ท่ามกลางบรรยากาศยามค่ำคืน หรงหรงรู้สึกอ่อนเพลียจากการขึ้นเขาไปล่าสัตว์เมื่อตอนกลางวันอยู่ไม่น้อย โดยนิสัยของนางควรจะหลับสนิทไปตั้งแต่หัวค่ำ แต่ลางสังหรณ์ของนางบอกว่า วันนี้จะต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นมาแน่ๆ หรงหรงจึงได้หลับๆตื่นๆ และลุกขึ้นออกมาสูดอากาศในกลางดึกเพียงลำพัง สตรีร่างบางใช้วิชาตัวเบาดีดต
ชายฉกรรจ์ที่เดินตามหลังอีกหลายคนต่างรีบหันซ้ายมองขวา อย่างอกสั่นขวัญแขวน เหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้น ต่างสร้างความตื่นตกใจให้พวกเขาอยู่ไม่มากก็น้อย หรงหรงมองดูเหตุการณ์จากมุมสูง นางเอามือปิดปากตนเองหัวเราะเสียงเบาอย่างตลกขบขัน นี้เพียงแค่น้ำจิ้มเท่านั้น....คิก....คิก ทั้งหมู่บ้านล้วนรู้ว่าเรือนข
"ยังไม่ถึงเวลา แต่หากไม่มีเขา ก็คงไม่มีท่านในวันนี้ หากมีเวลา...ข้าควรจะต้องไปขอบคุณเขาสักหน่อย..." คำพูดนางแฝงไปด้วยความนัย "ก็จริง.." โม่เฉินยิ้มให้สตรีตรงหน้าอย่างอ่อนโยน เขาเห็นด้วยกับคำพูดของสตรีตรงหน้า "ดึกมากแล้ว รีบนอนเถอะ หากอยู่นานไป ประเดี่ยวข้าจะอดใจไม่ไหว...? หรงหรงมองไปที่ใบหน้าของ
ลั่วลั่วที่กำลังซักผ้าใกล้เสร็จ เมื่อพวกนางสามคนเห็นว่าหรงหรงกำลังเดินถือตระกร้าผ้า เพื่อมุ่งหน้ามาทางลำธารที่พวกนางทั้งสามคนกำลังนั่งอยู่ พวกนางต่างหันไปมองหรงหรง ราวกับเห็นศัตรูตัวฉกาจ ชิงหยวนและชิงผิง พวกนางสองคนเป็นลูกพี่ลูกน้องที่อายุไล่เลี่ยกันกับลั่วลั่ว พ่อแม่ของพวกนางเป็นเพื่อนบ้านที่สนิท
ชาวบ้านทุกคนต่างมองไปที่หรงหรงอย่างพร้อมเพรียงกัน "ใช่...ลั่วลั่ว เจ้าพูดถูก แต่ก่อนนางมิใช่คนเช่นนี้" แม่เฒ่าอิ๋นรีบตะโกนเสริมทัพอย่างไม่รีรอ *.....* หรงหรงเมื่อได้ยินเรื่องไร้สาระที่ลั่วลั่วเป็นคนกุขึ้น นางกลับไม่ได้โต้ตอบอันใด นางปล่อยให้สองย่าหลานแสดงละครต่อไป "ห้ะ....น้องหรงหรงของข้าคงไ
แม่เฒ่าอิ๋นรีบมองดูชาวบ้านที่กำลังคล้อยตามอย่างลำพองใจ นางรีบหันไปกระซิบกระซาบกับหลานสาว เพื่อเร่งให้ลั่วลั่วพูดต่อไปเรื่อยๆอย่าได้หยุดปาก เพราะคำพูดของหลานสาวดูจะมีน้ำหนักมากกว่าตน ซึ่งล่าสุดแม่เฒ่าอิ๋นพึ่งจะถูกตัดสินคดีความไปสดๆ ร้อนๆ หากให้ตนเองเป็นตัวตั้งตัวตี เกรงว่าชาวบ้านนั้นจะไม่หลงเชื่อ
"อย่างไร....? นางเมิงหันไปถามบุตรสาว "เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ท่านพี่ลั่วลั่ว เรามายืนยันความทรงจำตั้งแต่ตอนที่เรายังเป็นเด็ก ดีหรือไม่....? หรงหรงรีบพูดออกไปราวกับนางกำลังนึกเรื่องสนุกขึ้นมาได้ "ใช่แล้วละลั่วลั่ว ตอบรับคำท้านางไปเลย มาดูกันสิว่า นางจะใช่น้องหรงหรง ตัวจริงหรือตัวปลอม..." ชายหนุ่มอี
ลั่วลั่วกับแม่เฒ่าอิ๋น เมื่อแผนการล้มเหลว สองย่าหลานพลันมีสีหน้าซีดเผือกลง ในใจเต้นรัวราวกับกลองชุด "ในเมื่อข้าถูกเหยียบหยาม ข้าก็ต้องสู้กลับ ข้าไม่อยากถูกกลั่นแกล้ง ข้าก็ต้องสู้คืน ข้าไม่อยากลำบาก ข้าก็ต้องดิ้นรนหาเลี้ยงชีพ ผู้ใดหาเรื่องข้าก่อน ข้าจักต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า ข้าอาจจะไม่เหมือ
"ไม่ได้!!!...รีบกลับไปพักผ่อนเถิด อย่าได้ทำให้ข้าต้องเป็นห่วงเลยนะ.." กล่าวจบโม่เฉินรีบใช้วิชาตัวเบา อุ้มสตรีตรงหน้าหายไปกลางอากาศอย่างว่องไว "ว้ายยย....นับวันท่านช่างมีนิสัยคล้ายคลึงกับท่านแม่ของข้า กังวลไม่เข้าเรื่อง...." ถึงปากจะบ่นออกไป แต่หรงหรงก็ใช้มือกอดคอโม่เฉินเอาไว้แน่น "สำหรับข้า ร่าง
หมอหญิงคนงามรีบสวมใส่อาภรณ์แล้วเดินจั้มฝีเท้าตามอี้ฟูออกไปอย่างร้อนใจ แต่พอเดินไปถึงจุดเกิดเหตุ นางถึงกับขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างขุ่นเคือง เมื่อภาพที่เห็นตรงหน้า กับสิ่งที่คิดในหัว ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว *......* "นี้มันอะไรกันเจ้าอ้วน เจ้ากลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะไปตั้งแต่เมื่อไหร่....? "ปัดโธ่...
โม่เฉินเงียบไปชั่วขณะ ก็จะเอ่ยออกมาเพื่อให้สตรีตรงหน้าคลายกังวล "ข้าก็อยู่แต่ในห้องตำรา จะออกไปที่ไหนได้ หมู่บ้านแห่งนี้ข้าไม่รู้จักมักคุ้นกับใครเลยสักคน เจ้าเองก็น่าจะรู้ดี..." "ให้มันจริงเถอะ อาเฉิน....หากท่านกล้าโกหกข้า ท่านก็น่าจะรู้ผลที่จะตามมาว่าเป็นเช่นไร...? หรงหรงจดจ้องมองปฎิกริยาของคนตร
ฤดูเหมันต์ผ่านพ้นไป ฤดูกาลใหม่หมุนเปลี่ยนเข้ามาแทนที่ หมอหญิงคนงามกำลังนอนแช่น้ำอยู่ในอ่างอาบน้ำภายในห้องอย่างสบายใจ "หรงเอ๋อร์...อยู่หรือไม่...? เสียงเรียกแผ่วเบาตะโกนเข้ามา แต่อีกคนภายในห้องกับกำลังนอนหลับตาพริ้มแช่อยู่ในอ่างน้ำอย่างผ่อนคลาย พร้อมทั้งกำลังฮัมเพลง โดยที่ไม่ได้สนใจเสียงรอบข้าง เ
หลังจากพูดคุยกับหญิงชรานานพอสมควร โม่เฉินก็มุ่งหน้าเดินกลับไปห้องของตนเอง แต่เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไป เขาก็เห็นสตรีร่างบาง กำลังนั่งรอเขาพร้อมกับสัตว์เลี้ยงตัวน้อย อย่างใจจดใจจ่อ "ตกลงท่านคุยเรื่องอะไรตั้งครึ่งค่อนวันกับท่านแม่กันแน่...? โม่เฉินยังไม่ทันจะปิดประตูห้อง สตรีร่างบางก็ยิงคำถามขึ้นอย่า
หรงหรงเดินนำหน้าเข้ามาก่อน ยังไม่ทันที่นางจะเอ่ยปากพูด หญิงชราก็รีบออกคำสั่ง ด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวขึ้นทันที "คุกเข่า..." บุตรสาวทำตามคำสั่งมารดาโดยไม่ปริปาก พร้อมกับบุรุษต้นเรื่อง ทั้งสองคนคุกเข่าลงพร้อมกัน โดยไม่ปริปากแม้แต่คนเดียว..... "ท่านพี่ ท่านจงมองดูลูกสาวตัวดีของท่านเอาเถิด พวกเขาส
"ไปเถอะน๊า....เดี๋ยวพอถึงก็รู้เองแหละ..." เสียงถกเถียงของทั้งสองคนดังอยู่ภายในห้อง พลันมีเสียงเคาะประตูแทรกขึ้นมา ทำให้ทั้งสองคนหันไปมองทางเดียวกัน อย่างลุ้นระทึก พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา..... "หรงเอ๋อร์...นั้นลูกตื่นแล้วรึ....? เสียงหญิงชราตะโกนเรียก เมื่อเห็นว่าได้เวลาไปตรวจคนไข้ แต่ยังไม่เห็นแม
"ยังจะมีหน้ามายิ้มอีก ท่านเกิดปีหมาหรืออย่างไร ร่องรอยพวกนี้ท่านจงใจฝากไว้บนเรือนร่างข้าชัดๆ...." หรงหรงค่อยๆเลื่อนสายตามองไปทั่วเรือนรางของตนเองอย่างอ่อนระทวย ก่อนจะหันไปมองโม่เฉิน ฉายแววตาเขียวปั๊ดใส่เขา "ข้าเกิดปีกระต่าย มิได้เกิดปีหมาเสียหน่อย..." "โม่เฉิน....นี้ท่านกำลังยอกย้อนคำพูดข้าอยู่ส
"อ่ะ...." หรงเอ๋อร์ส่งเสียงร้องครางออกมาเบาๆด้วยความเจ็บ ริมฝีปากหนาเลื่อนลงจากคอไปที่กระดูกไหปลาร้า ร่างกายหรงหรงเหมือนถูกกระตุ้น ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างกอดรัดเขาเอาไว้แน่น "หรงเอ๋อร์ รีบปล่อยมือออกบัดเดี๋ยวนี้.." โม่เฉินกำลังจะพูดต่อ แต่ถูกหรงหรงดึงเขาลงมาจูบแทน พลันมุมปากของบุรุษยกยิ้มขึ้นม