บทที่ 58. ตอน ปราบโจรสลัด/2จงถิงไม่คิดยอมแพ้ เขาประเมินฝีมือของแม่ทัพหนุ่มผู้นี้ในใจ เพลงดาบอาจจะเก่งกล้า แต่ด้านกำลังภายในเล่า เขาเชื่อว่าเขามีพลังวัตรที่สูงกว่าแน่นอน คนของทางการหลายคนล้วนถูกเขาจัดการ หากฆ่าแม่ทัพผู้นี้ได้อีกคน ชื่อเสียงของเขาจะต้องเกรียงไกร ลือลั่นไปทั่วแผ่นดินเป่ยฉี คิดแล้วก็เดินลมปราณ เคลื่อนพลังมาที่ฝ่ามือ แล้วซัดฝ่ามือเข้าใส่ร่างของแม่ทัพฉู่ เปรี๊ยง ตูม ! ลมปราณจากฝ่ามือ ฟาดไปโดนเสากระโดงเรือ จนแตกละเอียด ร่างของแม่ทัพฉู่หมิงฮ่าวเสียหลักร่วงลงมา “โห่ หัวหน้าจัดการมันได้แล้ว !” สมุนโจรด้านล่างพากันโห่ร้อง คิดว่าหัวหน้าของตน จัดการกับอีกฝ่ายได้แล้ว แต่คนที่โดนฝ่ามือซัดร่วง กลับดีดเท้าลอยขึ้นไป พร้อมกลับฟาดฝ่ามือสะท้อนกลับไป ปึก ตูม ! จงถิงถูกพลังลมปราณฟาดใส่เต็มอก ร่วงลงมากระแทกพื้น แล้วกระอักเลือดออกมา ฉู่หมิงฮ่าวร่อนตัวลงมา ใช้เท้าเหยียบกลางหลังของหัวหน้าโจรสลัด ชี้ปลายดาบจ่อคออีกฝ่าย “จงถิง ยอมจำนนแล้วหรือไม่” “อึก ข้าไม่ยอมแพ้!”
บทที่ 59. ตอน ความสับสนในใจสำนักศึกษาหยุดเรียนหนึ่งเดือน อี้หนิงกับผิงอันจึงไม่ต้องไปเรียน เด็กๆ ตื่นขึ้นมาก็ตามมารดามาที่ร้านขายอาหารทะเลแห้ง หลิวซืออินฝากลูกๆ ไว้กับนางฉีฮุ่ย ตัวนางไปตรวจดูบัญชีของโรงผลิตทั้งสองแห่งหลังจากตรวจดูโรงผลิตเสร็จระหว่างทางแวะซื้อขนมมาฝากเด็กๆ เมื่อนางกลับมาที่ร้านขายอาหารทะเลแห้ง เจ้าซาลาเปาน้อยทั้งสองไม่ได้อยู่ที่ร้าน“ท่านแม่ทัพส่งคนมารับเด็กๆ ไปที่จวนเจ้าค่ะ เมื่อวานท่านแม่ทัพไปปราบโจรสลัดแล้วได้รับบาดเจ็บ จึงอยากพบหน้าเด็กๆ ข้าพยายามขัดขวางแล้ว แต่อี้หนิงกับผิงอันไม่เชื่อฟัง พวกเขารู้ว่าท่านแม่ทัพบาดเจ็บ ก็ร้องไห้อยากไปหาท่านลุง”นางฉีฮุ่ยบอกกับหลิวซืออิน ด้วยสีหน้าหนักใจ ข่าวการปราบโจรสลัดดังไปทั่วเมือง ชาวบ้านต่างพูดถึงเรื่องนี้ บางคนถึงกับไปดูหัวของหัวหน้าโจร ที่โดนตัดหัวเสียบประจานไว้บนกำแพงเมือง ไม่คิดว่าการปราบโจรครั้งนี้แม่ทัพฉู่ถึงกับได้รับบาดเจ็บกลับมา“ช่างเถอะ ข้าไม่กล่าวโทษท่านป้า แล้วพวกเขาไปนานหรือยัง”หลิวซืออินรู้ดีว่านางฉีฮุ่ยพยายามห้าม แต่เด็กน้อยทั้งสองนั้นผูกพันกับแม่ทัพหนุ่มมาก เมื่อได้ข่าวว่าเขาได้รับบาดเจ็บ ย่อมต้องการไปเยี่ยม
บทที่ 60. ตอน หลอกพามาขึ้นเรือ"ถึงแล้วขอรับ!"เสียงคนขี่รถม้าดังขึ้น ทำให้หลิวซืออินหลุดจากภวังค์ความคิด นางถอนหายใจปัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัว ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก แล้วก็พบว่ารถม้าไม่ได้จอดที่จวนแม่ทัพ เบื้องหน้าของนางกลับเป็นท่าเรือ "นี่ไม่ใช่จวนแม่ทัพ เหตุใดเจ้าถึงพาข้ามาที่ท่าเรือ"หลิวซืออินเอ่ยถามอย่างแตกตื่น นางรีบลงจากรถม้าแล้ววิ่งหนีทันที ปึ่ก !ร่างบอบบางชนกับแผงอกของคนผู้หนึ่ง จนตัวนางเสียหลัก แต่คนผู้นั้นคว้าเอวนางรั้งไว้ได้ก่อนที่นางจะล้มลง "ปล่อยข้านะ !"หลิวซืออินกรีดร้อง หลับตากำหมัดทุบตีพัลวัน ในใจเกิดความหวาดกลัวสุดขีด นึกถึงคำขู่ของชายชราผู้นั้นขึ้นมา หรือเขาส่งคนมากำจัดนางแล้ว "ซืออิน นี่ข้าเอง"เสียงคุ้นหูดังขึ้น ข้อมือของนางถูกจับไว้ไม่ให้ทุบตี นางจึงลืมตาแล้วพบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมแขนของแม่ทัพฉู่ จึงหยุดดิ้นรน"นี่ท่าน... ท่านไม่ได้บาดเจ็บสาหัสหรือ เหตุใดถึง...""เจ้าเป็นห่วงข้าเพียงนี้เชียวหรือ ชื่นใจนัก"ฉู่หมิงฮ่าวจับมือของนางยกขึ้นจูบ ทำท่าชื่นอกชื่นใจ "ท่าน... ท่านหลอกข้า ปล่อยนะ!"หลิวซืออินสำรวจร่างกายแม่ทัพหนุ่ม ไม่พบว่าเขาได้รับบาดเจ็บ หรือ
บทที่ 61 ตอน มิอาจตัดใจ “ท่านแม่ข้าง่วงแล้ว” ผิงอันกินขนมจนพุงป่อง เมื่อท้องอิ่มก็รู้สึกง่วงนอนขึ้นมา อี้หนิงเองก็ตาปรือๆ หลิวซืออินหันไปมองเจ้าของเรือ อีกฝ่ายรีบลุกขึ้น “บนเรือมีห้องพัก เจ้าพาอี้หนิงกับผิงอันไปนอนเถอะ ผิงอันมาเถอะเดี๋ยวลุงจะพาไปนอน” ฉู่หมิงฮ่าวอุ้มผิงอันเดินนำไปยังห้องพัก บนเรือลำนี้ค่อนข้างกว้างขวาง มีห้องพักถึงสองห้อง อีกทั้งยังมีห้องครัวแยกต่างหาก คนรับใช้กับคนเรือ พากันไปรวมตัวอยู่ในห้องครัว บนเรือจึงเงียบสงบ “ให้เด็กๆ นอนที่ห้องนี้เถอะ ข้าให้คนจัดห้องไว้แล้ว” แม่ทัพฉู่อุ้มผิงอัน ที่ตอนนี้นอนหลับคาอกเขาไปวางบนเตียง อี้หนิงเดินตามมานอนข้างๆ แล้วหลับตามน้องสาวไปอย่างรวดเร็ว หลิวซืออินถอดรองเท้าให้พวกเขา หยิบผ้าห่มมาคลุมให้เด็กๆ จากนั้นก็ใช้ผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดปากที่เลอะเทอะคราบขนมของผิงอัน เด็กน้อยทั้งสองนอนหลับตาพริ้ม น่ารักน่าเอ็นดู “หากเจ้าง่วง ก็นอนกับพวกเขาเถอะ ข้าจะออกไปข้างนอก” แม่ทัพฉู่หมิงฮ่าว เดินออกมานอกห้อง เขากุม
บทที่62 ตอน ความจำฟื้นคืน/1“เจ้ารักสามีที่ตายไปแล้วของเจ้า จึงไม่ยอมแต่งให้ข้า”ฉู่หมิงฮ่าวเอ่ยเสียงขื่น จับไหล่ของนางไว้แน่น ภายในใจของเขาเหมือนถูกน้ำกรดราดรดลงไปจนแสบร้อน เขาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ของเป่ยฉี กลับเทียบไม่ได้กับคนที่ตายไปแล้ว“ใช่ ข้าไม่อาจแต่งให้ท่านได้” หลิวซืออินดึงมือเขาออกจากไหล่ ผุดลุกขึ้นวิ่งออกจากห้อง แต่ไปถึงแค่ประตู อีกฝ่ายกลับกระโจนเข้ารวบร่างของนางจนล้มไปกองกับพื้น ร่างหนาหนักโถมทับกดเอาไว้กับพื้นไม่ให้ดิ้นหนี “นี่ท่านจะทำอะไร ปล่อยข้านะ” เขาจับมือของนางที่กำลังทุบตี แล้วรวบข้อมือไว้เหนือศีรษะ ขณะยื่นหน้าเข้าไปหา “ข้าไม่มีวันปล่อยเจ้า ซืออินเจ้าต้องเป็นของข้า” ความเจ็บช้ำในใจทำให้แม่ทัพหนุ่ม ไม่อาจควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ เขารักนางจนยอมทำทุกสิ่ง เพื่อให้นางเห็นใจ แต่นางกลับทำลายหัวใจของเขา “อย่านะ ท่านแม่ทัพ ท่านจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ ไม่เช่นนั้นข้าจะเกลียดท่านไปตลอดชีวิต” หลิวซืออินดิ้นรนผลักไส แต่อีกฝ่ายไม่สนใจ กลับกอดรัดนางแน่นขึ้น “เกล
บทที่ 63ตอน ความจำฟื้นคืน/2 หลิวซืออินครางเสียงสั่นแผ่วหวิว ลมหายใจหอบกระเส่า นางพยายามขัดขืน ทว่า... ร่างกายกลับอ่อนระทวยไปกับสัมผัสเร่าร้อนนั้น มือบางขยุ้มผ้าปูที่นอนจนยับย่น เมื่อถูกเขาจู่โจมหนักหน่วงขึ้นทุกที ร่างกายของนางคล้ายทรยศเจ้าของ ทุกสัมผัสปลุกปั่นเร่งเร้าให้ความรู้สึกเสียวซ่าน จนกลั้นเสียงครางแทบไม่ไหว ร่างกายกำลังทรมานอย่างสาหัส “ท่านแม่ทัพ ไม่... ไม่นะ อา...” เสียงครางแผ่วโหยดังขึ้น ร่างงามสั่นสะท้านไปทั้งตัว สะโพกยกลอยขึ้นจากพื้น ส่ายร่อนตามสัญชาตญาณ รับการโลมเร้าลึกล้ำนั้น ภายในกายสาวปวดร้าว ร้อนผ่าว น้ำตาไหลรินออกมาจากหางตา ต้องการบางอย่างมาเติมเต็ม หลิวซืออินน้ำตาหลั่งรินออกมา ยอมรับว่านางกำลังจะพ่ายแพ้ แม่ทัพฉู่ทำให้ร่างกายของนางปั่นป่วนทรมาน มิอาจห้ามตัวเองไม่ให้ตอบสนองเขาได้ “ข้าจะทำให้เจ้า ลืมชายผู้นั้น” ฉู่หมิงฮ่าวสอดปลายนิ้วยาวเข้าไปในคูหาร้อนผ่าวปลายนิ้วแทรกลึก ขยับไปมาราวกับกำลังดีดฉิน คลึงขยี้ รุกเร้า ให้นางดิ้นพล่านไปตามบทเพลงพิศวาสของเขา ใบหน้า
บทที่ 64. ตอน ข้าคือสามีที่หายไปของเจ้า/1อี้หนิงกับผิงอันตื่นขึ้นมาในช่วงบ่าย เด็กน้อยทั้งสองพากันออกมาจากห้อง มองหามารดาและท่านลุงหมิง แต่ไม่พบผู้ใดเลย พวกเขาเริ่มหิวกันแล้ว จึงเดินไปทั่วเรือจนมาพบกับห้องครัว เห็นคนรับใช้สองคนนั่งกันในห้องนั้นก็เข้าไปหา“พี่สาว พวกท่านเห็นท่านแม่กับท่านลุงหมิงหรือไม่”อี้หนิงจูงน้องสาวเข้ามา พลางเอ่ยถาม“ท่านแม่ทัพกับแม่ของพวกเจ้า คงกำลังพักผ่อนอยู่ในห้อง มานั่งนี่ก่อนสิ”สาวใช้คนหนึ่งเข้ามาคุยกับเด็กๆ แล้วจูงพวกเขามานั่งที่เก้าอี้ ก่อนหน้านี้นางได้รับคำสั่งจากท่านแม่ทัพไม่ให้ขึ้นไปด้านบนเรือ จึงพากันนั่งอยู่ในห้องครัว ไม่คิดว่าเด็กน้อยจะพากันเดินลงมา“ข้าชื่อเสี่ยวชุ่ยนี่เสี่ยวหยา เราสองคนเป็นคนรับใช้ในจวนท่านแม่ทัพ เจ้าทั้งสองหิวหรือไม่ ที่นี่มีอาหารมากมาย อยากกินอะไรก็บอกข้ามา”เสี่ยวชุ่ยเป็นสาวใช้ที่ใต้เท้าจื่อฝู่ ส่งมาดูแลท่านแม่ทัพที่จวนพร้อมกับเสี่ยวหยา นางทั้งสองแรกเริ่มนั้นใต้เท้าจื่อฝู่คิดส่งมาไว้เป็นสาวใช้อุ่นเตียงให้ท่านแม่ทัพ แต่ท่านแม่ทัพฉู่ผู้นั้นกลับไม่เคยสนใจบ่าวไพร่ในบ้าน พวกนางจึงต้องทำงานเป็นสาวใช้ทำงานบ้านทั่วไป“พี่สาวคนสวย ข้า
บทที่ 65. ตอน ข้าคือสามีที่หายไปของเจ้า/2“พวกเจ้ารอตรงนี้ก่อน เดี๋ยวลุงจะสั่งให้คนหาขนมกับน้ำหวานมาให้พวกเจ้ากิน”แม่ทัพหนุ่มเดินไปกระตุกเชือกที่ผูกกระดิ่งเอาไว้ เสียงกระดิ่งดังขึ้น เสี่ยวชุ่ยรีบวิ่งขึ้นมาทันที“เจ้าไปหาขนมกับน้ำหวานมาให้เด็กๆ แล้วให้เสี่ยวหยาไปดูแลฮูหยินของข้าด้วย หากนางต้องการสิ่งใดก็ทำตามที่นางสั่ง ไปได้แล้ว”ก่อนที่เขาจะออกมาจากห้องนั้น หลิวซืออินตื่นแล้ว แต่นางนอนหันหลังให้เขาไม่ยอมลุกขึ้นมา บทรักอันเร่าร้อน ทำให้นางเพลียหลับไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถูกเขาปลุกให้ตื่นขึ้นมาตักตวงความหวานจากกายนางอีกรอบ หลิวซืออินไม่ยอมลืมตามองหน้าเขา จึงไม่รู้ว่าบุรุษผู้ที่กำลังบรรเลงเพลงรักบนตัวนาง คือสามีที่นางคิดว่าตายจาก เขาลุกออกมาพร้อมกับหยิบหน้ากากมาสวม ปล่อยให้นางนอนอยู่ในห้องเพียงลำพัง“เจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ”เสี่ยวชุ่ยรับคำ แล้วลงไปจัดการตามคำสั่ง สาวใช้ผู้นี้นึกอิจฉาเถ้าแก่เนี้ยคนงาม ท่านแม่ทัพมีใจให้แม่ม่ายลูกติด ถึงกับเรียกนางว่าฮูหยิน ทั้งที่ยังไม่ได้แต่งนางเข้าจวน สาวใช้เช่นนางคิดปีนเตียงแม่ทัพหนุ่มคงได้แค่ฝัน“เสี่ยวหยา ท่านแม่ทัพให้เจ้าไปดูแลสตรีของท่านแม่ทัพ”เสี่ยวชุ่ยบอ
บทที่ 80ตอน วิวาห์ของสองเรา /2 (จบ)“ท่านแม่ ข้าง่วงแล้ว”ผิงอันอ้าปากหาว อี้หนิงเองก็เริ่มตาปรือ วันนี้พวกเขาตื่นเต้นกับงานมาก ตื่นเช้ามาแต่งตัวเข้าร่วมขบวนแห่ มาถึงก็เล่นกันในงานจนตอนนี้หมดแรงแล้ว“ง่วงก็นอนลง มาแม่ห่มผ้าให้”เด็กน้อยทั้งสองนอนลงบนเตียง ให้มารดานอนตรงกลาง ผิงอันกอดมารดาเอาหน้าซุกอกนอนหลับตาพริ้ม หลิวซืออินเกาหลังให้อี้หนิงแบบที่ทำทุกคืน ลูกชายนางขาดคนเกาหลังจะนอนไม่หลับ คืนนี้เด็กชายถูกมารดาเกาหลังจนเพลินหลับไปแล้วแกรก !เสียงประตูเปิดออก พร้อมกับร่างสูงใหญ่ในอาภรณ์สีแดง ก้าวเข้ามาในห้องหอ กว่าที่ฉู่หมิงฮ่าวจะปลีกตัวออกมาได้ ก็ถูกเพื่อนในกองทัพ พี่ชายตนเอง และพี่ชายเจ้าสาว รินเหล้าส่งให้ไม่หยุดหย่อน เขาอาศัยตัวเองคอแข็งจึงรับมือได้ไม่ยากนัก แต่ให้ดื่มจนไม่ได้เข้าหอ เขาคงกลายเป็นคนโง่ แม่ทัพหนุ่มจึงดื่มบ้างแอบเทรดแขนเสื้อบ้าง แสร้งทำเมามายจึงมีโอกาสได้เข้าหอเสียทีภายในห้องหอเทียนแดงมงคลจุดให้ความสว่างเหลือเพียงครึ่งแท่งแล้ว สุรามงคลบนโต๊ะรอเจ้าบ่าวเจ้าสาว มาคล้องแขนดื่มกิน เจ้าสาวคนงามสวมชุดวิวาห์สีแดงนั่งรออยู่บนเตียงฉู่หมิงฮ่าวหยิบคันชั่ง เดินไปยังเตียงด้วยอารมณ
บทที่ 79 ตอน วิวาห์ของสองเรา /1 เกี้ยวเจ้าสาวสีแดง ถูกแบกออกจากหน้าประตูจวนของเสนาบดีหยาง วันนี้หยางอี้หลันบุตรีของท่านเสนาบดีออกเรือน สินเดิมของเจ้าสาวถูกจัดเตรียมไว้มากมาย สมกับเป็นลูกสาวของเสนาบดีกรมคลังการแต่งงานครั้งนี้เจ้าบ่าวคือ ฉู่หมิงฮ่าว แม่ทัพใหญ่ของแคว้นเป่ยฉี เขาเป็นบุตรชายคนรองของใต้เท้าฉู่อี้หนาน ท่านโส่วฝู่ผู้เป็นที่ไว้วางพระทัยของฮ่องเต้ แม่ทัพหนุ่มอยู่ในชุดเจ้าบ่าวสีแดงสวมหน้ากากเงินปกปิดใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง ขี่อาชาสีขาวดูสง่างาม บนนั้นยังมีร่างของเด็กชายตัวน้อยสวมชุดสีแดงนั่งอยู่ด้วย ผู้คนที่พากันมามุงดูขบวนแต่งงาน ต่างตื่นตะลึงกับรูปโฉมของเจ้าบ่าว“ท่านแม่ทัพฉู่หมิงฮ่าว สวมหน้ากากเงินปกปิดใบหน้า เพราะเขาเป็นแม่ทัพของกองทัพวายุทมิฬ คนในกองทัพนี้ล้วนลึกลับ จนถูกขนานนามว่า กองทัพปีศาจ”คนที่พากันมุงดูซุบซิบถึงเจ้าบ่าว พวกเขาได้ยินชื่อของกองทัพวายุทมิฬก็พากันกลัวตัวสั่น ได้ข่าวว่าแม่ทัพฉู่เพิ่งจัดการกับโจรสลัดที่โหดเหี้ยมผู้หนึ่งของหนานไห่ได้ ฮ่องเต้จึงพระราชทานสมรสให้แต่งกับบุตรีท่านเสนาบดีหยาง“บุตรีท่านเสนาบดีหยาง พลัดพรากจากครอบครัวตั้งแต่เล็ก ท่านแม่ทัพฉู่หมิงฮ
บทที่ 78 ตอน พบผู้มีพระคุณทั้งสอง/2ฉู่เฟยหยางเป็นฝาแฝดกับฉู่หมิงฮ่าวย่อมหน้าตาคล้ายกัน บุตรของเขาหน้าตาเหมือนบิดาทั้งคู่ จึงดูคล้ายกันเหมือนฝาแฝด แม่หนูผิงอันมองหน้าท่านพ่อกับท่านลุง แล้วมองหน้าพี่ชายตนกับลูกชายท่านลุง“โอย เหมือนกันจนข้าแยกไม่ออกแล้ว ข้าตาลายไปหมดแล้วเจ้าค่ะท่านย่า”ผิงอันน้อยเอียงหน้าซบท่อนแขนของท่านย่า พลางกรอกตาไปมา ท่าทางนั้นทำให้ทุกคนที่เห็นต่างพากันหัวเราะขบขัน หลงเสน่ห์ของแม่หนูน้อยเข้าไปแล้ว“ท่านพ่อท่านแม่ นี่คือหยางอี้หลันภรรยาข้า”หลิวซืออินเดินเข้ามาได้เห็นทุกคนในห้องกำลังหัวเราะท่าทางตลกของผิงอันพอดี เมื่อฉู่หมิงฮ่าวแนะนำนางให้ครอบครัวของเขา จึงประสานมือย่อตัวลงทำความเคารพอย่างนอบน้อม รูปร่างหน้าตาของนางทำให้ทุกคนหันมาจ้องมองอย่างสนใจ“เหมือนข้าคุ้นหน้าเจ้า”ใต้เท้าโส่วฝู่มองบุตรีของเสนาบดีหยาง พลันรู้สึกว่าเคยพบเจอสตรีนางนี้มาก่อน ฮูหยินเองก็มองจ้องหน้านาง คิ้วขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังครุ่นคิด“ท่านทั้งสองคือ... คือผู้มีพระคุณของข้ากับลูก อี้หนิงผิงอัน รีบคุกเข่าเร็ว”หลิวซืออินจำทั้งสองได้ในทันที นางไม่เคยลืมใบหน้าของผู้มีพระคุณ ที่ช่วยชีวิตนางกับลูกน้อ
บทที่ 77 ตอน พบผู้มีพระคุณทั้งสอง/1รถม้าเคลื่อนจากหน้าจวนเสนาบดีหยางแล่นไปจอดยังหน้าจวนของใต้เท้าโสว่ฝู่ หน้าประตูฉู่หมิงฮ่าวยืนรอรับภรรยากับลูกๆ เมื่อเห็นรถม้ามาจอดก็รีบเดินไปหมายจะช่วยพาหลิวซืออินกับอี้หนิงผิงอันลงมา แต่คนที่เดินลงมาก่อนกลับเป็นบุรุษผู้หนึ่งหน้าตาหล่อเหลาท่าทางสง่างาม“ท่านคงเป็นพี่ชายของภรรยาข้า คารวะท่านพี่ภรรยา”ฉู่หมิงฮ่าวรู้ว่าท่านเสนาบดีมีลูกชายคนหนึ่ง ชื่อว่า หยางเทียน เป็นพี่ชายของภรรยาเขา จึงประสานมือทำความเคารพอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม“เจ้าคือโจรชั่วที่บังอาจฉุดตัวน้องสาวข้าสินะ วันนี้ได้พบหน้าเจ้า เราคงต้องมีเรื่องพูดจากันสักหน่อย”หยางเทียนมองหน้าบุตรชายคนรองของท่านโส่วฝู่ เขาไม่เคยพบกับฉู่หมิงฮ่าวมาก่อน อีกฝ่ายเป็นแม่ทัพประจำการอยู่ค่ายทหาร คนที่เขารู้จักดีคือ ฉู่เฟยหยางบุตรชายคนโตของท่านโส่วฝู่ ตอนเด็กทั้งสองเคยเรียนสำนักศึกษาเดียวกัน โตมาถึงได้แยกย้ายไป ฉู่หมิงฮ่าวเป็นน้องชายฝาแฝดของฉู่เฟยหยาง ใบหน้าของทั้งคู่คล้ายกันมาก ต่างเพียงแววตาของฉู่หมิงฮ่าวดูแข็งกร้าวกว่าฉู่เฟยหยางเล็กน้อย“พี่เทียน ท่านโปรดละเว้นสามีข้าด้วยเถอะเจ้าค่ะ”หลิวซืออินลงจากรถม้า พร้อม
บทที่ 76 ตอน ช่วงเวลาแห่งความสุข/2ณ จวนตระกูลหยางท่านเสนาบดีหยางพาบุตรีพร้อมหลานๆ กลับมาถึงจวน ได้จัดเรือนหลังหนึ่งให้พวกเขาพัก ฮูหยินสั่งซื้อข้าวของใหม่ให้บุตรีและหลานทั้งสอง เรียกร้านเสื้อผ้าส่งช่างมาวัดตัวตัดเสื้อผ้าชุดใหม่หลายชุด ล้วนเป็นผ้าไหมชั้นดี สีสันลวดลายงดงามกว่าผ้าทั่วไป ที่สามแม่ลูกเคยสวมใส่ ร้านเครื่องประดับนำสิ้นค้าชั้นดี มาให้เลือกถึงเรือน ฮูหยินมองชิ้นไหนล้วนถูกใจไปหมด นำมาเท่าไหร่ก็ซื้อให้บุตรี จนหลิวซืออินไม่กล้ารับไว้ "ท่านแม่ ของพวกนี้ล้วนราคาแพง ท่านซื้อให้ข้ามากเกินไปแล้ว""จะแพงสักเท่าไหร่แม่ก็จะซื้อให้เจ้า ถึงเวลาออกเรือนไป จะได้เป็นสินเดิมติดตัวเจ้าไปมากสักหน่อย ท่านพ่อเจ้าเป็นถึงเสนาบดีกรมคลัง เจ้าต้องแต่งตัวให้สมฐานะบุตรีท่านเสนาบดี อย่าได้ทำให้ท่านพ่อเจ้าขายหน้า"ฮูหยินถือโอกาสอบรมบุตรี ชีวิตก่อนหน้าของหลิวซืออินเคยยากจนลำบากมามาก จึงมัธยัสถ์เห็นคุณค่าของเงินทอง จับจ่ายมากไป แพงไป ล้วนปวดใจเพราะเสียดายเงินทอง ยามนี้นางกลับคืนฐานะบุตรีของท่านเสนาบดี ของสิ่งใดควรได้ ควรหามาใช้ ต้องจัดให้สมฐานะ "ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่"หลิวซืออินรับคำมารดา ตอนนี้นา
บทที่ 75 ตอน ช่วงเวลาแห่งความสุข/1หนึ่งเดือนต่อมา เสนาบดีหยางพาบุตรีกับหลานทั้งสองเดินทางไปถึงเมืองหลวง หลิวซืออินได้กลับมาอยู่ร่วมกับครอบครัวอีกครั้งด้านฉู่หมิงฮ่าวนำเรื่องของเขากับหลิวซืออินไปบอกบิดามารดา ใต้เท้าโส่วฝู่ได้รู้เรื่องที่บุตรชายกระทำต่อบุตรีของเพื่อนรักก็โมโหยิ่งนัก ลงโทษให้เขาคุกเข่าอยู่ในศาลบรรพชนทั้งคืน ก่อนจะยอมรับปากไปสู่ขอและจัดงานแต่งให้เขาครอบครัวตระกูลฉู่กลับมาพร้อมหน้า จึงร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกัน“หากเจ้าไม่ตัดหน้าไปเสียก่อน เจ้าบ่าวของบุตรีท่านเสนาหยางคงเป็นข้า”ฉู่เฟยหยางเอ่ยเย้าน้องชาย ตัวเขาเพิ่งรักษาตาที่บอดจากการถูกลอบทำร้ายจนหายสนิท เมื่อปีที่แล้วบิดามารดาคิดทาบทามบุตรีของขุนนางหลายตระกูลให้เขาดูตัว แต่ฉู่เฟยหยางปฏิเสธบอกว่า จะแต่งกับบุตรีท่านลุงเสนาหยางตามสัญญาหมั้นหมาย เขาอาศัยเรื่องนี้ครองตัวรอดพ้นจากการถูกบังคับแต่งงานมาได้เนิ่นนาน ผู้ใดจะคิดว่าบุตรีท่านลุงหยางยังมีชีวิตอยู่ และมีความสัมพันธ์กับน้องชายฝาแฝดของตน คิดหาข้ออ้างหลบเลี่ยงงานแต่งคงยากเสียแล้ว“ท่านพี่ เรื่องอื่นข้ายอมท่านได้ แต่เรื่องนี้ข้าไม่ยอมเด็ดขาด ท่านหาสตรีคนอื่นเป็นแม่เลี้ยงให้ฉู
บทที่ 74. ตอน ครอบครัวพร้อมหน้า /2"ท่านลุงโปรดให้อภัยด้วย ข้ากับนางเราเป็นสามีภรรยากันแล้วขอรับ""อะไรนะ นี่พวกเจ้า... "ฮูหยินได้ยินก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ นางได้ยินเรื่องบุตรีถูกโจรฉุดจากเกี้ยวเจ้าสาว รู้สึกปวดใจมาก เมื่อเห็นหลานทั้งสอง จึงนึกเอ็นดูและเวทนาที่มีบิดาเป็นโจร ไม่ทันได้เตรียมใจ บุตรชายของท่านโส่วฝู่มาบอกว่าเป็นสามีของบุตรีอีก วันนี้แผ่นดินใต้ฝ่าเท้านางพลิกไปมากี่รอบแล้ว นางมึนงงไปหมด"ท่านแม่ ท่านพ่อ พวกท่านนั่งลงก่อนเจ้าค่ะ"หลิวซืออินประคองมารดาให้นั่งลง สองแฝดมาช่วยบีบนวดท่านตาท่านยายอย่างเอาใจ "ท่านลุง เดิมทีท่านก็ทราบอยู่แล้วว่า ข้าถูกลักพาตัวไปตั้งแต่ยังเล็ก ช่วงเวลาที่ข้ายังไม่ได้พบท่านพ่อ ข้าได้รับการเลี้ยงดูจากครอบครัวตระกูลหลิน แล้วมีเหตุให้บุตรชายของท่านลุงหลินกับคู่หมั้น ถูกเจ้าของบ่อนทำร้าย ข้าจึงแก้แค้นแทนพวกเขาด้วยการไปดักปล้นขบวนเจ้าสาว ฉุดตัวเจ้าสาวของคนผู้นั้นมา ครั้งนั้นข้ากับนางได้กราบไหว้ฟ้าดินเป็นสามีภรรยากัน ต่อมาเกิดเหตุกับข้าทำให้ต้องพลัดพรากจากนางไป มาพบกันอีกครั้งที่เมืองหนานไห่ นางมีบุตรฝาแฝดชายหญิงให้ข้า ตอนนี้ข้าจึงอยากสู่ขอนางต่อท่านลุ
บทที่73 ตอน ครอบครัวพร้อมหน้า /1หลิวซืออินพาบิดามารดานั่งรถม้า มาที่ร้านขายอาหารทะเลแห้งของนาง "ท่านพ่อท่านแม่เชิญด้านในเจ้าค่ะ"ย่านการค้าของเมืองหนานไห่ มีร้านค้าหลากหลาย ร้านของหลิวซืออินเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดของเมือง อีกทั้งยังมีโรงผลิตปลาเค็มและอาหารทะเลแห้งเป็นของตนเอง สินค้าจึงได้คุณภาพกว่าร้านทั่วไป มีลูกค้ามาซื้อของและสั่งสินค้าอย่างคึกคัก คนงานในร้านทำงานอย่างขยันขันแข็ง สินค้าถูกจัดวางเป็นระเบียบดูสะอาดตา แม้จะมีกลิ่นของอาหารทะเลตากแห้ง แต่ก็เป็นปกติของร้านชนิดนี้ จึงไม่ทำให้คนที่เข้ามาต้องฝืนใจทน"ร้านใหญ่โต การค้าของเจ้ารุ่งเรืองมาก""ลูกแม่ เจ้าเก่งเหลือเกิน"ท่านเสนาบดีหยางกับฮูหยิน เมื่อเห็นร้านขายอาหารทะเลแห้งของบุตรีก็พากันเอ่ยชม"เถ้าแก่เนี้ยท่านมาแล้ว ท่านเป็นอย่างไรบ้าง"นางฉีฮุ่ยรีบเข้ามาหาด้วยความดีใจ เมื่อครู่ซุนเซิงกลับมาแจ้งข่าวว่า หลิวซืออินพ้นผิดอีกทั้งยังได้พบบิดามารดาของนางด้วย "ท่านป้าฉี ข้าสบายดี อ้อ นี่คือท่านพ่อกับท่านแม่ของข้า"หลิวซืออินแนะนำให้นางฉีฮุ่ย รู้จักบิดามารดาของนาง "ท่านพ่อ ท่านแม่เจ้าคะ นี่คือท่านป้าฉีฮุ่ย หลายปีมานี้ ท่านป้าช่วยเหลื
บทที่ 72. ตอน สวรรค์เมตตาคนดี ฟ้าทอดทิ้งคนชั่ว/2"ลูกแม่ เจ้าผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนั้นมาได้อย่างไร"ผู้เป็นมารดาอยากรู้เรื่องราวของลูกสาวทั้งหมด แค่คิดว่าลูกสาวถูกโจรฉุดจากเกี้ยวเจ้าสาวไปก็ปวดใจนัก "ต่อมาข้ากราบไหว้ฟ้าดินกับโจรผู้นั้น แต่งเป็นภรรยาเขาเจ้าค่ะ เดิมคิดว่าจะมีชีวิตสุขสงบ แต่สวรรค์ไร้เมตตา สามีข้าตายจากไป หลังจากนั้นข้าจึงมาอยู่ที่หนานไห่ หวังจะใช้ชีวิตที่เหลือ แต่ข้ากลับตั้งครรภ์ คลอดบุตรฝาแฝดชายหญิง ห้าปีนี้ ข้าเลี้ยงดูลูกทั้งสอง ค้าขายปลาเค็มและอาหารทะเลแห้ง จนมีกิจการร้านขายอาหารทะเลแห้ง และโรงผลิตถึงสองแห่ง เรื่องราวชีวิตข้ามีเพียงเท่านี้เจ้าค่ะ ท่านพ่อท่านแม่"หลิวซืออินเล่าจบ แล้วก็ยิ้มให้บิดามารดา ทุกสิ่งได้เกิดขึ้นและผ่านไปแล้ว วันนี้นางได้พบบิดามารดา สามีที่คิดว่าตายจากก็กลับมาหา มีลูกทั้งสองเป็นดังแก้วตาดวงใจ นางพอใจมากแล้ว"ลูกพ่อ เจ้ายอดเยี่ยมมาก จะมีสตรีสักกี่คนทำได้ดีเช่นเจ้า พ่อภูมิใจในตัวเจ้า"ท่านเสนาบดีชื่นชมบุตรี เรื่องราวของนางทำให้คนเป็นบิดารู้สึกทึ่ง สตรีตัวเล็กคนหนึ่งต้องเผชิญเคราะห์กรรมสาหัสเพียงนี้ แต่สามารถพาตัวเองผ่านพ้นมาได้อย่างเข้มแข็ง มีชีวิต