พูดจบเธอก็เดินตรงไปที่ห้องรับแขกกงเฉินสูบบุหรี่และรินชาให้ตัวเองอย่างไม่สนใจอะไร จิบไปคําหนึ่งแล้วก็ขมวดคิ้วเขาหยิบกระป๋องใบชาที่อยู่บนโต๊ะข้างๆ ขึ้นมา เหมือนกําลังคิดอะไรอยู่……กลางดึกหลินจืออี้ถูกตัวเองไอจนตื่น คอทั้งแห้งทั้งคัน เมื่อลุกขึ้นยิ่งหมุนติ้วเธอทําได้แค่เกาะกําแพงเดินไปหาน้ำดื่มอึดอัดอยู่ครึ่งวัน ไม่ง่ายเลยที่จะดื่มน้ำได้ แต่กลับรู้สึกเวียนหัวมากขึ้นเธอเดินไปได้สองก้าว เท้าก็อ่อนปวกเปียก ล้มลงไปกับพื้นทั้งตัวยังดีที่ยังไม่ทันได้แตะพื้นก็ถูกคนอุ้มขึ้นมา“ทําไมร่างกายถึงแย่ขนาดนี้?”เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ร่างกายของหลินจืออี้ที่มีความทรงจําในชาติก่อนก็เริ่มสั่น“อย่า อย่าแตะต้องฉัน ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้ว อย่าแตะต้องฉัน...”เธอพึมพําและจับคอเสื้อของกงเฉินไว้แน่นกงเฉินได้ยินแม้กระทั่งเสียงกระดูกนิ้วของเธอที่ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเพราะแรง ราวกับว่าเธอสูญเสียการควบคุมอย่างกะทันหันในโรงพยาบาลเขาขมวดคิ้ว หันหลังพาหลินจืออี้เข้าไปในห้องนอนใหญ่หลังจากวางเธอลงบนเตียงแล้ว เธอยิ่งต่อต้านหนักขึ้น ฝืนข่วนหน้าอกของกงเฉินเป็นรอยสามรอย“จืออี้ จืออี้...”"อย่
หลินจืออี้ที่หายใจได้กลับเหงื่อแตกพลั่ก พูดอย่างขาดๆ หายๆ ว่า “ฉัน มือฉัน...”กงเฉินที่จู่ๆ ก็หยุดลง หอบหายใจอย่างหนักหน่วง เส้นเลือดดําที่ลําคอปูดโปนอยู่หลายครั้งถึงค่อยยันตัวขึ้นมาประคองมือของเธอขึ้นมาหลินจืออี้กลับพลิกตัวพันผ้าห่มให้แน่นเล่นเล่ห์เหลี่ยมเป็นแล้วกงเฉินหยุดชั่วคราวและไม่โกรธ เขานอนอยู่ข้าง'บ๊ะจ่าง'โดยตรงและเอื้อมมือออกไปเพื่อรัดคนและผ้าห่มให้แน่นเขานอนตะแคงลากศีรษะแนบชิดข้างหูเธอ เอ่ยเสียงแหบแห้งว่า “เธอจะหลบได้กี่ครั้งกัน?”หลินจืออี้อยากจะเถียงกลับมาก แต่ร่างกายของเธอไม่อนุญาตจริงๆ การกระทําเมื่อสักครู่ได้ใช้สติที่เหลืออยู่ของเธอไปแล้วในเวลานี้เธอรู้สึกว่าเสียงของกงเฉินดังไกลออกไปเรื่อยๆ และในที่สุดเธอก็ตกลงไปในความมืดดึกดื่นเที่ยงคืน ไข้ของหลินจืออี้ที่ลดไข้ลงก็กําเริบขึ้นอีกแล้ว ทั้งตัวเบลอไปหมดถ้ากงเฉินทําอะไรจริงๆ เธอไม่สามารถต่อต้านได้เลยแต่เขาไม่ได้ทําอะไรเลยกลับรู้สึกว่ามีคนจับหน้าผากเธออยู่ตลอดทั้งคืนเธอคิดว่าตนเองอาจจะป่วยจนเลอะเลือน หรืออาจจะเป็นเพราะชาติก่อนปรารถนาที่จะได้รับความรักมากเกินไป จึงเกิดอาการประสาทหลอนเมื่อตื่นขึ้นมาในวั
"นายท่านสาม? “นายท่านสาม?”นอกประตู เสียงของซ่งหว่านชิวใกล้เข้ามาเรื่อยๆหลินจืออี้ตัวแข็งทื่อ เหงื่อบางๆ ผุดออกมาจากหน้าผากพอคิดว่าซ่งหว่านชิวอาจจะเห็นพวกเธอสองคนเป็นแบบนี้ เธอก็ตื่นตระหนกซ่งหว่านชิวเป็นคนเจ้าแผนการและมีความสามารถในการแสดงละคร เธอจะไม่ปล่อยตัวเองไปอย่างง่ายดายแน่นอนแต่กงเฉินมักจะปกป้องซ่งหว่านชิวเสมอ เธอไม่มีโอกาสชนะเลยหลินจืออี้กดแขนที่ยุ่งเหยิงของกงเฉินและขอร้องว่า “อย่า อย่าทําแบบนี้! คนที่คุณรักคือซ่งหว่านชิว”เธอเตือนกงเฉินเดิมคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสองคนสามารถปลุกกงเฉินให้ตื่นขึ้นมาได้แต่สิ่งที่ทําให้เธอคาดไม่ถึงก็คือ กงเฉินไม่เพียงแต่ไม่หยุดมือ กลับเอามือล้วงเข้าไปในเสื้อผ้า ปลายนิ้วเลื่อนไปมา ทุกที่ที่ไปถึง ล้วนทําให้เธอตัวสั่นเทาเขาแนบชิดกับใบหน้าของเธอ พูดเสียงแหบแห้งว่า “ตอนนี้เรียกฉันว่าอาเล็กก็มีความรู้สึกที่แตกต่างดีนะ”“……”หลินจืออี้ทั้งอายทั้งโกรธด้วยความสิ้นหวังเธอจึงตัดสินใจทุบประตูด้วยเท้าของเธอเสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วห้องซ่งหว่านชิวหยุดอยู่ที่ประตูและเคาะ "นายท่านสาม? คุณอยู่ข้างในหรือเปล่า?”หลินจืออี้ไม่เช
เธอเม้มปาก ไม่รอให้เขาโน้มจูบลงมา ตัวเองชิงเขย่งเท้างับตามไป กัดตรงรอยฟันเดิมทีหนึ่งกงเฉินไม่ได้รู้สึกเจ็บแต่อย่างใด ทำเสียงจิ๊ในลำคอเบาๆ จากการถูกรบกวนต่อให้บาดแผลที่หายสนิทเลือดซึมออกอีกครั้ง เขาก็ไม่เป็นไรกระทั่งหลินจืออี้เลิกกัดแต่กลับดูดเบา ๆ ดวงตาของเขาก็ลึกขึ้นอีกสองระดับเป็นแบบนี้นี่เองหลินจืออี้ปล่อยคอเขา เอ่ยเสียงต่ำด้วยความคุกครุ่น “อาเล็กคิดเอาแล้วกันว่าจะอธิบายกับซ่งหว่านชิวยังไง”กงเฉินหันข้างส่องกระจกครู่หนึ่ง มองรอยฟันบนรอยจูบ เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย“เธอเป็นหมาหรือไง?”“……”หลินจืออี้เบือนหน้าหนี ท่ามกลางไอน้ำ ขนตาเธอเต็มไปด้วยหยดน้ำเกาะ ดวงตาฉายแววฉ่ำวาวน่าดึงดูดจนใครไม่อยากปล่อยไปเขาเช็ดคออย่างลวก ๆ พลางเอ่ยเตือนเสียงต่ำ “อยู่ให้ห่างจากกงเยี่ยนหน่อย”หลินจืออี้ไม่พูดจามือประดับแหวนหยกของกงเฉินลูบไล้หน้าอกเธอ แทบรุกล้ำเกินเลยแล้ว......“หืม?”“ฉันรู้แล้ว”เดิมทีเธอก็ไม่คิดจะพัวพันกับกงเยี่ยนอยู่แล้วกงเฉินถอยหลังหนึ่งก้าว ชี้ไปยังอ่างอาบน้ำ “ไปแช่น้ำ”หลินจืออี้ไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด แต่กลับพบว่าในอ่างน้ำเติมเต็มไปด้วยน้ำอุ่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เธอแทบกลั้นความโกรธไม่อยู่ “คุณชายสาม คอคุณ......”เมื่อได้ยิน หลินจืออี้เริ่มรู้สึกสนใจ เธอเองก็อยากเห็นท่าทางกงเฉินตอนโดนคนรักจิกถามเหมือนกันเธอแอบมองออกไป กลับตกเข้าสู่สายตาดำสนิทคู่นั้นอย่างจัง ทำเอาเธอรู้สึกถึงการรุกรานและความอันตรายกงเฉินมองเธอ พลางลูบไล้รอยนั้นเบามือ “โดนชน”หลินจืออี้เสียวสันหลังวูบ รีบปิดประตูทันที พิงผนังหายใจไม่ทั่วท้องนอกประตูซ่งหว่านชิงตะลึงงัน นี่เป็นครั้งแรกที่กงเฉินทำกับเธออย่างขอไปที“มีอะไรเหรอ?” กงเฉินผลุบสายตามอง ปอยผมยุ่งเหยิงปรกลงตามแนวหน้าผาก เสริมความเจ้าเล่ห์มาดร้ายยิ่งขึ้นไปอีก“เปล่าค่ะ”ซ่งหว่านชิวยิ้มอ่อนอย่างว่าง่าย ก่อนหันตัวออกจากห้องนอนแต่ฝีเท้าที่รีบเร่งกลับแสดงให้เห็นถึงความร้อนรนไม่สงบของเธอ เธอมั่นใจว่าความเคลื่อนไหวที่ได้ยินหลังประตูเมื่อกี้ไม่ได้เกิดจากคนคนเดียวแน่นอนผู้หญิงคนนั้นอยู่ในห้องน้ำ!แต่กงเฉินกลับปกป้องมัน!เป็นใครกันแน่?ดวงตาซ่งหว่านชิวฉายแววเหี้ยมทันใด ปราดหางตามองไปยังบางอย่างที่โผล่ออกจากมุมหลังโซฟาเธอปรี่เข้าไป มองให้ชัดว่าคืออะไรกระเป๋าผู้หญิงของหลินจืออี้!มันอีกแล้ว!ซ่งหว่านชิวโกรธจ
หลินจืออี้เพิ่งกลับถึงมหาวิทยาลัย ก็ได้รับข้อความจากผู้อำนวยการเรื่องการส่งต้นฉบับเธอจึงตรงดิ่งไปยังออฟฟิศผู้อำนวยการนอกจากผู้เข้าแข่งขันระดับชั้นอื่นแล้ว คาดไม่ถึงว่าซ่งหว่านชิวจะอยู่ด้วยเช่นกันเดิมทีแต่ละระดับชั้นจะเลือกผู้เข้าแข่งขันหนึ่งคน มีเพียงนักเรียนที่กำลังจะจบในรุ่นนี้อย่างพวกเธอเท่านั้น ที่มีโควต้าถึงสองคนใครใช้ให้กงเฉินมีอิทธิพลเยอะล่ะ?หลินจืออี้เดินไป ยังไม่ทันปริปาก ผู้อำนวยการพลันตำหนิทันที“หลินจืออี้ เหลือแค่เธอที่ไม่ได้ส่งต้นฉบับแล้ว มือไม่พายอย่าเอาเท้าราน้ำสิ คุณหนูซ่งเขาส่งต้นฉบับคนแรกด้วยซ้ำ”ซ่งหว่านชิวยิ้มอย่างถ่อมตนหลินจืออี้รู้ดีว่านี่เป็นฝีมือซ่งหว่านชิว หากเธอโต้เถียงกลับ ซ่งหว่านชิวจะเริ่มแสดงตบตาทันทีเธอไม่อยากมาแสดงละครกับซ่งหว่านชิวให้คนอื่นดูที่นี่หลินจืออี้ตอบเสียงเรียบ “ขอโทษค่ะ หนูจะดูให้ตอนนี้เลย”เธอเปิดกระเป๋าตัวเอง หลังจากเอากระดานวาดภาพออกมา ทว่าเมื่อเปิดออกกลับพบว่าข้างในว่างเปล่า!ภาพต้นฉบับที่เธอหนีบไว้หายไปแล้ว!ซ่งหว่านชิวฉวยโอกาสตอนเธอตื่นตกใจ แย่งกระดานวาดรูปของมา กางต่อหน้าทุกคนทันทีทุกคนมองกระดานวาดภาพว่างเปล่า ส
ระหว่างทางที่หลินจืออี้กลับหอพัก ก็ถูกใครบางคนขวางไว้เฉินจิ่นมองเธอ พลางเอ่ยอย่างมีมารยาท “คุณหนูหลิน คุณชายสามรอคุณอยู่บนรถ คุณต้องไปตรวจมืออีกรอบครับ”หลินจืออี้ยิ้มเย็น “มือฉันเสียไปก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอคะ อาเล็กจะได้ไม่ต้องเปลืองแรงมากมาย ก็ทำให้ฉันถอนตัวจากการแข่งได้”เฉินจิ่นไม่เข้าใจ จึงเอ่ยอย่างมีมารยาทอีกครั้ง “คุณหนูหลินครับ คุณชายสาม......”“อาเล็กว่างมากก็เอาเวลาไปอยู่กับแฟนเถอะค่ะ จะได้ไม่กระทบความรู้สึกของพวกเขา ฉันยังมีเรื่องอื่นต้องทำอีกค่ะ”หลินจืออี้เดินอ้อมแยกตัวจากเฉินจิ่น แต่ยังคงถูกเขาตามขวางทางไว้อย่างรวดเร็วอยู่ดี“คุณหนูหลิน คุณชายสามรอคุณอยู่ครับ”คำพูดไม่มาก แต่น้ำเสียงเน้นถึงการเตือนอย่างเต็มเปี่ยมหลินจืออี้เข้าใจแล้ว หากเธอไม่ไป เฉินจิ่นจะคอยตามเตือนเธอไม่หยุดเธอสูดหายใจลึก “ไปเถอะค่ะ”เฉินจิ่นพยักหน้าพลางผายมือเชิญหลินจืออี้เดินตามเขาขึ้นรถ ไม่ทันได้สังเกตว่าไม่ไกลตามีร่างใครคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยความตื่นเต้น ทว่าเมื่อเห็นหลินจืออี้ เจ้าตัวเป็นอันชะงักหยุดนิ่งทันใดซ่งหว่านชิว เธอเขม็งจ้องเงารถที่เคลื่อนไกลออกไป กัดปากแน่น ดวงตาฉายแววเหี้ยม
กงเฉินเดินไปข้างหน้าต่าง เปิดบานหน้าต่าง โยนบุหรี่มวนหนึ่งให้เพื่อนตัวเอง ก่อนจุดไฟด้วยมือข้างเดียวผู้เป็นเพื่อนรับบุหรี่ไป แต่ไม่ได้สูบเขามองกงเฉินท่ามกลางควันขาว เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันแน่? ถึงขั้นให้นายมาส่งด้วยตัวเองเลยเหรอ? ทีซ่งหว่านชิวบาดเจ็บ นายกลับไม่อยู่ด้วยแม้แต่คืนเดียว เช้าตรู่วันนั้น ฉันเห็นนายออกมาจากห้องผู้ป่วยห้องอื่น คงไม่ใช่เธอใช่ไหม?”“อืม” กงเฉินตอบรับตามตรงผู้เป็นเพื่อนแทบยืนเซสาวเท้าเดินไวมาข้างหน้ากงเฉิน มองรอยแผลตรงคอเขาอย่างแปลกใจตอนแรก เขายังไม่กล้ามั่นใจนัก แต่เมื่อเห็นชัดเต็มตา ก็ชาไปทั้งตัวทันใดกงเฉิน?รอยจูบ?เป็นไปไม่ได้!กงเฉินอยู่กับซ่งหว่านชิวมาสามปีแล้ว อย่าว่าแต่รอยจูบเลย ขนาดทั้งสองจับมือกันเขายังไม่เคยเห็นด้วยซ้ำเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นกงเฉินมาตั้งแต่มัธยมปลายแล้ว เขาเรียนเรื่องการเงินไม่ไหวจึงเรียนแพทย์แทน ก่อนพบว่าเรียนแพทย์นั้นน่ากลัวยิ่งกว่าเรียนการเงินอีกตอนนี้นอกจากจะเป็นหมอประจำแล้ว ยังเป็นหมอส่วนตัวของกงเฉินอีกด้วย สภาพร่างกายกงเฉินเป็นอย่างไรเขารู้ดีที่สุดเขาตะลึงงัน เป็นเพราะการตรวจร่างกายในทุกปีข
เธอมีความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ได้เหมือนกับว่า เด็กคนนี้ควรจะเป็นความโชคดีของเธอ เป็นคนที่จะนำพาทุกอย่างที่เธอปรารถนามาให้แต่ตอนนี้เธอเองก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมสิ่งที่ควรจะได้มาง่ายๆ กลับค่อยๆ ห่างไกลออกไปจากตัวเองทุกที เพราะแบบนี้ ซ่งหว่านชิวที่ไม่ยอมแพ้จึงแต่งหน้าแต่งตัวอย่างดีแล้วมาที่ตระกูลกง เธอคิดจะเดิมพันครั้งสุดท้าย ถ้าวันนี้สามารถได้ตัวกงเฉินสำเร็จ เด็กในท้องเกิดก่อนกำหนดแค่เดือนกว่าๆ ก็ยังพออธิบายได้ว่าเป็นเรื่องธรรมชาติแต่เธอไม่คิดเลยว่าจะได้ยินข่าวที่ทำให้เธอช็อกขนาดนี้มือที่วางอยู่บนหน้าท้องของซ่งหว่านชิวค่อยๆ กำแน่นขึ้น จนความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่างดูท่าลูกคนนี้เธอคงเก็บไว้ไม่ได้แล้ว คืนนี้กงเฉินไม่มีทางแตะต้องเธอแน่นอนถ้าอย่างนั้น...ลูกของหลินจื้ออี้ก็ต้องตายไปพร้อมกับลูกของเธอแบบนี้กงเฉินก็ไม่มีเหตุผลอะไรไปขัดคำสั่งของคุณท่านที่ต้องแต่งงานกับหลินจื้ออี้แล้วซ่งหว่านชิวลดมือลง หยิบแป้งพัฟขึ้นมาปัดแต่งหน้าเติมเล็กน้อยก่อนจะถอดต่างหูจากใบหูใส่ลงกล่องเครื่องประดับเล็กๆ ที่พกติดตัวมาด้วยเธอรีบเดินเข้าห้องรับแขก ก่อนที่กงเฉินจะกลับมารีบเข้าไปทักทายทุกคนก่อน
หลินจื้ออี้เข้าไปในห้องน้ำแล้วก็อาเจียนออกมาอย่างหนัก แม้จะบ้วนปากด้วยน้ำยารสผลไม้ถึงสามรอบแต่ในปากก็ยังขมอยู่ดีทันทีที่เธอเดินออกมาจากห้องน้ำก็มีเงาหนึ่งมายืนขวางทางไว้เธอพูดด้วยเสียงอ่อนล้า “หลบไปหน่อย”กงเฉินจ้องมองเธอ “ยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนอีกหรือเปล่า?”หลินจื้ออี้ได้ยินคำพูดนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ“อาเล็กดูแลฉันดีแบบนี้เพราะฉันท้องเหรอ?อย่าลืมสิตอนนั้นอาบอกว่าถ้าฉันท้องก็ให้ไปเอาเด็กออกไม่ใช่เหรอ?”“...”สีหน้าของกงเฉินมืดมนลงทันทีหลินจื้ออี้นึกถึงคำเตือนของคุณท่านเมื่อครู่แล้วก็อดนึกถึงชาติที่แล้วไม่ได้ ตอนที่คุณท่านปฏิบัติต่อซิงซิงซิงซิงเป็นเด็กผู้หญิงแถมยังเป็นลูกที่ไม่มีใครต้องการ คุณท่านก็ไม่เคยยอมรับเลยว่าเธอเป็นหลานสาวของตระกูลกงแต่เมื่อซ่งหว่านชิวกลับมาพร้อมกับลูกชาย โลกออนไลน์ก็เต็มไปด้วยข่าวว่าเขารักหลานชายคนนั้นมากแค่ไหน ถึงกับประกาศว่าลูกชายของซ่งหว่านชิวคือลูกเพียงคนเดียวของกงเฉินทุกคนต่างหัวเราะเยาะเธอกับลูกสาวของเธอว่า พยายามแทบตายสุดท้ายก็ได้แต่ความว่างเปล่าตอนนี้คุณท่านก็คงจะสมหวังแล้วในเมื่อไม่มีเธอคอยขวางทาง ก็คงต้องดูว่าซ่งหว่านชิว
หลินจื้ออี้มองดูโต๊ะกลมขนาดใหญ่ เธออดคิดไม่ได้ว่าครั้งก่อนที่กินข้าวที่นี่คือเหตุการณ์ที่เธอเคยระเบิดใส่แม่ลูกตระกูลซ่งหว่านชิวคุณท่านกงซึ่งนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะแต่งตัวด้วยสูทเรียบร้อยสีหน้าเคร่งขรึมตามแบบฉบับเพราะคำนึงถามมารยาท หลินจื้ออี้จึงเอ่ยทักอย่างนอบน้อม “คุณท่าน”“อืม นั่งกินข้าวเถอะ”เขาโบกมือเชิญทุกคนเริ่มกินอาหารหลินจื้ออี้มองอาหารทะเลเต็มโต๊ะแล้วกลืนน้ำลายเบาๆ แต่เพราะมีคุณท่านอยู่เธอจึงคีบแค่เนื้อวัวตรงหน้าเท่านั้นเธอไม่ได้เป็นตัวแทนแค่ตัวเองแต่ยังเป็นตัวแทนของหลิ่วเหอด้วยพอคิดถึงเรื่องที่หลิ่วเหอยังต้องใช่ชีวิตอยู่ในตระกูลกงนี้ต่อไป ทุกการกระทำของเธอในฐานะลูกสาวจึงมีความสำคัญมากขณะกำลังคิดอยู่นั้น หลิ่วเหอก็คีบอาหารทะเลให้เธอหลายอย่าง ทั้งปลาดิบ เนื้อหอยสังข์ และยังตักโจ๊กกุ้งล็อบสเตอร์ชามใหญ่ให้ด้วยหลิ่วเหอพูดเบาๆอย่างแนบเนียนว่า “กินก่อนนะ เดี๋ยวถ้าโต๊ะหมุนมาถึง ฉันจะหยิบหอยเป๋าฮื้อดำ ไส้กุ้งในหอยเชลล์ แล้วก็กุ้งทะเลย่างให้เธอ”หลินจื้ออี้พยักหน้ารัวๆ พูดในใจว่า ขอบคุณนะแม่เมื่อก่อนเธอไม่กินอาหารทะเลเพราะรู้สึกว่ามันคาว แต่หลังจากได้ลองอาหารทะเลฝีมือพ่อ
“ฉัน…เธอท้องแล้ว!ฉันขอตั้งสติก่อนนะ ผู้หญิงคนนี้หลอกฉันทุกทางเลยเหรอเนี่ย? ทั้งที่ฉันยังอุตส่าห์ช่วยทำใบรับรองว่าเธอมีปัญหาทางจิตใจให้!”หลี่ฮวนแทบกรี๊ดออกมา เขาถูกหลินจืออี้หลอกเต็มๆ!“พูดมา”กงเฉินยกมือถือออกห่างจากหูด้วยสีหน้ารำคาญใจ“ภาวะเสี่ยงแท้งส่วนใหญ่ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ อาหารการกินก็ต้องระวัง โดยเฉพาะห้ามทำงานหนัก” หลี่ฮวนตอบ“อืม”“แล้วนายจะทำยังไง?เมื่อก่อนตอนที่มีข่าวลือ เธอยอมรับว่าคืนนั้นเธออยู่กับนาย นายก็อ้างกระแสสังคมแต่งงานกับเธอได้เลย คุณท่านก็คงจะพูดอะไรไม่ได้ แต่นี่เธอกลับไม่ยอม นายบอกฉันตามตรงนะ ตอนนั้นนายยอมร่วมมือกับคุณท่านกดดันเธอเพราะนายเองก็มีใจใช่ไหมล่ะ?”หลี่ฮวนหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์กงเฉินก้มหน้าลงเล็กน้อย “วางสายละ”หลี่ฮวนรีบร้องห้ามเสียงดัง “นายนี่มันปากไม่ตรงกับใจชัดๆ นายต้องโชว์ข้อดีตัวเองบ้างนะ!”“โชว์ไปแล้ว”“อะไรนะ…” … ตู้ดๆๆ…ฝั่งนู้นสายตัดไปแล้วทิ้งให้หลี่ฮวนงงเป็นไก่ตาแตกโชว์ไปแล้ว?โชว์อะไรของมันวะ?.......หลังจากที่เฉินซู่หลานตรวจร่างกายเสร็จ กงเฉินก็ช่วยประคองเธอเดินออกจากตึกพอขึ้นรถมาด้วยกัน เฉินซู่หลานก็ยิ้มหวานแล้วพูดว่า
“ฮะ? ฉัน...” หลินจืออี้ชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะรู้ว่าหมอเข้าใจผิดว่าเธอเป็นคนอื่น“ตั้งครรภ์ระยะแรกนะมีเลือดออกนิดหน่อยต้องพักผ่อนให้มาก อย่ากระโดดโลดเต้นและอาหารการกินก็ต้องระวัง”“ไม่ใช่ค่ะคุณหมอ ฉัน...”“พอแล้ว คนต่อไป” หมอขีดปากกาลงใบตรวจแล้วเรียกคนถัดไปผู้หญิงคนต่อไปก็เปิดประตูเข้ามาเรียบร้อยหลินจืออี้เห็นว่าไม่มีเหตุผลจะต้องอธิบายต่อก็รีบถอยออกมาพอหันตัวกลับ ตึบ! ก็ชนเข้ากับใครบางคนเธอก้มหน้าลงขอโทษ “ขอโทษค่ะ”กำลังจะเดินหนีไปอยู่แล้วข้อมือของเธอกลับถูกคว้าไว้อย่างแรง“เธอโกหกฉัน?เธอท้องอยู่เหรอ”เสียงที่มักจะสงบนิ่งเยือกเย็นตอนนี้กลับปะทุไปด้วยความโกรธหลินจืออี้เงยหน้าขึ้นถึงพบว่าคนตรงหน้าก็คือกงเฉินเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน?หรือว่ามากับซ่งหว่านชิว?แต่เห็นชัดๆ ว่าซ่งหว่านชิวมาก็เพื่อทำแท้งไม่ใช่เหรอ?หลินจืออี้ยังไม่ทันได้คิดอะไรให้ชัดเจนข้อมือของเธอก็ยิ่งเจ็บขึ้นเธอร้องเบาๆ “ปล่อยนะ ฉันเจ็บนะ แล้วฉันก็ไม่ได้ท้อง!”กงเฉินหรี่ตามองความโกรธในดวงตายิ่งเพิ่มขึ้นแต่แรงที่มือก็คลายลงนิดหน่อยพร้อมกับเธอเข้าไปในห้องตรวจ“อาการของเธอเป็นยังไง?”หมอขยับแว่นมองห
แผนกสูตินรีเวชก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่ปัญหาก็คือหลินจืออี้เห็นแผ่นหลังที่คุ้นตาซ่งหว่านชิวถึงแม้ว่าเธอจะแต่งตัวมิดชิดแค่ไหนแต่แผ่นหลังนี้ก็ฝังอยู่ในหัวของหลินจืออี้ตั้งแต่ชาติที่แล้ว เธอจะลืมได้อย่างไรกัน?แต่ซ่งหว่านชิวมาทำอะไรที่แผนกสูตินรีเวชล่ะ?“จืออี้ เป็นอะไรไป?” เฉินซู่หลานที่ยืนอยู่ข้างหน้าก็หันมาส่งเสียงเรียกเธอ“ไม่มีอะไรค่ะ มาแล้ว”หลินจืออี้ก็รีบเดินตามไป แต่พอเธอหันกลับไปมองอีกที ซ่งหว่านชิวก็หายไปแล้วเฉินซู่หลานดึงแขนเธอไว้ แล้วชี้ไปที่บันไดข้างหน้า “ขึ้นทางนี้ก็ได้นะ”หลินจืออี้ได้สติกลับมาและพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินขึ้นไปพร้อมกับเธอแบบเหม่อลอยหรือว่าที่ซ่งหว่านชิวเดินทะลุผ่านแผนกสูตินรีเวชเพราะว่าสะดวก?พอขึ้นไปถึงข้างบนหลินจืออี้ก็ช่วยเฉินซู่หลานจัดที่นั่งเพื่อรอคิวตรวจ หมอผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลนี้เป็นเพื่อนของเฉินซู่หลาน เธอไว้ใจเขามากเป็นพิเศษเธอยอมรอก็ไม่ยอมไปโรงพยาบาลเอกชนเปลี่ยนหมอคนใหม่ตรวจหลินจืออี้เข้าใจดีคนมีเงินก็มักจะเลือกหมอที่ตัวเองไว้ใจได้และไม่ค่อยยอมเปลี่ยนคนคงกลัวข้อมูลสุขภาพของตัวเองจะรั่วไหลกงเฉินก็เป็นแบบนั้น การตรวจร่างกายทุกค
“แก... แกอิจฉาฉันจริงๆ ด้วย แม้แต่ผู้ชายก็รั้งไว้ไม่ได้!” เฉินฮวนทุบกล่องในมือ“เหอะ” เซวียมั่นยิ้มเยาะและเดินออกไปทันที เธอขี้เกียจเกินไปที่จะตอบคําถามที่น่าเบื่อแบบนี้"แกหมายความว่ายังไง? แกพูดมาให้ชัดเจนนะ”เฉินฮวนรีบวิ่งไปที่เซวียมั่น แต่ถูกขวางโดยผู้ช่วยเบลล่าเบลล่ารีบเอ่ย "รปภ.พาคนออกไปเร็วเข้า อ้อ แล้วก็ขยะของมันด้วย"แล้วเฉินฮวนก็ถูกโยนออกไปหลินจืออี้ไม่ได้รู้สึกสงสารอะไรเลย ทั้งหมดนี้เป็นเฉินฮวนทำตัวเองทั้งนั้นเมื่อก้มหน้าทํางาน เธอก็เห็นซ่งหว่านชิวที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งพอดีซ่งหว่านชิวเอามือปิดปากเหมือนรู้สึกไม่สบายมาก จากนั้นก็ฉวยโอกาสตอนที่ทุกคนไม่ทันสังเกตลุกขึ้นและออกจากที่นั่งไปหลินจืออี้รู้สึกแปลกใจ กําลังจะดูให้ละเอียด โทรศัพท์ก็สั่น“พรุ่งนี้ฉันอยู่บ้าน แกจะมาไหม?”“อืม”“งั้นฉันจะทําอาหารที่แกชอบ มาอยู่เป็นเพื่อนฉันเร็วๆ หน่อย”“ได้”หลินจืออี้ยิ้มเมื่อเห็นข่าว เธอวางแผนว่าจะถือโอกาสพักผ่อนพรุ่งนี้ไปบ้านตระกูลกงเพื่อย้ายของที่เหลือไปที่คอนโดจริงๆ แล้วก็ไม่มีอะไรมากหรอกเมื่อก่อนตอนที่อยู่บ้านตระกูลกงเธอก็ใช้ชีวิตอย่างหวาดผวา ดังนั้นหลังจากพักอย
บนรถกงเฉินและซ่งหว่านชิวเพิ่งนั่งได้มั่นคนขับรถที่สวมถุงมือสีขาวอยู่แถวหน้าก็หันมามองกงเฉินอย่างประหม่า“คุณผู้ชาย ถ้าไม่ไปบริษัท งั้นผมก็จะไปถนนลี่หัวแล้วนะครับ”“อืม”กงเฉินตอบรับเบาๆ แล้วหลับตาพักผ่อนซ่งหว่านชิวเพิ่งพบว่าคนขับไม่ใช่คนที่คุ้นเคยมาก่อน จึงถามอย่างสงสัยว่า “ทําไมเปลี่ยนคนขับกะทันหันล่ะคะ? ทางก็ไม่คุ้นเคยแล้ว”กงเฉินหลับตาลงและพูดอย่างเย็นชาว่า “ไม่คุ้นเคยทางขับไปเดี๋ยวก็คุ้นเคยเอง แค่คนที่แยกนายจ้างไม่ออกก็ไม่จําเป็นต้องเก็บไว้แล้ว”ได้ยินดังนั้น หน้าของซ่งหว่านชิวก็เหมือนมีรอยร้าวและเล็บที่เพิ่งทําใหม่ก็จิกลงไปในเบาะหนังแท้โดยตรงแต่ใบหน้าของเธอยังคงยิ้มอยู่ "ค่ะ"จากนั้นทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดคุยกันอีกพอไปถึงบ้านตระกูลซ่ง ซ่งหว่านชิวไม่กล้ารั้งกงเฉินไว้ พูดคําอําลาแล้วลงจากรถเหมือนวิ่งหนีกงเฉินก็ไม่ได้อยู่ต่อ เขาจากไปทันทีไม่รู้ว่าเธอเก็บกดเกินไปหรือเปล่า ซ่งหว่านชิวรู้สึกหมดแรง กระเพาะอาหารเริ่มปั่นป่วนอีกครั้งเธอผลักคนรับใช้ที่หิ้วชายกระโปรงราตรีให้เธอออก แล้วรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำและเริ่มอาเจียน"อ้วก... แหวะ...”ในเวลานี้ รถของฉินซวงก็จอดอยู่ที่ปร
ซ่งหว่านชิวเป็นทางลัดที่เร็วที่สุดสําหรับเสิ่นเยียนที่จะเข้าใกล้วงการชนชั้นสูง ยอมทิ้งไปเพื่อคนอย่างเฉินฮวนมันไม่คุ้มค่าเลยดังนั้นเสิ่นเยียนจะต้องถือโอกาสบอกแผนการกับซ่งหว่านชิวแน่นอนซ่งหว่านชิวและเธอร่วมมือกันทั้งภายในและภายนอก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทั้งสองก็สามารถหลบหนีได้อย่างรวดเร็วน่าเสียดายที่เฉินฮวนเข้าใจช้าเกินไป เธอมองหลินจืออี้อย่างไม่เต็มใจ “แกเปลี่ยนเบอร์ห้อง แกมั่นใจได้ยังไงว่าฉันจะมาที่นี่?”“เธอมั่นใจเกินไปแล้ว ตั้งแต่เธอจงใจวางรูปคู่กับสามีของประธานเซวียไว้ในตําแหน่งที่โดดเด่นที่สุดบนโต๊ะทํางาน ฉันก็รู้ว่าเธอจะต้องมาชื่นชมผลงานชิ้นเอกของเธอแน่นอน” หลินจืออี้อธิบาย"ฉันแพ้แล้ว แต่แกก็ไม่ได้ชนะเหมือนกัน” เฉินฮวนพูดอย่างแค้นเคืองถึงยังไงก็ยังมีซ่งหว่านชิวและเสิ่นเยียนที่เป็นอุปสรรคขัดขวางอยู่หลินจืออี้เดินไปที่ประตู ชะงักไปครู่หนึ่ง มองเธออย่างเย็นชา “เธอไม่เคยเป็นเป้าหมายของฉันเลย”พูดจบเธอก็เดินจากไป...ณ ห้องจัดเลี้ยงเมื่อหลินจืออี้เข้าประตูมา ห้องทั้งห้องก็มืดลงซ่งหว่านชิวยืนอยู่กลางห้องโถงอย่างตื่นเต้นพร้อมกับกงเฉิน รอของขวัญลึกลับในตํานานหลินจืออ