"ท่านป้าสะใภ้ใหญ่....เมื่อครู่ ข้าก็พึ่งจะบอกไปอยู่หยกๆ หรือท่านป้าสะใภ้ใหญ่ ไม่เข้าใจในความหมายที่ข้าสื่อออกไปเมื่อครู่นี้หรือเจ้าคะ...? หรงหรงมองไปที่ป้าสะใภ้ใหญ่ตรงหน้า โดยแสดงแววตาที่เบื่อหน่ายออกไป "เมื่อครู่มิใช่ว่า....เจ้าบอกจะมาเอาธัญพืชมิใช่รึ นี้ไงธัญพืชของเจ้าในเดือนนี้..." ป้าสะใภ้ใหญ่
"ไม่ได้ ครึ่งต่อครึ่ง ข้าให้ไม่ได้.." แม่เฒ่าอิ๋นรีบตะโกนโวยวายออกมาด้วยความไม่พอใจ ครอบครัวนางมีกันทั้งหมด6คน ข้างฟางเหลือเพียงไม่กี่กระสอบ นางจะพอกินไปจนถึงฤดูหนาวได้อย่างไร แม่เฒ่าอิ๋นยังคงคัดค้านไม่พอใจ "ถ้าเช่นนั้น ก็ให้เหลือเพียงแค่ขี้เฒ่าไปก็แล้วกัน..." สิ้นเสียงหรงหรงกำลังจะโยนฟืนในมือไปที
เพราะโดยปกติ เวลานางเมิงไปเอาแค่สามกระบวย นางเมิงยังโดนแม่เฒ่าอิ๋นด่าทออย่างไม่มีชิ้นดี แต่เหตุใดวันนี้ แม่เฒ่าอิ๋นถึงได้ยอมให้หรงหรง นำธัญพืชกลับมาได้ง่ายดายเพียงนี้ นางเมิงมองไปที่บุตรสาวและอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้ "พอแล้ว...ท่านแม่ ท่านไม่ต้องมองลูกด้วยสายตาเช่นนั้น ลูกมิได้ไปทำร้ายใครมาก็แล้วกันเจ้
หรงหรงเพียงแค่พยักหน้าไหลไปตามน้ำ ปล่อยให้หญิงชราตรงหน้าพูดไปให้จบในคราเดียว หลังจากหรงหรงได้เริ่มสอบถามอาการป่วยจากภรรยาลุงเหลียง หรงหรงจึงรีบเดินทางกลับไปที่บ้านลุงเหลียง พร้อมกับภรรยาลุงเหลียงในเวลาไม่นาน พอมาถึงกระท่อมที่มุงจากหญ้าคาที่ท้ายหมู่บ้าน หรงหรงก็ได้ยินเสียงลุงเหลียงนอนร้องโอดครวญดัง
ลุงเหลียงกระแอ๋มออกมาเป็นนัยๆ เพื่อบ่งบอกให้หรงหรงหยุดพูด เหงื่อเม็ดเล็กๆ เริ่มฝุดขึ้นมาบนใบหน้าของชายชราผู้นี้ ทั้งที่บรรยากาศยามนี้กำลังเย็นสบาย "ท่านป้าได้ยินชัดเจนแล้วหรือไม่เจ้าคะ ปกติท่านลุงกินข้าวที่บ้านมื้อละถ้วย กินแต่ผักใบเขียว แต่พอเริ่มไปทำงานที่เรือนของข้า ท่านลุงเพิ่มมื้ออาหารเป็นครั
หรงหรงเพียงพยักหน้าให้ชายชราผู้นี้ ในเมื่อเขาสำนึกผิด นางก็ต้องให้อภัยถึงจะถูก เทียบกับความผิดของแม่เฒ่าอิ๋น ช่างแตกต่างกัน ราวฟ้ากับเหว หรงหรงกำลังจะเดินออกไป นางหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปบอกลุงเหลียง "ท่านลุง...คนที่ท่านควรขอโทษมากที่สุด คือท่านป้า..ไม่ใช่ข้า ท่านควรรีบไปปรับความเข้า
หรงหรงรีบเร่งฝีเท้า กว่านางจะเดินกลับถึงเรือน ก็เป็นเวลาในยามซวี(19.00-21.00) แสงตะเกียงริบหรี่ ส่องสะท้อนออกมาตามบ้านเรือนแต่ละหลังคาเรือน ราวกับแสงของหิ่งห้อยระยิบระยับ สตรีร่างบางเดินมาหยุดที่ทางเข้าหน้าประตูเรือนของตนเอง ด้วยท่าทางที่เหนื่อยล้า ก่อนจะรีบปรับลมหายใจให้เป็นปกติที่สุด เพราะในระหว
"หรง....หรงเอ๋อร์....เอามันออกไป รีบนำมันออกไปทิ้งบัดเดี๋ยวนี้ รู้หรือไม่ ว่าเจ้านำตัวหายนะเจ้ามาในหมู่บ้านของเรา...." นางเมิงยังคงอกสั่นขวัญแขวน เอ่ยออกไปอย่างสั่นกลัว หรงหรงนึกขึ้นได้ในทันที ว่านางลืมบอกอะไรกับมารดาไป พอได้ยินมารดาเอ่ยเช่นนั้นออกมา นางจึงมีสีหน้าที่งุนงง สงสัยขึ้นมา "ข้าไม่เข้
"ไม่ได้!!!...รีบกลับไปพักผ่อนเถิด อย่าได้ทำให้ข้าต้องเป็นห่วงเลยนะ.." กล่าวจบโม่เฉินรีบใช้วิชาตัวเบา อุ้มสตรีตรงหน้าหายไปกลางอากาศอย่างว่องไว "ว้ายยย....นับวันท่านช่างมีนิสัยคล้ายคลึงกับท่านแม่ของข้า กังวลไม่เข้าเรื่อง...." ถึงปากจะบ่นออกไป แต่หรงหรงก็ใช้มือกอดคอโม่เฉินเอาไว้แน่น "สำหรับข้า ร่าง
หมอหญิงคนงามรีบสวมใส่อาภรณ์แล้วเดินจั้มฝีเท้าตามอี้ฟูออกไปอย่างร้อนใจ แต่พอเดินไปถึงจุดเกิดเหตุ นางถึงกับขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างขุ่นเคือง เมื่อภาพที่เห็นตรงหน้า กับสิ่งที่คิดในหัว ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว *......* "นี้มันอะไรกันเจ้าอ้วน เจ้ากลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะไปตั้งแต่เมื่อไหร่....? "ปัดโธ่...
โม่เฉินเงียบไปชั่วขณะ ก็จะเอ่ยออกมาเพื่อให้สตรีตรงหน้าคลายกังวล "ข้าก็อยู่แต่ในห้องตำรา จะออกไปที่ไหนได้ หมู่บ้านแห่งนี้ข้าไม่รู้จักมักคุ้นกับใครเลยสักคน เจ้าเองก็น่าจะรู้ดี..." "ให้มันจริงเถอะ อาเฉิน....หากท่านกล้าโกหกข้า ท่านก็น่าจะรู้ผลที่จะตามมาว่าเป็นเช่นไร...? หรงหรงจดจ้องมองปฎิกริยาของคนตร
ฤดูเหมันต์ผ่านพ้นไป ฤดูกาลใหม่หมุนเปลี่ยนเข้ามาแทนที่ หมอหญิงคนงามกำลังนอนแช่น้ำอยู่ในอ่างอาบน้ำภายในห้องอย่างสบายใจ "หรงเอ๋อร์...อยู่หรือไม่...? เสียงเรียกแผ่วเบาตะโกนเข้ามา แต่อีกคนภายในห้องกับกำลังนอนหลับตาพริ้มแช่อยู่ในอ่างน้ำอย่างผ่อนคลาย พร้อมทั้งกำลังฮัมเพลง โดยที่ไม่ได้สนใจเสียงรอบข้าง เ
หลังจากพูดคุยกับหญิงชรานานพอสมควร โม่เฉินก็มุ่งหน้าเดินกลับไปห้องของตนเอง แต่เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไป เขาก็เห็นสตรีร่างบาง กำลังนั่งรอเขาพร้อมกับสัตว์เลี้ยงตัวน้อย อย่างใจจดใจจ่อ "ตกลงท่านคุยเรื่องอะไรตั้งครึ่งค่อนวันกับท่านแม่กันแน่...? โม่เฉินยังไม่ทันจะปิดประตูห้อง สตรีร่างบางก็ยิงคำถามขึ้นอย่า
หรงหรงเดินนำหน้าเข้ามาก่อน ยังไม่ทันที่นางจะเอ่ยปากพูด หญิงชราก็รีบออกคำสั่ง ด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวขึ้นทันที "คุกเข่า..." บุตรสาวทำตามคำสั่งมารดาโดยไม่ปริปาก พร้อมกับบุรุษต้นเรื่อง ทั้งสองคนคุกเข่าลงพร้อมกัน โดยไม่ปริปากแม้แต่คนเดียว..... "ท่านพี่ ท่านจงมองดูลูกสาวตัวดีของท่านเอาเถิด พวกเขาส
"ไปเถอะน๊า....เดี๋ยวพอถึงก็รู้เองแหละ..." เสียงถกเถียงของทั้งสองคนดังอยู่ภายในห้อง พลันมีเสียงเคาะประตูแทรกขึ้นมา ทำให้ทั้งสองคนหันไปมองทางเดียวกัน อย่างลุ้นระทึก พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา..... "หรงเอ๋อร์...นั้นลูกตื่นแล้วรึ....? เสียงหญิงชราตะโกนเรียก เมื่อเห็นว่าได้เวลาไปตรวจคนไข้ แต่ยังไม่เห็นแม
"ยังจะมีหน้ามายิ้มอีก ท่านเกิดปีหมาหรืออย่างไร ร่องรอยพวกนี้ท่านจงใจฝากไว้บนเรือนร่างข้าชัดๆ...." หรงหรงค่อยๆเลื่อนสายตามองไปทั่วเรือนรางของตนเองอย่างอ่อนระทวย ก่อนจะหันไปมองโม่เฉิน ฉายแววตาเขียวปั๊ดใส่เขา "ข้าเกิดปีกระต่าย มิได้เกิดปีหมาเสียหน่อย..." "โม่เฉิน....นี้ท่านกำลังยอกย้อนคำพูดข้าอยู่ส
"อ่ะ...." หรงเอ๋อร์ส่งเสียงร้องครางออกมาเบาๆด้วยความเจ็บ ริมฝีปากหนาเลื่อนลงจากคอไปที่กระดูกไหปลาร้า ร่างกายหรงหรงเหมือนถูกกระตุ้น ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างกอดรัดเขาเอาไว้แน่น "หรงเอ๋อร์ รีบปล่อยมือออกบัดเดี๋ยวนี้.." โม่เฉินกำลังจะพูดต่อ แต่ถูกหรงหรงดึงเขาลงมาจูบแทน พลันมุมปากของบุรุษยกยิ้มขึ้นม