คำถามของวิรัลพัชรทำให้คุณานนท์คิดตาม สำหรับเขาแล้วรู้สึกและอยากจะทำอย่างที่พูดจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าบิดามารดาจะเห็นด้วยกับความคิดเห็นของเขาหรือเปล่า เพราะท่านเป็นคนมีหน้ามีตาและมีฐานะในสังคม ท่านเคยเปรยอยู่หลายครั้งว่าอยากจะให้เขาแต่งงานกับผู้หญิงที่เหมาะสมผู้หญิงที่เข้ามาในครอบครัวแล้วช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกันแต่ สำหรับเขากลับคิดว่าไม่จำเป็นเลยผู้หญิงที่จะเข้ามาใช้ชีวิตด้วยต้องเป็นผู้หญิงที่เขาอยู่ด้วยแล้วสบายใจคอยอยู่ให้กำลังใจเวลาที่เขาเหนื่อย คุณานนท์คิดว่าตนเองมีความสามารถในการทำงานมากพอเขาไม่จำเป็นที่จะให้ผู้หญิงมาคอยช่วยเรื่องงานนั้นก็เป็นเพราะชายหนุ่มอยู่กับย่ามาตั้งแต่เด็กทำให้ความคิดค่อนข้างจะหัวโบราณไปสักนิดว่าผู้หญิงต้องมีหน้าที่ดูแลบ้านดูแลครอบครัวเธอไม่จำเป็นต้องออกมาทำงานนอกบ้านหรือทำงานเก่ง
“ทำไมเงียบไปล่ะคะ”
“ผมกำลังสับสน เพราะจริงๆ แล้วผมรู้สึกและอยากจะทำอย่างที่พูดนะ แต่ไม่รู้ว่าครอบครัวของผมจะเห็นด้วยกับสิ่งที่ผมทำหรือเปล่า”
“ขอโทษนะคุณอายุเท่าไหร่แล้วคะคุณนนท์”
“ก็เยอะพอประมาณแล้วล่ะ น่าจะพอมีครอบครัวได้แล้ว ว่าแต่คุณถามทำไมเหรอวิว”
“ก็ถ้าคุณอายุมากพอจะมีครอบครัวได้แล้ว ฉันก็คิดว่าคุณน่าจะมีสิทธิ์ตัดสินใจชีวิตของตัวเองได้นะ แต่ฉันไม่ได้บอกให้คุณต่อต้านพ่อกับแม่ของคุณหรอกเพียงแต่คุณต้องทำให้ท่านเห็นว่าผู้หญิงที่คุณรักจะทำให้คุณมีความสุขจริงๆ พ่อแม่ทุกคนน่ะอยากเห็นลูกมีความสุขทั้งนั้นแหละ” หญิงสาวพูดแล้วก็นึกถึงบิดาของตนเองที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนจะเสียชีวิตว่าถ้าหากเธอจะแต่งงานกับใครสักคนก็ขอให้เลือกผู้ชายที่รักเธอเพราะเธอเป็นเธออย่าเลือกผู้ชายที่ฐานะหรือหน้าตา
“ทำไมคนเราเกิดมาจะต้องแต่งงานด้วยก็ไม่รู้เนอะ ผมว่าใช้ชีวิตเป็นโสดแบบนี้มันก็สบายดีออกคุณคิดแบบนั้นหรือเปล่า”
“ถ้าทุกคนคิดแบบคุณอีกหน่อยมนุษย์บนโลกก็คงจะสูญพันธุ์แน่”
“แล้วคุณล่ะอายุเท่าไหร่ ผมเดานะว่าน่าจะเพิ่งเรียนจบและเริ่มทำงานใช่ไหมแล้วคิดหรือเปล่าว่าจะแต่งงานมีครอบครัวตอนอายุเท่าไหร่”
“ฉันเรียนจบมาเกือบสองปีแล้ว ส่วนเรื่องแต่งงานหรือมีครอบครัว ฉันยังไม่คิดหรอกนะเพราะฉันยังเข็ดกับความรักอยู่น่ะ ก็เหมือนที่คุณพูดไง การใช้ชีวิตอยู่คนเดียวการอยู่เป็นโสดแบบนี้มันก็สบายดีมากๆ จะไปไหนจะทำอะไรไม่ต้องคอยรายงานใคร มันอิสระดี แต่บางครั้งมันก็เหงาบ้างแค่นั้นเอง”
“เหมือนอย่างวันนี้ใช่ไหมล่ะ คุณมาเที่ยวกับเพื่อนแต่เพื่อนมากับแฟนมันก็เลยทำให้คุณเหงาและรีบออกมาจากงาน”
“ก็ประมาณนั้นแหล่ะค่ะ จริงๆ แล้วเรานัดกันมาเที่ยวสี่คนฉันจะต้องค้างกับเพื่อนผู้หญิงอีกคนหนึ่งแต่บังเอิญเธอไม่สบายน่ะ ทำให้ฉันต้องมาพักคนเดียวแบบนี้”
“แล้วเพื่อนคุณพักที่ไหนล่ะไม่ได้พักบ้านเดียวกันเหรอ”
“เขาพักบ้านอีกหลังนะอยู่ห่างออกไป ฉันเข้าใจว่าเขาน่าจะต้องการความเป็นส่วนตัว จริงๆ ฉันก็อยากจะยกเลิกการมาเที่ยวครั้งนี้หรอกนะ แต่คิดไปคิดมาก็เสียดายเงินน่ะและโอกาสที่ฉันจะ มาเที่ยวที่นี่มันก็คงมีไม่บ่อยหรอก”
“แปลกจังที่พ่อแม่คุณปล่อยให้คุณมาเที่ยวสถานที่แบบนี้ตามลำพังท่านฉันไม่ห่วงคุณเลยเหรอ ขอโทษนะที่ผมต้องถามแบบนี้เพราะปกติแล้วไม่ค่อยมีผู้หญิงมาเที่ยวตามลำพังเหมือนคุณหรอกนะ”
“ฉันก็อยากให้เป็นเหมือนที่คุณพูดนะ อยากให้พ่อกับแม่ห่วงฉัน แต่มันเป็นไปไม่ได้พ่อฉันตายแล้วนะ ส่วนแม่ก็แต่งงานใหม่แม่ไม่สนใจหรอกว่าฉันจะไปทำอะไรอยู่ที่ไหนฉันหรอก แม่ก็รอแค่วันที่ฉันเงินเดือนออกแค่นั้นแหละ”
“ผมไม่ได้ดูถูกคุณนะแต่คุณเพิ่งบอกว่าเรียนจบ แล้วเงินเดือนจะมากแค่ไหนกันเชียวไหนจะต้องแบ่งให้แม่ด้วย คุณไม่คิดว่ามันเป็นภาระเหรอ”
“ฉันคิดว่ามันเป็นหน้าที่ค่ะ ถึงแม้ท่านจะแต่งงานไปมีครอบครัวใหม่ มีลูกใหม่แต่ฉันก็ถือว่าตอนเด็กๆ ท่านเคยเลี้ยงมาและท่านก็อุ้มท้องฉันมาเงินที่ฉันให้แม่ก็ไม่มากเท่าไหร่หรอกค่ะ สำหรับบางคนมันอาจจะเป็นแค่เศษเงินด้วยซ้ำ แต่สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่เพิ่งเริ่มทำงานมันก็ค่อนข้างมากอยู่เหมือนกัน คุณรู้มั้ยทำไมฉันถึงได้มาเที่ยวที่นี่ทั้งที่ค่าใช้จ่ายค่าโรงแรมช่วงนี้มันแพงมากๆ”
“ทำไมล่ะ มีคนจ่ายให้คุณเหรอ”
“เปล่าหรอกค่ะ ฉันจะบอกความลับให้ก็ได้ฉันถูกหวยน่ะ”
“ถูกหวยเหรอ ผมไม่รู้ว่าถูกครั้งหนึ่งมันได้เท่าไหร่ แต่เท่าที่เห็นในข่าวก็น่าจะหลายล้าน คุณเป็นคนโชคดีมากๆ เลยนะวิว”
“ฉันไม่ได้ถูกหลายล้านหรอกค่ะถูกแค่สี่แสนเองแต่มันก็ถือว่าเป็นเงินจำนวนมากสำหรับฉัน”
“คุณพูดเหมือนถ้าไม่ถูกหวยคุณจะไม่มาเที่ยวที่นี่ค่ะ”
“ก็ใช่ค่ะ ค่าโรงแรมช่วงนี้มันแพงนะคะ ไหนในจะค่าตั๋วเครื่องบินอีก ลำพังแค่เงินเดือนฉันคงไม่พอมาเที่ยวหรอกค่ะ” หญิงสาวเล่าออกมาอย่างไม่มีปิดบง
“ผมดีใจด้วยนะที่คุณถูกหวยเลยทำให้คุณได้มาเที่ยวที่นี่ ทำให้เรามาเจอกันได้คุยกัน”
“ฉันก็ดีใจมากๆ ที่มีโอกาสได้มาเที่ยวที่นี่ แต่ตอนนี้ฉันขอตัวไปนอนก่อนนะ”
“ง่วงแล้วเหรอ”
“ไม่ง่วงหรอก แต่ฉันคิดว่าตอนนี้ฉันเมามากๆ คุณจะนั่งดื่มต่ออยู่ตรงนี้ไหม”
“ผมว่าจะนั่งดื่มอยู่อีกสักพัก ยินดีที่ได้รู้จักนะวิวให้ผมเดินไปส่งหน้าบ้านพักนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดินแค่ไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันนะคะคุณนนท์”
เมื่อวิรัลพัชรเดินกลับไปแล้วคุณานนท์ก็ยังนั่งดื่มต่ออยู่บริเวณหน้าบ้านเขารู้สึกแปลกใจกับตนเองมากที่นั่งคุยกับคนเพิ่งรู้จักกันได้นานมากขนาดนี้ หญิงสาวเป็นคนที่มีอะไรน่าสนใจมากจริงๆ เธอเป็นคนพูดตรงมากๆ เล่าเรื่องทุกอย่างออกมาอย่างไม่อายเลยสักนิด
ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นก็คงไม่กล้าเล่าว่าตัวเองเอาเงินถูกหวยมาเที่ยวหรือไม่ก็เล่าเรื่องครอบครัวของตัวเอง แต่ดูเหมือนผู้หญิงคนนี้จะไม่คิดแบบนั้นเธอเป็นคนค่อนข้างเปิดเผยเขาไม่รู้ว่าที่เธอพูดออกมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริงหรือเป็นเรื่องโกหกกันแน่แต่ได้ฟังแล้วก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่น่าสนใจคนหนึ่ง เขาดื่มต่อจนเครื่องดื่มขวดที่สองหมดก็กำลังจะเดินกลับบ้านแต่ยังไม่ทันลุกก็ได้ยินเสียงกรี๊ดดังมาจากในบ้านพักของหญิงสาว
คุณานนท์รีบวิ่งตรงไปยังหน้าบ้านและนับว่าโชคดีมากที่เธอไม่ได้ล็อกประตู
“คุณเป็นอะไร” เขาตะโกนถามเข้าไป
“คุณช่วยฉันด้วยในห้องฉันมีแมลงสาบ”
“คุณอยู่ตรงไหน”
“ฉันอยู่ในห้องนอน” เสียงตะโกนตอบกลับ
เขาเปิดไฟจนสว่างบ้านก่อนจะเดินไปหาหญิงสาวที่ตอนนี้นุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวกระโดดอยู่บนเตียง
สองเดือนหลังจากไปเที่ยวเกาะพงันเสียงอาเจียนของชายหนุ่มคนเดียวในบ้านดังมาตั้งแต่เช้าทำให้คุณชมนาดรู้สึกเป็นห่วง เธอคิดว่าหลานชายดื่มเหล้าจนเมาค้างถึงเช้า แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนคุณานนท์ไม่ได้ออกไปเที่ยวที่ไหนเลยเธอเคาะประตูห้องหลานชายพอได้ยินเสียงอนุญาตก็เปิดเข้าไปแล้วก็เห็นว่าเจ้าของห้องแต่งตัวพร้อมไปทำงานเขากำลังเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยใบหน้าซีดเซียว“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณย่า”“ย่าจะเข้ามาดูว่านนท์เป็นอะไร ย่าได้ยินเสียงเราอาเจียนหลายรอบแล้วเป็นอะไรหรือเปล่า”“ผมเวียนหัวนิดหน่อยครับคุณย่าสงสัยช่วงนี้จะพักผ่อนน้อย”“ไปให้คุณหมอตรวจหน่อยได้ไหม”“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมว่าเดี๋ยวก็น่าจะดีขึ้น”“ถ้าไม่ดีขึ้นก็โทรไปถามพ่อเขาก็แล้วกันว่าอาการที่เป็นอยู่และเกิดจากอะไรกันแน่”“ผมไม่อยากรบกวนเขาหรอกครับคุณย่า” คุณานนท์กับบิดาไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เขาจึงไม่อยากเอาไปกวนใจท่าน“ถ้าไม่อยากรบกวนพ่อก็ลองโทรไปถามพี่สาวเราก็แล้วกัน ว่าเป็นอะไร มีคนในครอบครัวเป็นหมอก็ใช้ให้เป็นประโยชน์”“ได้ครับคุณย่า”“แล้วเช้านี้ยังไงล่ะ จะไปทำงานไหมย่าว่านนท์นอนพักอีกหน่อยดีไหม”“ไม่ได้หรอกครับ
“ย่ายังไม่ได้พูดแบบนั้นเลย แต่ย่าหมายความว่าคนที่จะอยู่กับแม่ของเด็กก็คือนนท์เพราะฉะนั้นมันก็อยู่ที่นนท์นั่นแหละว่าจะรับผู้หญิงคนนั้นเข้ามาเป็นภรรยาอย่างถูกต้องมีพิธีแต่งงานหรือจะรับแค่เด็ก ที่นนท์ถามย่าแบบนี้เพราะนึกออกแล้วใช่ไหมว่าไปทำผู้หญิงที่ไหนท้อง”“ไม่หรอกครับคุณย่ามันก็แค่เรื่องที่ผมสมมติขึ้น”“จะเป็นเรื่องสมมติหรือเรื่องจริงย่าไม่สนใจหรอกเพราะยังไงเด็กที่อยู่ในท้องของเธอก็เป็นลูกของนนท์”“แต่ทำไมสีหน้าของย่าดูกังวลจังล่ะครับมีอะไรหรือเปล่า” คุณานนท์รู้สึกผิดที่สมมติเรื่องแบบนี้ขึ้นมาทำให้คุณย่าเครียด“ถ้าเรื่องที่เรากำลังพูดกันอยู่เป็นเรื่องจริง สำหรับย่าแล้วมันไม่มีปัญหาอะไรเลยแต่ปัญหามันอยู่ที่พ่อแม่ของนนท์มากกว่านะ ย่าได้ยินมาว่าเขากำลังพยายามหาลูกสะใภ้อยู่น่ะ”แม้ว่าจะไม่ค่อยได้ออกไปเจอใครที่ไหนแต่ก็ใช่ว่าคุณชมนาดจะไม่รู้ว่าตอนนี้ลูกชายกับลูกสะใภ้ของเธอกำลังวางแผนจะทำอะไรกันอยู่“ถ้าเกิดพ่อกับแม่หาผู้หญิงให้ผมจริงๆ แล้วผู้หญิงคนนั้นผมไม่รัก ไม่ชอบย่าจะช่วยผมได้ไหม”“ถ้านนท์อยากให้ย่าช่วยย่าก็จะช่วยเพราะย่าเป็นคนเลี้ยงนนท์มา ถึงเขาจะเป็นพ่อเป็นแม่แต่ก็ไม่มีสิทธิ์มาบังคับล
“วิวมีผ้าอนามัยให้ยืมไหม” นัยนากระซิบถามวิรัลพัชรที่กำลังนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์อย่างตั้งใจ“มีสิ” หญิงสาวรีบเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานของตัวเองแล้วส่งผ้าอนามัยให้เพื่อน“ขอบใจนะเดี๋ยวจะซื้อมาคืนให้”“ไม่เป็นไรหรอกปอนด์”เมื่อนัยนาเดินออกจากโต๊ะทำงานเธอไปแล้ววิรัลพัชรก็เปิดลิ้นชักดูอีกครั้งปกติแล้วเธอจะเตรียมผ้าอนามัยไว้ในลิ้นชักแบบนี้อยู่เสมอแต่จำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ตัวเองหยิบมาใช้มันตอนไหนกันแน่เพราะจำนวนผ้าอนามัยยังคงเยอะอยู่ทั้งที่เดือนนี้เธอไม่ได้ซื้อมาเพิ่มเลย หญิงสาวหญิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูปฏิทินที่บันทึกวันที่เป็นประจำเดือนของตนเองไว้ก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าเดือนนี้เธอยังไม่เป็นประจำเดือนแต่เดือนที่แล้วเธอก็มีประจำเดือนตามปกติเพียงแต่ไม่ได้มากเหมือนกับทุกครั้งวิรัลพัชรหน้าเครียดเมื่อดูจากปฏิทินแล้วเดือนนี้ประจำเดือนของเธอมาช้ากว่ากำหนดถึงสิบวัน ซึ่งปกติแล้วหญิงสาวเป็นคนที่มีประจำเดือนไม่ค่อยตรงตามเวลาเท่าไหร่ แต่ก็ไม่เคยมาช้าแบบนี้หญิงสาวเริ่มเป็นกังวลว่าตนเองจะตั้งครรภ์หรือเปล่าแต่ความเป็นไปได้มันก็น้อยมากเลยเพราะเมื่อเดือนที่แล้วเธอยังมีรอบเดือนถึงแม้มันจะเป็นรอบเดือนเพี
เช้าวันเสาร์หลังจากทำตามขั้นตอนที่ติดอยู่ข้างกล่องแล้ววิรัลพัชรก็นั่งลุ้นผลการตรวจ เมื่อปรากฏขีดสีแดงสองขีดบนแท่งพลาสติกที่ใช้ตรวจการตั้งครรภ์หญิงสาวก็เข่าแทบทรุด เธอหยิบที่ตรวจครรภ์อีกอันหนึ่งขึ้นมาตรวจแล้วผลมันก็เหมือนกับที่ตรวจครรภ์อันแรกวิรัลพัชรเดินกลับเข้ามาบนเตียงนั่งกอดเข่าร้องไห้เธอไม่รู้ว่าจะมีชีวิตของตนเองจะเป็นยังไงต่อไป ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นทำยังไงกับตัวเองดี หญิงสาวไม่รู้เลยว่าความผิดพลาดและความเมาในคืนนั้นจะนำมาซึ่งความทุกข์มากขนาดนี้หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วลังเลว่าจะโทรศัพท์หาใครสักคนเพื่อจะปรึกษาเรื่องที่เกิดขึ้น เธออยากปรึกษาพิมพ์วดีเพราะการไปเที่ยวครั้งนั้นเธอไปกับพิมพ์วดีแต่ถ้าเกิดพิมพ์วดีรู้ก็กลัวว่าเพื่อนจะเครียดเพราะเป็นคนชวนไปเที่ยวแต่พอจะโทรหานลินภัสก็กลัวเพื่อนจะคิดว่าเป็นความผิดของตัวเองเพราะถ้าหากนลินภัสไปเที่ยวด้วยในคืนนั้นเหตุการณ์แบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น สุดท้ายแล้ววิรัลพัชรก็เลยตัดสินใจไม่โทรหาใครทั้งนั้นเธอคิดจะแก้ปัญหาเรื่องนี้คนเดียวหญิงสาวรีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะไปปรึกษาคุณหมอว่าจากนี้เธอจะต้องปฏิบัติตัวยังไงเพราะวิรัลพัชรตัดสินใจแล้วว่าจะตั้งคร
เช้าวันอาทิตย์คุณานนท์ไม่ต้องไปทำงานแต่ชายหนุ่มก็ตื่นนอนแต่เช้าเพราะรู้สึกอยากจะอาเจียน อาการของเขาเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้วแม้จะทานยาที่คุณหมอให้มาแต่มันก็ไม่ดีขึ้นเลย เขาเริ่มเป็นกังวลว่าตัวเองจะป่วยเป็นอะไรมากหรือเปล่าและคิดวันนี้จะเข้าไปปรึกษากับคุณหมอที่โรงพยาบาลอีกครั้ง ชายหนุ่มไม่ชอบอาการที่เป็นอยู่นี้เลยเพราะมันทำให้เขาทำงานไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วคุณานนท์ก็เดินลงมาทานอาหารเช้ากับคุณย่าตามปกติ“หน้าซีดลงมาอีกแล้ว ย่าว่าอาการเราไม่น่าจะไหวแล้วนะนนท์” คุณชมนาดมองหลานชายแล้วก็รู้สึกเป็นห่วงไม่ได้แต่ในใจเธอก็ยังคิดอยู่ว่าอาการของคุณานนท์นั้นเหมือนกับอาการแพ้ท้องแทนภรรยาแต่ชายหนุ่มก็ไม่ยอมรับว่าตัวเองไปแอบมีภรรยาซ่อนไว้ที่ไหน“เช้านี้ป้าอาหารฝรั่งให้คุณนนท์นะนะ มีไส้กรอก ไข่ดาว ขนมปังปิ้งแล้วก็น้ำส้มคั้นสดๆ ค่ะ คุณนนท์จะได้ไม่คลื่นไส้”“ขอบคุณครับป้าสำรวยแล้วคุณย่าไม่กินเหมือนผมเหรอครับ”“ย่าไม่ถนัดกินของพวกนั้นหรอก ย่าขอเป็นข้าวต้มดีกว่าแต่ย่าไม่ได้ใส่กระเทียมเจียวนะ ย่ารู้ว่านนท์ไม่ชอบกลิ่นของมัน”“คุณย่าครับ ผมขอโทษนะครับที่ทำให้คุณย่าต้องอดกินของอร่อย”“
กรี๊ดดด!!!!!!เสียงกรีดร้องด้วยความดีใจของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นในเวลา 16.00 น. ของวันที่ 16 ทำให้พนักงานในแผนกที่มีกันอยู่เพียงแค่สี่คนหันไปมองด้วยความแปลกใจ“เบาๆ หน่อยวิวเดี๋ยวคนก็ตกใจกันทั้งบริษัทหรอก แล้วเป็นอะไรทำไมถึงกรี๊ดแบบนี้ล่ะ” พนิดาหรือพี่นิดหัวหน้าแผนกหันไปดุลูกน้องอย่างไม่ค่อยจริงจังเท่าไหร่ก่อนจะเดินมาใกล้ๆ เพราะเห็นท่าทางของลูกน้องสาวดูไม่ปกติเท่าไหร่“นั่นสิวิวเป็นอะไรกรี๊ดเสียงดังเชียว” นัยนาหรือปอนด์ถามเพื่อนร่วมงาน“จะไม่ให้กรี๊ดได้ยังไงล่ะ ก็วิวถูกหวย” หญิงสาวพูดแล้วโบกลอตเตอรี่ในมือไปมา“อะไรนะถูกหวยเหรอ กรี๊ดดังแบบนี้ถูกรางวัลที่หนึ่งใช่ไหมได้เท่าไหร่หกล้านหรือสามสิบล้านล่ะวิว แล้วแบบนี้ยังจะมาทำงานอยู่อีกไหมนะ พี่ต้องเรียกว่าคุณหนูวิวแล้วใช่ไหม” หัวหน้าแผนกพูดด้วยความตื่นเต้น“ไม่ใช่รางวัลที่หนึ่งหรอกค่ะพี่นิด”“อ้าวแล้วถูกเท่าไหร่ อย่าบอกนะว่ากรี๊ดดังลั่นแบบนี้ถูกแค่สองตัวท้ายนะวิว” บุษกรรุ่นพี่อีกคนในแผนกพูดขึ้นมาบ้าง“ไม่ใช่หรอกค่ะพี่บุษแต่วิวถูกรางวัลที่สองค่ะ”“โอ้โห รางวัลที่สองใบหนึ่งก็ตั้งสองแสนเลยนะ แล้ววิวซื้อมากี่ใบซื้อเป็นชุดแบบห้าใบ สิบใบหรือเปล่า”
เสียงเคาะประตูที่หน้าห้องดังสามครั้งก่อนที่ประตูห้องทำงานของซีคุณานนท์ซีอีโอหนุ่มเขาของบริษัทนำเข้าเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์เปิดออกผู้ที่เข้ามาคือชายหนุ่มรูปร่างสูงหน้าตาดีเขานั่งลงตรงข้ามกับเขาของห้องโดยไม่ต้องขออนุญาตหรือรอให้มีใครเชิญ“ว่าไงวะมาหากูถึงที่นี่มีธุระด่วนเหรอ” คุณานนท์ถามแขกที่เดินเข้ามา“ไม่ด่วนหรอกแต่ช่วงนี้กูกำลังเบื่อเซ็งอยากชวนมึงไปเที่ยว”“เที่ยวไหนวะ มึงเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเองไม่ใช่เหรอ”“เออก็เพราะกูเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศนี่แหละก็เลยเซ็งมาก” รัชกฤชหรือเบสพูดแล้วส่ายศีรษะบ่งบอกว่าเซ็งอย่างเต็มที่“อะไรวะไปเที่ยวมาแล้วเซ็งมีอะไรหรือเปล่า”“ก็ก้อยแฟนกูน่ะสิเธอจะให้กูซื้อกระเป๋าให้ แต่กูก็พูดขึ้นว่าเหมือนเคยเห็นเธอมีใบนี้อยู่แล้วแค่นั้นแหละก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้วบอกเลิกกูไปเลย”“อ้าวทำไมเขาบอกเลิกมึงง่ายๆ แบบนั้นเหรอวะ กระเป๋าราคาเท่าไหร่กันเชียวทำไมมึงถึงไม่ซื้อให้เขา” คุณานนท์ถามด้วยความแปลกใจเพราะเพื่อนของตนก็มีฐานะ“ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ราคาว่ะ”“แล้วประเด็นมันอยู่ตรงไหน”“ประเด็นคือกูลืมว่ากูไม่เคยซื้อใบนี้ให้เขา แต่กูซื้อให้ผู้หญิงอีกคน”“นั่นไงกู
“น่าเสียดายจังนะปูเป้ที่หลินไม่ได้มากับเรา” วิรัลพัชรพูดอย่างเสียดายเมื่อวันนี้หลินหรือนลินภัสไม่ได้เดินทางมาเที่ยวกับเธอตามที่ได้ชวนกันไว้ ทำให้หญิงสาวต้องเดินทางมาเที่ยวเกาะพงันกับพิมพ์วดีและอลันแฟนหนุ่ม“นั่นสิแบบนี้วิวก็น่าจะเหงาแย่เลยคืนนี้ให้เราไปนอนห้องเดียวกับวิวดีไหม”“อย่าเลยนานๆ อลันเขาถึงจะกลับมาหาปูเป้สักทีไปนอนกับแฟนเถอะวิวอยู่คนเดียวได้เผลอๆ คืนนี้อาจจะได้หนุ่มกลับมานอนด้วยสักคน”“พูดเป็นเล่นน่า อย่างวิวน่ะเหรอจะพาใครไปนอนด้วยขนาดแฟนที่คบกันมาเกือบปีวิวยังไม่เคยพาไปค้างที่ห้องเลย” พิมพ์วดีพูดอย่างรู้ทันเพราะเพื่อนของเธอคนนี้ค่อนข้างจะหัวโบราณมากต่างจากเธออย่างลิบลับ“แหมก็ตอนนั้นวิวยังเรียนไม่จบนี่ปูเป้ แต่ตอนนี้วิวเรียนจบแล้วมีงานทำอายุก็ยี่สิบสี่แล้วนะมีซัมติงกับใครสักคนก็ไม่น่าจะแปลก”“ขอให้มันจริงเถอะ เดี๋ยวพวกเราเอาของเข้าไปเก็บนะ บ้านพักของวิวอยู่หลังริมสุดนะ ส่วนหลังตรงกลางไม่แน่ใจว่าเป็นของใครของเราอยู่ถัดไปอีกสองหลังถ้ามีอะไรก็ไปเคาะเรียกได้นะ สักทุ่มหนึ่งเราค่อยออกไปกินข้าวกันนะ แล้วปูเป้จะโทรหา”“ได้จ้ะ” วิรัลพัชรเดินแยกจากเพื่อนเข้ามายังบ้านพักของตนเองหลังริ
เช้าวันอาทิตย์คุณานนท์ไม่ต้องไปทำงานแต่ชายหนุ่มก็ตื่นนอนแต่เช้าเพราะรู้สึกอยากจะอาเจียน อาการของเขาเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้วแม้จะทานยาที่คุณหมอให้มาแต่มันก็ไม่ดีขึ้นเลย เขาเริ่มเป็นกังวลว่าตัวเองจะป่วยเป็นอะไรมากหรือเปล่าและคิดวันนี้จะเข้าไปปรึกษากับคุณหมอที่โรงพยาบาลอีกครั้ง ชายหนุ่มไม่ชอบอาการที่เป็นอยู่นี้เลยเพราะมันทำให้เขาทำงานไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วคุณานนท์ก็เดินลงมาทานอาหารเช้ากับคุณย่าตามปกติ“หน้าซีดลงมาอีกแล้ว ย่าว่าอาการเราไม่น่าจะไหวแล้วนะนนท์” คุณชมนาดมองหลานชายแล้วก็รู้สึกเป็นห่วงไม่ได้แต่ในใจเธอก็ยังคิดอยู่ว่าอาการของคุณานนท์นั้นเหมือนกับอาการแพ้ท้องแทนภรรยาแต่ชายหนุ่มก็ไม่ยอมรับว่าตัวเองไปแอบมีภรรยาซ่อนไว้ที่ไหน“เช้านี้ป้าอาหารฝรั่งให้คุณนนท์นะนะ มีไส้กรอก ไข่ดาว ขนมปังปิ้งแล้วก็น้ำส้มคั้นสดๆ ค่ะ คุณนนท์จะได้ไม่คลื่นไส้”“ขอบคุณครับป้าสำรวยแล้วคุณย่าไม่กินเหมือนผมเหรอครับ”“ย่าไม่ถนัดกินของพวกนั้นหรอก ย่าขอเป็นข้าวต้มดีกว่าแต่ย่าไม่ได้ใส่กระเทียมเจียวนะ ย่ารู้ว่านนท์ไม่ชอบกลิ่นของมัน”“คุณย่าครับ ผมขอโทษนะครับที่ทำให้คุณย่าต้องอดกินของอร่อย”“
เช้าวันเสาร์หลังจากทำตามขั้นตอนที่ติดอยู่ข้างกล่องแล้ววิรัลพัชรก็นั่งลุ้นผลการตรวจ เมื่อปรากฏขีดสีแดงสองขีดบนแท่งพลาสติกที่ใช้ตรวจการตั้งครรภ์หญิงสาวก็เข่าแทบทรุด เธอหยิบที่ตรวจครรภ์อีกอันหนึ่งขึ้นมาตรวจแล้วผลมันก็เหมือนกับที่ตรวจครรภ์อันแรกวิรัลพัชรเดินกลับเข้ามาบนเตียงนั่งกอดเข่าร้องไห้เธอไม่รู้ว่าจะมีชีวิตของตนเองจะเป็นยังไงต่อไป ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นทำยังไงกับตัวเองดี หญิงสาวไม่รู้เลยว่าความผิดพลาดและความเมาในคืนนั้นจะนำมาซึ่งความทุกข์มากขนาดนี้หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วลังเลว่าจะโทรศัพท์หาใครสักคนเพื่อจะปรึกษาเรื่องที่เกิดขึ้น เธออยากปรึกษาพิมพ์วดีเพราะการไปเที่ยวครั้งนั้นเธอไปกับพิมพ์วดีแต่ถ้าเกิดพิมพ์วดีรู้ก็กลัวว่าเพื่อนจะเครียดเพราะเป็นคนชวนไปเที่ยวแต่พอจะโทรหานลินภัสก็กลัวเพื่อนจะคิดว่าเป็นความผิดของตัวเองเพราะถ้าหากนลินภัสไปเที่ยวด้วยในคืนนั้นเหตุการณ์แบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น สุดท้ายแล้ววิรัลพัชรก็เลยตัดสินใจไม่โทรหาใครทั้งนั้นเธอคิดจะแก้ปัญหาเรื่องนี้คนเดียวหญิงสาวรีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะไปปรึกษาคุณหมอว่าจากนี้เธอจะต้องปฏิบัติตัวยังไงเพราะวิรัลพัชรตัดสินใจแล้วว่าจะตั้งคร
“วิวมีผ้าอนามัยให้ยืมไหม” นัยนากระซิบถามวิรัลพัชรที่กำลังนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์อย่างตั้งใจ“มีสิ” หญิงสาวรีบเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานของตัวเองแล้วส่งผ้าอนามัยให้เพื่อน“ขอบใจนะเดี๋ยวจะซื้อมาคืนให้”“ไม่เป็นไรหรอกปอนด์”เมื่อนัยนาเดินออกจากโต๊ะทำงานเธอไปแล้ววิรัลพัชรก็เปิดลิ้นชักดูอีกครั้งปกติแล้วเธอจะเตรียมผ้าอนามัยไว้ในลิ้นชักแบบนี้อยู่เสมอแต่จำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ตัวเองหยิบมาใช้มันตอนไหนกันแน่เพราะจำนวนผ้าอนามัยยังคงเยอะอยู่ทั้งที่เดือนนี้เธอไม่ได้ซื้อมาเพิ่มเลย หญิงสาวหญิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูปฏิทินที่บันทึกวันที่เป็นประจำเดือนของตนเองไว้ก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าเดือนนี้เธอยังไม่เป็นประจำเดือนแต่เดือนที่แล้วเธอก็มีประจำเดือนตามปกติเพียงแต่ไม่ได้มากเหมือนกับทุกครั้งวิรัลพัชรหน้าเครียดเมื่อดูจากปฏิทินแล้วเดือนนี้ประจำเดือนของเธอมาช้ากว่ากำหนดถึงสิบวัน ซึ่งปกติแล้วหญิงสาวเป็นคนที่มีประจำเดือนไม่ค่อยตรงตามเวลาเท่าไหร่ แต่ก็ไม่เคยมาช้าแบบนี้หญิงสาวเริ่มเป็นกังวลว่าตนเองจะตั้งครรภ์หรือเปล่าแต่ความเป็นไปได้มันก็น้อยมากเลยเพราะเมื่อเดือนที่แล้วเธอยังมีรอบเดือนถึงแม้มันจะเป็นรอบเดือนเพี
“ย่ายังไม่ได้พูดแบบนั้นเลย แต่ย่าหมายความว่าคนที่จะอยู่กับแม่ของเด็กก็คือนนท์เพราะฉะนั้นมันก็อยู่ที่นนท์นั่นแหละว่าจะรับผู้หญิงคนนั้นเข้ามาเป็นภรรยาอย่างถูกต้องมีพิธีแต่งงานหรือจะรับแค่เด็ก ที่นนท์ถามย่าแบบนี้เพราะนึกออกแล้วใช่ไหมว่าไปทำผู้หญิงที่ไหนท้อง”“ไม่หรอกครับคุณย่ามันก็แค่เรื่องที่ผมสมมติขึ้น”“จะเป็นเรื่องสมมติหรือเรื่องจริงย่าไม่สนใจหรอกเพราะยังไงเด็กที่อยู่ในท้องของเธอก็เป็นลูกของนนท์”“แต่ทำไมสีหน้าของย่าดูกังวลจังล่ะครับมีอะไรหรือเปล่า” คุณานนท์รู้สึกผิดที่สมมติเรื่องแบบนี้ขึ้นมาทำให้คุณย่าเครียด“ถ้าเรื่องที่เรากำลังพูดกันอยู่เป็นเรื่องจริง สำหรับย่าแล้วมันไม่มีปัญหาอะไรเลยแต่ปัญหามันอยู่ที่พ่อแม่ของนนท์มากกว่านะ ย่าได้ยินมาว่าเขากำลังพยายามหาลูกสะใภ้อยู่น่ะ”แม้ว่าจะไม่ค่อยได้ออกไปเจอใครที่ไหนแต่ก็ใช่ว่าคุณชมนาดจะไม่รู้ว่าตอนนี้ลูกชายกับลูกสะใภ้ของเธอกำลังวางแผนจะทำอะไรกันอยู่“ถ้าเกิดพ่อกับแม่หาผู้หญิงให้ผมจริงๆ แล้วผู้หญิงคนนั้นผมไม่รัก ไม่ชอบย่าจะช่วยผมได้ไหม”“ถ้านนท์อยากให้ย่าช่วยย่าก็จะช่วยเพราะย่าเป็นคนเลี้ยงนนท์มา ถึงเขาจะเป็นพ่อเป็นแม่แต่ก็ไม่มีสิทธิ์มาบังคับล
สองเดือนหลังจากไปเที่ยวเกาะพงันเสียงอาเจียนของชายหนุ่มคนเดียวในบ้านดังมาตั้งแต่เช้าทำให้คุณชมนาดรู้สึกเป็นห่วง เธอคิดว่าหลานชายดื่มเหล้าจนเมาค้างถึงเช้า แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนคุณานนท์ไม่ได้ออกไปเที่ยวที่ไหนเลยเธอเคาะประตูห้องหลานชายพอได้ยินเสียงอนุญาตก็เปิดเข้าไปแล้วก็เห็นว่าเจ้าของห้องแต่งตัวพร้อมไปทำงานเขากำลังเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยใบหน้าซีดเซียว“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณย่า”“ย่าจะเข้ามาดูว่านนท์เป็นอะไร ย่าได้ยินเสียงเราอาเจียนหลายรอบแล้วเป็นอะไรหรือเปล่า”“ผมเวียนหัวนิดหน่อยครับคุณย่าสงสัยช่วงนี้จะพักผ่อนน้อย”“ไปให้คุณหมอตรวจหน่อยได้ไหม”“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมว่าเดี๋ยวก็น่าจะดีขึ้น”“ถ้าไม่ดีขึ้นก็โทรไปถามพ่อเขาก็แล้วกันว่าอาการที่เป็นอยู่และเกิดจากอะไรกันแน่”“ผมไม่อยากรบกวนเขาหรอกครับคุณย่า” คุณานนท์กับบิดาไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เขาจึงไม่อยากเอาไปกวนใจท่าน“ถ้าไม่อยากรบกวนพ่อก็ลองโทรไปถามพี่สาวเราก็แล้วกัน ว่าเป็นอะไร มีคนในครอบครัวเป็นหมอก็ใช้ให้เป็นประโยชน์”“ได้ครับคุณย่า”“แล้วเช้านี้ยังไงล่ะ จะไปทำงานไหมย่าว่านนท์นอนพักอีกหน่อยดีไหม”“ไม่ได้หรอกครับ
คำถามของวิรัลพัชรทำให้คุณานนท์คิดตาม สำหรับเขาแล้วรู้สึกและอยากจะทำอย่างที่พูดจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าบิดามารดาจะเห็นด้วยกับความคิดเห็นของเขาหรือเปล่า เพราะท่านเป็นคนมีหน้ามีตาและมีฐานะในสังคม ท่านเคยเปรยอยู่หลายครั้งว่าอยากจะให้เขาแต่งงานกับผู้หญิงที่เหมาะสมผู้หญิงที่เข้ามาในครอบครัวแล้วช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกันแต่ สำหรับเขากลับคิดว่าไม่จำเป็นเลยผู้หญิงที่จะเข้ามาใช้ชีวิตด้วยต้องเป็นผู้หญิงที่เขาอยู่ด้วยแล้วสบายใจคอยอยู่ให้กำลังใจเวลาที่เขาเหนื่อย คุณานนท์คิดว่าตนเองมีความสามารถในการทำงานมากพอเขาไม่จำเป็นที่จะให้ผู้หญิงมาคอยช่วยเรื่องงานนั้นก็เป็นเพราะชายหนุ่มอยู่กับย่ามาตั้งแต่เด็กทำให้ความคิดค่อนข้างจะหัวโบราณไปสักนิดว่าผู้หญิงต้องมีหน้าที่ดูแลบ้านดูแลครอบครัวเธอไม่จำเป็นต้องออกมาทำงานนอกบ้านหรือทำงานเก่ง“ทำไมเงียบไปล่ะคะ”“ผมกำลังสับสน เพราะจริงๆ แล้วผมรู้สึกและอยากจะทำอย่างที่พูดนะ แต่ไม่รู้ว่าครอบครัวของผมจะเห็นด้วยกับสิ่งที่ผมทำหรือเปล่า”“ขอโทษนะคุณอายุเท่าไหร่แล้วคะคุณนนท์”“ก็เยอะพอประมาณแล้วล่ะ น่าจะพอมีครอบครัวได้แล้ว ว่าแต่คุณถามทำไมเหรอวิว”“ก็ถ้าคุณอายุมากพอจะมีครอบครัวได้แล
“คุณเคยมาเที่ยวที่นี่ไหม” ชายหนุ่มเริ่มเปิดประเด็นถามหลังจากนั่งดื่มไปได้นิดหน่อย“ไม่เลยค่ะนี่เป็นครั้งแรกของฉัน แล้วคุณล่ะ”“ผมมาที่นี่หลายครั้งแล้ว”“แสดงว่าคุณชอบเที่ยวแบบนี้ใช่ไหมถึงมาบ่อยๆ”“ก็ไม่เชิงหรอกแต่มาแบบนี้มันได้สนุกอย่างเต็มที่ได้ปลดปล่อยตัวเองออกมา คนส่วนใหญ่ที่มาที่นี่ก็ไม่สนใจหรอกว่าใครเป็นใคร ทุกคนต่างอยากมาหาความสุขแล้วคุณคิดเหมือนผมไหม”“ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ บางทีฉันทำงานเครียดๆ ก็อยากจะออกมาหาความสุข มาระบายความเครียดบ้าง”“แล้วเป็นยังไงล่ะรู้สึกดีไหมที่ได้มาเที่ยวแบบนี้”“รู้สึกดีมากๆ เลยค่ะ ฉันสนุก มากไม่คิดเลยว่าเสียงเพลงและเครื่องดื่มมันจะทำให้ฉันรู้สึกสนุกมากกว่าที่คิดไว้”“ปกติคุณไม่ดื่มไม่เที่ยวเหรอ”“มันก็มีบ้างค่ะแต่ไม่ค่อยบ่อยเท่าไหร่แล้วคุณล่ะ”“มันก็ต้องมีบ้างตามประสาผู้ชาย เราคุยกันมาตั้งนานแล้วผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย”“เราคงไม่ต้องบอกชื่อจริงกันใช่ไหม”“ใช่เรารู้จักกันแต่พอไปจากที่นี่ทุกคนก็จะทิ้งทุกอย่างไว้ ผมชื่อนนท์ยินดีที่ได้รู้จัก”“ฉันชื่อวิวค่ะ ยินดีรู้จักเช่นกันค่ะคุณนนท์”“แปลกเหมือนกันนะ เป็นผู้หญิงแต่มาเที่ยวที่นี่คนเดียว”“ฉัน
“น่าเสียดายจังนะปูเป้ที่หลินไม่ได้มากับเรา” วิรัลพัชรพูดอย่างเสียดายเมื่อวันนี้หลินหรือนลินภัสไม่ได้เดินทางมาเที่ยวกับเธอตามที่ได้ชวนกันไว้ ทำให้หญิงสาวต้องเดินทางมาเที่ยวเกาะพงันกับพิมพ์วดีและอลันแฟนหนุ่ม“นั่นสิแบบนี้วิวก็น่าจะเหงาแย่เลยคืนนี้ให้เราไปนอนห้องเดียวกับวิวดีไหม”“อย่าเลยนานๆ อลันเขาถึงจะกลับมาหาปูเป้สักทีไปนอนกับแฟนเถอะวิวอยู่คนเดียวได้เผลอๆ คืนนี้อาจจะได้หนุ่มกลับมานอนด้วยสักคน”“พูดเป็นเล่นน่า อย่างวิวน่ะเหรอจะพาใครไปนอนด้วยขนาดแฟนที่คบกันมาเกือบปีวิวยังไม่เคยพาไปค้างที่ห้องเลย” พิมพ์วดีพูดอย่างรู้ทันเพราะเพื่อนของเธอคนนี้ค่อนข้างจะหัวโบราณมากต่างจากเธออย่างลิบลับ“แหมก็ตอนนั้นวิวยังเรียนไม่จบนี่ปูเป้ แต่ตอนนี้วิวเรียนจบแล้วมีงานทำอายุก็ยี่สิบสี่แล้วนะมีซัมติงกับใครสักคนก็ไม่น่าจะแปลก”“ขอให้มันจริงเถอะ เดี๋ยวพวกเราเอาของเข้าไปเก็บนะ บ้านพักของวิวอยู่หลังริมสุดนะ ส่วนหลังตรงกลางไม่แน่ใจว่าเป็นของใครของเราอยู่ถัดไปอีกสองหลังถ้ามีอะไรก็ไปเคาะเรียกได้นะ สักทุ่มหนึ่งเราค่อยออกไปกินข้าวกันนะ แล้วปูเป้จะโทรหา”“ได้จ้ะ” วิรัลพัชรเดินแยกจากเพื่อนเข้ามายังบ้านพักของตนเองหลังริ
เสียงเคาะประตูที่หน้าห้องดังสามครั้งก่อนที่ประตูห้องทำงานของซีคุณานนท์ซีอีโอหนุ่มเขาของบริษัทนำเข้าเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์เปิดออกผู้ที่เข้ามาคือชายหนุ่มรูปร่างสูงหน้าตาดีเขานั่งลงตรงข้ามกับเขาของห้องโดยไม่ต้องขออนุญาตหรือรอให้มีใครเชิญ“ว่าไงวะมาหากูถึงที่นี่มีธุระด่วนเหรอ” คุณานนท์ถามแขกที่เดินเข้ามา“ไม่ด่วนหรอกแต่ช่วงนี้กูกำลังเบื่อเซ็งอยากชวนมึงไปเที่ยว”“เที่ยวไหนวะ มึงเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเองไม่ใช่เหรอ”“เออก็เพราะกูเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศนี่แหละก็เลยเซ็งมาก” รัชกฤชหรือเบสพูดแล้วส่ายศีรษะบ่งบอกว่าเซ็งอย่างเต็มที่“อะไรวะไปเที่ยวมาแล้วเซ็งมีอะไรหรือเปล่า”“ก็ก้อยแฟนกูน่ะสิเธอจะให้กูซื้อกระเป๋าให้ แต่กูก็พูดขึ้นว่าเหมือนเคยเห็นเธอมีใบนี้อยู่แล้วแค่นั้นแหละก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้วบอกเลิกกูไปเลย”“อ้าวทำไมเขาบอกเลิกมึงง่ายๆ แบบนั้นเหรอวะ กระเป๋าราคาเท่าไหร่กันเชียวทำไมมึงถึงไม่ซื้อให้เขา” คุณานนท์ถามด้วยความแปลกใจเพราะเพื่อนของตนก็มีฐานะ“ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ราคาว่ะ”“แล้วประเด็นมันอยู่ตรงไหน”“ประเด็นคือกูลืมว่ากูไม่เคยซื้อใบนี้ให้เขา แต่กูซื้อให้ผู้หญิงอีกคน”“นั่นไงกู