ภีมพลดันร่างบางอันสั่นเทาออกจากอ้อมแขนแม้สุดแสนเสียดาย เขาอยากให้นาราภัทรไว้ใจ และไม่คิดว่าตนนั้นฉวยโอกาส“ไม่เป็นไรแล้วครับ” ชายหนุ่มบอกเสียงเบาหญิงสาวชะงัก ผิวแก้มแดงระเรื่อ รู้สึกเหมือนตนเองกำลังทำผิด ถ้าไม่เกิดเรื่องคงไม่กล้าเข้าใกล้เขาแน่“ขอบคุณมากค่ะ” นาราภัทรเอ่ยเสียงแผ่ว แล้วก้มหน้างุด“ผมไปส่งที่บ้านดีกว่าไหม คุณจะได้ปลอดภัย เกิดพวกมันดักรอคงไม่ดีนัก”เธอครุ่นคิดหนัก ให้ไปส่งที่บ้านไม่ได้เด็ดขาด จะให้เขาพบกับลูกไม่ได้ ไม่มีทางบอกเรื่องนี้ให้รู้ กระนั้นเธอก็กลัวเกินกว่าจะกลับไปคนเดียว หากพวกมันคอยดักตามเส้นทาง คงแย่แน่“เอ่อคือ...” คนตัวเล็กอึกอัก เพราะหาทางออกไม่เจอ“ไม่สะดวกให้ผมไปส่งใช่หรือเปล่า” ภีมพลถามตรงๆ เขาดูท่าทางแล้ว เธอไม่อยากให้รู้ที่อยู่คนถูกถามไม่ตอบ แต่พยักหน้าช้าๆ แทน“ไปบ้านผมแทนไหม แต่ถ้าคุณกลัว จะไปโรงพักให้ตำรวจไปส่งก็ได้”ตำรวจไปส่งไม่ได้ ถ้ามาที่บ้านต้องเป็นข่าว แล้วคนพวกนั้นก็จะตามติดชีวิตเธอ และล่วงรู้ความลับอันแอบซ่อน“ไปที่บ้านคุณดีกว่าค่ะ!” หญิงสาวตัดบทอย่างรวดเร็วภีมพลแปลกใจกับการตัดสินใจ เพราะเธอดูกลัวเขามากในตอนแรก ทว่าตอนนี้กลับตัดสินใจไปที่
ร้านอาหารใจกลางกรุง สาวสวยสวมแว่นดำ ใส่ผ้าปิดปาก สวมหมวก ท่อนบนเป็นเสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนส์สีซีด รองเท้าผ้าใบ สะพายกระเป๋าผ้า ก้าวเข้ามาภายในร้าน กวาดตามองหาเป้าหมาย แล้วทรุดกายลงนั่งตรงข้าม ทุกครั้งที่พบหน้า ภีมพลยังคงหล่อเหลาไม่เปลี่ยน นับวันเขายิ่งเนื้อหอม ตามหน้านิตยสารธุรกิจมีรูปเขาโชว์หราเต็มไปหมด น่าอิจฉาที่ชายคนนี้ประสบความสำเร็จในชีวิตแทบทุกอย่าง แปลกสิ่งเดียว คือการที่เขาไม่มีข่าวเรื่องผู้หญิงเอาเสียเลยคนตัวเล็กถอดผ้าคาดปากและหมวกออก แต่ยังคงสวมแว่นสีดำอยู่ ไม่อยากให้ใครล่วงรู้ ถ้าเป็นข่าวอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่“ระวังตัวมากเลยนะครับ” ภีมพลเอ่ยแซวริมฝีปากบางเม้มสนิท “ฉันไม่อยากโดนถ่ายได้น่ะค่ะ คุณไม่เข้าใจหรอก ถ้าโดนพวกนักข่าวถ่ายได้ มันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่” หญิงสาวกระซิบ“เป็นข่าวกับผมเสียหายตรงไหนครับ” เขาบอก แล้วยิ้มกว้าง คนฟังชะงักเล็กน้อย“ไม่เสียหายหรอกค่ะ แต่ไม่อยากเป็น ฉันกลัวโดนตบเอา” เธอแย้ง แล้วมองรอบๆ อย่างระแวดระวังภีมพลเลยตัดสินใจเข้าเรื่องทันที ถ้าหากทุกอย่างเป็นไปอย่างใจหวัง ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอคงคืบหน้าขึ้นเรื่อยๆ จนถึงวันที่เขาจะขออภัย เรื่องอันเคยผ
จบมื้ออาหารสองร่างเดินออกมา ภีมพลอาสาขับรถไปส่งเธอหน้าปากซอย แล้วยืนมองแฟนกำมะลอเดินเข้าในซอยลับสายตาไป อยากตามแต่ไม่กล้าพอเจ๊มะนาวยืนต้อนรับเด็กในสังกัดอยู่ วางนิตยสารซุบซิบดาราบนโต๊ะ แล้วถลึงตามองด้วยความไม่เข้าใจ“เจ๊ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร เจ๊ไม่อยู่แค่ครึ่งเดือน ทำไมกลายเป็นแบบนี้!” มะนาวถามเสียงขุ่น“ตอนเจ๊ไม่อยู่ นารามีเรื่องนิดหน่อยค่ะ”“เรื่องอะไรไหนเล่ามาสิ!” พูดจบเจ๊นั่งลงบนโซฟาทันทีนาราภัทรทรุดกายลงตรงข้าม สีหน้าเครียด“ท่านอรรถเดชตามตื้อม่เลิก แถมยังส่งคนมาฉุดนาราอีกนะเจ๊”มะนาวยกมือทาบอกสีหน้าตกใจ ไม่คิดว่าเด็กในสังกัดจะโดนกระทำเช่นนี้“ตายแล้ว! แล้วเป็นยังไงบ้าง ถูกทำอะไรหรือเปล่า!” เจ๊มะนาวถามสีหน้าเป็นห่วงเธอส่ายหน้า “เปล่าจ้ะ พอดีคุณภีมพลเขามาช่วยไว้”รุ่งรัตน์ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย“เลยกลายเป็นว่า ไม่เอาพ่อ แต่เอาลูกแทนงั้นเหรอจ๊ะ!” เจ๊มะนาวประชด“ไม่ใช่แบบนั้นนะคะเจ๊” คนตัวเล็กระบายลมหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน “คุณภีมพลเขาช่วยเป็นข่าวกับนารา เพื่อที่พ่อเขาจะได้ไม่มายุ่ง”รุ่งรัตน์ได้ฟังแล้วครุ่นคิด อดสงสัยไม่ได้ ทำไมคุณภีมพลต้องลงทุนเล่นละครเพื่อช่วยนารามันด้วย เรื่
อรรถเดชครุ่นคิด หรือการที่นาราภัทรคบหากับลูกชายเพื่อหนีเขา ผู้หญิงคนนั้นคิดอะไรกันแน่ ต้องการเอาภีมพลมากั้นเขาออกไปงั้นเหรอ ไม่มีทาง“เลิกกันซะ!” อรรถเดชสั่งบุตรชายเสียงกร้าวคนถูกสั่งขมวดคิ้ว “หมายความว่ายังไงครับพ่อ”“ฉันสั่งให้แกไปเลิกกับนาราภัทรซะ!”“เหตุผลล่ะครับ”“พ่อไม่ชอบผู้หญิงคนนี้!” เขาตอบแบบขอไปที“มันไม่ใช่เหตุผลนะครับพ่อ เพราะผมคือคนที่จะต้องใช้ชีวิตอยู่กับนารา พ่อยังไม่ได้เจอนารา ยังไม่เคยพูดคุยทำไมถึงไม่ชอบครับ ทั้งที่ก่อนหน้าพ่อยังถามผมถึงเธออยู่เลย” เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องของพ่ออรรถเดชเจอลูกไล่ต้อน ไม่สนหรอกว่าลูกคิดยังไง เขาไม่ชอบใจเลยที่ผู้หญิงอย่างนาราภัทร กล้าล้อเล่นกับคนอย่างเขา วันนั้นที่นัดทานข้าว เธอแสดงท่าทีเหมือนตอบรับ ทว่าพอกลับไปแล้ว เธอก็ทำตัวห่างเหินติดต่อไม่ได้ หาตัวยาก เหมือนพยายามหลบเลี่ยง แน่ล่ะ ชายแก่คราวพ่อกับหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ผู้หญิงยังสาวยังสวยแบบนั้นต้องเลือกคนหนุ่มอยู่แล้ว“พ่อไม่ชอบรู้ไว้แค่นี้ และถ้าภีมไม่เลิกคบกับผู้หญิงคนนั้น ก็ไม่ต้องมานับถือพ่ออีก!”คนเป็นลูกลุกยืน ทอดสายตามองบิดา มีความผิดหวังแทรกอยู่ในนั้น ตั้งแต่พ่อบอกว่าจะเอาเม
ร่างบางก้าวออกจากห้องนอน เห็นแผ่นกระดาษโน้ตวางอยู่บนโซฟา เธอหยิบมาอ่านข้อความด้านใน“ผมต้องไปทำงานต่างประเทศห้าวัน ผมฝากธามไทให้ดูแลคุณแล้ว หากต้องการอะไรบอกธามไทได้เลยนะ ไม่ต้องกลัวเวลาผมไม่อยู่ ธามไทจะดูแลคุณอย่างดี”คนอ่านเผลอยิ้ม เขาทำเหมือนเธอเป็นคนรักจริงๆ มองผ้าห่มบนโซฟา ถูกพับเรียบร้อย นาราภัทรสะท้อนในอก ทรุดกายลงนั่งเมื่อภาพความทรงจำย้อนกลับมา ตกลงเธอกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ ยิ่งนานวันความรู้สึกที่มีต่อภีมพลยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เขาดีกับเธอมากเหลือเกินก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูทำให้หญิงสาวตื่นจากภวังค์ ตรงไปยังหน้าห้องส่องตาแมว เห็นเจ๊มะนาวยืนเท้าเอว เอามือโบกเพราะอากาศร้อน เธอรีบเปิดให้เข้ามา“ร้อนมาก ไม่อยากจะบรรยาย” บ่นเสร็จ ทิ้งกายลงบนโซฟา หยิบรีโมทแอร์เร่งความเย็นทันที“เจ๊มาทำอะไรคะ” เธอถาม แล้วนั่งลงตรงข้ามกัน“มีเรื่องงานมาบอกน่ะ ความจริงว่าจะโทรแต่ไม่ดีกว่า อยากมาดูด้วยว่าสุขสบายดีหรือเปล่า”“งานอะไรคะ”“มีติดต่อให้ถ่ายชุดว่ายน้ำริมทะเล จะรับไหมล่ะ” ถามแล้วสบตา งานดีเงินดีมากอยากให้นารารับ อีกอย่างชุดว่ายน้ำไม่โป๊มาก มันดูสวย สง่า ผิวพรรณนาราค่อนข้างดี เรือนร่างยิ่งสมส่ว
แควก! พวกมันกระชากเสื้อ จนเหลือเพียงบราเซีย แล้วปลดกระดุมกางเกงออกจนเผยให้เห็นซับในห่อหุ้มเนินเนื้อ มันจับขอบกางเกงหมายรูดลง“เฮ้ย ทำอะไรน่ะ!” เสียงร้องของคนในรีสอร์ทดังขึ้น พอเห็นภาพตรงหน้าเด่นชัด เลยตะโกนลั่น “มีคนถูกข่มขืน ช่วยด้วย เร็วเข้ามาช่วยกันหน่อย!”เสียงตะโกนทำให้สองคนร้ายชะงัก พวกมันมองหน้ากัน เสียดายร่างงามตรงหน้า แต่ไม่กล้าเสี่ยงเลยพากันวิ่งหนีอย่างรวดเร็วพนักงานรีสอร์ทผู้หญิงวิ่งเข้ามาประคองร่างบอบช้ำไว้ แล้วหันไปมองเพื่อน“ไปเอาผ้าเช็ดตัวมาคลุมหน่อย!”เพื่อนชายรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว พอได้ผ้ามาคลุมกายไม่นาน รถพยาบาลก็แล่นมาจอด เจ้าหน้าที่ลงมาตรวจเช็คร่างกาย แล้วแบกร่างไร้สติขึ้นเตียงพาขึ้นรถไปโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว“น้ำ...” เสียงหวานแผ่วละเมอ ดวงตาปรือ คนเฝ้ารีบรุดมาน้ำตาเอ่อ หยิบน้ำขึ้นมาให้จิบ มือลูบไล้ใบหน้าแผ่วเบาด้วยความสงสาร“นารา ได้ยินเจ๊ไหม” เจ๊มะนาวเรียก มองสภาพของนาราภัทรแล้วรู้สึกผิด ที่ปล่อยให้เด็กอยู่คนเดียวคนเจ็บปรับสายตาเข้ากับแสง เหลือบมองเจ๊มะนาว ก่อนสะอื้นออกมาไม่หยุด“เจ๊ นารากลัว กลัวเหลือเกิน!” เธอร้องบอก อยากขยับกาย แต่มันกลับทำไม่ได้ร่างกายเจ็
เสียงรถจอดหน้าบ้าน ร่างสูงกำยำก้าวลงมา เดินเข้าสู่ตัวบ้านตามคำเชิญของสาวใช้ มาถึงห้องรับแขกเจ้าบ้านรอต้อนรับอยู่ สองคนกอดกันแล้วตบแผ่นหลังเบาๆ เพื่อทักทาย สหวัตรนั่งลงบนโซฟา ขมวดคิ้วหนาเมื่อเห็นซองเอกสารสีน้ำตาลตรงหน้า เขายิ้มอย่างมีเลศนัย“ที่นัดเจอนี่มาใช้งานหรอกเหรอ ไม่มีงานแกไม่โทรหาฉันเลย!” คนเป็นเพื่อนบ่นทันที“พอดีงานยุ่งจริงๆ บริษัทมีปัญหาเลยต้องทำแทนพ่อ แล้วเรื่องที่อยากให้ช่วย ถ้าไม่ใช่นายก็ไม่รู้จะพึ่งใครแล้ว จะให้ธามไทปลีกตัวไปทำคงไม่ไหว ฉันต้องให้ธามไทคอยระวังเผื่อพวกมันโผล่มาทำร้ายที่โรงพยาบาล”เขาเปิดซองเอกสารดู เป็นรูปดาราซึ่งกำลังโด่งดังและเป็นข่าวกับเพื่อนตนเองอยู่“นาราภัทร แฟนแกไม่ใช่เหรอ” สหวัตรเงยหน้าสบตา สีหน้ามึนงง“อืม... แฟนฉันเกือบโดนข่มขืน โชคดีมีคนมาช่วยไว้ได้ แต่พวกมันก็ซ้อมจนช้ำไปทั้งตัว”“โดนที่ไหน”“ในรีสอร์ทที่ทางทีมงานจัดไว้ให้”“จริงเหรอ!” สหวัตรแทบไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน “รีสอร์ทเนี่ยนะ”“ใช่”“แล้วจะให้ทำอะไรบ้าง ต้องการแบบไหน จัดการเลยไหมหรือใช้กฎหมาย” สหวัตรถามเสียงเครียด มองดูภาพของคนรักเพื่อนแล้วอดโกรธแทนไม่ได้ สภาพของนาราภัทรค่อนข้างแย่“กฎหมาย
ดวงตาคนเป็นพ่อมองลูก นานเท่าไหร่แล้วไม่ได้คุยกัน ภีมพลไร้การติดต่อหา ตั้งแต่วันนั้นวันที่เขาบอกให้เลิกรากับนาราภัทร เขาทราบเรื่องแฟนลูกถูกทำร้าย และพอรู้ว่าใครเกี่ยวข้อง“ขอตัวก่อน!” ชายหนุ่มบอกเสียงห้วนแล้วเดินหนีจากตรงนั้นมาทันทีขวัญจิราผวาตาม แต่กลับถูกสามีกระชากเรียวแขนให้หันกลับมา“ไม่อายคนอื่นบ้างหรือไง พอเห็นลูกเลี้ยงแล้วระริกระรี้ ไม่คิดว่าที่ไหนเลยหรือไงกัน!”“ปล่อยฉันนะ!” หญิงสาวตวาด แล้วกวาดตามองรอบๆ เห็นพนักงานกำลังมองมาแล้วซุบซิบกันยกใหญ่ พอเห็นเธอมองเลยวงแตกหนีกันไปหญิงสาวกัดฟันไม่พอใจสามี ทุกวันนี้อยู่ด้วยกันก็เหมือนไม่อยู่ กินอาหารไม่พร้อมกัน นอนคนละห้อง เธออยากจะบ้าตายอยู่แล้ว น้ำตามันเอ่อล้นออกมา มองสามีแววตาตัดพ้อ“จะด่าฉันดูตัวเองหรือยัง คุณโกรธลุกตัวเอง เพราะไม่ได้ผู้หญิงคนนั้นมาทำเมียอีกคน แล้วมันต่างจากฉันตรงไหนมิทราบ!”“ต่างสิ! ต่างตรงที่ผมไม่เคยคิดเอาคนในครอบครัวคุณมาทำเมียอีกไงเล่า!” อรรถเดชตะโกนลั่นจนคนฟังสะดุ้ง กัดริมฝีปากแน่นขวัญจิรากำมือ กัดริมฝีปากเพื่อข่มอารมณ์เอาไว้ สะบัดใบหน้าแล้วเดินหนีไปทันที ต่อปากต่อคำไป เธอคงได้แค่อับอายเท่านั้น เธอไม่มีวันยอม
ภีมพลล้วงกระเป๋าสูท หยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงออกมา นาราภัทรชะงักดวงตาเบิกกว้างน้ำตาเริ่มไหลริน มือบางยกปิดปากเก็บอาการดีใจเอาไว้ เขาคุกเข่าต่อหน้านักข่าว“นารา... แต่งงานกับผมนะครับ”หญิงสาวพยักหน้าช้าๆ “ค่ะคุณภีม”แหวนถูกบรรจงสวมไว้ที่นิ้วนางข้างซ้าย ซึ่งเธอไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะได้ครอบครองมันขวัญจิรากรีดร้อง น้ำตานองหน้า เมื่อเห็นข่าวในโลกโซเชียล ทำไมพวกมันถึงมีความสุข แล้วเหตุใดเป็นเธอที่ต้องทนทุกข์ทรมานแบบนี้ ทุกวันนี้ข้าวจะกินแทบไม่มี ต้องอดอยาก ถูกคนอื่นตรงหน้าว่าเป็นผู้หญิงชั้นต่ำ“เท่าไหร่น้อง!” เสียงลูกค้าเอ่ยถามขวัญจิรารีบเก็บอาการ “พันนึงค่ะพี่ ค้างคืนถึงเช้าเลยจ้ะ”ลูกค้าสองคนมองหน้ากัน “สองคนพันนึงไหวไหม”แม่ค้าชักสีหน้าแต่รีบเก็บอาการ วันนี้ยังไม่ได้ลูกค้า ถ้าปฏิเสธคงลำบากแน่“เพิ่มอีกสักห้าร้อยได้ไหมคะ”“สองร้อย ถ้าไม่ได้ไม่เอา”“ได้จ้ะๆ พันสองนะคะ”ประตูรถเปิดออก ร่างบางแทรกกายนั่ง ยังไม่ทันถึงห้อง เธอต้องบำรุงบำเรอลูกค้ากลัดมันขณะรถขับเคลื่อนอยู่ อีกคนจบ อีกคนก็สลับมาแทน ถึงบ้านพักไม่ทันได้อาบน้ำก็ถูกกระชากลากขึ้นเตียง จากนั้นพากับอัพยาคนละเม็ด ร่างกายเธอแทบลุกไม่ไหวเม
รุ่งรันต์มองหน้าเด็กแล้วถอนหายใจ ชีวิตเด็กคนนี้น่าสงสาร แต่ยังมีวาสนาอยู่บ้าง คงไม่มีใครเหมือนนาราอีกแล้ว ที่พ่อของลูกย้อนกลับมาสร้างความสัมพันธ์กันตั้งแต่ศูนย์รถจอดเสียงดังจนคนในบ้านชะงัก นาราภัทรและเจ๊มะนาวมองหน้ากันแล้วเดินออกมา เห็นร่างสูงใหญ่กำลังเปิดประตูลงมา เขาเร่งฝีเท้ามาหยุดยืนหน้าคนรักแล้วดึงมือบางมากุมไว้“นารา ผมขอโทษ เกิดเรื่องกับคุณอีกแล้ว!” สีหน้าแววตาบ่งบอกถึงความห่วงใย รุ่งรันต์เม้มริมฝีปากแล้วระบายลมหายใจ“เรื่องนี้คุณจะทำยังไงคะ คุณภีมพล ในเมื่อคุณมีส่วนทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้น” มะนาวถามหาความรับผิดชอบ และคิดว่ามีเพียงเขาที่แก้ปัญหานี้ได้“ไม่ต้องห่วง ผมจะจัดการเอง ผมไม่มีทางทำให้นาราต้องเจ็บปวดหรือร้องไห้อีก” เขายืนยันเสียงหนักแน่นนาราภัทรยิ้มบางๆ ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนกับเรื่องข่าวสักเท่าไหร่ ในวงการบันเทิงสามารถกอบโกยเงินได้มากก็จริง ทว่ามันไม่ได้สร้างความสุขให้เลย มีแต่คนริษยาแก่งแย่งชิงดีกัน เธอเองคงยืนในสถานะดาราดังได้ไม่นานสามคนพากันเดินเข้าห้องรับรองในบ้าน แล้วนั่งปรึกษากัน“พรุ่งนี้ผมนัดนักข่าวเพื่อแถลงข่าวแล้ว”“แล้วจะแถลงข่าวยังไงให้นาราไม่กลายเป็นประเด็
ขวัญจิรากัดฟันเมื่อเห็นข่าวตามหน้าหนังสือ และสื่อในโลกออนไลน์ มือยกนิตยสารฉีกจนขาดวิ่น แล้วเหวี่ยงลงพื้น กระทืบซ้ำด้วยความเกลียดชัง และขออาฆาตแค้นคนในรูปไปตลอดเธอหยิบมือถือติดต่อหาเพื่อนสนิท ไม่มีวันให้มันได้มีความสุข รวมถึงเขาด้วย บังอาจทอดทิ้งเธอไม่ไยดี“ว่าไงขวัญ” เสียงวิชาญรับสาย“เจอกันหน่อยได้ไหม”“มีอะไรอีกล่ะ ช่วงนี้ฉันยุ่งนะ”“ออกมาเถอะน่า รอบนี้ฉันมีเรื่องอยากให้ช่วย สองแสนพอไหม”ปลายสายชะงักแล้วยิ้มกว้าง“ตกลง เดี๋ยวไปหานะ”วิชาญเดินทางถึงคอนโด เมื่อประตูเปิดออก เขารีบแทรกกายเข้าไปอย่างรวดเร็ว แล้วทิ้งกายลงบนโซฟาตัวยาว ขวัญจิรารีบนั่งลงตรงข้าม“มีอะไรจะใช้งานอีกล่ะ!” วิชาญถามแล้วระบายลมหายใจ“ฉันอยากให้ช่วยจัดการนังนาราภัทรหน่อย”วิชายตวัดสายตามองสีหน้าตกใจ“จะทำอะไรอีกล่ะขวัญ แค่ที่ทำไปมันยังไม่พอหรือไง ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงประกันตัว หาเรื่องใส่ตัวเดี๋ยวก็โดนหนักขึ้นอีกหรอก!” คนเป็นเพื่อนเตือน“ช่างมัน! คนอย่างฉันไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ตอนนี้ทำอะไรได้บ้างนอกจากนอนอยู่ในห้องไปวันๆ งานที่ไหนก็ไม่จ้าง เงินเก็บก็ร่อยหรอลงไปทุกที!”“ถ้ารู้ว่าลำบาก ก็อย่าเลยดีกว่าไหม” ไม่คิดว่าขวัญจ
สองอาทิตย์ต่อมาร่างคนเจ็บยังคงอยู่บนเตียง ศีรษะและขามีผ้าพันไว้ เขาต้องเข้าเฝือกเนื่องจากกระดูกหัก และเย็บแผลตรงขาเนื่องจากมีแผลฉีกขาดเป็นทางยาว เขาตื่นมาเมื่ออาทิตย์ก่อน ร้าวระบมไปทั่วร่าง นึกว่าตนเองคงตายไปแล้ว แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น โชคดีที่ยังรอด ได้กลับมาแก้ตัวกับคนที่รักอีก“ภีมเป็นยังไงบ้าง” เสียงทุ้มถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง ครั้งนี้เพิ่งเข้าใจว่าลูกมีความสำคัญกับชีวิตเขามากแค่ไหน“ยังเจ็บอยู่นิดหน่อยครับ” เขาบอก แล้วกวาดตามองรอบๆ เพื่อหาใครบางคน แต่วันนี้กลับไม่มีวี่แววอรรถเดชรู้สึกได้ “มองหานาราอยู่เหรอ”เขายิ้มบางๆ “เธอคงไม่มา”คนที่มาเยี่ยม พบนาราบ่อยครั้ง มีเพียงเขาที่ตื่นมาไม่เคยพบเธอเลย นาราทำเหมือนต้องการหลบหน้า เขาอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิม ตอนที่ยังไม่รู้อะไรเลย ยังดีเสียกว่ารู้ความจริงแล้วต้องเจ็บปวดแอด..เสียงประตูดัง ร่างบางก้าวเข้ามาในอ้อมแขนมีเด็กหญิงอายุราวๆ สองขวบ เด็กน้อยกวาดตามองรอบๆ แล้วยิ้มด้วยความดีใจ ภีมพลชะงักจ้องมองด้วยความดีใจ ไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้เห็น เขาขยับเตียงให้หลังตรงเพื่อมองหน้าเด็กคนนั้นให้ชัดเจนนาราภัทรอุ้มน้ำฟ้ามายืนข้างเตียง เด็กน้อยมองดูค
เธอเดินผ่านหน้า เขาคว้าข้อมือจับไว้แล้วบีบเบาๆ“หากวันใดคุณแต่งงานกับผม ผมก็ต้องรู้ คุณจะปิดผมไปตลอดชีวิตเลยหรือไง!”คนถูกจับหันกลับมามองทั้งน้ำตา“ฉันไม่คิดปิดบัง แต่ฉันยังไม่อาจทำใจได้ ถึงน้ำฟ้าจะไม่ได้เกิดมาจากความรักของพ่อแม่ แต่ฉันก็รักเขามาก คุณคงไม่เข้าใจเพราะตลอดเวลาที่ฉันเลี้ยงน้ำฟ้ามา คุณไม่เคยอยู่เคียงข้าง คุณอาจหลงลืมคนที่คุณทำร้ายไปแล้วด้วยซ้ำในเวลานั้น”ชายหนุ่มหลับตาเพื่อกลั้นน้ำตา“เพราะคุณไม่เคยบอก รู้ไหม... ว่าผมตามหาคุณตลอด ผมต้องการรับผิดชอบสิ่งที่ทำลงไป แต่ผมหาคุณไม่พบ”หญิงสาวบิดข้อมือให้พ้นการเกาะกุม ช้อนสายตามองคนรักทั้งน้ำตา ใช่เธอยังรักเขา แต่ในหัวมันสับสน ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี“ฉันขอเวลานะคะภีม ขอเวลาให้ฉันได้คิด ใคร่ครวญทุกอย่าง”“แล้วผมละนารา ระหว่างที่คุณขอเวลา ผมควรทำยังไง” เป็นครั้งแรกที่อยากร้องไห้ออกมาจริงๆ เจ็บแบบนี้เพิ่งเคยเผชิญ มันทรมานเหลือเกิน ต้องจากกันทั้งที่ยังรัก แล้วเมื่อไหร่จะกลับมาเหมือนเดิมอีก"ฉันขอร้อง ตอนนี้ฉันยังให้คำตอบอะไรคุณไม่ได้ ขอเวลาคิดหน่อยนะคะ”คนตัวเล็กไม่ให้อีกคนตอบ เดินออกมาจากบ้านแล้วใส่กระเป๋าไว้ท้าย ขับเคลื่อนออก ภีมพ
ประตูห้องนอนเปิดออก ร่างบางก้าวออกมาดวงตาแดงก่ำ เดินลงมาถึงชั้นล่างเห็นเขายืนพูดคุยกับสาวใช้ เมื่อสบตากันรอยยิ้มอ่อนโยนส่งมา นาราภัทรเม้มริมฝีปาก ภีมพลขมวดคิ้วเมื่อเห็นสีหน้าแววตาคนรักผิดปกติ เขาเดินมาหารั้งมือบางมากุมไว้“เป็นอะไรครับ” เสียงทุ้มถามด้วยความเป็นห่วงคนตัวเล็กดึงมือออก มองเขาแววตาเย็นชา น้ำตาเริ่มคลอ“นารา...”ริมฝีปากบางสั่นระริก เจ็บตรงหัวใจเหลือเกิน เธออยากมีความสุข แต่กลับไม่หลุดพ้นห้วงความทุกข์ในอดีตเสียที“คุณภีม... คุณจำฉันได้บ้างหรือเปล่า” เสียงแผ่วเบาถาม น้ำตาเริ่มไหลรินภีมพลชะงักดวงตาเบิกกว้าง จ้องมองใบหน้าคนรัก สีหน้าเริ่มเผือดลง“หมายความว่ายังไงครับ” พยายามทำใจดีสู้เสือ แต่แววตาเธอบ่งบอกมาหมดแล้วสะบัดมือออกจากการเกาะกุม ความเจ็บช้ำในอดีตตามหลอกหลอนเธอไม่เคยเจือจาง เธอเจ็บจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ ถ้าหากไม่ได้เจ๊มะนาวช่วยเหลือ คงไม่ได้มายืนอยู่ตรงหน้าเขา“คุณไม่เคยจำเรื่องที่ทำไว้ในอดีตเลยเหรอคะ ไม่เคยจำว่าทำร้ายใครไว้ ไม่สนว่าคนคนนั้นจะเจ็บปวดแค่ไหนด้วยใช่ไหม!” เธอตะโกนออกมาทั้งน้ำตา มือจับหน้าอกข้างซ้ายรวดร้าวทรมานคนถูกตำหนิเข้าโอบประคอง แต่เธอกลับเบี่ยงก
หญิงสาวหลับตาพยายามข่มใจตัวเอง ทำไมหัวใจมันถึงเต้นระรัวแบบนี้ นี่ใช่ไหมที่เขาเรียกว่าความรัก“คือว่า..” คนตัวเล็กอึกอัก“ไม่ได้เหรอครับ”“เปล่าค่ะ”“เช่นนั้นแล้ว...” ภีมพลนิ่งเพื่อรอคำตอบ จากคำถามเมื่อครู่“ค่ะ ฉัน... ก็รู้สึกเหมือนคุณ”เขาคลี่ยิ้มกว้างมากกว่าครั้งไหนๆ ความรู้สึกมากมายมันขยับขยายขึ้นเรื่อย สักวันเขาจะสารภาพเรื่องทุกอย่าง และขอให้เธออภัยให้เขาขวัญจิรากุมขมับเมื่อศาลตัดสินโทษให้จำคุกหนึ่งปี ไม่รอลงอาญา เธอหวาดหวั่นหวาดกลัว จนต้องตัดสินใจเดินทางมาพบสามีเพื่อให้เขาช่วยเหลือ เธอทรุดกายลงคุกเข่าตรงหน้าทันทีเมื่อมาถึงห้องพักของเขา อรรถเดชทอดสายตามองไร้ความอาลัย สำหรับเขาขวัญจิราไม่มีความหมายอะไรอีกแล้ว ภีมพลต่างหากที่สำคัญ เขารู้ซึ้งในข้อนี้ ตั้งแต่ลูกขนข้าวของออกไป ให้ขวัญจิราเข้ามาแทนที่ ในใจรู้สึกผิดกับภรรยาผู้ล่วงลับไปแล้ว เมื่อเขาไล่เธอออกไป เหมือนปลดทุกข์ออกจากความรู้สึกทั้งหมดคนกระทำผิดน้ำตานองหน้า วิงวอนขอร้องให้สามีช่วยเหลือ เธอไม่เหลือใครอีกแล้ว เงินเก็บยิ่งนานวันก็ยิ่งหมดไปกับการต่อสู้คดี ทุกวันนี้ต้องวิ่งเต้นหาทนายเก่งๆ เพื่อแก้ต่าง จนแทบไม่มีเวลาทำงานเลย“คุณอ
ขวัญจิราตีหน้าเบื่อหน่าย “ก็บอกตามตรงไปเลยดีกว่าไหมวิชาญ จะมาอมพะนำทำไม!”“เออ ก็ได้!” วิชายตอบกลับด้วยความหงุดหงิด “เด็กคนนี้เป็นลูกของนาราภัทร!”“ลูกงั้นเหรอ!” คนฟังร้องลั่น รีบหยิบกล้องมาส่องภาพในนั้นใหม่อีกครั้ง“ฉันได้ยินนารามันเรียกเด็กคนนี้ว่าน้ำฟ้า ยัยเจ๊มะนาวนั้นมันก็บอกว่าถ้าอยากมาหาลูกให้หายก่อน จะให้คิดว่ายังไงถ้าไม่ใช่ลูกที่ยัยนาราภัทรนั่นซุกไว้!” เขาหยิบกล้องออกมา แล้วกดคลิปที่ถ่ายเอาไว้ “ถ้าไม่เชื่อดูคลิปได้เลย มีเสียงพูดอยู่”ขวัญจิราดูคลิปภาพเคลื่อนไหว ได้ยินชัดทั้งเสียง ทั้งภาพ เธอยิ้มกว้าง ข่าวใหญ่กว่าที่คิด แม่นี่มีความลับอันแสนทุเรศปิดบังไว้เลยนะเนี่ย“ทำดีมากวิชาญ ข่าวนี้ถูกใจฉันมาก” เธอบอกเสียงเย็น มองดูภาพนั้น นาราภัทรมันต้องสิ้นชื่อ“คำชมอย่างเดียวไม่โอเคหรอกนะ ต้องมีของตอบแทนอย่างอื่นด้วย”“ได้สิ” ขวัญจิราตอบกลับ แล้วล้วงกระเป๋าหยิบเงินออกมาปึกหนึ่ง “แสนนึงพอใช่ไหม”วิชาญหยิบมากรีดแล้วยิ้มอย่างพึงพอใจ“จะเรียกใช้อะไรอีกก็บอกแล้วกัน”ขวัญจิราไม่ได้ตอบเพื่อน แต่เลื่อนภาพอื่นดูต่อ เรื่องนี้ถ้าถึงหูอดีตคนรัก อยากรู้นักว่าเขาจะยอมรับได้หรือเปล่าที่แฟนใหม่มีลูกติดม
เจ้าของท่อนแขนสะบัดออก เหลือบเห็นแววตาบิดามองมา มันบ่งบอกถึงความเสียใจ“ปล่อยผม แล้วอย่ามายุ่งกับผมอีก!”ร่างสูงใหญ่ก้าวออกจากห้องอย่างรวดเร็ว ขวัญจิราผวาคิดเข้าขวาง กลับถูกสามีกระชากเรียวแขนไว้“ปล่อยฉันนะคุณอรรถ บอกให้ปล่อยไงเล่า!” กรีดร้องดิ้นรนเพื่อให้เขาปล่อย แต่ไม่เป็นผลเธอถูกรั้งให้หันมาเผชิญหน้า พยายามขัดขืนเท่าไหร่ อีกฝ่ายไม่ยินยอมเพียะ!ใบหน้าหันตามแรงฝ่ามือ ดวงตาคมวาวโรจน์ ขวัญจิราไม่เคยรักเขา และไม่เคยคิดเกรงใจต่อหน้ายังขนาดนี้ลับหลังมันขนาดไหนกัน ลูกต้องอดทนแค่ไหนกับผู้หญิงคนนี้“ถ้ารักลูกชายผมมาก ก็ออกไปจากบ้านหลังนี้ซะ!” ชี้นิ้วไปยังหน้าประตู ขวัญจิรารู้สึกตัวทรุดกายคุกเข่าลงกับพื้น“ไม่ค่ะ ขวัญไม่ไป คุณอรรถขวัญผิดไปแล้ว”“เธอทำเหมือนฉันไม่มีความหมาย ไม่ให้เกียรติ นึกว่าฉันจะทนกับเธองั้นเหรอขวัญจิรา!” ตวาดเสียงลั่นคนถูกตวาดกอดขาสามีไว้แน่น “ขวัญผิดไปแล้วค่ะคุณอรรรถ อย่าไล่ขวัญเลย ขวัญพูดออกไปเพราะโกรธที่คุณคิดมีเมียอีก!”เขาสะบัดท่อนขาออก มองภรรยาแววตาเย็นชา“ผมให้โอกาสคุณมากพอแล้วขวัญ จากนี้ไปเราไม่มีความเกี่ยวข้องกันต่างคนต่างอยู่!”ขวัญจิรารู้แน่ว่าสามีไม่ต้องการอ