“เก้าบอกลูกว่าให้เขามีพ่อเมื่อพร้อมน่ะสิคะ แต่ถ้าหาดีไม่ได้เราก็ไม่ต้องมีเสียดีกว่า ปวดประสาทเปล่าๆ”ภาสกฤตถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกแม้จะอยากโยนเจ้านายปากร้ายลงจากรถแค่ไหน แต่สุดท้ายนพรดาก็ต้องหอบหิ้วคนป่วยกลับมาบ้านด้วยจนได้เพราะเห็นสภาพอันดูไม่ได้ของชายหนุ่ม อยากจะทิ้งเขากลางทางเหมือนที่เขาเคยทำกับเธอ แต่ก็เกรงว่าหากเขาเป็นอะไรขึ้นมาทั้งบริษัทคงโกลาหลแน่สู้เธอก้มหน้ายอมรับวิบากกรรมคนเดียวจะดีกว่า คิดเสียว่าเขาเป็นเจ้ากรรมนายเวรที่เธอเคยติดค้างหนี้กรรมไว้แต่ชาติปางก่อนแล้วกันหลังจากเขาโก่งคออาเจียนอย่างเอาเป็นเอาตายเป็นรอบที่ห้าก่อนเดินสะโหลสะเหลออกมาด้วยสภาพเหมือนซอมบี้ นพรดาก็ถอนหายใจเนือย ก่อนลุกขึ้นมาช่วยประคองร่างสูงใหญ่ไปนอนที่โซฟากลางห้อง“ดื่มน้ำเย็นๆ ก่อนค่ะบอส จะได้รู้สึกดีขึ้น”“ไม่เอา ผมไม่อยากดื่ม” คนป่วยส่ายหน้าอย่างอ่อนแรง“อย่าดื้อค่ะ ดื่มซะ” ว่าแล้วหญิงสาวก็จัดการป้อนถึงปากเขาด้วยความรำคาญคนดื้อแพ่งภาสกฤตทำตาดุใส่ แต่ก็ไม่มีแรงจะไปสู้อีกฝ่าย ไม่คิดเลยว่าการแพ้ท้องแทนเมียจะเล่นงานเขาปางตายขนาดนี้“หิวไหมคะ อยากกินอะไรหรือเปล่า”“ไม่...ผมกินไม่ลง มันเหม็นไปหมดเลยคุ
“เกี่ยวอะไรกับเขา” ปากบอก แต่จมูกกลับไม่ยอมละจากแก้มและซอกคอไปไหน ส่วนมือหนาก็เลื่อนลงไปกอดที่หน้าท้องซึ่งเริ่มนูนขึ้น พร้อมกับลูบไล้เบาๆ“เจ้าตัวเล็ก...เมื่อไหร่จะเลิกเล่นงานพ่อเสียทีครับ”คำว่า ‘พ่อ’ จากปากของเขาทำเอาเลขาสาวถึงกับตาโต ลมหายใจติดขัด หัวใจพองฟูคับอก“ถ้ายังไม่เลิกรังแกพ่อ แม่ของหนูก็จะโดนพ่อรังแกแบบนี้...” พอขาดคำ เขาก็ก้มลงมาจูบที่แก้มของเธอฟอดใหญ่ “แล้วก็แบบนี้...”คราวนี้คนพูดเลื่อนริมฝีปากมาที่กลีบปากอิ่มและขบดึงมันนิดๆ“บ...บอสจะทำอะไรเนี่ย อุ๊บ!” คำถามนั้นถูกกลืนลงไปในลำคอพร้อมกับที่เขาประทับจูบปิดปากเธออย่างดูดดื่มนพรดาเบิกตาค้าง มือรีบผลักไสเขาออกไปแต่กลับถูกรู้ทัน และรวบมือเธอไว้ พร้อมกับบดจูบอย่างลึกซึ้ง จนเธอไม่อาจต้านทานหรือขัดขืนได้ หรืออาจเป็นเพราะบางสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจที่มีต่อเขา ทำให้เธอเผลอจูบตอบอีกฝ่ายไปบ้างสองหนุ่มสาวแลกเปลี่ยนความรู้สึกผ่านรอยจูบแสนหวานและเร่าร้อนขึ้นทุกทีๆ ภาสกฤตประคองกอดร่างบางให้แนบชิดกาย ส่วนสะโพกผายของเธอที่กำลังขยับไปมาบนหน้าขาเขาก็เริ่มออกฤทธิ์ทำให้มังกรยักษ์ตื่นขึ้นคึกคักและอยากออกมาวาดลวดลายเต็มที“บ...บอ
ดวงตาคู่งามเปลี่ยนเป็นเย็นชาและหมางเมินจน ภาสกฤตถึงกับสะดุ้ง หัวใจวูบโหวง“เอาล่ะ งั้นแม่ขอคุยกับหนูเก้าตามลำพัง ลูกออกไปรอข้างนอกก่อนแล้วกัน” คุณภาณีออกปาก แต่เป็นชายหนุ่มที่รู้สึกไม่อยากออกไป ยิ่งเห็นอาการเย็นชาของเลขาสาวด้วยแล้ว เขายิ่งอยากรู้ว่าแม่ของตนจะเจรจากับอีกฝ่ายเรื่องอะไร“ไปสิ อ้อ แล้วก็โทรหาหนูปลาเขาด้วย ไม่รู้ตกใจจนวิ่งเตลิดไปทางไหนแล้ว”“งั้นก็ได้ครับ เอาเป็นว่าผมจะรออยู่ที่หน้าห้อง” ประโยคนั้นเขาจงใจบอกใครบางคนด้วยในตัว แต่เธอกลับไม่ได้หันมามองกันเลยแม้แต่หางตาหลังจากโดนผู้เป็นแม่อัปเปหิออกมาจากห้อง ภาสกฤตก็ไม่ได้ไปไหน เขายังคงปักหลักรออยู่หน้าห้อง พยายามเงี่ยหูฟัง แต่ต้องโทษที่ห้องของเขาเก็บเสียงดีเกินไป จึงไม่ได้ยินบทสนทนาระหว่างคนทั้งสองยิ่งคิดก็ยิ่งเป็นห่วง หวังว่าแม่ของเขาคงไม่ได้ฟาดฟันเธอจนเจ็บปวดไปมากกว่านี้หรอกนะรออยู่พักใหญ่ ในที่สุดประตูห้องก็เปิดออก พร้อมกับที่คุณภาณีเดินออกมาจากห้อง โดยมีเลขาสาวเดินตามออกมาด้วยสีหน้านิ่งสงบที่เขาอ่านไม่ออกว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ดวงตาแดงก่ำเหมือนจะวาวด้วยหยดน้ำที่คลอขังทำให้หัวใจของเขาไหวหวั่นสะเทือนใจจนอยากจะดึงตั
เวลาต่อมา หลังจากโดนแม่เคี่ยวเข็ญให้ไปจัดการสภาพตัวเองจากซอมบี้ให้กลับมาเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังไม่กลับมาร้อยเปอร์เซ็นต์ คุณภาณีกวักมือเรียกลูกชายเข้ามานั่งที่โซฟาตรงหน้า“นี่ลูกยังแพ้ท้องแทนเมียอยู่อีกเหรอ”คำว่าเมียทำให้คนฟังไหวตัวนิดๆ ก่อนพยักหน้ารับ“ครับ ทุกวัน เช้า เย็น บางทีก็ค่ำ” คนเป็นแม่ต้องกดมุมปากไม่ให้เผลอยิ้มเมื่อได้ยินคำนั้น บทลงโทษของคนปากแข็ง“โบราณเขาว่าผู้ชายที่แพ้ท้องแทนเมีย แปลว่าคนนั้นรักเมียตัวเองมาก แต่แม่ว่าลูกเองก็ไม่ได้รักอะไรแม่หนูเก้าเขาสักเท่าไหร่ไม่ใช่เหรอ”สีหน้าชายหนุ่มหม่นครึ้ม“เขาไปตั้งสามสี่เดือนแล้ว ก็ลืมๆ เขาไปเถอะนะ ไม่แน่ว่าป่านนี้เขาคงมีสามีใหม่ไปแล้วก็ได้ แม่ว่า”ยิ่งกว่าโดนมีดปักอกแล้วคว้านหัวใจแบบเน้นๆ เพียงคิดตามคำที่แม่ว่า เขาก็แทบจะหายใจไม่ออกขึ้นมาเสียดื้อๆ“นี่วันก่อนแม่เพิ่งไปคุยกับบ้านหนูปลามา ทางนั้นเขาบอกว่าไม่ติดใจถือสาเรื่องที่ผ่านมาของลูก และยังยินดีหากลูกกับหนูปลาจะแต่งงานกัน หรือจะหมั้นกันก่อนก็ได้”“ผมไม่อยากแต่งกับคุณปลาครับ”ชายหนุ่มตอบกลับโดยไม่ต้องคิด“แล้วลูกจะอยู่ไปวันๆ แบบนี้เหรอ หรือว่ารอใคร หนูเก้างั้นเหรอ” ค
แสงอาทิตย์ยามเช้าค่อยๆ จับขอบฟ้าจนกลายเป็นสีส้มชโลมไปทั้งผืนน้ำทะเลกว้างไกลจนสุดลูกหูลูกตา หญิงสาวผู้หนึ่งยืนดื่มด่ำกับภาพอันงดงามของธรรมชาติอันบริสุทธิ์ตรงหน้าด้วยหัวใจที่สงบและเป็นสุขชีวิตคนเราจะต้องการอะไรมากไปกว่านี้ ความสุขที่แสนเรียบง่าย ไม่ต้องคอยแก่งแย่งแข่งขันอะไรกับใคร สุขที่ได้อยู่กับธรรมชาติ สุขที่ได้มีเวลาให้ตัวเองและคนที่รัก“ไง เจ้าตัวเล็ก ดูพระอาทิตย์ขึ้นตรงนู้นสิ สวยใช่ไหมครับลูก โอ๊ะ!” นพรดาถึงกับนิ่วหน้า เมื่อเจ้าแสบในท้องตอบเธอกลับมาด้วยการถีบผนังท้องของเธอจนแอบจุกเบาๆ“หนอย เจ้าตัวแสบนี่แรงดีเหมือนใครกัน มาเตะแม่แบบนี้”หญิงสาวลูบหน้าท้องที่ตอนนี้ขยายใหญ่ขึ้นตามอายุครรภ์เกือบหกเดือนจนเห็นได้ชัด แถมเธอยังกินจุกว่าเดิมเสียด้วย หลังจากย้ายมาอยู่ที่นี่ได้กว่าสามสี่เดือนแล้ว ใหม่ๆ ก็ไม่ค่อยชินเท่าไหร่ ชีวิตที่เคยดิ้นรนทำงานหาเช้ากินค่ำมาตลอด แทบไม่ได้พักแต่ตอนนี้เธอกลับมีเวลาพักเหลือเฟือ ไม่ต้องคอยเครียดเรื่องงาน ไม่ต้องคอยฟังคำสั่ง หรือคอยดูแลเป็นห่วงใคร นอกจากลูกชายในท้องนพรดาคลี่ยิ้ม เมื่อคิดถึงตอนที่หมอบอกกับเธอว่าได้ลูกชาย ภาพแรกที่เห็น เสียงหัวใจของลูกที่ได้ยิ
ตอนที่นพรดาเดินกลับไปถึงบ้านพักตากอากาศหลังงาม ก็พบว่าคนที่มามีเพียงคุณภาณีและสามีเท่านั้น แต่กลับไม่มีวี่แววของภาสกฤต“บอสของหนูเขาบอกว่าติดงาน แต่จะตามมาทีหลังน่ะจ้ะ” คุณภาณีบอกอย่างรู้ทัน “มาทานข้าวเช้าด้วยกันกับป้าก่อนสิลูก หลานย่าหิวแย่แล้ว”ความอ่อนโยนของอีกฝ่ายทำให้นพรดารู้สึกอบอุ่นใจเสมอ แม้พ่อของลูกจะไม่ต้องการ แต่อย่างน้อยก็มีปู่กับย่าที่ขยันเห่อหลานในท้องแทน“เป็นไงบ้างหนูเก้า อยู่ที่นี่สบายดีไหม แล้วเจ้าตัวเล็กช่วงนี้เป็นไงบ้างลูก” คุณดัสกรถามอย่างเอ็นดู“ซนค่ะคุณลุง ชอบดิ้นวันละหลายๆ ครั้ง บางทีก็เตะท้องจนทำเก้าจุกไปเหมือนกัน”“โถ...หลานย่า ดิ้นเก่งแบบนี้แปลว่าต้องแข็งแรงแน่นอน ป้ากับลุงซื้อของมาฝากหนูเยอะแยะเลยนะ ให้เขาเอาไปเก็บที่ห้องหนูแล้ว นี่ก็ให้แม่ครัวเขาไปซื้อของทะเลสดๆ มา ตอนเย็นเราค่อยทำทะเลเผาทานกันดีไหม”หญิงสาวยิ้มรับไมตรีจากอีกฝ่าย ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ทั้งสองก็มักหาเวลามาเยี่ยมเธออยู่หลายครั้ง แต่กลับไร้วี่แววภาสกฤต และครั้งนี้ก็คงเป็นเช่นทุกครั้งที่เขาทำให้เธอและลูกผิดหวัง แต่ช่างเถอะ มันคงเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว“คุณป้าคะ หนูว่าจะกลับกรุงเทพแล้ว”“อ้าว...ทำไม
ภาสกฤตใจหายวาบ ในยามที่อีกฝ่ายหมุนกายกลับมามองสบตา“เก้าไม่แต่ง จนกว่าบอสจะสัญญามาก่อนว่าจากนี้ไปจะมีเก้าแค่คนเดียวเท่านั้น ไม่มีใครอื่นอีก”ราวกับมีใครมาจุดพลุในหัวใจของบอสหนุ่มจนระเบิดพร่าง ในยามที่ได้สบตาคู่หวานที่ทอประกายระยิบระยับตรงหน้า“นอกจากคุณ ผมจะไม่มีใครอื่นอีก ผมสัญญา พอใจหรือยังครับ คุณว่าที่ภรรยา...”นพรดาคลี่ยิ้มหวาน ก่อนหันไปทางกองเชียร์ที่ยืนรายล้อมเขาและเธออยู่ห่างๆ“ทุกคนช่วยเป็นพยานให้เก้าด้วยนะคะ”“แล้วคำตอบผมล่ะ”“อืม...บอสขยับมาใกล้ๆ สิคะ” ดวงตาคู่สวยทอประกายเจ้าเล่ห์ และเมื่ออีกฝ่ายยอมขยับเข้ามาใกล้ เธอจึงฉวยโอกาสเขย่งกายขึ้นจูบที่ริมฝีปากของเขาแทนคำตอบ“ตกลงค่ะ เก้าจะแต่งงานกับบอส”ภาสกฤตส่ายหน้าเบาๆ“ตอนนี้ผมไม่ใช่เจ้านายของคุณ แต่เป็นสามีคุณต่างหาก ไหนลองเรียกซิ ที่รัก...”นพรดาก้มหน้างุดๆ ด้วยความเขินอาย แต่กลับถูกเขาเชยคางขึ้นมาสบตากันไม่ยอมให้เธอหนี“เก็บไว้เรียกตอนอยู่สองคนได้ไหมคะ เก้าอายเขา”“ได้ครับเจ้านาย”พอขาดคำ ชายหนุ่มก็รวบตัวเธอเข้ามาสวมกอดและพรมจูบที่ริมฝีปากช่างพูดของเธอแทนค่ามัดจำแบบทบต้นทบดอก ท่ามกลางเสียงเชียร์ของทุกคนในครอบครัวอย่างมีความ
“ก...เก้า อย่าเล่นแบบนี้นะ เดี๋ยวลูกตื่น” เสียงพร่ากระเส่าบอกอย่างคาดโทษ แต่เธอมีหรือจะกลัว“ไม่ตื่นหรอกค่ะ คุณเล่นเล่านิทานพิเรนทร์กล่อมแกหลับแล้ว”“ไม่ใช่ลูกในท้องคุณ”“อ้าว แล้วลูกที่ไหน อย่าบอกนะว่าคุณไปไข่ทิ้งไว้ที่อื่น” ภาสกฤตกัดฟันแน่น เมื่อถูกมือน้อยๆ บดคลึงยอดอกจนเขาขนลุกซู่ไปทั้งตัว“ใช่ที่ไหน อย่ามากล่าวหากันนะที่รัก”“อ้าว ก็คุณพูดเองว่าไม่ใช่ลูกในท้องเก้า แล้วมันลูกอะไร” พอขาดคำ เขาก็ดึงมือของเธอให้เลื่อนลงต่ำลอดเข้าไปในกางเกงนอนเพื่อเข้าไปสัมผัส ‘ลูก’ ที่อยู่กึ่งกลางของลำตัวของเขาที่ตอนนี้เริ่มแข็งขึงขึ้นมาเพราะสัมผัสจากมือเมียรัก“ลูกนี้ต่างหาก”อดีตเลขาสาวหน้าแดงวาบ แต่แทนที่จะถอยทัพ แต่เธอกลับรุกไปข้างหน้าต่อไป“เก้า...”“ขา...ที่รัก” หญิงสาวยิ้มใส่ดวงตาคมจัดที่ตอนนี้เต็มไปด้วยไฟเสน่หาที่ลุกโชนจากการปลุกปั่นด้วยมือของเธอ“ยัยตัวแสบ! ซี้ด...” เขากัดฟันแน่น มองดูการกระทำอันอุกอาจของเธอด้วยหัวใจระทึก“อย่าหยุดนะ แบบนั้นแหละคนเก่ง แรงอีกหน่อย”“แรงแค่นี้พอไหมคะ โอ๊ะ!” ท้ายประโยค จู่ๆ เธอก็นิ่วหน้า เมื่อรับรู้สัญญาณอะไรบางอย่างจากในครรภ์“คุณเป็นอะไรไปครับที่รัก” ภาสกฤตตกใ
เอาเถอะ นาทีนี้ชีวิตคนต้องมาก่อนเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง หญิงสาวหลับตาเพื่อเลี่ยงภาพบาดใจ แต่ทว่า...“ผมผายปอดไม่เป็น!”หญิงสาวลืมตามองคนพูดทันใด“ขอโทษครับ ใครผายปอดแบบเม้าท์ทูเม้าท์ได้บ้าง” ธิเบศหันไปถามเหล่าไทยมุงหน้าตาเฉย และไม่นานก็มีพลเมืองดีอาสา“ผมทำได้ครับ ผมเคยฝึกมา” คนพูดคือชายวัยกลางคนตัวใหญ่ผิวคล้ำ แม้ท่าทีจะดูน่ากลัวไปนิด แต่ถือว่าเขามีน้ำใจ“งั้นช่วยกันหน่อยนะครับ ถือว่าเอาบุญ” ธิเบศลงเสียงหนักในประโยคสุดท้าย ก่อนรีบขยับหลีกทางให้พลเมืองดีเข้ามาทำหน้าที่แทน ส่วนเขาก็รีบยืนข้างๆ ภรรยาที่ตอนนี้ทำหน้าเหวอ ก่อนกระซิบที่ข้างหูเธอเบาๆ“รอดูฉากเด็ดนะ”ฉากเด็ด! ฉากเด็ดอะไรล่ะ หญิงสาวได้แต่มองหน้าสามีสุดหล่ออย่างงุนงง ก่อนหันไปจ้องมองนาทีชีวิตของเมลดาตาแทบไม่กะพริบพลเมืองดีคนนั้นท่าทางจะมีความรู้ในการปฐมพยาบาลเบื้องต้นคนจมน้ำจริงอย่างที่พูด เขาจัดการลงมือช่วยหญิงสาวอย่างคล่องแคล่ว หากทว่าตอนที่เขากำลังจะทำการเป่าปากแบบเม้าท์ทูเม้าท์นั้นเอง จู่ๆ คนที่นอนนิ่งก็ล
จารุพัชรเหลือบมองใบหน้าหล่อเหลาที่ดุขึ้งจากอารมณ์ขุ่นมัวที่ค้างมาจากอดีตแฟนเก่า มืออุ่นๆ ของเขายังกุมมือเธอไว้แน่น และวงแขนแข็งแรงก็โอบอุ้มยอดดวงใจตัวน้อยไว้ไม่ปล่อยเธอไม่เคยเห็นเขาโมโหมากเท่านี้มาก่อน หากสิ่งที่เมลดาทำนั้นก็สมควรที่จะทำให้เขาไม่พอใจ“คุณธิมคะ” อดไม่ได้เลยเรียกเขาเบาๆ“หืม...คุณมีอะไรเหรอ เมื่อกี้เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”“แจนไม่ได้เป็นอะไรค่ะ ส่วนลูกก็คงตกใจแต่ยังไม่ทันโดนทำร้ายอะไร”ธิเบศถอนหายใจ พลางหยุดเดินแล้วหันมาสบตา“ผมขอโทษนะ”“ขอโทษเรื่องอะไรคะ แจนกับลูกต้องขอบคุณคุณต่างหากที่เข้ามาปกป้องเราสองคน ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวส่งยิ้มให้ ทำให้สีหน้าดุๆ คลายลง“ขอบคุณเฉยๆ เหรอ แล้วรางวัลของผู้กล้าล่ะ”จารุพัชรมองคนพูดอย่างหมั่นใส้ แต่ทว่าเธอก็ยอมเขย่งปลายเท้าขึ้นและบรรจงจูบที่แก้มของเขาเบาๆ ไปทีหนึ่ง แต่เจ้าตัวกลับยื่นปากให้ หญิงสาวยิ้มเขินๆ“พอแล้วค่ะ อายลูกบ้าง”“อายทำไมเนอะลูกเนอะ หนูชอบให้พ่อกับแม่ส
“นี่แก!” เมลดามองศัตรูหัวใจราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เจ็บใจที่ผิดแผน ต้องโทษที่ยัยเด็กบ้านี่ทำให้เธอเสียอาการจนดูแย่ในสายตาบุรุษที่หมายปอง“ธิมคะ...เมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะคะ...”“ไม่ตั้งใจงั้นเหรอ...คนที่คุณควรขอโทษคือลูกและเมียผมต่างหาก อ้อ! แล้วที่คุณว่าลูกผมว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอนน่ะ ผมว่าคงไม่ใช่ลูกผมหรอกที่ควรโดนว่า แต่เป็นคุณต่างหาก...” เมลดาสะอึก หน้าเสีย ดวงตาคู่งามมีน้ำตาคลอ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะปากร้ายขนาดนี้“ธิมคะ ทำไมคุณว่าเมหนักแบบนี้ เมบอกแล้วไงว่าไม่ได้ตั้งใจ แล้วเมก็ยังไม่ได้ทำร้ายลูกคุณเลยนะคะ”“พอเถอะนะเม ผมไม่อยากฟังคำแก้ตัวอะไรของคุณ เอาเป็นว่า เราต่างคนต่างอยู่ดีกว่านะ คุณจะทำเป็นไม่รู้จักผมเลยก็ได้ ผมไม่สน แต่อย่ามายุ่งกับลูกเมียผมอีก จะให้ดีคุณช่วยหายไปเหมือนวันนั้นได้ไหม ผมจะขอบคุณมาก”โอ้...จารุพัชรนิ่วหน้านิดๆ แอบเจ็บแทนคนฟัง ธิเบศเวอร์ชั่นปราบมารนี้อาจดูใจร้ายไปสักหน่อยสำหรับเมลดา แต่กลับกร้าวใจคนเป็นภรรยาเหลือเกิน พ่อคนหวงลูกหวงเมีย พ่อพระเอกนอกจอโอ๊ย...พ่อทูนหั
“จะรีบไปไหนล่ะคะ”เมลดาก้าวเข้ามาหาสองแม่ลูก วันนี้เธอสวมชุดว่ายน้ำทูพีชมีเสื้อคลุมเนื้อบางเบาสวมทับไว้อย่างสวยเก๋และดูเซ็กซี่ เรือนร่างของนางแบบสาวตรงหน้างดงามอย่างไม่มีที่ติ“คุณนั่นเอง มาเดินเล่นเหรอคะ”จารุพัชรยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเป็นมิตร ไม่มีเหตุผลที่จะต้องแสดงท่าทีเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน“เมมาดูพระอาทิตย์ขึ้นน่ะค่ะ พอดีเห็นคุณกับ...ลูกเสียก่อน” เมลดาส่งยิ้มหวานให้ “นี่ลูกคุณเหรอคะ หนูชื่ออะไรเอ่ย”“ชื่อน้องทับทิมค่ะ”ชื่อนั้นทำให้คนฟังหน้าเสียไปนิดๆตั้งชื่อพ้องกับชื่อพ่อขนาดนี้ กลัวใครไม่รู้หรือไงว่าสามีชื่ออะไร เมลดาค่อนขอดคนตรงหน้าในใจอย่างหมั่นไส้ แต่ใบหน้าสวยยังคงยิ้มหวาน“แหม...ถ้าไม่บอกคงไม่รู้นะคะว่าเป็นลูกธิม”คนฟังชักทะแม่งหู ใครๆ ก็บอกว่าลูกสาวเธอหน้าเหมือนพ่ออย่างกับแกะจากพิมพ์เดียวกัน คำพูดของคนตรงหน้ามีนัยยะใดแอบแฝงหรือเปล่านะ“ขอโทษนะคะที่ฉันพูดตรงไปหน่อย แต่จริงๆ ฉันอยากบอกว่าหนูทับทิมหน้าเหมือนคุณมากกว่า ไม่ค่อยมีเค้าธิ
เมลดากัดฟันแน่น เมื่อเห็นอดีตคนที่เธอเคยทิ้งไปอย่างไม่ไยดีคอยเอาใจผู้หญิงหน้าตาบ้านๆ คนนั้นอย่างหวานชื่น ทั้งที่ยัยนั่นไม่มีอะไรคู่ควรกับเขาสักอย่าง คนที่ไม่อาจเทียบกับเมลดานางแบบสาวสวยไฮโซคนนี้แม้ปลายเล็บด้วยซ้ำคิดไปแล้วก็แสนจะเจ็บใจ ค่าที่วันนั้นเธอไม่น่าใจเร็วด่วนได้หลงไปกับเปลือกนอกจอมปลอมของสามีไฮโซคนปัจจุบันอ้อ! ไม่ใช่สิ เขาคนนั้นกำลังจะกลายเป็นอดีตสามีต่างหาก ในเมื่อเธอกำลังจะฟ้องหย่าเร็วๆ นี้แล้วดวงตาสวยเฉี่ยวมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของอดีตแฟนเก่า ธิเบศในวันนี้หล่อเหลาและมีออร่าจับ ต่างจากธิเบศคนเก่าที่เธอทิ้งไปอย่างไม่ลังเลในวันนั้น ก็ใครจะรู้เล่าว่าเขาจะกลายเป็นพระเอกซุปเปอร์สตาร์เหมือนอย่างวันนี้ เพราะถ้ารู้คนที่นั่งตรงหน้าเขาต้องเป็นเธอไม่ใช่ผู้หญิงกระจอกๆ คนนั้นยิ่งเห็นเขาเอาอกเอาใจภรรยา ดูเหมือนว่าเขาจะรักเธอคนนั้นมากเท่าไหร่ หัวใจเธอก็ยิ่งร้อนรนราวกับไฟเผาผลาญ นึกอยากย้อนวันเวลากลับไปในวันที่เคยรักกันอีกครั้ง เธอยังจำได้ว่าธิเบศทั้งรักและเอาอกเอาใจเธอมากแค่ไหน ความเร่าร้อนของเขาทำให้เธอติดใจไม่หาย แม้สามีคนปัจจุบันก็ยังไม่ทำให้เธอพอใจเท่า
“กุ้งผัดกระเทียมพริกไทยดำนี่อร่อยดี เดี๋ยวผมแกะให้นะ” ธิเบศ เอ่ยหน้าตาเฉย พลางแกะกุ้งตัวโตในจานตนก่อนตักให้เธอราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นโอ๊ย...อีพี่ธิมเวอร์ชั่นเลือดเย็น!!!นี่เธอควรดีใจหรือสงสารผู้หญิงคนนั้นดีล่ะเนี่ย“ทำแบบนั้นกับเธอจะดีเหรอคะ”“หรือคุณอยากให้ผมบอกเบอร์ตัวเองล่ะ” คนถูกถามชะงักไป“ถ้าคุณอยากบอก แจนจะไปห้ามอะไรได้”“ได้สิ แต่คุณไม่ต้องห่วงหรอก ผมรู้ดีว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ ผมไม่อยากให้เราต้องมีปัญหากันทีหลัง” คนฟังชะงักไป พลางคิดตามมันก็จริงแฮะ เธอเคยเห็นในละครบ่อยๆ ฉากที่นางร้ายพยายามเข้ามายุแหย่ทำให้พระเอกกับนางเอกเข้าใจผิด แล้วส่วนใหญ่มันก็สำเร็จสมใจนางร้าย 99% เสียด้วย ใครจะไปนึกว่าเธอต้องมาเจอเหตุการณ์แบบในละครน้ำเน่าพวกนั้น ยังดีที่ไม่ต้องมีฉากลุกขึ้นตบธิเบศถอนหายใจเบาๆ พลางยื่นมือมากุมมือภรรยาสาวไว้“ผมชอบอยู่กับปัจจุบันมากกว่าอดีตนะ อะไรที่ผ่านมาแล้วน่าจดจำก็จำ แต่ถ้ามันไม่น่าจำ ผมก็ไม่อยากเก็บไว้ให้รกสมอง”“แ
“นี่คุณแจน ภรรยาของผม แจนครับ นี่คือคุณเมลดา เขาเป็น ‘อดีตคนเคยรู้จัก’...” เมลดาชะงักกึก“แค่คนรู้จักเท่านั้นเองหรือคะ แต่เท่าที่เมจำได้ตอนนั้นเรารักกันมาก มากเสียจนคุณเคยบอกว่าอยากแต่งงานกับเมด้วยซ้ำนะคะ”จารุพัชรถึงกับสะอึก อึ้งไปชั่วขณะ พอหันไปมองสามีก็เห็นสีหน้านิ่ง แต่แววตาดุขึ้ง ดูท่าเรื่องที่ว่าคงมีมูลอยู่มากทีเดียว“เมยังไม่เคยลืมช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน เมคิดถึงธิมมากเลยนะคะ”หืม...คิดจะเปิดเกมส์บุกกันแบบนี้เลยเหรอแม่คุณ“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณเมลดา” จารุพัชรส่งยิ้มให้ ราวกับไม่ถือสา แต่ตามองคนตรงหน้าอย่างประเมินผลเงียบๆผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าทั้งสวยทั้งรูปร่างดีราวกับดารานางแบบ การแต่งกาย หรือบุคลิกภาพก็ไม่ได้ต่ำทรามอะไร ดูไปแล้วก็เหมาะสมกับธิเบศไม่น้อย ยกเว้นก็แต่แววตาของเจ้าหล่อนที่เผยความปรารถนาออกมาชัดเจนโจ่งแจ้งไปหน่อย แต่ทุกอย่างไม่สำคัญสิ่งที่สำคัญที่สุดคือคนข้างกายเธอต่างหากที่คิดอย่างไร ยังอาวรณ์กับอดีต หรือไม่คิดอะไรด้วยแล้ว นี่ต่างหากที่สำคัญ และเท่
“ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน อย่าไปยึดติดอะไรมากเลยค่ะ นั่นลูกหลับแล้ว” ธิเบศหันไปมองเจ้าตัวน้อยที่เอียงคอซบไหล่พ่อหลับปุ๋ยไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้“ถ้าถึงวันนั้น วันที่ผมไม่ได้เป็นดาราชื่อดัง ไม่ใช่ธิม-ธิเบศที่ใครๆ ก็ชื่นชอบ แต่กลายเป็นนายธิเบศผู้ชายธรรมดา คุณจะว่าไง”“จะไปว่าอะไร ก็แค่หาสามีใหม่สิคะ” คำนั้นทำให้ชายหนุ่มหันขวับ“ว่าไงนะ”“ฮ่าๆ ฉันล้อเล่นค่ะ ดูคุณทำหน้าเข้าสิ” จารุพัชรหัวเราะคิก ก่อนที่จะหันไปมองสบตาเขา“คุณจะเป็นดาราดัง หรือเป็นคนธรรมดาแล้วไง ตราบใดที่คุณเป็นพ่อของลูกและเป็นสามีที่ดีของแจนแบบนี้ ก็พอแล้วนี่คะ”“ไดอะล็อกนี้คุ้นๆ จัง แต่ผมชอบแฮะ”“แจนก็แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย ขอแค่มีคุณกับลูก แจนก็มีความสุขแล้ว” หญิงสาวเงยหน้าสบตาเขาอย่างจริงใจ ก่อนที่จะเผยอริมฝีปากรับจุมพิตแสนหวานของสามีที่โน้มลงมาทาบทับอย่างนุ่มนวลชวนฝันสองหนุ่มสาวและลูกน้อยโอบกอดกันท่ามกลางบรรยากาศยามเย็นที่ตะวันใกล้ลับขอบ
“ไงธิม...ที่พักโอเคไหม”เสียงทักทายมาตามสายของผู้จัดการคู่ใจทำให้พระเอกหนุ่มที่กำลังทอดสายตามองไปที่ชายหาดซึ่งมีร่างเพรียวบางนั่งอยู่บนผืนทรายสีขาวละเอียดราวกับแป้ง ข้างกายมีลูกสาวตัวน้อยนั่งจุมปุ๊ก ทั้งสองกำลังเล่นของเล่นกันอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะใสๆ คลอกับเสียงคลื่นทะเลทำให้เขาพลอยเพลิดเพลินไปด้วย“ธิม...ฟังพี่อยู่หรือเปล่า”“ครับ ฟังอยู่ครับ”“แล้วเรื่องละครเรื่องใหม่ที่พี่ส่งไปธิมจะว่ายังไงรับหรือเปล่า บทพระเอกพ่อลูกอ่อนน่ะ”ธิเบศยิ้มกับตัวเอง เมื่อได้ยินคำนั้น“ถ้าพี่บีอ่านแล้วโอเค ก็ตอบรับไปได้เลยครับ อ้อ! แจ้งทางกองไปด้วยว่า...”“ไม่จูบจริงทุกกรณี เลิฟซีนต้องไม่ถึงเนื้อถึงตัวมาก” ศุภกรดักคอพระเอกในสังกัดอย่างรู้แกว เพราะหลังๆ ชายหนุ่มค่อนข้างเคร่งเรื่องนี้มาก จะบทไหนเขาก็ไม่เกี่ยงทั้งนั้น หากตกลง เขาก็รับเล่น“เท่านี้ใช่ไหมครับ”“เดี๋ยวๆ จะรีบไปไหนกัน พี่ยังพูดไม่จบ มีอีกงานเพิ่งเข้ามาวันนี้ เป็นงานถ่ายโฆษณาสินค้าพวกสเปรย์