“ให้ได้อย่างนี้ซิ กลัวผมซะจนยอมทุกอย่างเชียวรึ...มา ลุกขึ้นมาผมจะหาเสื้อผ้าให้ใส่”“ฉันจะใส่เสื้อฉัน”“ก็ยังไม่ได้ซัก เหม็นสาบกลิ่นเหงื่อแย่แล้ว ให้เอาไปซักก่อนแล้วค่อยใส่วันกลับบ้าน“ฉันจะใส่อะไรได้”“น่า...ลองดูกัน ไม่ลองจะรู้รึ” เขาหยิบเสื้อเชิ้ตตัวที่เล็กที่สุดในตู้ออกมา...แล้วจึงเลือกหากางเกงขาสั้น...แต่พอไปอยู่บนตัวของหล่อน ก็ดูว่ายังใหญ่กว่าตัวอยู่นั่นเอง เขาจูงมือหล่อนไปยืนหน้ากระจก มินตาเหลือบมองตรงมือของเขาที่ทาบอยู่บนข้อมือของหล่อน...มีความรู้สึกยากจะอธิบายออกมาได้ทั้งหมด หล่อนหาคำตอบไม่ได้ว่ารังเกียจเขา หรือชอบเขากันแน่ มันคละเคล้าผสมผสานกันเสียจนหล่อนทรมานสุดขีด“เห็นไหม คุณดูเหมือนอะไรนี่”เขายืนอยู่ข้างหลัง...วางมือทาบอยู่บนบ่าบอบบางทั้งสองข้างแทน เขาสูกว่าหล่อน...ในตอนที่ไม่ได้ใส่รองเท้าเลยนี่...ศีรษะของหล่อนอยู่ในระดับเท่ากับไหล่ของเขาเอง“ตัวประหลาดไง”“ไม่ประหลาด เมียผมไม่เป็นตัวประหลาด น่าเอ็นดูจะแย่...”“น่าเอ็นดูตาย” ที่มินตาเห็นหล่อนคิดว่าตัวเองดูประหลาดมากๆ เสื้อลายริ้วเล็กๆ สีฟ้าอ่อนที่ยาวคลุมสะโพกหล่อน กับกางเกงที่ยาวลงมาถึงหัวเข่า...แฟชั่นอุบาทว์แท้ๆ“ถ้ารุ
มินตาค้างคำพูดเอาไว้แค่นั้น หล่อนเห็นสาวคนหนึ่งควงมากับฝรั่ง... เห็นหน้าตาพอกหนาที่เกือบจะจำไม่ได้ครั้งเมื่อหล่อนจำได้ มินตาก็ไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นแหวน...สวยขึ้นเปลี่ยนแปลงไปมากจากสาวใช้ในบ้านสาวิตต์แหวนตรงรี่เข้ามาหา ปล่อยฝรั่งเอาไว้ที่โต๊ะหนึ่งริมน้ำ หน้าตาระรื่นเข้ามาหาเขา ครั้งเห็นชายหนุ่มหันมาชักสีหน้าใส่หล่อนก็ชะงักไปนิดหนึ่ง“คุณศิลา” หล่อนทำยิ้มประจบ และเพียงเข้ามายืนอยู่ข้างๆ ไม่กล้าจะลงมานั่ง “มาอยู่นี่เอง...”ทั้งที่แหวนรู้อยู่แล้ว หล่อนหันมองมินตาแวบหนึ่งไม่กล้าจะมองตรงๆ ด้วยกลัวใจตัวเอง ใจที่เพียบไปด้วยความริษยา เมื่อคราวสาวิตต์นั้นแหวนเคยลำพองใส่มินตา แต่หนนี้ไม่เหมือนกัน ผู้หญิงของศิลาคือคนที่แตะต้องไม่ได้ แต่ศิลาจะเอาอย่างไรกันแน่ทั้งพี่ทั้งน้อง...เขาเจ้าชู้มากขนาดนี้เชียวหรือ แต่เขาไม่เคยให้ความหวังใดๆ กับหล่อนเลยสักนิด“มากับใคร”“ลูกค้าค่ะ”เดี๋ยวนี้แหวนก้าวหน้าจนถึงขึ้น ออกมาข้างนอก“พูดกันรู้เรื่องรึนั่น”“เขาพูดไทยได้ คุณศิลาจะกลับกรุงเทพฯ เมื่อไหร่คะ”“กลับเมื่อไหร่ก็เห็น”“แหวนมีเรื่องอยากจะบอก...” อดคายพิษให้มินตาสะดุ้งสะเทือนเสียมิได้ ด้วยหมั่นไส้ในท่าทีเหม
“เขาเป็นคนพิเศษ...ที่เขานอนกับพี่ครั้งนั้น เพราะเขาลดตัวลงมาให้เกียรติ มันเป็นฝันอันสูงสุด และเป็นความประทับใจอย่างยิ่งของพี่”“จะให้เป็นแค่ฝันรึ พี่แวว ทำไมไม่ให้ฝันเป็นจริง”“บางเรื่องมันก็แค่ฝัน...มันเป็นจริงไม่ได้...มีกี่คนกันที่เจอฝันที่เป็นจริงน่ะ...เลิกคิดเรื่องเขานะ แหวน ตั้งหน้าทำงานให้ดีๆ เธอกำลังดวงขึ้น อาชีพนี้ไม่ได้อยู่ยงคงกะพัน”“ถ้าแหวนจะเลิกไป แหวนอยากมีใครสักคนหนึ่ง”“เพ้อเจ้อนะหากจะให้เป็นเขา”“สำหรับคุณศิลา แหวนอยากจะให้เป็นแค่ครั้งหนึ่ง”“คงจะเป็นแค่ ‘ความอยาก’ ของเธอจนชั่วชีวิตละมั้ง แล้วที่เธอไปพูดจาให้กระทบคุณมินตา คุณศิคงจะมาเฉ่งเอากับเธอแน่ๆ”“เขาจะทำรึ” แหวนหน้าตื่น“รอดูไปซิ เพราะฉะนั้นเธอจะต้องเลิกยุ่งกับเรื่องเขาเรื่องผู้หญิงของเขา”แหวนทำหน้าสลด แต่ใจของหล่อนเท่านั้นที่ยังไม่ยอมเลิกราตามไปด้วย แหวนยังเยาว์ยังเขลานักกับแง่มุมชีวิตหล่อนได้รับการอบรมมาน้อย ไม่มีการศึกษา ทุกสิ่งที่หล่อนได้รับอยู่ทุกวันนี้มันเหมือนหล่อนเติบโตแบบเรียนลัด หลักสูตรพิเศษที่หล่อนเติมใส่ตัวเองเข้าไปให้กลายเป็นผู้หญิงเจ้าเสน่ห์สำหรับผู้ชายที่นิยมการเที่ยวสนุกสนานยามค่ำคืนแต่แหวนก็ยัง
ความรังเกียจไม่ได้ทำให้หล่อนสึกหรอ กลับทำให้แหวนยิ่งมีพลังประหลาดฮึดขึ้นมาในตัวเอง“คุณไม่อยากรู้เรื่องคุณศิลาหรอกรึคะ”เท้าของมิ่งขวัญชะงัก เบรกตัวเองเอาไว้ได้ทัน เห็นท่าทีนั่นแล้ว แหวนก็ยกมือกอดอกเชิดอยู่ข้างรถยนต์ของหล่อน...“ว่าไงคะ”มิ่งขวัญหันกลับมาช้าๆ“ว่ามา”“จะไม่เชิญฉันขึ้นบ้านหน่อยหรือคะ”“ไม่”มิ่งขวัญตอบด้วยเสียงเด็ดเดี่ยว “มีอะไรก็พูดๆ มาซะ”“ฟังดีๆ นะคะ...” แหวนยั่วเย้า กระเซ้าด้วยเสียงแกมหัวเราะ “ฉันเจอน้องสาวคุณด้วยล่ะ”มินตา...มิ่งขวัญรู้สึกเฉยๆ หล่อนไม่มีความห่วงใยต่อมินตาสักเท่าใด หลังจากได้รู้ว่ามินตามิใช่น้องร่วมแม่เดียวกัน...สายเลือดอื่น มิ่งขวัญรู้สึกเสียดายสิ่งที่ผ่านมา หากหล่อนได้รู้เสียก่อนหน้านี้...ไม่มีวันที่มินตาจะอยู่ร่วมบ้านได้ คงจะเขี่ยออกไปนอกบ้านเสียนานแล้ว“เจอที่พัทยา...อยู่กับเขานั่นแหละค่ะ”“คุณศิลาน่ะรึ”“จะมีใครอีกล่ะคะ เจอพวกเขาอยู่ด้วยกัน คุณศิลาเอาอกเอาใจคุณมินตาดี๊ดี”เห็นสีหน้าเปลี่ยนไปของมิ่งขวัญแหวนก็ยิ่งสะใจ หล่อนพูดต่อจ๋อยๆ “ฉันจำไม่ผิดแน่เลยฉันเห็นมินตาใส่เสื้อผ้าของคุณศิลาด้วย เสื้อเชิ้ตตัวโตๆ กางเกงรุ่มร่าม...พวกเขาคงจะอยู่ด้วยกัน.
น้ำเสียงของเขาสะท้าน แล้วเขาก็ผลักหล่อนให้เอนตัวล้มบนโซฟาตัวที่หล่อนนั่งอยู่ตัวเขาคร่อมทับอยู่เบื้องบนมินตานอนเฉย หล่อนมองเขาด้วยแววตาเกือบจะเป็นว่างเปล่า บทบาทที่เขาได้สอนให้หล่อนไม่เคยได้รับการตอบสนอง นอกจากเขาจะต้องเล้าโลมหล่อนอย่างหนัก เหมือนเขาถลำลึกลงไป...จนตัวเองจมดิ่ง“พูดออกได้ยังไงกัน”“ฉันพูดจริงๆ”“ไม่...”เขาซบหน้าลงกับซอกคอของหล่อน มินตาตัวเกร็ง...หล่อนมองดูเพดานเบื้องบนสีขาวสะอาดนั่นดูว่างเปล่าไม่หมด“ผมจะให้โอกาสคุณพูดใหม่นะ”“ฉันยืนยันเหมือนเดิม”มินตาบอกเรียบๆ “คุณมีโอกาสแค่นี้เท่านั้น ฉันกลับไป...ฉันจะหาผัวสักคนหนึ่ง...”“ไม่...”ชายหนุ่มหลุดเสียงเหมือนคำรามออกมา“คุณเป็นเมียผม...คุณจะไปมีผู้ชายอื่นมาซ้ำรอยกับผมไม่ได้”“ฉันจะมี...อาจจะเป็นคุณเอก็ได้”“ผมไม่ยอม”เขาคำรามซ้ำสอง...น้ำเสียงกร้าว เมื่อหล่อนยังนอนนิ่งทำเหมือนกำลังจะถูกเขาข่มขืนเข้าอีกหนหนึ่ง ก็เหมือนทำให้ความอดทนที่จะทำดีต่อหล่อนสิ้นสุดลงไป ศิลารู้สึกเหมือนตัวเองถูกไฟเอาเสียเอง ไฟรุมร้อนที่ทำให้เขาไม่เป็นสุขเขารุนแรงกับหล่อนอีกจนได้ ในยามที่หล่อนไม่ได้เต็มใจด้วยเลยสักนิด เขาตัดตวงเอาจากหล่อนอย่างหยาบคายโ
“แหวนจะกราบเท้าขอโทษเขาก็ได้”“สวดมนต์เอาไว้ด้วยแล้วกัน คุณศิลาเป็นคนโมโหร้ายคนหนึ่ง เวลาเขาโมโหเขาเหมือนพายุกวาดเอาไปเรียบ...แล้วก็ใจดำเหมือนอีกา...ไม่มีปรานี”“อย่าพูดให้แหวนแกว่งซิ แค่นี้ใจก็เต้นไม่เป็นจังหวะเดิมอีกแล้ว” แหวนโอดครวญ “แหวนทำลงไปเพราะแค้น...แต่แหวนไม่คิดว่าเขาจะโกรธมากมาย เขาอาจจะไม่ได้จริงจังอะไร...ทั้งพี่ทั้งน้อง ในเมื่อเขาก็มีคุณแหม่มอยู่”“บางที...”แววรัตน์ทำเสียงเหมือนรำพึง แววตาของหล่อนมองเหม่อออกไปไกลแสนไกล “คุณแหม่มก็เอาเขาไม่อยู่เสียแล้ว...คนน้องมาแรง เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะ”“เป็นแบบไหน”“เขาไม่เคยอยู่กับผู้หญิงคนไหนนานๆ มาก่อน คุณศิลาไม่เคยเสพของจำเจ”“ส่งฉันที่บริษัท ฉันจะลงที่นั่น”มินตาบอกด้วยเสียงเฉียบขาดอย่างยิ่ง“ทำไมต้องทำแบบนั้นด้วย”“เพราะเป็นทางที่ดีที่สุด...คำขอของฉันไม่ได้มากมายเลยนี่ คุณทำไม่ได้รึ”“ได้น่ะได้ แต่ผมอยากพาคุณไปส่งบ้าน...ไปกู้เกียรติของคุณเอาไว้ด้วยสิ่งที่ผมมีอยู่”“ส่งฉันที่บริษัท”มินตาบอกยืนยันคำเดิม “ไม่ต้องเอาสิ่งที่คุณมีมาทุ่มเทเพื่อฉัน”เขาจำยอมต้องส่งมินตาลง...หล่อนเปิดประตูก้าวเร็วๆ ลงไป ท่าเดินของหล่อนเกือบจะเป็
“ฉันสบายดี” หล่อนเงยหน้าขึ้นเสยผมบ๊อบที่รุ่ยร่ายนั่นด้วยปลายนิ้ว แววตาของหล่อนช้ำ... “นายจะให้ฉันเล่าอะไรให้นายฟังล่ะ คิดหรือว่ามันจะเป็นเรื่องชวนฟังกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ตกเป็นเหยื่อของความแค้น...เหยื่อของตัณหาราคะ ผู้หญิงที่ช่วยตัวเองไม่ได้เลยนอกจากจะถูกย่ำยี มันเป็นฝันร้ายของฉันนะ อยากให้มันจบ ถ้าจะช่วยฉัน อย่าพูดถึงมันได้ไหม ทำให้เหมือนว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ฉันหายไปเพราะพักร้อน แล้วตอนนี้ฉันก็กลับมาทำงาน ทุกอย่างจะต้องเหมือนเดิม”“มิน...”“ทำเพื่อฉันเท่านี้ก็พอแล้ว ทำได้ไหม อย่าพูดเท้าความไปถึงมันอีกเห็นใจคนที่กำลังเป็นแผลสด มันเจ็บ...แตะนิดเดียวก็แทบจะตายแล้ว”“ได้”ธันวาเค้นเสียงออกมาอย่างยากลำบาก อกของเขาเหมือนเฟอะไปด้วยหนอง...แม้เขาจะไม่ได้พบเจอความชอกช้ำนั่นด้วยตัวเอง แต่เขารู้ว่ามินตาไปพบเจอสิ่งใดมาบ้าง“แล้วทางบ้านล่ะ มินจะบอกพ่อแม่ยังไง...หาทางออกไว้หรือยัง”“ธัน...บางที...ถ้าฉันจนมุมมากๆ เข้า ฉันอาจจะขอให้นายช่วยเหลือฉันสักอย่าง”“มากกว่าหนึ่งอย่างก็ได้ บอกมา เรายินดีทำเพื่อมิน เราเป็นเพื่อน...เพื่อเพื่อน ถึงไหนถึงกันซิน่า”“สิ่งที่ฉันจะขอจากนาย อาจจะมากและนายลำบากใจอย่าเ
เขาซาบซึ้งไม่เคยลืม บุญคุณของพิมสุดาใหญ่หลวงนักในสายตาคนภายนอกที่มองเข้ามาอาจจะคิดเหมือนๆ กันว่าเขาคือชายชู้วัยหนุ่มของพิมสุดา แต่เขารู้ พิมสุดารู้ ในความเป็นญาติที่เกี่ยวพันกันอยู่ สายเลือดที่สืบเนื่องต่อกันผูกพันกันมากไปกว่านั้นเสียอีก เมื่อพิมสุดารับเขาจากบ้านอันโหดร้ายนั่นมา ให้ชีวิตใหม่กับเขา ชายหนุ่มได้พยายามตอบแทนเธอเท่าที่เขาจะทำได้เขาไม่เคยดูถูกในงานอาชีพของเธอ...งานที่หยิบเงินมาประทังชีวิตได้ไม่ยาก แม้มันจะเสี่ยงต่อศีลธรรม และถูกติฉินนินทา แต่ชายหนุ่มก็เคยรู้รสความยากแค้นแสนสาหัสมาแล้ว เคยรู้ว่าเมื่อไม่มีเงินในกระเป๋าพูดไปก็ไม่มีคนใส่ใจจะฟังจากวันที่ได้เห็นพิมสุดาเพียงแค่วิ่งขายตัวเลี้ยงชีวิตจนพิมสุดาค่อยๆ ยืนผงาดขึ้นมาจับทำงานนี้เสียเอง เขาได้เห็นคนมากมายหลายแบบที่ผ่านไปคนที่เคยดูถูกพิมสุดาก็เปลี่ยนไป เพราะพิมสุดามีเงินมากขึ้น มีคนหนุนหลังเพิ่มความยำเกรงในตัวพิมสุดาได้มากขึ้นและนั่นคือคน...คือสิ่งที่ชายหนุ่มได้เรียนรู้หลังจากที่เขาได้เรียนรู้คนที่เกี่ยวข้องใกล้ชิดตัวเขาอย่างคนที่ให้กำเนิดเขา...คนที่เขาจะต้องเรียกขานว่า ‘พ่อ’ และคนที่เป็น ‘แม่เลี้ยง’ คนที่เป็น ’พี่ชาย’
“ไม่ใช่ห้องนี้”มินตาตัวแข็ง เมื่อเขาเปิดประตูห้องที่หล่อนเป็นคนตกแต่งเพื่อเป็นห้องหอของเขากับมิ่งขวัญหล่อนพยายามจะถอยกลับ แต่ศิลาผลักหล่อนออกเดินไปข้างหน้า“ฉันยอมมาที่นี่ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะใช้ห้องนี้” หล่อนยังเสียงแข็งและมีท่าทีปฏิเสธ ไม่ยอมรับ“คุณแต่งมันเอง...ก็ใช้เสียเองซิ” เขาบอกนุ่มๆ “ที่ทางของคุณเอง“ฉันทำเพื่อพี่มิ่ง” หล่อนยืนยัน หล่อนรักมิ่งขวัญไม่เคยเปลี่ยนแปลงเป็นอื่น“แต่มันเป็นสิ่งที่คุณชอบ” เขาดักคอ “ผมรู้ว่ารสนิยมของมิ่งขวัญเกิดจากตัวคุณเป็นหลัก...ลืมซะว่าผมเคยสั่งว่าอย่างไร นั่นเป็นข้ออ้างจะเอาตัวคุณมาทำงานต่างหากเล่า ถ้าผมไม่บอกว่าเป็นห้องหอมีหรือที่คุณจะยอมมาทำ ตอนนั้นคุณชังน้ำหน้าผมจะแย่”“ตอนนี้ก็ใช่”“ผมไม่เชื่อ ไม่มีวันเชื่อ...”เขาปิดประตูไว้ข้างหลังแล้วยืนพิงอยู่อย่างนั้น ตอบหล่อนด้วยถ้อยคำหนักแน่นเขาจะไม่ยอมเสียหล่อนไปศิลาบอกตัวเองว่าเขาจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองสมปรารถนาให้จงได้ ต่อให้ยากเท่ายากก็ตามที“เราจะต้องคุยกันตามลำพังสองต่อสองแล้วละ มินตา”เขาบอกด้วยเสียงนุ่มทุ้ม และแน่นอนว่ามีกังวานของความรักอยู่มากมาย เขาไม้ปฏิเสธใจตัวเอง“ไม่...” หล่อนป
พิมสุดามาแล้วกลับไปแล้ว ปล่อยให้มินตาได้ครุ่นคิดตามลำพัง แม้จะมีปรางคอยรับใช้อยู่ใกล้ๆ แต่มินตาก็เหมือนอยู่คนเดียว...หล่อนคิดถึงอนาคตวันข้างหน้าเมื่อไม่มีบ้าน ไม่มีพ่อ ไม่มีสิ่งใดหลงเหลือให้คว้าติดอีกหล่อนจะทำอย่างไรดีนั่นคือสิ่งที่มินตาต้องคิด...มันไม่ใช่เรื่องเล็กเสียด้วย เพราะเท่ากับต้องเอาอนาคตมาเป็นเดิมพัน...อนาคตที่มินตาไม่แน่ใจ และหล่อนก็รู้ว่าเพราะตัวเขานั่นแหละที่ทำให้หล่อนเกิดความรู้สึกเช่นนั้นขึ้นมา/////////////////////////////ผู้ชายสองคนต่างวัยแต่มีสายเลือดส่วนหนึ่งเหมือนกันได้เผชิญหน้ากันอีกครั้ง คนแก่ดูจะยิ่งแก่ ในขณะที่คนหนุ่มก็มิได้ทำท่าลำพองว่าตัวเองเป็นผู้ชนะ ต่างคนต่างมองกันชั่วอึดใจในความเงียบงันแล้วศิลาก็เป็นคนเอ่ยขึ้นมาก่อน “สาวิตต์เป็นอย่างไรบ้าง”“ก็ยังเหมือนเดิม...เก็บตัวเอง...และไม่พูดไม่จากับใครเลย”“เขาคงจะหายสักวันหนึ่ง“นั่นคือความหวัง”“ผมจะเอาใจช่วยแล้วกัน”คุณทรงศักดิ์ทำท่าเหมือนไม่คาดคิดเมื่อได้ยินเช่นนั้น“ต่อ...ให้อภัยพ่อกับพี่แล้วใช่ไหม”ชายหนุ่มส่ายหน้า นั่นคือความจริง เขายังไม่อาจจะให้อภัย เพียงแต่เขาคิดว่าเขาจะวางมือในส่วนนี้...หลายปีที่เ
“ไล่ปรางหรือคะ...” มินตาแสนจะตกใจ “ทำไมล่ะคะ ปรางทำผิดตรงไหน”“มันเป็นพวกแกนี่ รับเอาไปซิ นังนั่นมันเลี้ยงไม่เชื่อง หวังว่าที่พูดมานี่แกคงจะเข้าใจนะ”“ค่ะ มินตารับคำ ดวงหน้าสลด ครอบครัวของหล่อนคือซาก...มันคืออดีตที่เหมือนจะเนิ่นนานผ่านมาแล้ว ดวงตาของหล่อนซุ่มไปด้วนน้ำตา ป่วยการจะพูดมากไปกว่านี้อีกเมื่อคุณมารศรีและมิ่งขวัญปั้นปึ่งใส่ มินตามาไหว้พ่อ นั่งพับเพียบอยู่นานจนศิลาต้องเป็นฝ่ายสะกิดหล่อน“กลับดีกว่ามั้ง มินตา...เขาประคองหล่อนลุกขึ้น ท่าทีถนอมเป็นนักหนาบาดตาของมิ่งขวัญสุดขีด หล่อนไม่อาจจะยอมรับออกมาดังๆ ว่าลึกลงไปนั้นหล่อนเจ็บปวดกับการที่ถูกทิ้ง...ทั้งที่หล่อนเคยทระนงในตัวเองมาตลอด ผู้ชายคนนั้นคือชายที่หล่อนรักและเมื่อความจริงเปิดเผยออกมารักกลายเป็นร้าง และขมขื่นที่สุดจะหารสชาติใดมากกว่านี้ ในชีวิตคงจะไม่มีอีกแล้วแน่นอน“แม่คะ...มิ่งตัดสินใจแน่นอนแล้ว พอเสร็จงานพ่อ มิ่งจะไปอยู่เมืองนอก เราไปด้วยกันไหนคะ แม่...เอาบ้านนี้ให้เช่า...ถ้าไม่คิดจะขาย เราคงจะพอมีเงินสักก้อนไปเที่ยวเล่นด้วยกัน พอให้มิ่งหายช้ำใจแล้วค่อยกลับมาใหม่...หรือบางทีเราอยู่ทางโน้นกันเลยก็ได้ มิ่งก็พอจะมีเพื่อนที
ดวงตาคู่นั้นเบิกกว้าง และมินตาก็นิ่งงันปราศจากเสียงกรีดร้องจนเขาใจเต้นแรง ไม่รู้ว่าหล่อนเสียใจแค่ไหนกันการรับรู้ในการสูญเสียหนนี้ มือของเขาลูบไล้เส้นผม“มินตา ได้ยินผมหรือเปล่า”“ก็ดีเหมือนกัน” หล่อนพึมพำออกมา “จะได้จบสิ้นกันแท้จริงๆ”“ไม่....” เขาปฏิเสธเสียงลั่น“เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก”“อย่าพูดแบบนี้...ทิ้งทุกอย่างเอาไว้ข้างหลัง แล้วเราเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน ที่ผ่านมาผมรู้ว่าผมผิด จะไม่ให้อภัยคนที่รู้สำนึกหรอกหรือ มินตา...ใช่ว่าผมจะไม่เสียใจหรือไม่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้นะ เพียงแต่ ตอนนั้นความแค้นทำให้ผมบ้าเลือดและลากคุณเข้ามาพัวพันด้วย”“ฉันให้อภัย แล้วก็โยนมันทิ้งเอาไว้ตรงนั้นแหละ...”ศิลากำลังจะพูดอีก แต่เสียงเคาะประตูห้องขัดจังหวะเสียงก่อนและประตูเปิดเข้ามาหลังจากนั้นครรชิตเดินนำหน้าธันวาเข้ามาพร้อมกับกระเช้าดอกไม้ใหญ่ที่บรรจุดอกไม้สวยงามสีสันสดใสชายหนุ่มขยับห่างออกจากเตียงนิดหนึ่ง ครรชิตทักทายและแสดงความห่วงใย ต่อสภาพบาดเจ็บของเขาสักห้านาทีก่อนจะหันไปหามินตา“ไง...มิน หน้าตาเหมือนคนเจ็บหนัก”“เกือบจะตายแต่ไม่ยักจะตาย...”“ประชดใครล่ะนั่น”ถูกดักคอแบบนี้มินตาทำตาวาว “มินไม่มี
สาวิตต์นอนอยู่บนเตียง...ขาของเขาข้างหนึ่งที่ถกขากางเกงขึ้นไปถูกพันด้วยผ้าขาวหนาเปอะ แล้วหน้าตาของเขาก็เหมือนไม่ใช่ลูกชายคนเดิมของเธอ มีรอยช้ำปูดโปนนั่นยังทำใจได้ว่ามันจะหาย แต่ดูซิ...ดูสีหน้าและแววตาของเขามันดูเลื่อนลอย...และมองมาทางเธอย่างว่างเปล่า“เอ...”เธอถลาเข้าไปหาเขา แล้วก็หยุดอีกหนหนึ่ง เมื่อสาวิตต์ทำเหมือนไม่รับรู้ด้วย เขายังมองเบิ่งไปทางอื่นที่ไม่ใช่หน้าเธอ คุณสีดาหันขวับมาหาสามี ถามเสียงสั่น“อะไรกันคะนี่ ตาเอเป็นอะไร...ทำไมเขาทำหน้าตาแบบนั้น”คุณทรงศักดิ์โอบบ่าของภรรยาเอาไว้ ร่างแบบบางของเธอสั่นสะท้านด้วยความหวาดหวั่น“หมอบอกว่าเหมือนเขาจะช็อก พูดกันรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เป็นพักๆ เหมือนคนสะเทือนใจมากเกินไป”“แล้วแกจะหายไหม”“ต้องอาศัยเวลา แต่ตอนนี้เขาต้องรักษาตัว บางทีอาจจะต้องลางาน...หรืออาจจะต้องถึงขั้นลาออกก็ได้”“ไม่!”เธอร้อง หันมาซบหน้ากับบ่าของสามี นานแล้วที่คนสองคนไม่เคยหันหน้าเข้าหากันอีก ต่างมีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเอง ความบาดหมางในเรื่องเล็กน้อยถูกทำให้ใหญ่มากขึ้น และไม่อาจจะเชื่อมต่อติดกันได้อีกเลยแต่ตอนนี้หัวอกของความเป็นพ่อแม่ที่จะต้องรับผิดชอ
ปืน...มินตาบอกเมื่อเห็นสาวิตต์หยิบมันออกมาวางไว้บนโต๊ะกลมเล็กข้างๆ เก้าอี้ที่เขานั่งลง แววตาที่เขามองดูศิลาทำให้มินตายะเยือกไปตลอดตัว มันบ่งบอกว่าหากเขาจะลั่นไกปืน เขาก็จะทำได้โดยไม่ต้องหยุดคิดชั่งใจอีกเลย มินตาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เมื่อพูดกับสาวิตต์ดีๆ“คุณเอ ขอให้มินนะ...อย่าถึงกับฆ่ากันเลย...”“บอกแล้วว่าอย่ายุ่ง ไม่ฆ่าเธอด้วยก็บุญเท่าไหร่รึว่าอยากตายตามผัว”“คุณเอจะทำไมได้นะคะ”“ทำไมพี่จะทำไม่ได้ นึกถึงที่มันทำกับพี่ซิ เพราะมัน...” สาวิตต์ชี้มือไปยังศิลาอย่างคั่งแค้น นั่นคือชายที่ร่วมสายเลือดเดียวกัน แม้จะไม่ใช่ทั้งหมด แต่ก็กึ่งหนึ่งที่เหมือนกัน เขาไม่เคยเชื่อใครพูดอย่างไร เขาก็มักจะหัวเราะขบขันเสียเสมอว่าทุกคนที่พูดนั้น ล้วนแล้วแต่มีอาการทางจิตที่คิดมากเกินการไปเองทั้งนั้น แต่แล้วเขากลับมารู้เป็นคนสุดท้าย รู้เพื่อทำให้โลกที่เคยสวยงามสำหรับเขามันพังทลายลงมาต่อหน้าต่อตาเขาจึงมองหาทางออกใดไม่พบนอกจากทางนี้ ฆ่าศิลาเสีย ก็เท่ากับฆ่าไอ้เด็กเวรคนนั้นด้วย เมื่อหนนั้นมันเลือกรอดได้อาจจะเพราะดวงมันแข็ง แต่คราวนี้ไม่มีวันที่ดวงมันจะแข็งเท่าครั้งนั้นอีก มันจะต้องตายนั่นคือทางที่เขาเลือกให้มั
สาวิตต์เดินปังๆ จากไปแล้ว ก่อนที่เขาจะกระแทกประตูบ้านด้านหน้าปิดลั่นกุญแจ ปรางก็เสนอหน้าเข้ามา“จะช่วยคุณมินทำแผลให้กับเขา”ปรางบอก หล่อนยืนให้ห่างจากสาวิตต์เข้าไว้ ด้วยไม่แน่ใจในความบ้าของเขาและเขาก็ยอมปล่อยปรางเข้ามาโดยดี ปรางมาคุกเข่าดูศิลาอยู่อีกด้านหนึ่งของเขา“เลือดทั้งนั้นเลย...” ปรางพึมพำ “ทำแผลก่อนนะคะ คุณมินจะเอาอะไรบ้าง”“ต้มน้ำร้อนให้ฉันสักกระติก แล้วหาผ้าสะอาดๆ มา...มีพวกผ้าเช็ดหน้าของฉันเหลืออยู่บ้างมั้งในตู้...แล้วก็พวกผ้าขนหนูผืนเล็กๆ นั่นด้วยก็ได้ คุณเอขังเราเอาไว้ในบ้านแล้วนี่ หยูกยาที่นี่ไม่มีสักอย่าง”“ปรางมีทิงเจอร์กับยาแดง...แล้วก็ยาล้างแผล...” ปรางบอกล้วงมือเข้าไปในกางเกงสามส่วนหยิบยาที่บอกออกมา “เอามาได้แค่นี้ค่ะ จะเอาสำลีกับผ้าพันแผลมาด้วย กลัวคุณมิ่งจะเห็น จะเอาอะไรมาไม่ได้สักอย่าง”“ขอบใจมา ปราง”มินตาคว้าขวดยาพวกนั้นมาด้วยมืออันสั่นเทา ตัวหล่อนเองนั้นสภาพก็ไม่ได้ดีไปกว่าคนที่ยังนอนทอดร่างนิ่งๆ นี่สักเท่าไหร่ หล่อนรู้ตัวว่าตัวเองก็แย่ เจ็บในช่องท้องจี๊ดๆ เตือนเป็นระยะอย่างไม่เคยเป็น แล้วหล่อนก็อยากล้มตัวลงนอน แล้วหลับให้นานโดยไม่ต้องตื่นขึ้นมารับรู้ใดๆ อีกเ
“คุณมินเป็นอะไร...”แตะตัวมินตาแล้วก็พอว่าไม่ขยับสักนิด ปรางเงยหน้าหล่อนได้เห็นสาวิตต์นั่งอยู่บนเก้าอี้ริมหน้าต่าง สีหน้าของเขาดูน่ากลัวอย่างไม่เห็นมาก่อนเลยหันกลับมามองมิ่งขวัญก็เห็นสีหน้าแย้มเยาะประหลาดนัก“คุณมินสลบนะคะ”“ฉันให้แกมาดู ไม่ได้ให้มาพูดมาก แกมีหน้าที่คอยพยาบาลเอาไว้ แต่แกห้ามยุ่งมากไปกว่านี้อีก”“ค่ะ”“พาเข้าไปในห้องนอนซะ”มิ่งขวัญออกคำสั่ง แล้วหล่อนจึงเดินเข้ามาหาสาวิตต์...จับมือของเขาไปบีบเหมือนจะให้กำลังใจแก่เขา“มิ่งเข้าใจว่าคุณเอกำลังเฮิร์ทมาก อีกไม่นานค่ะทุกอย่างจะเรียบร้อยมันจะกลายเป็นปุ๋ยจมดินไปเลย จะไม่มีใครเห็นซากของมันอีก...อย่างนั้นใช่ไหมคะ...ที่นี่มีที่มากมายให้ฝังมัน...”“เมื่อไหร่มันจะมา” คำถามของสาวิตต์เลื่อนลอย“ใจเย็นหน่อยค่ะ ยังไงซะมันก็จะต้องมา”“มันทำกับพี่เจ็บปวดนัก...” เขาหลับตาลง “รู้ถึงไหนอายถึงนั่น”“จะไม่มีใครรู้...” หล่อนลูบบ่าของเขาเบาๆ ด้วยมือที่เหลืออยู่ปลอบโยนเขา “มิ่งสัญญาว่าจะเอาตัวมันมาให้”“แล้วยายมินล่ะ...”“ขายมันซิ คุณเอ...หลังจากจัดการหมอนั่นแล้ว เอายายมินไปขาย” น้ำเสียงของมิ่งขวัญเหี้ยมเกรียม เขาแหงนหน้ามอง “มิ่งพูดจริงๆ นะ ไม่
“คุณมินเป็นอะไร...”แตะตัวมินตาแล้วก็พอว่าไม่ขยับสักนิด ปรางเงยหน้าหล่อนได้เห็นสาวิตต์นั่งอยู่บนเก้าอี้ริมหน้าต่าง สีหน้าของเขาดูน่ากลัวอย่างไม่เห็นมาก่อนเลยหันกลับมามองมิ่งขวัญก็เห็นสีหน้าแย้มเยาะประหลาดนัก“คุณมินสลบนะคะ”“ฉันให้แกมาดู ไม่ได้ให้มาพูดมาก แกมีหน้าที่คอยพยาบาลเอาไว้ แต่แกห้ามยุ่งมากไปกว่านี้อีก”“ค่ะ”“พาเข้าไปในห้องนอนซะ”มิ่งขวัญออกคำสั่ง แล้วหล่อนจึงเดินเข้ามาหาสาวิตต์...จับมือของเขาไปบีบเหมือนจะให้กำลังใจแก่เขา“มิ่งเข้าใจว่าคุณเอกำลังเฮิร์ทมาก อีกไม่นานค่ะทุกอย่างจะเรียบร้อยมันจะกลายเป็นปุ๋ยจมดินไปเลย จะไม่มีใครเห็นซากของมันอีก...อย่างนั้นใช่ไหมคะ...ที่นี่มีที่มากมายให้ฝังมัน...”“เมื่อไหร่มันจะมา” คำถามของสาวิตต์เลื่อนลอย“ใจเย็นหน่อยค่ะ ยังไงซะมันก็จะต้องมา”“มันทำกับพี่เจ็บปวดนัก...” เขาหลับตาลง “รู้ถึงไหนอายถึงนั่น”“จะไม่มีใครรู้...” หล่อนลูบบ่าของเขาเบาๆ ด้วยมือที่เหลืออยู่ปลอบโยนเขา “มิ่งสัญญาว่าจะเอาตัวมันมาให้”“แล้วยายมินล่ะ...”“ขายมันซิ คุณเอ...หลังจากจัดการหมอนั่นแล้ว เอายายมินไปขาย” น้ำเสียงของมิ่งขวัญเหี้ยมเกรียม เขาแหงนหน้ามอง “มิ่งพูดจริงๆ นะ ไม่