“ย่ายังไม่ได้พูดแบบนั้นเลย แต่ย่าหมายความว่าคนที่จะอยู่กับแม่ของเด็กก็คือนนท์เพราะฉะนั้นมันก็อยู่ที่นนท์นั่นแหละว่าจะรับผู้หญิงคนนั้นเข้ามาเป็นภรรยาอย่างถูกต้องมีพิธีแต่งงานหรือจะรับแค่เด็ก ที่นนท์ถามย่าแบบนี้เพราะนึกออกแล้วใช่ไหมว่าไปทำผู้หญิงที่ไหนท้อง”
“ไม่หรอกครับคุณย่ามันก็แค่เรื่องที่ผมสมมติขึ้น”
“จะเป็นเรื่องสมมติหรือเรื่องจริงย่าไม่สนใจหรอกเพราะยังไงเด็กที่อยู่ในท้องของเธอก็เป็นลูกของนนท์”
“แต่ทำไมสีหน้าของย่าดูกังวลจังล่ะครับมีอะไรหรือเปล่า” คุณานนท์รู้สึกผิดที่สมมติเรื่องแบบนี้ขึ้นมาทำให้คุณย่าเครียด
“ถ้าเรื่องที่เรากำลังพูดกันอยู่เป็นเรื่องจริง สำหรับย่าแล้วมันไม่มีปัญหาอะไรเลยแต่ปัญหามันอยู่ที่พ่อแม่ของนนท์มากกว่านะ ย่าได้ยินมาว่าเขากำลังพยายามหาลูกสะใภ้อยู่น่ะ”
แม้ว่าจะไม่ค่อยได้ออกไปเจอใครที่ไหนแต่ก็ใช่ว่าคุณชมนาดจะไม่รู้ว่าตอนนี้ลูกชายกับลูกสะใภ้ของเธอกำลังวางแผนจะทำอะไรกันอยู่
“ถ้าเกิดพ่อกับแม่หาผู้หญิงให้ผมจริงๆ แล้วผู้หญิงคนนั้นผมไม่รัก ไม่ชอบย่าจะช่วยผมได้ไหม”
“ถ้านนท์อยากให้ย่าช่วยย่าก็จะช่วยเพราะย่าเป็นคนเลี้ยงนนท์มา ถึงเขาจะเป็นพ่อเป็นแม่แต่ก็ไม่มีสิทธิ์มาบังคับลูกหรอกเพราะตอนที่เขาจะแต่งงานย่าก็ไม่เคยไม่ยุ่งเรื่องนี้เลย”
“ขอบคุณมากครับคุณย่าที่เข้าใจผม”
“นนท์พูดเหมือนไม่อยากยอมรับผู้หญิงที่พ่อกับแม่หาให้เลยนนท์รู้เหรอว่าพ่อกับแม่กำลังติดต่อผู้หญิงคนไหนให้”
“พอจะรู้บ้างครับ เธอเป็นลูกสาวของเพื่อนคุณพ่อผมเคยเจอเธออยู่หลายครั้ง”
“แล้วเป็นยังไงสวยถูกใจหรือเปล่า พอจะคบหากันได้ไหม” คุณชมนาดถามหยั่งเชิง
“ไม่เลยครับคุณย่าเธอเป็นผู้หญิงทำงานเก่ง มีความมั่นใจในตัวเองสูงมากครับแต่ผมไม่ชอบผู้หญิงแบบนั้น”
“แล้วนนท์ของย่าชอบผู้หญิงแบบไหน”
“ผมชอบผู้หญิงธรรมดาที่อยู่ด้วยแล้วมีความสุขไม่ต้องทำงานเก่งมาก ถ้าจะให้ดีมีความเป็นแม่บ้านนิดๆ ก็ดี”
“แต่ผู้หญิงสมัยนี้หายากนะคะลูก ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็ทำงานนอกบ้านกันทั้งนั้น”
“ก็เพราะมันหายากไงล่ะครับคุณย่า ผมก็เลยคิดว่าถ้าหาเจอก็จะดีมากๆ ผมอาจจะหัวโบราณไปหน่อยที่มองว่าผู้หญิงควรทำงานอยู่ที่บ้านคอยดูแลสามีและครอบครัว”
“มันก็ไม่ได้เรียกว่าหัวโบราณบอกนะมีผู้ชายหลายคนที่ชอบผู้หญิงแบบนี้ บางครั้งผู้ชายที่ทำงานนอกบ้านเหนื่อยๆ ก็อยากจะกลับมาเจอคนคอยดูแลอยู่ที่บ้าน คอยถามว่าเหนื่อยไหมคอยให้กำลังใจอยู่ข้างๆ เหมือนปู่ของนนท์ไงล่ะท่านทำงานหนักมากๆ เริ่มจากคลินิกเล็กๆ จนถึงตอนนี้มีโรงพยาบาลในสาขาถึงห้าแห่ง”
“ปู่ของผมเก่งมากเลยนะครับ”
“ใช่จ้ะ ปู่ของนนท์เก่งมากๆ แต่ตอนนั้นย่าไม่เคยช่วยงานอะไรในคลินิกของปู่เลย เพียงแต่ทุกครั้งที่ปู่กลับมาบ้านย่าจะคอยให้กำลังใจคอยดูแลเขา หาอาหารอร่อยๆ ให้เขาคอยถามว่าเขาเหนื่อยไปแค่นั่นแหละที่ปู่เขาต้องการ ตอนนั้นมีผู้หญิงหลายคนที่เหมาะสมกับปู่มาก มีทั้งที่เป็นหมอด้วยกัน เป็นลูกของคนมีเงินที่จะช่วยเหลือเรื่องธุรกิจได้ แต่ปู่ก็เลือกย่าที่เป็นแค่คนธรรมดาไม่มีความรู้เรื่องการแพทย์ไม่รู้เรื่องบริหาร ปู่บอกว่าเรื่องงานนอกบ้านพวกนั้นปู่จัดการเองได้ หรือจ้างคนอื่นมาทำงานได้ แต่คนที่คอยให้กำลังใจคนที่เข้าใจและคอยดูแลนั้นมันหายาก” เมื่อพูดถึงคนเป็นสามีแล้วคุณชมนาดก็ยิ้มเพราะเธอไม่คู่ควรกับเขาเลยแต่เขาก็เลือกเธอเป็นคู่ชีวิต
“ผมไม่รู้ว่าจะหาผู้หญิงแบบนั้นเจอไหม”
“คุณนนท์คะแต่ป้าว่าคุณนนท์อย่าเพิ่งหาผู้หญิงตรงสเปกเลยค่ะ คุณนนท์ต้องหาก่อนว่าตอนนี้กำลังแพ้ท้องแทนผู้หญิงคนไหนแล้วรีบพามาเจอคุณท่านก่อนที่เธอจะเอาเด็กออกนะคะ”
ป้าสำรวยเตือนด้วยความหวังดีเพราะสมัยนี้การทำแท้งมีให้เห็นอยู่ทั่วไปเธอกลัวเหลือเกินว่าผู้หญิงที่นอนกับเจ้านายของเธอรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์และจะไปเอาเด็กออก
“แต่ย่าว่ามันแปลกๆ นะ”
“แปลกยังไงครับคุณย่า”
“ก็ถ้าผู้หญิงที่นนท์ไปนอนด้วยแล้วพลาดทำเธอท้อง ย่าว่าตอนนี้เธอก็น่าจะรีบมาแสดงตัวและบอกให้นนท์รับผิดชอบไม่ใช่เงียบหายไปแบบนี้ ย่ากลัวจะเหมือนที่ป้าสำรวยพูดว่าเธอจะแอบไปเอาเด็กออก”
“คุณย่าครับผมว่าคุณย่ากับป้าสำรวยคิดมากเกินไปแล้วอาการที่ผมเป็นอยู่อาจจะเป็นแค่อาการเวียนหัวไม่สบายเพราะพักผ่อนน้อยก็ได้อย่าเพิ่งคิดไปไกลเลย”
“ถ้านนท์อยากให้ย่าสบายใจก็ไปตรวจที่โรงพยาบาลสิ โทรไปบอกที่โรงพยาบาลก่อนว่าจะเข้าไปตรวจไม่ต้องตรวจกับพ่อหรือพี่สาวเราก็ได้เลือกหมอมาสักคนจะได้กินยาก่อนประชุม”
“ถ้างั้นก็ได้ครับ ผมจะแวะไปที่โรงพยาบาลน่าจะทันเข้าประชุม”
“กินอะไรก่อนไหมคะเดี๋ยวป้าทำอย่างอื่นให้”
“คงไม่แล้วล่ะป้าสำรวยในตู้มีสตรอว์เบอร์รีอีกไหม”
“มีค่ะ เดี๋ยวป้าเอาใส่กล่องให้นะเอาพริกเกลือด้วยไหมคะ”
“ไม่ต้องหรอกครับเอาแค่สตรอว์เบอร์รีก็พอ”
เมื่อได้สตรอว์เบอร์รีจากป่าสำรวยแล้วชายหนุ่มก็ขับรถออกจากบ้าน ตอนนี้เบาะข้างคนขับเปลี่ยนไปจากเดิมซึ่งปกติจะวางกระเป๋าเอกสารแต่วันนี้กับกลายเป็นที่วางกล่องสตรอว์เบอร์รี เขาหยิบไปทานอยู่หลายลูกก่อนจะขับรถมายังโรงพยาบาลที่ครอบครัวของตนเองเป็นเจ้าของ
คุณานนท์คิดว่าจะเข้าตรวจตามขั้นตอนเพราะไม่อยากให้ทุกคนวุ่นแต่พอพยาบาลที่ทำงานมานานเห็นก็รีบจัดการให้เขาได้เข้าตรวจกับคุณหมออายุรกรรมทันที
ชายหนุ่มเล่าอาการให้กับคุณหมอฟัง คุณหมอวินิจฉัยว่าอาการที่เขาเป็นน่าจะเกิดจากการพักผ่อนน้อยและความเครียดสะสมจึงให้ยาแก้อาเจียนและยาบำรุงรวมถึงวิตามินต่างๆ และกำชับว่าจากนี้ให้เขาทานอาหารให้ครบห้าหมู่พักผ่อนให้เป็นเวลาและหมั่นหาเวลาออกกำลังกาย ถ้ามีอาการไม่ดีขึ้นก็ให้กลับมาพบอีกครั้งเพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียด
เขาออกจากโรงพยาบาลและเดินสวนทางกับพี่สาวบริเวณหน้าประตูทางเข้าพอดี
“อ้าวนนท์มาทำไมเหรอ”
“มาหาหมอน่ะ”
“เป็นอะไรมากหรือเปล่า”
“เวียนหัวอาเจียนนิดหน่อย หมอให้ยามาแล้ว” เขาชูถุงยาให้กับนันนภัสพี่สาวดู
“ช่วงนี้ทำงานหนักเหรอ” เธอถามน้องชายเมื่อเห็นยาที่คุณหมอสั่งให้
“ก็หนักอยู่ครับ”
“ถ้ามันหนักมากๆ ก็หาผู้ช่วยเก่งๆ มาช่วยงานเพิ่มสิ พี่ว่าทำงานหักถึงขั้นอาเจียนแบบนี้ไม่ดีเลย ร่างกายคนเราไม่ใช่เครื่องจักรนะ”
“ครับพี่นัน” คุณานนท์รับปากแต่ไม่คิดจะทำตามเพราะเขาไม่ชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวายเท่าไหร่ ปกติเขาก็มีเลขาคอยช่วยเหลืองานอยู่แล้วจึงไม่จำเป็นต้องจ้างผู้ช่วยเพิ่ม
“หาเวลาพักผ่อนด้วยนะนนท์ ถ้าอาการไม่ดีขึ้นก็มานอนโรงพยาบาลสักสองสามคืนฟื้นฟูร่างกายกันหน่อย ช่วงนี้ใช้งานร่างกายหนักเหลือเกิน”
“ครับพี่นัน ผมไปก่อนนะพี่วันนี้มีประชุม”
ตลอดช่วงเช้าคุณานนท์ก็ไม่ได้ทานอาหารอะไรเลยนอกจากสตรอว์เบอร์รีที่เอามาจากบ้านเมื่อประชุมเสร็จในเวลาบ่ายสองคุณมยุรีเลขาของเขาก็สั่งอาหารมาที่ห้องทำงานแล้ว
เมื่อเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงเธอก็เดินเข้าจะเก็บจานชามไปล้างแต่เจ้านายกลับทานอาหารไปแค่นิดเดียว
“คุณนนท์เบื่ออาหารร้านนี้หรือเปล่า ให้ยุสั่งร้านอื่นให้มั้ยคะ” เธอถามเพราะเห็นว่าหน้าเจ้านายซีดมากๆ แต่ไม่ยอมทานอาหารไปแค่นิดเดียว
“ผมอยากกินอะไรที่มันเปรี้ยวๆ หน่อยได้ไหม”
“ถ้าอย่างนั้นเอาต้มยำรสจัดๆ ดีไหมคะ”
“อือ”
“คุณนนท์จะรับเป็นน้ำข้นหรือน้ำใสคะ”
“ขอเป็นน้ำใสก็แล้วกันนะ” ชายหนุ่มรีบบอกเพราะนึกถึงต้มยำน้ำข้นแล้วก็รู้สึกอยากจะอาเจียนขึ้นมาทันที
“คุณนนท์รอไม่เกินครึ่งชั่วโมงนะคะเดี๋ยวยุสั่งมาให้ค่ะ”
“วิวมีผ้าอนามัยให้ยืมไหม” นัยนากระซิบถามวิรัลพัชรที่กำลังนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์อย่างตั้งใจ“มีสิ” หญิงสาวรีบเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานของตัวเองแล้วส่งผ้าอนามัยให้เพื่อน“ขอบใจนะเดี๋ยวจะซื้อมาคืนให้”“ไม่เป็นไรหรอกปอนด์”เมื่อนัยนาเดินออกจากโต๊ะทำงานเธอไปแล้ววิรัลพัชรก็เปิดลิ้นชักดูอีกครั้งปกติแล้วเธอจะเตรียมผ้าอนามัยไว้ในลิ้นชักแบบนี้อยู่เสมอแต่จำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ตัวเองหยิบมาใช้มันตอนไหนกันแน่เพราะจำนวนผ้าอนามัยยังคงเยอะอยู่ทั้งที่เดือนนี้เธอไม่ได้ซื้อมาเพิ่มเลย หญิงสาวหญิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูปฏิทินที่บันทึกวันที่เป็นประจำเดือนของตนเองไว้ก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าเดือนนี้เธอยังไม่เป็นประจำเดือนแต่เดือนที่แล้วเธอก็มีประจำเดือนตามปกติเพียงแต่ไม่ได้มากเหมือนกับทุกครั้งวิรัลพัชรหน้าเครียดเมื่อดูจากปฏิทินแล้วเดือนนี้ประจำเดือนของเธอมาช้ากว่ากำหนดถึงสิบวัน ซึ่งปกติแล้วหญิงสาวเป็นคนที่มีประจำเดือนไม่ค่อยตรงตามเวลาเท่าไหร่ แต่ก็ไม่เคยมาช้าแบบนี้หญิงสาวเริ่มเป็นกังวลว่าตนเองจะตั้งครรภ์หรือเปล่าแต่ความเป็นไปได้มันก็น้อยมากเลยเพราะเมื่อเดือนที่แล้วเธอยังมีรอบเดือนถึงแม้มันจะเป็นรอบเดือนเพี
เช้าวันเสาร์หลังจากทำตามขั้นตอนที่ติดอยู่ข้างกล่องแล้ววิรัลพัชรก็นั่งลุ้นผลการตรวจ เมื่อปรากฏขีดสีแดงสองขีดบนแท่งพลาสติกที่ใช้ตรวจการตั้งครรภ์หญิงสาวก็เข่าแทบทรุด เธอหยิบที่ตรวจครรภ์อีกอันหนึ่งขึ้นมาตรวจแล้วผลมันก็เหมือนกับที่ตรวจครรภ์อันแรกวิรัลพัชรเดินกลับเข้ามาบนเตียงนั่งกอดเข่าร้องไห้เธอไม่รู้ว่าจะมีชีวิตของตนเองจะเป็นยังไงต่อไป ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นทำยังไงกับตัวเองดี หญิงสาวไม่รู้เลยว่าความผิดพลาดและความเมาในคืนนั้นจะนำมาซึ่งความทุกข์มากขนาดนี้หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วลังเลว่าจะโทรศัพท์หาใครสักคนเพื่อจะปรึกษาเรื่องที่เกิดขึ้น เธออยากปรึกษาพิมพ์วดีเพราะการไปเที่ยวครั้งนั้นเธอไปกับพิมพ์วดีแต่ถ้าเกิดพิมพ์วดีรู้ก็กลัวว่าเพื่อนจะเครียดเพราะเป็นคนชวนไปเที่ยวแต่พอจะโทรหานลินภัสก็กลัวเพื่อนจะคิดว่าเป็นความผิดของตัวเองเพราะถ้าหากนลินภัสไปเที่ยวด้วยในคืนนั้นเหตุการณ์แบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น สุดท้ายแล้ววิรัลพัชรก็เลยตัดสินใจไม่โทรหาใครทั้งนั้นเธอคิดจะแก้ปัญหาเรื่องนี้คนเดียวหญิงสาวรีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะไปปรึกษาคุณหมอว่าจากนี้เธอจะต้องปฏิบัติตัวยังไงเพราะวิรัลพัชรตัดสินใจแล้วว่าจะตั้งคร
เช้าวันอาทิตย์คุณานนท์ไม่ต้องไปทำงานแต่ชายหนุ่มก็ตื่นนอนแต่เช้าเพราะรู้สึกอยากจะอาเจียน อาการของเขาเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้วแม้จะทานยาที่คุณหมอให้มาแต่มันก็ไม่ดีขึ้นเลย เขาเริ่มเป็นกังวลว่าตัวเองจะป่วยเป็นอะไรมากหรือเปล่าและคิดวันนี้จะเข้าไปปรึกษากับคุณหมอที่โรงพยาบาลอีกครั้ง ชายหนุ่มไม่ชอบอาการที่เป็นอยู่นี้เลยเพราะมันทำให้เขาทำงานไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วคุณานนท์ก็เดินลงมาทานอาหารเช้ากับคุณย่าตามปกติ“หน้าซีดลงมาอีกแล้ว ย่าว่าอาการเราไม่น่าจะไหวแล้วนะนนท์” คุณชมนาดมองหลานชายแล้วก็รู้สึกเป็นห่วงไม่ได้แต่ในใจเธอก็ยังคิดอยู่ว่าอาการของคุณานนท์นั้นเหมือนกับอาการแพ้ท้องแทนภรรยาแต่ชายหนุ่มก็ไม่ยอมรับว่าตัวเองไปแอบมีภรรยาซ่อนไว้ที่ไหน“เช้านี้ป้าอาหารฝรั่งให้คุณนนท์นะนะ มีไส้กรอก ไข่ดาว ขนมปังปิ้งแล้วก็น้ำส้มคั้นสดๆ ค่ะ คุณนนท์จะได้ไม่คลื่นไส้”“ขอบคุณครับป้าสำรวยแล้วคุณย่าไม่กินเหมือนผมเหรอครับ”“ย่าไม่ถนัดกินของพวกนั้นหรอก ย่าขอเป็นข้าวต้มดีกว่าแต่ย่าไม่ได้ใส่กระเทียมเจียวนะ ย่ารู้ว่านนท์ไม่ชอบกลิ่นของมัน”“คุณย่าครับ ผมขอโทษนะครับที่ทำให้คุณย่าต้องอดกินของอร่อย”“
กรี๊ดดด!!!!!!เสียงกรีดร้องด้วยความดีใจของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นในเวลา 16.00 น. ของวันที่ 16 ทำให้พนักงานในแผนกที่มีกันอยู่เพียงแค่สี่คนหันไปมองด้วยความแปลกใจ“เบาๆ หน่อยวิวเดี๋ยวคนก็ตกใจกันทั้งบริษัทหรอก แล้วเป็นอะไรทำไมถึงกรี๊ดแบบนี้ล่ะ” พนิดาหรือพี่นิดหัวหน้าแผนกหันไปดุลูกน้องอย่างไม่ค่อยจริงจังเท่าไหร่ก่อนจะเดินมาใกล้ๆ เพราะเห็นท่าทางของลูกน้องสาวดูไม่ปกติเท่าไหร่“นั่นสิวิวเป็นอะไรกรี๊ดเสียงดังเชียว” นัยนาหรือปอนด์ถามเพื่อนร่วมงาน“จะไม่ให้กรี๊ดได้ยังไงล่ะ ก็วิวถูกหวย” หญิงสาวพูดแล้วโบกลอตเตอรี่ในมือไปมา“อะไรนะถูกหวยเหรอ กรี๊ดดังแบบนี้ถูกรางวัลที่หนึ่งใช่ไหมได้เท่าไหร่หกล้านหรือสามสิบล้านล่ะวิว แล้วแบบนี้ยังจะมาทำงานอยู่อีกไหมนะ พี่ต้องเรียกว่าคุณหนูวิวแล้วใช่ไหม” หัวหน้าแผนกพูดด้วยความตื่นเต้น“ไม่ใช่รางวัลที่หนึ่งหรอกค่ะพี่นิด”“อ้าวแล้วถูกเท่าไหร่ อย่าบอกนะว่ากรี๊ดดังลั่นแบบนี้ถูกแค่สองตัวท้ายนะวิว” บุษกรรุ่นพี่อีกคนในแผนกพูดขึ้นมาบ้าง“ไม่ใช่หรอกค่ะพี่บุษแต่วิวถูกรางวัลที่สองค่ะ”“โอ้โห รางวัลที่สองใบหนึ่งก็ตั้งสองแสนเลยนะ แล้ววิวซื้อมากี่ใบซื้อเป็นชุดแบบห้าใบ สิบใบหรือเปล่า”
เสียงเคาะประตูที่หน้าห้องดังสามครั้งก่อนที่ประตูห้องทำงานของซีคุณานนท์ซีอีโอหนุ่มเขาของบริษัทนำเข้าเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์เปิดออกผู้ที่เข้ามาคือชายหนุ่มรูปร่างสูงหน้าตาดีเขานั่งลงตรงข้ามกับเขาของห้องโดยไม่ต้องขออนุญาตหรือรอให้มีใครเชิญ“ว่าไงวะมาหากูถึงที่นี่มีธุระด่วนเหรอ” คุณานนท์ถามแขกที่เดินเข้ามา“ไม่ด่วนหรอกแต่ช่วงนี้กูกำลังเบื่อเซ็งอยากชวนมึงไปเที่ยว”“เที่ยวไหนวะ มึงเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเองไม่ใช่เหรอ”“เออก็เพราะกูเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศนี่แหละก็เลยเซ็งมาก” รัชกฤชหรือเบสพูดแล้วส่ายศีรษะบ่งบอกว่าเซ็งอย่างเต็มที่“อะไรวะไปเที่ยวมาแล้วเซ็งมีอะไรหรือเปล่า”“ก็ก้อยแฟนกูน่ะสิเธอจะให้กูซื้อกระเป๋าให้ แต่กูก็พูดขึ้นว่าเหมือนเคยเห็นเธอมีใบนี้อยู่แล้วแค่นั้นแหละก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้วบอกเลิกกูไปเลย”“อ้าวทำไมเขาบอกเลิกมึงง่ายๆ แบบนั้นเหรอวะ กระเป๋าราคาเท่าไหร่กันเชียวทำไมมึงถึงไม่ซื้อให้เขา” คุณานนท์ถามด้วยความแปลกใจเพราะเพื่อนของตนก็มีฐานะ“ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ราคาว่ะ”“แล้วประเด็นมันอยู่ตรงไหน”“ประเด็นคือกูลืมว่ากูไม่เคยซื้อใบนี้ให้เขา แต่กูซื้อให้ผู้หญิงอีกคน”“นั่นไงกู
“น่าเสียดายจังนะปูเป้ที่หลินไม่ได้มากับเรา” วิรัลพัชรพูดอย่างเสียดายเมื่อวันนี้หลินหรือนลินภัสไม่ได้เดินทางมาเที่ยวกับเธอตามที่ได้ชวนกันไว้ ทำให้หญิงสาวต้องเดินทางมาเที่ยวเกาะพงันกับพิมพ์วดีและอลันแฟนหนุ่ม“นั่นสิแบบนี้วิวก็น่าจะเหงาแย่เลยคืนนี้ให้เราไปนอนห้องเดียวกับวิวดีไหม”“อย่าเลยนานๆ อลันเขาถึงจะกลับมาหาปูเป้สักทีไปนอนกับแฟนเถอะวิวอยู่คนเดียวได้เผลอๆ คืนนี้อาจจะได้หนุ่มกลับมานอนด้วยสักคน”“พูดเป็นเล่นน่า อย่างวิวน่ะเหรอจะพาใครไปนอนด้วยขนาดแฟนที่คบกันมาเกือบปีวิวยังไม่เคยพาไปค้างที่ห้องเลย” พิมพ์วดีพูดอย่างรู้ทันเพราะเพื่อนของเธอคนนี้ค่อนข้างจะหัวโบราณมากต่างจากเธออย่างลิบลับ“แหมก็ตอนนั้นวิวยังเรียนไม่จบนี่ปูเป้ แต่ตอนนี้วิวเรียนจบแล้วมีงานทำอายุก็ยี่สิบสี่แล้วนะมีซัมติงกับใครสักคนก็ไม่น่าจะแปลก”“ขอให้มันจริงเถอะ เดี๋ยวพวกเราเอาของเข้าไปเก็บนะ บ้านพักของวิวอยู่หลังริมสุดนะ ส่วนหลังตรงกลางไม่แน่ใจว่าเป็นของใครของเราอยู่ถัดไปอีกสองหลังถ้ามีอะไรก็ไปเคาะเรียกได้นะ สักทุ่มหนึ่งเราค่อยออกไปกินข้าวกันนะ แล้วปูเป้จะโทรหา”“ได้จ้ะ” วิรัลพัชรเดินแยกจากเพื่อนเข้ามายังบ้านพักของตนเองหลังริ
“คุณเคยมาเที่ยวที่นี่ไหม” ชายหนุ่มเริ่มเปิดประเด็นถามหลังจากนั่งดื่มไปได้นิดหน่อย“ไม่เลยค่ะนี่เป็นครั้งแรกของฉัน แล้วคุณล่ะ”“ผมมาที่นี่หลายครั้งแล้ว”“แสดงว่าคุณชอบเที่ยวแบบนี้ใช่ไหมถึงมาบ่อยๆ”“ก็ไม่เชิงหรอกแต่มาแบบนี้มันได้สนุกอย่างเต็มที่ได้ปลดปล่อยตัวเองออกมา คนส่วนใหญ่ที่มาที่นี่ก็ไม่สนใจหรอกว่าใครเป็นใคร ทุกคนต่างอยากมาหาความสุขแล้วคุณคิดเหมือนผมไหม”“ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ บางทีฉันทำงานเครียดๆ ก็อยากจะออกมาหาความสุข มาระบายความเครียดบ้าง”“แล้วเป็นยังไงล่ะรู้สึกดีไหมที่ได้มาเที่ยวแบบนี้”“รู้สึกดีมากๆ เลยค่ะ ฉันสนุก มากไม่คิดเลยว่าเสียงเพลงและเครื่องดื่มมันจะทำให้ฉันรู้สึกสนุกมากกว่าที่คิดไว้”“ปกติคุณไม่ดื่มไม่เที่ยวเหรอ”“มันก็มีบ้างค่ะแต่ไม่ค่อยบ่อยเท่าไหร่แล้วคุณล่ะ”“มันก็ต้องมีบ้างตามประสาผู้ชาย เราคุยกันมาตั้งนานแล้วผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย”“เราคงไม่ต้องบอกชื่อจริงกันใช่ไหม”“ใช่เรารู้จักกันแต่พอไปจากที่นี่ทุกคนก็จะทิ้งทุกอย่างไว้ ผมชื่อนนท์ยินดีที่ได้รู้จัก”“ฉันชื่อวิวค่ะ ยินดีรู้จักเช่นกันค่ะคุณนนท์”“แปลกเหมือนกันนะ เป็นผู้หญิงแต่มาเที่ยวที่นี่คนเดียว”“ฉัน
คำถามของวิรัลพัชรทำให้คุณานนท์คิดตาม สำหรับเขาแล้วรู้สึกและอยากจะทำอย่างที่พูดจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าบิดามารดาจะเห็นด้วยกับความคิดเห็นของเขาหรือเปล่า เพราะท่านเป็นคนมีหน้ามีตาและมีฐานะในสังคม ท่านเคยเปรยอยู่หลายครั้งว่าอยากจะให้เขาแต่งงานกับผู้หญิงที่เหมาะสมผู้หญิงที่เข้ามาในครอบครัวแล้วช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกันแต่ สำหรับเขากลับคิดว่าไม่จำเป็นเลยผู้หญิงที่จะเข้ามาใช้ชีวิตด้วยต้องเป็นผู้หญิงที่เขาอยู่ด้วยแล้วสบายใจคอยอยู่ให้กำลังใจเวลาที่เขาเหนื่อย คุณานนท์คิดว่าตนเองมีความสามารถในการทำงานมากพอเขาไม่จำเป็นที่จะให้ผู้หญิงมาคอยช่วยเรื่องงานนั้นก็เป็นเพราะชายหนุ่มอยู่กับย่ามาตั้งแต่เด็กทำให้ความคิดค่อนข้างจะหัวโบราณไปสักนิดว่าผู้หญิงต้องมีหน้าที่ดูแลบ้านดูแลครอบครัวเธอไม่จำเป็นต้องออกมาทำงานนอกบ้านหรือทำงานเก่ง“ทำไมเงียบไปล่ะคะ”“ผมกำลังสับสน เพราะจริงๆ แล้วผมรู้สึกและอยากจะทำอย่างที่พูดนะ แต่ไม่รู้ว่าครอบครัวของผมจะเห็นด้วยกับสิ่งที่ผมทำหรือเปล่า”“ขอโทษนะคุณอายุเท่าไหร่แล้วคะคุณนนท์”“ก็เยอะพอประมาณแล้วล่ะ น่าจะพอมีครอบครัวได้แล้ว ว่าแต่คุณถามทำไมเหรอวิว”“ก็ถ้าคุณอายุมากพอจะมีครอบครัวได้แล
เช้าวันอาทิตย์คุณานนท์ไม่ต้องไปทำงานแต่ชายหนุ่มก็ตื่นนอนแต่เช้าเพราะรู้สึกอยากจะอาเจียน อาการของเขาเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้วแม้จะทานยาที่คุณหมอให้มาแต่มันก็ไม่ดีขึ้นเลย เขาเริ่มเป็นกังวลว่าตัวเองจะป่วยเป็นอะไรมากหรือเปล่าและคิดวันนี้จะเข้าไปปรึกษากับคุณหมอที่โรงพยาบาลอีกครั้ง ชายหนุ่มไม่ชอบอาการที่เป็นอยู่นี้เลยเพราะมันทำให้เขาทำงานไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วคุณานนท์ก็เดินลงมาทานอาหารเช้ากับคุณย่าตามปกติ“หน้าซีดลงมาอีกแล้ว ย่าว่าอาการเราไม่น่าจะไหวแล้วนะนนท์” คุณชมนาดมองหลานชายแล้วก็รู้สึกเป็นห่วงไม่ได้แต่ในใจเธอก็ยังคิดอยู่ว่าอาการของคุณานนท์นั้นเหมือนกับอาการแพ้ท้องแทนภรรยาแต่ชายหนุ่มก็ไม่ยอมรับว่าตัวเองไปแอบมีภรรยาซ่อนไว้ที่ไหน“เช้านี้ป้าอาหารฝรั่งให้คุณนนท์นะนะ มีไส้กรอก ไข่ดาว ขนมปังปิ้งแล้วก็น้ำส้มคั้นสดๆ ค่ะ คุณนนท์จะได้ไม่คลื่นไส้”“ขอบคุณครับป้าสำรวยแล้วคุณย่าไม่กินเหมือนผมเหรอครับ”“ย่าไม่ถนัดกินของพวกนั้นหรอก ย่าขอเป็นข้าวต้มดีกว่าแต่ย่าไม่ได้ใส่กระเทียมเจียวนะ ย่ารู้ว่านนท์ไม่ชอบกลิ่นของมัน”“คุณย่าครับ ผมขอโทษนะครับที่ทำให้คุณย่าต้องอดกินของอร่อย”“
เช้าวันเสาร์หลังจากทำตามขั้นตอนที่ติดอยู่ข้างกล่องแล้ววิรัลพัชรก็นั่งลุ้นผลการตรวจ เมื่อปรากฏขีดสีแดงสองขีดบนแท่งพลาสติกที่ใช้ตรวจการตั้งครรภ์หญิงสาวก็เข่าแทบทรุด เธอหยิบที่ตรวจครรภ์อีกอันหนึ่งขึ้นมาตรวจแล้วผลมันก็เหมือนกับที่ตรวจครรภ์อันแรกวิรัลพัชรเดินกลับเข้ามาบนเตียงนั่งกอดเข่าร้องไห้เธอไม่รู้ว่าจะมีชีวิตของตนเองจะเป็นยังไงต่อไป ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นทำยังไงกับตัวเองดี หญิงสาวไม่รู้เลยว่าความผิดพลาดและความเมาในคืนนั้นจะนำมาซึ่งความทุกข์มากขนาดนี้หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วลังเลว่าจะโทรศัพท์หาใครสักคนเพื่อจะปรึกษาเรื่องที่เกิดขึ้น เธออยากปรึกษาพิมพ์วดีเพราะการไปเที่ยวครั้งนั้นเธอไปกับพิมพ์วดีแต่ถ้าเกิดพิมพ์วดีรู้ก็กลัวว่าเพื่อนจะเครียดเพราะเป็นคนชวนไปเที่ยวแต่พอจะโทรหานลินภัสก็กลัวเพื่อนจะคิดว่าเป็นความผิดของตัวเองเพราะถ้าหากนลินภัสไปเที่ยวด้วยในคืนนั้นเหตุการณ์แบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น สุดท้ายแล้ววิรัลพัชรก็เลยตัดสินใจไม่โทรหาใครทั้งนั้นเธอคิดจะแก้ปัญหาเรื่องนี้คนเดียวหญิงสาวรีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะไปปรึกษาคุณหมอว่าจากนี้เธอจะต้องปฏิบัติตัวยังไงเพราะวิรัลพัชรตัดสินใจแล้วว่าจะตั้งคร
“วิวมีผ้าอนามัยให้ยืมไหม” นัยนากระซิบถามวิรัลพัชรที่กำลังนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์อย่างตั้งใจ“มีสิ” หญิงสาวรีบเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานของตัวเองแล้วส่งผ้าอนามัยให้เพื่อน“ขอบใจนะเดี๋ยวจะซื้อมาคืนให้”“ไม่เป็นไรหรอกปอนด์”เมื่อนัยนาเดินออกจากโต๊ะทำงานเธอไปแล้ววิรัลพัชรก็เปิดลิ้นชักดูอีกครั้งปกติแล้วเธอจะเตรียมผ้าอนามัยไว้ในลิ้นชักแบบนี้อยู่เสมอแต่จำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ตัวเองหยิบมาใช้มันตอนไหนกันแน่เพราะจำนวนผ้าอนามัยยังคงเยอะอยู่ทั้งที่เดือนนี้เธอไม่ได้ซื้อมาเพิ่มเลย หญิงสาวหญิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูปฏิทินที่บันทึกวันที่เป็นประจำเดือนของตนเองไว้ก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าเดือนนี้เธอยังไม่เป็นประจำเดือนแต่เดือนที่แล้วเธอก็มีประจำเดือนตามปกติเพียงแต่ไม่ได้มากเหมือนกับทุกครั้งวิรัลพัชรหน้าเครียดเมื่อดูจากปฏิทินแล้วเดือนนี้ประจำเดือนของเธอมาช้ากว่ากำหนดถึงสิบวัน ซึ่งปกติแล้วหญิงสาวเป็นคนที่มีประจำเดือนไม่ค่อยตรงตามเวลาเท่าไหร่ แต่ก็ไม่เคยมาช้าแบบนี้หญิงสาวเริ่มเป็นกังวลว่าตนเองจะตั้งครรภ์หรือเปล่าแต่ความเป็นไปได้มันก็น้อยมากเลยเพราะเมื่อเดือนที่แล้วเธอยังมีรอบเดือนถึงแม้มันจะเป็นรอบเดือนเพี
“ย่ายังไม่ได้พูดแบบนั้นเลย แต่ย่าหมายความว่าคนที่จะอยู่กับแม่ของเด็กก็คือนนท์เพราะฉะนั้นมันก็อยู่ที่นนท์นั่นแหละว่าจะรับผู้หญิงคนนั้นเข้ามาเป็นภรรยาอย่างถูกต้องมีพิธีแต่งงานหรือจะรับแค่เด็ก ที่นนท์ถามย่าแบบนี้เพราะนึกออกแล้วใช่ไหมว่าไปทำผู้หญิงที่ไหนท้อง”“ไม่หรอกครับคุณย่ามันก็แค่เรื่องที่ผมสมมติขึ้น”“จะเป็นเรื่องสมมติหรือเรื่องจริงย่าไม่สนใจหรอกเพราะยังไงเด็กที่อยู่ในท้องของเธอก็เป็นลูกของนนท์”“แต่ทำไมสีหน้าของย่าดูกังวลจังล่ะครับมีอะไรหรือเปล่า” คุณานนท์รู้สึกผิดที่สมมติเรื่องแบบนี้ขึ้นมาทำให้คุณย่าเครียด“ถ้าเรื่องที่เรากำลังพูดกันอยู่เป็นเรื่องจริง สำหรับย่าแล้วมันไม่มีปัญหาอะไรเลยแต่ปัญหามันอยู่ที่พ่อแม่ของนนท์มากกว่านะ ย่าได้ยินมาว่าเขากำลังพยายามหาลูกสะใภ้อยู่น่ะ”แม้ว่าจะไม่ค่อยได้ออกไปเจอใครที่ไหนแต่ก็ใช่ว่าคุณชมนาดจะไม่รู้ว่าตอนนี้ลูกชายกับลูกสะใภ้ของเธอกำลังวางแผนจะทำอะไรกันอยู่“ถ้าเกิดพ่อกับแม่หาผู้หญิงให้ผมจริงๆ แล้วผู้หญิงคนนั้นผมไม่รัก ไม่ชอบย่าจะช่วยผมได้ไหม”“ถ้านนท์อยากให้ย่าช่วยย่าก็จะช่วยเพราะย่าเป็นคนเลี้ยงนนท์มา ถึงเขาจะเป็นพ่อเป็นแม่แต่ก็ไม่มีสิทธิ์มาบังคับล
สองเดือนหลังจากไปเที่ยวเกาะพงันเสียงอาเจียนของชายหนุ่มคนเดียวในบ้านดังมาตั้งแต่เช้าทำให้คุณชมนาดรู้สึกเป็นห่วง เธอคิดว่าหลานชายดื่มเหล้าจนเมาค้างถึงเช้า แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนคุณานนท์ไม่ได้ออกไปเที่ยวที่ไหนเลยเธอเคาะประตูห้องหลานชายพอได้ยินเสียงอนุญาตก็เปิดเข้าไปแล้วก็เห็นว่าเจ้าของห้องแต่งตัวพร้อมไปทำงานเขากำลังเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยใบหน้าซีดเซียว“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณย่า”“ย่าจะเข้ามาดูว่านนท์เป็นอะไร ย่าได้ยินเสียงเราอาเจียนหลายรอบแล้วเป็นอะไรหรือเปล่า”“ผมเวียนหัวนิดหน่อยครับคุณย่าสงสัยช่วงนี้จะพักผ่อนน้อย”“ไปให้คุณหมอตรวจหน่อยได้ไหม”“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมว่าเดี๋ยวก็น่าจะดีขึ้น”“ถ้าไม่ดีขึ้นก็โทรไปถามพ่อเขาก็แล้วกันว่าอาการที่เป็นอยู่และเกิดจากอะไรกันแน่”“ผมไม่อยากรบกวนเขาหรอกครับคุณย่า” คุณานนท์กับบิดาไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เขาจึงไม่อยากเอาไปกวนใจท่าน“ถ้าไม่อยากรบกวนพ่อก็ลองโทรไปถามพี่สาวเราก็แล้วกัน ว่าเป็นอะไร มีคนในครอบครัวเป็นหมอก็ใช้ให้เป็นประโยชน์”“ได้ครับคุณย่า”“แล้วเช้านี้ยังไงล่ะ จะไปทำงานไหมย่าว่านนท์นอนพักอีกหน่อยดีไหม”“ไม่ได้หรอกครับ
คำถามของวิรัลพัชรทำให้คุณานนท์คิดตาม สำหรับเขาแล้วรู้สึกและอยากจะทำอย่างที่พูดจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าบิดามารดาจะเห็นด้วยกับความคิดเห็นของเขาหรือเปล่า เพราะท่านเป็นคนมีหน้ามีตาและมีฐานะในสังคม ท่านเคยเปรยอยู่หลายครั้งว่าอยากจะให้เขาแต่งงานกับผู้หญิงที่เหมาะสมผู้หญิงที่เข้ามาในครอบครัวแล้วช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกันแต่ สำหรับเขากลับคิดว่าไม่จำเป็นเลยผู้หญิงที่จะเข้ามาใช้ชีวิตด้วยต้องเป็นผู้หญิงที่เขาอยู่ด้วยแล้วสบายใจคอยอยู่ให้กำลังใจเวลาที่เขาเหนื่อย คุณานนท์คิดว่าตนเองมีความสามารถในการทำงานมากพอเขาไม่จำเป็นที่จะให้ผู้หญิงมาคอยช่วยเรื่องงานนั้นก็เป็นเพราะชายหนุ่มอยู่กับย่ามาตั้งแต่เด็กทำให้ความคิดค่อนข้างจะหัวโบราณไปสักนิดว่าผู้หญิงต้องมีหน้าที่ดูแลบ้านดูแลครอบครัวเธอไม่จำเป็นต้องออกมาทำงานนอกบ้านหรือทำงานเก่ง“ทำไมเงียบไปล่ะคะ”“ผมกำลังสับสน เพราะจริงๆ แล้วผมรู้สึกและอยากจะทำอย่างที่พูดนะ แต่ไม่รู้ว่าครอบครัวของผมจะเห็นด้วยกับสิ่งที่ผมทำหรือเปล่า”“ขอโทษนะคุณอายุเท่าไหร่แล้วคะคุณนนท์”“ก็เยอะพอประมาณแล้วล่ะ น่าจะพอมีครอบครัวได้แล้ว ว่าแต่คุณถามทำไมเหรอวิว”“ก็ถ้าคุณอายุมากพอจะมีครอบครัวได้แล
“คุณเคยมาเที่ยวที่นี่ไหม” ชายหนุ่มเริ่มเปิดประเด็นถามหลังจากนั่งดื่มไปได้นิดหน่อย“ไม่เลยค่ะนี่เป็นครั้งแรกของฉัน แล้วคุณล่ะ”“ผมมาที่นี่หลายครั้งแล้ว”“แสดงว่าคุณชอบเที่ยวแบบนี้ใช่ไหมถึงมาบ่อยๆ”“ก็ไม่เชิงหรอกแต่มาแบบนี้มันได้สนุกอย่างเต็มที่ได้ปลดปล่อยตัวเองออกมา คนส่วนใหญ่ที่มาที่นี่ก็ไม่สนใจหรอกว่าใครเป็นใคร ทุกคนต่างอยากมาหาความสุขแล้วคุณคิดเหมือนผมไหม”“ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ บางทีฉันทำงานเครียดๆ ก็อยากจะออกมาหาความสุข มาระบายความเครียดบ้าง”“แล้วเป็นยังไงล่ะรู้สึกดีไหมที่ได้มาเที่ยวแบบนี้”“รู้สึกดีมากๆ เลยค่ะ ฉันสนุก มากไม่คิดเลยว่าเสียงเพลงและเครื่องดื่มมันจะทำให้ฉันรู้สึกสนุกมากกว่าที่คิดไว้”“ปกติคุณไม่ดื่มไม่เที่ยวเหรอ”“มันก็มีบ้างค่ะแต่ไม่ค่อยบ่อยเท่าไหร่แล้วคุณล่ะ”“มันก็ต้องมีบ้างตามประสาผู้ชาย เราคุยกันมาตั้งนานแล้วผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย”“เราคงไม่ต้องบอกชื่อจริงกันใช่ไหม”“ใช่เรารู้จักกันแต่พอไปจากที่นี่ทุกคนก็จะทิ้งทุกอย่างไว้ ผมชื่อนนท์ยินดีที่ได้รู้จัก”“ฉันชื่อวิวค่ะ ยินดีรู้จักเช่นกันค่ะคุณนนท์”“แปลกเหมือนกันนะ เป็นผู้หญิงแต่มาเที่ยวที่นี่คนเดียว”“ฉัน
“น่าเสียดายจังนะปูเป้ที่หลินไม่ได้มากับเรา” วิรัลพัชรพูดอย่างเสียดายเมื่อวันนี้หลินหรือนลินภัสไม่ได้เดินทางมาเที่ยวกับเธอตามที่ได้ชวนกันไว้ ทำให้หญิงสาวต้องเดินทางมาเที่ยวเกาะพงันกับพิมพ์วดีและอลันแฟนหนุ่ม“นั่นสิแบบนี้วิวก็น่าจะเหงาแย่เลยคืนนี้ให้เราไปนอนห้องเดียวกับวิวดีไหม”“อย่าเลยนานๆ อลันเขาถึงจะกลับมาหาปูเป้สักทีไปนอนกับแฟนเถอะวิวอยู่คนเดียวได้เผลอๆ คืนนี้อาจจะได้หนุ่มกลับมานอนด้วยสักคน”“พูดเป็นเล่นน่า อย่างวิวน่ะเหรอจะพาใครไปนอนด้วยขนาดแฟนที่คบกันมาเกือบปีวิวยังไม่เคยพาไปค้างที่ห้องเลย” พิมพ์วดีพูดอย่างรู้ทันเพราะเพื่อนของเธอคนนี้ค่อนข้างจะหัวโบราณมากต่างจากเธออย่างลิบลับ“แหมก็ตอนนั้นวิวยังเรียนไม่จบนี่ปูเป้ แต่ตอนนี้วิวเรียนจบแล้วมีงานทำอายุก็ยี่สิบสี่แล้วนะมีซัมติงกับใครสักคนก็ไม่น่าจะแปลก”“ขอให้มันจริงเถอะ เดี๋ยวพวกเราเอาของเข้าไปเก็บนะ บ้านพักของวิวอยู่หลังริมสุดนะ ส่วนหลังตรงกลางไม่แน่ใจว่าเป็นของใครของเราอยู่ถัดไปอีกสองหลังถ้ามีอะไรก็ไปเคาะเรียกได้นะ สักทุ่มหนึ่งเราค่อยออกไปกินข้าวกันนะ แล้วปูเป้จะโทรหา”“ได้จ้ะ” วิรัลพัชรเดินแยกจากเพื่อนเข้ามายังบ้านพักของตนเองหลังริ
เสียงเคาะประตูที่หน้าห้องดังสามครั้งก่อนที่ประตูห้องทำงานของซีคุณานนท์ซีอีโอหนุ่มเขาของบริษัทนำเข้าเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์เปิดออกผู้ที่เข้ามาคือชายหนุ่มรูปร่างสูงหน้าตาดีเขานั่งลงตรงข้ามกับเขาของห้องโดยไม่ต้องขออนุญาตหรือรอให้มีใครเชิญ“ว่าไงวะมาหากูถึงที่นี่มีธุระด่วนเหรอ” คุณานนท์ถามแขกที่เดินเข้ามา“ไม่ด่วนหรอกแต่ช่วงนี้กูกำลังเบื่อเซ็งอยากชวนมึงไปเที่ยว”“เที่ยวไหนวะ มึงเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเองไม่ใช่เหรอ”“เออก็เพราะกูเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศนี่แหละก็เลยเซ็งมาก” รัชกฤชหรือเบสพูดแล้วส่ายศีรษะบ่งบอกว่าเซ็งอย่างเต็มที่“อะไรวะไปเที่ยวมาแล้วเซ็งมีอะไรหรือเปล่า”“ก็ก้อยแฟนกูน่ะสิเธอจะให้กูซื้อกระเป๋าให้ แต่กูก็พูดขึ้นว่าเหมือนเคยเห็นเธอมีใบนี้อยู่แล้วแค่นั้นแหละก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้วบอกเลิกกูไปเลย”“อ้าวทำไมเขาบอกเลิกมึงง่ายๆ แบบนั้นเหรอวะ กระเป๋าราคาเท่าไหร่กันเชียวทำไมมึงถึงไม่ซื้อให้เขา” คุณานนท์ถามด้วยความแปลกใจเพราะเพื่อนของตนก็มีฐานะ“ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ราคาว่ะ”“แล้วประเด็นมันอยู่ตรงไหน”“ประเด็นคือกูลืมว่ากูไม่เคยซื้อใบนี้ให้เขา แต่กูซื้อให้ผู้หญิงอีกคน”“นั่นไงกู