พุทรา นี่เป็นต้นพุทราเอง ที่ต้าเว่ยพบเห็นได้ทั่วไปเป็นอันมาก แต่อยู่ที่นี่นางเพิ่งค้นพบ ว่าดินแดนประหลาดแห่งนี้ก็มีพุทราด้วยเช่นกัน! ห่างไปเพียงไม่กี่สิบวา พี่หมีซุ่มอยู่ในดงไม้หนาทึบ เค้ามองตัวเมียของตนตื่นเต้นยินดีราวกับคนบ้า อดสงสัยมิได้หรือว่านางหวาดกลัวจนเสียสติไปแล้ว ชายหนุ่มต้องการทราบถึงความสามารถในการเอาตัวรอดของนางตัวเล็ก เค้าคิดว่าสมควรให้บทเรียนนางบ้าง หลายวันมานี้นางอวดดีนัก ถึงกับกล้าออกจากอาณาเขตหมู่บ้าน โดยไม่ขออนุญาตตนเอง ใต้ต้นพุทรา ว่านลุ่ยไม่สนใจสิ่งอื่นอีก นางเพียงหยิบขอนไม้ใกล้มือ โยนใส่กิ่งไม้ด้านบนครั้งแล้วครั้งเล่า สนุกสนานกับการเก็บผลไม้ป่าเป็นเวลานาน นานสองนาน ว่านลุ่ยห่อผลพุทราใส่ใบไม้ใหญ่จนเต็มหลายห่อ นางค่อยคิดขึ้นได้ว่าตนกำลังหลง เห็นดังนั้นจึงหยิบเอาห่อพุทราของตน แล้วเดินจากมาอย่างอาลัยอาวรณ์ มุ่งหน้าไปยังทิศทางทีตนคิดว่าเป็นที่ตั้งของชนเผ่า หากแต่ความเป็นจริงนางกำลังเดินห่างจากถ้ำของตนไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ว่านลุ่ยคิดว่าไฉนหมู่บ้านอยู่ไกลแท้ นางรู้สึกว่าตนเดินนานแล้วนะ ไฉนยั
คนป่าที่ 18เอาตัวเข้าแลก ภายในความมืด ดูเหมือนสิ่งที่ว่านลุ่ยคำนวณไว้จะเป็นจริงดังคาด เพราะชายหนุ่มตั้งใจจะเดินเข้ามาทุบตีนางซักหลายครั้ง จากนั้นค่อยดุด่าอีกซักหน่อย จัดการให้นางรู้จักเข็ดหลาบ ทีหลังจะได้ไม่ก่อปัญหาเช่นนี้อีก หากแต่ทุกอย่างต้องกลับตาลปัตร ขณะพี่หมีเอื้อมมือไปเปิดกิ่งไม้เพิงพักที่ว่านลุ่ยนำมาปิดไว้ เค้าต้องขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ ทรวงอกสะท้านขึ้นลงด้วยโทสะ พยายามหักห้ามใจตนเองสุดชีวิต เพื่อไม่ให้ลงมือทุบตีนางจนตาย “อู อู ก้าก้าอูก้า อู”!!! พี่หมีตวาดออกมาสุดเสียง เค้าด่าทอหญิงตรงหน้าว่า แพศยา กล้าโก้งโค้งให้บุรุษอื่นง่ายๆ หากมิใช่ตนเองที่มา นางก็จะยอมให้ผู้อื่นขึ้นขี่ง่ายๆเช่นนี้หรือ! พี่หมีโกรธมาก เค้าพออ้อมมาหน้าเพิงพักก็เห็นหญิงสาวตั้งท่าโก่งก้นรอให้บุรุษเข้าไปเสพสม คลานแอ่นสะโพกรอคนมาขึ้นขี่ แสดงว่านางกำลังคิดนอกใจสินะ ว่านลุ่ยฟังไม่ออก แต่เสียงแข็งกร้าวของบุรุษด้านหลังน่ากลัวมาก คิดไว้แล้วเชียวเค้าต้องโมโหแน่ๆ เพราะนางออกมาโดยไม่ได้ขออนุญาต ทั้งยังหลงทางอยู่ในป่าจนมืดค่ำ ทำได้เพียงคลานคุดคู้ตัว
หลายวันผ่านไป ใกล้กับลำธาร ว่านลุ่ยยืนมองคนงานของตนอยู่ห่างๆ ไม่ทราบช่วงนี้พี่หมีเป็นอะไร หากเค้าเห็นนางเข้าใกล้ชาวป่าหนุ่มๆ จำต้องฉุดลากนางเข้าข้างทางเสมอ เจ้าหมีบ้าตัวนี้ไม่สนใจซักนิด ว่าตรงนั้นจะมีผู้ใดยืนอยู่บ้าง หากไม่บังคับให้นางพลิกคว่ำ ก็คือบังคับให้พลิกหงาย ทำราวกับนางเป็นแม่หมูแม่หมาข้างทาง คิดอยากจะซ่องเสพเมื่อไหร่ ก็จัดการนางตรงนั้นเลย! หญิงสาวทำได้แค่นึกด่าพี่หมีในใจ แต่ว่านางชินแล้ว อยู่ในชนเผ่าการผสมพันธุ์กันต่อหน้าผู้อื่นถือเป็นเรื่องปกติ แต่จำนวนครั้งที่บ่อยเกินไปสร้างความไม่พอใจให้นางอยู่บ้างก็เท่านั้นเอง “อูก้าอูก้า อู อู”!!! หนุ่มน้อยผู้หนึ่งส่งเสียงกุลีกุลู ว่านลุ่ยมองไปยังทิศทางของเค้า เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพรวนดินในแปลงของตนเสร็จแล้ว นางก็ยื่นห่อใบไม้เล็กๆให้อีกฝ่ายห่อหนึ่งเป็นการตอบแทน หนุ่มน้อยชาวป่ายินดียิ่ง เค้าไม่รอช้าเปิดห่อใบไม้ออก ล้วงหยิบก้อนน้ำตาลๆเม็ดหนึ่งส่งเข้าปากทันที นี่เป็นพุทราเชื่อมที่ว่านลุ่ยทำขึ้น ตอนนี้หากนางต้องการอะไรก็ไม่ต้องลงมือเองแล้ว เพียงปรุงขนมขบเคี้ยวท
คนป่าที่ 19ไถนา แสงแดดอ่อนๆในยามเช้า กระทบลงบนแผ่นหลังชายหนุ่มร่างยักษ์ พี่หมีตอนนี้หลั่งเหงื่อเต็มใบหน้า เค้าอยากจะทุบตีนางตัวเล็กด้านหลังยิ่งนัก แต่ก็หักใจทำร้ายนางไม่ลง จึงทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาเดินไปเรื่อยๆ จับเถาวัลย์ไม้ที่หญิงสาวนำมาคล้องคอตนไว้แน่น เหยียบย่ำไปบนดินโคลนเหลว ลากของหน้าตาประหลาดไปตามคำสั่งนาง “เพี๊ยะ!เร็วๆหน่อยสิ ตอนรังแกข้าบนเตียงไม่เห็นอ่อนปวกเปียกแบบนี้เลย!” ว่านลุ่ยหวดแส้เฉียดผ่านชายหนุ่ม วันนี้หญิงสาวต้องใช้กำลังบีบบังคับเค้าอยู่นาน กว่าจะสอนให้อีกฝ่ายลากผานไถได้ กว่าครึ่งเดือนแล้วต้นกล้าของนางกำลังงอกงาม ดังนั้นจึงต้องรีบเตรียมที่นาเพื่อถอนกล้ามาดำ ขั้นตอนทั้งหมดล้วนเป็นนางและพี่สาวน้องสาวในถ้ำช่วยเหลือกัน แต่การไถนาสำหรับว่านลุ่ยยังยากเกินไป แต่นางไม่กลัวเพราะมีพี่หมี นางตีผานไถขึ้นมาอันหนึ่ง เลื่อยไม้มาทำเป็นคานจับ ใช้เชือกผูกโยกให้พี่หมีช่วยดึงลาก ตนเองก็ควบคุมทิศทางอยู่ด้านหลัง ใช้ผานพลิกดินที่แช่อยู่ใต้น้ำขึ้นมาจนเป็นโคลนเหลว ทั้งสองกึ่งลากกึ่งจูงจนตะวันคล้อยบ่าย พี่หมียามน
หญิงสาวยังคงด่าทอสามีเป็นภาษาต้าเว่ย เค้าดูถูกนางเกินไปแล้ว คิดว่าตนใจง่ายนักหรือ จะหึงหวงก็ให้มันมีขอบเขตบ้าง มิใช่มาทำให้นางอับอายครั้งแล้วครั้งเล่า เห็นนางเป็นตัวอะไรกันแน่! แต่พี่หมีมีหรือจะฟังออก เค้าหอบหายใจฟึดฟัดราวกับวัวบ้า ก้าวตามลงมาในปักโคลน จัดการกับฝ่ามือและกงเล็บจนสามารถจับนางพลิกคว่ำได้ ขึ้นควบขับหญิงสาวทั้งที่กำลังร่ำร้องด่าทอสุดเสียง ต่อหน้าคนงานชาวป่าบุรุษที่มาทำงานให้กับนาง ชายหนุ่มทั้งหลายยังคงแบกหามเสาไม้ต่อไป พวกเค้ามิได้สนใจนายสาวซักนิด หัวหน้าเผ่าอย่างเล่นก็นางก็เล่นไปสิ พวกตนเพียงแค่มาทำงานเพื่อแลกกับอาหารอร่อยก็เท่านั้นเอง บนคันนา ชาวป่าแบกเสาเดินเรียงเป็นแถว ว่านลุ่ยยามนี้ไม่ร่ำไห้ด่าทอแล้ว ความคับแน่นสอดเข้ามาได้ไม่นานนางก็เสียว เปลี่ยนเป็นร้องครวญคราง อู อู อู! มือทั้งสองจับกอข้าวไว้มั่น โก่งบั้นท้ายรับแรงกระแทกจากผู้เป็นสามี “…”***สามเดือนผ่านไป ณปากทางเข้าชนเผ่า หากคนหัวเสือบุกมาจู่โจมอีกครั้ง เค้าคงต้องตกใจจนฉี่ราด เมื่อหมู่บ้านที่เคยโล่งเตียน บัดนี้เต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างสูงใหญ่ โดยเฉพาะรั้วไม้ซุ
คนป่าที่ 20แพ้ท้อง ภาคในกระท่อมน้อย ว่านลุ่ยนอนกลางวันบนแคร่ไม้ไผ่ ทุ่งนาที่ถูกเก็บเกี่ยวไปแล้วเหลือแต่ตอข้าว หากแต่ในนั้นยังมีกบมีปลาตัวเล็กๆ กับกลายเป็นที่วิ่งเล่นของเด็กน้อยชาวป่าห้าหกคนอย่างสนุกสนาน จับกบจับเขียดหยอกล้อกันหัวเราะคิกคัก ต่างกับว่านลุ่ยที่หมดสภาพนอนแผ่หลาสิ้นไร้เรี่ยวแรง ขณะทำอาหารเช้า จู่ๆว่านลุ่ยอาเจียนออกมาเป็นจำนวนมาก นางทำกับข้าวไปอาเจียนไป กว่าจะผ่านพ้นมาได้ก็หมดแรงพอดี นอกชนเผ่า พี่หมีพร้อมกับนักรบหลายคนแยกกันออกเป็นกลุ่มต่างๆ ฤดูการล่าเริ่มขึ้นอีกครั้ง ผ่านช่วงหิมะตกสัตว์ป่าก็จะออกจากการจำศีล นี่จึงเป็นเวลาที่ชนชาวเผ่ากลุ่มต่างๆล่าสัตว์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพียงแต่เผ่าอูก้าของพี่หมีเสียเวลาไปกับการก่อสร้างหลายเดือน พอเหยียบย่างเข้ามาในป่าลึก จึงพบว่าอาณาเขตของตนถูกผู้อื่นบุกรุกแล้ว ร่องรอยการล่าจำนวนมากหากเป็นคนทั่วไปคงดูไม่ออก แต่พี่หมีมีหรือจะมองข้าม เค้าเมื่อเห็นดังนั้นก็โมโหมาก สั่งลูกสมุนหลายคนให้ออกกันค้นหา เป็นผู้ใดกันบังอาจล่วงล้ำดินแดนของตน “…” หลายวันผ่านไป ว่านลุ่ยยิ่งมาย
ณ ชนเผ่าคุโมโม่ หลังจากความบังเอิญวันนั้น พี่เสือสามารถคิดค้นคันธนูขึ้นมาได้ หากแต่เค้ายังไม่พอใจ เพราะเมื่อเทียบความแรงแล้ว ยังมิใกล้เคียงกับที่ยิงมาจากชะง่อนหินเลย พี่เสือใช้ไม้ไผ่เช่นว่านลุ่ย เค้าใช้เชือกสานจากเถาวัลย์หยาบๆ เพียงแต่แม้จะทำด้วยการรีดเร้นมันสมองทั้งหมูบ้าน แต่ธนูหน้าตาประหลาดที่ได้มา กับไม่เข้าใกล้สิ่งที่เรียกว่าธนูจริงๆแม้แต่น้อย นี่เป็นเพียงลำไผ่เล็กๆที่ตัดยาวนำมาผูกเชือก แม้จะยิงได้เช่นกัน แต่ขนาดความยาวและหนักหนาเทอะทะ ต่อให้ใช้นักรบกำยำน้าวสุดแรง สุดท้ายลูกเกาทัณฑ์ที่พุ่งออกไปก็ไกลได้แค่สามสิบสี่สิบวา เพียงแต่พี่เสือมีความสำเร็จอยู่บ้าง เนื่องจากมีลูกเกาทัณฑ์ของว่านลุ่ยเป็นแบบ เค้าจึงประยุกต์มาใช้จนเหมือน กับสร้างลูกศรร้ายกาจออกมาได้ โดยใช้เขี้ยวสัตว์แหลมคมเป็นหัวศร ทั้งยังติดขนหานป่าไว้ที่ปลาย เพื่อควบคุมทิศทางให้ตรงยามพุ่งออกไป แต่ว่าเพียงเท่านี้ก็พอให้ชนชาวเผ่าคุโมโม่ประกาศศักดาได้ เมื่อใช้สิ่งนี้ล่าสัตว์ ทุกคนก็พบว่าง่ายดายกว่าใช้หอกหินและลูกดอกอาบยาพิษยิ่งนัก ไม่นานก็กลายเป็นที่นิยมในชนเผ
คนป่าที่ 21ท้องใหญ่ขนาดนี้ยังจะทำอีก วันเวลายังคงผ่านไป ยิ่งมาท้องว่านลุ่ยยิ่งโย้ นางอยากจะทำนาอีกซักรอบก่อนฤดูหนาว แต่พี่หมีไม่ยินยอมให้นางลงมือลงไม้ สุดท้ายจึงได้แค่ยืนบัญชาการอยู่ในกระท่อม ตะโกนด่าทอเหล่าสาวชาวป่าเซ่อซ่า ที่เหยียบย่ำต้นกล้าของนางจนจมลงไปในดินโคลน ตามคันดินริมลำธารเป็นต้นหม่อน หลายเดือนมานี้กิ่งพันธุ์ที่นางปักไว้ออกพุ่มแล้ว แม้จะยังผลิตใบได้จำนวนไม่มาก แต่ทุกครั้งที่ว่านลุ่ยทอดสายตามองไป นางยังคงยิ้มออกมาด้วยความยินดี แม้การไม่สวมใส่เสื้อผ้าจะสบายยิ่ง แต่ยังคงใส่เถอะจะดีกว่า หญิงสาวตั้งใจจะเปลี่ยนชนเผ่าพี่หมีให้กลายเป็นผู้มีอารยะ เพราะถึงยังไงนางคงต้องอยู่ที่นี่ไปชั่วชีวิต จะให้ทารกน้อยในท้องยามคลอดออกมาก็ร่ำร้องอูก้าอูก้า ถือหอกไม้กระบองหินไล่หวดผู้คนแบบบิดาได้ยังไง ยังมีอันตรายจากนอกชนเผ่า ว่านลุ่ยไม่ทราบถึงขีดจำกัดของคนกลุ่มอื่น แต่นางมั่นใจว่าคงไม่เจริญไปกว่าพวกพี่หมีอย่างแน่นอน เสียงฉึกฉึกดังอยู่ห่างไปไม่ไกล วันนี้พี่หมี่สั่งหยุดงานก่อสร้าง ภายใต้การสอนสั่งของชายหนุ่ม นักรบทุกคนรู้จักใช้ธนูล
ในสายตาแมงมุมหิน นางนอนอยู่ที่พื้น มิทราบเกินเรื่องราวใดขึ้น เพียงไม่กี่อึดใจ พวกศัตรูก็ล้มลงเจ็ดแปดคน จึงอาศัยจึงหวะปลดเครื่องพันธนาการที่ขา คว้ามีดหินจากศพคนที่ตายข้างๆ จากนั้นคลานคืบคลานศอกมุ่งไปทางชายสูงใหญ่ผู้หนึ่ง ที่กำลังหลบซ่อนอยู่ข้างตอไม้ หันหลังให้กับตนเอง พี่หมีอยู่บนที่สูง เค้าย่อมเห็นการกระทำของเด็กหญิง ในใจก็นึกชื่นชมในความกล้า แต่ตอนนี้คนป่าที่เหลืออยู่หกคนซ่อนตัวดีมาก ไม่ยอมโผล่ออกมาให้ยิงอีกเลย “…”*** “อูก้า!อูก้า!อูก้า!” จู่ๆเกิดเสียงคำรามบนเนินสูงดังลั่น ก็เป็นจังกวะเดียวกับเด็กน้อยเชือดคอหอยพอดี! พี่หมีช่วยเหลือเด็กสาวอีกครั้ง แม้นางจะกล้าแต่ว่าโง่มาก การกระทำเช่นนี้ไม่ต่างจากฆ่าตัวตาย หากเค้าไม่ดึงความสนใจคนที่เหลือไว้ นางคงถูกเจ้าพวกนั้นสังหารไปแล้ว จริงอย่างที่คิด ทั้งห้าหารู้ไม่ว่าสหายผู้หนึ่งถูกเหยื่อของตนย่องไปเชือดคอจากด้านหลัง แม้จะมีเสียงดิ้นรนสุดท้ายก่อนขาดใจ แต่พวกเค้าก็มิได้ยินเสียง เพราะมัวแต่เพ่งมองไปตามเสียง ชมมองหมีดำยืนตีอกชกหัวอยู่บนขอนไม้ ร้องคำรามอย่างบ้าคลั่งอยู่คนเดียว “กา
คนป่าที่ 26เผ่ากินคน สถานที่ตั้งกระโจมกลายเป็นทุ่งหญ้าขึ้นสูง พี่หมีแม้มิได้ผูกพันแต่ก็รู้สึกใจหาย ถึงไม่สืบต่อเค้าก็ทราบได้ทันที่ว่าเกิดสิ่งใด นี่เป็นเรื่องธรรมชาติ เกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไป ชนเผ่าที่เคยรุ่งเรืองสมัยก่อนก็มักเป็นเช่นนี้เอง ชายหนุ่มเดินเข้าไปสำรวจร่องรอย โครงกระดูกจำนวนมากกระจัดกระจายไปทั่ว เศษเนื้อเน่าเปื่อยไปหมดแล้ว บางโครงก็ชิ้นส่วนไม่ครบ ถูกสัตว์ป่าคาบไปกินตามที่ต่างๆ ห่างไปไม่ไกลพี่หมีพบตุ้มหินสองลูก ผูกโยงเข้าด้วยกันกับเถาวัลย์ไม้ รัดพันเข้ากับขาทั้งสองของซากกระดูกโครงหนึ่ง เมื่อเห็นอาวุธพันธนาการ พี่หมีก็ทราบได้ทันที่ว่าชนเผ่าใดเป็นผู้บุกโจมตี นี่เป็นพวกป่าเถื่อนแดนเหนือ! กลุ่มที่ชื่นชอบการกินเนื้อมนุษย์ พวกมันมักจะกระจัดกระจายกันอยู่ตามที่ต่างๆ คอยซุ่มโจมตีชนเผ่าเล็กๆ ทั้งยังเชี่ยวชาญการขี่ม้า เลี้ยงสุนัขป่าตัวโตร้ายกาจอีกด้วย เพราะพื้นที่แถบนี้เป็นขุนเขามากมาย ต่างจากแดนเหนือที่เป็นทุ่งหญ้าพื้นเรียบ ชนเผ่าละแวกใกล้เคียงจึงไม่นิยมขี่ม้า ต่างกับพวกกินคนแดนเหนือ ที่ใช้ชีวิตบนหลังม้าเป็นปกติ เล
ไม่ไกลจากลำธาร หัวหน้าเผ่าคุโมโม่มาทันเห็นนักรบทั้งสี่ถูกสอยร่วง เค้าร่ำร้องตะโกนสุดเสียงด้วยความแค้น จังหวะนั้นไม่มีผู้ใดกลัวตายซักนิด คนป่ากว่าครึ่งร้อยที่ตามมาก็มุ่งตรงกระโดดข้างแม่น้ำตามเค้าไป คนแล้วคนเล่า ทั้งหมดข้ามได้อย่างปลอดภัย พี่หมีเห็นศัตรูมามากก็เผ่นแนบไปก่อนแล้ว คนหัวเสือยามนี้พบว่าหนึ่งในผู้ตายที่นอนอยู่บนโขดหิน เป็นบุตรชายตนเองก็ยิ่งแค้น ก้มลงไปกอดศพเด็กหนุ่มร่ำไห้ สาบานว่าต่อให้แลกด้วยชีวิต เค้าก็ต้องสังหารเจ้าหมีดำให้ได้ด้วยมือตนเอง การไล่ล่ายังคงดำเนินต่อไป นักรบคุโมโม่เกือบสองร้อย แบ่งกันอ้อมไปดักตามเส้นทางต่างๆ พี่เสือกลืนความแค้นลงท้อง นำกำลังสามสิบคนไล่ตามรอยเท้า พี่หมีก็ไม่ยอมให้ตามทันง่ายๆ ระหว่างทางเค้าพบรังต่อรังแตนก็ใช้กิ่งไม้ขว้างปาไปทั่ว ยั่วยุให้สัตว์มีพิษเหล่านี้บินว่อน เพื่อสร้างความลำบากให้ผู้ที่ติดตามมาด้านหลัง จะได้ไม่ตามตนเองได้ง่ายเกินไป จนกระทั่งมืดค่ำ ต่อให้เชี่ยวชาญการแกะรอยแค่ไหน เมื่อไร้แสงอาทิตย์ พี่หมีก็สลัดหลุดจากศัตรู หากแต่ชายหนุ่มยังคงมุ่งขึ้นเหนือเป็นเส้นตรง เพราะคาดว่าฝ่ายตรงข้างคงวางกำลังโอบล
คนป่าที่ 25ถูกซุ่มโจมตี ตะวันคล้อยบ่าย หากแต่ใบไม้หนาทึบบดบังแสงแดดยิ่ง คนป่าบนเนินห้าเสือเพียงรอให้ศัตรูโผล่ออกมา พวกเค้าก็จะระดมยิงเกาทัณฑ์ใส่จากทุกทิศทาง ต่อให้หัวหน้าเผ่าอูก้าร้ายกาจแค่ไหน สภาพต้องไม่ต่างจากตัวเม่นแน่นอน แต่สิ่งที่ทุกคนมิทันคาดคิดพลันเกิดขึ้น ขณะที่ทั้งหมดยังไม่เห็นศัตรูเผยตัวออกจากที่ซ่อน ลูกเกาทัณฑ์อีกฝ่ายกับพุ่งเข้าใส่ฝั่งตนก่อนแล้ว! เสียงฉึกเมื่อหัวศรปักจมลงเนื้อไม้ นักรบคุโมโม่ที่ซุ่มอยู่ข้างๆถึงกับสะดุ้ง เค้าไม่ทราบเจ้านี่ถูกยิงมาจากตรงไหน แต่เสียงสวบสาบของฝีเท้าใกล้ๆ ทำให้รู้ได้ทันทีว่าคนหัวหมีกำลังหลบหนี พริบตาเดียวเสียงเป่าเขาสัตว์ดังลั่น จากนั้นเป็นเสียงเฮโลของคนป่าไล่กวดตามไป ในเสี้ยวอึดใจ พี่หมียิงเกาทัณฑ์มั่วๆออกไปสองลูก ดอกหนึ่งปักเข้ากับต้นไม้ อีกดอกปักใส่คอหอยนักรบคุโมโม่ผู้หนึ่งพอดี…*** ด้วยจำนวนคนที่แตกต่าง คนหัวเสือแค้นใจนัก เค้าไล่ตามเสียงแหวกกิ่งไม้เบื้องหน้า ด้านหลังยังมีสมุนหลายสิบคนวิ่งติดตามมา เมื่อครู่เห็นนักรบของตนผู้หนึ่งล่วงจากต้นไม้กับตา เจ้าหมีสร้า
ชายชราแม้สูงวัยแต่แข็งแรงยิ่ง สิบกว่าปีก่อนตอนเข้าร่วมกับพี่หมี เค้าช่วยเหลือหัวหน้าเผ่าไม่น้อย ทำหน้าที่แฝงตัวสืบขาวสารพัด แต่ละครั้งมิเคยถูกจับได้ สมกับชื่อหมอกดำของตนที่บิดาตั้งให้โดยแท้ ลงใต้เป็นหน่วยของเจ้าเม่นหิน ชายผู้นี้จัดอยู่ในอันดับสี่ของนักรบในชนเผ่า เค้าเชี่ยวชาญการซัดเข็มหนามยิ่ง ระยะเจ็ดแปดวาขว้างปาไม่มีพลาด ทั้งยังเป็นบุตรชายของหมอกดำเอง เม่นหินได้รับคำสั่งก็พานักรบรุ่นใหม่ห้าคนลงใต้ทันที เค้าได้รับมอบหมายให้สืบข่าวเผ่าอากู หนึ่งในคนที่ติดตามยังเป็นบุตรชายหัวหน้าเผ่า ไก่หินผู้เป็นน้องชายไข่หินอีกด้วย “ใช่แล้ว” ควรรู้เอาไว้ว่า ชนชาวป่ามักจะตั้งชื่อบุตรประหลาดเช่นนี้ ส่วนมากมักจะเรียกต่อท้ายว่าหิน แม้แต่ กวางหิน หรือนกหินงูหินก็มี “…”*** ไม่นานหลังจากสามหน่วยแยกทาง พี่หมีไม่รู้ตัวซักนิด ทันทีที่ตนเหยียบเข้าเขตคุโมโม่ สายสอดแนมของศัตรูก็ตรวจพบแล้ว! ปกติมิค่อยมีชนเผ่าใดวางกำลังชายแดน พี่หมีจึงชะล่าใจ กับเป็นพี่เสือที่คิดเตลิดในตอนนั้น ตื่นตัวอยู่ก่อน นำคนเผ้าสังเกตการณ์ตามจุดต่างๆมาหลายเดือนแล้ว ยามนี้ร
คนป่าที่ 24ต้มเกลือ ท่อนซุงถูกขูดจนกลายเป็นเรือเล็ก ว่านลุ่ยนำหัวท้ายวางบนก้อนหินใหญ่ ตรงกลางเจาะรูไม่ใหญ่มาก ต่อท่อให้น้ำไหล เมื่อนำเดินเค็มใส่เข้าเรือไม้จนเต็ม เหยียบอัดให้แน่น จากนั้นตักน้ำจากลำธารมาหมักไว้ รอจนหยดลงเต็มถังไม้ นำมาต้นไม่นานก็ได้เกลือแล้ว ความยากลำบากผ่านพ้นไป ว่านลุ่ยสอนอยู่นานจนน้องสาวทั้งสองจำได้ นางถึงขั้นลงทุนสร้างกระท่อมน้อยเป็นเพิงพักให้คนทั้งคู่ วันทั้งวันจะได้มิต้องไปไหน ทำหน้าที่ต้มเกลือให้กับตนก็พอ ที่ต้าเว่ย การค้าเกลือถือเป็นสิ่งที่ทำกำไลมากที่สุด หากไม่มีใบอนุญาตควบคุมจากราชสำนัก ชาวบ้านทั่วไปมิสามารถขนส่งค้าขายได้ ดังนั้นว่านลุ่ยจึงเห็นว่าเจ้าสิ่งนี้สำคัญยิ่ง หน้าที่นี้จึงตกเป็นของน้องสาวทั้งสองที่ตนไว้ใจ ผ่านไปอีกหลายวัน ท้องของว่านลุ่ยโตมาก นางคิดว่าลูกในท้องคงจะเกิดในหน้าหนาว ดังนั้นจึงรีบทำสิ่งสำคัญหลายอย่าง เพื่อให้ทันก่อนที่หิมะจะตกมา อย่างเช่นวันนี้ ว่านลุ่ยยืนคุมคนงานสองคนขุดหน้าดิน พอเห็นดินเหนียวที่ต้องการนางก็ร้องบอกว่าพอแล้ว แสดงท่วงท่าบ้าใบ้ว่าข้าต้องการสิ่งนี้ ให้ขุดข
จนกระทั่งค่ำ คนป่าเกือบสิบนั่งล้อมวงรอบกองไฟว่านลุ่ยพร่ำสอนพวกเค้าจนปากเปียกปากแฉะ ให้ทุกคนจดจำชนิดได้ โดยเฉพาะเนี่ยวเกอ แม้แต่เป็นตัวที่ตายแล้วมีแต่เปลือกก็ต้องเอา! กลางดึก หลังจากกินหอยเผา ว่านลุ่นพลันปวดฉี่ยิ่งนัก หญิงสาวเห็นพวกพี่หมีไม่หลับไม่นอน นางจึงลุกเดินลงไปยังทะเล นั่งยองย่อฉี่ลงน้ำเสียเลย แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดพลันเกิดขึ้น! จู่ๆนางรู้สึกยุบยับอยู่ที่ขา พอลองเอามือไปแตะๆดูก็พบว่านุ่มๆดีดดิ้นไปมา นางตกใจสุดขีดจนร้องเสียงหลง รีบวิ่งขึ้นจากน้ำร่ำร้องเป็นภาษาต้าเว่ยว่ากลัวแล้วกลัวแล้ว เอามันออกไปเอามันออกไป! พี่หมีมองดูตัวเมียเกลือกกลิ้งบนพื้นทราย เค้าไม่รู้ไฉนนางบ้าขึ้นมาอีก เพราะว่าตรงที่นางอยู่มืดมาก จึงไม่เห็นเจ้าตัวที่เกาะอยู่ตรงขาภรรยาตนเอง “ตายแล้ว ข้าจะตายแล้ว”!!! ว่านลุ่ยดิ้นไปมาด้วยความตกใจ! แต่พี่หมีไม่รอช้า เค้าพุ่งเข้าไปอุ้มหญิงสาว จากนั้นจึงพบตัวยุบยังตรงขา ใช้กำลังเพียงเล็กน้อยก็ดึงออกมาได้อย่างง่ายดาย*** เสียงเปลวไฟลั่นเพี๊ยะพะ เป็นอีกครั้งที่ว่านลุ่ยจ้องมองศัตรูของตนด้วยความเค
คนป่าที่ 23สำรวจทะเล บนทางรกร้างภายในป่าเขา ว่านลุ่ยยืนโก้งโค้งเกาะเปลือกไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง พี่หมีใช้เท้าเขี่ยขาทั้งสองของนางออกให้แยกกว้าง จัดท่าจัดทางตามที่ต้องการ แล้วจึงเริ่มซอยสะโพกเข้าออกช้าๆ แล้วค่อยเร็วขึ้น เร็วขึ้น... “โอ้ย!จะเสร็จซักทีได้รึยัง ข้าปวดขา!” ว่านลุ่ยด่าทอคนด้านหลังด้วยภาษาต้าเว่ย นางอยากจะถีบเค้าให้กระเด็นตกเขานัก ตนท้องโตขนาดนี้ยังจะทำอีก ไม่เห็นใจกันบ้างเลย! พี่หมีเหมือนจะรู้ว่าตัวเมียของตนไม่พอใจ เค้ารัดเอวนางไว้แน่น เสยสะโพกเข้าออกสุดชีวิต จากนั้นตอกอัดเน้นๆเชื่องช้าอีกเจ็ดแปดครั้ง ปากก็ร้องครวญคราง อู อู อู “ป็อก!” เสียงบางอย่างเคลื่อนหลุดออก ไม่ต้องบอกก็ทราบได้ว่าตามเรียวขาหญิงสาว จะเปรอะเปื้อนเลอะเทอะเพียงใด นานสองนาน ว่านลุ่ยใช้น้ำจากกระบอกไม้ไผ่ที่นำมาทำความสะอาดกลีบท้อ นางไม่อยากขัดใจสามีมาก เมื่อเค้าต้องการนางก็จัดให้ จากนั้นทั้งสองก็ออกเดินทางต่อ เพราะตอนนี้เวลาไม่เช้าแล้ว ตะวันคล้อยบ่าย ว่านลุ่ยและพี่หมีเดินมาถึงยอดเขา จากถ้ำของนางมานี่ใช้เวลาเพียงครึ่งวั
บนชะง่อนหิน ใกล้ๆกับสระเล็กๆที่ว่านลุ่ยขุดขึ้นเพื่อรองรับน้ำจากกังหัน ต้นอ้อยที่นางปล้นชิงมาถูกหั่นเป็นท่อนๆ ฝังกลบไว้ตามคันดิน เมื่อมีเจ้าสิ่งนี้ นางก็ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำผึ้งอีก รอให้พวกมันโตซักหน่อยค่อยขยายพันธุ์เพิ่ม จะได้เอามาคั้นน้ำเคี่ยวเป็นน้ำตาล เกือบสองปีที่ผ่านมานางได้พืชพันธุ์จำนวนมาก มีทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก แต่อาชีพของนางเมื่อก่อนเป็นแม่ค้า ทั้งยังขายเครื่องเทศนำเข้า นางย่อมรู้จักคัดแยกสิ่งที่กินได้และไม่ได้ เรื่องพวกนี้ถือเป็นพื้นฐานของเฒ่าแก่เนี้ย ไม่เช่นนั้นนางจะเปิดเหลาอาหารได้เป็นสิบร้านหรือ บนกำแพง พี่หมีเนื้อตัวเต็มไปด้วยดินโคลน แม้แต่เจ้าลาน้อยก็ถูกจับมาลากเกวียนไม้ บรรทุกก้อนหินที่เริ่มขนไกลขึ้นเรื่อยๆ เพราะแถวๆหมู่บ้านถูกนำมาใช้ก่อสร้างหมดแล้ว ว่านลุ่ยมองสามีชาวป่าของตนอยู่ที่ห่างไกล นางรู้สึกผิดนิดๆ เมื่อก่อนชายหนุ่มเพียงแค่ตื่นนอนแล้วเข้าป่าล่าสัตว์ ใช้ชีวิตอิสระเรียบง่าย แตกต่างจากทุกวันนี้ ต้องรับผิดชอบหลายหน้าที่ กับกลายเป็นว่าเหนื่อยกว่าเมื่อก่อนอีก “…” หญิงสาวมองบุรุษชาวป่าเดินเข้าๆออกๆหมู่บ้าน ทุ