คำถามของวิรัลพัชรทำให้คุณานนท์คิดตาม สำหรับเขาแล้วรู้สึกและอยากจะทำอย่างที่พูดจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าบิดามารดาจะเห็นด้วยกับความคิดเห็นของเขาหรือเปล่า เพราะท่านเป็นคนมีหน้ามีตาและมีฐานะในสังคม ท่านเคยเปรยอยู่หลายครั้งว่าอยากจะให้เขาแต่งงานกับผู้หญิงที่เหมาะสมผู้หญิงที่เข้ามาในครอบครัวแล้วช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกันแต่ สำหรับเขากลับคิดว่าไม่จำเป็นเลยผู้หญิงที่จะเข้ามาใช้ชีวิตด้วยต้องเป็นผู้หญิงที่เขาอยู่ด้วยแล้วสบายใจคอยอยู่ให้กำลังใจเวลาที่เขาเหนื่อย คุณานนท์คิดว่าตนเองมีความสามารถในการทำงานมากพอเขาไม่จำเป็นที่จะให้ผู้หญิงมาคอยช่วยเรื่องงานนั้นก็เป็นเพราะชายหนุ่มอยู่กับย่ามาตั้งแต่เด็กทำให้ความคิดค่อนข้างจะหัวโบราณไปสักนิดว่าผู้หญิงต้องมีหน้าที่ดูแลบ้านดูแลครอบครัวเธอไม่จำเป็นต้องออกมาทำงานนอกบ้านหรือทำงานเก่ง
“ทำไมเงียบไปล่ะคะ”
“ผมกำลังสับสน เพราะจริงๆ แล้วผมรู้สึกและอยากจะทำอย่างที่พูดนะ แต่ไม่รู้ว่าครอบครัวของผมจะเห็นด้วยกับสิ่งที่ผมทำหรือเปล่า”
“ขอโทษนะคุณอายุเท่าไหร่แล้วคะคุณนนท์”
“ก็เยอะพอประมาณแล้วล่ะ น่าจะพอมีครอบครัวได้แล้ว ว่าแต่คุณถามทำไมเหรอวิว”
“ก็ถ้าคุณอายุมากพอจะมีครอบครัวได้แล้ว ฉันก็คิดว่าคุณน่าจะมีสิทธิ์ตัดสินใจชีวิตของตัวเองได้นะ แต่ฉันไม่ได้บอกให้คุณต่อต้านพ่อกับแม่ของคุณหรอกเพียงแต่คุณต้องทำให้ท่านเห็นว่าผู้หญิงที่คุณรักจะทำให้คุณมีความสุขจริงๆ พ่อแม่ทุกคนน่ะอยากเห็นลูกมีความสุขทั้งนั้นแหละ” หญิงสาวพูดแล้วก็นึกถึงบิดาของตนเองที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนจะเสียชีวิตว่าถ้าหากเธอจะแต่งงานกับใครสักคนก็ขอให้เลือกผู้ชายที่รักเธอเพราะเธอเป็นเธออย่าเลือกผู้ชายที่ฐานะหรือหน้าตา
“ทำไมคนเราเกิดมาจะต้องแต่งงานด้วยก็ไม่รู้เนอะ ผมว่าใช้ชีวิตเป็นโสดแบบนี้มันก็สบายดีออกคุณคิดแบบนั้นหรือเปล่า”
“ถ้าทุกคนคิดแบบคุณอีกหน่อยมนุษย์บนโลกก็คงจะสูญพันธุ์แน่”
“แล้วคุณล่ะอายุเท่าไหร่ ผมเดานะว่าน่าจะเพิ่งเรียนจบและเริ่มทำงานใช่ไหมแล้วคิดหรือเปล่าว่าจะแต่งงานมีครอบครัวตอนอายุเท่าไหร่”
“ฉันเรียนจบมาเกือบสองปีแล้ว ส่วนเรื่องแต่งงานหรือมีครอบครัว ฉันยังไม่คิดหรอกนะเพราะฉันยังเข็ดกับความรักอยู่น่ะ ก็เหมือนที่คุณพูดไง การใช้ชีวิตอยู่คนเดียวการอยู่เป็นโสดแบบนี้มันก็สบายดีมากๆ จะไปไหนจะทำอะไรไม่ต้องคอยรายงานใคร มันอิสระดี แต่บางครั้งมันก็เหงาบ้างแค่นั้นเอง”
“เหมือนอย่างวันนี้ใช่ไหมล่ะ คุณมาเที่ยวกับเพื่อนแต่เพื่อนมากับแฟนมันก็เลยทำให้คุณเหงาและรีบออกมาจากงาน”
“ก็ประมาณนั้นแหล่ะค่ะ จริงๆ แล้วเรานัดกันมาเที่ยวสี่คนฉันจะต้องค้างกับเพื่อนผู้หญิงอีกคนหนึ่งแต่บังเอิญเธอไม่สบายน่ะ ทำให้ฉันต้องมาพักคนเดียวแบบนี้”
“แล้วเพื่อนคุณพักที่ไหนล่ะไม่ได้พักบ้านเดียวกันเหรอ”
“เขาพักบ้านอีกหลังนะอยู่ห่างออกไป ฉันเข้าใจว่าเขาน่าจะต้องการความเป็นส่วนตัว จริงๆ ฉันก็อยากจะยกเลิกการมาเที่ยวครั้งนี้หรอกนะ แต่คิดไปคิดมาก็เสียดายเงินน่ะและโอกาสที่ฉันจะ มาเที่ยวที่นี่มันก็คงมีไม่บ่อยหรอก”
“แปลกจังที่พ่อแม่คุณปล่อยให้คุณมาเที่ยวสถานที่แบบนี้ตามลำพังท่านฉันไม่ห่วงคุณเลยเหรอ ขอโทษนะที่ผมต้องถามแบบนี้เพราะปกติแล้วไม่ค่อยมีผู้หญิงมาเที่ยวตามลำพังเหมือนคุณหรอกนะ”
“ฉันก็อยากให้เป็นเหมือนที่คุณพูดนะ อยากให้พ่อกับแม่ห่วงฉัน แต่มันเป็นไปไม่ได้พ่อฉันตายแล้วนะ ส่วนแม่ก็แต่งงานใหม่แม่ไม่สนใจหรอกว่าฉันจะไปทำอะไรอยู่ที่ไหนฉันหรอก แม่ก็รอแค่วันที่ฉันเงินเดือนออกแค่นั้นแหละ”
“ผมไม่ได้ดูถูกคุณนะแต่คุณเพิ่งบอกว่าเรียนจบ แล้วเงินเดือนจะมากแค่ไหนกันเชียวไหนจะต้องแบ่งให้แม่ด้วย คุณไม่คิดว่ามันเป็นภาระเหรอ”
“ฉันคิดว่ามันเป็นหน้าที่ค่ะ ถึงแม้ท่านจะแต่งงานไปมีครอบครัวใหม่ มีลูกใหม่แต่ฉันก็ถือว่าตอนเด็กๆ ท่านเคยเลี้ยงมาและท่านก็อุ้มท้องฉันมาเงินที่ฉันให้แม่ก็ไม่มากเท่าไหร่หรอกค่ะ สำหรับบางคนมันอาจจะเป็นแค่เศษเงินด้วยซ้ำ แต่สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่เพิ่งเริ่มทำงานมันก็ค่อนข้างมากอยู่เหมือนกัน คุณรู้มั้ยทำไมฉันถึงได้มาเที่ยวที่นี่ทั้งที่ค่าใช้จ่ายค่าโรงแรมช่วงนี้มันแพงมากๆ”
“ทำไมล่ะ มีคนจ่ายให้คุณเหรอ”
“เปล่าหรอกค่ะ ฉันจะบอกความลับให้ก็ได้ฉันถูกหวยน่ะ”
“ถูกหวยเหรอ ผมไม่รู้ว่าถูกครั้งหนึ่งมันได้เท่าไหร่ แต่เท่าที่เห็นในข่าวก็น่าจะหลายล้าน คุณเป็นคนโชคดีมากๆ เลยนะวิว”
“ฉันไม่ได้ถูกหลายล้านหรอกค่ะถูกแค่สี่แสนเองแต่มันก็ถือว่าเป็นเงินจำนวนมากสำหรับฉัน”
“คุณพูดเหมือนถ้าไม่ถูกหวยคุณจะไม่มาเที่ยวที่นี่ค่ะ”
“ก็ใช่ค่ะ ค่าโรงแรมช่วงนี้มันแพงนะคะ ไหนในจะค่าตั๋วเครื่องบินอีก ลำพังแค่เงินเดือนฉันคงไม่พอมาเที่ยวหรอกค่ะ” หญิงสาวเล่าออกมาอย่างไม่มีปิดบง
“ผมดีใจด้วยนะที่คุณถูกหวยเลยทำให้คุณได้มาเที่ยวที่นี่ ทำให้เรามาเจอกันได้คุยกัน”
“ฉันก็ดีใจมากๆ ที่มีโอกาสได้มาเที่ยวที่นี่ แต่ตอนนี้ฉันขอตัวไปนอนก่อนนะ”
“ง่วงแล้วเหรอ”
“ไม่ง่วงหรอก แต่ฉันคิดว่าตอนนี้ฉันเมามากๆ คุณจะนั่งดื่มต่ออยู่ตรงนี้ไหม”
“ผมว่าจะนั่งดื่มอยู่อีกสักพัก ยินดีที่ได้รู้จักนะวิวให้ผมเดินไปส่งหน้าบ้านพักนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดินแค่ไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันนะคะคุณนนท์”
เมื่อวิรัลพัชรเดินกลับไปแล้วคุณานนท์ก็ยังนั่งดื่มต่ออยู่บริเวณหน้าบ้านเขารู้สึกแปลกใจกับตนเองมากที่นั่งคุยกับคนเพิ่งรู้จักกันได้นานมากขนาดนี้ หญิงสาวเป็นคนที่มีอะไรน่าสนใจมากจริงๆ เธอเป็นคนพูดตรงมากๆ เล่าเรื่องทุกอย่างออกมาอย่างไม่อายเลยสักนิด
ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นก็คงไม่กล้าเล่าว่าตัวเองเอาเงินถูกหวยมาเที่ยวหรือไม่ก็เล่าเรื่องครอบครัวของตัวเอง แต่ดูเหมือนผู้หญิงคนนี้จะไม่คิดแบบนั้นเธอเป็นคนค่อนข้างเปิดเผยเขาไม่รู้ว่าที่เธอพูดออกมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริงหรือเป็นเรื่องโกหกกันแน่แต่ได้ฟังแล้วก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่น่าสนใจคนหนึ่ง เขาดื่มต่อจนเครื่องดื่มขวดที่สองหมดก็กำลังจะเดินกลับบ้านแต่ยังไม่ทันลุกก็ได้ยินเสียงกรี๊ดดังมาจากในบ้านพักของหญิงสาว
คุณานนท์รีบวิ่งตรงไปยังหน้าบ้านและนับว่าโชคดีมากที่เธอไม่ได้ล็อกประตู
“คุณเป็นอะไร” เขาตะโกนถามเข้าไป
“คุณช่วยฉันด้วยในห้องฉันมีแมลงสาบ”
“คุณอยู่ตรงไหน”
“ฉันอยู่ในห้องนอน” เสียงตะโกนตอบกลับ
เขาเปิดไฟจนสว่างบ้านก่อนจะเดินไปหาหญิงสาวที่ตอนนี้นุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวกระโดดอยู่บนเตียง
สองเดือนหลังจากไปเที่ยวเกาะพงันเสียงอาเจียนของชายหนุ่มคนเดียวในบ้านดังมาตั้งแต่เช้าทำให้คุณชมนาดรู้สึกเป็นห่วง เธอคิดว่าหลานชายดื่มเหล้าจนเมาค้างถึงเช้า แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนคุณานนท์ไม่ได้ออกไปเที่ยวที่ไหนเลยเธอเคาะประตูห้องหลานชายพอได้ยินเสียงอนุญาตก็เปิดเข้าไปแล้วก็เห็นว่าเจ้าของห้องแต่งตัวพร้อมไปทำงานเขากำลังเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยใบหน้าซีดเซียว“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณย่า”“ย่าจะเข้ามาดูว่านนท์เป็นอะไร ย่าได้ยินเสียงเราอาเจียนหลายรอบแล้วเป็นอะไรหรือเปล่า”“ผมเวียนหัวนิดหน่อยครับคุณย่าสงสัยช่วงนี้จะพักผ่อนน้อย”“ไปให้คุณหมอตรวจหน่อยได้ไหม”“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมว่าเดี๋ยวก็น่าจะดีขึ้น”“ถ้าไม่ดีขึ้นก็โทรไปถามพ่อเขาก็แล้วกันว่าอาการที่เป็นอยู่และเกิดจากอะไรกันแน่”“ผมไม่อยากรบกวนเขาหรอกครับคุณย่า” คุณานนท์กับบิดาไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เขาจึงไม่อยากเอาไปกวนใจท่าน“ถ้าไม่อยากรบกวนพ่อก็ลองโทรไปถามพี่สาวเราก็แล้วกัน ว่าเป็นอะไร มีคนในครอบครัวเป็นหมอก็ใช้ให้เป็นประโยชน์”“ได้ครับคุณย่า”“แล้วเช้านี้ยังไงล่ะ จะไปทำงานไหมย่าว่านนท์นอนพักอีกหน่อยดีไหม”“ไม่ได้หรอกครับ
“ย่ายังไม่ได้พูดแบบนั้นเลย แต่ย่าหมายความว่าคนที่จะอยู่กับแม่ของเด็กก็คือนนท์เพราะฉะนั้นมันก็อยู่ที่นนท์นั่นแหละว่าจะรับผู้หญิงคนนั้นเข้ามาเป็นภรรยาอย่างถูกต้องมีพิธีแต่งงานหรือจะรับแค่เด็ก ที่นนท์ถามย่าแบบนี้เพราะนึกออกแล้วใช่ไหมว่าไปทำผู้หญิงที่ไหนท้อง”“ไม่หรอกครับคุณย่ามันก็แค่เรื่องที่ผมสมมติขึ้น”“จะเป็นเรื่องสมมติหรือเรื่องจริงย่าไม่สนใจหรอกเพราะยังไงเด็กที่อยู่ในท้องของเธอก็เป็นลูกของนนท์”“แต่ทำไมสีหน้าของย่าดูกังวลจังล่ะครับมีอะไรหรือเปล่า” คุณานนท์รู้สึกผิดที่สมมติเรื่องแบบนี้ขึ้นมาทำให้คุณย่าเครียด“ถ้าเรื่องที่เรากำลังพูดกันอยู่เป็นเรื่องจริง สำหรับย่าแล้วมันไม่มีปัญหาอะไรเลยแต่ปัญหามันอยู่ที่พ่อแม่ของนนท์มากกว่านะ ย่าได้ยินมาว่าเขากำลังพยายามหาลูกสะใภ้อยู่น่ะ”แม้ว่าจะไม่ค่อยได้ออกไปเจอใครที่ไหนแต่ก็ใช่ว่าคุณชมนาดจะไม่รู้ว่าตอนนี้ลูกชายกับลูกสะใภ้ของเธอกำลังวางแผนจะทำอะไรกันอยู่“ถ้าเกิดพ่อกับแม่หาผู้หญิงให้ผมจริงๆ แล้วผู้หญิงคนนั้นผมไม่รัก ไม่ชอบย่าจะช่วยผมได้ไหม”“ถ้านนท์อยากให้ย่าช่วยย่าก็จะช่วยเพราะย่าเป็นคนเลี้ยงนนท์มา ถึงเขาจะเป็นพ่อเป็นแม่แต่ก็ไม่มีสิทธิ์มาบังคับล
“วิวมีผ้าอนามัยให้ยืมไหม” นัยนากระซิบถามวิรัลพัชรที่กำลังนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์อย่างตั้งใจ“มีสิ” หญิงสาวรีบเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานของตัวเองแล้วส่งผ้าอนามัยให้เพื่อน“ขอบใจนะเดี๋ยวจะซื้อมาคืนให้”“ไม่เป็นไรหรอกปอนด์”เมื่อนัยนาเดินออกจากโต๊ะทำงานเธอไปแล้ววิรัลพัชรก็เปิดลิ้นชักดูอีกครั้งปกติแล้วเธอจะเตรียมผ้าอนามัยไว้ในลิ้นชักแบบนี้อยู่เสมอแต่จำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ตัวเองหยิบมาใช้มันตอนไหนกันแน่เพราะจำนวนผ้าอนามัยยังคงเยอะอยู่ทั้งที่เดือนนี้เธอไม่ได้ซื้อมาเพิ่มเลย หญิงสาวหญิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูปฏิทินที่บันทึกวันที่เป็นประจำเดือนของตนเองไว้ก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าเดือนนี้เธอยังไม่เป็นประจำเดือนแต่เดือนที่แล้วเธอก็มีประจำเดือนตามปกติเพียงแต่ไม่ได้มากเหมือนกับทุกครั้งวิรัลพัชรหน้าเครียดเมื่อดูจากปฏิทินแล้วเดือนนี้ประจำเดือนของเธอมาช้ากว่ากำหนดถึงสิบวัน ซึ่งปกติแล้วหญิงสาวเป็นคนที่มีประจำเดือนไม่ค่อยตรงตามเวลาเท่าไหร่ แต่ก็ไม่เคยมาช้าแบบนี้หญิงสาวเริ่มเป็นกังวลว่าตนเองจะตั้งครรภ์หรือเปล่าแต่ความเป็นไปได้มันก็น้อยมากเลยเพราะเมื่อเดือนที่แล้วเธอยังมีรอบเดือนถึงแม้มันจะเป็นรอบเดือนเพี
เช้าวันเสาร์หลังจากทำตามขั้นตอนที่ติดอยู่ข้างกล่องแล้ววิรัลพัชรก็นั่งลุ้นผลการตรวจ เมื่อปรากฏขีดสีแดงสองขีดบนแท่งพลาสติกที่ใช้ตรวจการตั้งครรภ์หญิงสาวก็เข่าแทบทรุด เธอหยิบที่ตรวจครรภ์อีกอันหนึ่งขึ้นมาตรวจแล้วผลมันก็เหมือนกับที่ตรวจครรภ์อันแรกวิรัลพัชรเดินกลับเข้ามาบนเตียงนั่งกอดเข่าร้องไห้เธอไม่รู้ว่าจะมีชีวิตของตนเองจะเป็นยังไงต่อไป ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นทำยังไงกับตัวเองดี หญิงสาวไม่รู้เลยว่าความผิดพลาดและความเมาในคืนนั้นจะนำมาซึ่งความทุกข์มากขนาดนี้หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วลังเลว่าจะโทรศัพท์หาใครสักคนเพื่อจะปรึกษาเรื่องที่เกิดขึ้น เธออยากปรึกษาพิมพ์วดีเพราะการไปเที่ยวครั้งนั้นเธอไปกับพิมพ์วดีแต่ถ้าเกิดพิมพ์วดีรู้ก็กลัวว่าเพื่อนจะเครียดเพราะเป็นคนชวนไปเที่ยวแต่พอจะโทรหานลินภัสก็กลัวเพื่อนจะคิดว่าเป็นความผิดของตัวเองเพราะถ้าหากนลินภัสไปเที่ยวด้วยในคืนนั้นเหตุการณ์แบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น สุดท้ายแล้ววิรัลพัชรก็เลยตัดสินใจไม่โทรหาใครทั้งนั้นเธอคิดจะแก้ปัญหาเรื่องนี้คนเดียวหญิงสาวรีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะไปปรึกษาคุณหมอว่าจากนี้เธอจะต้องปฏิบัติตัวยังไงเพราะวิรัลพัชรตัดสินใจแล้วว่าจะตั้งคร
เช้าวันอาทิตย์คุณานนท์ไม่ต้องไปทำงานแต่ชายหนุ่มก็ตื่นนอนแต่เช้าเพราะรู้สึกอยากจะอาเจียน อาการของเขาเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้วแม้จะทานยาที่คุณหมอให้มาแต่มันก็ไม่ดีขึ้นเลย เขาเริ่มเป็นกังวลว่าตัวเองจะป่วยเป็นอะไรมากหรือเปล่าและคิดวันนี้จะเข้าไปปรึกษากับคุณหมอที่โรงพยาบาลอีกครั้ง ชายหนุ่มไม่ชอบอาการที่เป็นอยู่นี้เลยเพราะมันทำให้เขาทำงานไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วคุณานนท์ก็เดินลงมาทานอาหารเช้ากับคุณย่าตามปกติ“หน้าซีดลงมาอีกแล้ว ย่าว่าอาการเราไม่น่าจะไหวแล้วนะนนท์” คุณชมนาดมองหลานชายแล้วก็รู้สึกเป็นห่วงไม่ได้แต่ในใจเธอก็ยังคิดอยู่ว่าอาการของคุณานนท์นั้นเหมือนกับอาการแพ้ท้องแทนภรรยาแต่ชายหนุ่มก็ไม่ยอมรับว่าตัวเองไปแอบมีภรรยาซ่อนไว้ที่ไหน“เช้านี้ป้าอาหารฝรั่งให้คุณนนท์นะนะ มีไส้กรอก ไข่ดาว ขนมปังปิ้งแล้วก็น้ำส้มคั้นสดๆ ค่ะ คุณนนท์จะได้ไม่คลื่นไส้”“ขอบคุณครับป้าสำรวยแล้วคุณย่าไม่กินเหมือนผมเหรอครับ”“ย่าไม่ถนัดกินของพวกนั้นหรอก ย่าขอเป็นข้าวต้มดีกว่าแต่ย่าไม่ได้ใส่กระเทียมเจียวนะ ย่ารู้ว่านนท์ไม่ชอบกลิ่นของมัน”“คุณย่าครับ ผมขอโทษนะครับที่ทำให้คุณย่าต้องอดกินของอร่อย”“
จริงๆ แล้วคุณานนท์ก็มีคำตอบอยู่ในใจแต่เขาไม่อยากจะเชื่อหรอกว่าตัวเองจะทำผู้หญิงคนนั้นท้องแม้ว่าคืนนั้นเขาจะไม่ได้ป้องกันก็ตาม ชายหนุ่มคิดว่ามันคงไม่บังเอิญขนาดนั้น“พี่นันครับ ผมนอนกับผู้หญิงคนหนึ่งตอนที่ผมไปเที่ยวเมื่อสองเดือนก่อน”“แล้วได้ป้องกันหรือเปล่า”“ไม่เลยครับ”“ทำไมนนท์ทำตัวเหลวไหลอย่างนี้ รู้ทั้งรู้ว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องท้องอย่างเดียวมันมีโรคต่อด้วยเราได้ไปตรวจเลือดมาหรือยัง”“ไม่จำเป็นต้องตรวจก็ได้ครับพี่นัน”“ทำไมนนท์ใช้ชีวิตประมาทจัง ถ้าเกิดเธอป่วยแล้วเอาโรคมาติดนนท์ขึ้นมาจะทำยังไง รีบตรวจจะได้หาทางรักษา”“พี่ครับผมเป็นคนแรกของเธอผมคิดว่าเธอคงไม่เอาโรคอะไรมาติดผมหลอก”“อะไรนะเป็นคนแรกของเขาแล้วก็ไปทำเขาท้องเนี่ยนะ แล้วตอนนี้เธออยู่ที่ไหนรีบพาเธอมาหาพี่เลยนะก่อนที่เธอจะไปเอาเด็กออก”“ผมไม่รู้หรอกครับว่าเธออยู่ที่ไหนผมกับเธอก็แค่วันไนท์สแตนด์”“พี่ปวดหัวกับการใช้ชีวิตของเราจริงๆ นอนกับผู้หญิงโดยที่ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครแล้วทีนี้จะเอายังไงถ้าเกิดท้องขึ้นมาจริงๆ ล่ะ”“คงไม่ซวยขนาดนั้นหรอกน่า”“มันก็ไม่แน่นะ เธออายุประมาณเท่าไหร่บางครั้งผู้หญิงที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ก็ท้องง่ายมา
“แค่คืนนี้ทุกอย่างก็จบใช่ไหม”“ใช่”“มันก็น่าลองเหมือนกันนะ”คำตอบของหญิงสาวทำให้คุณานนท์พอใจเป็นอย่างมาก“รับรองเลยว่าคุณจะจำคืนนี้ไปอีกนาน”คุณานนท์กระซิบข้างหูก่อนจะก้มลงจูบไปบนริมฝีปาก ที่กำลังจะพูดอะไรสักอย่าง ชายหนุ่มอาศัยจังหวะนั้นส่งปลายลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปากเล็กของหญิงสาวได้อย่างพอดีวิรัลพัชรหัวใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาจากอก เมื่อชายหนุ่มจูบลงมาอย่างหนักหน่วงและเร่าร้อนเธอกำลังตกอยู่ในภวังค์สวาทที่เขามอบให้สองมือเผลอคล้องไปบนลำคอเป็นที่ยืดจูบที่เขามอบให้ครั้งนี้มันทำให้เธอสั่นสะท้านร่างกายร้อนรุ่มแทบจะหลอมละลาย มือใหญ่ลูบไล้ไปตามเนื้อตัวเนียนนุ่ม ยิ่งถูกสัมผัสวิรัลพัชรก็ขยับกายเข้าหาไปตามสัญชาตญาณ“อื้ม..”เสียงหวานครางเบาๆ เมื่อริมฝีปากร้อนขบเม้มไปบนเนินอกอิ่มที่โผล่พ้นผ้าเช็ดตัว“ผมว่าผ้าเช็ดตัวมันเกะกะมากเลยนะ”พูดจบเขาก็ดึงผ้าเช็ดตัวของหญิงสาวออกตาคมจ้องไปบนอกอิ่มของเธออย่างหื่นกระหาย เรือนร่างของเธอสวยงามและสมส่วนจนเขาแทบไม่อยากจะละสายตา“อ๊ะ!.....”วิรัลพัชรสะดุ้งเมื่อฝ่ามือร้อนกำลังกอบกุมเต้าคู่งามของเธอจนมันเต็งตึงสู้มือ ยิ่งเขาเคล้นคลึงเธอก็แอ่นอกเข้าหาอย่างน่าอาย
เสียงหวานครางรัญจวนชายหนุ่มก็เร่งจังหวะให้เร็วขึ้น แรงขึ้น เขาโจนจ้วงเข้าหาความคับแน่นอย่างบ้าคลั่ง ไม่เคยรู้สึกดีแบบนี้มาก่อน ความรู้สึกที่ได้เป็นคนแรกไม่ได้เกิดขึ้นกับเธอเป็นคนแรก แต่ไม่รู้เพราะอะไรเขาถึงได้อิ่มเอมใจมากมายถึงเพียงนี้ความเสียวซ่านที่คุณานนท์มอบให้หญิงสาวไม่เคยได้รับมาก่อน อกแอ่นเข้าหาปากร้อนที่ดูดดึงขบเม้มเต้าคู่อวบจนเปียกชุ่ม สะโพกยกขึ้นสูงส่ายรับกับท่อนเอ็นร้อนเป็นจังหวะประสานที่ลงตัว“อ๊ะ! อื้อ..ตรงนั้น”“ตรงนี้ใช่ไหม ถูกใจใช่ไหม อ่า....รัดผมจะขาดแล้วนะ”คุณานนท์กดย้ำไปยังจุดเดิมซ้ำๆ จุดภายในที่เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะทำให้ตนเองเสียวซ่านได้มากถึงเพียงนี้หญิงสาวครางหวานร้องขอให้เขาช่วยเธออีกครั้ง“คุณนนท์ขา... ไม่ไหว วิวใจจะขาด มันทรมาน”“ใกล้แล้วใช่ไหม จะถึงแล้วใช่ไหม ปลดปล่อยนะ เรียกชื่อผม ผมอยากได้ยิน”หญิงสาวไม่รู้ว่าใกล้อะไรรู้แต่ตอนนี้ร่างกายกำลังจะระเบิดอีกครั้งความเสียวซ่านมันมากว่าเมื่อครู่ไม่รู้กี่เท่า ชายหนุ่มถาโถมเข้าลึกสุดแรง ส่งเธอไปแตะขอบสวรรค์อีกครั้ง“อื้อ คุณนนท์ ขา คุณนนท์ อ๊ายยยยย...”หญิงสาวกรีดร้องเมื่อความสุขสมมาเยือนอีกครั้งมันสุขจนคิดไม่ถึ
“หนูวิวเข้าไปในห้องผ่าตัดนานหรือยังลูก” คุณสุนันทาถามนันนภัสด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่รู้ว่าจะได้หลานชายเธอก็เปิดใจยอมรับวิรัลพัชรและดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่เห่อหลานในท้องมากกว่าใครทั้งมด“เข้าไปเกือบยี่สิบนาทีแล้วครับแม่” คุณานนท์ที่ยืนจับเวลาอยู่บอกกับมารดา“ต้องใช้เวลาผ่าตัดนานแค่ไหนนัน”“ส่วนใหญ่ก็ประมาณสี่สิบถึงหนึ่งชั่วโมง ชั่วโมงถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อน”“อาการแทรกซ้อนอะไรครับพี่นัน แล้ววิวจะมีอาหารแทรกซ้อนไหม” คุณานนท์รีบถามเพราะตอนนี้เขาห่วงคนที่อยู่ในห้องผ่าตัดมากห่วงทั้งคนเป็นแม่และลูกที่กำลังจะเกิดมา“ก็เช่นรกลอกตัวไม่ดีมีเลือดออกเยอะอะไรประมาณนั้น แต่พี่ว่าวิวคงไปไม่เป็นแบบนั้นหรอกนนท์อย่าห่วงไปเลยนะ”“ผมเป็นห่วงวิวกับลูก”“ใจเย็นนะนนท์ ทุกคนก็เป็นห่วงหนูวิวกันทั้งนั้นแหละ” คุณย่าชมนาดที่นั่งมองหลานชายกระวนกระวายใจเดินไปเดินมาก็พูดขึ้น“ถ้านนท์เป็นห่วงมากๆ เดี๋ยวพี่จะไปดูกล้องห้องผ่าตัดให้ก็แล้วกันนะ ว่าตอนนี้ผ่าตัดไปถึงขั้นตอนไหนแล้ว” นันนเห็นอาการน้องชายแล้วก็ที่ดูกังวลก็เลยอาสาจะไปดูก็ภาพจากกล่องให้เธอหายเข้าไปในห้องที่อยู่ติดกับห้องผ่าตัดไม่นานก็ออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม“ว่ายัง
ตอนนี้อายุครรภ์ของวิรัลพัชรเข้าสัปดาห์ที่สามสิบเก้าแล้วการไปอัลตราซาวด์มาครั้งล่าสุดกับอาจารย์หมอวัลลภอาจารย์หมอบอกให้เธอเตรียมตัวในการผ่าคลอดเพราะดูแล้วการคลอดตามธรรมชาติน่าจะเป็นไปได้ยากเนื่องจากอายุครรภ์เริ่มมากขึ้นแต่ศีรษะเด็กก็ยังไม่ลงมาอยู่ในอุ้งเชิงกราน คุณหมอแนะนำว่าถ้าหากจะผ่าคลอดตอนนี้ก็สามารถผ่านได้เลยแต่เธอก็อยากจะรอให้อายุครรภ์ครบสี่สิบสัปดาห์ก่อนจึงจะตัดสินใจผ่าคลอดช่วงนี้หญิงสาวไม่ได้ไปทำงานที่โรงพยาบาลเพราะคุณานนท์เป็นห่วงส่วนตัวเขาเองก็เอางานกลับมาทำที่บ้านเพราะอยากจะอยู่ใกล้ชิดกับหญิงสาวเขาก็ว่าเธอจะปวดท้องคลอดระหว่างที่ตัวเองไปทำงาน“วันนี้งานยุ่งหรือเปล่าคะคุณนนท์” หญิงสาวเดินมาถามสามีเมื่อเห็นเขาหน้าเครียดอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่ค่อนข้างนานแล้วเธอเลยเดินเข้ามาถาม“ยุ่งนิดหน่อยครับแต่ผมคิดว่าจะเคลียร์ทุกอย่างให้เสร็จวันนี้”“ทำไมล่ะคะ”“ก็ผมอยากมีเวลาให้คุณกับลูกอย่างเต็มที่ไงนี่ก็ใกล้ครบกำหนดสี่สิบสัปดาห์แล้วนะวิว คุณตื่นเต้นไหม”“ตื่นเต้นสิวิวทั้งตื่นเต้นทั้งเครียดเลยค่ะ”“ผมเองก็ไม่รู้จะปลอบใจวิวยังไงเลยเพราะนี่มันเป็นลูกคนแรกของเรา ผมก็ได้แต่หวังว่าทุกอย่างมั
วันนี้วิรัลพัชรรู้สึกมีความสุขมากกว่าทุกวันที่ผ่านมาเพราะการแสดงออกของคุณสุนันทาที่มีต่อเธอนั้นมันเปลี่ยนไป ตอนนี้ท่านยอมรับเธอในฐานะลูกสะใภ้ซึ่งเธอไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ หญิงสาวแทบจะหุบยิ้มไม่อยู่ เธอลงมารอคุณานนท์ที่หน้าโรงพยาบาลโดยที่เขายังไม่โทรมาบอกเหมือนกับทุกวันเพราะอยากจะเล่าเรื่องวันนี้ให้กับชายหนุ่มฟัง เมื่อรถเขามาจอดหญิงสาวก็รีบขึ้นไปนั่งอย่างรวดเร็ว“คุณนนท์คะวิวมีเรื่องจะบอกคุณนนท์ด้วยค่ะ” หญิงสาวพูดด้วยความตื่นเต้นหลังจากเปิดประตูรถเข้ามานั่งข้างคนขับ“เรื่องอะไรดูท่าทางน่าจะเป็นเรื่องดีใช่มั้ยล่ะ”“ค่ะเรื่องดีมากๆ วิวไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะเป็นแบบนี้”“เล่ามาสิผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าเรื่องดีๆ ของวิวมันคือเรื่องอะไร”“คุณรู้มั้ยวันนี้วิวได้เปลี่ยนเก้าอี้ใหม่ที่ทำงานด้วยค่ะ”“เปลี่ยนเก้าอี้ใหม่ต้องดีใจขนาดนั้นเลยเหรอครับ” เขามองหน้าคนรักด้วยความไม่เข้าใจเท่าไหร่ เพราะปกติแล้วในทุกบริษัทก็จะมีการเปลี่ยนเก้าอี้ใหม่ให้กับพนักงานตามอายุการใช้งานอยู่แล้ว“ใช่ค่ะ เพราะเก้าอี้ของวิวมันพิเศษกว่าคนอื่น” หญิงสาวพูดไปยิ้มไปทำให้คุณานนท์ยิ่งอยากจะรู้มากขึ้นว่ามันพิเศษยังไง“มันพิเศษยังไ
เนื่องจากได้หยุดสองวันและพักผ่อนอยู่ที่บ้านกับครอบครัวทำให้วันนี้วิรัลพัชรมาทำงานด้วยความสดชื่น วันนี้หญิงสาวก็มาทำงานตามปกติแต่เมื่อมาถึงที่แผนกบัญชีเธอก็ต้องตกใจเพราะตอนนี้เก้าอี้ทำงานของเธอมันเปลี่ยนไป“พี่นิดคะเกิดอะไรขึ้นทำไมเก้าอี้ทำงานของวิวไม่เหมือนคนอื่นเลย” หญิงสาวถามหัวหน้าแผนกที่มักจะมาทำงานก่อนทุกคนเสมอ“คุณสุนันทาสั่งให้คนเอามาเปลี่ยนให้น่ะ”“อะไรนะคะ พี่นิดบอกว่าใครสั่งให้คนเอามาเปลี่ยนให้นะคะ” เธอไม่แน่ใจกับชื่อที่หัวหน้าแผนกเอ่ยออกมา“คุณสุนันทาแม่คุณนนท์ไงล่ะ”“เป็นไปได้ยังไงเขาจะเอาเก้าอี้มาเปลี่ยนทำไม” วิรัพัชรนึกหาเหตุผลไม่ออกเลยว่ามารดาของคุณานนท์จะทำแบบนี้ทำไม“อย่าเพิ่งนั่งนะวิว ปอนด์ขอนั่งก่อน” นัยนาที่เดินเข้ามาได้ยินก็รีบร้องบอก“ทำไมล่ะปอนด์”“ก็เผื่อเขาทำเก้าอี้ที่นั่งแล้วล้มลงไป วิวจะได้ไม่เป็นอะไรไงล่ะปอนด์ขอนั่งก่อนนะ” หญิงสาวพูดด้วยความเป็นห่วง“คงไม่มีใครทำอะไรแบบนั้นหรอกมั้งปอนด์”“ไม่รู้สิปอนด์ดูละครมาเยอะแม่สามีที่ไม่ชอบลูกสะใภ้ก็อยากจะทำให้ลูกสะใภ้แท้งก็ได้นะ”“คิดมากเกินไปหรือเปล่าปอนด์” พนิดามองหน้าลูกน้องของตัวเองแล้วส่ายศีรษะเพราะคิดว่าคุณสุนั
“มันแน่นมากวิว เสียวใช่ไหม”หญิงสาวพยักหน้าแทนคำตอบก่อนจะตามมาด้วยเสียงครางหวานเมื่อสะโพกของคุณานนท์ขยับจังหวะเร็วขึ้น มือหนึ่งช้อนใต้ข้อพับยกขึ้นสูงเพื่อให้ตนเองเข้าได้ลึกสุด อีกมือสอดใต้ร่างมาบีบขยี้หน้าอกของเธอยังไม่ปรานี จังหวะรักไม่รุนแรงแต่เต็มไปด้วยความสุขและความเสียวซ่าน ต่างฝ่ายต่างโหยหาความรู้สึกและอารมณ์แบบนี้มานานหลายเดือน“คุณนนท์...อื้อ....วิวเสียว”“เสียวก็ปล่อยออกมาเลยวิว”ยิ่งได้ยินเขาพูดแบบนี้วิรัลพัชรก็ยิ่งเสียวมากขึ้นฝ่ามือร้อนยังคงหน้าอกอิ่มริมฝีปากจูบไปบนไหล่มน ก่อนจะก้มลงจูบบนริมฝีปากบางที่กำลังหันไปหาเขาอย่างรู้งาน จูบเร่าร้อนหนักหน่วงจนหญิงสาวแทบจะขาดอากาศหญิงสาวสั่นสะท้านไปทั้งตัวที่ ความเสียวซ่านมากยิ่งขึ้นชายหนุ่มผละมือออกจากหน้าอกแล้วลูบฝ่ามือไปตามหน้าท้องนูนเด่นก่อนจะใช้ปลายนิ้วกดเน้นไปบนเกสรสวาททำเอาหญิงสาวสั่นสะท้านไปทั่วทั้งตัว“อื้อ....อ่า คุณนนท์ขา อย่าทำแบบนั้น”“ไม่ชอบเหรอ ถ้างั้นผมหยุดน่ะ”“เปล่านะ วิวเสียวมากมันจะเสร็จ”หญิงสาวรีบปฏิเสธเพราะกลัวเขาจะหยุดอย่างที่พูด“ผมก็อยากให้วิวเสร็จเพราะตอนวิวเสร็จร่องวิวตอดแน่นมาก ลองก้มดูสิว่าตอนนี้ร่องของว
“วิวผมรู้แล้วว่าคุณยังไม่หลับ”“ก็คุณนนท์ยังคุยอยู่แบบนี้วิวจะหลับล่ะคะ”“เรายังคุยกันไม่จบเลยนะวิว”“แต่วิวคิดว่าวิวจบแล้วค่ะ”“วิวไม่ต้องการจริงเหรอ” ชายหนุ่มขยับเข้ามาใกล้กอดเธอจากทางด้านหลัง ฝ่ามือลูบไล้บนหน้าท้องของเธอเบาๆ“ลูกจ๋าขอพ่อมีความสุขกับแม่ได้ไหม” เขากระซิบข้างหูจนหญิงสาวรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว“คุณนนท์ใครเขาให้พูดกับลูกแบบนั้นกันคะ”“ผมต้องการคุณนะวิวมันนานแล้วที่เราไม่ได้นอนด้วยกันและผมนอนกับคุณเกือบทุกคืนแต่ก็ได้แค่กอดผมรู้สึกทรมานมากๆ”“คุณนนท์คะ วิวท้องอยู่นะ”“ผมปรึกษาเรื่องนี้กับคุณหมอแล้วนะ”ชายหนุ่มพูดขณะที่ฝ่ามือก็ลูบไปบนต้นขาขาวเนียนและสอดเข้าใต้ชุดนอนแบบกระโปรงไล้ฝ่ามือไปบนหน้าท้องที่โตขึ้นกว่าเดิม“คุณนนท์ไม่นะคะ”“อย่าห้ามเลยผมทรมานมากจริง ให้ผมนะวิว”เขากระซิบแหบพร่าแล้วฝ่ามือร้อนก็กอบกุมหน้าอกอิ่มที่มันขยายขนาดขึ้นกว่าเดิม“คุณนนท์....”เธอครางแผ่วเบาเมื่อสัมผัสจากฝ่ามือร้อยทำให้ร่างกายอารมณ์ปรารถนาของเธอถูกปลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว“หน้าอกคุณใหญ่ขึ้นใช่ไหม”“มันก็เป็นอาการปกติของคนท้อง”“ดีจัง”เขาเพิ่มแรงบีบบนอกอิ่มปลายนิ้วสะกิดยอดถันปลุกเร้าอารมณ์ของหญิงสาวจน
ในห้องรับแขกของบ้านคุณย่าชมนาดตอนนี้วิรัลพัชรกำลังนั่งดูละครหลังข่าวอยู่กับคุณย่าตามปกติ โดยมีคุณานนท์มานั่งดูละครด้วยช่วงพักโฆษณาชายหนุ่มก็เลยถามวิรัลพัชรถึงเรื่องการตั้งชื่อของลูกในท้อง“ตกลงคุณคิดออกหรือยังวิวจะให้ลูกในท้องชื่อว่าอะไร”“วิวคิดออกหลายชื่อเลยค่ะ คุณนนท์แต่ไม่รู้จะเอาชื่อไหนดีคุณย่าช่วยวิวเลือกหน่อยได้ไหมคะ”“ได้ยังไงล่ะลูกของหนูวิวกับตานนท์ก็ต้องช่วยกันตั้งชื่อเอง”“แต่วิวก็อยากให้คุณย่าช่วยตั้งชื่อด้วย ชื่อเล่นวิวคิดไว้หลายชื่อส่วนชื่อจริงวิวอยากให้คุณย่าเป็นคนตั้ง”“อ้าวทำไมถึงอยากให้ย่าเป็นคนตั้งล่ะ”“วิวอยากให้ลูกได้ชื่อที่เป็นสิริมงคลจากคุณย่าค่ะ”“ถ้าอย่างนั้นย่าจะลองไปปรึกษาพระที่วัดดูแต่คงต้องรอให้ตาหนูในท้องคลอดออกมาก่อนจะได้เอาวันเวลาไปให้ท่านด้วย” คุณย่าชมนาดรู้สึกดีใจมากที่หลานสะใภ้ให้เธอเป็นคนตั้งชื่อ“ขอบคุณมากค่ะคุณย่า”“แล้วชื่อเล่นล่ะหนูคิดไว้ชื่ออะไรบ้าง”“มีหลายชื่อเลยค่ะมีนิวตัน นับหนึ่ง เนสแล้วก็มีนะโมค่ะ คุณย่ากับคุณนนท์ชอบชื่อไหนคะ”“ทำไมชื่อมีแต่น.หนูทั้งนั้นเลยล่ะไม่เห็นจะมีว.แหวนเหมือนหนูวิวเลย”“ก็วิวอยากให้ลูกมีชื่อเหมือนทุกคนนี่คะ”“ย่าไม
งานแต่งงานผ่านไปแล้วแม้ว่ามันจะไม่ราบรื่นอย่างที่ตั้งใจไว้แต่มันก็ทำให้วิรัลพัชรและคุณานนท์มีความเห็นอกเห็นใจกันมากขึ้นคุณานนท์รู้สึกสงสารหญิงสาวมากๆ ที่ถูกมารดาของตนเองต่อว่าต่อหน้าคนอื่นแบบนั้น ในขณะที่วิรัลพัชรก็รู้สึกดีที่คุณานนท์ทำให้มารดาของเธอมาร่วมงานแต่งงานครั้งนี้ได้ตอนนี้หญิงสาวกำลังเปิดรับคุณานนท์เข้ามาอยู่ในใจ เธอกำลังรักเขาแต่ก็ไม่กล้าบอกความรู้สึกของตัวเองออกไปเพราะกลัวว่าเขาจะหัวเราะเยาะเพราะรู้ว่าการแต่งงานครั้งนี้ทันเกิดจากความรับผิดชอบไม่ใช่ความรักเหมือนกับคู่แต่งงานอื่นวันนี้เป็นวันที่วิรัลพัชรต้องไปฝากครรภ์ซึ่งหญิงสาวถึงย้ายมาฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลกับอาจารย์หมอวัลลภซึ่งเป็นอาจารย์หมอที่เก่งที่สุดในแผนกสูตินรีเวชตามคำแนะนำของหมอนันนภัสในห้องตรวจนอกจากจะมีคุณแม่มือใหม่นอนอยู่บนเตียงให้คุณหมอทำการอัลตราซาวด์แล้วยังมีคุณย่าชมนาด คุณานนท์และหมอนันนภัสอยู่ในห้องนั้นด้วยทุกคนต่างพากันตื่นเต้นเพราะวันนี้อาจจะรู้เพศเด็กที่อยู่ในท้องแล้วก็เป็นได้คุณหมอนันนภัสมองหน้าจอเครื่องอัลตราซาวด์แล้วยิ้มด้วยความดีใจเมื่อเธอเห็นเพศของหลานตัวน้อยก่อนใคร“หมอนันรู้แล้วใช่ไหมว่าลูกของว
ระหว่างที่ยืนถ่ายรูปอยู่กับวิรัลพัชรหน้าห้องจัดเลี้ยงก็มีสายตาหลายคู่มองหญิงสาวแปลกๆ บางคนก็เดินมามองแล้วกลับไปยืนซุบซิบจนวิรัลพัชรรู้สึกถึงความผิดปกติ“คุณนนท์คะ วิวรู้สึกแปลกๆ ค่ะ ทำไมแขกถึงมองเราสองคนแบบนั้นค่ะ”“นั่นสิมันเกิดอะไรขึ้นกันนะ” ชายหนุ่มกวักมือเรียกเลขาของตนเองที่ยืนอยู่หน้างานเข้ามาถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น“คุณนนท์ค่ะไม่รู้มีใครไปปล่อยข่าวว่าคุณวิวปล่อยให้ตัวเองท้องเพื่อตั้งใจจะจับคุณนนท์และคุณนนท์ถูกบังคับให้แต่งงานเพราะคุณวิวเอาลุกมาขู่ค่ะ” มยุรีบอกกับเจ้านายตามที่เอได้ฟังมา“ใครเป็นคนเอาเรื่องนี้มาพูดคุณพอจะรู้มั้ย” ยุก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะเดี๋ยวจะลองไปถามให้นะคะว่าพวกเขาเอาเรื่องนี้มาจากใคร“ผมว่าเราเข้าไปข้างในเลยดีไหมไม่ต้องถ่ายรูปแล้วก็ได้ผมไม่อยากให้ใครมองคุณด้วยสายตาแบบนั้นเลย”“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณนนท์ยังมีอีกหลายคนที่เรายังไม่ถ่ายรูปด้วย ถ้าคืนนี้เราไม่ได้ถ่ายรูปคู่กับเขาแล้วเราจะมาเสียใจทีหลังนะคะ”“ทนได้แน่นะวิว”“ไม่เป็นไรหรอกค่ะก็เรื่องที่เขาพูดมันเป็นความจริงนี่คะ”“แต่มันก็เป็นความจริงครึ่งเดียวที่คุณท้องก่อนแต่ง แต่คุณไม่ได้ตั้งใจจะเข้ามาจับผมอย่างที่พวกเขา