บทที่ 51. ตอน มิอาจเทียบกันได้/1ผู้ที่ดึงตัวหลิวชิงหลินเข้าไปในตรอกคือซุนเซิงนั่นเอง เขาตามหลิวซืออินออกมาแล้วปล่อยให้นางกลับไปรับเด็กๆ ตัวเขาซุ่มรออยู่ด้านนอก เมื่อเห็นหลิวชิงหลินเดินออกมาก็สะกดรอยตาม จนสบโอกาสดึงนางเข้ามาคุยที่ตรอกร้างแห่งนี้“พี่ซุน นี่ท่านทำอะไร”หลิวชิงหลินเมื่อเห็นว่าเป็นผู้ใด ก็หยุดร้องโวยวาย นางมองหน้าซุนเซิงพบว่า เขามองนางด้วยสายตาคล้ายดูแคลน“หึ ข้าไม่คิดทำอะไรเจ้าหรอก เพียงแค่อยากคุยกับเจ้าสักครู่ มาทางนี้เถอะ”ซุนเซิงเดินนำนางไปยังรถม้าที่จอดอยู่ เขาเดินขึ้นไปบนรถ ทำให้หลิวชิงหลินต้องเดินตามขึ้นไปเมื่อเข้ามาด้านในก็พบว่าซุนเซิงนั่งอยู่แล้ว จึงนั่งลงฝั่งตรงข้าม เอ่ยถามเขาออกไปว่า“พี่ซุน ท่านมีเรื่องอะไรจะคุยกับข้า”“รับเงินนี่ไป”ซุนเซิงวางตั๋วแลกเงิน ลงบนโต๊ะตรงหน้าหลิวชิงหลิน“เงินอะไร ข้าไม่รับ”หลิวชิงหลินไม่ยอมหยิบ นางส่ายหน้าปฏิเสธทันที“เงินร้อยตำลึง มันมากพอจะให้เจ้ากับแม่มีชีวิตที่สุขสบาย หากรู้จักใช้จ่ายไม่ฟุ่มเฟือยเกินไป รับไปสิ”"เหตุใดท่านต้องให้เงินข้าด้วย""เจ้ากับแม่มาพบซืออิน ไม่ได้หวังเงินทองหรอกหรือ"ซุนเซิงคิดใช้เงินฟาดหัวนาง เขาดูแคล
บทที่ 52. ตอน มิอาจเทียบกันได้/2“ซืออิน พี่ดีใจที่ได้พบเจ้า และขอบคุณเจ้าที่ให้อภัยพี่กับท่านแม่ ความผิดที่พี่ได้กระทำไว้ ทำให้ชีวิตของเจ้าต้องพบกับความลำบาก จนไม่อาจจะชดใช้ให้เจ้าได้อย่างไร วันหน้าหากพี่มีโอกาสได้ชดเชยให้เจ้าพี่ยินดีทำ กำไลทองที่พี่ฝากพี่ซุนไว้เป็นของดูต่างหน้าบิดามารดาของเจ้า ที่ติดตัวเจ้ามาตั้งแต่เด็กๆ ท่านย่าเก็บรักษาไว้ให้เจ้า และยังมีจี้หยกอีกชิ้นหนึ่ง แต่ท่านแม่ได้ขายไปแล้ว พี่ขอโทษที่รักษาไว้ให้เจ้าไม่ได้ โปรดให้อภัยพวกเราด้วย ขอให้เจ้ามีชีวิตที่ราบรื่น มีความสุข พี่กับท่านแม่ไม่อาจรบกวนเจ้านานกว่านี้ จึงขอกลับบ้านไปก่อน โอกาสหน้าพี่จะมาเยี่ยมเจ้าอีก และคงได้พบกับลูกๆ ของเจ้า ลงชื่อ หลิวชิงหลิน” หลิวซืออินอ่านจดหมายจบ ก็หยิบกำไลทองออกมาดู ซุนเซิงมอบกำไลวงนี้ให้นาง ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน เขาบอกนางว่าหลิวชิงหลินฝากมามอบให้นาง กำไลวงนี้นางคุ้นตาแต่จำไม่ได้ว่า ท่านพ่อท่านแม่มอบให้นางตั้งแต่เมื่อใด โชคดีที่ได้คืนมา แต่มันวงเล็กจนนางสวมไม่ได้ หลิวซืออินจึงคิดจะมอบให้ผิงอัน “ผิงอัน เจ้าชอบกำไลวงนี้หรือไม่”
บทที่ 53. ตอน ตกหลุมพรางซุนเซิงพาหลิวชิงหลินและนางหวังจู มาถึงบ้านของพวกนางในช่วงเย็น ตลอดทางเขานั่งอยู่ด้านนอกทำหน้าที่ขี่รถม้า ปล่อยให้สองแม่ลูกนั่งอยู่ด้านใน นางหวังจูแรกนั้นไม่ยินยอมกลับ แต่ถูกหลิวชิงหลินบังคับพาตัวมาจนได้ นางจึงบ่นลูกสาวมาตลอดทาง“ถึงบ้านของพวกเจ้าแล้ว รีบลงมาเถอะ ข้าขอส่งแค่นี้”เมื่อรถม้าจอด ซุนเซิงก็กระโดดลงไป แล้วตะโกนบอกสองแม่ลูกให้ลงมาจากรถ“ขอบคุณพี่ซุนมากที่มาส่งข้ากับท่านแม่ เข้าไปดื่มน้ำชา แล้วค่อยกลับนะเจ้าคะ”หลิวชิงหลินประคองมารดาลงมาจากรถพลางเอ่ยขอบคุณ นางเห็นว่ารถม้าเร่งเดินทางคงจะเหน็ดเหนื่อย จึงเชิญเขาไปดื่มชาพักผ่อนก่อน“ไม่เป็นไร ข้าจะกลับแล้ว”ซุนเซิงปฏิเสธ แต่นางหวังจูกลับไม่ยินยอม นางมีแผนการบางอย่างผุดขึ้นในใจ จึงเอ่ยขึ้นว่า“คุณชายซุน พักสักครู่คงไม่เสียเวลา ให้พวกข้าสองแม่ลูก ตอบแทนน้ำใจท่านสักครั้งเถอะ”“พี่ซุน พักม้าให้กินน้ำก่อน นี่ก็ค่ำแล้วท้องฟ้าก็ครึ้ม อีกสักครู่ฝนคงจะตกเดินทางกลับจะอันตราย”หลิวชิงหลินมองท้องฟ้าที่กำลังครึ้ม มีเมฆดำปกคลุม ในไม่ช้าฝนคงตกลงมา นางนึกเป็นห่วงซุนเซิง จึงคิดรั้งตัวเขาไว้“ก็ได้ พวกเจ้าไปข้างในกันก่อน เด
บทที่ 54. ตอน ฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดซุนเซิงลุกขึ้นจากที่นอน เดินไปรินน้ำบนโต๊ะยกดื่ม แต่อาการร้อนรุ่มภายในไม่คลายลง เขาจึงเดินไปเปิดหน้าต่าง ให้ลมเย็นพัดเข้ามา ด้านนอกฝนตกหนักไอเย็นจากสายฝน ทำให้รู้สึกสดชื่นเขายืนอยู่แบบนั้นครู่หนึ่งจึงค่อยรู้สึกดีขึ้น เมื่อปิดหน้าต่างหมุนกายขึ้นเตียงนอน ก็ได้ยินเสียงคนเดินอยู่หน้าประตูห้อง เขาดับเทียนในห้องแล้ว เห็นเงาของสตรีนางหนึ่งถือตะเกียงยืนอยู่ ท่าทางของนางเหมือนกล้าๆ กลัวๆ เขาจึงแสร้งนอนเงียบ แอบลอบดูว่า นางจะทำอย่างไร ในที่สุดนางก็เปิดประตูเข้ามา ในอ้อมแขนหอบผ้าห่มมาผืนหนึ่งมาด้วย นางวางตะเกียงบนโต๊ะแล้วค่อยๆ ย่องมาที่เตียง“พี่ซุน พี่ซุนท่านหลับแล้วหรือยัง”เสียงกระซิบดังเบาๆ ซุนเซิงยังแกล้งนอนนิ่ง แต่แอบหรี่ตาดูนาง“คงจะหลับแล้ว ในห้องอากาศเย็นมาก พี่ซุนคงจะหนาว”หลิวชิงหลินรู้สึกถึงอากาศเย็นในห้องนอนของซุนเซิง ตัวนางเองภายในก็รู้สึกร้อนแปลกๆ คิดเอาเองว่าตนคงมีไข้ เมื่อเห็นเขานอนหลับอยู่ ก็คลี่ผ้าห่มที่เอามาด้วย คลุมร่างให้เขาอย่างเบามือ เสร็จแล้วก็ถอนหายใจ มองใบหน้าหล่อเหลาของคนบนเตียง ในใจนึกถึงสิ่งที่เขาเคยทำกับนางเขารังเกียจนางกับมารดา แต่
บทที่ 55. ตอน พิศวาสท่ามกลางสายฝนเขาจับแขนพาหลิวชิงหลินเข้าไปในรถม้า แล้วดึงทึ้งเสื้อผ้าของนางออกจากร่าง ตัวเขาเองสลัดเสื้อผ้าเปียกชื้นของตัวเองออกจนเปลือยเปล่า จากนั้นผลักนางให้นอนลงบนพื้น ร่างหนากว่าขึ้นทาบทับ กอดรัดร่างนุ่มเนียนของนาง“ชิงหลิน เจ้างามเกินไปแล้ว ข้าทนไม่ไหวแล้ว”ซุนเซิงหยัดกายขึ้นมองเรือนร่างงดงามขาวผ่อง ราวกับก้อนสำลีของหลิวชิงหลิน ดวงตาจับจ้องไปยังยอดทรวงสีหวาน สายตามองไปขึ้นไปยังใบหน้างดงาม แล้วจดจ้องที่ริมฝีปากก่อนจะสอดมือใต้ท้ายทอย บังคับให้นางเงยหน้ารับจุมพิตเร่าร้อนของเขา“พี่ซุน อย่าเจ้าค่ะ...”หลิวชิงหลินครางเสียงสะอื้นเอ่ยห้าม แต่กลับลืมตัวเผยอปากออกรับเรียวลิ้นร้อนที่สอดเข้ามา ขยับริมฝีปากตอบโต้เขาอย่างลืมตัว มือเรียวบางคล้องคอเขาไว้ นางหลับตาแน่นหอบหายใจแรงเมื่อถูกเขาจูบจนแทบหายใจไม่ทัน ลมหายใจร้อนผ่าวของเขาหอบกระเส่า ประสานกับเสียงลมหายใจของนางที่ดังไม่แพ้กัน เสียงดูดริมฝีปากดังขึ้นเมื่อเขาเม้มริมฝีปากล่างของนาง ดูดแรงจนเกิดเสียงจุ๊บ ก่อนจะปล่อยให้นางได้หายใจ แล้วไต่ริมฝีปากลงมาตามลำคอ ขบเม้มตรงซอกคอขาวผ่อง จนเกิดรอยแดงจ้ำเล็กๆ คล้ายต้องการประทับตราควา
บทที่ 56. ตอน ไม่คิดรับผิดชอบ“หากท่านจะเข้าใจเช่นนั้น ก็แล้วแต่ท่านเถอะ ปล่อยข้าได้แล้ว ข้าจะกลับบ้านของข้า”หลิวชิงหลินผลักไสเขาออกห่าง ลุกขึ้นไปหยิบเสื้อผ้าที่โยนเกลื่อนพื้นมาสวม แต่ซุนเซิงกลับคว้ามือของนางไว้ แย่งเสื้อผ้าออกโยนทิ้ง“จะรีบไปไหน เมื่อเจ้าไม่ถือโทษสิ่งที่ข้าทำกับเจ้า ถ้าอย่างนั้นเรามาสนุกกันต่อดีไหม ข้ายังกินเจ้าไม่อิ่มเลย”ซุนเซิงแกล้งพูดให้นางอับอาย เขาดึงตัวนางมากอดไว้ ซุกใบหน้าบนซอกคอขาว มือก็ขยำทรวงอวบเคล้นคลึงไปมา โทสะในใจที่มีต่อนางหวังจู ทำให้เขากระทำการหยาบหยามน้ำใจหลิวชิงหลิน“พี่ซุน ท่านปล่อยข้าเถอะ ท่านไม่ได้รักข้า ก็อย่ารังแกข้าอีกเลย”หลิวชิงหลินผลักไสเขา ในใจเจ็บช้ำกับการกระทำหยามเกียรตินี้ นางถูกเขาทำลายความสาวไปแล้ว ยังไม่พอใจอีกหรือ เหตุใดยังคิดแกล้งให้นางต้องอับอายด้วย“เรื่องพวกนี้ รักไม่รักก็ทำได้ทั้งนั้น เมื่อครู่เราสองคนก็ทำกันไปแล้วมิใช่หรือ จะทำต่ออีกสักรอบสองรอบ คงไม่เป็นไร”ซุนเซิงโถมกายเข้าหาร่างงาม ผลักหลิวชิงหลินให้นอนลงอีกครั้ง ดวงตาของเขาวาววับด้วยความปรารถนา ฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดยังไม่หมดสิ้นลงไป เขาดื่มสุราหลายจอกย่อมได้รับยามากกว่านา
บทที่ 57. ตอน ปราบโจรสลัด เมืองหนานไห่เป็นเมืองท่าสำคัญของแคว้นเป่ยฉี มีการค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้ากันอย่างคึกคัก เรือเดินสมุทรของพ่อค้าต่างแดนนำสินค้ามาจำหน่าย และซื้อสินค้านำขึ้นเรือกลับไปขายยังบ้านเมืองของตัวเอง ปัญหาที่ยากจะแก้ไขคือ มีเรือของโจรสลัดคอยดักปล้นเรือที่ออกจากท่าเรือเมืองหนานไห่ สร้างความเดือดร้อนให้กับพ่อค้าต่างแดน จนนำเรื่องไปร้องเรียนทางการ ฮ่องเต้ได้รับฏีกาจึงสั่งการให้ใต้เท้าโส่วฝู่จัดการเรื่องนี้ ใต้เท้าโส่วฝู่จึงส่งฉู่หมิงฮ่าว แม่ทัพของกองทัพวายุทมิฬมาปราบปรามโจรสลัด เรือสินค้าลำหนึ่งแล่นออกจากท่าเรือหนานไห่ บนเรือไม่ได้บรรทุกสินค้าแต่อย่างใด ทว่ากลับซ่อนกองกำลังทหารของกองทัพวายุทมิฬเอาไว้ ทหารทุกนายถูกสั่งให้ปลอมตัวเป็นพ่อค้าและคนเรือ ฉู่หมิงฮ่าวถอดหน้ากากเงินของเขาออก ติดหนวกเคราพรางตัวเป็นลูกเรือคนหนึ่ง เขายืนด้านบนดาดฟ้าเรือ มองดูท้องทะเลสีคราม วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส คลื่นลมในทะเลสงบเหมาะแก่การนำเรือออกจากท่า เมื่อเรือแล่นพ้นชายฝั่งได้ครู่หนึ่ง ก็ปรากฏเรือลำใหญ่ลำหนึ่งบนท้องน้ำแล่นตรงมาหา ธงสีดำรูปหั
บทที่ 58. ตอน ปราบโจรสลัด/2จงถิงไม่คิดยอมแพ้ เขาประเมินฝีมือของแม่ทัพหนุ่มผู้นี้ในใจ เพลงดาบอาจจะเก่งกล้า แต่ด้านกำลังภายในเล่า เขาเชื่อว่าเขามีพลังวัตรที่สูงกว่าแน่นอน คนของทางการหลายคนล้วนถูกเขาจัดการ หากฆ่าแม่ทัพผู้นี้ได้อีกคน ชื่อเสียงของเขาจะต้องเกรียงไกร ลือลั่นไปทั่วแผ่นดินเป่ยฉี คิดแล้วก็เดินลมปราณ เคลื่อนพลังมาที่ฝ่ามือ แล้วซัดฝ่ามือเข้าใส่ร่างของแม่ทัพฉู่ เปรี๊ยง ตูม ! ลมปราณจากฝ่ามือ ฟาดไปโดนเสากระโดงเรือ จนแตกละเอียด ร่างของแม่ทัพฉู่หมิงฮ่าวเสียหลักร่วงลงมา “โห่ หัวหน้าจัดการมันได้แล้ว !” สมุนโจรด้านล่างพากันโห่ร้อง คิดว่าหัวหน้าของตน จัดการกับอีกฝ่ายได้แล้ว แต่คนที่โดนฝ่ามือซัดร่วง กลับดีดเท้าลอยขึ้นไป พร้อมกลับฟาดฝ่ามือสะท้อนกลับไป ปึก ตูม ! จงถิงถูกพลังลมปราณฟาดใส่เต็มอก ร่วงลงมากระแทกพื้น แล้วกระอักเลือดออกมา ฉู่หมิงฮ่าวร่อนตัวลงมา ใช้เท้าเหยียบกลางหลังของหัวหน้าโจรสลัด ชี้ปลายดาบจ่อคออีกฝ่าย “จงถิง ยอมจำนนแล้วหรือไม่” “อึก ข้าไม่ยอมแพ้!”
บทที่ 80ตอน วิวาห์ของสองเรา /2 (จบ)“ท่านแม่ ข้าง่วงแล้ว”ผิงอันอ้าปากหาว อี้หนิงเองก็เริ่มตาปรือ วันนี้พวกเขาตื่นเต้นกับงานมาก ตื่นเช้ามาแต่งตัวเข้าร่วมขบวนแห่ มาถึงก็เล่นกันในงานจนตอนนี้หมดแรงแล้ว“ง่วงก็นอนลง มาแม่ห่มผ้าให้”เด็กน้อยทั้งสองนอนลงบนเตียง ให้มารดานอนตรงกลาง ผิงอันกอดมารดาเอาหน้าซุกอกนอนหลับตาพริ้ม หลิวซืออินเกาหลังให้อี้หนิงแบบที่ทำทุกคืน ลูกชายนางขาดคนเกาหลังจะนอนไม่หลับ คืนนี้เด็กชายถูกมารดาเกาหลังจนเพลินหลับไปแล้วแกรก !เสียงประตูเปิดออก พร้อมกับร่างสูงใหญ่ในอาภรณ์สีแดง ก้าวเข้ามาในห้องหอ กว่าที่ฉู่หมิงฮ่าวจะปลีกตัวออกมาได้ ก็ถูกเพื่อนในกองทัพ พี่ชายตนเอง และพี่ชายเจ้าสาว รินเหล้าส่งให้ไม่หยุดหย่อน เขาอาศัยตัวเองคอแข็งจึงรับมือได้ไม่ยากนัก แต่ให้ดื่มจนไม่ได้เข้าหอ เขาคงกลายเป็นคนโง่ แม่ทัพหนุ่มจึงดื่มบ้างแอบเทรดแขนเสื้อบ้าง แสร้งทำเมามายจึงมีโอกาสได้เข้าหอเสียทีภายในห้องหอเทียนแดงมงคลจุดให้ความสว่างเหลือเพียงครึ่งแท่งแล้ว สุรามงคลบนโต๊ะรอเจ้าบ่าวเจ้าสาว มาคล้องแขนดื่มกิน เจ้าสาวคนงามสวมชุดวิวาห์สีแดงนั่งรออยู่บนเตียงฉู่หมิงฮ่าวหยิบคันชั่ง เดินไปยังเตียงด้วยอารมณ
บทที่ 79 ตอน วิวาห์ของสองเรา /1 เกี้ยวเจ้าสาวสีแดง ถูกแบกออกจากหน้าประตูจวนของเสนาบดีหยาง วันนี้หยางอี้หลันบุตรีของท่านเสนาบดีออกเรือน สินเดิมของเจ้าสาวถูกจัดเตรียมไว้มากมาย สมกับเป็นลูกสาวของเสนาบดีกรมคลังการแต่งงานครั้งนี้เจ้าบ่าวคือ ฉู่หมิงฮ่าว แม่ทัพใหญ่ของแคว้นเป่ยฉี เขาเป็นบุตรชายคนรองของใต้เท้าฉู่อี้หนาน ท่านโส่วฝู่ผู้เป็นที่ไว้วางพระทัยของฮ่องเต้ แม่ทัพหนุ่มอยู่ในชุดเจ้าบ่าวสีแดงสวมหน้ากากเงินปกปิดใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง ขี่อาชาสีขาวดูสง่างาม บนนั้นยังมีร่างของเด็กชายตัวน้อยสวมชุดสีแดงนั่งอยู่ด้วย ผู้คนที่พากันมามุงดูขบวนแต่งงาน ต่างตื่นตะลึงกับรูปโฉมของเจ้าบ่าว“ท่านแม่ทัพฉู่หมิงฮ่าว สวมหน้ากากเงินปกปิดใบหน้า เพราะเขาเป็นแม่ทัพของกองทัพวายุทมิฬ คนในกองทัพนี้ล้วนลึกลับ จนถูกขนานนามว่า กองทัพปีศาจ”คนที่พากันมุงดูซุบซิบถึงเจ้าบ่าว พวกเขาได้ยินชื่อของกองทัพวายุทมิฬก็พากันกลัวตัวสั่น ได้ข่าวว่าแม่ทัพฉู่เพิ่งจัดการกับโจรสลัดที่โหดเหี้ยมผู้หนึ่งของหนานไห่ได้ ฮ่องเต้จึงพระราชทานสมรสให้แต่งกับบุตรีท่านเสนาบดีหยาง“บุตรีท่านเสนาบดีหยาง พลัดพรากจากครอบครัวตั้งแต่เล็ก ท่านแม่ทัพฉู่หมิงฮ
บทที่ 78 ตอน พบผู้มีพระคุณทั้งสอง/2ฉู่เฟยหยางเป็นฝาแฝดกับฉู่หมิงฮ่าวย่อมหน้าตาคล้ายกัน บุตรของเขาหน้าตาเหมือนบิดาทั้งคู่ จึงดูคล้ายกันเหมือนฝาแฝด แม่หนูผิงอันมองหน้าท่านพ่อกับท่านลุง แล้วมองหน้าพี่ชายตนกับลูกชายท่านลุง“โอย เหมือนกันจนข้าแยกไม่ออกแล้ว ข้าตาลายไปหมดแล้วเจ้าค่ะท่านย่า”ผิงอันน้อยเอียงหน้าซบท่อนแขนของท่านย่า พลางกรอกตาไปมา ท่าทางนั้นทำให้ทุกคนที่เห็นต่างพากันหัวเราะขบขัน หลงเสน่ห์ของแม่หนูน้อยเข้าไปแล้ว“ท่านพ่อท่านแม่ นี่คือหยางอี้หลันภรรยาข้า”หลิวซืออินเดินเข้ามาได้เห็นทุกคนในห้องกำลังหัวเราะท่าทางตลกของผิงอันพอดี เมื่อฉู่หมิงฮ่าวแนะนำนางให้ครอบครัวของเขา จึงประสานมือย่อตัวลงทำความเคารพอย่างนอบน้อม รูปร่างหน้าตาของนางทำให้ทุกคนหันมาจ้องมองอย่างสนใจ“เหมือนข้าคุ้นหน้าเจ้า”ใต้เท้าโส่วฝู่มองบุตรีของเสนาบดีหยาง พลันรู้สึกว่าเคยพบเจอสตรีนางนี้มาก่อน ฮูหยินเองก็มองจ้องหน้านาง คิ้วขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังครุ่นคิด“ท่านทั้งสองคือ... คือผู้มีพระคุณของข้ากับลูก อี้หนิงผิงอัน รีบคุกเข่าเร็ว”หลิวซืออินจำทั้งสองได้ในทันที นางไม่เคยลืมใบหน้าของผู้มีพระคุณ ที่ช่วยชีวิตนางกับลูกน้อ
บทที่ 77 ตอน พบผู้มีพระคุณทั้งสอง/1รถม้าเคลื่อนจากหน้าจวนเสนาบดีหยางแล่นไปจอดยังหน้าจวนของใต้เท้าโสว่ฝู่ หน้าประตูฉู่หมิงฮ่าวยืนรอรับภรรยากับลูกๆ เมื่อเห็นรถม้ามาจอดก็รีบเดินไปหมายจะช่วยพาหลิวซืออินกับอี้หนิงผิงอันลงมา แต่คนที่เดินลงมาก่อนกลับเป็นบุรุษผู้หนึ่งหน้าตาหล่อเหลาท่าทางสง่างาม“ท่านคงเป็นพี่ชายของภรรยาข้า คารวะท่านพี่ภรรยา”ฉู่หมิงฮ่าวรู้ว่าท่านเสนาบดีมีลูกชายคนหนึ่ง ชื่อว่า หยางเทียน เป็นพี่ชายของภรรยาเขา จึงประสานมือทำความเคารพอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม“เจ้าคือโจรชั่วที่บังอาจฉุดตัวน้องสาวข้าสินะ วันนี้ได้พบหน้าเจ้า เราคงต้องมีเรื่องพูดจากันสักหน่อย”หยางเทียนมองหน้าบุตรชายคนรองของท่านโส่วฝู่ เขาไม่เคยพบกับฉู่หมิงฮ่าวมาก่อน อีกฝ่ายเป็นแม่ทัพประจำการอยู่ค่ายทหาร คนที่เขารู้จักดีคือ ฉู่เฟยหยางบุตรชายคนโตของท่านโส่วฝู่ ตอนเด็กทั้งสองเคยเรียนสำนักศึกษาเดียวกัน โตมาถึงได้แยกย้ายไป ฉู่หมิงฮ่าวเป็นน้องชายฝาแฝดของฉู่เฟยหยาง ใบหน้าของทั้งคู่คล้ายกันมาก ต่างเพียงแววตาของฉู่หมิงฮ่าวดูแข็งกร้าวกว่าฉู่เฟยหยางเล็กน้อย“พี่เทียน ท่านโปรดละเว้นสามีข้าด้วยเถอะเจ้าค่ะ”หลิวซืออินลงจากรถม้า พร้อม
บทที่ 76 ตอน ช่วงเวลาแห่งความสุข/2ณ จวนตระกูลหยางท่านเสนาบดีหยางพาบุตรีพร้อมหลานๆ กลับมาถึงจวน ได้จัดเรือนหลังหนึ่งให้พวกเขาพัก ฮูหยินสั่งซื้อข้าวของใหม่ให้บุตรีและหลานทั้งสอง เรียกร้านเสื้อผ้าส่งช่างมาวัดตัวตัดเสื้อผ้าชุดใหม่หลายชุด ล้วนเป็นผ้าไหมชั้นดี สีสันลวดลายงดงามกว่าผ้าทั่วไป ที่สามแม่ลูกเคยสวมใส่ ร้านเครื่องประดับนำสิ้นค้าชั้นดี มาให้เลือกถึงเรือน ฮูหยินมองชิ้นไหนล้วนถูกใจไปหมด นำมาเท่าไหร่ก็ซื้อให้บุตรี จนหลิวซืออินไม่กล้ารับไว้ "ท่านแม่ ของพวกนี้ล้วนราคาแพง ท่านซื้อให้ข้ามากเกินไปแล้ว""จะแพงสักเท่าไหร่แม่ก็จะซื้อให้เจ้า ถึงเวลาออกเรือนไป จะได้เป็นสินเดิมติดตัวเจ้าไปมากสักหน่อย ท่านพ่อเจ้าเป็นถึงเสนาบดีกรมคลัง เจ้าต้องแต่งตัวให้สมฐานะบุตรีท่านเสนาบดี อย่าได้ทำให้ท่านพ่อเจ้าขายหน้า"ฮูหยินถือโอกาสอบรมบุตรี ชีวิตก่อนหน้าของหลิวซืออินเคยยากจนลำบากมามาก จึงมัธยัสถ์เห็นคุณค่าของเงินทอง จับจ่ายมากไป แพงไป ล้วนปวดใจเพราะเสียดายเงินทอง ยามนี้นางกลับคืนฐานะบุตรีของท่านเสนาบดี ของสิ่งใดควรได้ ควรหามาใช้ ต้องจัดให้สมฐานะ "ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่"หลิวซืออินรับคำมารดา ตอนนี้นา
บทที่ 75 ตอน ช่วงเวลาแห่งความสุข/1หนึ่งเดือนต่อมา เสนาบดีหยางพาบุตรีกับหลานทั้งสองเดินทางไปถึงเมืองหลวง หลิวซืออินได้กลับมาอยู่ร่วมกับครอบครัวอีกครั้งด้านฉู่หมิงฮ่าวนำเรื่องของเขากับหลิวซืออินไปบอกบิดามารดา ใต้เท้าโส่วฝู่ได้รู้เรื่องที่บุตรชายกระทำต่อบุตรีของเพื่อนรักก็โมโหยิ่งนัก ลงโทษให้เขาคุกเข่าอยู่ในศาลบรรพชนทั้งคืน ก่อนจะยอมรับปากไปสู่ขอและจัดงานแต่งให้เขาครอบครัวตระกูลฉู่กลับมาพร้อมหน้า จึงร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกัน“หากเจ้าไม่ตัดหน้าไปเสียก่อน เจ้าบ่าวของบุตรีท่านเสนาหยางคงเป็นข้า”ฉู่เฟยหยางเอ่ยเย้าน้องชาย ตัวเขาเพิ่งรักษาตาที่บอดจากการถูกลอบทำร้ายจนหายสนิท เมื่อปีที่แล้วบิดามารดาคิดทาบทามบุตรีของขุนนางหลายตระกูลให้เขาดูตัว แต่ฉู่เฟยหยางปฏิเสธบอกว่า จะแต่งกับบุตรีท่านลุงเสนาหยางตามสัญญาหมั้นหมาย เขาอาศัยเรื่องนี้ครองตัวรอดพ้นจากการถูกบังคับแต่งงานมาได้เนิ่นนาน ผู้ใดจะคิดว่าบุตรีท่านลุงหยางยังมีชีวิตอยู่ และมีความสัมพันธ์กับน้องชายฝาแฝดของตน คิดหาข้ออ้างหลบเลี่ยงงานแต่งคงยากเสียแล้ว“ท่านพี่ เรื่องอื่นข้ายอมท่านได้ แต่เรื่องนี้ข้าไม่ยอมเด็ดขาด ท่านหาสตรีคนอื่นเป็นแม่เลี้ยงให้ฉู
บทที่ 74. ตอน ครอบครัวพร้อมหน้า /2"ท่านลุงโปรดให้อภัยด้วย ข้ากับนางเราเป็นสามีภรรยากันแล้วขอรับ""อะไรนะ นี่พวกเจ้า... "ฮูหยินได้ยินก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ นางได้ยินเรื่องบุตรีถูกโจรฉุดจากเกี้ยวเจ้าสาว รู้สึกปวดใจมาก เมื่อเห็นหลานทั้งสอง จึงนึกเอ็นดูและเวทนาที่มีบิดาเป็นโจร ไม่ทันได้เตรียมใจ บุตรชายของท่านโส่วฝู่มาบอกว่าเป็นสามีของบุตรีอีก วันนี้แผ่นดินใต้ฝ่าเท้านางพลิกไปมากี่รอบแล้ว นางมึนงงไปหมด"ท่านแม่ ท่านพ่อ พวกท่านนั่งลงก่อนเจ้าค่ะ"หลิวซืออินประคองมารดาให้นั่งลง สองแฝดมาช่วยบีบนวดท่านตาท่านยายอย่างเอาใจ "ท่านลุง เดิมทีท่านก็ทราบอยู่แล้วว่า ข้าถูกลักพาตัวไปตั้งแต่ยังเล็ก ช่วงเวลาที่ข้ายังไม่ได้พบท่านพ่อ ข้าได้รับการเลี้ยงดูจากครอบครัวตระกูลหลิน แล้วมีเหตุให้บุตรชายของท่านลุงหลินกับคู่หมั้น ถูกเจ้าของบ่อนทำร้าย ข้าจึงแก้แค้นแทนพวกเขาด้วยการไปดักปล้นขบวนเจ้าสาว ฉุดตัวเจ้าสาวของคนผู้นั้นมา ครั้งนั้นข้ากับนางได้กราบไหว้ฟ้าดินเป็นสามีภรรยากัน ต่อมาเกิดเหตุกับข้าทำให้ต้องพลัดพรากจากนางไป มาพบกันอีกครั้งที่เมืองหนานไห่ นางมีบุตรฝาแฝดชายหญิงให้ข้า ตอนนี้ข้าจึงอยากสู่ขอนางต่อท่านลุ
บทที่73 ตอน ครอบครัวพร้อมหน้า /1หลิวซืออินพาบิดามารดานั่งรถม้า มาที่ร้านขายอาหารทะเลแห้งของนาง "ท่านพ่อท่านแม่เชิญด้านในเจ้าค่ะ"ย่านการค้าของเมืองหนานไห่ มีร้านค้าหลากหลาย ร้านของหลิวซืออินเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดของเมือง อีกทั้งยังมีโรงผลิตปลาเค็มและอาหารทะเลแห้งเป็นของตนเอง สินค้าจึงได้คุณภาพกว่าร้านทั่วไป มีลูกค้ามาซื้อของและสั่งสินค้าอย่างคึกคัก คนงานในร้านทำงานอย่างขยันขันแข็ง สินค้าถูกจัดวางเป็นระเบียบดูสะอาดตา แม้จะมีกลิ่นของอาหารทะเลตากแห้ง แต่ก็เป็นปกติของร้านชนิดนี้ จึงไม่ทำให้คนที่เข้ามาต้องฝืนใจทน"ร้านใหญ่โต การค้าของเจ้ารุ่งเรืองมาก""ลูกแม่ เจ้าเก่งเหลือเกิน"ท่านเสนาบดีหยางกับฮูหยิน เมื่อเห็นร้านขายอาหารทะเลแห้งของบุตรีก็พากันเอ่ยชม"เถ้าแก่เนี้ยท่านมาแล้ว ท่านเป็นอย่างไรบ้าง"นางฉีฮุ่ยรีบเข้ามาหาด้วยความดีใจ เมื่อครู่ซุนเซิงกลับมาแจ้งข่าวว่า หลิวซืออินพ้นผิดอีกทั้งยังได้พบบิดามารดาของนางด้วย "ท่านป้าฉี ข้าสบายดี อ้อ นี่คือท่านพ่อกับท่านแม่ของข้า"หลิวซืออินแนะนำให้นางฉีฮุ่ย รู้จักบิดามารดาของนาง "ท่านพ่อ ท่านแม่เจ้าคะ นี่คือท่านป้าฉีฮุ่ย หลายปีมานี้ ท่านป้าช่วยเหลื
บทที่ 72. ตอน สวรรค์เมตตาคนดี ฟ้าทอดทิ้งคนชั่ว/2"ลูกแม่ เจ้าผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนั้นมาได้อย่างไร"ผู้เป็นมารดาอยากรู้เรื่องราวของลูกสาวทั้งหมด แค่คิดว่าลูกสาวถูกโจรฉุดจากเกี้ยวเจ้าสาวไปก็ปวดใจนัก "ต่อมาข้ากราบไหว้ฟ้าดินกับโจรผู้นั้น แต่งเป็นภรรยาเขาเจ้าค่ะ เดิมคิดว่าจะมีชีวิตสุขสงบ แต่สวรรค์ไร้เมตตา สามีข้าตายจากไป หลังจากนั้นข้าจึงมาอยู่ที่หนานไห่ หวังจะใช้ชีวิตที่เหลือ แต่ข้ากลับตั้งครรภ์ คลอดบุตรฝาแฝดชายหญิง ห้าปีนี้ ข้าเลี้ยงดูลูกทั้งสอง ค้าขายปลาเค็มและอาหารทะเลแห้ง จนมีกิจการร้านขายอาหารทะเลแห้ง และโรงผลิตถึงสองแห่ง เรื่องราวชีวิตข้ามีเพียงเท่านี้เจ้าค่ะ ท่านพ่อท่านแม่"หลิวซืออินเล่าจบ แล้วก็ยิ้มให้บิดามารดา ทุกสิ่งได้เกิดขึ้นและผ่านไปแล้ว วันนี้นางได้พบบิดามารดา สามีที่คิดว่าตายจากก็กลับมาหา มีลูกทั้งสองเป็นดังแก้วตาดวงใจ นางพอใจมากแล้ว"ลูกพ่อ เจ้ายอดเยี่ยมมาก จะมีสตรีสักกี่คนทำได้ดีเช่นเจ้า พ่อภูมิใจในตัวเจ้า"ท่านเสนาบดีชื่นชมบุตรี เรื่องราวของนางทำให้คนเป็นบิดารู้สึกทึ่ง สตรีตัวเล็กคนหนึ่งต้องเผชิญเคราะห์กรรมสาหัสเพียงนี้ แต่สามารถพาตัวเองผ่านพ้นมาได้อย่างเข้มแข็ง มีชีวิต