นพรดานั่งมองแท่งตรวจครรภ์ที่วางตรงหน้าอย่างตกตะลึง ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่เป็นห้าอัน ซึ่งทุกอันล้วนปรากฏขีดสีแดงสองขีดเหมือนกันหมด บ่งบอกได้ว่าเธอกำลัง...ท้อง!ท้องแล้วจะยังไงต่อ...หากเป็นครอบครัวอื่นเห็นภาพสองขีดนี่คงดีใจโห่ร้องลั่นบ้าน เตรียมตั้งชื่อสมาชิกใหม่ที่กำลังจะลืมตาดูโลกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่กับเธอที่เป็นสาวโสดแต่ดันพลาดเพราะใจไม่แข็งพอจะต่อต้านความต้องการทางธรรมชาติของบุรุษ รวมถึงใจตัวเองด้วย จนก่อให้เกิดผลพวงที่เรียกว่า...ลูก...ตามมาแถมพ่อของลูกยังประกาศชัดว่า‘ผมยังไม่อยากมีลูก...’และไม่อยากมีเธอในชีวิตอันแสนเพอร์เฟกนั่นอีกด้วย แต่ที่มันเฮงซวยยิ่งกว่าก็คือ เขาคนนั้นเป็นเจ้านายของเธอ เจ้านายใจร้ายที่เธอยังต้องทนทำงานและรับเงินเดือนจากเขาอยู่ ระหว่างที่กำลังหางานใหม่ไม่ได้มือเรียวสวยลูบไปบนหน้าท้องที่ยังแบนราบซึ่งตอนนี้มีสิ่งมีชีวิตน้อยๆ นอนอยู่อย่างเป็นกังวล“ลูก...” คำนั้นก่อให้เกิดความรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาดก็แผ่ซ่านซึมลึกเข้ามาในหัวใจที่เคยเหน็บหนาวให้อุ่นวาบ‘ถ้าคุณไม่ต้องการเก็บเด็กไว้ ผมก็ไม่ว่า และเคารพการตัดสินใจของคุณ แล้วก็จะให้เงินคุณก้อนหนึ่งเป็นค่าช
นี่คือเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอ ถึงจะไม่ได้ตั้งใจ แต่เขาก็คือลูกในไส้ของเธอ ถึงใครจะไม่ต้องการก็ช่าง แต่เธอจะไม่มีวันทำลายชีวิตน้อยๆ นี้แน่นอน“ยินดีที่ได้รู้จักนะเจ้าตัวเล็กของแม่”หลังจากทำการฝากครรภ์เสร็จและนัดตรวจครั้งต่อไป หญิงสาวก็เดินออกมาจากคลินิกเอกชนแห่งนั้นเพื่อกลับคอนโด อารมณ์ของเธอตอนนี้ผสมปนเปกันระหว่างความสุขและความตื่นเต้นกับภารกิจใหม่จนลืมคิดถึงใครบางคนไปเสียสนิท“อุ๊ย!” หญิงสาวอุทานลั่น เมื่อจู่ๆ มีมือแข็งๆ มาคว้าข้อมือเธอไว้ จึงรีบหันขวับไปมอง“บอส!”ภาสกฤตจ้องมองถุงกระดาษที่ประทับตราคลินิกที่อยู่ในมืออีกฝ่ายแว่บหนึ่ง ก่อนสบสายตาของหญิงสาวด้วยดวงตาที่ดุดัน สีหน้าบึ้งตึง“คุณไปไหนมา ทำไมไม่ยอมรอผม”นพรดามองสบตาเขากลับด้วยดวงตาที่ทอประกายระยิบระยับ“บอสมาพอดีเลยค่ะ เก้ามีอะไรจะอวดด้วยนะ”คนกำลังไม่สบอารมณ์เพราะยืนรอนานจนขาแข็งถึงกับงงว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหน“อวดอะไร”นพรดายิ้มหน้าระรื่น ก่อนคว้ามือถือของตนจากกระเป๋าสะพาย และกดเปิดคลิปบางอย่างยื่นให้เขาดูบอสหนุ่มขมวดคิ้วแน่น จ้องมองหน้าจอที่เป็นภาพเคลื่อนไหวของก้อนอะไรบางอย่างที่ขยับเต้นตุบๆ“นี่คือ...”“ลูกไงคะ ลูกของเก้า
“ช่างเขาเถอะแก ไม่รับก็ช่าง ลูกคนเดียวฉันเลี้ยงเองก็ได้”“แล้วนี่แกจะยังไง ยังต้องทำงานกับเขาไม่ใช่เหรอ” พลอยพราวหันมาถาม “ต้องเห็นหน้ากันทุกวันอีก แกไม่อึดอัดแย่หรือไงวะ ไหนจะคู่หมั้นเขาอีก แกต้องสอนงานเขาทั้งที่ตัวเองอุ้มท้องลูกบอสเนี่ยนะ โหดว่ะ”“ก็ไม่นะ เพราะฉันไม่ได้สนใจ สนแต่งานพอไง”พลอยพราวฟังเพื่อนแล้วนึกเครียดแทน เพราะงานที่เพื่อนทำตอนนี้ คือการเทรนด์งานเลขาคนใหม่ให้เจ้านาย แถมฝ่ายนั้นก็เป็นคู่หมายกันอีก อย่างน้อยก็นานจนกว่าเลขาใหม่จะทำงานได้ดีผ่านมาตรฐานของเขา หาไม่ก็จะไม่ยอมให้เพื่อนของเธอลาออกไปไหนยิ่งรู้ว่ามีลูกติดท้องเพื่อนของเธอด้วยแล้ว เขาคงไม่ปล่อยง่ายๆ แน่ต้องอยู่ดูเขาสวีตกันทุกวันตำตาตำใจ แล้วแบบนี้ใครจะอกแตกตายก่อนกัน ก็น่าคิด“เอาน่าแก ฉันกำลังมองหางานใหม่อยู่ อีกไม่นานก็คงได้”“จริงสิ พูดถึงเรื่องงานใหม่เมื่อวันก่อนคุณเวธิศเขากลับมาจากเมืองนอกแล้วนะ แล้วก็ถามว่าแกยังสนใจอยากเป็นเลขาเขาอยู่ไหม”“สนสิ” ว่าที่คุณแม่ตาวาว “แต่เขาจะซีเรียสไหมที่ฉันกำลังท้องแบบนี้”คนถูกถามแอบหลุบตาลง หากเป็นเมื่อก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องระหว่างเธอกับเวธิศในวันนั้น เธอคงตอบได้ว่าไม่สน
แต่งตัวสวยแบบนี้จะไปไหนล่ะ ยังไม่ทันได้คำตอบ ก็มีรถคันหนึ่งขับปราดเข้าไปจอดที่ตรงหน้าตึกที่นพรดายืนรออยู่ และรับเธอออกไปต่อหน้าต่อตา โดยที่เขาเองก็ไม่เห็นหน้าคนขับว่าเป็นใคร และมารับคนของเขาไปไหนความอยากรู้ทำให้ภาสกฤตตัดสินใจสวมวิญญาณนักสืบสะกดรอยตามรถเก๋งคันดังกล่าวไปห่างๆจนกระทั่งไปถึงที่หมาย ซึ่งเป็นโชว์รูมรถซุปเปอร์คาร์หรูที่ตั้งอยู่กลางใจเมือง“จะมาซื้อรถใหม่งั้นเหรอ” เขาพึมพำอย่างสงสัย เมื่อเห็นรถเก๋งตรงหน้าเลี้ยวไปจอดรถด้านหน้าตึกให้เลขาของเขาลงก่อน และรถคันนั้นค่อยขับไปทางลานจอดรถด้านหลังตึกภาสกฤตจ้องมองจนกระทั่งเลขาของเขาเดินตรงไปทางเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ก่อนที่จะเดินตามพนักงานเข้าไปด้านในส่วนของออฟฟิศ“ขอโทษนะครับ คุณเห็นผู้หญิงที่สวมชุดสีน้ำเงินไหม พอดีผมมากับเธอน่ะครับแต่คลาดกัน ไม่รู้เธอเดินไปทางไหนแล้ว โทรไปก็ไม่รับอีก สงสัยจะปิดเสียง”“อ๋อ ใช่คุณที่มาสัมภาษณ์งานกับคุณเวธิศไหมคะ”“สัมภาษณ์งาน!” หัวใจคนฟังกระตุกวูบอย่างแรง“ใช่ค่ะ”“เอ่อ...คนนั้นแหละครับ ไม่ทราบเธอเดินไปทางไหนแล้ว”“ไปที่ออฟฟิศคุณเวธิศค่ะ น่าจะอีกพักใหญ่กว่าจะออกมา ยังไงคุณนั่งรอที่โซฟารับแขกก่อนก็ได
บรรยากาศในห้องวีไอพีที่ควรจะชื่นมื่นแต่เมื่อมีแขกไม่ได้รับเชิญเพิ่มเข้ามาทำให้เกิดความอึดอัดอยู่ไม่น้อย นพรดาในฐานะคนที่อยู่ตรงกลางระหว่างเจ้านายที่กำลังจะเป็นอดีต กับเจ้านายในอนาคตเลขาสาวนั่งมองอาหารที่สั่งทยอยมาวางบนโต๊ะจนในที่สุดเต็มโต๊ะตาปริบๆ ฝีมือใครล่ะถ้าไม่ใช่คนที่บอกจะเป็นเจ้ามือมื้อนี้ แสดงแสนยานุภาพเสียใหญ่โต แต่จะกินหมดหรือเปล่าก็ไม่รู้“ตามสบายเลยนะครับคุณเวธิศ” คนที่ควรเป็นแขกเอ่ยปากกับเจ้าภาพที่นั่งเหวอ“อุ๊ย อันนี้น่ากินจัง” นพรดาเพียงเอ่ย ซาชิมิแซล ม่อนสีส้มดูชุ่มฉ่ำน่ากินก็มาวางในจานถึงสองชิ้น“น่ากิน ก็กินเยอะๆ สิครับ” เวธิศเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้ยี่หระต่อสายตาดุๆ ของคนที่นั่งข้างกายหญิงสาว แถมเขายังคีบแซลม่อนวางในจานให้อีกฝ่ายเสียด้วยแต่แทนที่จะรับไมตรีจากอีกฝ่าย ภาสกฤตกลับหันไปคีบเนื้อปลาทูน่าสดๆ จากจานรูปเรือมาจุ่มลงไปที่ซอสโชยุ แต่ทว่ายังไม่ทันได้เข้าปาก กลิ่นปลาดิบผสมกับซอสโชยุก็ตีขึ้นจมูกจนฉุนกึกรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนราวกับมีคลื่นสึนามิซัดไปมาจนอยากจะอาเจียนขึ้นมา“อุ๊บ!”นพรดาที่เพิ่งคีบปลาแซลม่อนเข้าปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย หันไปมองบอสหนุ่มข้างกายว่าจะมาไม้ไ
นพรดาหันไปมองเขาอย่างเป็นห่วง ก่อนตัดใจรีบกลับไปที่ห้องวีไอพีเพื่อบอกเวธิศ แต่ทว่า...“คุณจะดื้อกับผมไปถึงไหนเนี่ย”นพรดาชะงักที่หน้าประตู เมื่อได้ยินเสียงของเวธิศดังแว่วมาจากในห้อง“ผมบอกแล้วไงว่าผมยินดีรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำวันนั้น!” ฟังจากน้ำเสียงที่เข้มดุ ดูท่าเรื่องที่คุยอาจจะสำคัญมาก เธอจะเข้าไปขัดจังหวะตอนนี้ก็เกรงว่าจะไม่เหมาะ แต่คนที่รออยู่ก็น่าเป็นห่วงเช่นกัน เลขาสาวได้แต่หันรีหันขวาง“แต่ต้องไม่ใช่ด้วยการแต่งงาน เข้าใจหน่อยได้ไหมพลอยพราว...” ชื่อที่ได้ยินทำเอาคนแอบฟังสะดุดลมหายใจตัวเอง เพราะมันคือชื่อเพื่อนรักของเธออะไรกันที่ทำให้เขาต้องรับผิดชอบเพื่อนของเธอ แต่ไม่ใช่ด้วยการแต่งงาน นี่มันเรื่องอะไรกันล่ะ“คุณเก้า! ไปยืนทำอะไรตรงนั้นครับ” เวธิศแอบตกใจนิดๆ ที่เห็นหญิงสาวยืนนิ่งอยู่หน้าห้อง เขารีบปรับสีหน้าก่อนกดตัดสายทันที“คือ...พอดีบอสของเก้าเขาไม่สบายน่ะค่ะ เก้าเลยจะพาไปหาหมอ เลยมาบอกคุณเวย์ก่อน”“อ้าว! เหรอครับ งั้นให้ผมไปส่งดีกว่า” หากเป็นก่อนหน้าที่ได้ยินเขาคุยโทรศัพท์ เธอคงยอมรับไมตรี แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนใจ“ไม่เป็นไรค่ะ พอดีบอสของเก้าเขาขับรถมาเอง แต่ว่าอาหารนี่...” ห
เอาเถอะ ถึงไม่มีเธอ เขาก็คงไม่ลำบากหรอก ในเมื่อมีผู้หญิงดีๆ ที่แสนเพียบพร้อม และเหมาะสมกับเขาในทุกด้านอย่างปาริมาคอยอยู่เคียงข้าง ส่วนเธอก็จะไปตามทางพร้อมกับลูกในท้อง เริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ไม่มีเขาอีกต่อไปเพียงคิดน้ำตาก็เอ่อท้นขึ้นมาคลอเบ้า จนเธอต้องรีบปาดมันทิ้งไปไม่ยอมให้รินไหลฟ้องความอ่อนแอที่ซุกซ่อนอยู่ในใจออกมา“นั่นคุณร้องไห้ทำไม” จู่ๆ คนที่คิดว่าหลับก็ถามขึ้น ทำให้หญิงสาวสะดุ้งนิดๆ รีบเก็บซ่อนน้ำตาอย่างรวดเร็ว“ใครร้องไห้ ฉันเปล่าสักหน่อย”“ก็เห็นๆ อยู่ว่าเมื่อกี้คุณเช็ดน้ำตา” คนป่วยไม่ยอมแพ้ เขาเอียงหน้าไปมองด้วยสายตาลึกซึ้งที่แสนจะบาดหัวใจ“ฉันง่วงก็เลยหาว แล้วน้ำตาก็ไหล ไม่ได้ร้องไห้ค่ะ”“สงสารผมเหรอ” หญิงสาวสะดุดกึก หันไปมองคนถามอย่างเหลือเชื่อ“เก้าจะไปสงสารบอสทำไม สงสารตัวเองกับลูกในท้องไม่ดีกว่าหรือไง มีอาหารดีๆ อร่อยๆ เต็มโต๊ะก็ไม่ได้กิน เพราะต้องมาขับรถให้คนป่วยดื้อๆ แบบคุณเนี่ย”ภาสกฤตมองคนพูดนิ่ง น่าแปลกที่เขาไม่ได้รู้สึกโกรธหรือรำคาญเมื่อได้ยินเธอบ่น ทั้งๆ ที่ถ้าเป็นคนอื่นคงได้ว้ากเพ้ยใส่ไปแล้ว“ถ้าคุณอยากกิน ไว้คราวหน้าผมจะพาไปเอง”นพรดาหันขวับ ก่อนที่จะสะดุดลมหายใจ
“เก้าบอกลูกว่าให้เขามีพ่อเมื่อพร้อมน่ะสิคะ แต่ถ้าหาดีไม่ได้เราก็ไม่ต้องมีเสียดีกว่า ปวดประสาทเปล่าๆ”ภาสกฤตถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกแม้จะอยากโยนเจ้านายปากร้ายลงจากรถแค่ไหน แต่สุดท้ายนพรดาก็ต้องหอบหิ้วคนป่วยกลับมาบ้านด้วยจนได้เพราะเห็นสภาพอันดูไม่ได้ของชายหนุ่ม อยากจะทิ้งเขากลางทางเหมือนที่เขาเคยทำกับเธอ แต่ก็เกรงว่าหากเขาเป็นอะไรขึ้นมาทั้งบริษัทคงโกลาหลแน่สู้เธอก้มหน้ายอมรับวิบากกรรมคนเดียวจะดีกว่า คิดเสียว่าเขาเป็นเจ้ากรรมนายเวรที่เธอเคยติดค้างหนี้กรรมไว้แต่ชาติปางก่อนแล้วกันหลังจากเขาโก่งคออาเจียนอย่างเอาเป็นเอาตายเป็นรอบที่ห้าก่อนเดินสะโหลสะเหลออกมาด้วยสภาพเหมือนซอมบี้ นพรดาก็ถอนหายใจเนือย ก่อนลุกขึ้นมาช่วยประคองร่างสูงใหญ่ไปนอนที่โซฟากลางห้อง“ดื่มน้ำเย็นๆ ก่อนค่ะบอส จะได้รู้สึกดีขึ้น”“ไม่เอา ผมไม่อยากดื่ม” คนป่วยส่ายหน้าอย่างอ่อนแรง“อย่าดื้อค่ะ ดื่มซะ” ว่าแล้วหญิงสาวก็จัดการป้อนถึงปากเขาด้วยความรำคาญคนดื้อแพ่งภาสกฤตทำตาดุใส่ แต่ก็ไม่มีแรงจะไปสู้อีกฝ่าย ไม่คิดเลยว่าการแพ้ท้องแทนเมียจะเล่นงานเขาปางตายขนาดนี้“หิวไหมคะ อยากกินอะไรหรือเปล่า”“ไม่...ผมกินไม่ลง มันเหม็นไปหมดเลยคุ
เอาเถอะ นาทีนี้ชีวิตคนต้องมาก่อนเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง หญิงสาวหลับตาเพื่อเลี่ยงภาพบาดใจ แต่ทว่า...“ผมผายปอดไม่เป็น!”หญิงสาวลืมตามองคนพูดทันใด“ขอโทษครับ ใครผายปอดแบบเม้าท์ทูเม้าท์ได้บ้าง” ธิเบศหันไปถามเหล่าไทยมุงหน้าตาเฉย และไม่นานก็มีพลเมืองดีอาสา“ผมทำได้ครับ ผมเคยฝึกมา” คนพูดคือชายวัยกลางคนตัวใหญ่ผิวคล้ำ แม้ท่าทีจะดูน่ากลัวไปนิด แต่ถือว่าเขามีน้ำใจ“งั้นช่วยกันหน่อยนะครับ ถือว่าเอาบุญ” ธิเบศลงเสียงหนักในประโยคสุดท้าย ก่อนรีบขยับหลีกทางให้พลเมืองดีเข้ามาทำหน้าที่แทน ส่วนเขาก็รีบยืนข้างๆ ภรรยาที่ตอนนี้ทำหน้าเหวอ ก่อนกระซิบที่ข้างหูเธอเบาๆ“รอดูฉากเด็ดนะ”ฉากเด็ด! ฉากเด็ดอะไรล่ะ หญิงสาวได้แต่มองหน้าสามีสุดหล่ออย่างงุนงง ก่อนหันไปจ้องมองนาทีชีวิตของเมลดาตาแทบไม่กะพริบพลเมืองดีคนนั้นท่าทางจะมีความรู้ในการปฐมพยาบาลเบื้องต้นคนจมน้ำจริงอย่างที่พูด เขาจัดการลงมือช่วยหญิงสาวอย่างคล่องแคล่ว หากทว่าตอนที่เขากำลังจะทำการเป่าปากแบบเม้าท์ทูเม้าท์นั้นเอง จู่ๆ คนที่นอนนิ่งก็ล
จารุพัชรเหลือบมองใบหน้าหล่อเหลาที่ดุขึ้งจากอารมณ์ขุ่นมัวที่ค้างมาจากอดีตแฟนเก่า มืออุ่นๆ ของเขายังกุมมือเธอไว้แน่น และวงแขนแข็งแรงก็โอบอุ้มยอดดวงใจตัวน้อยไว้ไม่ปล่อยเธอไม่เคยเห็นเขาโมโหมากเท่านี้มาก่อน หากสิ่งที่เมลดาทำนั้นก็สมควรที่จะทำให้เขาไม่พอใจ“คุณธิมคะ” อดไม่ได้เลยเรียกเขาเบาๆ“หืม...คุณมีอะไรเหรอ เมื่อกี้เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”“แจนไม่ได้เป็นอะไรค่ะ ส่วนลูกก็คงตกใจแต่ยังไม่ทันโดนทำร้ายอะไร”ธิเบศถอนหายใจ พลางหยุดเดินแล้วหันมาสบตา“ผมขอโทษนะ”“ขอโทษเรื่องอะไรคะ แจนกับลูกต้องขอบคุณคุณต่างหากที่เข้ามาปกป้องเราสองคน ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวส่งยิ้มให้ ทำให้สีหน้าดุๆ คลายลง“ขอบคุณเฉยๆ เหรอ แล้วรางวัลของผู้กล้าล่ะ”จารุพัชรมองคนพูดอย่างหมั่นใส้ แต่ทว่าเธอก็ยอมเขย่งปลายเท้าขึ้นและบรรจงจูบที่แก้มของเขาเบาๆ ไปทีหนึ่ง แต่เจ้าตัวกลับยื่นปากให้ หญิงสาวยิ้มเขินๆ“พอแล้วค่ะ อายลูกบ้าง”“อายทำไมเนอะลูกเนอะ หนูชอบให้พ่อกับแม่ส
“นี่แก!” เมลดามองศัตรูหัวใจราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เจ็บใจที่ผิดแผน ต้องโทษที่ยัยเด็กบ้านี่ทำให้เธอเสียอาการจนดูแย่ในสายตาบุรุษที่หมายปอง“ธิมคะ...เมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะคะ...”“ไม่ตั้งใจงั้นเหรอ...คนที่คุณควรขอโทษคือลูกและเมียผมต่างหาก อ้อ! แล้วที่คุณว่าลูกผมว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอนน่ะ ผมว่าคงไม่ใช่ลูกผมหรอกที่ควรโดนว่า แต่เป็นคุณต่างหาก...” เมลดาสะอึก หน้าเสีย ดวงตาคู่งามมีน้ำตาคลอ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะปากร้ายขนาดนี้“ธิมคะ ทำไมคุณว่าเมหนักแบบนี้ เมบอกแล้วไงว่าไม่ได้ตั้งใจ แล้วเมก็ยังไม่ได้ทำร้ายลูกคุณเลยนะคะ”“พอเถอะนะเม ผมไม่อยากฟังคำแก้ตัวอะไรของคุณ เอาเป็นว่า เราต่างคนต่างอยู่ดีกว่านะ คุณจะทำเป็นไม่รู้จักผมเลยก็ได้ ผมไม่สน แต่อย่ามายุ่งกับลูกเมียผมอีก จะให้ดีคุณช่วยหายไปเหมือนวันนั้นได้ไหม ผมจะขอบคุณมาก”โอ้...จารุพัชรนิ่วหน้านิดๆ แอบเจ็บแทนคนฟัง ธิเบศเวอร์ชั่นปราบมารนี้อาจดูใจร้ายไปสักหน่อยสำหรับเมลดา แต่กลับกร้าวใจคนเป็นภรรยาเหลือเกิน พ่อคนหวงลูกหวงเมีย พ่อพระเอกนอกจอโอ๊ย...พ่อทูนหั
“จะรีบไปไหนล่ะคะ”เมลดาก้าวเข้ามาหาสองแม่ลูก วันนี้เธอสวมชุดว่ายน้ำทูพีชมีเสื้อคลุมเนื้อบางเบาสวมทับไว้อย่างสวยเก๋และดูเซ็กซี่ เรือนร่างของนางแบบสาวตรงหน้างดงามอย่างไม่มีที่ติ“คุณนั่นเอง มาเดินเล่นเหรอคะ”จารุพัชรยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเป็นมิตร ไม่มีเหตุผลที่จะต้องแสดงท่าทีเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน“เมมาดูพระอาทิตย์ขึ้นน่ะค่ะ พอดีเห็นคุณกับ...ลูกเสียก่อน” เมลดาส่งยิ้มหวานให้ “นี่ลูกคุณเหรอคะ หนูชื่ออะไรเอ่ย”“ชื่อน้องทับทิมค่ะ”ชื่อนั้นทำให้คนฟังหน้าเสียไปนิดๆตั้งชื่อพ้องกับชื่อพ่อขนาดนี้ กลัวใครไม่รู้หรือไงว่าสามีชื่ออะไร เมลดาค่อนขอดคนตรงหน้าในใจอย่างหมั่นไส้ แต่ใบหน้าสวยยังคงยิ้มหวาน“แหม...ถ้าไม่บอกคงไม่รู้นะคะว่าเป็นลูกธิม”คนฟังชักทะแม่งหู ใครๆ ก็บอกว่าลูกสาวเธอหน้าเหมือนพ่ออย่างกับแกะจากพิมพ์เดียวกัน คำพูดของคนตรงหน้ามีนัยยะใดแอบแฝงหรือเปล่านะ“ขอโทษนะคะที่ฉันพูดตรงไปหน่อย แต่จริงๆ ฉันอยากบอกว่าหนูทับทิมหน้าเหมือนคุณมากกว่า ไม่ค่อยมีเค้าธิ
เมลดากัดฟันแน่น เมื่อเห็นอดีตคนที่เธอเคยทิ้งไปอย่างไม่ไยดีคอยเอาใจผู้หญิงหน้าตาบ้านๆ คนนั้นอย่างหวานชื่น ทั้งที่ยัยนั่นไม่มีอะไรคู่ควรกับเขาสักอย่าง คนที่ไม่อาจเทียบกับเมลดานางแบบสาวสวยไฮโซคนนี้แม้ปลายเล็บด้วยซ้ำคิดไปแล้วก็แสนจะเจ็บใจ ค่าที่วันนั้นเธอไม่น่าใจเร็วด่วนได้หลงไปกับเปลือกนอกจอมปลอมของสามีไฮโซคนปัจจุบันอ้อ! ไม่ใช่สิ เขาคนนั้นกำลังจะกลายเป็นอดีตสามีต่างหาก ในเมื่อเธอกำลังจะฟ้องหย่าเร็วๆ นี้แล้วดวงตาสวยเฉี่ยวมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของอดีตแฟนเก่า ธิเบศในวันนี้หล่อเหลาและมีออร่าจับ ต่างจากธิเบศคนเก่าที่เธอทิ้งไปอย่างไม่ลังเลในวันนั้น ก็ใครจะรู้เล่าว่าเขาจะกลายเป็นพระเอกซุปเปอร์สตาร์เหมือนอย่างวันนี้ เพราะถ้ารู้คนที่นั่งตรงหน้าเขาต้องเป็นเธอไม่ใช่ผู้หญิงกระจอกๆ คนนั้นยิ่งเห็นเขาเอาอกเอาใจภรรยา ดูเหมือนว่าเขาจะรักเธอคนนั้นมากเท่าไหร่ หัวใจเธอก็ยิ่งร้อนรนราวกับไฟเผาผลาญ นึกอยากย้อนวันเวลากลับไปในวันที่เคยรักกันอีกครั้ง เธอยังจำได้ว่าธิเบศทั้งรักและเอาอกเอาใจเธอมากแค่ไหน ความเร่าร้อนของเขาทำให้เธอติดใจไม่หาย แม้สามีคนปัจจุบันก็ยังไม่ทำให้เธอพอใจเท่า
“กุ้งผัดกระเทียมพริกไทยดำนี่อร่อยดี เดี๋ยวผมแกะให้นะ” ธิเบศ เอ่ยหน้าตาเฉย พลางแกะกุ้งตัวโตในจานตนก่อนตักให้เธอราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นโอ๊ย...อีพี่ธิมเวอร์ชั่นเลือดเย็น!!!นี่เธอควรดีใจหรือสงสารผู้หญิงคนนั้นดีล่ะเนี่ย“ทำแบบนั้นกับเธอจะดีเหรอคะ”“หรือคุณอยากให้ผมบอกเบอร์ตัวเองล่ะ” คนถูกถามชะงักไป“ถ้าคุณอยากบอก แจนจะไปห้ามอะไรได้”“ได้สิ แต่คุณไม่ต้องห่วงหรอก ผมรู้ดีว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ ผมไม่อยากให้เราต้องมีปัญหากันทีหลัง” คนฟังชะงักไป พลางคิดตามมันก็จริงแฮะ เธอเคยเห็นในละครบ่อยๆ ฉากที่นางร้ายพยายามเข้ามายุแหย่ทำให้พระเอกกับนางเอกเข้าใจผิด แล้วส่วนใหญ่มันก็สำเร็จสมใจนางร้าย 99% เสียด้วย ใครจะไปนึกว่าเธอต้องมาเจอเหตุการณ์แบบในละครน้ำเน่าพวกนั้น ยังดีที่ไม่ต้องมีฉากลุกขึ้นตบธิเบศถอนหายใจเบาๆ พลางยื่นมือมากุมมือภรรยาสาวไว้“ผมชอบอยู่กับปัจจุบันมากกว่าอดีตนะ อะไรที่ผ่านมาแล้วน่าจดจำก็จำ แต่ถ้ามันไม่น่าจำ ผมก็ไม่อยากเก็บไว้ให้รกสมอง”“แ
“นี่คุณแจน ภรรยาของผม แจนครับ นี่คือคุณเมลดา เขาเป็น ‘อดีตคนเคยรู้จัก’...” เมลดาชะงักกึก“แค่คนรู้จักเท่านั้นเองหรือคะ แต่เท่าที่เมจำได้ตอนนั้นเรารักกันมาก มากเสียจนคุณเคยบอกว่าอยากแต่งงานกับเมด้วยซ้ำนะคะ”จารุพัชรถึงกับสะอึก อึ้งไปชั่วขณะ พอหันไปมองสามีก็เห็นสีหน้านิ่ง แต่แววตาดุขึ้ง ดูท่าเรื่องที่ว่าคงมีมูลอยู่มากทีเดียว“เมยังไม่เคยลืมช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน เมคิดถึงธิมมากเลยนะคะ”หืม...คิดจะเปิดเกมส์บุกกันแบบนี้เลยเหรอแม่คุณ“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณเมลดา” จารุพัชรส่งยิ้มให้ ราวกับไม่ถือสา แต่ตามองคนตรงหน้าอย่างประเมินผลเงียบๆผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าทั้งสวยทั้งรูปร่างดีราวกับดารานางแบบ การแต่งกาย หรือบุคลิกภาพก็ไม่ได้ต่ำทรามอะไร ดูไปแล้วก็เหมาะสมกับธิเบศไม่น้อย ยกเว้นก็แต่แววตาของเจ้าหล่อนที่เผยความปรารถนาออกมาชัดเจนโจ่งแจ้งไปหน่อย แต่ทุกอย่างไม่สำคัญสิ่งที่สำคัญที่สุดคือคนข้างกายเธอต่างหากที่คิดอย่างไร ยังอาวรณ์กับอดีต หรือไม่คิดอะไรด้วยแล้ว นี่ต่างหากที่สำคัญ และเท่
“ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน อย่าไปยึดติดอะไรมากเลยค่ะ นั่นลูกหลับแล้ว” ธิเบศหันไปมองเจ้าตัวน้อยที่เอียงคอซบไหล่พ่อหลับปุ๋ยไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้“ถ้าถึงวันนั้น วันที่ผมไม่ได้เป็นดาราชื่อดัง ไม่ใช่ธิม-ธิเบศที่ใครๆ ก็ชื่นชอบ แต่กลายเป็นนายธิเบศผู้ชายธรรมดา คุณจะว่าไง”“จะไปว่าอะไร ก็แค่หาสามีใหม่สิคะ” คำนั้นทำให้ชายหนุ่มหันขวับ“ว่าไงนะ”“ฮ่าๆ ฉันล้อเล่นค่ะ ดูคุณทำหน้าเข้าสิ” จารุพัชรหัวเราะคิก ก่อนที่จะหันไปมองสบตาเขา“คุณจะเป็นดาราดัง หรือเป็นคนธรรมดาแล้วไง ตราบใดที่คุณเป็นพ่อของลูกและเป็นสามีที่ดีของแจนแบบนี้ ก็พอแล้วนี่คะ”“ไดอะล็อกนี้คุ้นๆ จัง แต่ผมชอบแฮะ”“แจนก็แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย ขอแค่มีคุณกับลูก แจนก็มีความสุขแล้ว” หญิงสาวเงยหน้าสบตาเขาอย่างจริงใจ ก่อนที่จะเผยอริมฝีปากรับจุมพิตแสนหวานของสามีที่โน้มลงมาทาบทับอย่างนุ่มนวลชวนฝันสองหนุ่มสาวและลูกน้อยโอบกอดกันท่ามกลางบรรยากาศยามเย็นที่ตะวันใกล้ลับขอบ
“ไงธิม...ที่พักโอเคไหม”เสียงทักทายมาตามสายของผู้จัดการคู่ใจทำให้พระเอกหนุ่มที่กำลังทอดสายตามองไปที่ชายหาดซึ่งมีร่างเพรียวบางนั่งอยู่บนผืนทรายสีขาวละเอียดราวกับแป้ง ข้างกายมีลูกสาวตัวน้อยนั่งจุมปุ๊ก ทั้งสองกำลังเล่นของเล่นกันอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะใสๆ คลอกับเสียงคลื่นทะเลทำให้เขาพลอยเพลิดเพลินไปด้วย“ธิม...ฟังพี่อยู่หรือเปล่า”“ครับ ฟังอยู่ครับ”“แล้วเรื่องละครเรื่องใหม่ที่พี่ส่งไปธิมจะว่ายังไงรับหรือเปล่า บทพระเอกพ่อลูกอ่อนน่ะ”ธิเบศยิ้มกับตัวเอง เมื่อได้ยินคำนั้น“ถ้าพี่บีอ่านแล้วโอเค ก็ตอบรับไปได้เลยครับ อ้อ! แจ้งทางกองไปด้วยว่า...”“ไม่จูบจริงทุกกรณี เลิฟซีนต้องไม่ถึงเนื้อถึงตัวมาก” ศุภกรดักคอพระเอกในสังกัดอย่างรู้แกว เพราะหลังๆ ชายหนุ่มค่อนข้างเคร่งเรื่องนี้มาก จะบทไหนเขาก็ไม่เกี่ยงทั้งนั้น หากตกลง เขาก็รับเล่น“เท่านี้ใช่ไหมครับ”“เดี๋ยวๆ จะรีบไปไหนกัน พี่ยังพูดไม่จบ มีอีกงานเพิ่งเข้ามาวันนี้ เป็นงานถ่ายโฆษณาสินค้าพวกสเปรย์