Share

บทที่ 1867

Penulis: จุ้ยหลิงซู
อ๋องเจวี้ยนกับพระชายาอยู่ในเมืองเจ้อกับผู้ป่วยเหล่านี้มานานมาก พวกเขาก็ไม่ต้องหวังว่าจะกลับเมืองหลวงได้เลย

องค์จักรพรรดิไม่มีทางให้พวกเขากลับไป

อ๋องเจวี้ยนจะถูกขังอยู่ในเมืองเจ้อ ต่อให้ไม่ตายก็ต้องขังเขาไว้ให้ตาย

"ท่านขุนพลฉลาดยิ่งนัก"

"ประจบประแจงน้อยๆ หน่อย ไฟกับน้ำมันทางหุบเขานั่นเตรียมพร้อมแล้วหรือยัง?"

"เตรียมพร้อมแล้วขอรับ!" ขุนพลน้อยเอ่ยขึ้น มุมปากกระตุกอย่างอดไม่อยู่ พอคิดถึงเรื่องที่จะเกิดหลังจากนี้ เขาก็อดใจสั่นวาบไม่ได้

"องค์จักรพรรดิมีราชโองการ ประชาชนที่ติดโรคร้ายพวกนั้นจะปล่อยไว้ไม่ได้ นี่เป็นการคิดเพื่อประชาชนที่มากกว่า เสียสละส่วนน้อยเพื่อปกป้องส่วนมาก นี่จึงจะเป็นจักรพรรดิที่ชาญฉลาด"

"ขอรับ ฝ่าบาทชาญฉลาดนัก"

ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวกลับมาถึงหอเมือง อันเหนียนเองก็เข้ามาแล้ว

"โจวติ้งเจินพูดอะไรบ้าง? คงไม่ใช่เรื่องดีแน่สินะ?" อันเหนียนถาม

ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวมือสั่นระริก

"เขาจะให้ข้าส่งคนป่วยทั้งหมดออกจากเมืองเจ้อ ไปให้เขาจัดการทิ้ง"

"เขาจะจัดการอย่างไร"

ในใจอันเหนียนรู้สึกไม่ค่อยดี ตอนที่เขามาถึงก็เพิ่งได้เห็นบัญชี มีทั้งหมดสามพันหนึ่งร้อยคน

คนมากขนาดนี้ จะจั
Bab Terkunci
Lanjutkan Membaca di GoodNovel
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1868

    ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวได้ยินคำพูดอันเหนียน ชั่วขณะหนึ่งก็พูดไม่ออกอันที่จริงในใจเขาชัดเจนดี ต่อให้จะไล่คนป่วยในเมืองเจ้อเหล่านี้ออกไปตายข้างนอก พวกเขาที่อยู่ที่นี่ ก็ไม่มีทางกลับไปเมืองหลวงได้เช่นกันต่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ก็ยังต้องให้เมืองเจ้อยังคงอยู่ต่อไปอีกพักหนึ่ง เพื่อยืนยันวาไม่มีโรคระบาดแล้วอันเหนียนอยู่ที่นี่มานาน ต่อให้จะกลับไปได้ องค์จักรพรรดิก็คงหาวิธีไล่เขาออกจากเมืองหลวง แล้วไปหารังที่อื่นให้เขาอยู่จะยอมให้เขาอยู่ในราชสำนักต่อได้อย่างไร? อยู่ใกล้จักรพรรดิขนาดนี้ จักรพรรดิกลัวจะตายพอคิดถึงจุดนี้ ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวก็รู้สึกสิ้นหวังขึ้นมา"ศิษย์พี่คิดหาวิธีดีกว่า คนป่วยสามพันคนนั้น จะต้องส่งออกไปจริงไหม"อันเหนียนเห็นสีหน้าท้อแท้สิ้นหวังของผู้บริหารท้องถิ่นโหยว ก็รู้สึกทนไม่ไหวขึ้นมาแต่พวกเขาก็อยู่ในสถานการณ์นี้ด้วยผู้บริหารท้องถิ่นโหยวกับอันเหนียนหันไปมองเซียวหลันยวนพร้อมกันเซียวหลันยวนมองไปนอกเมืองเงียบๆ โจวติ้งเจินยังคงนั่งอยู่บนหลังม้า มองมาทางนี้อย่างชัดเจนมองกันจากระยะไกล เซียวหลันยวนรู้สึกได้ถึงการประชดประชันของโจวติ้งเจินโจวติ้งเจินเองก็น่าจะก

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1

    ณ เมืองหลวง แคว้นเจาบนถนนที่คึกคักหญิงสาวที่สวมชุดงดงามนางหนึ่งกำลังนำทหารหลายคนของนางไปดักขบวนแห่เจ้าสาวขบวนหนึ่งอย่างดุดัน“หลีกไป นี่คือคุณหนูใหญ่จากตระกูลของหมอเทวดาหลี่ หากว่าพวกเจ้าทำให้คุณหนูไม่พอใจระวังจะเดือดร้อน!” ผู้คนที่กำลังเดินอยู่บนถนนต่างพากันรีบหลีกทางให้ในทันที ด้วยกลัวว่าจะถูกลูกหลง เหล่าชาวเมืองมองไปที่ขบวนแห่เจ้าสาวที่ถูกตกแต่งด้วยความรู้สึกเห็นใจ “นี่เจ้าสาวจากตระกูลไหนกันเนี่ย? ไปทำอะไรให้คุณหนูใหญ่ตระกูลหลี่ขัดใจกัน?”“เจ้าไม่รู้หรือ? วันนี้เป็นวันแต่งงานของรัชทายาทเซียวกับคุณหนูตระกูลฟู่ คนที่นั่งอยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวนั่นก็ต้องเป็นคุณหนูฟู่นั่นแหละ”โครม เกี้ยวเจ้าสาวถูกทหารของตระกูลหลี่ใช้กำลังบังคับให้หยุดลง หลังจากที่เกี้ยวเจ้าสาวเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง ก็ได้ยินเสียงตุ๊บดังออกมา คล้ายจะเป็นเสียงของศีรษะที่กระแทกอะไรสักอย่าง“ไปเอาตัวฟู่จาวหนิงมา! แล้วก็ไปถอดชุดเจ้าสาวของนางทิ้งซะ!”คุณหนูใหญ่ตระกูลหลี่ชี้นิ้วไปยังเกี้ยวเจ้าสาวก่อนจะสั่งออกมาอย่างวางอำนาจ ทันใดนั้นทหารรับใช้ก็วิ่งไปแล้วยื่นมือไปเปิดม่านบังเกี้ยวเจ้าสาวทันทียายเฒ่าผู้ดูแลพิธีที่ยืนอยู่ด้านข้

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 2

    สมองจาวหนิงผุดภาพร่างกายที่อ่อนแอของผู้เฒ่าฟู่ขึ้นมาฟู่จาวหนิงกับรัชทายาทเซียวเดิมทีมีการหมั้นหมายอยู่ สุขภาพผู้เฒ่าฟู่เองก็ย่ำแย่ลงทุกวัน ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือสามารถเห็นหลานสาวแต่งเข้าจวนตระกูลเซียวได้อย่างราบรื่น ได้มีที่พึ่งพิงในภายภาคหน้า แต่ตระกูลเซียวก็ไม่ยอมเอ่ยเรื่องงานมงคลเสียทีช่วงนี้อาการป่วยของผุ้เฒ่าฟู่ก็ทรุดลงอย่างรวดเร็ว เขาเป็นลมหมดสติอยู่บ่อยครั้ง พอตื่นขึ้นมาก็จะคว้ามือของนางและกังวลเรื่องงานแต่ง ฟู่จาวหนิงก็ร้อนรน ดังนั้นแต่ละวันจึงเอาแต่เซ้าซี้รัชทายาทเซียว หลังถูกปฏิเสธมาหลายครั้ง นางจึงหยิบยกเอาคุณงามความดีที่บิดามารดาของนางเคยช่วยชีวิตองค์รัชทายาทไว้ออกมาให้องค์จักรพรรดิประทานจัดงานแต่งงานให้รัชทายาทเซียวก็ถูกบีบจนต้องจำใจยอมรับการแต่งงานกับฟู่จาวหนิงเซียวเหยียนจิ่งเองก็เป็นบุรุษรูปงามอันดับต้นๆ ในเมืองหลวงจริงๆ คิ้วกระบี่ดวงตาดอกท้อ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากเชิด รูปหน้ายอดเยี่ยม ร่างสูงโปร่ง เสื้อคลุมสักหลาดพอดีตัวดูสูงส่ง ขับเน้นร่างของเขาออกมาจนตัวดูเป็นคนแต่นิสัยเป็นสุนัขเสียอย่างนั้นไม่แปลกที่หลี่จื่อเหยาหลงใหลเขามาตลอดพอคิดถึงสถาน

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 3

    เสียงโครมดังขึ้น เซียวเหยียนจิ่งรู้สึกว่าเลือดถูกต้มจนเดือดปุดขึ้นมาถึงกระหม่อม"ฟู่!จาว!หนิง!"เขากัดฟันเอ่ยชื่อฟู่จาวหนิงออกมาทีละคำๆนางกล้าดีอย่างไร จึงกล้ามาหยามหมิ่นเขาเช่นนี้?ชาวบ้านรอบๆ ก็ล้วนตาโตพูดไม่ออกกันหมด จากนั้นจึงมองพวกเขาทั้งสองและพยักหน้าเห็นด้วยแบบไม่รู้ตัว พวกเขารู้สึกว่าสิ่งที่คุณหนูฟู่พูดออกมานั้นถูกต้องเซียวเหยียนจิ่งจ้องนางอย่างเกลียดชัง "ฟู่จาวหนิง เจ้าอย่ามาเสียใจภายหลังแล้วกัน! ข้าตอนนี้จะคอยดู ว่าเจ้าจะไสหัวกลับไปอย่างไร! เจ้าอย่าลืมว่าปู่ของเจ้า ตอนนี้เขาก็เหมือนจะเหลือแค่ลมหายใจเฮือกสุดท้ายแล้วสินะ เจ้าเชื่อไหมว่าพอเจ้าเหยียบเข้าประตูจวนไปและเขารู้ว่าเจ้าถูกถอนหมั้น เขาคงขาดใจตายทันทีแน่?"ฟู่จาวหนิงจ้องเขาตาลุกโชนเซียวเหยียนจิ่งเจ้าผู้ชายขยะ ป่านนี้แล้วยังจะมาคุกคามนางอีก!แต่ฟู่จาวหนิงก็รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นไม่ผิดเลย ผู้เฒ่าฟู่เวลานี้คงทนรับเรื่องแรงๆ ไม่ไหวเซียวเหยียนจิ่งพอเห็นนางไม่โต้กลับ ก็หัวเราะเสียงเย็นขึ้นมา "แล้วก็ที่เจ้าหยามหมิ่นรัชทายาทอย่างข้าวันนี้ ข้าจดจำไว้หมดแล้ว เจ้าอย่าได้หวังว่าจะหาสามีได้อีก"เขาจะคอยดูว่าตระกูลไหนจะก

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 4

    "จวนอ๋องเซียว?"ชายหนุ่มในรถม้าพอลิ้มรสสามคำนี้ น้ำเสียงก็เปลี่ยนทันควัน "ไสหัวไปไกลๆ"เซียวเหยียนจิ่งตะลึงงันด้วยโทสะ รู้ถึงตัวตนฐานะเขาแล้ว แต่กลับยังไล่ให้เขาไสหัวไป?"ไม่ได้ยินที่ท่านอ๋องพูดหรือ?" ทหารตบลงที่หัวม้า ม้างามก็ยกเท้าหน้าขึ้นทันที ถีบพัดเซียวเหยียนจิ่งออกไปอย่างแรง"อ๊า!"เซียวเหยียนจิ่งถูกม้าถีบจนปลิว ตกกระแทกลงไปที่หน้าหลี่จื่อเหยาพอดี นางรีบร้อนเข้าไปประคองตัวเขา "พี่เซียว!"นางกระโจนตัวขึ้น ถลึงตาไปทางรถม้าด้วยความโกรธ "อ๋องเจวี้ยนอะไรกัน! คุณหนูอย่างข้าไม่เห็นจะเคยได้ยิน ขนาดพี่ชายองค์รัชทายาทก็ยังรักข้ายอมให้ข้ามาตลอด แล้วเจ้าสูงส่งกว่าท่านพี่องค์รัชทายาทหรือ? ข้าจะบอกเจ้านะ บิดาข้าคือหมอเทวดาหลี่!"ทหารที่เดิมทีชักกระบี่ออกมาแล้วพอได้ยินคำว่าหมอเทวดาหลี่ ท่าทางก็หยุดลงทันที เขาหันหน้าไปมองฟู่จาวหนิง ลังเลขึ้นมา"อ๋องเจวี้ยนจะเสียเวลาอีกไม่ได้ โทษของเจ้าคนโง่ที่ไม่เคารพต่อท่านอ๋อง ข้าจะสั่งสอนนางแทนท่านอ๋องเอง"ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นเสียงขรึม กระชากกระบี่ของทหารออกมา สาวเท้าขึ้นหน้าไปทางหลี่จื่อเหยา ชูกระบี่ แสงเย็นวาบ เสียงแควกดังขึ้น หลี่จื่อเหยารู้สึกหน้าอ

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 5

    แม่เฒ่าประคองมือของนาง ตื่นเต้นจนเสียงสั่นพร่าไปหมด"พระชายา ท่านเดินดีดีหน่อยสิ ไอ๊หยาท่านดูสิ พรมแดงก็ปูมาอยู่หน้าเกี้ยวเจ้าสาวแล้ว ที่ประตูยังมีขบวนสาวรับใช้อยู่อีก แต่งกันด้วยเสื้อผ้าใหม่เอี่ยม นั่นสิเรียกว่าความสุข!""แต่คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเวลาเพียงแค่นี้ จวนอ๋องเจวี้ยนก็จัดการไว้หมดแล้ว"ฟู่จาวหนิงถูกประคองเข้าประตู และได้ยินเสียงตื่นเต้นของแม่เฒ่าพูดกับนางมาตลอดทาง ในใจก็ประหลาดใจอย่างมากเช่นกันหลังจากที่อ๋องเจวี้ยนรับปากจะแต่งงานบนถนน ระหว่างทางพวกเขาคงจะสั่งคนให้รีบกลับไปถ่ายทอดคำสั่งที่จวนอ๋องอย่างแน่นอน จากนั้นจึงจัดการตระเตรียมขึ้นมาให้ตายเถอะ นางประเมินอ๋องเจวี้ยนคนนี้ต่ำไปใช่ไหมนะกอดความสงสัยนี้ ฟู่จาวหนิงถูกประคองมาถึงโถงรับแขกกลางสวนดอกไม้แห่งหนึ่ง จากนั้นมีสาวใช้สองคนเดินเข้ามารับช่วงต่อจากยายเฒ่าผู้ดูแลพิธีการ"ข้าน้อยเฝิ่นซิงคารวะพระชายา""ข้าน้อยหงจั๋วคารวะพระชายา"เสียงหญิงสาวทั้งสองใสกังวาน หลังจากคารวะต่อฟู่จาวหนิงแล้วจึงอธิบายสถานการณ์กับนาง"พระชายา เวลานี้โถงพิธีการกับห้องหอกำลังจัดเตรียม ท่านอ๋องต้องไปเปลี่ยนชุดมงคล ข่าวการแต่งงานต้องเข้าวังเพื

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 6

    "ท่านอ๋อง ท่านเป็นอะไรไหม?"ชิงอีหันไปมองอ๋องเจวี้ยนอย่างตึงเครียด"ลากออกไป" อ๋องเจวี้ยนสีหน้าไร้อารมณ์"ขอรับ!"แม่นมทั้งสองคนยังคิดจะตะโกน แต่ก็ถูกกดจุดขมับแล้วลากออกไปชิงอีจึงหมุนตัว มองไปยังใบหน้าของอ๋องเจวี้ยนผาดหนึ่งอย่างรวดเร็ว และก็มองเห็นด้านหลังอ๋องเจวี้ยนมีฟู่จาวหนิงยื่นหัวออกมา รู้สึกสงสัยอย่างหนักหญิงสาวที่ชิงกระบี่จากมือเขาได้อย่างรวดเร็ว แต่พอเจอกับแม่นมสองคนกลับปอดแหกขึ้นมาหรือ?แต่ว่าพอเขาคิดอีกทีก็ไม่แปลก ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นคนของฮองเฮา ฟู่จาวหนิงจะกล้าลงมือกับคนของฮองเฮาได้อย่างไร"ท่านอ๋อง จะกราบไหว้ฟ้าดินไหม" เขาถามขึ้นฟู่จาวหนิงพอได้ยินเขาถามเช่นนี้ก็เดินออกมาจากด้านหลังอ๋องเจวี้ยน "ดังนั้น พวกเจ้าที่แท้ไม่คิดจะกราบไหว้ฟ้าดินหรอกหรือ?"ชิงอีนิ่งงัน แต่สายตาที่มองนางกลับตกตะลึงขึ้นมาเขาคิดว่าฟู่จาวหนิงที่ไม่กรีดร้องเมื่อครู่ เพราะว่านางยังไม่เห็นใบหน้าของท่านอ๋อง แต่ตอนนี้นางกลับมองท่านอ๋องด้วยสีหน้าปกติ เห็นได้ชัดว่ามองเห็นแล้วนางไม่กลัวแผลเป็นของท่านอ๋องหรือ?"กราบไหว้ฟ้าดิน พิธีแต่งงานใหญ่" อ๋องเจวี้ยนมองฟู่จาวหนิงอย่างลึกซึ้ง "เจ้าแน่ใจว่าจะไ

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 7

    คำพูดของไทเฮาไม่มีใครได้ยินและตอนที่ฮองเฮาเห็นอ๋องเจวี้ยนในชุดมงคลเดินเข้ามา ดวงตาก็มีเงามืดทมึนหลั่งทะลักของชั้นต่ำที่นังแพศยานั่นคลอดออกมา จะแต่งงานมีพระชายาแล้ว!ไม่ ฝันไปเถอะ!พิธีวันนี้ นางจะล่มมันเสีย!ฮองเฮาคิดในใจ ใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมา เอียงหน้าไปเอ่ยกับองค์จักรพรรดิเสียงแผ่วเบาว่า "องค์จักรพรรดิมักจะกังวลเรื่องสุขภาพของอ๋องเจวี้ยน ดูเอาเถิด อ๋องเจวี้ยนไม่ใช่ว่าเติบโตมาสูงใหญ่หล่อเหลาหรอกหรือ?"อายุสั้นอะไรกัน ทำไมไม่เห็นว่าจะดูอายุสั้นตรงไหน?องค์จักรพรรดิหัวเราะร่า "แม้จะบอกว่าอายวนจะดูคล้ายกับไท่ซ่างหวงตอนหนุ่มก็เถอะ แต่พอดูแบบนี้พวกเราพี่น้องก็ดูคล้ายกันอยู่พอควรนะ"พอได้ยินองค์จักรพรรดิพูดถึงไท่ซ่างหวง ฮองเฮาก็แค้นจนเข็ดฟันนี่เป็นเพราะเจ้าคนชั้นต่ำนี่หน้าตาคล้ายกับไท่ซ่างหวง ดังนั้นตั้งแต่เล็กจึงถูกไท่ซ่างหวงปกป้องไว้ หลายต่อหลายครั้งก็จัดการเขาไม่ได้เสียทีไท่ซ่างหวงกลัวว่าเขาที่ร่างกายอ่อนแอพอโตมาจะแย่งอะไรกับใครไม่ไหว ก่อนหน้าที่จะตายถึงกับทิ้งโองการไว้ให้แก่เขา รอจนเขาเติบโตกลายเป็นผู้ใหญ่ พอรับพระชายา ก็จะมีคนนำของขวัญชิ้นใหญ่มามอบให้กับเขากระทั่งองค์จั

Bab terbaru

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1868

    ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวได้ยินคำพูดอันเหนียน ชั่วขณะหนึ่งก็พูดไม่ออกอันที่จริงในใจเขาชัดเจนดี ต่อให้จะไล่คนป่วยในเมืองเจ้อเหล่านี้ออกไปตายข้างนอก พวกเขาที่อยู่ที่นี่ ก็ไม่มีทางกลับไปเมืองหลวงได้เช่นกันต่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ก็ยังต้องให้เมืองเจ้อยังคงอยู่ต่อไปอีกพักหนึ่ง เพื่อยืนยันวาไม่มีโรคระบาดแล้วอันเหนียนอยู่ที่นี่มานาน ต่อให้จะกลับไปได้ องค์จักรพรรดิก็คงหาวิธีไล่เขาออกจากเมืองหลวง แล้วไปหารังที่อื่นให้เขาอยู่จะยอมให้เขาอยู่ในราชสำนักต่อได้อย่างไร? อยู่ใกล้จักรพรรดิขนาดนี้ จักรพรรดิกลัวจะตายพอคิดถึงจุดนี้ ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวก็รู้สึกสิ้นหวังขึ้นมา"ศิษย์พี่คิดหาวิธีดีกว่า คนป่วยสามพันคนนั้น จะต้องส่งออกไปจริงไหม"อันเหนียนเห็นสีหน้าท้อแท้สิ้นหวังของผู้บริหารท้องถิ่นโหยว ก็รู้สึกทนไม่ไหวขึ้นมาแต่พวกเขาก็อยู่ในสถานการณ์นี้ด้วยผู้บริหารท้องถิ่นโหยวกับอันเหนียนหันไปมองเซียวหลันยวนพร้อมกันเซียวหลันยวนมองไปนอกเมืองเงียบๆ โจวติ้งเจินยังคงนั่งอยู่บนหลังม้า มองมาทางนี้อย่างชัดเจนมองกันจากระยะไกล เซียวหลันยวนรู้สึกได้ถึงการประชดประชันของโจวติ้งเจินโจวติ้งเจินเองก็น่าจะก

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1867

    อ๋องเจวี้ยนกับพระชายาอยู่ในเมืองเจ้อกับผู้ป่วยเหล่านี้มานานมาก พวกเขาก็ไม่ต้องหวังว่าจะกลับเมืองหลวงได้เลยองค์จักรพรรดิไม่มีทางให้พวกเขากลับไปอ๋องเจวี้ยนจะถูกขังอยู่ในเมืองเจ้อ ต่อให้ไม่ตายก็ต้องขังเขาไว้ให้ตาย"ท่านขุนพลฉลาดยิ่งนัก""ประจบประแจงน้อยๆ หน่อย ไฟกับน้ำมันทางหุบเขานั่นเตรียมพร้อมแล้วหรือยัง?""เตรียมพร้อมแล้วขอรับ!" ขุนพลน้อยเอ่ยขึ้น มุมปากกระตุกอย่างอดไม่อยู่ พอคิดถึงเรื่องที่จะเกิดหลังจากนี้ เขาก็อดใจสั่นวาบไม่ได้"องค์จักรพรรดิมีราชโองการ ประชาชนที่ติดโรคร้ายพวกนั้นจะปล่อยไว้ไม่ได้ นี่เป็นการคิดเพื่อประชาชนที่มากกว่า เสียสละส่วนน้อยเพื่อปกป้องส่วนมาก นี่จึงจะเป็นจักรพรรดิที่ชาญฉลาด""ขอรับ ฝ่าบาทชาญฉลาดนัก"ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวกลับมาถึงหอเมือง อันเหนียนเองก็เข้ามาแล้ว"โจวติ้งเจินพูดอะไรบ้าง? คงไม่ใช่เรื่องดีแน่สินะ?" อันเหนียนถามผู้บริหารท้องถิ่นโหยวมือสั่นระริก"เขาจะให้ข้าส่งคนป่วยทั้งหมดออกจากเมืองเจ้อ ไปให้เขาจัดการทิ้ง""เขาจะจัดการอย่างไร"ในใจอันเหนียนรู้สึกไม่ค่อยดี ตอนที่เขามาถึงก็เพิ่งได้เห็นบัญชี มีทั้งหมดสามพันหนึ่งร้อยคนคนมากขนาดนี้ จะจั

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1866

    โจวติ้งเจินจ้องมองผู้บริหารท้องถิ่นโหยว สายตากวาดผ่านสือลิ่วสือชีแต่เขาก็ไม่ได้บอกอะไรสือลิ่วสือชี แต่ส่งเสียงเย็นชาออกมาอีก "ผู้บริหารท้องถิ่นโหยว ตอนนี้คนป่วยในเมืองมีเท่าไร? เจ้าในฐานะข้าราชการดูแลเมืองเจ้อ ก็น่าจะมีทำสถิติไว้สิ?"ผู้บริหารท้องถิ่นโหยว ยังคงหวังลมๆ แล้งๆ อยู่ "ตอนนี้ประชาชนกับผู้ประสบภัยที่ติดโรคระบาดมีแค่สามพันคน...""สามพันคน!"โจวติ้งเจินถามต่อ "นอกจากสามพันคนนี้ ประชาชนที่เหลือไม่ได้ติดโรคจริงหรือ?""ถูกตรวจรักษาไปแล้ว และมีการกักตัวแยกออกจากคนอื่นแล้ว แต่ว่าตอนนี้หมอฟู่ค้นคว้า....""เช่นนั้นตอนนี้ข้าจะแจ้งราชโองการของฝ่าบาท ใต้เท้าโหยว ภายในหนึ่งชั่วยาม จงไล่สามพันคนนั้นไปที่หุบเขา!" โจวติ้งเจินตัดบทเขาอีกครั้งผู้บริหารท้องถิ่นโหยวใจสั่นกึก"ขุนพลโจว พวกเขาล้วนป่วยกัน จะไล่ไปที่หุบเขาทำไม? ที่นั่นไม่มีกินมีดื่ม แล้วก็ไม่มียา แล้วยังหนาวเย็นอีก...""นี่ไม่ใช่เรื่องที่ใต้เท้าโหยวต้องมากังวล! ใต้เท้าโหยวจัดการมาเกือบเดือน กลับทำให้คนป่วยมีมากขึ้นเรื่อยๆ คนที่ป่วยตายก็มากขึ้นเรื่อยๆ! เจ้าควรจะคิดได้แล้วว่าจะไปรับโทษกับฝ่าบาทอย่างไร! ตอนนี้เอาสามพันคนนั

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1865

    สายตาเขาแหลมคม แผ่แสงเย็นวาบ ตอนที่มองคนก็ทำให้รู้สึกว่าเขาชักกระบี่ออกมาสังหารได้ตลอดเวลาว่ากันว่าคนมากมายล้วนหวาดกลัวโจวติ้งเจิน ตอนนี้พอเห็นสภาพเขา ก็ดูจะมีพลังที่ทำให้คนหวาดกลัวอยู่จริงๆผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเดิมทีไม่ได้กลัวโจวติ้งเจินในอดีตแม้พวกเขาจะไม่ลงรอยกันในราชสำนัก ต่างฝ่ายต่างไม่เห็นด้วยกับอีกฝ่าย แต่ก็ไม่ได้มีผลประโยชน์ที่ขัดแย้งอะไรกัน ถึงอย่างไรคนหนึ่งก็บู๊คนหนึ่งก็บุ๋น ห่างกันพอควรแต่ตอนนี้เบื้องหลังของเขา มีประชาชนและครอบครัวของเมืองเจ้อทั้งเมืองผู้บริหารท้องถิ่นโหยวจึงเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาพอควรมีจุดอ่อน ก็จะเกิดความกลัวได้"ขุนพลโจว ท่านนำทหารตั้งมากมายมาเมืองเจ้อด้วยเจตนาอะไร?" ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเอ่ยถามขึ้นก่อน"องค์จักรพรรดิรู้ว่าประชาชนเมืองเจ้อติดโรคร้าย ระบาดรุนแรง แพร่กระจายทั่วเมือง ไม่มียารักษา"โจวติ้งเจินเสียงกังวาน ฟังแล้วมีการบีบคั้นเขาจ้องผู้บริหารท้องถิ่นโหยว เอ่ยถามต่อว่า "เรื่องนี้ เป็นจริงหรือไม่? ทำไมเจ้าจึงไม่เขียนรายงานองค์จักรพรรดิทันที""ข้าเขียนหนังสือราชการส่งไปวังหลวงแล้วสี่ครั้ง! ตอนนี้ในเมืองหลวงมีคนป่วยจริง แต่ว่า..."

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1864

    อันเหนียนเองก็โกรธจนเส้นเลือดแทบจะแตกเขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าองค์จักรพรรดิจะทำแบบนี้!เมืองเจ้อใหญ่ขนาดนี้ คิดจะทอดทิ้งก็ทิ้งเลยรึ!"รีบประคองข้าไปที่หอเมือง" อันเหนียนเองก็ตามไปด้วย เขาจะอยู่แต่ในนี้ไม่ได้เซียวหลันยวนมาถึงบนหอเมืองแล้ว ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวรีบเข้ามารับ "ท่านอ๋อง!""สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?""ทหารห้าพันนาย! พวกเขาเข็นปืนใหญ่มาด้วย!" ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวโกรธจัดจริงๆเมืองเจ้อส่งส่วยให้ทุกปีไม่เคยขาด ส่งเข้าคลังหลวงตรงเวลามาตลอด ตำแหน่งภูมิศาสตร์นี้ ก็ถือได้ว่าคอยคุ้มกันแทนเมืองหลวงอยู่ ส่งเส้นเลือดชีพจรเข้าไปให้ องค์จักรพรรดิต่อให้ใช้หัวเข่ามาคิด ก็จะทิ้งเมืองเจ้อไม่ได้!ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น?เซียวหลันยวนยืนอยู่บนกำแพงเมืองลมพัดหวิว เขามองฝั่งตรงข้ามใต้กำแพงเมือง แม่ทัพที่นั่งอยู่บนหลังม้าอย่างองอาจ"โจวติ้งเจิน"โจวติ้งเจิน เป็นแม่ทัพที่ดุดันคนหนึ่ง แล้วยังเป็นพวกค่อนข้างป่าเถื่อน มนุษยสัมพันธ์ในราชสำนักแย่มาก แต่เพราะเขาจงรักภักดีสุดๆ กับองค์จักรพรรดิ องค์จักรพรรดิมีเจตนาไหน ไม่ว่าจะไร้เหตุผลเพียงใด โจวติ้งเจินก็สามารถทำตามราชโองการได้อย่างเคร่งครัดตรงไ

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1863

    หยวนอี้ท้ายสุดก็ยังบาดเจ็บตามไปด้วย ที่เอวถูกอาวุธลับยิงเข้ามา เกือบจะเอาตัวไม่รอดหลังจากกลับถึงเมืองหลวง ทั้งสองคนก็สลบไปและในช่วงสิบวันนี้ คนป่วยในเมืองเจ้อก็เพิ่มมากขึ้นมหาศาล ตายไปอีกชุดใหญ่ในช่วงที่ตึงเครียดที่สุด ยาของฟู่จาวหนิงในที่สุดก็สกัดออกมา ผ่านการใช้ยาไปหลายวัน ก็หยุดยั้งการคุมไม่อยู่ของโรคไว้ได้คนที่ป่วยตายเกือบร้อยคน แต่ว่า ท้ายสุดโรคก็ถูกควบคุมไว้ได้แล้วคนทั้งหมดล้วนถอนใจยาวโล่งอกแต่ตอนนี้เอง คำสั่งลับขององค์จักรพรรดิก็ส่งมาถึงเมืองเจ้อและที่มาด้วยกันยังมีทหารชั้นดีอีกห้าพันนายคืนนี้ ทหารชั้นดีล้อมเมืองเอาไว้ ในมือมีคบเพลิง ยังมีคนง้างธนูเพลิงเล็งมาที่เมืองเจ้อด้วยแสงไฟนอกเมืองเหล่านี้ แน่นอนว่าถูกเหล่าทหารคุ้มครองเมืองพบเข้าพวกเขารีบมารายงานผู้บริหารท้องถิ่นโหยวอย่างเร่งด่วนผู้บริหารท้องถิ่นโหยวพอได้ยิน เส้นที่ตึงในใจมาหลายวันนี้ก็แทบจะขาดออกจากกัน"มาแล้ว มาจริงๆ แล้ว!"องค์จักรพรรดิคิดจะทิ้งเมืองเจ้อจริงๆ! แล้วนี่จะทำอย่างไรกัน?จะเผาเมืองไหม?"รีบไปเชิญอ๋องเจวี้ยนมา!"ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเอ่ยขึ้น ส่วนตนเองก็รีบพุ่งไปที่หอเมืองยืนบนหอเม

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1862

    ตอนที่รถม้าออกจากเมืองเจ้อได้ครึ่งชั่วยาม ฟู่จาวหนิงเพิ่งวุ่นไปได้ช่วงหนึ่ง จากนั้นจึงเพิ่งพบว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกับเฉินเซียงหายไปนางไปหาเซียวหลันยวน เซียวหลันยวนกลับไม่รู้สึกเกินคาด"ข้าหลับตาข้างหนึ่งปล่อยพวกนางออกไป"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคิดว่าจะหลบองครักษ์ของเขาพ้น"ทำไมล่ะ?"ฟู่จาวหนิงไม่ค่อยเข้าใจทำไมถึงอยากจะปล่อยองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหนีไป?"ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าอาการของนางดีขึ้นมากแล้ว""ท่านให้ข้าให้ยานางดีดีในช่วงสุดท้ายนี้"ดังนั้น นางจึงฉีดยาพิเศษให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น อาการป่วยองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตอนนี้ก็ดีขึ้นมากแล้วจริงๆ โอกาสจะระบาดน้อยมากแล้วนางยังคิดว่าเซียวหลันยวนรู้สึกว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจะมาตายที่นี่ไม่ได้เสียอีก ดังนั้นจึงพยายามรักษานางอย่างเต็มที่ แต่ตอนนี้ดูท่า เขาจะรู้อยู่แล้วว่านางจะออกไป แล้วยังปล่อยให้นางออกไปด้วย?"องครักษ์ลับของฝ่าบาทต้าชื่อมาถึงแล้ว ข้าไม่อยากให้พวกเขาลอบเข้ามาในเมืองเจ้อ ดังนั้นจึงพยายามส่งคนออกไป"เซียวหลันยวนไม่ใช่คนที่ใจดีนัก "หลังจากออกไป จะหนีการจับกุมฝ่าบาทต้าชื่อได้หรือเปล่า ก็ต้องดูโชคของนางแล้ว แล้วก็..."เซียว

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1861

    "แคว้นหมิ่นในเมื่อรู้ข่าวแล้วจะช้าเร็วก็คงส่งมาถึงต้าชื่อกับแคว้นเจา ก็สู้ส่งพวกเราออกมาเจรจาร่วมมือก่อนไปเลยดีกว่า"เซียวหลันยวนถามเสียงเรียบ "ดังนั้นพวกเจ้าจึงมาเจรจาร่วมมือ? ร่วมมือว่าจะแบ่งสันปันส่วนตงฉิงกันอย่างไรน่ะหรือ?""ถูกต้อง พวกเราเลือกแคว้นเจาก่อน เป็นการพิจารณาทุกด้าน เพราะแคว้นเจาอยู่ใกล้ตงฉิงหน่อย แคว้นเจายังมีตัวตนอย่างอ๋องเจวี้ยน ขณะเดียวกันก็ยังมี..."หยวนอี้พูดถึงจุดนี้แล้วชะงักไปแต่เซียวหลันยวนกลับเข้าใจความหมายเขาขึ้นมา "ยังมีพระชายาของข้าอยู่หรือ?"หยวนอี้ยอมรับอันเหนียนใจสะดุ้งโหยงคิดไม่ถึงว่าฟู่จาวหนิงจะเป็นส่วนหนึ่งที่แคว้นหมิ่นนำมาพิจารณาในเรื่องนี้ด้วย"พวกเจ้าต้องการวิชาแพทย์ของนางหรือ?" เซียวหลันยวนถามเขาเองก็ไม่ได้เผยอารมณ์ของตนเองออกมามากนัก หลังจากได้ยินเรื่องเหล่านี้แล้วโกรธหรือไม่มีปฏิกิริยาใด ก็ไม่ให้หยวนอี้ได้มองออก"วิชาแพทย์ของแคว้นหมิ่นตอนนี้แทบจะอยู่ในกำมือของตระกูลซุน" หยวนอี้ก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะให้พวกเขาได้รู้สถานการณ์ของแคว้นหมิ่น "ตระกูลซุนเป็นตระกูลหมอชั้นสูงที่มีชื่อที่สุดของแคว้นหมิ่น ด้วยเหตุนี้ มีหลายเรื่องที่พวกเขาเป็นคนตัด

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1860

    เกี่ยวข้องกับตงฉิง?ตงฉิงอีกแล้วเหรอ?ใต้หน้ากากเซียวหลันยวน สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทำไมช่วงนี้เรื่องหลายเรื่องก็เกี่ยวกับตงฉิงไปหมด? ทำให้เขาแอบรู้สึกเหมือนเป็นตาข่ายผืนใหญ่ กำลังกางมาทางเขาและเขาก็อยู่ในกลางตาข่ายยักษ์นั่นอันเหนียนมองเซียวหลันยวน เอ่ยถามหยวนอี้ขึ้นอย่างสงบ"ตงฉิงไม่ใช่ว่าล่มสลายไปแล้วหรือ?""แต่ว่า สิ่งที่พวกท่านไม่รู้ก็คือ มีความลับหนึ่งเกี่ยวกับตงฉิง ตอนนั้นตงฉิงอันที่จริงมีกลไกการป้องกันตนเองอยู่ แม้จะบอกว่าล่มสลาย แต่อันที่จริงก็แค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น กลไกใหญ่เมืองหลักในจุดต่างๆ พอสะสมพลังถึงระดับหนึ่ง ก็จะทำงานขึ้นมา""พอกลไกทำงาน อุโมงค์และถนนหลักจะเปิดระบบระบายน้ำดินตะกอน แล้วเมืองจักรพรรดิก็จะปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง""หลังจากเมืองจักรพรรดิปรากฏขึ้นอีกครั้ง และตอนที่กลุ่มดาวบนท้องฟ้าเคลื่อนย้าย ดาวจักรพรรดิกลับสู่ตำแหน่งเดิม ภูมิประเทศกลับสู่ตำแหน่งที่แน่นอน คลังสมบัติจะปรากฏ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีภูเขาแร่ล้ำค่าอีกหลายลูกที่จะปรากฏด้วย"พอได้ยินหยวนอี้พูดเช่นนี้ อันเหนียนก็อดตกตะลึงไม่ได้"ดังนั้น ความหมายของเจ้าก็คือ พอถึงวันนั้น ตงฉิงที่แม้จะไม่มีคนอ

Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status