“ผมจะไปเตรียมความพร้อมสำหรับทุกอย่างเพื่อคุณ คุณเองก็ควรจะเตรียมความพร้อมสำหรับตัวคุณเช่นกัน แต่ขอร้องว่าได้โปรดดูแลตัวเองให้ดีอย่าเศร้าโศกให้มากเพื่อลูกของผมในท้องของคุณ และตัวคุณเอง” เหรินเหมยยิ้มเศร้าๆชีวิตนี้ไม่เหลืออะไรแล้วในเมื่อแม่ไม่อยู่แล้วเหรินเหมยจะทำทั้งหมดไปเพื่ออะไร“ผมจะดูแลเหรินเหมยด้วยตัวเองครับคุณเฉิงไปพักเถอะครับคุณเองก็มีปัญหาหนักหนาสาหัสไม่แพ้กัน” หมอถงที่เดินมาหยุดยืนจ้องหน้าเหรินเหมยที่ปาดน้ำตา“ทุกคนล้วนมีเรื่องให้ทุกข์ตรงวันหนึ่งหวังว่าเราจะมองย้อนมาแล้วแค่เพียงจดจำมันไว้เท่านั้น ไม่มีคุณปิงปิงแล้วเธอก็ยังมีฉัน…….” หยุดคำพูดไว้แค่นั้น ในเมื่อหมอถงกลับรู้สึกว่าทำไมเขาไม่ชอบใจนักที่เหรินเหมยเข้าใกล้เฉิงซีหยวนมากเกินไป อยากจะบอกว่าอกเขาก็มีให้ซบหน้าร้องไห้ไม่จำเป็นต้องไปซบอกของเฉิงซีหยวนแต่จะบอกในฐานะอะไรเล่าในเมื่อ เขากับพยาบาลกู้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันที่มีให้เหรินเหมยจึงแค่ความหวังดี หรืออาจเพราะเขาสงสารเหรินเหมยที่สูญเสียคุณแม่เขาจึงรู้สึก เห็นใจหรือเขาอาจกำลังคิดว่าเหรินเหมยไม่เหลือใครแล้ว เขาจึงคิดว่ามีเพียงเขาคนเดียวที่ใกล้ชิดสนิทสนมเขาหาคำตอบไม่ได้
“ผมจะคุยกับคุณซูจ๋ายเรื่องนี้” คุณหมอผู้ช่วยหน้าถอดสี“ดะดะได้หรือครับคุณซูจ๋ายกำลังอยู่ใน….เออภาวะที่อยากลำบาก” เลี่ยงที่จะใช้คำว่าวาระสุดท้าย“หมอทนเห็น คุณซูจ๋ายต้องกลายเป็นคนโง่ไม่รู้อะไรเลยจากไปแบบที่ไม่รู้อะไรเลย คุณซูจ๋ายเขาจะเจ็บปวดแค่ไหนกัน”“คุณหมอฟานครับคุณพูดเองไม่ใช่หรือว่า เรื่องส่วนตัวของคนไข้ไม่เกี่ยวกับเราที่เป็นหมอผมว่าทางที่ดีเรา เรานัดเคลียร์เรื่องนี้กับหมอถงให้เขาพูดเรื่องนี้ออกมาเองดีกว่าไหมครับ” หมอฟานส่ายหน้าไปมา“ผมจะคิดดูอีกทีว่าต้องทำอย่างไร” เฉิงซีหยวนเดินเข้ามาเคาะประตูด้านหน้า“ผมอยากจะเข้าไปพบซูจ๋าย” หมอฟานยิ้มบางๆ ยกมือขึ้ตบที่ไหล่ของคุณหมอผู้ช่วย“ไว้คุยกันอีกที” หมอผู้ช่วยโค้งคำนับหมอฟานลี่ชิงที่เดินนำเฉิงซีหยวนยังห้องCCUซูจ๋ายขยับตัวท่าทีตื่นเต้นดีใจที่เฉิงซีหยวนมาเฉิงซีหยวนยิ้มเศร้าซูจ๋ายส่งภาษามือถามถึงลูกหมอฟานก้มหน้าลงทันที“แม่ของแม่อุ้มท้องเขาเสีย หมายถึงตายไปตอนนี้เราผมหมายถึงคุณหมอถง ผม คุณพยาบาลและชาไช้เลยวุ่นๆ พยายาม…ปลอบใจกลัวว่าเขาจะเศร้าจนมีผลต่อลูกของเรา” ซูจ๋ายพยักหน้า“อีกไม่กี่เดือนพวกเขาก็จะออกมาแล้วผมอยากให้คุณได้พบพวกเขา ฉะนั
“ผมขอโทษ”หมอถงพูดขึ้นเบาๆไม่กล้าสบตาเฉิงซีหยวน“เปรี๊ยง” เฉิงซีหยวนส่งหมัดไปกระแทกที่ครึ่งปากครึ่งจมูกของหมอถง ชาไช้รีบมาดึงไว้“พี่ซีหยวนใจเย็นครับเกิดอะไรขึ้น ทำไมต้องลงไม้ลงมือกันด้วย” เฉิงซีหยวนสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของชาไช้เดินไปหยุดที่บานกระจกมองออกไปเห็นกระต่ายสีตัวกำลังกินแครอทอย่างเอร็ดอร่อย“ลูกในท้อง ของคนอุ้มท้องไม่ใช่ไข่ของซูจ๋ายที่ฝากไข่ไว้แต่เป็นไข่ของผู้หญิงคนนั้น เขา เขาหักหลังพี่หมอไร้จรรยาบรรณคนนี้หักหลังพี่” ชาไช้ถอนหายใจยาว“พี่ครับ ผมว่ารอให้ใจเย็นกว่านี้ค่อยพูดกันดีไหม เหรินเหมยเขาได้ยินว่าพี่กับคุณหมอทะเลาะกันเขาจะตกใจเอาได้ครับ”“ช่างเขาฉันไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ผู้หญิงคนนั้นไม่คู่ควรที่จะได้ตั้งท้องลูกของฉันด้วยซ้ำลูกในท้องของเขาก็เป็นลูกของเขาไม่ใช่ของซูจ๋ายพวกเขารวมหัวกันหลอกฉันหักหลังฉันเพราะต้องการเงินมหาศาลที่ฉันพร้อมจ่ายพวกเขาเป็นพวกที่หลอกลวง ซูจ๋ายจากฉันไปเพราะรู้ความจริงเรื่องนี้”ชาไช้หลับตาไล่ความรู้สึกสับสนในใจ แสนจะสงสารเฉิงซีหยวนที่ต้องมาสูญเสียภรรยาไปพร้อมกับรู้ความจริงเรื่องที่เจ็บปวดนี้ แต่ชาไช้ก็ยังไม่มั่นใจว่าเหรินเหมยจะรู้เรื่องนี้ด้วยหรือไม่
“พี่ซีหยวนครับใจเย็นๆ ครับ” ชาไช้เอาน้ำเย็นเข้าลูบ “ไปให้พ้น ไปให้หมด อย่ามาให้เห็นหน้า ไม่มีใครจริงใจไม่มีใครเชื่อได้ทั้งนั้นไปให้พ้น” ออกปากไล่ ทรุดตัวลงบนเก้าอี้ยกมือขึ้นกุมขมับ หากเหรินเหมยมองไม่ผิดน้ำตาของเฉิงซีหยวนกำลังไหล“ผมขอโทษ” หมอถงยังพูดว่าขอโทษซ้ำๆ“หยุดพูดได้แล้วไปให้พ้น” กำคอเสื้อของหมอถงไว้อีกครั้งเหรินเหมยรีบพุ่งเข้าไปขวางไว้“ปึกๆๆ” เฉิงซีหยวนชกมัดเข้าอย่างเร็วเข้าที่กำแพงห้องอย่างแรงสองสามทีเฉี่ยวใบหน้าของหมอถงที่หลับตาปี๋ เฉิงซีหยวนกัดฟันข่มความรู้สึกที่กำลังจะระเบิดออกมาผลักหมอถงอย่างแรงกระแทกเข้ากับร่างเล็กของเหรินเหมยที่มาอยู่ด้านหลังหมอถง เซถลาล้มลงกับพื้นอย่างที่ไม่ทันได้ตั้งตัวทั้งจุกและเจ็บ ชาไช้รีบมาประคองเหรินเหมย“พี่ซีหยวนได้โปรดเถอะครับ” เหรินเหมยยกมือคล้ำที่ท้องของตัวเอง รู้สึกปวดที่ท้องอย่างมาก กัดฟันข่มความเจ็บปวด“อย่าหวังว่าฉันจะอภัยไม่มีทาง” ก้าวขาออกจากบ้านบนเขา เดินตรงไปที่รถเสียงเครื่องยนต์รถดังกระหึ่มก่อนที่รถคันโตจะแล่นจากไปด้วยความเร็วสูง“ปะปะปวดท้องจังทำไมมันปวดอย่างนี้” หมอถงเงยหน้าชาไช้จ้องมองเหรินเหมยที่ทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้กุมท้องใบ
ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ พาฉันออกจากตรงนี้ที” ชาไช้ส่ายหน้าไปมา“ไม่นะ ถึงในท้องนั่นจะลูกของเธอแต่ก็เป็นลูกของพี่ซีหยวนเหมือนกันอย่างไรพี่ซีหยวนจะต้องรับผิดชอบเธอนี่ เธอจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหนก้ได้ฉันจะขอร้องพี่ซีหยวนให้เะออยู่ที่นี่จนกว่าเธอพร้อมที่จะจากไไปเราไม่มีใครกดดันเธอหรอกนะ เธออยู่ๆ ด้ตามที่ต้องการแต่อาจไม่สะดวกสบายเท่าที่ผ่านมาเพราะป้าจูเสี่ยวจี้และคนอื่นๆ อาจจะต้องกลับไปที่บ้านเฉิงตามคำสั่งของพี่ซีหยวน แต่ฉันได้ยินว่าพี่หยวนจะขายบ้านหลังนี้ ในอีกหกเดือนข้างหน้านั่น เธอก็คงคลอดลูกพอดีถึงเวลานั้นพี่ซีหยวนอาจเอ็นดูเด็กๆ ขึ้นมาก็ได้ เหรินเหมยอย่าเพิ่งตัดสินใจอะไรเด็ดขาดลงไปอย่างนั้น” เหรินเหมยยิ้มเศร้าๆ“อย่าสร้างปัญหาเพิ่มให้เขาเลยฉันไม่ใช่นางเอกฉันแค่อายที่ต้องคอยพึ่งพาเขาทั้งๆ ที่รวมหัวกันหลอกเขา แต่หมอถงคุณก็ควรร่วมกันรับผิดชอบฉันจะไม่ถือโทษคุณถ้าคุณจะพาฉันออกจากตรงนี้ เพราะอย่างไรเขาก็คงไม่รับรองบุตรให้อยู่แล้วฉันอาจหาใครสักคนมาจดทะเบียนรับรองบุตร ฉันจะเลี้ยงดูพวกเขาด้วยตัวเอง” หมอถงถอนหายใจยาว“เธอไม่เกี่ยวเรื่องนี้เธอเองก็เป็นผู้เสียหายนะเหรินเหมยฉันสารภาพไปหมดแล้วว่าเธอไม่รู้
“ลูกจะทำแบบนี้ไม่ได้ชีวิตเราต้องดำเนินต่อไปใครตายไปสักคนไม่ได้ทำให้เราหยุดหายใจไปด้วย”“ผมเข้าใจครับคุณแม่” คุณเสวียเตอพยักหน้าขึ้นลง“คงสมควรแก่เวลาแล้ว บริษัทไม่เข้าไม่มีการประชุม ไม่มีการแก้ไขเรื่องที่ผิดพลาดของอวิ๋นเฉิง ทุกคนกำลังเป้นห่วงลูกนะ คำสัญญาที่ให้ไว้กับซูจ๋ายเรื่องที่จะแต่งซูจิงควรจะจัดการได้แล้วลูกควรมีคนดูแลจะได้หายเหงา” “ครับ”“เฉิงชาไช้ก็เอาแต่หายตัว เขาไปไหนของเขานะทำไมไม่มาช่วยฉันปลอบใจคนเศร้าบ้างก็ไม่รู้ คุณเสวียเตอบ่นเบาๆ เฉิงซีหยวนดวงตาเป็นประกาย“ผมขอตัวครับ” พุ่งตัวออกจากบ้านเฉิงเรียกหลี่ตงให้มาขับรถ“หลี่ตง ไปบ้านบนเขา” หลี่ตงรีบพารถแล่นออกจากบ้านเฉิงไปในทันทีบ้านบนเขาเหรินเหมยก้าวขึ้นไนั่งเบาะหลังของรถเก่งคันสวยของหมอถง ไมไ่ด้มีเสื้อผ้าหรืออะไรที่มากมายมีเพียงกระเป๋าแค่ใบเดียว รถแล่นออกจาทางลาดกำลังจะจากไปจากที่นี่ป้าจู เสี่ยวจี้และเสี่ยวหยู โบกมือหยอยๆชาไช้ถอนหายใจเดินกลับเข้าไปในบ้านใจหายไม่น้อย“ป้าเรื่องนี้ใครผิด” ป้าจูส่ายหน้าไปมา“ไม่รู้แต่ที่แน่ๆ คุณจีไม่ผิด คุณหมอถงถ้าบอกว่าทำเพื่ออยากให้คุณท่านเฉิงกับคุณนายเฉิงสมหวังก็ถือว่าคิดดี เงินค่าจ้างเขา
บ้านบนเขา“รถเลี้ยวเข้าไปจอดเฉิงซีหยวนนั่งนิ่งบนรถ ทั้งๆ ที่หลี่ตงเปิดประตูให้แล้วไม่ยอมลงมาเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ชาไช้เดินมาที่รถเมื่อเห็นว่านั่นคือเฉิงซีหยวน ที่เพิ่งจะแวะมาทั้งๆ ที่เหรินเหมยกับหมอถงจากไปแล้ว“พี่ซีหยวน”“พวกเขาไปไหนกันหมด”“เอ่อ ๆๆ คุณหมอถงกับเหรินเหมย เก็บเสื้อผ้าออกจากบ้านไปแล้วครับตอนนี้ป้าจูและคนอื่นกำลังรอว่าพี่จะมีคำสั่งว่าอย่างไรในเมื่อเหรินเหมยไม่อยู่ที่นี่แล้ว”“ผู้หญิงคนนั้นก็ไปกับคุณหมออย่างนั้นหรือ ใครอนุญาตให้เขาไปแล้วนายให้เขาไปอีกหรือ”“พี่จะห้ามเขาได้อย่างไร เหรินเหมยเองเขาก็สูญเสียคุณแม่เขาเองก็ตายแล้วพี่ ยังมาเป็นแบบนี้อีกหลายวันมานี้พี่เอาแต่เศร้าโศกเสียใจ กับการจากไปของพี่สะใภ้ ไม่มีอะไรชัดเจนสักอย่าง”“ฮึ คงตั้งใจหอบท้องหนีเพื่อที่จะได้ เอาลูกในท้องมาต่อรองหรือแบ้ลดเมลล์เอาเงินจากฉันอีกสินะ” ชาไช้ขมวดคิ้วที่แรกคิดว่าเฉิงซีหยวนห่วงเหรินเหมยแต่เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ ชาไช้ถึงกับงง เแิงซีหยวนล้วงหยิบดทรศัพท์ออกมาบนรถ“กริ๊งงงงงงๆๆๆ”“ครับคุณเฉิง” เหรินเหมยใจเต้นตึกตักหมอถงเปิดลำโพงให้เหรินเหมยได้ยินด้วยกัน“พวกคุณ ตั้งใจทำอะไรกันหมอถง”“ครับก็แค
“กริ๊งงงงงงงงง” หมอถงรับสายอีกครั้งเฉิงซีหยวนยังส่งเสียงเกรี้ยวกราด“คุณหมอแน่ใจหรือว่าไม่ได้ไปกับผู้หญิงคนนั้น” เหรินเหทยถอนหายใจยาว“ครับผมแน่ใจเหรินเหมยให้ผมส่งเขาที่สนามบินและผมก็แยกกันกับเหรินเหมยแล้วครับตอนนี้ผมอยู่ที่นี่เพียงคนเดียว” เแิงซีหยวนวางสาย เหรินเหมยถอนหายใจยาว“หนักใจหรือ” เหรินเหมยยิ้มบางๆ“เขาคุกคามจริงๆ เอาแบบนี้ต่อไปผมจะเมมเบอร์เขาไว้ว่าไม่ต้องรัยบสายดีไหมเธอจะได้ไม่ต้องเครียด”คราวนี้ เฉิงซีหยวนปาโทรศัพท์ลงพื้นจนแต่กระจาย“หลี่ตงไปที่สนามบิน” ชาไช้วิ่งตามไปติดๆ กลัวว่าเฉิงซีหยวนจะไปอาละวาดเหรินเหมยที่น่าสงสารที่สุดในตอนนี้“นายตามมาทำไม” คนอารมณ์ร้อนยังคงฟาดงวงฟาดงา“ผมก็แค่ตามมาเผื่อว่าจะพบเหรินเหมยแล้วจะช่วยเกลี่ยกล่อมให้เขากลับมาพร้อมกับเรา” เฉิงซีหยวนขมวดคิ้วห้าเดือนผ่านไป“ร่างกระจ้อยนอนนิ่งในเปลใสเคียงข้างกันฝาแฝดชายหญิงที่ทารกชายใบหน้าละม้ายเฉิงซีหยวนส่วนทารกเพศหญิงใบหน้าเหมือนกับเหรินเหมยราวกับกับพิมพิ์เดียวกัน“ลูกแม่” หมอถงยืนอยู่ข้างๆ ก้มมองทารกทั้งสองด้วยรอยยิ้มโล่งอก“แข็งแรงทั้งคู่เลย และเหมือนจะเลี้ยงง่ายนะดูสิหลับปุ๋ยเชียว”“ขอบคุณคุณหมอที่ผ่า
ในห้องที่มืดสนิท มีเพียงแสงจากโคมข้างเตียงส่องกระทบใบหน้าที่แสดงให้เห้นว่าดีใจอย่างที่สุดของจูดี้ ขณะที่เธอจ้องที่แถบขีดสีแดงสองเส้นบนแท่งตรวจครรภ์ในมือ หัวใจเต้นโครมคราม ริมฝีปากสั่นระริกก่อนจะค่อย ๆ ยกยิ้ม… ยิ้มที่มีทั้งความหวาดหวั่นและดีใจเจืออยู่ในคราวเดียวกัน“ในที่สุด… ฉันก็ทำได้…” เธอพึมพำกับตัวเองเบาๆ คิดไม่ถึงว่าทุกอย่างจะง่ายดายขนาดนี้ดวงตาเปล่งประกายแปลกประหลาด ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะที่หน้าท้องของตัวเองอย่างแผ่วเบา“ลูกของเขา… ลูกของ เฉิงซีหยวน เลือดเนื้อเชื้อไขของอวิ๋นเฉิง”เธอกัดริมฝีปากแน่น ก่อนหันไปหยิบแฟ้มเอกสารที่ซ่อนไว้ใต้ลิ้นชัก โต๊ะข้างเตียง บรรจุผลแล็บที่แอบทำไว้ ใบรับรองการใช้สเปิร์มจากคลินิกในช่วงเวลาที่เฉิงซีหยวนมอบไว้เพื่อฝากอุ้มบุญ ได้มาง่ายดายเพราะเข้าออกโรงพยาบาลBBBได้ง่ายดาย“ถ้าฉันไม่พูด… ไม่มีใครรู้อย่างนั้นก็ทำลายมันเสียก็แค่อ้างว่าวันนั้นซีหยวนเมามากพอนอนกับฉันเลยแตกในดีไหมนะ ไม่สิลืมสวมถุงฮะฮะฮ่าาาา” ใบหน้าสวยเฉียวพูดด้วยท่าทีมั่นหน้าเหลือเกิน “ดูสิว่าฉันมีลูกของเขาในท้องลูกที่ไม่ได้ผสมเทียมไม่ได้ฝากไข่แต่เป็นการเย้กันจริงๆ เขาจะทำหน้าอย่างไร แล้วก็
เสียงกองไฟในเตาผิงแตกดังเปาะแปะ กลิ่นขนมปังที่เหรินเหมยอบไว้ยังอุ่นกรุ่นบนโต๊ะ เด็กแฝดสองคนในชุดนอนตัวโตกำลังนั่งวาดรูปอยู่บนพรมสีขาวสะอาดกลางห้องอันอันเงยหน้าขึ้นเมื่อเห็นเฉิงซีหยวนเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ มือใหญ่ของเขาลูบผมลูกสาวตัวน้อยที่บรรจงแต่งแต้มสัสันลงบนภาพวาด เบา ๆ“จุนพ่อ…คะนี่คือพ่อกับแม่ กับอันอันกับเชียวอู่ พวกเราอยู่ด้วยกัน…” เธอกะพริบตาปริบ ๆ ยิ้มแก้มป่อง แล้วชี้ภาพวาดที่เธอระบายสี เชียวอู่ชะโงกหน้ามามอง“พี่อันอันเก่งจังเลยครับวาดรูปให้เราอยู่ด้วยกันได้ด้วย”“เพราะว่าอันอันกับเชียวอู่อยากให้พวกเราอยู่ด้วยกัน”เฉิงซีหยวนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มแล้วโน้มตัวลงกอดทั้งสองวาดไว้แนบอก“ต่อไปนี้... พ่อจะอยู่ตรงนี้กับพวกหนูตลอดไป”เชียวอู่ กอดจากอีกด้าน มือเล็ก ๆ ดึงเสื้อของเขาแน่น “สัญญานะครับ…จุนพ่อ”“พ่อสัญญาเลย” เขาพยักหน้า แล้วหันไปมอง เหรินเหมย ที่ยืนพิงประตูอยู่อย่างเงียบ ๆสายตาทั้งสองมองสบกัน เฉิงซีหยวนลุกขึ้นเดินไปหาเธออย่างช้า ๆ แล้วจับมือเธอไว้“ผมขอโทษ…ที่เคยปล่อยมือคุณไป และครั้งนี้…ผมจะไม่มีวันปล่อยอีก”เหรินเหมยพยายามกลั้นน้ำตา แต่สุดท้ายก็ยิ้มออกมา ดวงตาเปล่งป
เสียงเครื่องยนต์ดับลงหน้าบ้านไม้หลังเล็กกลางหุบเขา เหรินเหมย ที่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่เงยหน้าขึ้น เห็นรถของเฉิงซีหยวนที่คุ้นตา แต่กลับเปิดประตูออกมาเป็น ชาไช้ กับ ซูจิงเธอชะงัก มือที่จับสายยางสั่นเล็กน้อย ในมเื่อเหรินเมหยคิดว่าตัวเองทำผิดกับซูจิงที่แอบมาอยู่ที่นี่กับเฉิงซีหยวนทั้งๆ ที่ซูจิงดีกับเหรินเหมยขนาดนั้นเฉิงซีหยวนเดินออกมาตามเสียงรถ หยุดลงข้างเหรินเหมย เขามองเห็นทั้งสองที่เดินเข้ามา ไม่มีถ้อยคำทักทาย ไม่มีคำอธิบาย มีเพียงสายตาของทั้งสี่ที่สื่อสารกันอย่างเงียบงัน“ขอโทษที่มารบกวน” ซูจิงเอ่ยเสียงเบา แววตาซ่อนความสั่นไหว แม้จะบอกว่าไมไ่ด้รุ้สึกอะไรกับพี่เขยอย่างเฉิงซีหยวนแต่กลับรู้สึกว่าเขามองว่าซูจิงโง่“นายกับซูจิงไม่สิสองคนมาด้วยกันได้อย่างไร” เฉิงซีหยวนถามตรง สีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์เขาไม่มีทางหวั่นเกรงอะไรเพราะตอนนี้คนที่เขาจะต้องปกป้องคือเหรินเหมยกับลูกถ้าหากว่าซูจิงจะไม่พอใจที่เหรินเหมยกับเขาอยู่ด้วยกันเหมือนกับซูจิงถูกหักหลังและชาไช้จะโกรธเขา ที่แอบเอาเหรินเหมยมากกที่นี่“เพราะผมอยากจะคุยกับพี่ให้เข้าใจ” ซูจิงเหลือบตามองเหรินเหมย “กับเธอ…ด้วย เหรินเหมย” ชาไช้พูดตรงๆเหริ
ห้องพักในรีสอร์ตเสียงฝนพรำกระทบกระจกหน้าต่างไม่ช่วยให้หัวใจของ ซูจิง สงบลงได้เลย เธอยืนพิงขอบหน้าต่าง มองออกไปยังคลื่นที่ซัดสาดไปที่ทะเล ร่างในเสื้อยืดบางมองเห็นทรวดทรงชัดเจน แววตาเต็มไปด้วยความสับสนชาไช้ เดินออกมาจากห้องน้ำเช็ดผม เขามองซูจิงเงียบ ๆ ก่อนจะวางผ้าลงบนเก้าอี้ “คุณ ยังไม่นอนหรือ คุณหลับได้เลยนะกว่าเราจะกลับก็คงเย็นๆ”“พรุ่งนี้ฉันต้องไปเจอคุณแม่…เสียที เราสองคนหนีความจริงไม่พ้น” เสียงซูจิงแผ่วเบา …ต้องไปเจอคุณแม่อยู่ดีจะช้าหรือเร็ว…” ชาไช้ยิ้มอ่อนโยนเดินเข้าไปใกล้ ชะงักเล็กน้อยแล้วถอนหายใจก่อนจะเอื้อมมือแตะไหล่เธอ “ผมสัญญา จะไปเผชิญปัญหาด้วยกันกับคุณ ไม่ต้องกลัว”“กลัว?” ซูจิงหันมามองเขา ดวงตาสั่นไหว “ไม่ใช่แค่กลัว… แต่ฉันไม่รู้จะพูดยังไงด้วยซ้ำ ฉันทำลายทุกอย่างเองกับมือ... ทั้งงานแต่ง... ทั้งชื่อเสียงของพ่อแม่... และ คุณแม่คาดหวังในตัวฉันมาก มากจนฉันไม่กล้าที่จะทำให้คุณแม่ผิดหวัง”"พี่ซีหยวนไม่ใช่คนที่ปล่อยอะไรไว้ค้างคา" ชาไช้พูดเสียงขรึม “เขาจะต้องพูดอะไรออกมาแน่ๆ และเรา... ต้องยอมรับมัน ไม่สิผมจะยอมรับผิดเพียงคนเดียวคุณไม่ต้องพูดอะไรทุกอย่างเป็นความผิดของผม”ซูจิง
ห้องนอนที่เงียบงันบนเตียงนั้นมีเพียงเสียงลมหายใจ...เฉิงซีหยวนที่ไม่ปล่อยให้เวลาเสียไปโดยเปล่าประโยชน์เด็กแฝดสองคนอยู่ที่ดรงเรียนสินะและในเมื่อเหรินเหมยไม่ได้ปฏิเสธความรักจากเขา เขาจัดการร่างอุ่นใต้ร่างเขาจนอยู่หมัดในผ้าห่มสีอ่อน เหรินเหมยนอนหอบหายใจ หยาดเหงื่อเกาะเรียวคอ เสื้อคลุมหลุดลุ่ยจนเห็นผิวเนียนละเอียดแทบทั้งแผ่นหลัง“หยุด… พอแล้ว…ได้โปรด” เสียงเธอแผ่วเบาราวกับฝนที่กระทบหน้าต่าง “ฉันกำลังจะตายฉัน….ฉัน”เฉิงซีหยวนที่โน้มตัวคร่อมเธออยู่ยกยิ้มบาง จูบริมหน้าผากที่ชื้นเหงื่อของเธออย่างแผ่วเบา ก่อนจะกระซิบชิดหู“แค่นอนเฉยๆ ... ปล่อยให้ผมได้แสดงความรักกับคุณก็พอ”มือของเขายังลูบไล้เบา ๆ ไปที่เอวเปลือยคอดกิ่ว สัมผัสของเขาราวกับรู้ว่าตรงไหนที่เธออ่อนไหวที่สุดกดเอวลงซ้ำๆ จังหวะของเขานุ่มนวล แต่แน่วแน่… และเต็มไปด้วยความเย้ายวนจนเหรินเหมยหมดเรี่ยวแรงจะต่อต้านขัดขืนทำไมเก่งจังทำไมเขาทำได้เก่งขนาดนี้เหรินเหมยเบนหน้าหนี ริมฝีปากพ่นลมหายใจหอบเหนื่อย เธออยากจะพูดอะไรบางอย่าง... แต่ไม่ทันได้เปล่งเสียง ริมฝีปากของเขาก็กดทับลงมาอีกแล้วจูบนั้นทั้งหนักแน่นและลึกซึ้ง... เขาบอกรักเธอด้วยการจูบ
สายวันนั้นเสียงฝนสาดกระทบกระจกหน้าต่างดังเปาะแปะ เฉิงซีหยวนยืนอยู่กลางห้องรับแขก สีหน้าเรียบเย็นเยือก เขาสวมเสื้อเข้ารูปสีเข้มอย่างไม่เป็นทางการ แต่ดวงตานั้นทอประกายมุ่งมั่นยิ่งกว่าสายฟ้านอกหน้าต่างคุณเสวียเตอ นั่งอยู่บนโซฟาอย่างสงบข้างเขา สายตาเฉียบขาดไม่แพ้กันไม่กี่นาทีถัดมา คุณนายจางก็เดินเข้ามา สีหน้ากังวลแต่พยายามยิ้มรับ“อา...คุณเสวียเตอ คุณเฉิงขอโทษที่ให้รอ” เดินอ้อมมาเพื่อนั่งลงตรงหน้าคนททั้งสองที่โซฟาหลุยส์เฉิงซีหยวนลุกขึ้นนิดๆ แสดงความเคารพก่อนจะนั่งลงหลังจากที่คุณซีหยินนั่งลงก่อนแล้วคุณเสวียเตอเอ่ยอย่างนุ่มนวล“ผมกับคุณแม่ตั้งใจมาที่นี่ จึงไม่กังวลว่าจะต้องรอหากคุณจางจะออกมาคุยกับเราสักนิด” เสียงเฉิงซีหยวนดังขึ้นก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบประโยค ไม่เหลือความลังเล “เอ่อ ขอโทษจริงๆ ที่ซูจิงมาพบพวกคุณไม่ได้ ทั้งๆ ที่คู่หมั้นมาถึงบ้าน” สีหน้ากังวลจนไม่อาจปกปิดได้อีก“เราสองคนที่นี่เพื่อเรื่องสำคัญ” คุณเสวียเตอช่วยเสริมทั้งอึดอัดและเหมือนถูกกดดัน คุณจางยิ้มแห้งๆ“เรื่องสำคัญอะไรหรือคะหรือว่าพวกคุณ เองก็มีเรื่องที่อยากจะพูดและตกลงกัน”คุณเสวียเตอมองสบตากับเฉิงซีหยวน“ฉันจำต้อ
ทันทีที่ประตูปิดลง เสียง คลิก ของกลอนประตูเหมือนตัดโลกภายนอกออกไป เหลือแค่สองคนในห้องเงียบสงบ เหริยเหมยกลับรู้สึกว่าหายใจไม่ออกอึดอัดและมือชื้นเหงื่อเฉิงซีหยวนหันกลับมามองเหรินเหมยที่ยืนตัวแข็งอยู่ตรงนั้น ดวงตาเบิกกว้างเมื่อเฉิงซีหยวนก้าวเข้ามาใกล้ช้าๆ ...จนหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ จับมือเหรินเหมยมากุมไว้“กลัวหรือ”เสียงเขาเบานุ่มเหมือนสายลมยามค่ำเหรินเหมยก้มหน้า“ไม่ต้องกลัว...” เขาพูด น้ำเสียงแฝงความสั่นไหวแต่หนักแน่น “ผมจะปกป้องคุณเอง... ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น”เหรินเหมยไม่ได้ตอบอะไร เธอยังยืนนิ่งเหมือนกำลังประมวลผล แต่ภายในใจกลับร้อนวูบขึ้นมาทีละน้อย ความเจ็บ ความอัดอั้น และความรู้สึกที่เธอเคยพยายามกลั้นไว้เหมือนถูกคลายล็อกทั้งหมดเงยหน้าขึ้นช้าๆ สบตาเฉิงซีหยวน“คุณ จะโกรธไหมถ้าฉันจะบอกว่าก่อนที่จะอุ้มท้องเด็กแฝดทั้งสองฉัน..ฉันเคยโพสน์แอบปลื้มคุณในโซเซียล.” น้ำเสียงขาดหายไปในลำคอ“อย่างนั้นหรือ เคยชอบฉันแล้วอย่างไร”“เคยชอบแล้ว คราวนี้คู่ขาของคุณผู้หญิงของคุณหรืออะไรก็แล้วแต่ฉันหมายถึงผู้หญิงคนนั้นเขาเลยจะใช้ความผิดพลาดนี้ของฉันเพื่อที่จะทำให้คุณโกรธ ว่าฉันชอบคุณเลยตั้งใจรับงานนี้เพื่อ
ชาไช้…“หนีออกมาเดินเล่นคนเดียวแบบนี้ ถ้าหลงฉันจะหาเธอเจอได้ยังไง”เสียงเขาแหย่เบาๆ แต่แววตาที่มองเธอนั้นกลับไม่ได้ขำซูจิงหัวเราะในลำคอ หันกลับไปสบตาเขา “นายก็หาจนเจอนี่”“ฉันหาเธอเจอตลอดแหละ...ความจริงแล้วตั้งใจเที่ยวรอบโลกเสียก่อนค่อยหลับมาทำงานแต่ได้ยินว่าซูจิงกลับมาบ้านเฉิงเพื่อดูแลพี่สสะใภ้ฉันเลยรีบกลับบ้านเฉิงบ้างอย่างไรเล่า เฮ้อแต่เธอไม่เคยหันมามอง”ประโยคที่ออกจากปากเขาทำให้หัวใจเธอสะดุดไปชั่ววูบลมทะเลพัดแรงขึ้นจนเธอขยับตัวเข้าหาเขาโดยอัตโนมัติ เขายื่นมือออกมา กางแขนโอบเธอไว้แน่นในอ้อมอก“รู้ไหม...ฉันเคยคิดว่าถ้าได้จูบเธอตรงนี้ บนหาดทรายที่มีแค่เรา ฉันคงไม่มีอะไรต้องเสียดายในชีวิตนี้อีกเลย”ซูจิงเงยหน้ามองเขาช้าๆ ดวงตาเธอสะท้อนแสงจันทร์และแววตาอ่อนโยนที่เขามีให้“งั้นจูบฉันสิ...ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ”คำพูดของเธอเหมือนหยุดเวลาไว้ทั้งโลก ชาไช้ไม่รอให้เธอพูดซ้ำ มือเขาประคองใบหน้าเธอเบาๆ ก่อนจะโน้มตัวลงริมฝีปากของเขาสัมผัสเธออย่างแผ่วเบาในตอนแรก เหมือนกำลังถามว่า ‘เธอแน่ใจนะ’ แต่เมื่อเธอตอบกลับด้วยจูบเดียวกัน จูบที่เต็มไปด้วยความรู้สึกอัดแน่นที่ไม่เคยพูด มันก็ลึกซึ้งขึ้น ช
รถเคลื่อนผ่านถนนสายเลียบทะเล แสงของพระอาทิตย์ที่กำลังตกค่อยๆ ซัดผ่านกระจกรถเป็นสีส้มแดง เปลวแดดอุ่นสาดกระทบใบหน้าของซูจิงที่นั่งพิงเบาะในท่าสบายผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด เหม่อมองคลื่นทะเลซัดฝั่งไม่หยุดเหมือนกับสนุกเสียเต็มที่ มือเธอแตะกับขอบกระจกอย่างเหม่อลอย ขณะที่หัวใจเต้นสับสนในความเงียบที่ล้อมรอบชาไช้ขับรถเงียบๆ มาตลอดทาง เขาไม่ใช่คนพูดมากนัก โดยเฉพาะเวลาที่หัวใจยังสั่นไหวเหมือนตอนนี้ …สงสาร“คุณยังไม่หายเสียใจเหรอ?” เสียงเขาเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางเสียงคลื่น กับเพลงเบาๆ ที่คลออยู่ในรถซูจิงหันมาหาเขา “ไม่รู้สิ...อาจจะยังไม่หาย...ไม่รู้สิฉันสับสนความจริงกว่าว่าต้องเผชิญปัญหาต่างๆ ที่จะตามมามากกว่า”เธอยิ้มบาง แต่เป็นยิ้มเศร้าพูดเบาๆ“มันเหมือนกับว่า...ฉันเสียเวลากับคนที่ไม่เคยมองเห็นฉัน ความจริงแล้วพี่ซีหยวนก้ไม่เคยมองเห็นฉันอยู่แล้วฉันก็แค่คำสัญญาและคำขอร้องของพี่ซูจ๋ายที่พี่ซีหยวนต้องยอมจำนน”ชาไช้ถอนหายใจ“ซูจิง” เขาเรียกชื่อซูจิงเบาๆ เป็นครั้งแรกที่เอ่ยโดยไม่มีคำล้อหรือเล่นสนุกซูจิงเองก็ใจเต้นตึกตักแต่ก็รอฟังว่าอีกคนจะพูดอะไร“เมื่อห้าปีก่อน...วันนั้นที่คุณทำขนมช็อกโกแลตลาวามาให้