เลย เป็นเกียรติของฉันที่ถูกจืออี้เอาไปอ้างอิงนะ"จากนั้นเธอก็พูดอย่างเศร้าๆ ว่า "แต่คราวนี้ฉันเพิ่มองค์ประกอบของดวงอาทิตย์ในผลงานของฉัน เพราะฉันเปรียบเทียบดวงอาทิตย์เป็นคุณชายสาม เพราะมีแสงอาทิตย์ ของเขา ทุกสิ่งทุกอย่างถึงได้สวยงามแบบนี้ ก็เลยรู้สึกไม่สบายใจจริงๆ ที่โดนยืมไปอ้างอิงแบบนี้”พูดไป แก้มของเธอก็แดงเล็กน้อย ราวกับเขินอายมากบางคนเริ่มส่งเสียงเชียร์และยิ่งถ่ายรูปกันอย่างเมามันกงเฉินกลับเย
"อย่าขยับ" เขาพูดเสียงต่ำ"เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?" หลินจืออี้ถามอย่างไม่เข้าใจ"มีริบบิ้นสีติดอยู่บนหัวเธอน่ะ เดี๋ยวฉันช่วยเอาออกให้"กงเยี่ยนถือโอกาสลูบเส้นผมของเธอ นิ้วมือสอดแทรกเข้าไป มองสายตาของเธอที่เปลี่ยนไปมา อดไม่ได้ที่จะเข้าไปดมผมของเธอใกล้ๆเมื่อสังเกตเห็นว่ากงเยี่ยนขยับเข้ามาใกล้ หลินจืออี้ก็หน้าแดง เอามือบังหัวตัวเองไว้"ฉัน ฉันลืมสระผม กลิ่นมันแปลกมากใช่ไหมคะ?"กงเยี่ยนหัวเราะเบาๆ "เปล่า หอมมากต่างหาก""พี่ใหญ่ พี่ล้อเล่นเก่งจริงๆ" หลินจืออี้รู้สึกอายมาก“ไปเถอะ รถฉันอยู่ประตูด้านข้าง”"อืม"หลินจืออี้เดินเคียงบ่าเคียงไหล่กับกงเยี่ยน เธอม้วนผมตัวเองโดยไม่รู้ตัวนี่เป็นการกระทําเล็กๆ น้อยๆ ของเธอเมื่อเธอเขินอายถึงจะทำกงเฉินเห็นฉากนี้แล้ว เม้มริมฝีปากบางเล็กน้อย บรรยากาศรอบตัวมืดมนและน่าสะพรึงกลัวเสียงแกร๊กดังขึ้น เขาหันข้างไปจุดบุหรี่มวนหนึ่ง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆ หันหลังกลับในทางเดิน ผู้รับผิดชอบของผู้จัดงานถูกเฉินจิ่นปิดปากและคุกเข่าลงบนพื้น"อื้อๆๆ..." คุณชายสาม! ผมผิดไปแล้ว! ผมผิดไปแล้วจริงๆ ครับ!”กงเฉินเดินไปหาเขา กระโจนออกจากหมอกสีขาว และพูดอ
ณ ร้านอาหารหลังจากบริกรเสิร์ฟอาหารแล้ว หลินจืออี้ก็พบว่าอาหารทั้งหมดเป็นของที่ตัวเองชอบทั้งนั้นเธอมองกงเยี่ยนที่อยู่ตรงข้าม เต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ "พี่ใหญ่ ไม่คิดว่าพี่ยังจําได้"กงเยี่ยนตักซุปซี่โครงหมูให้เธอชามหนึ่ง ยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า "จําได้สิ ฉันยังจําได้ว่าที่จริงเธอเป็นแมวน้อยจอมตะกละนะ เพียงแต่ไม่กล้ากินเยอะที่โต๊ะอาหารที่บ้านเท่านั้นเอง"หลินจืออี้มองซุปซี่โครงหมูร้อนๆ ตรงหน้า รู้สึกปลงอนิจจังในใจอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายที่อบอุ่นและมีน้ำใจตรงหน้าตัวเองเธอไม่สามารถเพิกเฉยต่อจุดจบของเขาได้อีกต่อไปแล้วจุดจบที่ไม่เหลืออะไรเลย ถูกส่งไปอยู่ประเทศอันไกลโพ้น กลับมาไม่ได้อีก แม้แต่คุณนายใหญ่ที่ใกล้จะตายอยากกลับมา ก็ยังถูกปฏิเสธคนคนนั้นก็คือ... กงเฉินกงเฉินเป็นคนที่โหดเหี้ยม ถอนรากถอนโคนจนหมดสิ้นแต่ชาติก่อน หลินจืออี้เป็นเพียงผู้หญิงที่ถูกกงเฉินควบคุม ข้อมูลที่เธอรู้จึงไม่ได้ละเอียดนักเธอแค่ได้ยินเขาพูดถึงเรื่องนี้ที่นอกประตูห้องหนังสือของกงเฉินกงเยี่ยนได้แตะต้องผลประโยชน์ของเขา ดังนั้นจึงอยู่ต่อไปไม่ได้นี่ก็คือจุดจบสุดท้ายของกงเยี่ยนเมื่อคิดถึงสิ่งเห
คาดไม่ถึงว่าจะใช้ความบริสุทธิ์ของเธอเป็นโล่กำบังชาติก่อน ความสัมพันธ์ชั่วคืนเดียวนั้น เขาก็ใช้เธออุดปากทุกคนไว้ใช้ความพยายามอย่างหนักของเธอเพื่อเปิดทางลัดให้กับซ่งหว่านชิวตอนนี้ก็เป็นแบบนี้อีกแล้วหลินจืออี้หมดความอยากอาหารทันที วางโทรศัพท์ลงอย่างหมดแรง หันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง รู้สึกหายใจไม่ออกฝั่งตรงข้าม กงเยี่ยนขมวดคิ้ว "เกิดอะไรขึ้น? หน้าตาดูไม่ดีเลย”หลินจืออี้ดื่มน้ำอึกหนึ่ง ก่อนจะตอบว่า "ไม่เป็นไรค่ะ กินอิ่มแล้ว"เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับกงเยี่ยน เธอไม่อยากให้เขามาพัวพันด้วยกงเยี่ยนมองเธอ ยกมือเข้ามาใกล้อย่างอ่อนโยน "โตขนาดนี้แล้ว ทำไมยังกินจนเลอะปากได้อีกล่ะ?""อะไรคะ?"ไม่รอให้หลินจืออี้ถามให้ชัดเจน มือของกงเยี่ยนก็แตะลงบนแก้มของเธอแล้ว ค่อยๆ เช็ดมุมปากให้เธอหลินจืออี้อึ้งไปเล็กน้อย แต่ก็ยังหลบโดยสัญชาติญาณ"ฉัน ฉันทําเองได้ค่ะ""เช็ดสะอาดแล้ว" กงเยี่ยนกล่าว"ขอบคุณค่ะ พี่ใหญ่" หลินจืออี้เช็ดมุมปาก ก้มหน้าลงเห็นชุดราตรีของตัวเองพอดี จึงพูดต่อ "พี่ใหญ่ ชุดราตรีนี้แพงมากใช่ไหมคะ? ยังคืนได้อยู่หรือเปล่า?"กงเยี่ยนอึ้งไปครู่หนึ่ง "ชุดราตรี?"หลินจืออี้พยักหน้า
หลินจืออี้เพิ่งกลับมาถึงหอพักก็เห็นเพื่อนร่วมหอที่เลิกงานได้เตรียมเค้กและดอกไม้ไว้เรียบร้อยแล้ว"ขอแสดงความยินดีด้วย! ยินดีต้อนรับ!”"ขอบคุณนะ"เธอรับดอกไม้สดจากเพื่อนร่วมหออย่างซาบซึ้งใจ"จืออี้ ฉันได้ยินตอนที่เธออธิบายเครื่องประดับบนอินเทอร์เน็ตแล้ว ไม่รู้ว่าทําไมฉันถึงอยากร้องไห้""ยังมีคําพูดของเธอที่พูดกับซ่งหว่านชิวอีกนะ สุดยอดไปเลย""จริงสิ เรื่องออนไลน์ เธอวางใจได้เลย เราโพสต์ผลการเรียนที่ผ่านมาของเธอทั้งหมด ชาวเน็ตส่วนใหญ่ไม่ใช่คนโง่ มืออาชีพอันดับหนึ่งคืออะไร ไม่ได้โม้อยู่แล้ว! ซ่งหว่านชิวมือลื่นกดไลค์ ตอนนี้คงเสียใจแล้วล่ะ”ได้ยินดังนั้น หลินจืออี้ก็ตกใจเล็กน้อย รีบกดเปิดโทรศัพท์อย่างรวดเร็วแม้ว่าความคิดเห็นบนอินเทอร์เน็ตจะไม่ถึงกับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ แต่หลายคนก็ได้เห็นร่องรอยอะไรบางอย่างแล้ว[นี่เป็นผลการรับรองของโรงเรียน หลินจืออี้คงไม่นอนกับครูทุกคนหรอกนะ? ข้างในยังมีครูผู้หญิงไม่น้อยด้วย”][มือลื่น? ฉันว่าสมองของคนบางคนก็ลื่นเหมือนกันนะ ถ้ามีรอยหยักสักหน่อยก็คงไม่ทําเรื่องแบบนี้หรอก ก็มีแค่แฟนคลับไร้สมองที่ยังปกป้องอยู่][พวกแกอิจฉาหว่านชิวที่มีจิตใจ
หลินจืออี้ตกใจเล็กน้อยและมองไปที่กงสือเหยียนด้วยความประหลาดใจ ”คุณอา ทําไมคุณอาถึงทําแบบนี้คะ?”กงสือเหยียนยิ้มอย่างกว้างๆ "คุณท่านมีความคับข้องใจต่อเธอเสมอ ถ้าเขารู้ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะเธอ เขาจะโกรธมากขึ้น ""คุณอา ฉันขอโทษนะคะ" หลินจืออี้ตําหนิตัวเอง"ไม่เป็นไร อย่าเก็บมาใส่ใจเลย" กงสือเหยียนลูบหัวเธอหลิ่วเหอกวักมือเรียก "ที่รักคะ เมื่อกี้ฉันยังกินไม่อิ่ม เราไปดูที่ห้องครัวกันดีกว่าว่ายังมีอะไรกินอีกไหมกันดีกว่า""ไปสิ"สองสามีภรรยาจูงมือเดินออกไปหลินจืออี้รู้สึกอบอ้าวเล็กน้อย จึงไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้เมื่อเดินไปเรื่อยๆ ก็ปรากฏร่างสีดําขึ้นด้านหน้าเป็นกงเฉินเขายืนสูบบุหรี่อยู่ข้างสระ นิ้วมือเรียวยาวเหมือนหยกท่ามกลางแสงไฟแสงแดดส่องกระทบผิวทะเลสาบ น้ำในทะเลสาบเปล่งประกายสีทอง สะท้อนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาด้วยแสงจางๆสายลมเย็นพัดผ่านใบหน้า เป่าผมที่หน้าผาก เผยให้เห็นดวงตาลึกล้ำดุจหมึกหลินจืออี้บีบมือ รู้สึกว่าจําเป็นต้องอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้กับโรงพยาบาลให้ชัดเจนเพิ่งเดินไปได้สองก้าว เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของกงเฉินก็ขัดจังหวะฝีเท้าของเธอกงเฉิน
ฉันสนใจแต่ผลลัพธ์เท่านั้น น้ำเสียงของกงเฉินเหมือนกําลังพูดกับลูกน้อง "จะจัดการกับผลลัพธ์ยังไง ให้ฉันสอนเธอไหม?"ความสุขของซ่งหว่านชิวยังไม่จางหายไปจากใบหน้า แต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว พยักหน้าอย่างแข็งกระด้าง "ฉัน ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะขอโทษและชดเชยให้ค่ะ""อืม"กงเฉินรับคําแล้วหันหลังเดินจากไปร่างกายของซ่งหว่านชิวอ่อนปวกเปียก ล้มไปข้างหลัง โชคดีที่ฉินซวงประคองเธอไว้"หว่านชิว เธอเกิดเรื่องไม่ได้ คุณชายสามไม่ได้ตัดขาดความสัมพันธ์ ทุกอย่างยังมีโอกาส""เขาไม่ได้ตัดขาดความสัมพันธ์ก็จริง แต่เขาไม่สนใจฉันมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว""แล้วยังไงล่ะ? เขารับปากว่าจะแต่งงานกับเธอก็ได้แล้ว ถึงเวลานั้นเธอก็สามารถจัดการผู้หญิงที่อยู่ข้างเขาได้อย่างชอบธรรมแล้ว ถึงเวลานั้น หลินจืออี้จะต้องตายยังไง้ที่กลบฝังอย่างแน่นอน!"ฉินซวงกุมคอที่มีเลือดออก กัดฟันด้วยความโกรธซ่งหว่านชิวพ่นลมออกจมูกอย่างเย็นชา "หลินจืออี้ เราจะได้เห็นดีกันแน่"ในเวลานี้ แม่บ้านเดินผ่านมาเห็นทั้งคู่ก็แอบหัวเราะกันทั้งสองได้แต่รีบๆ จากไป……กลับไปถึงเรือนหลิ่วเหอก็รีบให้คนชงชาให้เธอหนึ่งกาทันที ก่อนจะดื่มไปถึงครึ่งกาถ
เหอะ ยังบริสุทธิ์อยู่เหรอ?"คุณหนูซ่ง หลังจากแจ้งความแล้ว คุณจะบอกตํารวจยังไงล่ะ? บอกว่าฉันถูกกระตุ้นให้เป็นบ้าและเกือบจะฆ่าคุณนายซ่ง? แล้วฉันถูกกระตุ้นได้ยังไง? โดนใครกระตุ้นล่ะ?"เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนจึงมองไปที่คุณท่านกงอย่างระมัดระวังไม่ใช่ว่าคุณท่านกงตําหนิกงสือเหยียนและหลิ่วเหอต่อหน้าสาธารณชนเพื่อแม่ลูกตระกูลซ่งหรอกหรือ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้หลินจืออี้เป็นบ้าน่ะ?ซ่งหว่านชิวตกตะลึงเพิ่งเข้าใจว่าตั้งแต่การโทรครั้งนั้น หลินจืออี้ก็วางแผนไว้แล้วเมื่อกี้พวกเขาทั้งครอบครัวทำตัวน้อยเนื้อต่ำใจ เพราะรอคุณท่านกงเอ่ยปากเท่านั้น!แล้วเธอแจ้งความจะมีความหมายอะไร?ให้เธอเป็นพยานชี้ความผิดคุณท่านกงหรือ?"พอแล้ว!" คุณท่านกงตําหนิอย่างเคร่งขรึม "พวกเจ้าสองแม่ลูกดื่มมากเกินไปแล้ว ดื่มจนเมาจนเป็นแบบนี้ รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ""คุณท่าน..."ซ่งหว่านชิวมองคุณท่านกงอย่างไม่อยากจะเชื่อคุณท่านกงเรียกแม่บ้านมาและส่งกล่องที่บรรจุดาบกลับไป"ดาบนี้ไม่เหมาะกับฉัน พวกเธอเอากลับไปเถอะ ใครก็ได้ ส่งแขก”ซ่งหว่านชิวและฉินซวงรู้สึกไม่ยอม ยังอยากจะช่วงชิงอีกประโยคต่อไปของคุณท่านกงตัดความคิดของพว
ซ่งหว่านชิวกัดฟันและปฏิเสธที่จะพูดใบมีดนั้นกรีดลงบนผิวของฉินซวงโดยตรงฉินซวงกรีดร้อง "หว่านชิว! ช่วยแม่ด้วย! เธอบ้าไปแล้ว!”ซ่งหว่านชิวกัดริมฝีปาก ร้องไห้และเปลี่ยนเรื่อง "หลินจืออี้ เธออย่าทําแบบนี้เลย ฉันรู้ว่าความจริงมันยากสําหรับเธอที่จะยอมรับ แต่แม่ของฉันเป็นผู้บริสุทธิ์นะ"แก้มของเธอแดงก่ำและร้องไห้อย่างเสียใจแต่ก็ไม่ยอมรับผิดแทนแม่เห็นได้ชัดว่าเธอเสแสร้งแค่ไหนทุกคนรู้จักซ่งหว่านชิวมานานกว่าสามปีแล้ว และได้เห็นการแสดงที่ยอดเยี่ยมของเธอ พวกเขาจึงไม่รู้ว่าจะเชื่อใครดีในเวลานี้ คุณท่านกงพูดเสียงดังขึ้นมา"หลินจืออี้ เธอบ้าไปแล้วเหรอ? ปล่อยคุณนายซ่งไป เธอคิดว่าแค่ทําเทปบันทึกเสียงปลอมก็สามารถหลอกลวงทุกคนได้หรือ?”คําพูดเหล่านี้ไม่ได้ทําร้ายจิตใจของหลินจืออี้ แต่เป็นกงสือเหยียนเขาอายุปูนนี้แล้ว เมื่อได้ยินว่าพ่อยอมเชื่อคนอื่นมากกว่าเชื่อทุกอย่างที่ตัวเองได้รับ ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีคล้ำทันที"พ่อ! นี่เป็นเรื่องจริงทั้งหมด!”"หุบปาก! ทำตัวเหมือนอะไรกัน! ให้หลินจืออี้ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้!" คุณท่านกงไม่ฟังเขาพูดอะไรเลยหลินจืออี้ยิ้มหยัน "หึ คุณท่าน ไม่เชื่อขนาดนี้เลยหรือ
เธอรู้สึกสะอิดสะเอียนอยากอาเจียนออกมา แต่ก็อาเจียนไม่ออกหลินจืออี้พูดเสียงดังว่า "ฉันให้พวกเธอสองคนพูดจาเหลวไหล! ชอบอาหารเหลือและข้าวบูดไม่ใช่เหรอ? เดี๋ยวฉันป้อนให้พวกเธอเอง!”กิริยาของเธอเร็วมาก คว้าเอาน้ำที่ผู้อาวุโสคนหนึ่งแช่ฟันปลอมแล้วสาดใส่ปากฉินซวงที่กรีดร้องไม่หยุดทันทีเสียงร้องนี้ยิ่งโหยหวนมากขึ้นผู้อาวุโสคนนั้นรีบลุกขึ้นและกวักมือพูดอย่างตะกุกตะกัก "เฮ้ย เฮ้ย อย่ากลืนฟันปลอมของฉันนะ!"หลินจืออี้ถลึงตาใส่เขา เขาถึงได้สติ สาดใส่พวกเธอแล้วก็สาดใส่ฉันไม่ได้สินะคุณท่านกงเคยเห็นฉากแบบนี้ที่ไหนกัน ตกใจอยู่นาน ถึงได้พูดอย่างโมโหว่า "หลินจืออี้! เธอหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”หลินจืออี้ยืนอยู่บนโต๊ะ มองคุณท่านกงจากที่สูง แล้วตะโกนด้วยน้ำเสียงที่โกรธยิ่งกว่าเขา "ทําไมคุณท่านถึงด่าคุณอาโดยไม่ถามเหตุผลเลย? หลายปีมานี้ คุณท่านด่าเขาโดยไม่คํานึงถึงกาลเทศะเลย ว่าเขาไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้! คุณท่านเคยคิดบ้างไหมว่าทัศนคติของคุณท่านเป็นตัวกําหนดทัศนคติของคนอื่นที่มีต่อเขา?”"ที่พูดเพราะเขาเป็นคุณชายรองตระกูลกง แต่ข้างนอกใครๆ ก็เหยียบหัวเขาได้ แม้กระทั่งแม่ลูกคู่นี้ก็ยังกล้าเหยียบย่ำศักดิ์ศรีขอ
ฉินซวงอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็หยุด มันกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของทุกคนและมองไปที่กงสือเหยียนและหลิ่วเหอหลิ่วเหอหน้าซีดเผือด ขับให้ริมฝีปากแดงก่ำผิดปกติเมื่อกงสือเหยียนจับมือของเธอไว้ ใบหน้าที่ซื่อสัตย์ของเขาก็ดูน่าอายเล็กน้อยเขาอยากจะพูดอะไรบางอย่างมาก แต่เมื่อวานเขาเมาจนไม่ได้สติ เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นล้วนเป็นหลิ่วเหอบรรยายไม่มีหลักฐาน ไม่มีพยาน พูดออกมาก็ไม่มีใครเชื่ออยู่ดีในเวลานี้ หลินจืออี้มองไปที่เขา ส่งสายตาเป็นสัญญาณกงสือเหยียน ตอบกลับด้วยเสียงเบาๆว่า "ไม่เป็นไรครับ""งั้นก็ดีแล้ว ไม่งั้นฉันคงรู้สึกผิดจริงๆ แล้วล่ะค่ะ" ฉินซวงตบหน้าอกอย่างเอาจริงเอาจังได้ยินดังนั้น คุณท่านกงก็ขมวดคิ้วถามว่า "เกิดอะไรขึ้น?"ฉินซวงทําหน้าลําบากใจ "ได้ยินว่าคุณชายรองมีลูกค้าที่อยากร่วมงานด้วยมาตลอด ฉันก็เลยออกมาเชิญทั้งสองฝ่ายมาทานข้าวด้วยกัน ใครจะรู้ว่าคุณชายรองกับคุณนายรองดื่มกันเพลินเกินไป ฉันก็เลยทําได้แค่ส่งลูกค้าออกไปก่อน""นึกไม่ถึงว่าคุณนายรองพาคุณชายรองตกลงไปในห้องทิ้งขยะของห้องครัวด้านหลัง ได้ยินว่าสถานที่แบบนั้นเต็มไปด้วยยุงและแมลงวัน ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่
กงเฉินเงยหน้าขึ้นอย่างสบายๆ แม้ว่าจะดูเหมือนไม่แยแส แต่ความแข็งแกร่งและการครอบครองในดวงตากลับไม่ปิดบังเลยสักนิดหลินจืออี้สวมชุดกระโปรงสีแดง สวมเข็มขัดสีน้ำตาล ผิวพรรณเนียนละเอียด รูปร่างสมส่วนลําคอที่ขาวเนียนมีสร้อยแพลตตินั่มที่ละเอียดอ่อนและเพรียวบาง แสงที่จางๆ ดูคล้ายเปล่งออกมาจากผิวหนังดึงดูดสายตาของผู้คนทันทีคุณนายซ่ง ฉินซวงหลังจากสังเกตเห็นสายตาของกงเฉินแล้ว เธอก็วางถ้วยชาลงอย่างแรงเล็กน้อย และดึงดูดความสนใจของทุกคนด้วยเสียงเอี๊ยดฉินซวงรวบผ้าคลุมไหล่ลายสก็อตผ้าไหมแท้บนไหล่ เอียงหน้ามองหลิ่วเหอพลางยิ้มอย่างสง่างาม แต่ดวงตาเรียวยาวกลับฉายแววเยาะเย้ย"คุณนายรอง ลําบากคุณจริงๆ ต้อนรับพวกเราอย่างยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ไม่ได้รบกวนการพักผ่อนของพวกคุณเมื่อคืนใช่ไหมคะ?"พอพูดถึงเมื่อคืน หลิ่วเหอก็ตัวสั่นเล็กน้อย รู้สึกทนไม่ไหว กําลังจะพูดอะไรบางอย่างก็ถูกหลินจืออี้ดึงไว้หลินจืออี้ยิ้มกว้างรับสายตาอาฆาตแค้นของฉินซวง"คุณนายซ่งและคุณหนูซ่งต่างก็แต่งตัวอลังการแบบนี้ ตระกูลกงของเราก็ต้องแต่งตัวอลังการเหมือนกันสิคะ ถึงยังไงตระกูลกงของเราก็ให้ความสําคัญกับวิธีการต้อนรับแขกมาก ไม่อย่างน
หลินจืออี้ไม่สนใจคําถามของหลี่ฮวนและอธิบายจุดประสงค์ของการมาโดยตรงใบหน้าของหลี่ฮวนเต็มไปด้วยความประหลาดใจและเป็นใบ้ไปทันทีผ่านไปครู่ใหญ่ เขาถึงพูดอย่างลังเลว่า "เธอแน่ใจหรือ?""อืม""ได้"หลินจืออี้ได้ของที่ตัวเองต้องการแล้วก็ไปแล้วหลี่ฮวนปิดประตูและโทรหากงเฉินทันที"กงเฉิน หลินจืออี้มาหาฉัน""อืม" กงเฉินตอบเบาๆหลี่ฮวนอึ้งไป "นายเดาออกตั้งนานแล้วเหรอ?""อืม""เฮอะ" หลี่ฮวนเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ หมุนปากกาเซ็นชื่อ แล้วพูดอย่างสบายๆ ว่า"หลานสาวตัวน้อยของนายต่อกรกับนายไม่ไหว แต่นายไม่กลัวเธอจะทําเรื่องวุ่นวายหรือ?""ไม่เป็นไร"อารมณ์ของกงเฉินนั้นสบายมาก จนฟังดูแล้วรู้สึกเหมือนอยากจะสนับสนุนคนอื่นหลี่ฮวนเบ้ปาก "ได้ๆ หลานสาวบ้านใครบ้านใครดูแล แต่นายก็ไม่ควรขายฉันนะ?""ขายอะไรกัน?""นายบอกเธอว่าฉันชื่อหลี่ฮวนฮวนใช่ไหม? น่าโมโหชะมัดเลย!”"ฉันไม่ได้พูด" กงเฉินเก็บลมหายใจปากกาในมือของหลี่ฮวนตกลงบนพื้นทันที และทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วเขามองไปรอบๆ และพูดว่า "ฉันจะบอกให้นะ พรุ่งนี้ฉันวางแผนที่จะไปไหว้พระกับแม่ฉันบนภูเขาสักหน่อย!""นายเชื่อเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?"“
หลินจืออี้หันตัวกลับไป ก็สบเข้ากับดวงตาที่เย็นชาของกงเฉิน“ห้ามแจ้งความ”น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยพลังที่ไม่สามารถโต้แย้งได้ดวงตาสีดําภายใต้แสงไฟสะท้อนให้เห็นถึงใบหน้าที่หล่อเหลาและอันตรายของเขา เย็นชาและดุดันหลินจืออี้กําหมัดทั้งสองข้าง ไหล่สั่นเทิ้ม ใบหน้าขาวซีดจนเขียวคล้ำ ใช้แรงทั้งหมดที่มีเค้นถามประโยคนั้นออกมา "ทําไม? เพียงเพราะเป็นคนของตระกูลซ่ง? เราก็สมควรแล้วหรือ?"“ทําไมคนที่เสียสละหลังจากเกิดเรื่องถึงต้องเป็นฉันเสมอ?”"หนึ่งครั้ง สองครั้ง..."กงเฉินเงียบและสายตาของเขาก็สงบมากหลินจืออี้กลับเหมือนคนบ้าที่บ้าคลั่ง เธอก้มหน้าลง จ้องไปที่ปลายรองเท้าของเธอทั้งสองรองเท้ากีฬาคู่หนึ่งและรองเท้าหนังแฮนด์เมดชั้นยอดคู่หนึ่ง มันถูกกําหนดไว้แล้วว่าพวกเขาไม่ควรมีปฏิสัมพันธ์กันเธอยิ้มเยาะตัวเอง หัวเราะตัวเองที่เอาไข่ไปกระทบหิน ไม่เจียมตัวเอาซะเลย"ได้ ไม่แจ้งความ หวังว่าอาเล็กจะไม่เสียใจกับการตัดสินใจในวันนี้ตลอดไป”เธอคว้าโทรศัพท์มือถือของเธอกลับมาและเดินเข้าไปในวอร์ด จากนั้นปิดประตูอย่างแรงหลินจืออี้ที่เห็นเฉินจิ่นจากไป ขมวดคิ้วเดินไปข้างหน้า "คุณชายสาม จะอธิบายให้คุณหลินฟ