Share

98 คลายความขมจนเลยเถิด++

last update Last Updated: 2025-03-03 16:25:17

"ชะ ใช่" จูมี่เอินแทบไม่อยากเชื่อ เมื่อครู่สีหน้ายังเหมือนเด็กโดนทิ้ง ตอนนี้รอยยิ้มชั่วร้ายแบบไม่ปิดบังนั้นคืออะไรกัน ทำเอาคนมองใจเต้นไม่เป็นจังหวะไปแล้ว ความรูปงามที่แฝงไปด้วยความร้ายกาจแบบที่ไม่มีใครเทียบได้นี่ช่างพาให้คนอกสั่นขวัญหายยิ่งนัก ยิ่งภายใต้แสงสีส้มอ่อนของเปลวเทียนในห้องก็ยิ่งทำให้รอยยิ้มของเขาดูมีเสน่ห์ขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว

สวรรค์ช่างโหดร้ายกับผู้คนเดินดินเกินไปหรือไม่!

เหรินโยว่หลุนเมื่อถามเรื่องที่นางจะป้อนยาให้นั้นได้ยืนยันแล้ว เขาก็ถามเรื่องสำคัญอีกเรื่องต่อทันที จะตีเหล็กก็ต้องตีตอนร้อน ไม่ใช่ตอนนี้แล้วจะเป็นตอนไหนเล่า หึ

"แล้วเจ้าก็ยังบอกอีกว่าถ้าหายดีจะให้ข้าทำตามใจใช่หรือไม่" เหรินโยว่หลุนกลัวนางจะเฉไฉอีกเมื่อถึงเวลานั้น เลยถามย้ำอีกรอบ จะปล่อยให้ภรรยาจะมาเล่นเล่ห์กับเขาภายหลังหรือ ไม่มีทางซะหรอก เหรินโยว่หลุนขยับตัวจะลุกขึ้นนั่ง

"ชะ...ใช่ ข้าพูดเอง" จูมี่เอินช่วยประคองเขา ใจตกไปอยู่ตาตุ่ม เหตุใดต้องมาถามย้ำนางเช่นนี้กัน คิดจะทำอะไรไม่ดีอีกแน่เลย นางไม่น่าหลุดปากออกไปเลย นี่นางกำลังโดนเขาหลอกอีกแล้วใช่หรือไม่

"..." เหรินโยว่หลุน
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   99 ข้าเชื่อท่าน

    เช้าวันรุ่งขึ้นจูมี่เอินได้รับข่าวจากฟางอี้ว่าจัดงานศพให้มารดาปลอมๆ ของนางแล้ว จูมี่เอินก็พยักหน้ารับเบาๆ แม้ในดวงตาจะยังเจือไปด้วยความเศร้าหมองแต่นางก็ทำใจได้แล้ว ที่แท้โลงศพนั้นไม่ใช่ของเหรินโยว่หลุนแต่เป็นของคนที่นางคิดว่าเป็นมารดามาตลอดนี่เอง เพราะนิมิตรในตอนนั้นตัดภาพเหรินโยว่หลุนโดนแทงและตัดไปที่โลงศพเลย ไม่แน่บางทีมันอาจเป็นของเหรินโยว่หลุนแต่เขาคงเปลี่ยนชะตาด้วยตนเองอีกครั้งก็ได้ จูมี่เอินไม่อยากคิดมากอีก ไม่อยากให้ความรู้สึกเมื่อวานหวนกลับมาทำให้นางจมดิ่งลงไป จึงสั่งตนเองให้เลิกนึกถึงเรื่องนี้ นิมิตรนั้นไม่ว่ามันจะตรงตามนั้นหรือเปลี่ยนแปลงไปก็ช่าง นางขอแค่เหรินโยว่หลุนปลอดภัยก็พอแล้ว เหรินโยว่หลุนที่นั่งอยู่ในรถม้าเปิดผ้าม่านมองดูภรรยาที่ยืนอยู่ด้านนอก ห่างจากเขาไม่ไกล อย่างน้อยหญิงชั่วช้าคนนั้นก็ดูแลภรรยาของเขามาถึงสามปี เขาก็ควรจะจัดงานศพให้นาง แต่เขาไม่อยากให้นางไปที่งานศพ กลัวนางจะเสียใจเลยกวักมือเรียกภรรยาที่กำลังหันมาทางเขาพอดี "..." จูมี่เอินนึกว่าคนบนรถม้าเจ็บแผลก็รีบไปหา "ท่านเจ็บแผลหรือ" "..." เห็นภรรยาโผล่เข้ามาหาหน้าตื่นก็ได้ที รีบพยักหน้า

    Last Updated : 2025-03-03
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   100 พบเจอผู้คน

    "งั้นพระองค์จะทรง..." ยังไม่ทันได้ถามว่าจะให้ทำยังไง ฮ่องเต้ของนางที่เกาะเอวนางไม่ยอมปล่อยตั้งแต่เมื่อครู่ก็โน้มหน้าลงมาประกบปากเล็กของนางไว้แล้วเริ่มสอดลิ้นเข้ามา "อื้ม" จูมี่เอินก็เปิดรับเขาแต่โดยดี นอกจากความร้อนที่ริมฝีปากแล้วแผ่นหลังของนางก็รู้สึกร้อนเช่นกัน เพราะมือซุกซนของเหรินโยว่หลุนกำลังวาดไปมาบนหลังของนางไม่หยุด แต่ไม่นานเหรินโยว่หลุนก็ผละออกมามองหน้าคนในอ้อมแขนของตนที่หน้าแดงก่ำขึ้นมาแล้ว เขามีสีหน้าตื่นตระหนก "ไม่ได้ๆ มี่เอินเจ้าทำให้ข้าเกือบทนไม่ไหวแล้ว" เหรินโยว่หลุนรีบสวมกอดนางอีกครั้งด้วยความเร็วแล้วก็เดินหนีออกไปทันที "ข้าจะรีบไปรีบกลับเจ้าห้ามหนีไปไหนอีกนะ" ไม่ลืมที่จะทิ้งท้ายสั่งนางไว้อีกรอบ จูมี่เอินได้แต่มองส่งเขาไปด้วยใบหน้าที่เห่อร้อน คนเริ่มก่อนเป็นเขาเหตุใดมาโทษนางกันเล่า "ข้าจะหนีไปไหนได้" จูมี่เอินพึมพำกับตัวเอง รอบนี้ที่นางหายไปเหรินโยว่หลุนก็เพิ่มนางกำนัลมาให้นางอีกสองคน ไหนจะคนที่คอยตามติดนางลับๆ ที่อยู่ข้างนอกแถวบนหลังคานั้นอีก คิดว่านางไม่เห็นหรือไร แต่บางทีนางก็คิดว่าเขาอาจจะจงใจให้นางเห็นก็ได้ จูมี่เอินไม่ได้หงุดหงิดหรือ

    Last Updated : 2025-03-03
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   101 จับนางมัดไว้ข้างกาย

    เหรินโยว่หลุนรีบเดินไวยิ่งกว่าเดิม เริ่มหงุดหงิดจนไม่อาจรักษาใบหน้าราบเรียบได้ดังเดิม "..." เสนาบดีฟู่เห็นฝ่าบาทรีบร้อนเดินไปหาบุตรชายของเขาที่ยืนอยู่กลางทางเขาก็ยิ้มดีใจจนหน้าบาน โดยลืมสังเกตหญิงสาวกลุ่มหนึ่งที่ยืนคุยกับบุตรชายเขาอยู่ไปเลย แต่ต่อจะให้มองไปดูทางนั้นจริง ในมุมของเขาที่สูงไม่มากพอก็คงเห็นแค่เหล่านางกำนัลสี่คน ส่วนคนที่ยืนอยู่หน้าสุดตรงกลางนั้น โดนบุตรชายเขาบังไปจนมิดแล้ว พอขบวนเสด็จเดินมาถึงด้านหลังของของชายผู้นั้นทุกคนก็รับรู้ได้ถึงความไม่พอใจจากคนที่เดินอยู่หน้าสุด สีพระพักตร์ที่เคยเรียบนิ่งกลับเปลี่ยนไป แววตาดูอาฆาตแค้นขึ้นมาหลายส่วน ปกติฮ่องเต้มีสีหน้าเรียบนิ่งตลอดเวลาก็ว่าน่ากลัวแล้ว ยามนี้เหล่าผู้ติดตามแทบไม่กล้าหายใจแรง อีกทั้งทุกคนที่ตามมายังชะลอฝีเท้าตนเองโดยไม่รู้ตัวเพื่อเว้นระยะห่างจากคนด้านหน้าสุดโดยพร้อมเพรียงกัน จูมี่เอินโดนคุณชายฟู่บังทางไว้เลยไม่เห็นขบวนเสด็จของฝ่าบาท รู้อีกทีเขาก็โผล่มาข้างตัวของคุณชายฟู่แล้ว ฟู่เจาเหยาที่ถูกเงาสายหนึ่งบดบังตนเองอยู่ก็หันไปมองข้างกาย จากนั้นก็เห็นหลังของบุรุษคนนั้นเดินผ่านตนเองไป "พระสนมจู

    Last Updated : 2025-03-07
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   102 บทที่ 29 งานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

    ไม่กี่วันต่อมา งานแต่งงานเริ่มขึ้นแล้ว ความยิ่งใหญ่อลังการไม่ต้องพูดถึง ต่อให้นำการแต่งงานที่ผ่านมาของเหรินโยว่หลุนมารวมกันก็ไม่อาจเทียบได้ แน่นอนความดีความชอบในครั้งนี้จะตกไปที่ไหนได้ถ้าไม่ใช่เหรินเยว่เทียน ทุกคนมีใบหน้าที่สดใสชื่นมื่นยกเว้นคนจัดงานที่มีใบหน้าอ่อนล้า ทว่าในแววตาที่อ่อนล้ากลับมีความรู้สึกสายหนึ่งกระจายออกมา เขาเองก็ยินดีกับพี่ชายของตนเช่นเดียวกัน เหรินเยว่เทียนมองดูงานแต่งที่ตนจัดขึ้น นึกถึงพี่ชายของตนขึ้นมา คนที่อยู่มาจนป่านนี้กลับไม่เคยที่จะรักใครจริงๆ ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับสตรีจนกระทั่งเกิดข่าวลือมากมาย งานนี้เหรินเยว่เทียนเลยต้องจัดหนักจัดเต็มให้ยิ่งใหญ่เข้าไว้ ทุกคนจะได้รู้ว่าการแต่งงานครั้งนี้คือของจริง! พี่ชายของเขาหาใช่บุรุษชมชอบบุรุษไม่ ทว่าคนที่ไม่ได้รับรู้ความยิ่งใหญ่ในครั้งนี้คงจะมีแค่เจ้าสาวกระมัง จูมี่เอิน ท่านพี่ พวกท่านสองสามีภรรยาติดค้างข้าอีกแล้ว! ด้านจูมี่เอินอยู่ในชุดสีแดงสดหลายชั้น บนศีรษะประดับไปด้วยปิ่นทองและเครื่องหัวที่เต็มไปด้วยไข่มุกล้ำค่า ในใจของนางยังคิดไปว่าจะใส่ให้มากมายไปใย หนักก็หนัก หนักจนคอจะหักอยู่แล้ว แต่ผู้ที

    Last Updated : 2025-03-07
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   103 มีเพียงข้าที่ได้เห็น

    "..." เหรินโยว่หลุนตกใจ นางรู้ได้ยังไง! ไม่ผิดตอนที่ผ้าเปิดออกเมื่อครู่หัวใจเขาเต้นผิดจังหวะจนแทบจะคุมไม่อยู่ ดวงหน้าเล็กที่งดงามเมื่อแต่งแต้มสีสันเข้าไปกลับยิ่งน่ามอง อีกทั้งดวงตากระจ่างใสของนางก็ทำให้คนจิตใจปั่นป่วนขึ้นมาได้ จะเรียกว่าเป็นความหลงไหลในตัวนางก็ได้ หรือจะพูดว่าเขาตกหลุมรักนางรอบแล้วรอบเล่าก็ได้เช่นกัน แบบนี้แล้วจะไม่ให้เขาหน้าแดงได้อย่างไร "เป็นเจ้าที่ทำเสน่ห์ใส่ข้า!" เหรินโยว่หลุนพ่ายมือไปข้างหลังกำผ้าคลุมแน่น รีบตีหน้านิ่งไม่เผยความในใจ "หือ? ท่านพูดเช่นนี้หากคนนอกได้ยินเข้า ข้าไม่กลายเป็นนางมารหรือ" จูมี่เอินที่ถูกชาวบ้านประณามมาตลอดว่าเป็นปีศาจบ้าง ตัวหายนะบ้าง หากแต่เมื่อโดนสามีพูดว่าเช่นนั้นกลับไม่รู้สึกอะไร อีกทั้งยังแอบหัวเราะชอบใจเบาๆ "ยามนั้นก็คงต้องโทษกบฏหรือไม่?" นางหัวเราะแผ่วเบา มองดูคนที่ยืนเอียงข้างไม่ยอมหันมามองนางตรงๆ "ใครกล้าว่าเจ้าเช่นนั้นข้าจะจับตัดลิ้นเสีย!" เหรินโยว่หลุนหันมามองภรรยาทำสีหน้าจริงจัง พอหันกลับมาก็พบคนที่ตนเพิ่งตบแต่งมากำลังนั่งอมยิ้มมองมาที่เขาอยู่ หน้าก็แดงขึ้นมาอีกรอบ "อะฮื่มๆ ภรรยา ดื่มสุรามงคลกันเถิด" เขาแกล้งตีห

    Last Updated : 2025-03-07
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   104 ทวงสัญญา

    "ข้าย่อมจำได้" จูมี่เอินขยับกายหันไปมองคนข้างตัว ใบหน้ายังคงประดับไว้ด้วยรอยยิ้มบางเบา ดวงตาที่เป็นประกายไร้ความกังวล งดงามราวกับท้องนภายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับ นางยื่นมือออกไปสัมผัสใบหน้าของสามี ไล่นิ้ววาดไปที่คิ้วได้รูปของเขา ไล่ไปที่ดวงตา ก่อนจะเลื่อนลงไปที่คาง "ความสง่างามของท่าน และดวงตาคู่นี้ ข้าไม่เคยลืม" ความจริงนางเจอเขาก่อน เจอเขาในนิมิตร ทว่าเพียงแค่ครู่เดียวก็ได้เจอตัวจริงในเวลาต่อมา แต่เรื่องนี้นางถือว่าได้เปรียบแล้วหรือไม่ "..." เหรินโยว่หลุนพยายามกลั้นยิ้ม หัวใจรู้สึกถึงรสชาติความหวานสายหนึ่ง ไม่ใช่เกิดจากการลิ้มรสโดยตรง หากแต่เป็นความรู้สึกทางใจที่เกิดจากการได้ยินประโยคเมื่อครู่ของนาง คำพูดที่เคยบอกว่านางซื่อบื้อ ขอถอนคำนั้นทิ้งไปได้หรือไม่ นางซื่อบื้อเรื่องความรักระหว่างบุรุษและสตรีก็จริง แต่กลับสามารถทำให้ผู้อื่นหลงจนหัวปรักหัวปรำ ไม่สามารถหาทางออกได้เจอ ด้วยคำพูดไม่กี่คำของนางเขาก็พร้อมมอบทุกอย่างให้นางทั้งหมด ไม่มีคำบอกรัก แต่หวานล้ำเกินจะต้านไหว "ใครจะคิดว่าจะได้เจอท่านอีก" พอพูดออกมาก็คิดไปถึงเรื่องราวมากมายที่ผ่านมาด้วยกัน เหมือนเป็น

    Last Updated : 2025-03-07
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   105 คืนเข้าหอ+++

    "..." เหรินโยว่หลุนยกยิ้มนางพูดเช่นนี้ช่างเข้าทางเขาเสียจริง ไม่มีสิ่งใดที่เขาต้องการแล้วไม่ได้ ยามนี้ก็สามารถต้อนนางให้จนมุมได้แล้ว เขาก็ยกมือขึ้นมากวักมือเรียกนางมาหาตนเอง "มานี่สิ" "..." จูมี่เอินเริ่มคิดไปแล้วว่านางตัดสินใจถูกหรือไม่ รู้สึกหวาดหวั่นในใจแปลกๆ แต่ก็ไม่อาจหนีไปได้อีกแล้ว นางขยับตัวเข้าไปหาเขา "เข้ามาอีก นั่งทับบนขาของข้า" เห็นท่าทางลังเลของนาง เขาก็รีบเร่งกลัวนางกลับคำ อย่าแม้แต่จะคิดที่จะเปลี่ยนใจเลยแม่กระต่ายน้อยของข้า เหรินโยว่หลุนตบมือไปที่ขาของตนเอง พอพูดจบก็เห็นคนตัวเล็กขยับเข้ามาหาเขา นั่งทับขาของเข้าไว้ตามที่เขาบอก "เดี๋ยวข้าช่วยเจ้าถอดชุดนะ" "อะ อืมๆ" จูมี่เอินเองก็ขยับมือช่วยเขาเช่นกัน เมื่อก่อนนางเคยสวมแค่อาภรณ์ธรรมดาบ้านๆ ชุดงานแต่งเช่นนี้ถึงพอจะมองออกว่าถอดยังไงแต่ก็ยังค่อนข้างด้อยประสบการณ์อยู่ดี ยามนี้มีคนมาช่วยถอดควรดีใจหรือเสียใจดี "อ่ะ" นั้นไง ถอดไม่ถอดเปล่าแค่จับคอเสื้อของนางเปิดออกได้ก็กัดมาที่คอของนางเสียแล้ว "อื้อ" เหรินโยว่หลุนส่งเสียงพอใจในลำคอ แม้มือเล็กจะยกขึ้นดันตนเอง แต่เหรินโยว่หลุนกลับไม่ยอมถอยกลับไป เข

    Last Updated : 2025-03-07
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   106 คืนเข้าหอ (2) +++

    "ท่าน อึก" นางอยากจะต่อว่าเขานัก แต่ก็พูดไม่ออก ทำได้แค่บีบไหล่เขาแน่นขึ้นเพื่อลงโทษเขา ด้านในตัวนั้นแน่นไปหมด ผ่านไปสักพักถึงได้พอจะพูดได้บ้าง "ต่อไปถ้าท่านไปหาสนมอื่นมาข้าก็จะไม่ว่า" "ภรรยา...ข้าจะมีแค่เจ้า" เหรินโยว่หลุนรู้ว่านางกำลังโกรธ เขาดันท้ายทอยของจูมี่เอินให้ใบหน้าของนางขยับเข้ามาใกล้ๆ แล้วประกบปากลงไปจูบปลอบโยนนางแผ่วเบา ก่อนจะเปลี่ยนไปจูบซับน้ำตาที่หางตาให้นาง ไล่ดอมดมแก้มนวลเนียนไปยังคอระหงที่ถูกเขาทำร่องรอยไว้ "อย่าโกรธข้าเลยนะ อย่าไล่ข้าเลย" "อืม" จูมี่เอินรับคำในคอ ค่อยใจเย็นลง ได้ยินน้ำเสียงน่าสงสารเช่นนั้นของเขาใครจะไล่เขาได้ลงกันเล่า คนตัวเล็กกลับไม่ได้รู้เลยว่าถูกเหรินโยว่หลุนหลอกเข้าให้เต็มเปา ทันทีที่นางตอบรับก็เข้าทางของคนเจ้าเล่ห์เสียแล้ว "ขยับตัวขึ้นลงที" เหรินโยว่หลุนสัมผัสไปที่สะโพกของคนบนตัวเมื่อรู้ว่านางเริ่มชินแล้ว "อ่าส์" ร่างบางเพียงแค่ขยับขึ้นก็เผลอร้องออกมาแล้ว "อื้ม" พอขยับลงความว่างเปล่าที่หายไปก็ถูกอัดแน่นเข้าไปใหม่อีกครั้ง "อ่าส์" เหรินโยว่หลุนไม่คิดว่าจะรู้สึกดีขนาดนี้ ช่างแตกต่างจากตอนที่เป็นคนกระทำเอง แต่เขาก

    Last Updated : 2025-03-07

Latest chapter

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 8

    วันสถาปนา กัวเจียงมิ่งยืนอยู่รวมกับผู้คนสองฟากฝั่งของทางเดินในงานพิธี ดวงตาคู่คมมองสตรีตัวเล็กที่แต่งชุดเต็มยศ บนหัวเล็กๆ นั้นประดับไปด้วยเครื่องหัวหลากชิ้น ท่าทางการเดินที่มั่งคง ใบหน้าที่เรียบนิ่งแต่เป็นมิตร อาภรณ์สีแดงสดที่นางสวมคือลายหงษ์ปักด้วยด้ายทอง พอเห็นลูกศิษย์ใส่ชุดนี้แล้วก็นึกถึงวันแรกที่เจอกัน ยามนั้นเด็กน้อยก็สวมชุดสีแดงอยู่บนหลังของอาชาตัวใหญ่ คนตัวเล็กควบม้ามาหานางที่ลอยน้ำมาติดอยู่ข้างทาง กระโดดลงจากม้าด้วยความคล่องแคล่ว ออกแรงลากนางให้ห่างจากแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว "แม่นาง แม่นางทำใจดีๆ ไว้ ข้าจะช่วยท่านเอง" นั่นคือคำที่จูมี่เอินกล่าวกับนางในครั้งแรกที่เจอกัน กัวเจียงมิ่งคิดว่าตนจะตายอยู่ที่นั่นเสียแล้ว นางได้รับบาดเจ็บมีแผลหลายแห่งแล้วพลัดตกน้ำมาไกล อีกทั้งที่ซึ่งนางพยายามตะเกียกตะกายขึ้นมาจากแม่น้ำนั้นก็ห่างไกลไร้ผู้คน แถมทางด้านหน้าที่สตรีชุดแดงควบม้าผ่านมายังมีต้นไม้และหญ้าหนาทึบ ต่อให้มีคนผ่านมาก็ไม่น่ามองเห็นนาง ทว่าสตรีตัวเล็กผู้นี้มาจากไหนไม่รู้ ราวกับตั้งใจมาหานางโดยเฉพาะ คนตัวเล็กสั่งม้าให้นั่งลงแล้วยกนางที่ตัวใหญ่กว่าให้ขึ้นไ

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 7

    "เพราะนางคือหัตถ์เซียน นามเดิมของอาจารย์คือกู่เฟยเซียน" จูมี่เอินได้รู้ความลับนี้ผ่านการมองเห็นของนางในช่วงจังหวะหนึ่งหลังจากที่ใช้ชีวิตอยู่กับอาจารย์มาสักพักแล้ว หลอมรวมกับที่เคยสังเกตการณ์ดูก็พบว่ากัวเจียงมิ่งนั้นสามารถทำให้คนเจ็บหายป่วยได้ในเร็ววันกว่าที่ตำราบอกไว้มากนัก "ตอนเด็กข้าเคยอ่านเจอเกี่ยวกับคนที่มีพลังวิเศษเหนือคนทั่วไป นั่นเป็นครั้งแรกที่ข้าได้สัมผัสความรู้สึกดีอย่างหนึ่งว่าตนเองไม่ใช่คนที่แตกต่างจากคนอื่น ยังมีอีกหลายคนที่คล้ายกันกับข้า คราแรกที่ได้อ่านข้าสะดุดชื่อของนางและความสามารถของนางเป็นที่สุด ตอนที่ได้เจอกันข้ายังไม่รู้ว่านางคือคนที่ข้าเคยอ่านเจอในตำรา แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งในนิมิตร ข้าเห็นคนเจ็บและคนผู้นั้นไม่รอด ข้าพยายามเปลี่ยนนิมิตร ต่อมาจึงเกิดนิมิตรใหม่ขึ้น ในนิมิตรที่สองข้าไปช่วยคนเจ็บไว้แล้วพามาให้นางรักษา คนที่ไม่น่ารอดก็สามารถรอดได้อย่างปาฏิหาริย์ แต่เรื่องเหล่านั้นก็ไม่ได้เกิดขึ้นจริง เพราะข้าหาของไปขวางทางไว้ก่อนที่คนผู้นั้นจะเดินทางผ่านถนนเส้นหนึ่งซึ่งจะมีต้นไม้โค่นลงมาใส่เขา ภายหลังพอจับสังเกตดูและแน่ใจแล้วก็ลองถามท่านอาจารย์ออกไป นางก็เลยเล่

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 6

    ...... วันต่อมาก็ได้เวลาเดินทางกลับวังหลวง รอบนี้มีอาจารย์และโม่โฉวติดตามกลับไปร่วมงานสถาปนาด้วย นอกเหนือจากนั้นแล้วยังมีคนเจ็บอีกคนที่ต้องพาเขากลับไปส่งบ้าน ซึ่งเป็นทางผ่านพอดี ที่รถม้าคันหน้า "กัวเจียงมิ่งท่านมายืนทำอะไรหน้ารถม้าผู้อื่น" เหรินโย่วหลุนเอามือพ่ายหลัง หันมองไปที่อื่น แสดงท่าทางวางอำนาจเต็มที่ แผ่รังสีความเป็นฮ่องเต้ที่มีมาแต่กำเนิดออกไปโดยรอบเพื่อกดดันสตรีชุดฟ้าหน้าไม่อายข้างกาย "สตรีก็ต้องนั่งไปกับสตรีด้วยกันสิ นู้น บุรุษไปขึ้นคันหลัง" กัวเจียงมิ่งเลียนแบบท่าทางเหรินโย่วหลุน นางหมุนตัวเอาหลังหันให้รถม้า ยืนเคียงข้างคนตัวสูงที่สูงเกือบเท่ากันแถมมือพ่ายหลังและหันหน้าไปทางเดียวกัน "สตรีหรือ? ท่านเหมือนสตรีตรงไหนกัน" รถม้าคันหลังนั้นมีคนเจ็บขึ้นไปก่อนแล้วและมีโม่โฉวเป็นคนคุมม้า ความจริงเขาก็ไม่ติดอะไรแม้รถม้าเก่ามากและจะต้องนั่งไปกับราษฎรของตนเอง แต่ที่นั่นไม่มีทั้งภรรยาไม่มีทั้งบุตรชาย เขาจึงไม่อยากไปนั่ง เขาห่างจากภรรยามาถึงสองปีแล้ว ได้อยู่ด้วยกันทั้งวันก็ยังคิดว่ายังไม่พออยู่ดี ยามนี้ยังต้องมานั่งแยกกันอีกเกือบสามวัน ยังไงเขาก็ไม่ยอม "เห

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 5

    "เดี๋ยว! ท่านจะทำอันใด?" จูมี่เอินรีบเอาตัวไปยืนขวางโม่โฉวไว้ "เจ้าปกป้องเขา?" เหรินโย่วหลุนแทบไม่อยากเชื่อ "อย่าบอกนะว่าเขาเป็นพ่อของเด็กคนนั้น" ทั้งที่ได้ยินเต็มสองหูแล้ว แต่เขาก็ยังอยากจะถามย้ำให้แน่ใจอีกรอบ "ใช่...อย่า!" จูมี่เอินเห็นเหรินโย่วหลุนยกมือสั่งฟางอี้ให้เข้ามาทางโม่โฉวนางก็รีบเบี่ยงตัวปิดคนด้านหลังไว้มากกว่าเดิม "เขาเป็นพ่อบุญธรรม เป็นพ่อบุญธรรม!" ก่อนจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นนางรีบพูดต่อให้จบประโยค เพราะไม่คิดว่าก่อนหน้านี้เขาจะไม่เข้าใจจริงๆ ตอนนั้นฟางอี้ก็หยุดเท้าลงพอดี พร้อมกับเก็บมีดลับที่ดึงออกมาจากไหนไม่รู้กลับไป เพราะการเดินทางฮองเฮาบอกไม่ให้สะดุดตา จึงต้องเก็บดาบที่ใช้ประจำไว้ในรถม้า แต่เขาเป็นองครักษ์ส่วนพระองค์ย่อมไม่อาจปล่อยปะละเลยความปลอดภัยของฮ่องเต้ได้ จึงได้พกมีดสั้นที่ยาวจนถึงข้อศอกซ่อนไว้ในกายด้วย "?!" เหรินโย่วหลุนเลิกคิ้วขึ้นสูง ตอนที่ได้ยินจูมี่เอินบอกว่านั่นเป็นลูกนางเขาก็คาดเดาไปหลายอย่าง คิดว่าอาจเป็นลูกของเขาแต่เพราะท่าทางที่สนิทสนมของภรรยากับคนผู้นั้นดูไม่ปกติ แถมเด็กน้อยก็เรียกคนด้านหลังว่าท่านพ่อ แล้วภรรยาก็ดันมาบอกอีกว่

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 4

    ....... "เจ้าอยู่ที่นี่มาตลอดหรือ" "ใช่แล้ว" จูมี่เอินยกกาชามาวางที่โต๊ะน้ำชา นั่งลงแล้วรินชาให้สามีก่อนจะรินให้ตัวเองทีหลัง "นี่ก็เป็นชาที่ข้าดื่มตลอดสองปีเช่นกัน ไม่หอมมาก หากแต่เมื่อลองได้จิบทีละนิดและมองออกไปที่ป่าไผ่ ต่อจากนั้นค่อยๆ หลับตาฟังเสียงลมที่กระทบผ่านไป ก็พอที่จะทำให้ชารสชาติธรรมดาเช่นนี้พิเศษขึ้นมามากกว่าเดิม ชนิดที่ว่าต่อให้หาที่ไหนก็หาไม่ได้อีกแล้ว" จูมี่เอินยกจอกชาขึ้นมาจิบทำท่าหลับตาพลางพูดอธิบายไปด้วย "..." เหรินโย่วหลุนก็ลองทำตาม จิบชามองป่าไผ่ หลับตาและฟังเสียงลมที่กระทบกับใบของต้นไผ่ "สงบยิ่งนัก" แถมยังได้กลิ่นของธรรมชาติที่สดชื่นลอยมาตามลมด้วย จูมี่เอินเองสองปีกว่าที่ผ่านมา ทุกครั้งที่มีเวลาว่างมานั่งจิบชาและได้ใช้เวลาอยู่กับตนเอง เมื่อจิบชาไปด้วยแล้วได้มองป่าไผ่ ทั้งที่ทำให้รู้สึกสบายใจแต่กลับทำให้นางนึกถึงสามีทุกครั้ง หลังจากที่มานั่งจิบชาคนเดียวทีไรต่อมานางก็จะต้องหาอะไรทำเพื่อไม่ให้ตัวเองได้มีเวลาคิดถึงเขาอีก ช่างเป็นช่วงเวลาที่สงบสุขแต่ก็เศร้าใจในคราเดียว "เสียดายที่ไม่มีท่านอยู่ที่นี่" จูมี่เอินเอ่ยความรู้สึกออกมาจากใจจริง ลืมตาข

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 3

    ....... การเดินทางด้วยรถม้าเพื่อมาที่หมู่บ้านตงนั้นใช้เวลาเกือบสามวันเพราะมีแวะพักบ้าง ไม่เหมือนกับตอนแรกที่เหรินโย่วหลุนเร่งเดินทางอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อแบกภรรยากลับวังในตอนนั้น แต่ก็ใช้เวลาไม่นานเกินที่คาดการณ์ไว้พวกเขาก็มาถึง หน้าโรงหมอกัว หมู่บ้านตง "แปลกจัง..." จูมี่เอินที่ถูกเหรินโย่วหลุนประคองลงรถม้ามาก็มองไปที่รั้วไม้ไผ่ของโรงหมอซึ่งถูกเปิดแง้มไว้ "มีอะไรผิดปกติหรือ?" เหรินโย่วหลุนถามพลางยกมือขึ้นในระดับหัว เตรียมจะส่งสัญญาณให้องครักษ์เงาของตนที่แอบอยู่รอบตัวบุกเข้าไปด้านใน "เดี๋ยว!" ดีที่จูมี่เอินสังเกตทัน รีบยกมือดึงแขนของเขาลงทันที พอห้ามคนสั่งการได้แล้วนางก็ผ่อนลมหายใจออกมาแผ่วเบา เกือบเป็นเรื่องไปเสียแล้ว "ข้าแค่แปลกใจเล็กน้อย อาจารย์ปกติมักจะเอาแต่นั่งดื่มชามองต้นไผ่อยู่ที่โต๊ะน้ำชาตรงนั้นและไม่ค่อยเปิดรั้วทิ้งไว้ แต่บางทีนางอาจไปพักด้านในแล้วก็ได้" "อ่อ..." เหรินโย่วหลุนลากเสียงยาว ที่แท้นอกจากปากเสียแล้วก็ไม่ทำอะไรนอกจากจิบชาสินะ เป็นคนที่ขี้เกียจเสียจริง จูมี่เอินเปิดประตูเข้าไปด้วยความเคยชินและออกตัวเดินนำไปก่อน เมื่อได้กลับมา

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 2

    ....... รถม้าเดินทางออกจากวังแล้ว จูมี่เอินเลือกรถม้าที่ดูธรรมดาที่สุดแต่ก็ยังถือว่าค่อนข้างเตะตาไม่น้อย การเดินทางรอบนี้มีเพียงฟางอี้ที่เป็นคนขับรถม้าตามมาด้วยเท่านั้น เพราะจูมี่เอินไม่อยากให้สะดุดตา แต่นางก็รู้ว่าสามีได้เตรียมองครักษ์เงาให้ตามอยู่ห่างๆ แล้ว "ข้างนอกคึกคักยิ่งนัก" จูมี่เอินเลิกม่านมองดูเมืองหลวงที่ตนไม่ได้กลับมานานถึงสองปี ตื่นเต้นจนถึงขั้นเกาะขอบหน้าต่างดูเหมือนเด็กน้อยที่ไม่เคยออกจากบ้าน "อดีตผู้สำเร็จราชการแทนทำงานได้ดี" เหรินโย่วหลุนยามนี้ใส่ชุดสีเขียวอ่อนกำลังนั่งกอดอกพิงพนักที่นั่งและมองดูด้านนอกรถม้าเช่นกัน ตอนนี้คือยามอู่[1] ผู้คนเลยสัญจรไปมาค่อนข้างมาก ของขายข้างทางก็มีไม่น้อย เหรินโย่วหลุนเองก็รู้สึกแปลกตาเช่นกัน แต่ก็รักษาท่าทีสุขุมไว้ ([1] ยามอู่ 11.00 น. -12.59 น.) "..." จูมี่เอินนิ่งไปสักพักเมื่อเห็นสตรีงดงามผู้หนึ่งเดินเคียงมากับบุรุษที่เหมือนจะคุ้นหน้าก็ขมวดคิ้วมอง "อาหลุน คนนั้นไม่ใช่...ฟู่เจาหยางกระมัง" "..."เหรินโย่วหลุนทันทีที่ได้ยินชื่อบุรุษอื่นออกจากปากของภรรยาก็หรี่ตาลงด้วยความไม่สบอารมณ์ ขยับเอนตัวไปมองผ่านศีรษะขอ

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 1

    ตอนพิเศษ 1 หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป เหรินโย่วหลุนเห็นถิงถิงวิ่งเข้ามาขอเข้าเฝ้าหน้าตื่นก็ลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา ด้วยวางใจว่าตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา ภรรยาดูท่าตกลงปลงใจจะอยู่กับเขาไม่หนีไปไหนอีก เขาจึงกลับมาทำงานดังเดิม แต่ท่าทางของถิงถิงก็ทำกังวลขึ้นมา เหรินโย่วหลุนไม่แม้แต่จะรอเรื่องที่ถิงถิงได้รายงานก็รีบวิ่งออกจากห้องทรงงานของตนไปแล้ว เป็นดังคาด เมื่อเข้ามาถึงที่ห้องก็พบว่าภรรยากำลังเก็บเสื้อผ้าอยู่ "มี่เอิน เจ้าจะไปไหน!!!" เหรินโย่วหลุนตะโกนลั่นตำหนัก ดังไปไกลหลายจั้ง[1] ทำเอาคนที่กำลังหันหลังจัดห่อผ้าอยู่สะดุ้งเฮือก "อาหลุน..." คนตัวเล็กหันมาเรียกหาเขาเสียงเบา ตอนแรกยังยกยิ้มตาหยีส่งไปเพื่อระงับโทสะของอีกฝ่าย หากแต่เมื่อเห็นสามีเดินหน้าตั้งเข้ามาหาด้วยใบหน้าโกรธขึงนางก็หุบยิ้มลง หมุนกายรีบปีนหนีขึ้นเตียงไป ด้วยความตัวเล็กท่าทางตอนหนีเลยดูเหมือนกระต่ายน้อยกำลังกระโดดไปมา "ท่าน ท่าน! ใจเย็นก่อน" นางร้องเสียงหลง ไต่ตัวเข้าไปด้านในสุดของเตียง แต่พบว่าตนเองตัดสินใจผิดเสียแล้ว นอกจากทางที่เพิ่งขึ้นมาเมื่อครู่ รอบด้านก็ไม่มีทางให้หลบหนีอีก "จะหนีไปไหนอีก" เ

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   167 สัญญาที่จะอยู่ด้วยกันจนผมขาวนั้น จะคงเป็นนิรันดร์ตลอดไป (จบบริบูรณ์)

    จูมี่เอินยืนนิ่ง จ้องมองบานประตูตำหนักของเหรินเยว่เทียนเพราะเพิ่งโดนไล่ออกมา ก่อนจะหันมองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของตน เอาเถอะ แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังโดนไล่ออกมา นางเองก็ควรปล่อยให้เหรินเยว่เทียนได้พักผ่อน จูมี่เอินจึงคิดจะกลับตำหนักของตนเอง "จะไปที่ใด?" เหรินโย่วหลุนเพียงแค่เห็นภรรยาขยับกายก็เอ่ยปากถามอีกรอบ วันนี้เขาพูดประโยคนี้ไปกี่ครั้งแล้วก็ไม่อาจนับได้ครบ "กลับตำหนัก" ความจริงแล้วเหรินโย่วหลุนไม่น่าถาม ที่ที่จูมี่เอินจะไปก็มีแค่ตำหนักของตนเองเท่านั้น หรือในตอนนี้ก็คือตำหนักบรรทมของฮ่องเต้นั่นเอง เพราะเขาไม่ยอมให้นางย้ายไปอยู่ที่ตำหนักในวังหลังเหมือนเมื่อก่อน กฏวังหลังถูกเขาเมินไปเสียแล้ว ครั้นพอได้นึกถึงก็คิดว่าที่แห่งนั้นยามนี้ต่อให้ไม่เหมือนในนิมิตรที่ถูกรื้อจนไม่เหลือเค้าเดิม แต่ก็คงเงียบเหงาไม่ต่างกัน พอคนตัวเล็กเดินนำ เหรินโย่วหลุนก็เดินตาม "..." ระหว่างทางเขาก็มองท้องฟ้า ยังไม่มืด หันมองภรรยาที่ร่างกายยังไม่หายดีจากรอยช้ำที่เขาทำไว้ก็ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ หากรู้ว่าเรื่องจะมาถึงยามที่เขาและนางสามารถกลับมาอยู่ด้วยกันได้ปกติโดยที่นางไม่คิดหนีไปอีก หลายวันที่

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status