“ปกติถ้าจะให้ปล่อยผู้หญิงคนอื่นจะต้อง…อมให้ฉันก่อน” รูดซิปกางเกงจงใจแกล้ง เหรินเหมยทำตาโตตกใจกับท่าทีเหมือนคนบ้ากามของเฉิงซีหยวน“คนบ้า อย่ามาลามกนะฉันไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น”“เคยทำไหมล่ะ” แกล้งถามหยั่งเชิง“อย่านะ ฉันไม่จำเป็นต้องตอบนี่ แล้วแต่คุณจะคิด”“ไม่เคยทำจริงๆ หรือ” เหรินเหมยแดงแดงแปร๊ดดด“อย่ามาพูดจาแบบนี้นะ ฉัน…ฉัน” เฉิงซีหยวนจ้องตาค้นหาความจริงกับใบหน้าเขินอายนั่น“เหรินเหมยหลับตาเสีย เฉิงซีหยวนจูบที่เปลือกตาอย่างอ่อนโยน เหรินเหมยสัมผัสได้ถึงริมฝีปากอุ่นที่แตะลงบนเปลือกตาเบาๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ก็พบว่าอีกคนจ้องอยู่ก่อนแล้ว“อย่าทำแบบนี้ ได้โปรดคุณกำลังทำให้ทุกอย่างแย่ลงไป”“ฉันไม่ได้ใจดีอ่อนโยนเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เมื่อก่อนตอนอยู่กับเธอต้องฝืนใจห้ามใจแกล้งเป็นคนดีแค่ไหนรู้ไหม” ก้มลงกระซิบข้างหูเสียงสั่น“ก็ดีแล้วนี่เป็นคนดี คุณก็เป็นคนดีจะตายอย่างตอนนี้คุณแอบเข้ามาในบ้านฉันแอบมาทำแบบนี้มันไม่ดี” เอาน้ำเย็นเข้าลูบทั้งที่ใจเต้นแทบทะลุออกจากอก“เป็นคนดีแล้วได้อะไร เมื่อก่อนต้องห้ามใจตอนเข้าใกล้เธอแต่ตอนนี้เราสองคน ไม่ต้องห้ามอะไรแล้วนี่” เสียงสั่น“คุณคนเดียวอย่าเหมารวมฉันเข้าไปด้วยฉ
“ชักชอบแบบนี้แล้วสิ ไม่เอาดีกว่า เอากลับไปเก็บไว้หรือซุกไว้ตรงไหนสักที่ดีไหม เมียสวยๆ กับลูกน่ารัก เป็นเมียเก็บฉันมันแย่ตรงไหน” พูดเล่น“ไปให้พ้น.....อย่ามายุ่งกับลูกของฉัน พวกเขาเป็นลูกของฉันคุณมีสิทธิ์อะไรคุณอุ้มท้องมาหรือก็เปล่าแล้วคุณ …” กลืนน้ำลายลงคอยากเย็น“ฟ้องศาลเอาลูกมาไว้ในการปกครองแล้วแม่ก็จะตามมาเอง” เหรินเหมยดิ้นออกจากอ้อมแขน แต่เฉิงซีหยวนกลับรัดไว้แน่นไม่ยอมปล่อยแล้วยังฉวยโอกาสหอมแก้มเสียฟอดใหญ่“พวกเขาเป็นลูกของฉัน ….ฉันไม่จำเป็นต้องเหตุผล ฉันไม่ให้คุณเอาลูกของฉันไปไหนทั้งนั้น” เฉิงซีหยวนคลายอ้อมกอดลุกขึ้นยืน “ฉันจะเอาเมื่อไหร่ก็ได้ทั้งแม่ทั้งลูกและไม่จำเป็นว่าจะต้องสนใจอะไรไม่ได้โง่เหมือนเจ้าหมอนั่นที่เฝ้าเธออยู่ถึงห้าปีแต่ไม่ได้อะไรเลย ฉันจะเอาเธอตอนนี้ยังได้เลย…”“ไม่มีทางคุณมันก็แค่พวกที่ชอบใช้กำลัง”เค้นเสียงพูดออกจากปาก เฉิงซีหยวนถอนหายใจยาว“ดีอย่างนั้นเรามาใช้กำลังกัน” พุ่งตัวเข้าใส่เหรินเหมยหันหลังวิ่งตั้งใจไปที่ประตูอีกคนพุ่งตัวเข้าหาเหรินเหมยปาหมอนในมือใส่เฉิงซีหยวนอย่างจัง คว้าผ้าห่มกอดไว้อีกคนดึงผ้าห่มติดมือโถมตัวเข้าใส่ทับไว้ทั้งตัวกดริมฝีปากอีกครั้งครา
หลี่ตงรีบเปิดประตูรถให้เฉิงซีหยวนที่เดินมาอย่างเร่งรีบ“ไปต่อที่ไหนไหมครับ ท่าน” ถามเพราะเคยถามประจำ แม้ในใจจะคิดว่าเฉิงซีหยวนกับเหรินหมยไม่น่าจะมีอะไรกันจึงคิดเผื่อว่าคืนนี้เฉิงซีหยวนยังไม่ได้คู่นอนก็ตาม“ไปพบซูจิงที่บ้านของเขา” หลี่ตงยิ้มบางๆ คิดไปเองว่าเฉิงซีหยวนคงตั้งใจไปพบซูจิงเพราะรู้สึกผิดที่ตัวเองกำลังจะแต่งงานแต่กลับมาอยู่กับผู้หญิงอีกคนที่ไม่ใช่ผู้หญิงไซด์ไลน์หลี่ตงพารถเคลื่อนขึ้นสู่ถนนหลัก“นายว่า ฉันผิดใช่ไหมกับเรื่องทั้งหมด” ตั้งใจไประบายความโกรธที่เหรินเหมยทำให้เขาโกรธ บางทีนี่อาจเป็นวิธีแก้แค้นที่ดีที่สุด“อะ ผิดเรื่องอะไรครับท่าน”“เรื่องที่ผ่านมาห้าปีนั่นนายยังคิดว่าฉันผิดอยู่ไหมเป็นฉันใช่ไหมที่ต้องรับผิดชอบเรื่องพวกนี้”“ไม่ทราบครับ แต่ให้คิดในแบบของผม เรื่องนี้ไม่มีใครผิด ทุกอย่างมันบังเอิญ หากคนที่จะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ก็คงต้องเป็นคุณหมอถงคนนั้นแต่เขาก็ได้รับผลกรรมไปแล้ว ไม่มีงานหมดอนาคตกับเรื่องนี้ไปแล้ว บางทีหากมาทบทวนดูดีดีคุณก็ควรจะคิดเสียว่าเรื่องนี้อาจเป็นเรื่องของเวรกรรมทุกคนได้รับกรรมไปแล้วแม้แต่คุณจีเธอก็ต้องอุ้มท้องและเลี้ยงดูลูกของคุณเพียงลำพังทั้งๆ
“คุณจีครับ” พนักงานส่งสินค้านำดอกกุหลาบสีแดงช่อโตมายื่นให้กับจีเหรนเหมยต่อหน้าซูจิงและจือหราน“โอโห้ อะไรเนี๊ยะทำไมต้องเป็นคุณจีด้วยนะทำไมไม่เป็นฉัน” จือหรานพูดขึ้นดังๆ ยื่นหน้ามาสุดดอกกุหลาบช่อดตนั่นในอ้อมแขนของเหรินเหมย“ใครกันนี่ ทุ่มทุนน่าดูแลเลย อย่าบอกนะว่าาาา” ใจคิดไปถึงคนที่จูบเร่าร้อนกันเมื่อคืนอย่าบอกนะว่าชาไช้ส่งดอกกุหลาบมาให้จีเหรินเหมย ซูจิงรู้สึกถึงขอบตาที่ร้อนผ่าวอิจฉา หึงหวงหรืออะรกันแน่“ใครคะคุณจาง” จือหรานถามด้วยความซื่อ“ก็คุณชาไช้ที่มารับคุณ จีเมื่อวานอย่างไรเล่ากันจริง” น้ำเสียงแปร่งๆ ในตอนท้าย“ไม่มีการ์ดบ่งบอกเจ้าของว่าคือใคร” เหรินเหมยส่ายหน้าไปมา วางช่อกุหลาบลงบนโต๊ะ แต่เหลือบตาไปเห็นการ์ดโผล่ออกมาหยิบขึ้นมาอ่านดู ลายมือเรียงกันเป็นระเบียบแต่ข้อความชวนให้หัวเสีย“สวัสดี ที่ระบายความอยาก…คิดถึงกันไหม” ไม่ลงท้ายชื่อคนเขียน เหรินเหมยรีบขยำการ์ดไว้ในมือกลัวว่าจือหรานกับซูจิงจะเห็น เม้มปากแน่นคิดว่าคำพูดของตัวเองเมื่อคืนจะทำให้เขารามือแต่ดูสิ่งที่เป็นฟีดแบ็กกลับบมาแต่ละอย่างน่าหัวเสีย“ฉันพร้อมแล้วค่ะเรามาดูของที่จะให้แขกในงานกันดีกว่าคุณมีตัวอย่างให้เลือกไหม” เหร
หลี่ตงถอนหายใจยาว“ออกรถได้แล้วหลี่ตง มัวชักช้าอะไรอยู่…ฉันหิว…จะตายอยู่แล้ว” เน้นคำว่าหิวจนเหรินเหมยรู้สึกแสลงหูคนอะไรเก่งในการใช้คำพูดป่วนประสาทอมยิ้ม ปล่อยให้เหรินเหมยที่เอาแต่คอยนั่งตัวแข็งเพราะไม่อยากโดนตัวเฉิงซีหยวนอีกคนกลับค่อยๆ สอดมือไปโอบรอบเอวบางของเหรินหมย เหรินเหมย เม้มปากแล้วหยิกไปที่แขนของอีกคนอย่างจัง“โอ๊ะ”“เกิดอะไรขึ้นค่ะพี่ซีหยวน” ซูจิงถามดังๆ ด้วยความตกใจเมื่ออยู่ๆ ซีหยวนสะดุ้งโหยง“เปล่าเหมือนมีตัวอะไรมันกัด ที่หลัง”“ฉันช่วยดูให้ไหมคะ” ซีหยวนยิ้มเจื่อนๆ หันหลังไปให้ซูจิงดู“ไม่มีนี่คะ หลี่ตงต้องเอารถไปล้างได้แล้วค่ะ ต้องมีตัวอะไรแน่ๆ” เหรินเหมยนั่งนิ่งเฉิงซีหยวน ยิ้มมุมปาก“ฝากไว้ก่อน”“พี่หมายถึงอะไรคะ” ซูจิงอดสงสัยท่าทีเจ้าคิดเจ้าแค้นของซีหยวนเสียไมไ่ด้“เจ้าแมลงตัวดีนั่นแหละคนดูถ้าจับได้หรือเข้าตาจนอยู่ในกำมือของฉันเมื่อไหร่จะจัดการให้ร้องขอชีวิตทีเดียว” ซูจิงหัวเราะเห็นเป็นเรื่องตลกแต่เหรินเหมยกลับเม้มปากนิ่ง“เธอพูดเรื่องที่ชวนคุณจีมาทำงานกับอวิ๋นเฉิงหรือยัง” ซูจิงทำตาโต“ค่ะพี่ซีหยวนลองถามคุณจีดูอีกทีสิคะ”“ถาม”“หะว่าอย่างไรนะคะ”“ก็ถามว่าอยากจะไปทำงานที่
เหรินเหมยยิ้มสาสมใจ เฉิงซีหยวนคว้าข้อมือเหรินเหมยใต้โต๊ะบีบอย่างแรง “ปล่อยนะ” เผลอพูดเสียงดัง“อ่อ นี่สะกิดฉ้นด้วยเท้าของเธอแบบนี้ต้องการอะไรจะให้ปล่อยง่ายๆ ได้หรือถ้าปล่อยไปแล้วใครจะรู้ว่าเธอแอบสะกิดฉัน” เหรินหมยอ้าปากค้างเมื่อคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตากินหันมองและหยุดมือที่กำลังสารวนกับการตั้งหน้าตั้งตากินบางคนอมยิ้ม ซูจิงเงยหน้าขึ้นมองจือหรานอมยิ้ม แต่เหรินเหมยไม่ขำ ใช้เท้าเตะไปที่หน้าแข้งของเฉิงซีหยวนอย่างแรง“พลั๊ก โอ๊ย”“ทำร้ายผมทำไมผมผิดอะไรคุณลวนลามผมก่อนนะ”“ลวนลาม ใช้คำว่าลวนลามเลยหรือ”“นี่คุณมากินข้าว” เหรินเหมยยิ้มมุมปาก“ยังไม่เจอใช่ไหม” เฉิงซีหยวนถอนหายใจ“ไม่มีทางเจอ ไม่มีทางที่คุณจะได้เจอเขา”“พี่กับพับคุณจีคุณอะไรกันค่ะน่าสนุกจังกำลังหาใครอยู่หรือคะ”“หาเฉิงชาไช้ไงเขากำลังถามผมเรื่องเฉิงชาไช้คนนั้นคนที่สุภาพ ใจดี ที่ดูแลผู้หญิง เอาใจเก่ง ใส่ใจได้ทุกเรื่องใช่ไหมคุณจีคุณตามหาคุณเฉิงคนนั้น” ซูจิงหน้าถอดสี“ถ้าชาไช้ฉันเจอเขาทุกวัน ไม่จำเป็นต้องหา” เหรินเหมยพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย“เมื่อไหร่จะแต่งกันล่ะ ฉันคงต้องเตรียมของขวัญแต่งงานใช่ไหม” เหน็บแนม เหรินเหมยยิ้ม“ให้คุณแต่ก่
“ฉันควรจะทำอะไรที่มันเด็ดขาดเสียที่จริงไปหลี่ตง” หลี่ตงพยักหน้าแบบงงพารถแล่นออกจากบ้านเฉิง“อะ ขะขะขอรับแต่อะไรที่ว่าเด็ดขาดนั่นคืออะไรครับ”หลี่ตงเริ่มสียวไส้แทนเหรินเหมยในเมื่อหลายวันที่ผ่านมาตั้งแต่มีเรื่องเหรินเหมยเข้ามานี่ เฉิงซีหยวนไม่เคยหาคู่นอนเหมือนอย่างเคย เว้นว่างมาหลายวันแล้ว กลัวว่าเจ้านายของเขาจะทำเรื่องที่ ที่ทำให้เหรินเหมยต้องยอมจำนน“ก็อย่างเช่น แย่งเอาเด็กๆ เข้ามาอยู่ภายใต้การดูแลของฉัน นายช่วยเรื่องหาทนายหรือไม่ก็หาที่ปรึกษาทางกฎหมายเกี่ยวกับการฟ้องเพื่อสิทธิ์การเลี้ยงดู” หลี่ตงกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ รถแล่นเข้ามาในโรงเรียนของอันอันและเชียวอู่“ไปกินข้าวเถอะหรือจะพักก็ได้ถ้าฉันอยากจะกลับจะเรียกให้มารับ” หลี่ตงยิ้ม“กระผมทานอาหารใกล้ๆ แถวนี้ท่านเรียกได้ตลอดครับ” เลี้ยวรถจากไป เฉิงซีหยวนสาวเท้าเข้าไปในโรงเรียนคุณครูสาวรีบเสนอหน้ามาต้อนรับ“สวัสดีค่ะท่าน วันนี้มาทำอะไรคะ” เฉิงซีหยวนยิ้มบางๆ ทะแม่งหูกับคำว่าท่านที่มีเพียงหลี่ตงเท่านั้นที่ชอบใช้คำนี้“มารับลูกสาวกับลูกชายครับ” ครูสาวยิ้มหวานหยดเด็กในชั้นอนุบาลต่างมารุมล้อม มองคนตัวสูงหน้าหล่อว่าวันนี้จะเอาขนมอะไรมาเลี้ยงเด็
รถมาจอดลงตรงหน้าแล้ว เฉิงซีหยวนเงอะงะทำตัวไม่ถูกก้ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยนั่งรถโดยสารประจำทางแบบนี้มาก่อน “จุนลุง ไปกันเถอะ” อันอันพูดเจื้อยแจ้ว เฉิงซีหยวนถอนหายใจยาว รู้สึกว่ามือน้อยๆ นุ่มๆ ทั้งสองที่สอดอยู่ในอุ้งมือเขาให้เขารู้สึกว่าหัวใจหยาบกระด้างของเขาอ่อนโยนลงทันที หากได้กุมมือน้อยๆ แบบนี้พร้อมกับซูจ๋าย…..เขาจะรู้สึกดีแค่ไหนหัวใจอ่อนไหวไหวเอน นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้คิดถึงช่วงเวลาดีดีกับซูจ๋าย“จุนลุงนั่งเลยค่ะ” เฉิงซีหยวนนั่งลงอย่างว่าง่ายป้าเหวยนั่งฝั่งตรงข้ามของอีกเบาะ พร้อมกับอันอันส่วนเชียวอู่ปีนขึ้นมานั่งบนตักของเฉิงซีหยวน“จุนุลงๆ ไปม่อต้องห่วงนะครับเชียวอู่รู้ว่าจุนลุงคงคิดถึงลูกำของจุนลุงมากๆ เลยใช่ไหมฮับ เชียวอู่จะดูแลจุนลุงเอง” เฉิงซีหยวนอมยิ้มอดขำกับท่าทีเป็นงานเป็นการของเชียวอู่ตัวน้อยไม่ได้ เด็กคนนี้เหมือนกับเฉิงซีหยวนเมื่อนานมาแล้วเมื่อครั้งที่ยังไม่พบกับความผิดหวังและยังมีศรัทธาไม่ผิดที่มักจะเข้าใจคนอื่น และใจดีเสมอกอดเชียวอู่ไว้ความอบอุ่นแผ่ซ่านเข้าไปในหัวใจ “โอ๋ๆๆๆๆ จุนลุงฮับไม่ต้องร้องนะฮับ ต่อไปมากอดเชียวอู่ได้ตาหลอดเลยฮับถ้าวันไหนคิดถึงลูกของจุนลุง” มือเล็ก
เหรินเหมยนั่งเหม่ออยู่ตรงมุมโต๊ะอาหาร ทั้งที่ข้างหน้าคือเกี๊ยวปูที่ป้าจูเพิ่งจะให้เสี่ยวจี้ยกมา กลิ่นหอมอบอวลไปทั่วแต่เหรินเหมยไม่ยอมหยิบมันเข้าปากน้ำตาหยดไหลลงข้างแก้มโดยไม่รู้ตัว… เธอรีบเช็ดมันออกด้วยหลังมือ แล้วสูดหายใจเข้าลึก“ฉันไม่เป็นไร…” เธอพึมพำกับตัวเองเสียงแผ่วยิ้มสดใสแต่ก็รู้ดี… ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอพยายามแสร้งเข้มแข็งเกินไปทั้งที่ในใจเหมือนมีเข็มนับร้อยเล่มทิ่มแทง“จูดี้ก็แค่ท้อง... ลูกของเขา”เสียงในหัวตอกย้ำซ้ำไปมา เธอหลับตาแน่น พยายามกลั้นน้ำตา แต่ยิ่งฝืนเท่าไหร่ กลับยิ่งรู้สึกว่าหัวใจอ่อนแรงลงเสียงฝีเท้าเล็กๆ ของลูกทั้งสองคนดังขึ้นหลังบ้าน“จุนแม่คะจุนแม่ฮับบบบบบ” เหรินเหมยรีบลุกขึ้นเช็ดน้ำตาจนแห้ง ฝืนยิ้ม แล้วต้อนรับลูกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แม้จะรู้ว่ารอยร้าวบางอย่างในใจเธอ… กำลังแตกออกช้าๆ อย่างไร้เสียง“จุนแม่ฮับเราวิ่งเล่นเหนื่อยแล้วฮับหิวแล้วฮับบบ” เหรินเหมยกอดเชียวอู่และะอันอันไว้ในอ้อมแขน“คุณจีขา ให้เสี่ยวจี้โทรหาคุณผู้ชายดีไหมคะ” เหรินเหมยส่ายหน้า“ไม่ต้องฉันจัดการทุกอย่างไปแล้วไม่ต้องห่วงฉันก็แค่รู้สึกว่า รู้สึกว่าขอเวลาฉันทำให้ตัวเองเข้มแข็งเสียหน่อ
“วันนี้ผมมีประชุมด่วนความจริงแล้วตั้งใจพาคุณกับลูกๆ ไปพบคุณนายเสวียเตอ ซึ่งป่านมนี้หมอนั่นผมหมาถึง ชาไช้คงไปที่นั่นเพื่อที่จะขอให้คุณแม่หาฤกษ์ดีดีให้เขากับซูจิงแล้วล่ะ คุณอดใจรออีกหน่อยได้ไหมบางที่อาจเป็นวันพรุ่งนี้” เฉิงซีหยวนพูดในขณะที่อาบน้ำสะอาด และกำลังแต่งตัวกลิ่นสบู่หอมอ่อนกับน้ำยาโกนหนวดหากเป็นเมื่อก่อนหน้านั้นเหรินเหมยคงใจเต้นตึกตักแต่ตอนนี้มีเส้นบางๆ ที่กางกั้นไว้จนเหรินเหมยเองก็กลัวเฉิงซีหยวนเดินมาใกล้ๆ ก้มลงกดจมูกกับหน้าผาก กลิ่นสบู่ยอมผ่อนคลาย“คุณโกรธอีกแล้วหรือ” เหรินเหมยส่ายหน้ายิ้มบาง“ฉันกำลังคิดว่างานแต่งของเราควรเลื่อนไปก่อนในเมื่อ ในเมื่อจูดี้…ฉันหมายถึงเรื่องของจูดี้ยังทำให้ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรที่หนักอึ้ง“คุณจะว่าอะไรไหมหากผมจะพาคุณไปที่บ้านคุณหมอฟานเราจะคุยเรื่องี้กับจูดี้กับข้อเสนอหลายๆ อย่างจนกว่าจูดี้จะพอใจ” เหรินเหมยถอนกายใจ“แล้วถ้าสิ่งที่จูดี้ต้องการก็คือการที่ ได้เป็นภรรยาของคุณเพียงคนเดียวหรือต้องการให้คุณใช้ชีวิตแบบสามีภรรยาเล่าคุณจะทำอย่างไร” เฉิงซีหยวนยิ้มรวบร่างเล็กมากอดไว้“ผมก็จะกอดคุณแบบนี้จูบคุณแบบนี้” ก้มลงจูบเหริยนเหมยอย่างกับคนที่หิวกระหายไ
“ผมป้องกันทุกครั้งที่มีอะไรกับจูดี้ และมันแค่สองครั้งสองครั้งจริงๆ” น้ำเสียงหนักแน่นหากแต่ไม่มั่นใจ มีครั้งหนึ่งที่จูดี้มาพร้อมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์และเขากับจูดี้ก็ดื่มจนเมาทั้งคู่ คืนนั้นจึงเป็นคืนที่สนุกสุดเหวี้ยง“ผมเชื่อ” คุณหมอฟานพูดเร็ว ราบเรียบแต่หนักแน่น “ผมรู้จักลูกตัวเองดีพอ จูดี้... ผมตามใจเธอมาตลอด” หยุดคำพูดไว้ตรงนั้นทั้งที่อยากจะพูดว่า ผมให้เธอเรียนหมอ ให้เธอเลือกเส้นทางและเธอก็เดินทางเดียวกับที่ผมเดิน แต่ผมไม่คิดเลยว่าเธอจะทำอะไรแบบนี้สายตาของเขามองไปที่เหรินเหมย ราวกับจะขอโทษแทนลูกสาวของตน“ผมแค่อยากให้รู้ว่า...ถ้าเกิดอะไรขึ้น ผมจะรับผิดชอบเองทุกอย่าง ขอแค่อย่าปล่อยให้ความสุขของพวกคุณพังทลายเพราะใครคนเดียว”เฉิงซีหยวนลุกขึ้นมายืนข้างเหรินเหมยทันที แล้วกุมมือเธอไว้แน่น“ไม่มีใครพรากเราไปจากกันได้อีกแล้วครับคุณลุง... ผมขอสัญญา”เหรินเหมยหันไปสบตาสามี ดวงตาแดงระเรื่อด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง ในขณะที่คุณหมอฟานพยักหน้าเบาๆ“นั่นล่ะ...สิ่งที่ผมอยากได้ยินที่สุด แต่รู้ไหมจูดี้เองก็มีลูกของคุณในท้องซึ่งผมอยากจะมาเพื่อบอกและการันตีว่าจะดูแลเด็กในท้องของจูดี้ด้วยตัวเองแต่ในใจก็ย
ยามสายของวันใหม่ เสียงหัวเราะของเด็กๆ ดังแว่วลอดออกมาจากสวนหลังบ้านอันอันกับเชียวอู่กำลังเล่นวิ่งไล่จับกับเสี่ยวจี้และเสี่ยวหยูอย่างสนุกสนาน“คุณหนูทั้งสองคนวิ่งช้าๆ หน่อย” เสียงเสี่ยวจี้ดังมาแต่ไกล บ้านไม้สีอ่อนริมเนินเขาที่ล้อมรอบด้วยแสงแดดอ่อนและกลิ่นหอมของดอกไม้ป่า เฉิงซีหยวนนั่งมองอันอันหัวเราะคิกคัก ส่วน “เชียวอู่” กำลังปีนขึ้นหลังเหรินเหมยหนีการจับตัวจากเสี่ยจวจี้ อย่างสนุกสนาน“พรุ่งนี้ผมอยากชวนคุณกับลูกๆ ไปที่บ้านเฉิงเพื่อพบคุณแม่สักครั้งแล้วไม่นานท่านก็จะหาฤกษ์ดีดีให้เราสองคนเพื่อแต่งงาน” เหรินเหมยยิ้มก้มหน้าอายๆ“ไม่ต้องแต่งได้ไหม”“ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด จะต้องแต่งเพราะผมจะไม่ยอมให้ใครมาดูถูกคุณ”“จุนแม่ฮับ ผมจะขี่หลังเป็นม้าละนะ” เชียวอู่ที่กระโดดขึ้นไปบนหลังของเหรินเหมยตะโกนดังๆ“ถ้าตกลงมานี่ม้าจะไม่รับผิดชอบเลยนะเจ้าคะ” เหรินเหมยหัวเราะ พลางหันไปยิ้มกับเฉิงซีหยวนเฉิงซีหยวนยิ้มบางๆ เดินเข้ามาจูบที่หน้าผากเชียวอู่“ลงมาได้แล้วครับ” อุ้มเชียวอู่ไว้กับอ้อมแขนเสียงรถยนต์คันหนึ่งขับเข้ามาจอดหน้าบ้าน ชายวัยกลางคนในเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงผ้าลินินเบาสบายก็เปิดประตูลงมา ใบหน้าค
ในห้องที่มืดสนิท มีเพียงแสงจากโคมข้างเตียงส่องกระทบใบหน้าที่แสดงให้เห้นว่าดีใจอย่างที่สุดของจูดี้ ขณะที่เธอจ้องที่แถบขีดสีแดงสองเส้นบนแท่งตรวจครรภ์ในมือ หัวใจเต้นโครมคราม ริมฝีปากสั่นระริกก่อนจะค่อย ๆ ยกยิ้ม… ยิ้มที่มีทั้งความหวาดหวั่นและดีใจเจืออยู่ในคราวเดียวกัน“ในที่สุด… ฉันก็ทำได้…” เธอพึมพำกับตัวเองเบาๆ คิดไม่ถึงว่าทุกอย่างจะง่ายดายขนาดนี้ดวงตาเปล่งประกายแปลกประหลาด ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะที่หน้าท้องของตัวเองอย่างแผ่วเบา“ลูกของเขา… ลูกของ เฉิงซีหยวน เลือดเนื้อเชื้อไขของอวิ๋นเฉิง”เธอกัดริมฝีปากแน่น ก่อนหันไปหยิบแฟ้มเอกสารที่ซ่อนไว้ใต้ลิ้นชัก โต๊ะข้างเตียง บรรจุผลแล็บที่แอบทำไว้ ใบรับรองการใช้สเปิร์มจากคลินิกในช่วงเวลาที่เฉิงซีหยวนมอบไว้เพื่อฝากอุ้มบุญ ได้มาง่ายดายเพราะเข้าออกโรงพยาบาลBBBได้ง่ายดาย“ถ้าฉันไม่พูด… ไม่มีใครรู้อย่างนั้นก็ทำลายมันเสียก็แค่อ้างว่าวันนั้นซีหยวนเมามากพอนอนกับฉันเลยแตกในดีไหมนะ ไม่สิลืมสวมถุงฮะฮะฮ่าาาา” ใบหน้าสวยเฉียวพูดด้วยท่าทีมั่นหน้าเหลือเกิน “ดูสิว่าฉันมีลูกของเขาในท้องลูกที่ไม่ได้ผสมเทียมไม่ได้ฝากไข่แต่เป็นการเย้กันจริงๆ เขาจะทำหน้าอย่างไร แล้วก็
เสียงกองไฟในเตาผิงแตกดังเปาะแปะ กลิ่นขนมปังที่เหรินเหมยอบไว้ยังอุ่นกรุ่นบนโต๊ะ เด็กแฝดสองคนในชุดนอนตัวโตกำลังนั่งวาดรูปอยู่บนพรมสีขาวสะอาดกลางห้องอันอันเงยหน้าขึ้นเมื่อเห็นเฉิงซีหยวนเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ มือใหญ่ของเขาลูบผมลูกสาวตัวน้อยที่บรรจงแต่งแต้มสัสันลงบนภาพวาด เบา ๆ“จุนพ่อ…คะนี่คือพ่อกับแม่ กับอันอันกับเชียวอู่ พวกเราอยู่ด้วยกัน…” เธอกะพริบตาปริบ ๆ ยิ้มแก้มป่อง แล้วชี้ภาพวาดที่เธอระบายสี เชียวอู่ชะโงกหน้ามามอง“พี่อันอันเก่งจังเลยครับวาดรูปให้เราอยู่ด้วยกันได้ด้วย”“เพราะว่าอันอันกับเชียวอู่อยากให้พวกเราอยู่ด้วยกัน”เฉิงซีหยวนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มแล้วโน้มตัวลงกอดทั้งสองวาดไว้แนบอก“ต่อไปนี้... พ่อจะอยู่ตรงนี้กับพวกหนูตลอดไป”เชียวอู่ กอดจากอีกด้าน มือเล็ก ๆ ดึงเสื้อของเขาแน่น “สัญญานะครับ…จุนพ่อ”“พ่อสัญญาเลย” เขาพยักหน้า แล้วหันไปมอง เหรินเหมย ที่ยืนพิงประตูอยู่อย่างเงียบ ๆสายตาทั้งสองมองสบกัน เฉิงซีหยวนลุกขึ้นเดินไปหาเธออย่างช้า ๆ แล้วจับมือเธอไว้“ผมขอโทษ…ที่เคยปล่อยมือคุณไป และครั้งนี้…ผมจะไม่มีวันปล่อยอีก”เหรินเหมยพยายามกลั้นน้ำตา แต่สุดท้ายก็ยิ้มออกมา ดวงตาเปล่งป
เสียงเครื่องยนต์ดับลงหน้าบ้านไม้หลังเล็กกลางหุบเขา เหรินเหมย ที่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่เงยหน้าขึ้น เห็นรถของเฉิงซีหยวนที่คุ้นตา แต่กลับเปิดประตูออกมาเป็น ชาไช้ กับ ซูจิงเธอชะงัก มือที่จับสายยางสั่นเล็กน้อย ในมเื่อเหรินเมหยคิดว่าตัวเองทำผิดกับซูจิงที่แอบมาอยู่ที่นี่กับเฉิงซีหยวนทั้งๆ ที่ซูจิงดีกับเหรินเหมยขนาดนั้นเฉิงซีหยวนเดินออกมาตามเสียงรถ หยุดลงข้างเหรินเหมย เขามองเห็นทั้งสองที่เดินเข้ามา ไม่มีถ้อยคำทักทาย ไม่มีคำอธิบาย มีเพียงสายตาของทั้งสี่ที่สื่อสารกันอย่างเงียบงัน“ขอโทษที่มารบกวน” ซูจิงเอ่ยเสียงเบา แววตาซ่อนความสั่นไหว แม้จะบอกว่าไมไ่ด้รุ้สึกอะไรกับพี่เขยอย่างเฉิงซีหยวนแต่กลับรู้สึกว่าเขามองว่าซูจิงโง่“นายกับซูจิงไม่สิสองคนมาด้วยกันได้อย่างไร” เฉิงซีหยวนถามตรง สีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์เขาไม่มีทางหวั่นเกรงอะไรเพราะตอนนี้คนที่เขาจะต้องปกป้องคือเหรินเหมยกับลูกถ้าหากว่าซูจิงจะไม่พอใจที่เหรินเหมยกับเขาอยู่ด้วยกันเหมือนกับซูจิงถูกหักหลังและชาไช้จะโกรธเขา ที่แอบเอาเหรินเหมยมากกที่นี่“เพราะผมอยากจะคุยกับพี่ให้เข้าใจ” ซูจิงเหลือบตามองเหรินเหมย “กับเธอ…ด้วย เหรินเหมย” ชาไช้พูดตรงๆเหริ
ห้องพักในรีสอร์ตเสียงฝนพรำกระทบกระจกหน้าต่างไม่ช่วยให้หัวใจของ ซูจิง สงบลงได้เลย เธอยืนพิงขอบหน้าต่าง มองออกไปยังคลื่นที่ซัดสาดไปที่ทะเล ร่างในเสื้อยืดบางมองเห็นทรวดทรงชัดเจน แววตาเต็มไปด้วยความสับสนชาไช้ เดินออกมาจากห้องน้ำเช็ดผม เขามองซูจิงเงียบ ๆ ก่อนจะวางผ้าลงบนเก้าอี้ “คุณ ยังไม่นอนหรือ คุณหลับได้เลยนะกว่าเราจะกลับก็คงเย็นๆ”“พรุ่งนี้ฉันต้องไปเจอคุณแม่…เสียที เราสองคนหนีความจริงไม่พ้น” เสียงซูจิงแผ่วเบา …ต้องไปเจอคุณแม่อยู่ดีจะช้าหรือเร็ว…” ชาไช้ยิ้มอ่อนโยนเดินเข้าไปใกล้ ชะงักเล็กน้อยแล้วถอนหายใจก่อนจะเอื้อมมือแตะไหล่เธอ “ผมสัญญา จะไปเผชิญปัญหาด้วยกันกับคุณ ไม่ต้องกลัว”“กลัว?” ซูจิงหันมามองเขา ดวงตาสั่นไหว “ไม่ใช่แค่กลัว… แต่ฉันไม่รู้จะพูดยังไงด้วยซ้ำ ฉันทำลายทุกอย่างเองกับมือ... ทั้งงานแต่ง... ทั้งชื่อเสียงของพ่อแม่... และ คุณแม่คาดหวังในตัวฉันมาก มากจนฉันไม่กล้าที่จะทำให้คุณแม่ผิดหวัง”"พี่ซีหยวนไม่ใช่คนที่ปล่อยอะไรไว้ค้างคา" ชาไช้พูดเสียงขรึม “เขาจะต้องพูดอะไรออกมาแน่ๆ และเรา... ต้องยอมรับมัน ไม่สิผมจะยอมรับผิดเพียงคนเดียวคุณไม่ต้องพูดอะไรทุกอย่างเป็นความผิดของผม”ซูจิง
ห้องนอนที่เงียบงันบนเตียงนั้นมีเพียงเสียงลมหายใจ...เฉิงซีหยวนที่ไม่ปล่อยให้เวลาเสียไปโดยเปล่าประโยชน์เด็กแฝดสองคนอยู่ที่ดรงเรียนสินะและในเมื่อเหรินเหมยไม่ได้ปฏิเสธความรักจากเขา เขาจัดการร่างอุ่นใต้ร่างเขาจนอยู่หมัดในผ้าห่มสีอ่อน เหรินเหมยนอนหอบหายใจ หยาดเหงื่อเกาะเรียวคอ เสื้อคลุมหลุดลุ่ยจนเห็นผิวเนียนละเอียดแทบทั้งแผ่นหลัง“หยุด… พอแล้ว…ได้โปรด” เสียงเธอแผ่วเบาราวกับฝนที่กระทบหน้าต่าง “ฉันกำลังจะตายฉัน….ฉัน”เฉิงซีหยวนที่โน้มตัวคร่อมเธออยู่ยกยิ้มบาง จูบริมหน้าผากที่ชื้นเหงื่อของเธออย่างแผ่วเบา ก่อนจะกระซิบชิดหู“แค่นอนเฉยๆ ... ปล่อยให้ผมได้แสดงความรักกับคุณก็พอ”มือของเขายังลูบไล้เบา ๆ ไปที่เอวเปลือยคอดกิ่ว สัมผัสของเขาราวกับรู้ว่าตรงไหนที่เธออ่อนไหวที่สุดกดเอวลงซ้ำๆ จังหวะของเขานุ่มนวล แต่แน่วแน่… และเต็มไปด้วยความเย้ายวนจนเหรินเหมยหมดเรี่ยวแรงจะต่อต้านขัดขืนทำไมเก่งจังทำไมเขาทำได้เก่งขนาดนี้เหรินเหมยเบนหน้าหนี ริมฝีปากพ่นลมหายใจหอบเหนื่อย เธออยากจะพูดอะไรบางอย่าง... แต่ไม่ทันได้เปล่งเสียง ริมฝีปากของเขาก็กดทับลงมาอีกแล้วจูบนั้นทั้งหนักแน่นและลึกซึ้ง... เขาบอกรักเธอด้วยการจูบ