เหรินเหมยส่ายหน้า“ปล่อยฉันไปเสีย” เฉิงซีหยวนกอดรวบเอวบางไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เหรินเหมยกลับนิ่งเฉย“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ปล่อยฉัน” กัดฟันพูดออกมาเบาๆ เฉิงซีหยวนส่ายหน้าไปมา“ผมจะให้ชาไช้มารับคุณ” น้ำเสียงอ่อนโยน“ไม่” น้ำเสียงที่ปรับให้เป็นเรียบเฉย ไม่มองหน้าอีกคนด้วยซ้ำ“อย่างนั้นผมก็ไม่ไว้ใจให้คุณลงจากรถ” เสียงเข้มขึ้นมาอีกครั้งแต่เหรินเหมยไม่ได้สนใจอะไรอีกแล้วพยายามจะเปิดประตูรถออกไปให้ได้“มันเปิดไม่ได้คุณก็รู้ จะพยายามทำไมกัน อยู่กับผมให้ผม ได้ ขอโทษ”“ไม่มีประโยชน์”“จีเหรินเหมย ผมจะยกเลิกงานแต่งงานแล้วมาแต่งกับคุณและๆๆ จะดีกับคุณคุณก็รู้ว่าผมต้องการลูก” ความเจ็บปวดแล้วความน้อยเนื้อต่ำใจไหลเข้ามาในใจให้เจ็บแปลบ เขาแค่รับผิดชอบสิ่งที่ทำเขาแค่ต้องการลูกแล้วเหรินเหมยจะคาดหวังอะไร คาดหวังให้เขาบอกว่าที่ทำไปทั้งหมดเพราะความรักเพราะห้ามใจไม่ได้กับเหรินเหมยนะหรือ อย่าคิดฝันไปไกลก็แค่คนที่ไม่รู้จักพอแค่ผู้ชายมักมากผู้ชายที่ฟาดไม่เลือกก็เท่านั้น“ผมขอโทษ ผมพยายามแล้วพยายามที่จะไม่…ไม่ทำอะไรคุณพยายามที่จะหักห้ามใจแต่ทำได้ ก่อนหน้านั้นจะสารภาพอย่างไรว่าผมรู้สึกอย่างไรเวลาที่เข้าใกล้คุณ”“ฉันไ
ชาไช้ นั่งก้มหน้ารอโทรศัพท์จากเหรินเหมยอย่างใจจดจ่อ ที่สำนักงานของเหรินเหมยซูจิงที่หอบเอาขนมในมือ มาพะรุงพะรังก้าวเดินเข้ามาทำมองไม่เห็นชาไช้เสียอย่างนั้น“นี่คุณ คุณมาทำอะไรที่นี่” คิ้วสวยเลิกสูงขึ้นจ้องมองชาไช้ตาไม่กะพริบ“ฉันมาที่นี่เพื่อมาติดตามเรื่องงานแต่งงานนั่นไม่น่าแปลกใจแต่ที่แปลกใจคือคุณมาทำอะไรที่นี่” ชาไช้ถอนหายใจส่ายหน้าไปมาเลยเวลาที่นัดไว้กับเหรินเหมยแล้วหนึ่งชั่วโมงตามที่เแิงซีหยวนบอกไว้แต่มาถึงตอนนี้ผ่านไปแล้วกว่าสองชั่วโมง“ไปกินข้าวกัน” พูดขึ้นดังๆ แล้วลุกขึ้นคว้าข้อมือของเหรินเหมยดึงเอาห่อขนมในมือซูจิงวางไว้บนโต๊ะทำงานของเหรินเหมยแล้วลากซูจิงออกจากห้องไป“ปล่อยนะ จะพาฉันไปไหน”“เอ้าก็พาไปกินข้าวไงผมหิวอล้วหาเพื่อนกินข้าว”“คุณก็ไปคนเดียวสิ ฉันมีธุระกับคุณจี” ชาไช้ถอนหายใจอีกครั้ง“วันนี้คุณจีเขาไม่ว่างหรอก คุณจะพูดดีดีกบผมบ้างไม่ได้หรือ” ชาไช้กลืนน้ำลายลงคอยากเย็นคำว่าคุณจีไม่ว่างป่านนี้เฉิงซีหยวน จะพาเหรินเหมยไปถึงไหนที่ไหนคำสัญญาของเฉิงซีหยวนเชื่อได้แค่ไหนที่บอกว่าจะไม่ทำอะไรเหรินเหมยซูจิงเม้มปาก“ทำไมต้องพูดดีดีในเมื่อเราไม่ถูกกัน”“อย่างน้อยก็ในฐานะคน เคย…จู
“ไม่ควรตามแล้วครับจือหรานคงพอจะช่วยได้นะครับท่าน” หลี่ตงที่พูดอย่างนอบน้อม“ฉัน…ห่วงเขา” หลี่ตงเผลอยิ้ม“ครับ”“ไปรอเขาที่บ้านเล่นกับเด็กๆ ดีไหม” หลี่ตงส่ายหน้าไปมาบทจะมึน เฉิงซีหยวนก็ไม่แบ่งใคร“แล้วจะไม่กลัวว่าคุณจีเธอจะโกรธมากกว่านี้หรือครับ”“ช่างเขาสิฉันก็แค่อยากจะเล่นกับลูก” ใช้ความลูกได้สนิทใจไม่มีอึกอักก็ได้แม่แล้วนี่ ถึงจะบอกว่าช่างเขาแต่ก็รู้ดีว่าตอนนี้กลัวว่าเหรินเหมยจะโกรธ“กลับก่อนดีไหม ครับแล้วค่อยหาทางปรับความเข้าใจกัน” หลี่ตงพูดไปแบบนั้นความจริงแล้วกำลังคิดว่า คนอย่างเฉิงซีหยวนที่ทำอะไรแบบนี้ก็ต้องได้รับผลตอบแทนบ้างเพราะทำร้ายเหรินเหมยจนไม่น่าให้อภัยหากเป็นเพราะความแค้น ก็ยิ่งไม่น่าให้อภัยแต่หากเป็นเพราะความรักก็ควรจะอ่อนข้อไม่ใช่ยังใช้ลูกมึนแบบนี้“กลับบ้านฉันต้องคุยเรื่องการแต่งงานกับซูจิงและคุณแม่” หลี่ตงยิ่งถอนหายใจยาวบ้านเฉิง“คุณแม่ให้ผมโทรเรียกซูจิงมาที่นี่ดีไหม เราจะได้คุยเสียให้พร้อมหน้ากัน” คุณเสวียเตอหลุบตามองพื้น“แกตั้งใจจะทำอะไรกันแน่อย่าบอกนะว่าจะยกเลิกงานแต่งงานทั้งๆ ที่ทุกอย่างดำเนินการไปเกือบ70เปอร์เซ็นต์แล้วรอแค่ แกจะเข้าพิธีกับซูจิงก็เท่านั้นเฉิง
“เราสองคน ไม่โกรธกันแล้วใช่ไหม” ชาไช้ถามเบาๆ เสียงแหบพร่า“ทำไมต้องทำเสียงแหบด้วยพูดดีดีไม่ได้หรือ” ซูจิงพูดเหมือนรู้ทัน“โธ่กำลังจะดีอยู่แล้วเชียว น่าน่าจะโรแมนติกกว่านี้หน่อยไมไ่ด้หรือ” ซุจิงถอนหายใจ“นี่คุณไม่ได้อกหักหรอกหรือไม่ได้เสียใจที่คุณจีเธอๆๆ ไม่รู้สิจะพูดว่าอย่างไรดีฉันก็ไม่ได้เห็นกับตาหรอกนะฟังแต่คุณพูดแล้วฉันก็เชื่อเป็นตุเป็นตะว่าพี่ชายของคุณ มีใจให้กับคุณจี” ชาไช้ถอนหายใจยาว“นั่นสินะเอาเข้าจีจริงๆ พี่ซีหยวนคิดอย่างไรผมก็ไม่ได้นั่งในใจเขา ช่างพวกเขาเหอะเราสองคน เลิกพูดถึงเขาแล้วไปเที่ยวกันดีกว่าไหนใครเมื่อกี้บอกจะเลี้ยงเหล้าผม” ชาไช้ทวงสัญญาซูจิงเบ้ปาก“คุณหายเศร้าแล้วนี้กลับกันดีกว่าฉันไม่ได้บอกคุณแม่ว่าจะไปไหนเดี๋ยวจะโทรจิก” ยกโทรศัพท์ขึ้นมาชาไบ้ดึงโทรศัพท์ในมือของซูจิงมากดพิมพ์สองสามคำแล้วปิดเครื่องโยนโทรศัพท์ไปที่เบาะหลัง“อะ…คุณทำอะไรนะ” ชาไช่หยักคิ้วยิ้มๆ“ผมก็แค่บอกคุณแม่คุณว่าคืนนี้ไม่กลับนะคะและโทรศัพท์แบตกำลังจะหมด” ซูจิงอ้าปากค้าง“คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะแบบนี้คุณแม่ของฉันก็ยิ่งจะทำทุกวิถีทางเพื่อจะรู้ว่าฉันอยู่ที่ไหน” ซูจิงโวยวาย“นี่คุณลูกแหง่นี่ ถามจริงเถอะท
“จุนแม่ฮับเราสามคนจะไปไหนคร้าบบบบ”เชียวอู่กอดขาทำเสียงเศร้าๆ อันอันกอดตุ๊กตาป้าเหวยกอดอันอันไว้อีกทอด“คุณค่ะ ได้โปรดเถอะค่ะ จะพาเด็กไปไหนกันค่ะคุณหนีอะไรและทำไมต้องหนีด้วย” ปาเหวยตำหนิตรงๆ“ป้าเหวยนี่คือเงินเดือนของคุณที่ฉันจ่ายให้สามงวดหวังว่าคุณจะได้งานใหม่ที่ดี ฉันจะต้องไปจริงๆ ค่ะขอโทษด้วยถึงป้าจะดุฉันคิดว่าฉันทำอะไรไร้เหตุผลแต่ฉันก็ไม่มีทางออกทางอื่นนอกจากทางนี้” นึกถึงชาไช้ที่เขาช่วยเหลือมาตลอดหากรู้ว่าเหรินเหมยตัดสินใจแบบนี้เขาก็คงไม่ชอบใจเหมือนกันแต่พอกันทีสำหรับคนอย่างเฉิงซีหยวนเหรินเหมยจะต้องหนีไปให้ไกลที่สุด“พี่ค่ะรถพร้อมแล้วฉันยกสัมภาระของพี่ขึ้นรถเรียบร้อยแล้วเราไปกันได้หรือยังค่ะ” จือหรานที่ยืนมองอันอันกับเชียวอู่ด้วยสายตาแสดงความเห็นใจเด็กน้อยทั้งสอง“ไปกันเถอะ” เหรินเหมยย่อตัวลงกอดทั้งสองแฝดไว้ในอ้อมแขน“โชคดีคะคุณจีอันอันและเชียวอู่ของป้าโชคดีนะคะ” ป้าเหวยพูดไปพร้อมกับน้ำตาปริ่มขอบตา เด็กน้อยสองคนจับมือเหรินเหมยไว้แน่นเหรินเหมยจูงทั้งสองคนขึ้นไปบนรถที่จือหรานเรียกให้มารับ“คุณจีขา แล้วฉันจะส่งข่าวเรื่องต่างๆ ให้คุณส่วนเรื่องจีคอเปอเรชั่นไม่ต้องห่วงนะคะฉันจะดูแลแทน
บ้านบนเขา เฉิงซีหยวนยืนมองรถที่เลี้ยวเข้ามาจากด้านนอกเข้ามาภายในกำแพงที่เขาสร้างไว้สูงถึงสองเมตรล้อมรอบบ้านและเนินเขาปล่อยกระต่ายนับร้อยตัวให้กระโดดไปมาบนเนินหญ้ากับดอกไม้หลากสีกอดอกมองจากบานกระจกในห้องเก่าที่เหรินเหมยเคยใช้ชีวิตที่นั่นก่อนที่ซูจ๋ายและแม่ของเหรินเหมยจะจากไป“มาแล้วครับท่าน” หลี่ตงพูดขึ้นเบาๆเฉิงซีหยวนก้าวขายาวๆ ออกมายืนรอรถที่ด้านหน้า อดที่จะเหลือบตามองพนักงานส่งของที่นำเครื่องเล่นของเด็กมาติดตั้งสองสามอย่างเพื่อเจ้าแฝดทั้งสอง ด้านหลัง ป้าจู เสี่ยวหยูเสี่ยวจี้และลุงกวนกำลังลำเลียงของกินของใช้เข้ามาไว้ในบ้านที่ก่อนนั้นลุงกวนมีหน้าที่ดูแลเพียงคนเดียวตอนนี้บ้านหลังนี้กลับมาครึกครื้นอีกครั้งรถจอดลงด้านหน้าเฉิงซีหยวนหลี่ตงเปิดประตูรถ เหรินเหมยก้าวขาลงมากล้าๆ กลัว เจ้าสองแฝดยิ้มแก้มป่อง จ้องไปที่เครื่องเล่นที่กำลังติดตั้งตาไม่กะพริบเหรินเหมยกวาดตามองกำแพงสูงลิบที่เพิ่งเคยเห็นนี่เขาตั้งใจสร้างกำแพงขึ้นมาล้อมบ้านบนเขาไว้เลย กระต่ายน้อยกระโดดไปมาเหรินเหมยถอนหายใจก่อนนั้นไม่มีอะไรทำเอาแต่จ้องมองกระต่ายจากกระจกบานใหญ่มาข้างนอกตอนนี้มีแปลงแครอทให้กระต่ายได้มากินมาวันนี้แปลงแคร
“ยะยะอย่าทำแบบนี้ไม่ฉะ ฉะฉันจะไม่มีทางยอมคุณอีกแล้ว” เหรินเหมยกัดฟันเปล่งเสียงพูดออกรัวเร็ว“เธอเป็นเมียฉัน มันคือความจริงและฉันที่เหมือนเพิ่งจะรู้ใจตัวเองว่า…ว่า หลายปีก่อนนั้นที่เข้าใกล้เธอแล้วใจสั่นที่เข้าใกล้เธอแล้ว แล้วใจเต้นไม่เป็นจังหวะทุกครั้ง เหรินเหมยเธอคือคนที่ฉัน อยากจะนอนด้วยมาตลอด”เหรินเหมยกัดเม้มริมฝีปาก เมื่อได้ยินประโยคนั้นประโยคที่ยืนยันว่าเหรินเหมยก็แค่คนที่เขาอยากนอนด้วยเขาก็แค่คนมักมากที่ไม่รู้จักพอแต่เก็บกดความรู้สึกในใจไว้เพราะเขาเอาคำว่ารักภรรยาของเขาที่สุด เป็นกำแพงต่างหากพอภรรยาเขาตายเขาก็มีโอกาสได้ทำตามใจบำเรอความอยากตัวเองและอ้างว่าชอบเหรินเหมยเพื่อที่จะได้ให้เหรินเหมยยอมเป็นของเล่นของเขาไม่ได้อยากจะมีเหรินเหมยเป็นภรรยาของเขาเหมือนที่เขาเคยมีซูจ๋าย“ปล่อยฉันคุณไม่ควรจะทำแบบนี้คุณทำให้ฉันที่เคยเห็นคุณเป็นคนที่รักภรรยาที่สุด ไม่มีใครมาแทนที่ภรรยาของคุณได้แต่มาวันนี้ ฉันหมดศรัทธาในตัวคุณ ได้โปรดคุณเฉิงฉันยังอยากจะมีภาพจำเดิมๆ ของคุณ แบบนั้นตลอดไป” เฉิงซีหยวนกอดรวบร่างบางของเหรินเหมยไว้แน่น“เธอดูถูกฉันเกินไปแล้วคิดว่าฉัน คนอย่างฉันจะรักเธอไม่ได้อย่างนั้นหรือหร
เฉิงซีหยวนก้มลงกดจมูกโด่งที่แก้มเชียวอู่แทนรางวัล“เก่งที่สุดลูกของพ่อ” เชียวอู่ยิ้มกอดรอบลำคอเฉิงซีหยวน ที่โอบร่างกระจ้อยทั้งสองไว้ในอ้อมแขนอย่างอ่อนโยน“จุนลุงเหมือนจุนพ่อจริงๆ แล้วฮับบบ” เชียวอู่พูดพร้อมกับเสียงหัวเราะเหรินเหมยมองภาพตรงหน้า...ชายที่เคยทำให้เธอเจ็บช้ำกำลังสุมหัวกับลูกแฝด ยิ้ม หัวเราะ อุ้มลูกไว้ในวงแขนอย่างทะนุถนอม เธออยากเมินหนี อยากทำเหมือนไม่เห็นภาพอบอุ่นนี้ แต่หัวใจกลับไม่เชื่อฟัง...ไม่ใช่เพราะเขาเปลี่ยนไป แต่มันคือรอยยิ้มของเด็กสองคน ที่มีความสุขแสนบริสุทธิ์ตรงหน้า “อันอัน...เชียวอู่...” เสียงของเธอเบาราวกระซิบ เด็กทั้งสองหันขวับมามอง “จุนแม่ไม่โกรธจุนลุงแล้วใช่ไหมคะ?” อันอันถามตาแป๋ว “ยังหรอก...แม่ไม่ได้หมายความแบบนั้น” เหรินเหมยตอบตรงไปตรงมา “แต่แม่ก็...ไม่อยากให้ลูกเกลียดใคร เพราะความเจ็บปวดที่แม่ได้รับ” อยากจะพูดว่าเพราะว่าแม่เกลียดใคร แต่เปลี่ยนคำพูดเสียเฉิงซีหยวนชะงักมองหญิงสาวตรงหน้า จีเหรินเหมยยังคงใจแข็ง ยังคงตั้งกำแพง แต่แววตานั้น...มันไม่ใช่ความเกลียดอีกต่อไป มันคือความสับสนที่เขาเองต้องค่อย ๆ คลี่คลาย และเขาจะต้องไม่ยอมแพ้ “เหรินเหมย...” เขาล
เหรินเหมยนั่งเหม่ออยู่ตรงมุมโต๊ะอาหาร ทั้งที่ข้างหน้าคือเกี๊ยวปูที่ป้าจูเพิ่งจะให้เสี่ยวจี้ยกมา กลิ่นหอมอบอวลไปทั่วแต่เหรินเหมยไม่ยอมหยิบมันเข้าปากน้ำตาหยดไหลลงข้างแก้มโดยไม่รู้ตัว… เธอรีบเช็ดมันออกด้วยหลังมือ แล้วสูดหายใจเข้าลึก“ฉันไม่เป็นไร…” เธอพึมพำกับตัวเองเสียงแผ่วยิ้มสดใสแต่ก็รู้ดี… ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอพยายามแสร้งเข้มแข็งเกินไปทั้งที่ในใจเหมือนมีเข็มนับร้อยเล่มทิ่มแทง“จูดี้ก็แค่ท้อง... ลูกของเขา”เสียงในหัวตอกย้ำซ้ำไปมา เธอหลับตาแน่น พยายามกลั้นน้ำตา แต่ยิ่งฝืนเท่าไหร่ กลับยิ่งรู้สึกว่าหัวใจอ่อนแรงลงเสียงฝีเท้าเล็กๆ ของลูกทั้งสองคนดังขึ้นหลังบ้าน“จุนแม่คะจุนแม่ฮับบบบบบ” เหรินเหมยรีบลุกขึ้นเช็ดน้ำตาจนแห้ง ฝืนยิ้ม แล้วต้อนรับลูกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แม้จะรู้ว่ารอยร้าวบางอย่างในใจเธอ… กำลังแตกออกช้าๆ อย่างไร้เสียง“จุนแม่ฮับเราวิ่งเล่นเหนื่อยแล้วฮับหิวแล้วฮับบบ” เหรินเหมยกอดเชียวอู่และะอันอันไว้ในอ้อมแขน“คุณจีขา ให้เสี่ยวจี้โทรหาคุณผู้ชายดีไหมคะ” เหรินเหมยส่ายหน้า“ไม่ต้องฉันจัดการทุกอย่างไปแล้วไม่ต้องห่วงฉันก็แค่รู้สึกว่า รู้สึกว่าขอเวลาฉันทำให้ตัวเองเข้มแข็งเสียหน่อ
“วันนี้ผมมีประชุมด่วนความจริงแล้วตั้งใจพาคุณกับลูกๆ ไปพบคุณนายเสวียเตอ ซึ่งป่านมนี้หมอนั่นผมหมาถึง ชาไช้คงไปที่นั่นเพื่อที่จะขอให้คุณแม่หาฤกษ์ดีดีให้เขากับซูจิงแล้วล่ะ คุณอดใจรออีกหน่อยได้ไหมบางที่อาจเป็นวันพรุ่งนี้” เฉิงซีหยวนพูดในขณะที่อาบน้ำสะอาด และกำลังแต่งตัวกลิ่นสบู่หอมอ่อนกับน้ำยาโกนหนวดหากเป็นเมื่อก่อนหน้านั้นเหรินเหมยคงใจเต้นตึกตักแต่ตอนนี้มีเส้นบางๆ ที่กางกั้นไว้จนเหรินเหมยเองก็กลัวเฉิงซีหยวนเดินมาใกล้ๆ ก้มลงกดจมูกกับหน้าผาก กลิ่นสบู่ยอมผ่อนคลาย“คุณโกรธอีกแล้วหรือ” เหรินเหมยส่ายหน้ายิ้มบาง“ฉันกำลังคิดว่างานแต่งของเราควรเลื่อนไปก่อนในเมื่อ ในเมื่อจูดี้…ฉันหมายถึงเรื่องของจูดี้ยังทำให้ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรที่หนักอึ้ง“คุณจะว่าอะไรไหมหากผมจะพาคุณไปที่บ้านคุณหมอฟานเราจะคุยเรื่องี้กับจูดี้กับข้อเสนอหลายๆ อย่างจนกว่าจูดี้จะพอใจ” เหรินเหมยถอนกายใจ“แล้วถ้าสิ่งที่จูดี้ต้องการก็คือการที่ ได้เป็นภรรยาของคุณเพียงคนเดียวหรือต้องการให้คุณใช้ชีวิตแบบสามีภรรยาเล่าคุณจะทำอย่างไร” เฉิงซีหยวนยิ้มรวบร่างเล็กมากอดไว้“ผมก็จะกอดคุณแบบนี้จูบคุณแบบนี้” ก้มลงจูบเหริยนเหมยอย่างกับคนที่หิวกระหายไ
“ผมป้องกันทุกครั้งที่มีอะไรกับจูดี้ และมันแค่สองครั้งสองครั้งจริงๆ” น้ำเสียงหนักแน่นหากแต่ไม่มั่นใจ มีครั้งหนึ่งที่จูดี้มาพร้อมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์และเขากับจูดี้ก็ดื่มจนเมาทั้งคู่ คืนนั้นจึงเป็นคืนที่สนุกสุดเหวี้ยง“ผมเชื่อ” คุณหมอฟานพูดเร็ว ราบเรียบแต่หนักแน่น “ผมรู้จักลูกตัวเองดีพอ จูดี้... ผมตามใจเธอมาตลอด” หยุดคำพูดไว้ตรงนั้นทั้งที่อยากจะพูดว่า ผมให้เธอเรียนหมอ ให้เธอเลือกเส้นทางและเธอก็เดินทางเดียวกับที่ผมเดิน แต่ผมไม่คิดเลยว่าเธอจะทำอะไรแบบนี้สายตาของเขามองไปที่เหรินเหมย ราวกับจะขอโทษแทนลูกสาวของตน“ผมแค่อยากให้รู้ว่า...ถ้าเกิดอะไรขึ้น ผมจะรับผิดชอบเองทุกอย่าง ขอแค่อย่าปล่อยให้ความสุขของพวกคุณพังทลายเพราะใครคนเดียว”เฉิงซีหยวนลุกขึ้นมายืนข้างเหรินเหมยทันที แล้วกุมมือเธอไว้แน่น“ไม่มีใครพรากเราไปจากกันได้อีกแล้วครับคุณลุง... ผมขอสัญญา”เหรินเหมยหันไปสบตาสามี ดวงตาแดงระเรื่อด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง ในขณะที่คุณหมอฟานพยักหน้าเบาๆ“นั่นล่ะ...สิ่งที่ผมอยากได้ยินที่สุด แต่รู้ไหมจูดี้เองก็มีลูกของคุณในท้องซึ่งผมอยากจะมาเพื่อบอกและการันตีว่าจะดูแลเด็กในท้องของจูดี้ด้วยตัวเองแต่ในใจก็ย
ยามสายของวันใหม่ เสียงหัวเราะของเด็กๆ ดังแว่วลอดออกมาจากสวนหลังบ้านอันอันกับเชียวอู่กำลังเล่นวิ่งไล่จับกับเสี่ยวจี้และเสี่ยวหยูอย่างสนุกสนาน“คุณหนูทั้งสองคนวิ่งช้าๆ หน่อย” เสียงเสี่ยวจี้ดังมาแต่ไกล บ้านไม้สีอ่อนริมเนินเขาที่ล้อมรอบด้วยแสงแดดอ่อนและกลิ่นหอมของดอกไม้ป่า เฉิงซีหยวนนั่งมองอันอันหัวเราะคิกคัก ส่วน “เชียวอู่” กำลังปีนขึ้นหลังเหรินเหมยหนีการจับตัวจากเสี่ยจวจี้ อย่างสนุกสนาน“พรุ่งนี้ผมอยากชวนคุณกับลูกๆ ไปที่บ้านเฉิงเพื่อพบคุณแม่สักครั้งแล้วไม่นานท่านก็จะหาฤกษ์ดีดีให้เราสองคนเพื่อแต่งงาน” เหรินเหมยยิ้มก้มหน้าอายๆ“ไม่ต้องแต่งได้ไหม”“ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด จะต้องแต่งเพราะผมจะไม่ยอมให้ใครมาดูถูกคุณ”“จุนแม่ฮับ ผมจะขี่หลังเป็นม้าละนะ” เชียวอู่ที่กระโดดขึ้นไปบนหลังของเหรินเหมยตะโกนดังๆ“ถ้าตกลงมานี่ม้าจะไม่รับผิดชอบเลยนะเจ้าคะ” เหรินเหมยหัวเราะ พลางหันไปยิ้มกับเฉิงซีหยวนเฉิงซีหยวนยิ้มบางๆ เดินเข้ามาจูบที่หน้าผากเชียวอู่“ลงมาได้แล้วครับ” อุ้มเชียวอู่ไว้กับอ้อมแขนเสียงรถยนต์คันหนึ่งขับเข้ามาจอดหน้าบ้าน ชายวัยกลางคนในเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงผ้าลินินเบาสบายก็เปิดประตูลงมา ใบหน้าค
ในห้องที่มืดสนิท มีเพียงแสงจากโคมข้างเตียงส่องกระทบใบหน้าที่แสดงให้เห้นว่าดีใจอย่างที่สุดของจูดี้ ขณะที่เธอจ้องที่แถบขีดสีแดงสองเส้นบนแท่งตรวจครรภ์ในมือ หัวใจเต้นโครมคราม ริมฝีปากสั่นระริกก่อนจะค่อย ๆ ยกยิ้ม… ยิ้มที่มีทั้งความหวาดหวั่นและดีใจเจืออยู่ในคราวเดียวกัน“ในที่สุด… ฉันก็ทำได้…” เธอพึมพำกับตัวเองเบาๆ คิดไม่ถึงว่าทุกอย่างจะง่ายดายขนาดนี้ดวงตาเปล่งประกายแปลกประหลาด ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะที่หน้าท้องของตัวเองอย่างแผ่วเบา“ลูกของเขา… ลูกของ เฉิงซีหยวน เลือดเนื้อเชื้อไขของอวิ๋นเฉิง”เธอกัดริมฝีปากแน่น ก่อนหันไปหยิบแฟ้มเอกสารที่ซ่อนไว้ใต้ลิ้นชัก โต๊ะข้างเตียง บรรจุผลแล็บที่แอบทำไว้ ใบรับรองการใช้สเปิร์มจากคลินิกในช่วงเวลาที่เฉิงซีหยวนมอบไว้เพื่อฝากอุ้มบุญ ได้มาง่ายดายเพราะเข้าออกโรงพยาบาลBBBได้ง่ายดาย“ถ้าฉันไม่พูด… ไม่มีใครรู้อย่างนั้นก็ทำลายมันเสียก็แค่อ้างว่าวันนั้นซีหยวนเมามากพอนอนกับฉันเลยแตกในดีไหมนะ ไม่สิลืมสวมถุงฮะฮะฮ่าาาา” ใบหน้าสวยเฉียวพูดด้วยท่าทีมั่นหน้าเหลือเกิน “ดูสิว่าฉันมีลูกของเขาในท้องลูกที่ไม่ได้ผสมเทียมไม่ได้ฝากไข่แต่เป็นการเย้กันจริงๆ เขาจะทำหน้าอย่างไร แล้วก็
เสียงกองไฟในเตาผิงแตกดังเปาะแปะ กลิ่นขนมปังที่เหรินเหมยอบไว้ยังอุ่นกรุ่นบนโต๊ะ เด็กแฝดสองคนในชุดนอนตัวโตกำลังนั่งวาดรูปอยู่บนพรมสีขาวสะอาดกลางห้องอันอันเงยหน้าขึ้นเมื่อเห็นเฉิงซีหยวนเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ มือใหญ่ของเขาลูบผมลูกสาวตัวน้อยที่บรรจงแต่งแต้มสัสันลงบนภาพวาด เบา ๆ“จุนพ่อ…คะนี่คือพ่อกับแม่ กับอันอันกับเชียวอู่ พวกเราอยู่ด้วยกัน…” เธอกะพริบตาปริบ ๆ ยิ้มแก้มป่อง แล้วชี้ภาพวาดที่เธอระบายสี เชียวอู่ชะโงกหน้ามามอง“พี่อันอันเก่งจังเลยครับวาดรูปให้เราอยู่ด้วยกันได้ด้วย”“เพราะว่าอันอันกับเชียวอู่อยากให้พวกเราอยู่ด้วยกัน”เฉิงซีหยวนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มแล้วโน้มตัวลงกอดทั้งสองวาดไว้แนบอก“ต่อไปนี้... พ่อจะอยู่ตรงนี้กับพวกหนูตลอดไป”เชียวอู่ กอดจากอีกด้าน มือเล็ก ๆ ดึงเสื้อของเขาแน่น “สัญญานะครับ…จุนพ่อ”“พ่อสัญญาเลย” เขาพยักหน้า แล้วหันไปมอง เหรินเหมย ที่ยืนพิงประตูอยู่อย่างเงียบ ๆสายตาทั้งสองมองสบกัน เฉิงซีหยวนลุกขึ้นเดินไปหาเธออย่างช้า ๆ แล้วจับมือเธอไว้“ผมขอโทษ…ที่เคยปล่อยมือคุณไป และครั้งนี้…ผมจะไม่มีวันปล่อยอีก”เหรินเหมยพยายามกลั้นน้ำตา แต่สุดท้ายก็ยิ้มออกมา ดวงตาเปล่งป
เสียงเครื่องยนต์ดับลงหน้าบ้านไม้หลังเล็กกลางหุบเขา เหรินเหมย ที่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่เงยหน้าขึ้น เห็นรถของเฉิงซีหยวนที่คุ้นตา แต่กลับเปิดประตูออกมาเป็น ชาไช้ กับ ซูจิงเธอชะงัก มือที่จับสายยางสั่นเล็กน้อย ในมเื่อเหรินเมหยคิดว่าตัวเองทำผิดกับซูจิงที่แอบมาอยู่ที่นี่กับเฉิงซีหยวนทั้งๆ ที่ซูจิงดีกับเหรินเหมยขนาดนั้นเฉิงซีหยวนเดินออกมาตามเสียงรถ หยุดลงข้างเหรินเหมย เขามองเห็นทั้งสองที่เดินเข้ามา ไม่มีถ้อยคำทักทาย ไม่มีคำอธิบาย มีเพียงสายตาของทั้งสี่ที่สื่อสารกันอย่างเงียบงัน“ขอโทษที่มารบกวน” ซูจิงเอ่ยเสียงเบา แววตาซ่อนความสั่นไหว แม้จะบอกว่าไมไ่ด้รุ้สึกอะไรกับพี่เขยอย่างเฉิงซีหยวนแต่กลับรู้สึกว่าเขามองว่าซูจิงโง่“นายกับซูจิงไม่สิสองคนมาด้วยกันได้อย่างไร” เฉิงซีหยวนถามตรง สีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์เขาไม่มีทางหวั่นเกรงอะไรเพราะตอนนี้คนที่เขาจะต้องปกป้องคือเหรินเหมยกับลูกถ้าหากว่าซูจิงจะไม่พอใจที่เหรินเหมยกับเขาอยู่ด้วยกันเหมือนกับซูจิงถูกหักหลังและชาไช้จะโกรธเขา ที่แอบเอาเหรินเหมยมากกที่นี่“เพราะผมอยากจะคุยกับพี่ให้เข้าใจ” ซูจิงเหลือบตามองเหรินเหมย “กับเธอ…ด้วย เหรินเหมย” ชาไช้พูดตรงๆเหริ
ห้องพักในรีสอร์ตเสียงฝนพรำกระทบกระจกหน้าต่างไม่ช่วยให้หัวใจของ ซูจิง สงบลงได้เลย เธอยืนพิงขอบหน้าต่าง มองออกไปยังคลื่นที่ซัดสาดไปที่ทะเล ร่างในเสื้อยืดบางมองเห็นทรวดทรงชัดเจน แววตาเต็มไปด้วยความสับสนชาไช้ เดินออกมาจากห้องน้ำเช็ดผม เขามองซูจิงเงียบ ๆ ก่อนจะวางผ้าลงบนเก้าอี้ “คุณ ยังไม่นอนหรือ คุณหลับได้เลยนะกว่าเราจะกลับก็คงเย็นๆ”“พรุ่งนี้ฉันต้องไปเจอคุณแม่…เสียที เราสองคนหนีความจริงไม่พ้น” เสียงซูจิงแผ่วเบา …ต้องไปเจอคุณแม่อยู่ดีจะช้าหรือเร็ว…” ชาไช้ยิ้มอ่อนโยนเดินเข้าไปใกล้ ชะงักเล็กน้อยแล้วถอนหายใจก่อนจะเอื้อมมือแตะไหล่เธอ “ผมสัญญา จะไปเผชิญปัญหาด้วยกันกับคุณ ไม่ต้องกลัว”“กลัว?” ซูจิงหันมามองเขา ดวงตาสั่นไหว “ไม่ใช่แค่กลัว… แต่ฉันไม่รู้จะพูดยังไงด้วยซ้ำ ฉันทำลายทุกอย่างเองกับมือ... ทั้งงานแต่ง... ทั้งชื่อเสียงของพ่อแม่... และ คุณแม่คาดหวังในตัวฉันมาก มากจนฉันไม่กล้าที่จะทำให้คุณแม่ผิดหวัง”"พี่ซีหยวนไม่ใช่คนที่ปล่อยอะไรไว้ค้างคา" ชาไช้พูดเสียงขรึม “เขาจะต้องพูดอะไรออกมาแน่ๆ และเรา... ต้องยอมรับมัน ไม่สิผมจะยอมรับผิดเพียงคนเดียวคุณไม่ต้องพูดอะไรทุกอย่างเป็นความผิดของผม”ซูจิง
ห้องนอนที่เงียบงันบนเตียงนั้นมีเพียงเสียงลมหายใจ...เฉิงซีหยวนที่ไม่ปล่อยให้เวลาเสียไปโดยเปล่าประโยชน์เด็กแฝดสองคนอยู่ที่ดรงเรียนสินะและในเมื่อเหรินเหมยไม่ได้ปฏิเสธความรักจากเขา เขาจัดการร่างอุ่นใต้ร่างเขาจนอยู่หมัดในผ้าห่มสีอ่อน เหรินเหมยนอนหอบหายใจ หยาดเหงื่อเกาะเรียวคอ เสื้อคลุมหลุดลุ่ยจนเห็นผิวเนียนละเอียดแทบทั้งแผ่นหลัง“หยุด… พอแล้ว…ได้โปรด” เสียงเธอแผ่วเบาราวกับฝนที่กระทบหน้าต่าง “ฉันกำลังจะตายฉัน….ฉัน”เฉิงซีหยวนที่โน้มตัวคร่อมเธออยู่ยกยิ้มบาง จูบริมหน้าผากที่ชื้นเหงื่อของเธออย่างแผ่วเบา ก่อนจะกระซิบชิดหู“แค่นอนเฉยๆ ... ปล่อยให้ผมได้แสดงความรักกับคุณก็พอ”มือของเขายังลูบไล้เบา ๆ ไปที่เอวเปลือยคอดกิ่ว สัมผัสของเขาราวกับรู้ว่าตรงไหนที่เธออ่อนไหวที่สุดกดเอวลงซ้ำๆ จังหวะของเขานุ่มนวล แต่แน่วแน่… และเต็มไปด้วยความเย้ายวนจนเหรินเหมยหมดเรี่ยวแรงจะต่อต้านขัดขืนทำไมเก่งจังทำไมเขาทำได้เก่งขนาดนี้เหรินเหมยเบนหน้าหนี ริมฝีปากพ่นลมหายใจหอบเหนื่อย เธออยากจะพูดอะไรบางอย่าง... แต่ไม่ทันได้เปล่งเสียง ริมฝีปากของเขาก็กดทับลงมาอีกแล้วจูบนั้นทั้งหนักแน่นและลึกซึ้ง... เขาบอกรักเธอด้วยการจูบ