พอเห็นว่ามือของเป่าเยว่กำลังจะแตะโดนตัวเซียวหลันยวน ฟู่จาวหนิงก็เบี่ยงหลบทันทีนางเอ่ยขึ้นว่า "เอาล่ะ ข้าจะแบไพ่แล้ว อันที่จริงข้าเป็นพวกขี้หึง จิตใจคับแคบ ไม่อยากให้หญิงสาวคนอื่นมาร่วมแบ่งความสุขกับยวนยวนของข้า พระชายารองไม่ได้ อนุภรรยาก็ไม่ได้เช่นกัน!"ไทเฮาถลึงตามอง "เจ้า เจ้าเจ้าเจ้าพูดอะไร?"องค์จักรพรรดิคิ้วถึงกับกระพือขึ้นมา "ขี้หึง?!"ฮองเฮาปิดปาก พูดอะไรไม่ออกเป่าเยว่กลับตะลึงงันมองนาง มือที่ยื่นออกมาก็นิ่งค้างกลางอากาศไปแล้ว"ถูกต้อง ข้าเป็นคนขี้หึง ดังนั้นไม่อนุญาตให้ยวนยวนของข้าอภิเษกพระชายารองและรับภรรยาด้วย เรือนหลังของจวนอ๋องเจวี้ยนมีข้าแค่ได้คนเดียว"ฟู่จาวหนิงคิดในใจ ถึงอย่างไรเซียวหลันยวนก็สลบอยู่ ไม่ได้ยินคำพูดของนางหรอก เอาให้สุดๆ ไปเลยแล้วกัน"ยิ่งไปกว่านั้นยวนยวนก็ยังมีใจให้ข้ามากด้วย เขาเล่าให้ฟังแล้ว เรื่องที่ถูกพิษไปเมื่อตอนเด็ก ยังยืนยันไม่ได้ว่าท่านแม่ข้าเป็นผู้ทำ บางทีท่านแม่ข้าอาจจะถูกใส่ร้ายก้ได้! จะว่าไป ตอนนั้นข้าเองก็ยังคลานยังพูดไม่เป็นด้วยซ้ำ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับข้า เขาไม่สนใจ แต่ยังดีกับข้ามาโดยตลอด!"ฟู่จาวหนิงมองพวกเขา พูดเสียดูเป็นเ
สองคนเอ่ยขึ้นพร้อมกันฟู่จาวหนิงเห็นรอยยิ้มที่มุมปากเซียวหลันยวน รู้ขึ้นมาทันทีว่าตนเองถูกหลอกเสียแล้ว!"เซียวหลันยวนท่านนี่มันสุนัขจริงๆ" นางด่าเข้าให้ถึงกับแกล้งสลบเชียว! ยิ่งกว่านั้นยังแกล้งเสียเหมือนเปี๊ยบ!ใช่ผู้ชายไหมเนี่ย? ให้นางต้องแบกมาตั้งครึ่งค่อนทาง!"สุนัข?" เซียวหลันยวนนั่งขึ้นมา จัดระเบียบตัวเล็กน้อย "ถ้าข้าไม่แกล้งสลบ ในจวนอ๋องคงจะมีหญิงสาวเพิ่มมาอีกสามคนคอยแย่งชิงความเอ็นดูจากข้าแล้ว เจ้าไม่ใช่พวกขี้หึงใจคับแคบอยากจะครองข้าไว้คนเดียวหรอกหรือ?""ไร้ยางอาย!"แกล้งสลบแล้วยังแอบฟังนางพล่ามอีกฟู่จาวหนิงโมโหจนถลึงตาใส่เขาหลายครั้ง"ข้าไม่รู้เลยนะ ว่าความสัมพันธ์ของพวกเราใกล้ชิดขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร เมื่อครู่เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ" ้เขาถามขึ้นอย่างยั่วเย้ายวนยวน?หรือว่า "ยวนยวนของข้า" ?ฟู่จาวหนิงหน้าร้อนผ่าว ใบหูแดงระเรื่อสมองของนางถูกสุนัขเล่นงานเอาเสียแล้ว!"ท่านหุบปากไปเลย!""เช่นนั้นหลังจากนี้ตอนที่พวกเราแกล้งทำเป็นรักกัน ข้าต้องเรียกเจ้าว่าหนิงหนิง? เจาเจาไหม?"ฟู่จาวหนิงสะบัดตัว "ทำไมยังทำตัวน่ารังเกียจแบบนี้?"ชิงอีที่อยู่ด้านนอกพอได้ยินสองคนทะเลา
ฟู่จาวหนิงไม่ขยับ และไม่คิดที่จะตอบแทนเซียวหลันยวนแต่ว่านางกลับรู้สึกว่าเสียงนี้ดูคุ้นหูเหลือเกินตอนนี้เอง หญิงสาวคนนั้นก็เอ่ยขึ้นอีกว่า "พี่เขย ข้าคือน้องสาวของท่านพี่จาวหนิง ข้าชื่อหลินอี๋เจิน"พรวดฟู่จาวหนิงเกือบจะสำลักพี่เขย?หลินอี๋เจิน? น้องสาว?นางนึกออกแล้ว เหมือนว่านางจะมีลูกพี่ลูกน้องหญิงอยู่คนหนึ่ง ตระกูลหลิน ก็คือบ้านเกิดของฟู่หลินซื่อแม่ของนางแต่หลังจากที่ฟู่หลินซื่อหายตัวไป ตระกูลหลินยังมาอาละวาดกับผู้เฒ่าฟู่เสียยกใหญ่ ตระกูลหลินด่ากราดผู้เฒ่าฟู่ บอกว่าจะต้องเป็นฟู่จิ้นเชินที่ไปก่อความเดือดร้อน จากนั้นก็ผลักความผิดมาให้ฟู่หลินซื่อ จนทำให้ตระกูลหลินของพวกเขาเกือบถูกล้างตระกูลไปหลายปีมานี้ ตระกูลหลินก็แทบจะไม่ติดต่อกับตระกูลฟู่เลยผู้เฒ่าฟู่เคยบอกกับนางไว้ ให้นางไม่ต้องไปขร้องจากตระกูลหลิน หลายครั้งที่พบกับคนตระกูลหลินที่ภายนอก พวกเขาล้วนเชิดคางไม่แม้แต่จะสบตามองนางแล้วก็เดินผ่านไปหลินอี๋เจินคนนี้ไม่เคยเรียกนางว่าพี่สาวมาก่อนเลย ตอนนี้ขนาดคำว่าพี่เขยก็ยังพูดออกมา"น้องสาวเจ้าหรือ?" เซียวหลันยวนมองฟู่จาวหนิง"น่าจะใช่?"ชิงอีที่อยู่ด้านนอกเอ่ยขึ้น "พระชา
เซียวหลันยวนมองกล่องนั่นเขาคิดไม่ถึงเลยว่าไหมใจโลหิตที่พวกเขาลงทุนลงแรงไปตั้งมากมายก็ยังไม่ได้มา แต่ฟู่จาวหนิงกลับได้มาอย่างรวดเร็วไหมใจโลหิตบินเร็วมาก ถ้าแค่ทำมันตกใจ ตอนที่มันไม่ยอมหยุดก็จะจับได้ยากมากแต่ว่านักบุญหญิงของเผ่าโม๋ลั่วมีวิธีเข้าใกล้และทำให้ไหมใจโลหิตหยุดลง นี่จึงเป็นสาเหตุที่เขาให้ความสนใจไห่ฉางจวิ้น"ท่านกลับมาก็เพราะจะเข้าร่วมพิธีเดิมพันโอสถนี่ใช่ไหม? บนพิธีน่าจะมียาที่ท่านต้องการอยู่กระมัง?"ฟู่จาวหนิงถามจบก็เห็นเซียวหลันยวนนิ่งงัน นางก็รู้ทันทีว่าตนเองเดาถูกแล้วเซียวหลันยวนมองนาง "ไป๋ซวงจำแนกยาได้เก่งมาก พิธีเดิมพันโอสถครั้งนี้ ข้าจึงวางแผนจะให้นางเข้าร่วม ดังนั้นก่อนหน้าจึงไม่ได้ลงโทษนาง"ฟู่จาวหนิงตกตะลึงไป"ท่านกำลังอธิบายกับข้าหรือ?"เซียวหลันยวนพอเห็นดวงตาที่ตาขาวตาดำแยกกันชัดเจนของนางจู่ๆ ก็รู้สึกไม่เป็นสุข แต่ไหนแต่ไรเขาไม่มีนิสัยอธิบายกับใครมาก่อน แต่เมื่อครู่ไม่รู้ทำไม กลับต้องพูดขึ้นมากับนางคำหนึ่งอย่างอดไม่อยู่"นี่คือไหมใจโลหิต มอบให้ท่าน"ฟู่จาวหนิงยื่นกล่องส่งให้เขาเซียวหลันยวนรับไป ไม่ได้เปิดออกดู"ท่านไม่คิดจะเปิดดูหน่อยหรือ? ไม่กล้ว
จังหวะที่ไป๋ซวงเห็นไหมใจโลหิตก็อดตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้ นางดีใจจนลืม เงยหน้าขึ้นมองเซียวหลันยวน เอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า "ท่านอ๋อง นี่คือไหมใจโลหิต!"ตอนนี้เอง ไหมใจโลหิตถูกทำให้ตกใจ สยายปีกจะบินออกจากกล่อง"อ๊า ไม่นะ!"ไป๋ซวงตกตะลึง รีบร้อนปิดฝาลงมา แต่ก็ช้าไปแล้วก้าวหนึ่งน่าจะพูดว่าความเร็วของไหมใจโลหิตเร็วกว่าที่นางคิดเอาไว้มาก เพียงพริบตาก็บินออกไปแล้ว"ปึง"ไป๋ซวงตกใจจนโยนกล่องทิ้งยื่นมือเข้าคว้าตัวไหมใจโลหิต แต่มือของนางก็แตะไม่โดนแม้แต่ปีกเซียวหลันยวนสีหน้าเองก็เปลี่ยน พอเห็นว่าบินไปอย่างรวดเร็ว ก็ยื่นมือออกคว้าไหมใจโลหิตด้วยเช่นกันนิ้วของเขาแตะโดนปีกของไหมใจโลหิต แต่ก็ยังคงจับมันไม่อยู่ มันมุดลอดออกมาจากร่องนิ้ว และบินขึ้นสูงไปอีกไป๋ซวงร้อนรนจนแทบจะร้องไห้ รีบพุ่งไปจับคว้าแต่ทั้งสองคนไล่จับอยู่พักหนึ่ง ก็เหมือนเสียแรงเปล่า เห็นแต่ภาพคงค้างจากการที่ไหมใจโลหิตตัวนั้นบินได้เร็วมาก จนทำเอาพวกเขาไล่ตามจนหายใจหายคอไม่ทันเซียวหลันยวนเลือดลมปั่นป่วน นั่งลงมาเขาเดิมทีก็ร่างกายอ่อนแอเพราะมีพิษอยู่แล้ว รับกิจกรรมที่รุนแรงไม่ไหวไป๋ซวงกระโดดเหยงขึ้นลงคว้าอยู่พักหนึ่ง พอเห
นางกระพริบตาปริบ มองไปทางไป๋ซวง "เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าก็เปิดประตูไสหัวไปได้แล้ว"ไป๋ซวงตาแดงเถือกมองเซียวหลันยวนเซียวหลันยวนได้สติกลับมา สีหน้าเคร่งขรึม "พระชายาให้เจ้าไสหัวไป ไม่ได้ยินหรือ?"ไป๋ซวงร้องไห้ลุกขึ้นมา หมุนตัววิ่งออกไปด้านนอก"รอจงเจี้ยนกลับมาแล้วจงไปรับการโบยเสียสิบที" พอเสียงของเซียวหลันยวนลอดถึงหูนาง เท้านางก็ลื่นจนเกือบจะล้มลงพื้นไป๋ซวงร้องไห้เจียนตายอยู่แล้วท่านอ๋องถึงกับลงโทษนาง แล้วยังโหดเหี้ยมขนาดจะลงโทษโบยนางถึงสิบทีด้วย!ถ้าโบยลงมาสิบที บนตัวนางจะยังขาวสะอาดผุดผ่องอีกไหม?ไป๋ซวงร้องไห้วิ่งออกไปฟู่จาวหนิงผลักกล่องส่งไปเบื้องหน้าเซียวหลันยวน "ให้ท่าน หลังจากนี้ถ้ามันยังบินหนีอีก ข้าไม่รับผิดชอบจับให้แล้วนะ""เอาไว้กับเจ้าก่อนเถอะ" เซียวหลันยวนลูบจมูก "ช่วยรักษาให้ข้าไว้ก่อนได้ไหม?""ฝากหรือ?" ฟู่จาวหนิงเลิกคิ้ว "ก็ไม่ใช่จะไม่ได้ จะฝากไว้นานแค่ไหน?""จนกว่าพิธีเดิมพันโอสถจะเสร็จสิ้น""หนึ่งวันค่าฝากสิบตำลึง" ฟู่จาวหนิงยื่นมือออกมาเซียวหลันยวนตะลึงงันค่าฝาก?"พวกเราเดิมทีก็เกี่ยวข้องกันด้วยความร่วมมือกับการแลกเปลี่ยนนี่ ไม่มีเหตุผลที่ข้าจะต้องช่วยท่
สองวันนี้ในเมืองหลวงมีคนมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดมีคนจากด้านนอกเข้ามามากมายในกระแสคนที่เดินทางบนถนน คนที่แต่งตัวด้วยชุดเครื่องประดับต่างๆ ก็มากมาย ยิ่งไปกว่านั้นโรงเตี๊ยมต่างๆ ก็แทบจะพักกันเต็ม โรงเตี๊ญมที่ตำแหน่งดีหน่อย สองวันก่อนก็แขวนป้ายว่าที่พักเต็มไปนานแล้วโรงแรมโรงน้ำชาก็ล้วนมีแขกมาพักกันเต็มร้านรวงบนถนนก็มีหัวการค้ากัน ล้วนเติมสินค้าเพิ่มเข้าไป และมีคนมากมายที่แบกตะกร้าออกมาขายกินทานเล่นบางส่วนกันด้วยฟู่จาวหนิงหาตาเฒ่าจี้อยู่สองวันกว่าจะเจอยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นจงเจี้ยนที่ช่วงนางหาจนเจอตาเฒ่าจี้พักอยู่ในเรือนที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง ตอนที่ฟู่จาวหนิงมาถึง ด้านในก็มีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นอย่างกับกำลังรื้อบ้านฟู่จาวหนิงในมือหิ้วขนมข้าวเหนียวถั่วแดงกับแตงน้ำตาลที่เพิ่งซื้อมาจากข้างทาง เดินเข้าไปเคาะประตูคนด้านในเหมือนจะได้ยินเสียงเคาะประตู แต่กลับมีเสียงร้อนรนเสียงหนึ่งดังลอดออกมาจากร่องประตู"คนของโรงหมอเมตตาหน้าไม่อายเสียจริง! โรงหมอเมตตาเวลานี้เปลี่ยนไปเสียแล้ว ไม่ใช่โรงหมอเมตตาเหมือนอดีตอีกแล้ว! พวกเขาตอนนี้ลืมความตั้งใจเดิมตอนสถาปนาโรงหมอเมตตาเสียแล้วหรือ? พันธมิตร
นางยื่นมือมากดจุดชีพจรที่หน้าอกของตาเฒ่าจี้ ถ้าคุมแรงได้พอดี จะช่วยให้เขาหายใจได้คล่องขึ้นบ้างรอจนมีคนรินน้ำเข้ามา ฟู่จาวหนิงก็ยิบเอาผงยาถุงเล็กใบหนึ่งออกมาเทเข้าไปในน้ำ เขย่าๆ เตรียมจะป้อนให้กับตาเฒ่าจี้นี่คือยาที่นางสกัดขึ้นเอง เพิ่มกำลังวังชาคอยปกป้องหัวใจ ก่อนหน้านี้มีลูกพี่หลายคนเข้ามาจองเพื่อจะซื้อกับนางด้วย"ช้าก่อน นี่มันยาอะไรของเจ้าน่ะ?"ข้างๆ มีชายหนุ่มกลางคนคนหนึ่งรีบเข้ามาขวางนางไว้ ให้นางดูอาการยังพอว่า แต่ให้นางป้อนยากับผู้อาวุโสจี้ พวกเขารู้สึกน่ากังวลใครจะรู้ว่านี่มันยาอะไร?"เป็นยาที่เพิ่มกำลังวังชาและปกป้องหัวใจ" ฟู่จาวหนิงยื่นแก้วไปด้านหน้าเขา "เจ้าจะลองดื่มดูก่อนไหม?"ชายหนุ่มชะงักยานี่ลองดื่มกันด้วยหรือ?"เจ้าเป็นใครพวกเราก็ยังไม่รู้ ถ้าเจ้าให้ผู้อาวุโสจี้ดื่มอะไรมั่วซั่วลงไปล่ะ"ผู้อาวุโสจี้เองก็ฟื้นขึ้นมาตอนนี้พอดี ค่อยๆ ลืมตาขึ้นก็เห็นกับฟู่จาวหนิง ดวงตาเขาเพ่งสมาธิ จากนั้นก็ลิงโลดขึ้นทันที "ศิษย์ของข้า?"ศิษย์?นี่คือศิษย์ที่ผู้อาวุโสจี้เพิ่งรับมาเช่นนั้นหรือ?คนเหล่านี้ตกตะลึงขึ้นทันที"ดื่มนี่ลงไปเสีย" ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกเล็กๆ ประคองตัวเขาข
ฟู่จาวหนิงปรับปรุงสูตรยา ใช้วัตถุดิบยาที่หาได้ทั่วไปบางส่วน แล้วตนเองก็ปรับปริมาณให้ จากนั้นทุกวันก็ให้คนของพันธมิตรต้มออกมาสามหม้อใหญ่ แล้วอุ่นบนเตาเอาไว้ตลอดคนที่มาซื้อยาเหล่านั้น สามารถใช้ชามของพันธมิตรโอสถ ตอนที่ดื่มเสร็จแล้ว ก็เอาชามกลับมาได้ตอนแรก ต่งฮ่วนจือรู้สึกว่ายาน้ำเช่นนี้ไม่น่าจะขายออก แล้วยังตั้งสามหม้อใหญ่แน่ะ หม้อนั้นก็ใบมโหฬารเลยทีเดียว เป็นหม้อใหญ่ที่เอาไว้ต้มข้าวต้มให้ผู้ประสบภัยตอนช่วงเกิดภัยพิบัติสมัยก่อนยาน้ำสามหม้อใหญ่เต็ม สามารถขายได้หลายร้อยชามแล้ววันเดียวจะขายออกได้หรือ? มีคนมากมายจะมาดื่มยาน้ำขนาดนี้เลยหรือ? ถึงอย่างไรเจ้านี่ก็ไม่ใช่ของดีอะไรมากถ้าขายไม่หมดก็ต้องเททิ้ง สิ้นเปลืองวัตถุดิบยาแย่แต่ผู้อาวุโสจี้ก็ตัดสินใจทันที ให้ผู้ดูแลของพันธมิตรโอสถจัดการเรื่องนี้ผลคือพอปล่อยชื่อเสียงของฟู่จาวหนิงออกไป คนที่มาดื่มยาก็ยังมากกว่าตามโรงน้ำชาหอสุราเสียอีกยาน้ำสามหม้อใหญ่ ขายหมดเกลี้ยงภายในวันเดียววันถัดมา ก็ขายขายหมดเหมือนเดิม กระทั่งมีคนไม่ได้ดื่มด้วยซ้ำ มาถามพวกเขาว่าขายยาไปต้มกินเองเลยได้ไหมแต่ฟู่จาวหนิงก็มีวิธีของนางอยู่ยาชนิดนี้ทำได้แค่ป้
ต่อมาหมอเทวดาหลี่ก็ทำหน้าขรึมคุกคามสาวใช้สองคนนั้น ถ้ายังไม่รับใช้ปรนนิบัติดีดี ก็จะขายพวกนางทั้งสองคนไปที่ซ่องโสเภณีเสียสาวใช้สองคนจึงร้องไห้ฟูมฟายเข้ามารับใช้ปรนนิบัติองค์จักรพรรดิเองก้ได้ยินเรื่องเลห่านี้ของจวนชินอ๋องเซียวแล้ว"บอกไปแล้วว่าจวนชินอ๋องเซียวต้องคอยระวังไม่ให้เข้าออก หมอเทวดาหลี่กับชินอ๋องเซียวนี่มัน..."เขาทำหน้าขรึม รู้สึกว่าตนเองไม่มีบารมีเอาเสียเลย จวนอ๋องเจวี้ยนก็ไม่เชื่อฟัง ตอนนี้จวนชินอ๋องเซียวเองก็ด้วยหรือ? ใครให้หน้าพวกเขากันถ้าไม่ใช่เพราะเขาอันที่จริงก็กลัวเจ้าโรคนั้น ตอนนี้คงเรียกเซียวเหยียนจิ่งมาด่ากราดให้เลือดซิบไปแล้ว"ตอนนี้หลี่จื่อเหยาในเมื่อถูกหมอเทวดาหลี่รับไปแล้ว เช่นนั้นก็ให้เขาไปรักษาให้ดี ข้าเองก็อยากจะเห็นว่าเขาจะรักษาเจ้าโรคนี้ได้หรือเปล่า!""องค์จักรพรรดิ พระชายาอ๋องเจวี้ยนทางนั้นต้มยาน้ำออกมา ตอนนี้สามารถป้องกันล่วงหน้าได้แล้ว หาซื้อได้ในพันธมิตรโอสถ หนึ่งชามสิบเหวิน" มีคนเข้ามารายงานกับองค์จักรพรรดิ"หนึ่งชามสิบเหวิน?" องค์จักรพรรดิใจสั่นกึก "แล้วได้ผลจริงไหม?""นี่ก็ยังไม่รู้ แต่คนที่ไปซื้อยานั้นไม่น้อยเลย โดยเฉพาะคนที่เคยสัมผัสกั
จวนชินอ๋องเซียวกลายเป็นขี้ปากคนทั้งเมืองไปแล้วเซียวเหยียนจิ่งอยากจะปิดเรื่องนี้ไว้ แต่ยิ่งปิดกลับยิ่งรุนแรงขึ้นกระทั่งเพราะเขาไปพยายามปิดข่าวลือ เลยมีคนบอกว่าเขาถูกพ่อสวมเขาให้เสียแล้ว หน้าตาป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดี และเพราะกลัวคนจะมาล้อเลียนว่าบ้า ดังนั้นจึงพยายามอย่างหนักที่จะหยุดข่าวลือนี้ข่าวลือคาวๆ แบบนี้ ลือกันได้ไวที่สุด และลือกกันไปอย่างพิลึกพิลั่นที่สุดด้วยหลี่จื่อเหยาตอนนั้นมาพัวพันเซียวเหยียนจิ่ง ทำทุกทางเพื่อทำลายพิธีแต่งงานของเซียวเหยียนจิ่งกับฟู่จาวหนิง นางตอนนั้นเอาแต่เรียกเขาว่า "พี่เซียว" ปาวๆ แต่ตอนนี้เพิ่งผ่านไปสองปี ทำไมจึงปีนไปถึงเตียงของพ่อพี่เซียวแล้วกัน?"ถ้าไม่ใช่ครั้งนี้หลี่จื่อเหยาเป็นโรคระบาดนั่น รัฐทายาทเซียวก็คงจะยังไม่รู้เรื่องรู้ราว""เมื่อเป็นแบบนี้ จวนชินอ๋องเซียวคงจะวุ่นวายขึ้นจริงๆ แล้ว""แล้วไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นก็โชคดีแล้วที่พระชายาอ๋องเจวี้ยนตอนนั้นไม่ได้แต่งงานเข้าจวนชินอ๋องเซียว นี่ถือว่าแคล้วคลาดเลยสินะ?"ในเมืองหลวงทุกที่มีแต่คนกระซิบกระซาบกันเช่นนี้ แต่คนที่พูดถึงฟู่จาวหนิงก็มีแค่ส่วนน้อยถึงอย่างไรตอนนี้ฟู่จาวหนิงก็เป็นพระชายาอ๋องเจว
เซียวเหยียนจิ่งรู้สึกว่าตอนนี้ถ้าให้คนนอกรู้เรื่องที่หลี่จื่อเหยาเป็นโรคนี้เข้า คงจะน่าอับอายมากโดยเฉพาะหลี่จื่อเหยาที่ติดโรคระบาดนั้นดังนั้นเรื่องนี้จะต้องเก็บให้สนิท ห้ามเผยแพร่ออกไปเด็ดขาดแต่คนอื่นกลับไม่คิดแบบเขาอย่างเช่นเซียวหลันยวนจังหวะที่หมอเทวดาหลี่กลับมาถึงเมืองหลวง เซียวหลันยวนก็ได้รับข่าวแล้ว ไม่ต้องพูดเรื่องที่เซียวเหยียนจิ่งไปรับหมอเทวดาหลี่เลยถึงแม้จะผ่านไปสามปีแล้ว แต่เรื่องที่หลี่จื่อเหยากับเซียวเหยียนจิ่งทำกับฟู่จาวหนิง เซียวหลันยวนไม่เคยปล่อยผ่านโดยเฉพาะที่ช่วงนี้เซียวเหยียนจิ่งเริ่มหันมาสนใจฟู่จาวหนิงอีกครั้งหลังจากสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินกลับมา เซียวเหยียนจิ่งก็ยังแอบคิดจะทำอะไรอีก สิ่งนี้เซียวหลันยวนจะทนได้อย่างไร?ดังนั้นหลังจากที่หมอเทวดาหลี่รับลูกสาวออกไปจากจวนชินอ๋องเซียว เซียวหลันยวนก็ได้รับข่าวแล้ว"ท่าน อ๋อง จากที่หญิงรับใช้ร่างใหญ่ในเรือนหลี่จื่อเหยาบอก หลี่จื่อเหยาไปรื้อเตียงของชินอ๋องเซียวเข้า..."องครักษ์ลับมารายงานข่าวที่ได้รับมากับเซียวหลันยวนฟู่จาวหนิงนั่งฟังอยู่ข้างๆ พอได้ยินเช่นนี้นางก็หัวเราะพรวดออกมานี่มันช่าง...นางยังอยากจะพ
ต่อให้ชินอ๋องเซียวติดโรคระบาด ถ้าตอนนี้ฟู่จาวหนิงเป็นภรรยาเขา พวกเขาก็คงไม่ต้องมากลัวแบบนี้!ไม่เห็นว่าเซียวหลันยวนที่ถูกส่งไปขังในคุกใหญ่ตั้งหลายวัน จนป่านนี้ก็ยังเรียบร้อยดีไม่เป็นอะไรหรือ?จวนอ๋องเจวี้ยนก็ถูกองค์จักรพรรดิบอกว่าห้ามออกไปข้างนอกส่งเดชเหมือนกัน แล้วดูตอนนี้สิ?ฟู่จาวหนิงไม่ใช่ว่าอยากออกไปไหนก็ออกได้หรือ?ฟู่จาวหนิงแบบนั้น เขาอยากได้มาจริงๆ!ถ้าตอนนั้นไม่มีหลี่จื่อเหยา ตอนนี้ฟู่จาวหนิงก็เป็นพระชายารัฐทายาทของเขาแล้ว ไม่ใช่ขยะอย่างหลี่จื่อเหยาคนนี้!พอคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ในสายตาเซียวเหยียนจิ่งที่มองหลี่จื่อเหยาก็มีแต่ความเกลียดชังหลี่จื่อเหยาสบกับสายตาของเขา ก็เหมือนสัมผัสได้ถึงความเย็นเยือก ใจนางเย็นวาบไปทันทีนี่คือพี่เซียวที่นางรักมาหลายปีหรือ? ถึงแม้สองปีนี้จะทะเลาะกับเขาอย่างหนัก แต่ตอนนี้เอง นางเพิ่งรู้สึกถึงความหนาวเย็นจนเสียดกระดูกหลี่จื่อเหยาเองก็เกลียดเซียวเหยียนจิ่งขึ้นมาทันทีเช่นกัน"ท่านอยากจะส่งข้าออกไป ข้าจะไม่..." ออกไปหรอกนางยังพูดไม่ทันจบ เซียวเหยียนจิ่งก็ตัดบทนางแล้ว มองไปทางหมอเทวดาหลี่ "ถัดจากนี้ในเมืองหลวงอาจจะเกิดการแตกตื่นกลัวกันเพร
"ข้าเกรงว่าถ้าออกไปจากจวนอ๋อง คนอื่นก็จะจับจ้องไปที่ท่านพ่อตา"เซียวเหยียนจิ่งรู้สึกว่าหมอเทวดาหลี่สมองจะง่ายไปหน่อย เขาไม่คิดจะไปที่อื่นเลยเขาสะกดความหงุดหงิดไว้ พูดออกมาอย่างละเอียด"โดยเฉพาะพระชายาอ๋องเจวี้ยน นางเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่ไปแล้ว ตอนนี้เองก็เป็นคนของสมาคมหมอใหญ่แล้วด้วย พอท่านกลับมา คนทั้งเมืองก็น่าจะอยากเห็นการตัดสินเด็ดขาดของพวกท่านทั้งสองกระมัง? ถึงตอนนั้นความสนใจทั้งหมดก็จะอยู่บนตัวท่าน ท่านซื้อยาอะไรไป คงถูกขุดคุ้ยออกมาแน่"ดวงตาหมอเทวดาหลี่หรี่ลงแม้จะรู้มานานแล้วว่าคนในดวงใจเซียวเหยียนจิ่งไม่ใช่ลูกสาวเขา แต่ตอนนี้ดูท่านเขาอยากจะสะบัดหลี่จื่อเหยาทิ้งเสียเหลือเกิน เขารู้สึกใจเย็นเยียบ ยิ่งไปกว่านั้นยังโมโหมาก"หลี่จื่อเหยาอยู่ในสภาพหนี้แล้ว ในจวนอ๋องไม่ใช่ว่าเหมาะสมที่สุดแล้วหรือ? ถึงอย่างไรจวนชินอ๋องเซียวของพวกเจ้า จะเอายาเอาคนก็ยังดีกว่าข้าตัวคนเดียวตั้งเยอะ? เจ้าอยากสลัดนางทิ้งขนาดนี้เชียว?""ท่านพ่อตา นี่ข้าทำเพื่อหลี่จื่อเหยานะ ตอนนี้องค์จักรพรรดิจับตามาที่จวนชินอ๋องเซียว พ่อของข้าทางนั้นยังไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้างเลย ถ้าหากในจวนอ๋องวุ่นวายขึ้นมา ถึงตอนนั้
หลี่จื่อเหยาขนาดมือก็ยังยกไม่ขึ้น จึงเปิดหนังตาจ้องมองนางเจ้าคนชั้นต่ำ! เห็นสภาพนางแบบนี้ยังมีแรงดื่มน้ำเองอีกหรือ? ยังไม่รีบประคองนางขึ้นมาป้อนอีก!"เจ้าต้องป้อนนาง!" หมอเทวดาหลี่ร้องขึ้นมาสาวใช้แทบจะร้องไห้แล้ว ไม่ นางร้องออกมาแล้วจริงๆ นางน้ำตาร่วงพลางปรคองตัวหลี่จื่อเหยาขึ้นมา เอาแก้วจ่อไปที่มุมปากหลี่จื่อเหยาระยะใกล้ค่แนี้ สาวใช้ได้กลิ่นบนหน้าของหลี่จื่อเหยาแล้วจริงๆ เหม็นเอามากๆเซียวเหยียนจิ่งมองฉากนี้ อดถอยออกมาอีกก้าวหนึ่งไม่ได้เขามองไปทางพวกสาวใช้หญิงรับใช้อีกเหลือเหล่านั้น ถามขึ้นเสียงต่ำ "นางป่วยมานานแค่ไหนแล้ว?"ดันไม่ยอมมาบอกเขา!สาวใช้กับหญิงรับใช้ร่างกำยำไม่กล้าเงยหน้ากัน"ท…ท่านรัฐทายาท พวกเราเองก็ไม่รู้เจ้าค่ะ หลายวันมานี้พระชายารัฐทยาทก็เอาแต่นอนหลับอยู่ในห้อง ไม่ได้ลุขึ้นมาสางผมมแต่งหน้า ตอนที่กินข้าวก็ให้พวกเราเอาข้าวส่งเข้าป นางกินเสร็จพวกเราก็จะเข้ามาเก็บ""ใช่เลย ตอนที่พวกเราเข้าไปเก็บ พระชายารัฐทายาทพอกิเสร็จ นางก็จะกลับไปนอนต่อบนเตียง พวกเราจึงไม่ได้มองนางอย่างละเอียด"เมื่อคืนนี้พวกนางไม่ได้เห็นหลี่จื่อเหยาเลยเอาจริงๆ เป็นเพราะชินอ๋องเซียวกับ
หมอเทวดาหลี่อยากจะตะคอกถามหญิงสาว: เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?มีภรรยาคนไหนบ้าง ที่แอบขโมยรื้อทองของพ่อสามี?ต่อให้ชินอ๋องเซียวจะซ่อนกล่องทองแทงไว้ที่หัวเตียงจริง แต่เจ้าไปค้นหาได้หรือไรกัน?เขาถลึงตาโต อยากจะตบฉาดลูกสาวเสียทีหนึ่ง ให้นางได้รู้สึกตัว แต่พอเห็นใบหน้าเน่าเปื่อยของนาง มองใบหน้าที่บวมจนผิดปกติของนาง หมอเทวดาหลี่ก็ยังถอยออกมาอีกหลายก้าวเขาแทบจะไม่ต้องเข้าไปตรวจแล้ว สภาพนี้ของหลี่จื่อเหยาคงเลี่ยงไม่พ้นแล้ว จะต้องเป็นโรคสกปรกโรคนั้นแน่นอนแต่ว่า เพราะอะไรกัน? แค่ไปพลิกค้นเตียงของชินอ๋องเซียวหรือ?เหตุผลนี้พูดออกไป จะมีคนเชื่อไหม?อาจจะมีคนเชื่อ แต่จะต้องมีคนคิดมากแน่ ภรรยาคนหนึ่ง ไปรื้อเตียงของพ่อสามี! เรื่องนี้ถ้าลือออกไป ชื่อเสียงย่อยยับป่นปี้แน่!ถึงแม้ตัวหมอเทวดาหลี่เองจะไม่ค่อยได้เรื่องนัก แต่ก็ยังคิดเรื่องที่โง่เง่าขนาดนี้ไม่ออก!"เจ้าขาดเงินเท่าไรกันแน่? เจ้าอยู่ในจวนอ๋องไม่ได้กินไม่ได้ดื่มหรือไรกัน?" ยากจนขนาดต้องเข้าไปรื้อเตียงพ่อสามีเลยหรือ?เซียวเหยียนจิ่งพอได้ยินคำพูดหลี่จื่อเหยาก็รู้สึกไม่อยากเชื่อพอได้ยินหมอเทวดาหลี่ถามมาเช่นนี้ เขาก็หน้าดำร้องขึ้นมา "จวนอ๋อ
หลี่จื่อเหยานอนอยู่บนเตียง กระทั่งมือก็ไม่มีแรงจะขยับนางรู้สึกว่าปากของตนเองแอบจะแห้งแตกอยู่แล้ว แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาดูนางเลยนางไม่รู้ว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงนานเท่าไรแล้ว อยากจะเรียกคนให้เข้ามา แต่ก็ทำได้แค่ส่งเสียงที่อ่อนแอไปเท่านั้น"น้ำ""ใครก็ได้..."ตัวนางเองยังรู้สึกว่าเสียงของตัวเองเหมือนเสียงยุงร้อง สาวใช้ที่อยู่ด้านนอกนั่นไม่ได้ยินเลยหลายวันนี้พวกนางยิ่งขี้เกียจขึ้นไปอีก ถึงแม้ตอนแรกนางมักจะดุด่าพวกนั้น ไม่ยอมให้พวกนางเข้ามาวุ่นวายกับนาง นางอยากจะนอนมันทั้งวันแต่หลายวันนี้นางรู้สึกว่านอนจนผิดปกติไปแล้ว แต่พวกนางก็ยังไม่พบอาหารเย็นเมื่อวานพวกนางส่งเข้ามาแล้ว มาส่งที่ข้างเตียงนางเหมือนก่อนหน้า นางก็ลุกขึ้นมากินอย่างเกียจคร้าน พอกินเสร็จก็โยนตะเกียบไปบนโต๊ะ พอสาวใช้เหล่านั้นว่างก็เข้ามาเก็บไปแต่ชามตะเกียบของเมื่อวาน พวกนางจนตอนนี้ก็ยังไม่เข้ามาเก็บ ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่มีคนเข้ามารินน้ำให้นางด้วยข้าวเช้าข้าวเที่ยงวันนี้ ก็ไม่มีใครส่งเข้ามาเพราะนางไม่ได้เรียกให้ส่งข้าวหรือ?แต่นางก็พูดไม่ออกแล้วหลี่จื่อเหยารู้สึกว่าหัวของตนเองมึนตื้อ นางอยากจะด่าคน อยากจะเรียกสา