ฟู่จาวหนิงจับใบหน้าเซียวหลันยวนไว้ เอาหน้าผากแนบหน้าผากเขาไว้"อ๋องเจวี้ยนเห็นข้าสำคัญขนาดนี้เชียว?""ห้ามเย่อหยิ่ง" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นฟู่จาวหนิงหัวเราะขึ้นมา "แต่ทำอย่างไรได้? ข้าเองก็เย่อหยิ่งเอาเรื่องเสียด้วย"ด้านนอกเสี่ยวเยว่เคาะประตู"ท่านอ๋อง กับข้าส่งมาแล้ว" เสียงของชิงอีดังขึ้นมาจนตอนพวกเขาเอากับข้าวเข้ามา ฟู่จาวหนิงเหลือบมองไปบนโต๊ะ ตาก็เป็นประกายขึ้นทันทีนางไม่ได้กินผัดผักกับเนื้อปกติมาเกือบเดือนแล้ว!ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีขนมอบร้อนๆ มาด้วยแล้วยังมีรังนกพุทราแดงอีกหม้อหนึ่ง ดูเหมือนจะหวานละไมเลยทีเดียว"ทำไมถึงเอารังนกมาด้วยล่ะเนี่ย?"เซียวหลันยวนดึงนางลงนั่ง "รู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่คงไม่มีอะไรดีดีกิน แน่นอนว่าต้องเอามามากหน่อย"เสี่ยวเยว่ไปจุดเทียน ในห้องสว่างขึ้นมา อาหารบนโต๊ะนั่นดูแล้วน่าอร่อยมากฟู่จาวหนิงเข้าใจถึงอาการอยากกินก่อนหน้านี้ของเสี่ยวเยว่ขึ้นมาเลย ขนาดนางที่บางครั้งมีนมมีคุ๊กกี้กิน พอเห็นอาหารพวกนี้ก็ยังอดน้ำลายสอไม่ได้"รีบกินเถอะ เอาแป้งสาลีกับข้าวมาหลายกระสอบ อย่าเสียดายที่จะกินเชียว"ถึงแม้เขาจะไม่สนว่าผู้ประสบภัยจะได้กินอะไร แต่ก็ยังต้องส
ฟู่จาวหนิงไม่มีคำจะมาทัดทานนางไม่ได้คิดถึงมุมนี้จริงๆ!เดิมทียังกังวลว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจะเอาอะไรเข้ามาหาเขา ทำให้เขาลำบากใจ ผลคือคิดไม่ถึงว่าเขาไม่ได้เดินทางที่ถูกต้องเลยถูกเซียวหลันยวนพูดเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงก็ไม่ถือทิฐิกับเรื่องนี้แล้วนางอยากจะให้เซียวหลันยวนออกจากเมืองเจ้อวันพรุ่งนี้ แต่เซ๊ยวหลันยวนไม่รับปาก""ข้าเคลื่อนกำลังพลทหารมา แน่นอนว่าเพื่อมาคุยจับตาดูที่นี่ วางใจเอะ แม้จะมีแค่หกร้อยนาย แต่พวกเขาก็ไม่ใช่พวกไก่กา เมืองเจ้อวุ่นวายขึ้นมาไม่ได้แน่""แล้วก็ เงินสำหรับบรรเทาภัยก็จะมีด้วย วัตถุดิบยาเองก็เช่นกัน"เซียวหลันยวนพูดคำนี้อย่างมีเรี่ยวมีแรงฟู่จาวหนิงได้ยินแล้วก็เชื่อว่าเขาพูดได้ทำได้แน่นอน"ที่เจ้าต้องทำก็คือสิ่งที่ตัวเองถนัด ค้นคว้าตำรับยาออกมา รักษาเจ้าโรคนี้ให้ได้ จากนั้นก็รีบกลับไป เจ้าคงไม่ได้อยู่ในเมืองเจ้อนี้ทั้งชีวิตหรอก"เขาเองก็จะไม่ให้นางอยู่ที่นี่ตลอดเหมือนกันปัญหาของเมืองเจ้อจะต้องถูกแก้ไขแน่นอน"แต่ข้าพูดเช่นนี้ เจ้าเองก็เลิกกดดันได้แล้ว วิชาแพทย์ของเจ้าดีมาก แต่โรคภัยบนโลกใบนี้ก็มีอยู่นับร้อยพัน เจ้าเป็นแค่คนคนเดียว ไม่ใช่เทพเซียน ต้องมีโร
อ๋องเจวี้ยนมาหาพระชายาโดยเฉพาะแบบนี้ แต่คืนแรกที่มาถึง เขากลับมาเรียกพระชายาออกไป นี่มันผิดกับอ๋องเจวี้ยนมากเลยไม่ใช่หรือ?ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวตอนนี้ไม่กล้ามองอ๋องเจวี้ยนแล้วโดยเฉพาะอ๋องเจวี้ยนที่เคลื่อนกำลังทหารหัวกะทิหกร้อยนายเข้ามา หัวกะทิหกร้อยนายยังไม่พอ ถ้าเขายังยืมตัวพระชายาไปอีก นี่มันหายนะชัดๆ"ไปเถอะ ข้าไปหยิบกล่องวัตถุดิบยาก่อน"ฟู่จาวหนิงคิดๆ "แล้วก็ ข้าจะพาหมอไปอีกสองคนคอยช่วยเหลือ""ลำบากหมอฟู่เสียแล้ว" ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวสัมผัสได้ถึงสายตาที่ตกอยู่บนตัวตนเอง ทำเอาเขาแอบเหงื่อตกเลยทีเดียว"ทำไมอยู่ที่นี่เแต่เรียกหาหมอฟู่ล่ะ?" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นเสียงเรียบฟู่จาวหนิงมีปฏิกิริยาขึ้นมา ว่ายังไม่ได้บอกกับเขาเลย"ที่นี่ข้าคือหมอใหญ่น่ะ เรียกแบบนี้ข้าเองจะสะดวกกว่า อายวน คืนนี้ท่านนอนไวไวนะ ไม่ต้องรอข้า"เซียวหลันยวนลุกขึ้นมา"ข้าจะไปกับเจ้าด้วย""อ๋า?!" ตอนนี้ขนาดผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเองก็ยังสะดุ้งโหยงขึ้นมา "ท่านอ๋อง นี่น่าจะไม่เหมาะกระมัง!""ไม่เหมาะอย่างไร?" เซียวหลันยวนเหลือบมองเขา"ที่นั่นมีแต่คนป่วย แล้วโรคนี้มันระบาดได้ง่ายมาก ประชาชนที่นั่นก็ติดกันไปหล
ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเทน้ำ พิจารณามองเขาผาดหนึ่ง "ใกล้ๆ บ้านของตาเฒ่าอู๋มีประชาชนติดโรคมาอีกหลายคน มาเชิญหมอฟู่เข้าไปดูน่ะ""มีคนติดอีกแล้วหรือ?" อันเหนียนชะงักไป"ใช่ ดูท่าครั้งนี้จะควบคุมได้ยากแล้วจริงๆ" ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเองก็แรงกายแรงใจอ่อนล้าหน่อยๆ แล้วเช่นกัน"อ๋องเจวี้ยนนำวัตถุดิบยากับกำลังคนมาไม่น้อยเลย วัตถุดิบยาหลังจากนี้เขาจะคิดหาวิธี มีเขาอยู่ อย่างน้อยท่านก็วางใจมาได้ครึ่งหนึ่งแล้ว"อันเหนียนปลอบเขา เพราะถ้าอ๋องเจวี้ยนยินดีจะลงมือจริง พวกเขาก็ลดแรงกดดันไปได้ครึ่งหนึ่งเลยจริงๆ"ข้ารู้ ไม่เช่นนั้นตอนนี้ข้าก็คงไม่มีเวลามาคิดมาบอกกับเจ้าแบบนี้หรอก"เหออันเหนียนอยากจะขอบคุณเขา"ข้ามาเชิญพระชายาไปรักษาคนเหล่านั้น" ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเล่าเรื่องการจัดการของตนเองขึ้นรอบหนึ่ง ถอนหายใจ "แต่ว่าอ๋องเจวี้ยนจะติดตามไปด้วย"อันเหนียนเองก็ตกตะลึง แต่พอคิดแล้วก็พอเข้าใจความคิดเซียวหลันยวนอยู่"เช่นนั้นตอนนี้ท่านจะเข้ามาบอกอะไรข้า?""เจ้ากับอ๋องเจวี้ยนไม่ใช่เพื่อนกันหรือ? เจ้าค่อนข้างเข้าใจตัวเขา ข้าแค่อยากจะถามว่า อ๋องเจวี้ยนไปด้วยแบบนี้ ถ้ามีเรื่องอะไรขึ้นมา จะมาโทษที่ตัวข
ฟู่จาวหนิงให้ข้าราชการที่คุ้มกันอยุ่เปิดประตู"หมอฟุ่ พวกเราคุ้มกันอยู่ด้านนอกน่าจะไม่ถูกระบาดใส่สินะ?" มีข้าราชการถามนางขึ้นมาฟู่จาวหนิงมองออกถึงความกลัวของเขา"ไม่เข้าไปสัมผัสใกล้ๆ ก็จะไม่ติด พวกเจ้าปิดปากปิดจมูกไว้แล้วกัน จำไว้ว่าตอนกลับไปเปลี่ยนกะก็ดื่มยาน้ำป้องกันไว้หน่อย แล้กว็ อย่าไปตากลมเย็นล่ะ"ตอนนี้ก็ทำได้แค่พยายามทำเรื่องเหล่านี้ให้ได้มากที่สุด ถ้าหากกลัวติดโรคระบาดแล้วไม่สนใจคนป่วยเหล่านี้ ผลที่ตามมาจะยิ่งหนักหนาแน่นอนข้าราชการอีกคนเอ่ยว่า "กลัวอะไรล่ะ หมอฟู่ยังเข้าไปรักษาพวกเขา นางยังไม่กลัวเลย"พวกเขาเป็นชายทั้งแท่งยังสู้หมอฟู่ไม่ได้หรือ?ฟู่จาวหนิงมองไปทางหมอหลิน เขาเองก็สวมหน้ากากปิดปากกับชุดคลุมไว้แล้ว แบกกล่องยาของเขาอยุ่"หมอหลินกลัวไหม?""ถ้าจะบอกว่าไม่กลัวก็เป็นไปไม่ได้ แต่ในฐานะหมอจะไม่สนใจคนป่วยพวกนี้ไม่ได้ ข้าจะติดตามพระชายาไปเอง" หมอหลินตอบวันนี้ตอนบ่ายเขายุ่งอยู่กับฟู่จิ้นเชินไปครึ่งวัน เจอกับคนป่วยพวกนั้นบ้างแล้วตอนแรกก็ยังกลัวจริงๆ แต่ว่ามีป้าหนิวอยู่ เขาเองก็มั่นใจในยาของฟู่จาวหนิงด้วยเช่นกันป้าหนิวทังครอบครัวป่วยตายไปห้าคน เหลือนางแค่คนเด
"ท่านลุงคนนั้น ท่านเข้ามาก่อนเลย" ฟู่จาวหนิงชี้นิ้ว อาเหอก็ไปประคองลุงที่เป็นไข้จนหน้าแดงก่ำคนนั้นเข้ามาคนป่วยคนอื่นพอเห็นอาเหอกล้าประคองพวกเขา ส่วนฟู่จาวหนิงก็จับชีพจรให้คนไข้โดยตรง ไม่ได้มองพวกเขาเป็นเหมือนตัวโรคระบาด จึงทำให้พวกเขาผ่อนคลายลงมาได้หลังจากฟู่จาวหนิงจับชีพจรแล้วก็รีบให้หมอหลินหยิบยา แล้วให้อาเหอไปช่วยต้มยาในห้อง"หมอหลินเองก็ดูสิ ชีพจรแบบนี้ของเขา..."ฟู่จาวหนิงเองก็คุยกับหมอหลินขึ้นมา บอกถึงความแตกต่างของไข้หวัดใหญ่กับไข้หวัดทั่วไป แล้วให้หมอหลินดูที่ตากับลิ้นของคนป่วย"ปกติแล้วโรคแบบนี้ จะมีความร้อนสูงตามมา อุณหภูมิในร่างกายจะสูงมาก ต้องระวังให้ดี หลังจากนี้หลายคนจะมีอาการไอ และไม่หยุดง่ายๆ ดังนั้นเวลาจ่ายยาต้องระวังจุดนี้เป็นพิเศษ...""การพูดกับการหายใจของพวกเขามีโอกาสที่จะระบาดได้ทั้งหมด แล้วก็การสัมผัสบริเวณมือ หลังจากสัมผัสกับเชื้อโรคแล้วไปขยี้ตาหรือหยิบจับของมากิน ก็อาจจะเพิ่มความเสี่ยงในการระบาด ดังนั้นจะต้องระมัดระวังเรื่องสุขอนามัยเป็นพิเศษ...""สำหรับคนป่วยที่ไออย่างรุนแรงไปแล้ว ตอนที่จับชีพจรก็ยังต้องคอยระวังว่าที่ปอดมีการระบาดหรือไม่ สามารถฟังจากเส
ชายแก่คนนี้แม้จะสลบไปแล้ว แต่มือของเขากลับยังคงกำฟู่จาวหนิงไว้แน่น ราวกับกลัวว่านางจะหนีไปอย่างไรอย่างนั้นฟู่จาวหนิงลองดึงมือออกมา แต่ชายแก่ก็กำไว้แน่นมาก ถ้าหากฝืนออกแรงดึง นางกลัวว่าถุงมือตนเองจะถูกดึงออกมาหลักๆ คือนางรู้สึกประหลาดใจหน่อยๆนางไม่รู้เลย ว่าตอนนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพาเฉินเซียงกับองครักษ์ หาบ้านชายชราในฝันเจอแล้วอย่างยากลำบาก"องค์หญิงใหญ่ หาพบแล้วจริงๆ!"เฉินเซียงตื่นเต้นมากพวกเขาหาบ้านหลังนี้เจอจริงๆ ตามเบาะแสในฝันขององค์หญิงใหญ่ บ้านหลังนี้เหมือนกับในฝันขององค์หญิงใหญ่ไม่ผิดเพี้ยน อธิบายว่าฝันครั้งนี้ก็ยังเป็นเรื่องจริงองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตื่นเต้นมากเพราะนี่แสดงว่านางจะได้เจอกับชายชราคนนั้นแล้ว สามารถนำกล่องใบนั้นจากเขาได้ เช่นนี้นางก็สามารถเอาของไปพบอ๋องเจวี้ยนได้แล้วยังไม่พูดถึงเรื่องอื่น อย่างน้อยก็ให้อ๋องเจวี้ยนพานางกลับเมืองหลวง เรื่องที่จะให้นางเข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยนก็น่าจะคุยกันได้กระมังนางเองก็รู้ ถ้าหากจะรีบให้อ๋องเจวี้ยนแต่งงานกับนาง แล้วปกป้องนางแบบนี้ มันเป็นไปไม่ได้แล้วถ้าจะต่อต้านกับฝ่าบาทต้าชื่อ นางเองก็ต้องมีอะไรมากกว่านี้แต่สามารถ
"แล้วเขาไปหาตาเฒ่าอู๋ทำไมกัน?" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถาม "หมอเทวดาฟู่อยู่ที่นั่นหรือ?"เฉินเซียงเอ่ยขึ้น "องค์หญิงใหญ่ พวกเราตอนที่เพิ่งออกมาเมื่อครู่ เหมือนได้ยินพวกเขาพูดว่า หมอเทวดาฟู่จะพาคนไปรักษาคนป่วยใหม่ที่บ้านของประชาชนอะไรสักอย่าง""เช่นนั้นก็น่าจะเป็นบ้านของตาเฒ่าอู๋ทางนั้น!"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นลนลานขึ้นมา "แล้วทำอย่างไรดี? ลุงหวังทำไมถึงไปเจอกับนางเล่า? ถ้าเผื่อ เขาเอาเจ้าสิ่งนั้นให้หมอเทวดาฟู่ไปจะทำอย่างไร?""ไม่หรอกกระมัง? เขาเองก็ไม่รู้จักหมอเทวดาฟู่นี่นา""แต่ของสิ่งนั้นเดิมทีเขาก็จะมอบให้อ๋องเจวี้ยนอยู่แล้ว ถ้าเขารู้ว่าหมอเทวดาฟู่เป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน นั่นมันจะไม่..."ไปบรรจบเจอกันแล้วหรือ?พอได้ยินองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพูดเช่นนี้ เฉินเซียงก็ลนลานไปด้วยเช่นกันนี่ก็มีเหตุผลอยู่!แล้วจะทำอย่างไรเล่า?"องค์หญิงใหญ่ จะให้หมอเทวดาฟู่ได้ของไปไม่ได้!"ถ้าหากของถูกฟู่จาวหนิงส่งไปให้อ๋องเจวี้ยน อ๋องเจวี้ยนก็จะรู้สึกว่าฟู่จาวหนิงต่างหากที่เหมาะกับเขา? ถึงอย่างไรเดิมทีอ๋องเจวี้ยนก็ชอบหมอเทวดาฟู่อยู่แล้ว ถึงตอนนั้นจะยิ่งรู้สึกว่านางดีมากขึ้นไปอีก สามารถจำโชคลาภมาให้เขาได้เช่
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้