“ขอจูบให้ชื่นใจหน่อยไม่ได้หรือไง หือ..นะขอจูบทีนึงนะ”
“ไม่ต้องเลย บอกมาก่อนว่าคุณจะทำยังไงต่อไป”
“ใจร้อนจังแฮะ งั้น..เรามาแต่งงานกันเลยดีไหม เรื่องทุกอย่างมันก็จะง่ายขึ้น ว่าไง?” อะไรนะ เขาพูดง่าย ๆ อย่างนี้ออกมาได้ยังไง แถมยังทำราวกับว่ามันเป็นเรื่องง่ายไปเสียอย่างนั้น หล่อนไม่เข้าใจเขาเลยจริง ๆ
ฝ่ายชายหนุ่มถึงแม้ว่าประโยคที่พูดออกมาเมื่อครู่จะเป็นเพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบ แต่เมื่อมานึก ๆ ดูก็ดีเหมือนกัน นั่นเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะบีบบังคับให้หล่อนยอมรับเขาง่ายขึ้น บัดนี้เขาคิดได้แล้วว่าได้เดินหมากถูกทางแล้ว จับหล่อนคลุมถุงชนเสียเลย ถ้าหากว่าไม่ยอมง่าย ๆ ก็ยังมีท่านปู่ของเขาที่คอยหนุนหลังอีก นั่นยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ ชายหนุ่มเผลอยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ เมื่อนึกถึงหนทางแห่งชัยชนะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนอย่างเขาจะต้องมาคอยคิดแผนตลบหลังรวบรัดผู้หญิงตัวเล็ก ๆ และแสนจะธรรมดาคนนี้ได้เลย แต่มันก็เป็นไปแล้ว
“หา! แต่ง..แต่งงาน คุณ! นี่น่ะหรือ? การรับผิดชอบของคุณ! คนเห็นแก่ตัว ปล่อยนะ..ฉันจะไม่ยอมทำตามคนที่เห็นแก่ตัว
“หลังกลับมาจากห้องผ่าตัดคนไข้บ่นปวดแผล เลยให้ Pethidine 50 mg 1 Amp. ไปค่ะ เช้านี้คุณหมอยูอิจิยังไม่เข้ามาเยี่ยมคนไข้เลยค่ะ” ยูอิจิ เป็นหมอผู้เชี่ยวชาญทางด้านศัลยกรรมประสาทวิทยา หรือที่เรียกกันว่า ศัลยแพทย์ ถ้าหากว่ามีเคสที่จะต้องผ่าตัดทางด้านสมอง หรือเส้นประสาท ยูอิจิเป็นหมอที่ถูก Consult มากที่สุด ยูอิจิเป็นหมอรุ่นใหม่ ที่มีความแม่นยำในการผ่าตัด สุขุม รอบคอบ กอรปกับบุคลิกที่มีความน่าเกรงขาม และน่าเชื่อถือ จึงพลอยทำให้เขาเป็นหมอที่ได้รับความชื่นชมจากบรรดากลุ่มแพทย์ด้วยกัน รวมทั้งเหล่าพยาบาลเกือบทั้งโรงพยาบาลก็ว่าได้' เอ๊ะ! แปลก? ปกติยูอิจิ จะเข้ามาเยี่ยมคนไข้ ก่อนหมอเจ้าของไข้อย่างเราด้วยซ้ำนี่นา.. เขาไปไหนของเขานะ' ฮานะรู้สึกแปลกใจขึ้นมาตงิดๆ เมื่อได้รับรายงานจากพยาบาลสาวว่า ยูอิจิยังไม่เข้ามาเยี่ยมคนไข้ที่เขาผ่าตัด ซึ่งก็แปลกกว่าทุกครั้ง เพราะยูอิจิเป็นหมอที่มีความรับผิดชอบสูง เป็นห่วงเป็นใยคนไข้ทุกราย แม้ว่าตัวเขาเองจะไม่ได้เป็นเจ้าของไข้ก็ตามทีกริ๊ง กริ๊ง..“ฮัลโหล..ค่ะ..อยู่ค่ะ..ค่ะท่าน” เสียงโทรศัพท์ดังติดกันสองครั้
เป็นเขาจริง ๆ ด้วย อีตาฝรั่งเน่า ฝรั่งหน้าดุคนนั้นจริง ๆ เขามาเป็นผู้บริหารที่นี่ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แถมยังใช้สิทธิ์นั้นมาดึงหล่อนให้ไปไกลถึงแถบตะวันออกกลางอีก ฮานะอ้าปากค้างเล็กน้อย ดวงตาเรียวสวยตวัดมองมาทางด้านชายหนุ่มผมทอง รูปร่างสูงหนาข้างกาย ตกใจสุดขีดเมื่อได้ประสานสายตากับอีกฝ่าย ดูเหมือนว่าเขาคงมองมายังหล่อนอยู่ก่อนแล้วเช่นกัน นัยน์ตาคมดุ จ้องนิ่งมายังดวงหน้าสวยหวานอย่างหมายมาด ฮานะสังเกตเห็นมุมปากบางเฉียบของเขากระตุกนิดหนึ่งคล้ายเยาะหยัน ตาต่อตาประสานกันแน่วนิ่ง หมอสาวเม้มปากเข้าหากันอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี มือเรียวที่วางอยู่แถว ๆ หน้าขาขยุ้มเสื้อกาวน์สีขาวสะอาดตาเข้าหากันแน่น รู้สึกกรุ่นโกรธในใจเหลือล้น ' ยังไม่พอใจอีกหรือ?อีตาฝรั่งเน่า มาขโมยจูบหล่อนอย่างจาบจ้วงเมื่อคืนที่ผ่านมายังไม่หนำใจอีกหรือ คนบ้า!'“ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการครับ คุณหมอฮานะ” โฮเวิ์รดยื่นมือขาวสะอาดไปตรงหน้า พลางส่งยิ้มอย่างผู้มีชัยไปให้หญิงสาว เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้บริหารระดับสูงอย่างนี้แล้ว ฮานะจึงจำต้องยื่นมือที่ออกจะชุ่มเหงื่อไปสัมผัสกับมือหนาใหญ่แบบเสีย
“ใครบอกคุณกันล่ะ ว่าผมแกล้ง ก็แค่อยากทำความรู้จักกันให้มากขึ้นเท่านั้น เพราะไหน ๆ เราก็ต้องเดินทางไปที่โน่นด้วยกันอยู่แล้ว” ชายหนุ่มก้มลงมาพูดจนชิดกับใบหน้าสวย นวลเนียน พลางแสยะยิ้มอย่างร้ายกาจ ชอบใจนักที่คนในอ้อมแขนเขาแสดงความกลัว ออกมาจนตัวสั่น“นี่คุณ เลิกทำแบบนี้กับฉันสักทีจะได้ไหม! ฉันไม่ได้เป็นสาวไฮโซ ไส้แห้งที่คอยตามล่าผู้ชายรวย ๆ อย่างที่คุณเข้าใจหรอกนะ ฉันมีงานมีการทำ คุณก็เห็น ปล่อยฉันได้แล้ว”“รู้แล้ว แต่จะบอกให้นะ คุณหมอคนเก่ง ว่าคนอย่างผม ไม่เคยมีใครปฏิเสธได้ และตัวผมเองก็ไม่ชอบให้ใครปฏิเสธด้วยเช่นกัน เมื่ออยากได้ แล้วต้องได้อย่างที่ผมต้องการทุกอย่าง แม้กระทั่ง..” ฮานะเงยหน้ามองใบหน้าคมคายหล่อเข้มของอีกฝ่ายอย่างงง ๆ เป็นจังหวะเดียวกับ ที่ใบหน้าหล่อเหลานั้น ก้มลงมาพอดิบพอดี หญิงสาวรู้สึกหายใจติด ๆ ขัด ๆ ไปเสียไม่ได้ ใบหน้าของเขาโน้มเข้ามาใกล้ จนลมหายใจอุ่น ๆ รินรดกัน แทบจะสัมผัสได้“ฉันไม่..” ฮานะไม่ทันที่จะปฏิเสธอะไรออกไป ริมฝีปากบางเฉียบของเขาก็ทาบลงมาปิดปากหล่อนเสียก่อน หญิงสาวพยายามที่จะดิ้นรนและขยั
ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ดูใหญ่โต หรูหรา มีร้านค้าหลากหลายชนิด ซึ่งล้วนแล้วแต่ มีสินค้าของแบรนด์ดัง ๆ แทบทั้งนั้น ถ้าให้หล่อนมาคนเดียวคงไม่กล้า แม้จะย่างกรายเข้าประตูหรอก ให้ไปหาซื้อสินค้าตามตลาดนัดเสียยังจะดีกว่า“อุ๊ย! ขะ..ขอโทษค่ะ” หญิงสาวเผลออุทานออกมาเป็นภาษาบ้านเกิด เมื่อจู่ ๆ ก็ เดินชนคนที่อยู่ด้านหน้าเต็ม ๆ เพราะมัวแต่มองรอบ ๆ จนตาลาย ไม่ทันได้มองคนตรงหน้าว่ามีใครเดินอยู่“เหม่ออะไรของเธออยู่ฮะ..สาวน้อย” เป็นเขานั่นเองตกใจหมดเลย น้ำรินถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เงยหน้าขึ้นไปสบตากับดวงตาดำใหญ่ หากรีบกลบเกลื่อนสีหน้าให้เป็นปกติแทบจะทันทีเมื่อได้สบตากับแววตาล้อเลียนของเขาเข้า“หึ ๆ ทำอย่างกับว่า ไม่เคยมาห้างฯ อย่างนั้นล่ะ ที่เมืองไทยก็มีห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ เยอะแยะนี่ ไม่เคยไปเลยหรือ?” อย่าตอกย้ำได้ไหม ก็แล้วทำไมหรือ? คนอย่างหล่อนจะไม่ค่อยได้เดินห้างฯใหญ่ ๆ เหมือนกับคนอื่นเขามันผิดตรงไหน? หล่อนใช้เงินทุกบาททุกสตางค์อย่างคุ้มค่า จะเข้าห้างฯ ก็ต่อเมื่อต้องไปซื้อของใช้จำเป็นเท่านั้น ถ้าให้พูดกันตามตรงแล้วการใช้
แล้วอย่ามาหาว่าฉันโลภมากทีหลังล่ะพ่อเทพบุตร ฮิโรยูกิกำมือที่ออกจะชื้นเหงื่อของหล่อนแน่น พาดูโน่นดูนี่อย่างสบายอารมณ์ ไม่แคร์ต่อสายตาที่มองมาอย่างอยากรู้อยากเห็น แกมแปลกใจกันเป็นทิวแถว“ตื่นเต้นมากเลยหรือ? ขอโทษนะ ที่ทำให้เธอต้องทำตัวลำบาก แต่อีกหน่อย ก็จะชินไปเอง มือฉันชื้นไปด้วยเหงื่อของเธอหมดแล้ว เรานั่งพักตรงนี้ก่อนเดี๋ยวจะเช็ดมือให้” ร่างสูงจูงมือหล่อนมานั่งยังม้านั่งที่ทางห้างฯ เขาจัดไว้ให้มือใหญ่หยิบผ้าเช็ดหน้าสีเทาลายขวางบรรจงเช็ดมือเล็กของหล่อนอย่างทะนุถนอม การกระทำทุก ๆ อย่างของเขาช่างประทับใจหล่อนเหลือเกิน ความอ่อนโยน ความเอาใจใส่กับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่นึกเลยว่าคนอย่างเขาจะทำตัวเป็นคนโรแมนติคเป็นด้วย ทำเอาน้ำรินแทบอยากจะโผเข้าไปกอด และเอ่ยปากบอกรักเขาเสียเดี๋ยวนั้น“เอาล่ะ แห้งแล้ว..ต่อไปนี้ฉันจะกุมมือเธอไม่ปล่อยเลยล่ะ” ใบหน้าหล่อเหลา คมเข้ม เงยหน้าขึ้นมามองหล่อน มือใหญ่อีกข้างยกขึ้นมาลูบที่ศีรษะหล่อน เหมือนผู้ใหญ่ลูบหัวเด็กอย่างเอ็นดู แถมยังยิ้มให้อย่างอ่อนโยน โอ..ยิ้มของเขาช่างสร้างความปั่นป่วน จนหล่อนแทบจะร้องไห้ออกมาเลยทีเดียว ย
กลิ่นผ้าใหม่ บวกกับการหันหน้าหันหลังจนหัวหมุนทำเอาร่างเล็กแทบล้มพับลงต่อหน้าเขาเมื่อลองชุดเดรสสีขาวอ่อน ระบายด้วยลูกไม้ทั่วทั้งตัว ชุดนี้สามารถขับผิวหล่อนให้ดูโดดเด่น น่ารักน่ามองไปทั่วทั้งตัว ผมที่ถูกผูกไว้เป็นหางม้าหลวม ๆ เมื่อเช้า บัดนี้ถูกปล่อยให้สยายเต็มแผ่นหลัง และบ่าไหล่ ใบหน้าที่สดใสไร้ที่ติแดงอยู่แล้วโดยไม่ต้องบอกก็รู้ว่าแดงเพราะอะไร ฮิโรยูกิจ้องมองร่างเล็ก สมส่วนตรงหน้าอย่างตะลึงงัน ในความน่ารัก สดใส ที่เปล่งประกายออกมาอย่างเป็นธรรมชาติของหล่อน แก้มถูกแตะแต้มด้วยสีแดงระเรื่อ จนเป็นสีขาวอมชมพูช่างน่ารักน่าใคร่นัก นี่ถ้าหากว่าอยู่ในที่ ที่เป็นส่วนตัวล่ะก็ เขาจะกระชากร่างเล็กนั่นเข้ามากอดและก็จูบให้หนำใจเลยล่ะ น้ำรินขาแทบขวิด เมื่อออกมายืนต่อหน้าชายหนุ่มที่มองมาด้วยสายตา ชื่นชมอย่างออกนอกหน้า แววตาหวานเยิ้มนั้นทำให้หญิงสาวอดคิดตามไม่ได้ ว่าเขาต้องการอะไรในตอนนี้ ซึ่งก็ตรงเผงกับความคิดของเขาเลยล่ะ โชคดีที่ตรงนี้ ไม่ได้เป็นที่รโหฐาน ไม่อย่างนั้นล่ะก็.. อื้ย..ไม่อยากจะคิด แต่ก่อนอื่น ขอหยิบผ้าคลุมไหล่สีชมพูอ่อนนวลตามาพันรอบคอ เพื่อปิดทับร่องรอยที่คนลา
“พอได้แล้วคะ ฉันไม่เห็นคุณซื้ออะไรบ้างเลย ไหนคุณบอกว่าจะเข้ามาซื้ออะไรบางอย่างไม่ใช่หรือคะ?” หญิงสาวเอียงหน้าถามคนตัวสูงที่เข็นรถอย่างสบายอารมณ์ ไม่เห็นว่าเขาจะสนใจอะไรเป็นพิเศษ อย่างที่บอกตั้งแต่แรกแล้วว่าอยากได้อะไรบางอย่าง“อืมม์..ก็ยังไม่เห็นร้านที่ว่าเลยนี่นา” ร่างสูงยืดอกเต็มความสูง พลางใช้สายตามองไปโดยรอบห้างฯ ก่อนจะตอบออกมาอย่างลิงโลด แววตายินดีเหมือนเด็กที่เจอของถูกใจยังไงยังงั้น“อ๊ะ! นั่นไงล่ะ! สิ่งที่อยากได้ไปกันเถอะ” หญิงสาวออกจะงงไปสักนิด เมื่อจู่ ๆ เขาก็แสดงความดีใจออกมาทางสีหน้า ราวกับเจอขุมทรัพย์ก็ไม่ปาน ร่างสูงเข็นรถเข็นเดินนำลิ่ว ๆ ไปยังจุดหมายที่เขาจ้องไว้แล้ว ไม่วายหันมากระชับข้อมือเล็กให้เดินตามเขาไปอย่างรีบเร่ง“อุ๊ย! คุณ ฉันเดินเองได้ไม่หลงหรอกน่า คุณเข็นรถมือเดียวแบบนั้นเดี๋ยวก็ได้แขนหลุดกันพอดี”“ทำไม? เป็นห่วงหรือ? ฉันไม่กลัวหรอกนะว่าแขนจะหลุดหรือไม่ เพราะยังไงก็มีพยาบาลอยู่ข้างกายแล้ว ถ้าหากเมื่อยเธอก็ต้องนวดให้ฉัน เข้าใจไหมสาวน้อย แล้วอีกอย่างฉันสัญญาแล้วยังไงล่ะ ว่าจะไม่ปล
“บ้าน่ะสิ! ไม่พูดด้วยแล้ว คนลามก ทะลึ่งจริง ๆ เลย”“อะ..อะไรนะ? ว่าอะไรนะทะ..ท้ารุ่งหรือ? รู้สึกว่าคำนี้ไม่เคยได้ยินนะ เฮ้! เดี๋ยวก่อนสิคนสวยรอด้วย”“อ่ะ..หมายเลขหนึ่ง คือเบอร์ของฉันจำเอาไว้นะ ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกดหมายเลขนี้ ฉันจะไปหาเธอทันที”“คะ?!” น้ำรินยังงุนงงไม่หาย เมื่อจู่ ๆ มือใหญ่ก็หยิบเจ้าโทรศัพท์ที่เพิ่งซื้อมาใหม่ ๆ หมาด ๆ ส่งให้หล่อน แถมยังกดบันทึกเบอร์ของตัวเองลงในเครื่องเฉยเลย คล้อยหลังจากที่ทั้งสองได้กลับเข้ามาอยู่ในรถหรูเรียบร้อยแล้ว“รับไปสิ ก็..เห็นว่า ยังไม่มีโทรศัพท์นี่ แล้วอีกอย่างเธอจะได้ไม่ต้องไปเที่ยวขอยืมคนอื่นให้ยุ่งยากอีกไง และที่สำคัญ ห้าม! โทรหาผู้ชายอื่นเด็ดขาด!เพราะฉันขี้หึงสุด ๆ เลยนะจะบอกให้!”“พรึด!” หญิงสาวกลั้นยิ้มไว้แทบไม่ไหว จนต้องหลุดเสียงขำออกมาจนได้ เอามือมาปิดปากแทบไม่ทัน เขินก็เขิน พลางยื่นมือไปรับเจ้าเครื่องมือสื่อสารด้วยมืออันสั่นเทา เพราะกลั้นหัวเราะ พร้อมกับส่งยิ้มใส ๆ แบบจริงใจให้อีกฝ่ายเป็นครั้งแรก เพื่อแสดงความขอบคุณ&ldqu
การกระทำของทั้งสองได้เรียกน้ำตาให้กับคนที่พบเห็น บริเวณห้องฉุกเฉินได้เป็นอย่างดี ชั่ววินาทีนั้นราวกับว่าได้หยุดทุกสิ่งทุกอย่างให้หยุดอยู่กับที่ ไม่เว้นแม้แต่ผู้ป่วยที่ร้องโอดโอย เพราะความเจ็บปวดจากบาดแผลบริเวณหน้าขา เพิ่งถูกเข็นผ่านเข้ามาภายใน ต้องหยุดชะงักงันไปชั่วขณะ เหลือบมองมายังคู่หนุ่มสาวทั้งสองด้วยความงุนงงสงสัย ลืมความเจ็บปวดเมื่อครู่ไปเลยทีเดียว ทางด้านผู้สูงอายุทั้งสาม ถึงกับอึ้งไปกับการกระทำของทั้งสองหนุ่มสาว ความรู้สึกตื้นตัน และเห็นความตั้งใจจริงของทั้งสอง แสดงให้รู้ว่าพวกเขารักกันมากมายขนาดไหน ฝ่ายชายถึงกับสามารถตัดขาดจากสมบัติและวงศ์ตระกูลได้เลย เพื่อแลกกับการได้ครองรักกับหญิงสาวร่างเล็กบอบบางข้างกาย ลี ฮาซันถึงกับหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับที่หางตา มองไปทางด้านผู้เป็นสามีคล้องวงแขนเข้ากับลำแขนของอีกฝ่ายซุกหน้ากับอกของสามี ด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ ทางด้านลี จางชีก็มีอาการไม่ต่างจากกันนัก จึงแตะที่แขนของภรรยาอย่างปลอบประโลม ชายชราหนึ่งเดียวนั้นก็ไม่ได้มีอาการแตกต่างจากคนอื่นเท่าใดนัก ร่างที่ค่อนข้างค้อมเล็กน้อย ไขว้มือที่เหี่ยวย่นไว้ด้านหลังข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างวางอยู่บน
น้ำรินพยายามลืมตาตื่น รู้สึกมึนงงไปหมด อาการคลื่นไส้ จะเป็นลม หายเป็นปลิดทิ้งหลังจากที่ได้ให้น้ำเกลือ และนอนพักเต็มอิ่มแล้ว ดวงตาที่เปียกชื้นไปด้วยน้ำอุ่น ๆ เค็ม ๆ ถูกเช็ดออกจากดวงหน้าด้วยนิ้วเรียวใหญ่อย่างเบามือของผู้เป็นสามี“ตื่นแล้วหรือ? เป็นไงบ้าง? ยังเวียนหัวอยู่หรือเปล่า?” คำถามรัวถี่ติด ๆ กันจนคนถูกถามแทบตอบไม่ทัน จึงได้แต่ส่ายศีรษะไปมาเบา ๆ เพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ หล่อนไม่อยากให้เขาเป็นกังวลมากนัก“ไอ้หมอหัวล้านกับเจ้ายูมันให้เธอกลับบ้านได้ แต่ฉันว่าเธอยังไม่แข็งแรงดีเลย ยังไงนอนพักดูอาการที่นี่สักคืนดีไหม” ผู้เป็นภรรยาส่ายหัวดิกเมื่อ ได้ยินผู้เป็นสามีบอกให้นอนพักที่นี่สักคืน“ไม่เอาค่ะ หายดีแล้ว ไม่เวียนหัว ไม่คลื่นไส้ ไม่มีอาการอะไรทั้งนั้นแล้ว ฉันหายดีแล้วจริง ๆ นะคะ” อยากจะบอกเหลือเกินว่า แค่ตื่นขึ้นมาแล้วได้เจอหน้าเขา มาอยู่ใกล้ ๆ อย่างนี้อาการต่าง ๆ ก็หายเป็นปลิดทิ้งทันทีเลยล่ะ“จริงนะ ห้ามโกหก เป็นพยาบาลอะไรไม่ชอบโรงพยาบาลเฮ้อ!” ชายหนุ่มชะโงกหน้า มองเสี้ยวหน้าภรรยาตัวน้อยด้วยความมันเขี้ยว มือใหญ่วางแปะที่ศีรษะเล็กนั้น เขย่าเบา ๆ อย่างเอ็นดู“กลับบ้านกันเถอะนะคะ” คนไข้ตัว
“ดี..แล้วก็เอาหัวล้าน ๆ ของไอ้หมอคนเมื่อกี้ออกไปห่างเมียกันหน่อยได้ไหม กันไม่ชอบขี้หน้ามันเลยว่ะ” ฮิโรยูกิหันมากระซิบข้างหูเพื่อนรักทันทีที่หันไปเห็นแพทย์คนเมื่อสักครู่ เดินเลี่ยงออกไปทางด้านซ้ายของเตียงคนไข้ นั่นก็เรียกรอยยิ้มให้ยูอิจิได้เป็นอย่างดี ขี้หึงจริง ๆ นะเพื่อนเรา แม้แต่หมอแก่ร่างท้วม กับหัวที่มีผมทางตอนหน้าเหลือน้อยไปหน่อยเท่านั้นเอง ไปหาว่าเขาหัวล้านซะนี่ ร้ายจริง ๆ“ออกไปก่อนเถอะเพื่อน ไม่ต้องห่วงทางนี้ กันจะช่วยดูให้อีกแรงหนึ่ง” คำยืนยันของยูอิจิ บอกว่าภรรยาของเขาไม่ได้เป็นอะไรมาก ทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ร่างสูงจึงยอมถอยห่างออกมาแต่ไม่ได้ไปไหนไกล เขายังคงปักหลักยืนอยู่ห่าง ๆ ในมุมห้องแคบนั้น พลางกอดอกมองแพทย์และพยาบาลตรวจร่างกายหล่อนเงียบ ๆ“ฮีโร่..ฮีโร่..ตื่นเถอะ”“อ๊ะ! ฮ๊ะ! ยู..เมียฉันล่ะเมียฉันเป็นไงบ้าง!” ร่างสูงผวาตกใจตื่น เมื่อได้ยินเสียงยูอิจิปลุกให้ตื่น เขาเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน“หึ..ตื่นขึ้นมาก็โวยวายเลยนะ คุณน้ำรินปลอดภัยแล้ว หมอให้น้ำเกลือ แล้วย้ายเธอไปนอนพักดูอาการที่ห้องข้าง ๆ โน่นแล้ว”“เหรอ? แล้วอยู่ไหนล่ะ?”“เดี๋ยวสิเพื่อน นี่นายไม่อ
“อือ ๆ ก็ว่าอย่างนั้นล่ะ” แล้วก็มีเสียงงึมงำจากคนรอบข้าง ที่บ่งบอกว่าเห็นด้วยกับความเห็นของเขา และนั่นก็ให้คุณคิม เซยอนชักสีหน้าอย่างไม่พอใจให้สามีทันที“เอาอย่างนี้สิ อะไรที่เป็นฝีมือของเธอ เราก็ชิมอันนั้นก็แล้วกัน..เรามาวัดกันที่รสชาติเป็นไง” และก็เป็นท่านปู่อีกตามเคยที่เอื้อมมือมาช่วยหล่อนไว้ ทำให้น้ำรินลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก การทดสอบเรื่องอาหารผ่านไปด้วยดี ผลที่ออกมาหล่อนได้คะแนนเกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ซึ่งนับว่าสูงมากเลยทีเดียว และสุดท้ายก็คือการชงชาที่ถูกต้อง ขณะที่กำลังนำถาดน้ำชาไปเสิร์ฟให้ผู้หลักผู้ใหญ่นั้นเอง วูบหนึ่งหล่อนรู้สึกหน้ามืด วิงเวียนจนแทบล้ม แต่ก็พยายามข่มใจไว้ พลางยืดอกขึ้นสูดลมหายใจเพื่อเอาออกซิเจนเข้าปอดลึก ๆ เฮือกหนึ่ง แต่จนแล้วจนรอดเรื่องที่หญิงสาวไม่ต้องการให้เกิดมันก็เกิดขึ้นจนได้“อุ๊บ! อ๊ะ!” เพล้ง! จู่ ๆ หญิงสาวก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน เมื่อกลิ่นของชาชั้นดีโชยมาแตะเข้าที่จมูก กลิ่นของมันทำให้แก๊สในกระเพาะอาหารปั่นป่วนจนวิ่งมาจุกอยู่ที่ลำคอ แทบอ้วกออกมา เท่านั้นเองโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว หล่อนเผลอยกมือขึ้นมาปิดปาก ทำให้น้ำหนักถูกเทไปที่มืออีก
สามวันแล้วสินะที่หล่อนโดนการทดสอบแบบเล็ก ๆ น้อย ๆ จากคุณอาหญิง วันแรกเธอให้หล่อนขัดถูเครื่องใช้โบราณที่อยู่ในครัว ทำอยู่เป็นวันกว่าจะเสร็จก็เล่นเอามือถลอกไปเลยทีเดียว ถัดมาอีกวันหนึ่งหล่อนถูกทดสอบการทำอาหารซึ่งหล่อนถนัดนักล่ะ ไม่ว่าเธอจะสั่งให้ทำอะไรหล่อนก็ทำมันออกมาได้เป็นอย่างดี และนั่นก็ทำให้คุณลี ฮาซัน เริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับหล่อนดีขึ้น วันนี้เธอช่วยสอนวิธีชงชาที่ถูกวิธีให้กับหล่อนอย่างละเอียดถี่ถ้วน ฮีจินมาเยี่ยมหล่อนเมื่อช่วงบ่าย ก่อนจะกลับหล่อนได้ยื่นของสิ่งหนึ่งมาให้ นั่นก็คือหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เกาหลีในแต่ละยุคสมัย คุณลีบอกว่าอีกสองวันจะมีการประชุมผู้อาวุโสของตระกูล ให้หล่อนเตรียมตัวให้พร้อม เมื่อถึงวันนั้นเธอบอกว่าจะคอยช่วยหล่อนอีกแรงหนึ่ง น้ำรินรู้สึกดีใจเหลือเกิน ที่สามารถเอาชนะใจคุณลี ฮาซันได้ เพียงแค่ระยะเวลาอันสั้น ส่วนคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้าน พ่อบ้านเก่าแก่ ต่างก็ให้ความเป็นกันเองกับหล่อนมากขึ้นผิดกับวันแรก ๆ ที่หล่อนมาถึงที่นี่ลิบลับ หญิงสาวกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้งในช่วงเย็น หลังจากร่วมรับประทานอาหารมื้อเย็นกับผู้ใหญ่เรียบร้อยแล้ว ร่างเล็กก้าวเข้าไป
ช่วงเดือนพฤษภาคมที่เกาหลีแลดูสดชื่นนัก ความสวยงามของดอกไม้ในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ พันธุ์ไม้ต่าง ๆ ผลิดอกบานสะพรั่งก่อนที่จะมีใบสีเขียวชอุ่มตามมา ไกด์จำเป็นอธิบายให้หล่อนฟังว่า ริมทางที่รถวิ่งผ่านมาส่วนมากจะเป็นต้นเมเปิลต้นอึนแฮง ( ต้นแป๊ะก๊วย) ต้นบอทือ ( ต้นหลิว) ต้นบอช ( ต้นซากุระ) ต้นชัน (คล้ายต้นสน) ส่วนที่อยู่บนเนินเขาจะมีดอกจิลดัลแล สีชมพูอมม่วง ดอกแคนารีสีเหลือง และดอกซากุระ หรือดอกชนามู สีขาวอมชมพู ต่างผลิดอกออกมาประชัน เปรียบเสมือนสีผ้าต่าง ๆ พืด ปูประดับประดาไว้อย่างสวยงาม ต้นไม้ที่ให้ร่มเงา ยืนเรียงรายริมถนนเริ่มผลิใบอ่อนบ้างแล้ว ตามกิ่งก้านจะมีนกเจบีตัวเล็ก ๆ สีดำส่งเสียงร้องอย่างร่าเริง รถคันจิ๋ววิ่งลัดเลาะผ่านภูเขาที่ดูคดเคี้ยว จากกรุงโซลออกมาแถวชานเมือง ได้สักพักใหญ่ ๆ คนขับกิตติมศักดิ์ของหล่อนก็หักพวงมาลัยเพื่อเลี้ยวขวาขึ้นไปบนเนินสูงเบื้องหน้า วิ่งผ่านรั้วกำแพงสูงใหญ่เข้าไปด้านใน ก่อนจะจอดนิ่งสนิทหน้าลานกว้าง น้ำรินก้าวลงจากรถพลางเหม่อ
“อืมม์ เก่งขึ้นทุกวันนะเราใครสอนกันนะ โอ๊ะ! หึ ๆ” พูดออกไปแล้วก็ต้องร้องครวญครางด้วยความเจ็บ เมื่อถูกกำปั้นน้อย ๆ ทุบที่หน้าอกทีหนึ่งจากคนตัวเล็กตรงหน้า แก้มแดงระเรื่อทำให้เขาอดใจไม่ไหว ช้อนร่างหล่อนอุ้มขึ้นมากระชับไว้ในวงแขนอันอบอุ่น ก่อนจะพามาวางลงบนที่นอนโดยมีร่างสูงหนาตามมาติด ๆ ลมหายใจรินรดกันจนแทบจะสัมผัสได้ ตาต่อตาประสานกันนิ่ง ชายหนุ่มแนบหน้าเข้ามาใกล้เกลือกจมูกโด่งสวยเป็นสัน กับแก้มเนียนอมชมพูสูดดมความหอมอย่างรักใคร่หลงใหล ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากจากมุมปากประกบไว้แนบแน่น มือหนึ่งช้อนไว้ที่ท้ายทอยของหล่อน ส่วนมืออีกข้างก็ทำการสำรวจร่างกาย ลูบไล้ไปทั่วก่อนจะสอดหายเข้าไปใต้เนื้อผ้า.. สักพักชุดนอนเนื้อผ้าบางเบาก็ถูกปลดออกจากร่าง เหลือไว้เพียงร่างขาวนวลเนียนกระจ่างตา“ยังเช้าอยู่เลยนะคะ” หญิงสาวจำต้องยกมือขึ้นแตะที่แขนของสามีเป็นเชิงเตือน เมื่อเห็นว่าผู้เป็นสามีจะไม่หยุดอยู่แค่นั้น“ไม่เห็นเป็นไรเลยเช้า ๆ นั่นแหละดี”“แต่ว่า..คุณต้องไปทำงาน”“อื้อ..อย่าดื้อน่า เมื่อกี้ยังเชื้อเชิญอยู่เลย นะ..ขอหน่อยนะที่รัก หลายวันแล้วนะที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันเลย อีกหน่อยเธอก็ต้องไปที่โซลแล้ว เมื่อถึ
แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทำให้มันสะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่น้อย สุดท้ายจึงใช้ส้นเท้ากระทืบลงที่หลังเท้าของมันเต็มแรง ก่อนจะก้มลงไปกัดที่มือหยาบหนาบริเวณที่มันโอบเหนือเอวหล่อนขึ้นมา เมื่อถูกฟันคม ๆ ของหล่อนกดลึกเข้าไปในผิวเนื้อจนมันรู้สึกเจ็บ ร้องจ๊ากออกมา จนสะบัดมือ สะบัดเท้าเร่า ๆ หญิงสาวมองเห็นความหวังที่จะรอดไปได้ขึ้นมารำไร จึงรีบสลัดตัวออกจากแขนใหญ่ล่ำ ที่พันธนาการหล่อนอยู่ทันที ก่อนจะก้มลงไปหยิบปืนที่หล่นอยู่แทบเท้าเมื่อครู่ด้วยมืออันสั่นเทา นิ้วชี้กระชับพร้อมที่จะเหนี่ยวไกเพื่อกระชากวิญญาณของพวกมันได้ทุกเมื่อ หญิงสาวอยู่ในท่าเตรียมพร้อมอย่างที่ร่ำเรียนมา ปลายกระบอกปืนส่ายสลับไปมา ระหว่างชายฉกรรจ์ที่ยึดตัวหล่อนและสามีไว้เมื่อครู่อย่างหมายมาด สถานการณ์กลับกลายไปเป็นอีกแบบหนึ่งทันที ฮิโรยูกิย่างสามขุมตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อของโทรุ ด้วยมือเพียงข้างเดียว ส่วนไอ้สองคนที่กำลังสาละวนอยู่กับการพันธนาการฮีจินอยู่ ชะงักงัน หนึ่งในนั้นพยายามที่จะงัดปืนออกมาจากเอวของมันแต่ถูกเสียงเข้มดุดัน ตะโกนสั่งออกมาเสียก่อน“ทิ้งปืนซะ! ถ้าไม่อยากให้เจ้านายของแกตาย แล้วก็แก้มัดเพื่อนฉัน
“ทำได้ดีมาก..ที่รัก” ฮิโรยูกิยังมีอารมณ์หันมาเอ่ยปากชมหล่อนทันทีที่ร่างเล็ก ๆ วิ่งเข้ามาหลบอยู่ข้างหลังเขา ความขุ่นมัว กรุ่นโกรธก่อนหน้านี้ค่อยผ่อนคลายลงไปได้นิดหนึ่ง เมื่อเห็นว่าหล่อนแก้เผ็ดไอ้คนที่กระทำการอันน่ารังเกียจกับหล่อนได้อย่างไม่น่าเชื่อไม่เสียแรงเลยที่เขาอุตส่าห์ให้หล่อนหัดเรียนรู้วิธีป้องกันตัว เมื่อสองสามเดือนที่ผ่านมาทั้ง ๆ ที่กลัวเหลือเกินว่าเนื้อตัวของหล่อนจะบอบช้ำจากการฝึกฝน แต่ดูเหมือนว่าภรรยาตัวน้อยของเขาจะติดใจการฝึกหัดทุกรูปแบบเสียจนบางครั้ง ไม่สนใจเขาไปเลยในช่วงนั้น โดยเฉพาะเวลาที่เธอฝึกยิงปืนกับครูหนุ่ม การเอาใจใส่จนออกนอกหน้าของครูฝึกคนนั้น ทำให้เขาต้องย้ายหล่อนให้มาฝึกกับครูผู้หญิงแทน ส่วนครูฝึกคนแรกนั้น ถูกย้ายทันทีในวันถัดมา นี่ล่ะ..ผู้หญิงที่จะมาเป็นนายหญิงของตระกูลคัทซึฮิโกะตัวจริง“หึ ๆ แกแน่มาก ฮิโรยูกิแต่ดูเหมือนว่าแกจะประเมินฉันต่ำไปแล้ว” ฮิโรยูกิกับน้ำรินรู้สึกแปลกใจในคำพูดของโทรุ ที่จู่ ๆ มันก็เปล่งเสียงหัวเราะออกมาจากลำคอ ทันใดนั้นทั้งสองก็ต้องอ้าปากค้างร้องอุทานออกมาเกือบพร้อมกัน“ฮ