“ฉันสบายดี” หล่อนเงยหน้าขึ้นเสยผมบ๊อบที่รุ่ยร่ายนั่นด้วยปลายนิ้ว แววตาของหล่อนช้ำ... “นายจะให้ฉันเล่าอะไรให้นายฟังล่ะ คิดหรือว่ามันจะเป็นเรื่องชวนฟังกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ตกเป็นเหยื่อของความแค้น...เหยื่อของตัณหาราคะ ผู้หญิงที่ช่วยตัวเองไม่ได้เลยนอกจากจะถูกย่ำยี มันเป็นฝันร้ายของฉันนะ อยากให้มันจบ ถ้าจะช่วยฉัน อย่าพูดถึงมันได้ไหม ทำให้เหมือนว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ฉันหายไปเพราะพักร้อน แล้วตอนนี้ฉันก็กลับมาทำงาน ทุกอย่างจะต้องเหมือนเดิม”“มิน...”“ทำเพื่อฉันเท่านี้ก็พอแล้ว ทำได้ไหม อย่าพูดเท้าความไปถึงมันอีกเห็นใจคนที่กำลังเป็นแผลสด มันเจ็บ...แตะนิดเดียวก็แทบจะตายแล้ว”“ได้”ธันวาเค้นเสียงออกมาอย่างยากลำบาก อกของเขาเหมือนเฟอะไปด้วยหนอง...แม้เขาจะไม่ได้พบเจอความชอกช้ำนั่นด้วยตัวเอง แต่เขารู้ว่ามินตาไปพบเจอสิ่งใดมาบ้าง“แล้วทางบ้านล่ะ มินจะบอกพ่อแม่ยังไง...หาทางออกไว้หรือยัง”“ธัน...บางที...ถ้าฉันจนมุมมากๆ เข้า ฉันอาจจะขอให้นายช่วยเหลือฉันสักอย่าง”“มากกว่าหนึ่งอย่างก็ได้ บอกมา เรายินดีทำเพื่อมิน เราเป็นเพื่อน...เพื่อเพื่อน ถึงไหนถึงกันซิน่า”“สิ่งที่ฉันจะขอจากนาย อาจจะมากและนายลำบากใจอย่าเ
เขาซาบซึ้งไม่เคยลืม บุญคุณของพิมสุดาใหญ่หลวงนักในสายตาคนภายนอกที่มองเข้ามาอาจจะคิดเหมือนๆ กันว่าเขาคือชายชู้วัยหนุ่มของพิมสุดา แต่เขารู้ พิมสุดารู้ ในความเป็นญาติที่เกี่ยวพันกันอยู่ สายเลือดที่สืบเนื่องต่อกันผูกพันกันมากไปกว่านั้นเสียอีก เมื่อพิมสุดารับเขาจากบ้านอันโหดร้ายนั่นมา ให้ชีวิตใหม่กับเขา ชายหนุ่มได้พยายามตอบแทนเธอเท่าที่เขาจะทำได้เขาไม่เคยดูถูกในงานอาชีพของเธอ...งานที่หยิบเงินมาประทังชีวิตได้ไม่ยาก แม้มันจะเสี่ยงต่อศีลธรรม และถูกติฉินนินทา แต่ชายหนุ่มก็เคยรู้รสความยากแค้นแสนสาหัสมาแล้ว เคยรู้ว่าเมื่อไม่มีเงินในกระเป๋าพูดไปก็ไม่มีคนใส่ใจจะฟังจากวันที่ได้เห็นพิมสุดาเพียงแค่วิ่งขายตัวเลี้ยงชีวิตจนพิมสุดาค่อยๆ ยืนผงาดขึ้นมาจับทำงานนี้เสียเอง เขาได้เห็นคนมากมายหลายแบบที่ผ่านไปคนที่เคยดูถูกพิมสุดาก็เปลี่ยนไป เพราะพิมสุดามีเงินมากขึ้น มีคนหนุนหลังเพิ่มความยำเกรงในตัวพิมสุดาได้มากขึ้นและนั่นคือคน...คือสิ่งที่ชายหนุ่มได้เรียนรู้หลังจากที่เขาได้เรียนรู้คนที่เกี่ยวข้องใกล้ชิดตัวเขาอย่างคนที่ให้กำเนิดเขา...คนที่เขาจะต้องเรียกขานว่า ‘พ่อ’ และคนที่เป็น ‘แม่เลี้ยง’ คนที่เป็น ’พี่ชาย’
แต่ธันวาดูจะเข้าใจขึ้นมาบ้างลางๆ แล้ว มันอาจจะเป็นเรื่องที่เหลวไหลไปสักนิด แต่มันกำลังจะเข่นฆ่าเพื่อนของเขาอย่างแน่นอนเขาไม่ชอบคุณมารศรีพอๆ กับไม่ชอบมิ่งขวัญ ผู้หญิงสองคนที่กำลังเป็นนางตัวร้าย ใช้คำพูดเข่นฆ่าเพื่อนของเขาอยู่แจ้วๆ นี่“แกไม่ใช่ลูกฉัน”“แล้วก็ไม่ใช่น้องของฉันด้วย”มิ่งขวัญผสมขึ้นมา มินตาหมุนคว้างมันอะไรกัน...แค่ความผิดพลาดเท่านี้หล่อนถูกตัดขาดจากความเป็นแม่ลูกความเป็นพี่น้องทีเดียวหรือ ความผิดที่ไม่ได้เริ่มต้นจากหล่อน ผู้ชายสองคนทำร้ายหล่อนสาวิตต์หลอกพาหล่อนไป...เขาขายหล่อนในราคาเท่าไรมินตาไม่อาจจะรู้แน่ชัด แต่เขาก็ได้ขายหล่อนส่วนศิลา เขาข่มเหงหล่อนและชายสองคนลอยนวลไป ปล่อยให้หล่อนเผชิญหน้ากับชะตากรรมเลวร้ายนี้ตามลำพังอย่างนั้นหรือโลกไยไม่ยุติธรรมกับหล่อนเอาเสียเลย“เข้าใจผิดกันหรือเปล่าคะ แม่คงจะโกรธที่มินหายไปจากบ้าน...พี่มิ่งก็เหมือนกันที่มินทำให้เสื่อมเสีย...ไหนๆ มินก็ผิดไปแล้ว” มินตาพูดเบาๆ แต่รวดเร็ว “มินหวังแต่ความกรุณาของแม่กับพี่มิ่ง จะยกโทษให้ แล้วมินจะแต่งงาน”“แกหยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ แกไม่ต้องมาทำเยาะเย้ยฉัน แกแย่งเขาไปไม่พอ แกยังสะเออะมาอวดฉันอีกด้วยว่าแ
ธันวากำลังจะก้าวตามไปอีกคนหนึ่ง แต่คุณมารศรีเรียกเขาเอาไว้เสียก่อนทำให้เขาต้องเบรกตัวเองเอไว้ฉันอยากรู้ว่าคุณแค่รับสมอ้าง หรือเป็นผัวแม่มินตาจริงๆ”“สุดแท้แต่คุณแม่จะให้ผมเป็น ชอบแบบไหนก็เอาแบบนั้นล่ะครับ”คำตอบของธันวาฟังทื่อๆ“หมายความว่าไง”เขาหันไปมองสาวสวย...จิตใจของหล่อนคงจะมีแต่หนอนชอนไชเต็มไปหมด ข้างในของหล่อนคงจะไม่สวยงามเหมือนภายนอกเด็ดขาด“ผมไม่เข้าใจที่คุณพูด”“คุณอยากจะเป็นผัวยายมินมากใช่ไหม”“ผู้หญิงดีๆ มีใครบ้างไม่อยากจะเป็น...มินไม่ใช่คนสวยแต่จิตใจดีไม่เหมือนคนบางคนครับ สวยรูป จูบไปเหม็นเน่าสกปรก”ธันวาก้มศีรษะให้ เขาวิ่งตามนายโกมุทและมินตาไปยังเรือนอีกหลังหนึ่งโดยไม่ยอมหันกลับมามองอีกปล่อยให้มิ่งขวัญแทบจะเต้นเร่าเสียให้ได้“แม่คะ ไอ้หมอนั่นมันยิ่งกว่าโง่ซะอีกนะคะ...ดี...ให้มันรับสมอ้างเป็นผัวยายมิน...ถ้าไม่มีไอ้หมอนั่น มิ่งก็จะหาผู้ชายสักคนยัดเยียดให้ยายมิน ขอแต่อย่ามาขวางทางของมิ่งก็พอแล้ว”รถยนต์ของศิลาแล่นเข้ามาจอดต่อท้ายรถของมินตาชายหนุ่มเปิดประตูรถก้าวลงมา แล้วนั่นทำให้มิ่งขวัญที่ถลาออกมา ร้องกรี๊ดด้วยความยินดีอย่างสุดซึ้ง“เขามาแล้วค่ะ เขากลับมาแล้ว คุณศิลามาแ
ขาของมิ่งขวัญไหวระริกเหมือนจะทรงตัวอีกต่อไปไม่ไหว แล้วหล่อนก็ทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นข้างหลังคนเป็นแม่ ร้องไห้โฮออกมา อย่างไม่รู้ว่าเพราะแค้นใจที่เขาเป็นคนในอดีตที่หล่อนเคยรังเกียจหรือเพราะได้สูญเสียเขากันแน่ หญิงสาวยกมือปิดหน้าเอาไว้ เนื้อตัวโยกไปมารุนแรงแต่เป็นภาพที่ศิลาก้มลงมองอย่างเยือกเย็น เขารู้สึกสาแก่ใจ นี่เป็นสิ่งที่เขาได้รอคอยมา...วันที่เขาจะยืนผงาดแล้วเป็นฝ่ายก้มลงมองคนที่เคยทำร้ายเขาที่จริงเขาไม่เคยคิดจะกลับมาแก้แค้นคนบ้านนี้ มิ่งขวัญเดินเข้ามาในเส้นทางของเขาเอง อย่างเต็มอกเต็มใจเสียด้วยแล้วเขาจะนิ่งเฉยได้อีกไยเล่า นอกจากเดินชนไปให้สิ้นเรื่อง แล้วก็มีวันที่เขาเป็นสุขได้ไม่น้อยเลยชายหนุ่มก้มศีรษะลงเล็กน้อย “ขอให้เชื่อว่าทั้งหมดนี่เป็นเรื่องจริงอย่างยิ่ง”มิ่งขวัญยังร้องไห้ไม่ยอมหยุด...ความจริงอันโหดร้ายและแสนเลวทราม หล่อนห่อไหล่เข้าหากันเมื่อนึกถึงว่าเขาคือใคร...ไอ้เด็กคนนั้นคนที่หล่อนเหยียดหยามเอาไว้มากมาย หล่อนยังจดจำได้ว่าหล่อนไม่เคยพูดกับมัน แล้วมัน...มัน...ไม่ใช่เขา...มันกลายมาเป็นผู้ชายคนที่หล่อนทุ่มเทให้ทั้งกายและใจอนิจจา...แค่คิดมิ่งขวัญก็แทบจะมุดดินหนีด้วยความอา
ศิลาเปิดประตูห้องเข้ามาในสภาพที่ทำให้พิมสุดาถลันลุกไปจากเก้าอี้อย่างตกใจในความเป็นเขาเพราะเซแซดๆ เข้ามาหา“ศิลา ตายจริง...นี่อะไรกัน”“เขาเมาค่ะ” แววรัตน์ตามเข้ามาบอก แววตาห่วงใยให้เห็นชัดเจนนัก “แววเห็นตั้งแต่มาถึง จะเข้าไปช่วยก็ถูกด่า...เขาด่านะคะ คุณแหม่ม ไม่รู้ว่าด่าก็เป็นด้วย”คนบอกอุบอิบทำตาเหมือนจะค้อนชายหนุ่มที่พิมสุดาต้องแบกรับน้ำหนักตัวเอาไว้ จนเกือบจะเซล้มไปกลางห้องและนั่น ทำให้ผู้ชายหนุ่มใหญ่อีกคนที่นั่งคุยกับเธอในห้องนี้ต้องลุกมารับร่างของศิลาไปแทน“คงจะพูดกันไม่รู้เรื่อง ขับรถมาได้ยังไงกัน ไม่ชนไปซะก่อน”“เขาไม่เคยดื่มมากมายนะคะ ผู้พัน” พิมสุดาบอก “สงสัยจะมีเรื่องมาแน่ๆ อาจจะเป็นเรื่องเมียเขา”“เมีย” ผู้พันพีระทวนถามอย่างงงๆ ศิลาแต่งงานตั้งแต่เมื่อใดกัน ทำไมเขาไม่รู้ เขาก็นับว่าเป็นคนใกล้ชิดกับครอบครัวนี้ “ใครกัน”“จำเรื่องที่ฉันเล่าให้ฟังได้ไหมคะ ที่ว่าศิลาไปพัทยาเจ็ดวัน เขาไปกับเมียเขาน่ะค่ะ เรื่องละเอียดน่ะอีกยาวแล้วฉันจะเล่าให้ฟัง เฮ้อ...อาการเขาไม่น้อยนะคะ เรื่องจะลงเอยกันยังไงฉันชักหนักใจซะแล้วซิ”เธอให้วางศิลานอนเหยียดยาวลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง ก้มลงมองสารรูปของเขาแล้
“มินทราบค่ะ”“ไม่ใช่เพราะมันเป็น...” เธอไม่ยอมพูดต่อให้จบ “ยัยมิ่งให้ฉันบอกแกว่าถ้าแกคิดว่ายังมีสายเลือดเดียวกัน แกจะต้องไม่ใฝ่ชั่วลดตัวลงไปเกลือกกลั้วกับคนต่ำช้าพรรค์นั้น”“ค่ะ”“อย่าเอาแต่รับปากชุ่ยๆ”“แม่คะ...เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น แม่ไม่เชื่อหรือคะว่ามินไม่ได้เป็นคนเริ่มต้น...เขาทั้งนั้น แล้วเรื่องที่เขาคือคุณต่อ ไม่มีใครยอมเชื่อมินแต่แรกเอง มินเคยบอกแล้วก็ว่ามินเหลวไหล...”“ฉันรู้แล้วว่ามันเป็นไอ้ต่อคนนั้น มิ่งก็รู้แล้วด้วย ต่อไปนี้แม้แต่ปลายเท้ายายมิ่ง มันก็จะไม่ได้แตะต้องอีก”“พี่มิ่งเสียใจมากไหมคะ”“แกไม่ต้องมาถาม...ไม่ต้องมาทำอวดว่าแกยังรักและห่วงใยพี่มิ่งของแก...พรุ่งนี้ตอนเช้ามิ่งให้แกขึ้นไปหาที่บ้านโน้น ฉันมาบอกแกไว้เท่านี้ อย่าให้ฉันต้องร้ายกับแกเลยนะ”////////////////////////////////โอกาสทองนี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ นักหรอก แววรัตน์รู้ดี หล่อนถึงต้องการมันและอยากยืดเวลาให้ยาวนานออกไปให้มากที่สุด หากหล่อนสามารถทำได้เวลาที่จะได้อยู่กับเขาตามลำพัง แม้ว่าเขาจะไม่มีสติพอจะรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะเขายังนอนเหยียดยาวอยู่อย่างไรอย่างนั้น นับจากผู้พันพีระอุ้มเขาเข้ามาในห้อง
เขาเพิ่งจะรู้สึกตัว ศิลายังไม่ได้ลืมตาขึ้นเมื่อเขาพบว่าอ้อมกอดของเขาไม่ไว้ว่างเปล่าเต็มอยู่ด้วยร่างอุ่นๆ ของผู้หญิง“มินตา” ใจของเขาพลันเต็มตื้นขึ้นมาด้วย เขาคิดถึงหล่อนรุนแรงขนาดนี้ทีเดียวหรือ“มินตา”ดวงตาของเขาลืมขึ้น จังหวะเดียวกันกับแววรัตน์ผงกศีรษะขึ้นมามองเขาถอนใจยาว ทิ้งศีรษะวางราบลงบนหมอนตามเดิม รู้สึกผิดหวังอย่างแรงกล้า“เธอเองรึ แวว...มันอะไรกันนี่”เขาขยับตัวเหมือนจะหนีให้พ้นจากหล่อน จนแววรัตน์รู้สึกน้อยใจขึ้นมาเกือบจะทันที“แววขอโทษค่ะ คงจะเผลอหลับไป” หล่อนลุกขึ้นนั่ง เสยเส้นผมหยิกๆ ให้พ้นจากที่ลงมาปรกหน้าปรกตากระถดถอยออกไปห่างจากเขา หน้าของหล่อนดูซีดเมื่อไม่มีเครื่องสำอางพอกหนา และนี่คือเนื้อแท้ของหล่อนเอง “เมื่อคืนคุณศิลาเมามาก แววเลยรับอาสาคุณแหม่มมาดูแลคุณ”“เมา?” เขาทวนถาม “เออ! ใช่ฉันเมา เมื่อคืนดื่มมากไปหน่อย”“มีเรื่องกลุ้มใจหรือคะ”เขาเงียบ ท่าทางบอกให้แววรัตน์รู้ชัดๆ เลยว่าเขาจะไม่ยอมปรึกษากับหล่อนเป็นอันขาด แม้ว่าใจของเขาอัดแน่นด้วยปัญหาสักเพียงใดก็ตามที“แววรู้ว่าคุณคงจะไม่ยอมพูดกับแวว...ลุกไหวไหมล่ะคะ ไปล้างหน้าก่อน”หล่อนทำท่าเหมือนจะฉุดเขาขึ้นมา แต่ชายหนุ่ม
“ไม่ใช่ห้องนี้”มินตาตัวแข็ง เมื่อเขาเปิดประตูห้องที่หล่อนเป็นคนตกแต่งเพื่อเป็นห้องหอของเขากับมิ่งขวัญหล่อนพยายามจะถอยกลับ แต่ศิลาผลักหล่อนออกเดินไปข้างหน้า“ฉันยอมมาที่นี่ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะใช้ห้องนี้” หล่อนยังเสียงแข็งและมีท่าทีปฏิเสธ ไม่ยอมรับ“คุณแต่งมันเอง...ก็ใช้เสียเองซิ” เขาบอกนุ่มๆ “ที่ทางของคุณเอง“ฉันทำเพื่อพี่มิ่ง” หล่อนยืนยัน หล่อนรักมิ่งขวัญไม่เคยเปลี่ยนแปลงเป็นอื่น“แต่มันเป็นสิ่งที่คุณชอบ” เขาดักคอ “ผมรู้ว่ารสนิยมของมิ่งขวัญเกิดจากตัวคุณเป็นหลัก...ลืมซะว่าผมเคยสั่งว่าอย่างไร นั่นเป็นข้ออ้างจะเอาตัวคุณมาทำงานต่างหากเล่า ถ้าผมไม่บอกว่าเป็นห้องหอมีหรือที่คุณจะยอมมาทำ ตอนนั้นคุณชังน้ำหน้าผมจะแย่”“ตอนนี้ก็ใช่”“ผมไม่เชื่อ ไม่มีวันเชื่อ...”เขาปิดประตูไว้ข้างหลังแล้วยืนพิงอยู่อย่างนั้น ตอบหล่อนด้วยถ้อยคำหนักแน่นเขาจะไม่ยอมเสียหล่อนไปศิลาบอกตัวเองว่าเขาจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองสมปรารถนาให้จงได้ ต่อให้ยากเท่ายากก็ตามที“เราจะต้องคุยกันตามลำพังสองต่อสองแล้วละ มินตา”เขาบอกด้วยเสียงนุ่มทุ้ม และแน่นอนว่ามีกังวานของความรักอยู่มากมาย เขาไม้ปฏิเสธใจตัวเอง“ไม่...” หล่อนป
พิมสุดามาแล้วกลับไปแล้ว ปล่อยให้มินตาได้ครุ่นคิดตามลำพัง แม้จะมีปรางคอยรับใช้อยู่ใกล้ๆ แต่มินตาก็เหมือนอยู่คนเดียว...หล่อนคิดถึงอนาคตวันข้างหน้าเมื่อไม่มีบ้าน ไม่มีพ่อ ไม่มีสิ่งใดหลงเหลือให้คว้าติดอีกหล่อนจะทำอย่างไรดีนั่นคือสิ่งที่มินตาต้องคิด...มันไม่ใช่เรื่องเล็กเสียด้วย เพราะเท่ากับต้องเอาอนาคตมาเป็นเดิมพัน...อนาคตที่มินตาไม่แน่ใจ และหล่อนก็รู้ว่าเพราะตัวเขานั่นแหละที่ทำให้หล่อนเกิดความรู้สึกเช่นนั้นขึ้นมา/////////////////////////////ผู้ชายสองคนต่างวัยแต่มีสายเลือดส่วนหนึ่งเหมือนกันได้เผชิญหน้ากันอีกครั้ง คนแก่ดูจะยิ่งแก่ ในขณะที่คนหนุ่มก็มิได้ทำท่าลำพองว่าตัวเองเป็นผู้ชนะ ต่างคนต่างมองกันชั่วอึดใจในความเงียบงันแล้วศิลาก็เป็นคนเอ่ยขึ้นมาก่อน “สาวิตต์เป็นอย่างไรบ้าง”“ก็ยังเหมือนเดิม...เก็บตัวเอง...และไม่พูดไม่จากับใครเลย”“เขาคงจะหายสักวันหนึ่ง“นั่นคือความหวัง”“ผมจะเอาใจช่วยแล้วกัน”คุณทรงศักดิ์ทำท่าเหมือนไม่คาดคิดเมื่อได้ยินเช่นนั้น“ต่อ...ให้อภัยพ่อกับพี่แล้วใช่ไหม”ชายหนุ่มส่ายหน้า นั่นคือความจริง เขายังไม่อาจจะให้อภัย เพียงแต่เขาคิดว่าเขาจะวางมือในส่วนนี้...หลายปีที่เ
“ไล่ปรางหรือคะ...” มินตาแสนจะตกใจ “ทำไมล่ะคะ ปรางทำผิดตรงไหน”“มันเป็นพวกแกนี่ รับเอาไปซิ นังนั่นมันเลี้ยงไม่เชื่อง หวังว่าที่พูดมานี่แกคงจะเข้าใจนะ”“ค่ะ มินตารับคำ ดวงหน้าสลด ครอบครัวของหล่อนคือซาก...มันคืออดีตที่เหมือนจะเนิ่นนานผ่านมาแล้ว ดวงตาของหล่อนซุ่มไปด้วนน้ำตา ป่วยการจะพูดมากไปกว่านี้อีกเมื่อคุณมารศรีและมิ่งขวัญปั้นปึ่งใส่ มินตามาไหว้พ่อ นั่งพับเพียบอยู่นานจนศิลาต้องเป็นฝ่ายสะกิดหล่อน“กลับดีกว่ามั้ง มินตา...เขาประคองหล่อนลุกขึ้น ท่าทีถนอมเป็นนักหนาบาดตาของมิ่งขวัญสุดขีด หล่อนไม่อาจจะยอมรับออกมาดังๆ ว่าลึกลงไปนั้นหล่อนเจ็บปวดกับการที่ถูกทิ้ง...ทั้งที่หล่อนเคยทระนงในตัวเองมาตลอด ผู้ชายคนนั้นคือชายที่หล่อนรักและเมื่อความจริงเปิดเผยออกมารักกลายเป็นร้าง และขมขื่นที่สุดจะหารสชาติใดมากกว่านี้ ในชีวิตคงจะไม่มีอีกแล้วแน่นอน“แม่คะ...มิ่งตัดสินใจแน่นอนแล้ว พอเสร็จงานพ่อ มิ่งจะไปอยู่เมืองนอก เราไปด้วยกันไหนคะ แม่...เอาบ้านนี้ให้เช่า...ถ้าไม่คิดจะขาย เราคงจะพอมีเงินสักก้อนไปเที่ยวเล่นด้วยกัน พอให้มิ่งหายช้ำใจแล้วค่อยกลับมาใหม่...หรือบางทีเราอยู่ทางโน้นกันเลยก็ได้ มิ่งก็พอจะมีเพื่อนที
ดวงตาคู่นั้นเบิกกว้าง และมินตาก็นิ่งงันปราศจากเสียงกรีดร้องจนเขาใจเต้นแรง ไม่รู้ว่าหล่อนเสียใจแค่ไหนกันการรับรู้ในการสูญเสียหนนี้ มือของเขาลูบไล้เส้นผม“มินตา ได้ยินผมหรือเปล่า”“ก็ดีเหมือนกัน” หล่อนพึมพำออกมา “จะได้จบสิ้นกันแท้จริงๆ”“ไม่....” เขาปฏิเสธเสียงลั่น“เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก”“อย่าพูดแบบนี้...ทิ้งทุกอย่างเอาไว้ข้างหลัง แล้วเราเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน ที่ผ่านมาผมรู้ว่าผมผิด จะไม่ให้อภัยคนที่รู้สำนึกหรอกหรือ มินตา...ใช่ว่าผมจะไม่เสียใจหรือไม่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้นะ เพียงแต่ ตอนนั้นความแค้นทำให้ผมบ้าเลือดและลากคุณเข้ามาพัวพันด้วย”“ฉันให้อภัย แล้วก็โยนมันทิ้งเอาไว้ตรงนั้นแหละ...”ศิลากำลังจะพูดอีก แต่เสียงเคาะประตูห้องขัดจังหวะเสียงก่อนและประตูเปิดเข้ามาหลังจากนั้นครรชิตเดินนำหน้าธันวาเข้ามาพร้อมกับกระเช้าดอกไม้ใหญ่ที่บรรจุดอกไม้สวยงามสีสันสดใสชายหนุ่มขยับห่างออกจากเตียงนิดหนึ่ง ครรชิตทักทายและแสดงความห่วงใย ต่อสภาพบาดเจ็บของเขาสักห้านาทีก่อนจะหันไปหามินตา“ไง...มิน หน้าตาเหมือนคนเจ็บหนัก”“เกือบจะตายแต่ไม่ยักจะตาย...”“ประชดใครล่ะนั่น”ถูกดักคอแบบนี้มินตาทำตาวาว “มินไม่มี
สาวิตต์นอนอยู่บนเตียง...ขาของเขาข้างหนึ่งที่ถกขากางเกงขึ้นไปถูกพันด้วยผ้าขาวหนาเปอะ แล้วหน้าตาของเขาก็เหมือนไม่ใช่ลูกชายคนเดิมของเธอ มีรอยช้ำปูดโปนนั่นยังทำใจได้ว่ามันจะหาย แต่ดูซิ...ดูสีหน้าและแววตาของเขามันดูเลื่อนลอย...และมองมาทางเธอย่างว่างเปล่า“เอ...”เธอถลาเข้าไปหาเขา แล้วก็หยุดอีกหนหนึ่ง เมื่อสาวิตต์ทำเหมือนไม่รับรู้ด้วย เขายังมองเบิ่งไปทางอื่นที่ไม่ใช่หน้าเธอ คุณสีดาหันขวับมาหาสามี ถามเสียงสั่น“อะไรกันคะนี่ ตาเอเป็นอะไร...ทำไมเขาทำหน้าตาแบบนั้น”คุณทรงศักดิ์โอบบ่าของภรรยาเอาไว้ ร่างแบบบางของเธอสั่นสะท้านด้วยความหวาดหวั่น“หมอบอกว่าเหมือนเขาจะช็อก พูดกันรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เป็นพักๆ เหมือนคนสะเทือนใจมากเกินไป”“แล้วแกจะหายไหม”“ต้องอาศัยเวลา แต่ตอนนี้เขาต้องรักษาตัว บางทีอาจจะต้องลางาน...หรืออาจจะต้องถึงขั้นลาออกก็ได้”“ไม่!”เธอร้อง หันมาซบหน้ากับบ่าของสามี นานแล้วที่คนสองคนไม่เคยหันหน้าเข้าหากันอีก ต่างมีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเอง ความบาดหมางในเรื่องเล็กน้อยถูกทำให้ใหญ่มากขึ้น และไม่อาจจะเชื่อมต่อติดกันได้อีกเลยแต่ตอนนี้หัวอกของความเป็นพ่อแม่ที่จะต้องรับผิดชอ
ปืน...มินตาบอกเมื่อเห็นสาวิตต์หยิบมันออกมาวางไว้บนโต๊ะกลมเล็กข้างๆ เก้าอี้ที่เขานั่งลง แววตาที่เขามองดูศิลาทำให้มินตายะเยือกไปตลอดตัว มันบ่งบอกว่าหากเขาจะลั่นไกปืน เขาก็จะทำได้โดยไม่ต้องหยุดคิดชั่งใจอีกเลย มินตาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เมื่อพูดกับสาวิตต์ดีๆ“คุณเอ ขอให้มินนะ...อย่าถึงกับฆ่ากันเลย...”“บอกแล้วว่าอย่ายุ่ง ไม่ฆ่าเธอด้วยก็บุญเท่าไหร่รึว่าอยากตายตามผัว”“คุณเอจะทำไมได้นะคะ”“ทำไมพี่จะทำไม่ได้ นึกถึงที่มันทำกับพี่ซิ เพราะมัน...” สาวิตต์ชี้มือไปยังศิลาอย่างคั่งแค้น นั่นคือชายที่ร่วมสายเลือดเดียวกัน แม้จะไม่ใช่ทั้งหมด แต่ก็กึ่งหนึ่งที่เหมือนกัน เขาไม่เคยเชื่อใครพูดอย่างไร เขาก็มักจะหัวเราะขบขันเสียเสมอว่าทุกคนที่พูดนั้น ล้วนแล้วแต่มีอาการทางจิตที่คิดมากเกินการไปเองทั้งนั้น แต่แล้วเขากลับมารู้เป็นคนสุดท้าย รู้เพื่อทำให้โลกที่เคยสวยงามสำหรับเขามันพังทลายลงมาต่อหน้าต่อตาเขาจึงมองหาทางออกใดไม่พบนอกจากทางนี้ ฆ่าศิลาเสีย ก็เท่ากับฆ่าไอ้เด็กเวรคนนั้นด้วย เมื่อหนนั้นมันเลือกรอดได้อาจจะเพราะดวงมันแข็ง แต่คราวนี้ไม่มีวันที่ดวงมันจะแข็งเท่าครั้งนั้นอีก มันจะต้องตายนั่นคือทางที่เขาเลือกให้มั
สาวิตต์เดินปังๆ จากไปแล้ว ก่อนที่เขาจะกระแทกประตูบ้านด้านหน้าปิดลั่นกุญแจ ปรางก็เสนอหน้าเข้ามา“จะช่วยคุณมินทำแผลให้กับเขา”ปรางบอก หล่อนยืนให้ห่างจากสาวิตต์เข้าไว้ ด้วยไม่แน่ใจในความบ้าของเขาและเขาก็ยอมปล่อยปรางเข้ามาโดยดี ปรางมาคุกเข่าดูศิลาอยู่อีกด้านหนึ่งของเขา“เลือดทั้งนั้นเลย...” ปรางพึมพำ “ทำแผลก่อนนะคะ คุณมินจะเอาอะไรบ้าง”“ต้มน้ำร้อนให้ฉันสักกระติก แล้วหาผ้าสะอาดๆ มา...มีพวกผ้าเช็ดหน้าของฉันเหลืออยู่บ้างมั้งในตู้...แล้วก็พวกผ้าขนหนูผืนเล็กๆ นั่นด้วยก็ได้ คุณเอขังเราเอาไว้ในบ้านแล้วนี่ หยูกยาที่นี่ไม่มีสักอย่าง”“ปรางมีทิงเจอร์กับยาแดง...แล้วก็ยาล้างแผล...” ปรางบอกล้วงมือเข้าไปในกางเกงสามส่วนหยิบยาที่บอกออกมา “เอามาได้แค่นี้ค่ะ จะเอาสำลีกับผ้าพันแผลมาด้วย กลัวคุณมิ่งจะเห็น จะเอาอะไรมาไม่ได้สักอย่าง”“ขอบใจมา ปราง”มินตาคว้าขวดยาพวกนั้นมาด้วยมืออันสั่นเทา ตัวหล่อนเองนั้นสภาพก็ไม่ได้ดีไปกว่าคนที่ยังนอนทอดร่างนิ่งๆ นี่สักเท่าไหร่ หล่อนรู้ตัวว่าตัวเองก็แย่ เจ็บในช่องท้องจี๊ดๆ เตือนเป็นระยะอย่างไม่เคยเป็น แล้วหล่อนก็อยากล้มตัวลงนอน แล้วหลับให้นานโดยไม่ต้องตื่นขึ้นมารับรู้ใดๆ อีกเ
“คุณมินเป็นอะไร...”แตะตัวมินตาแล้วก็พอว่าไม่ขยับสักนิด ปรางเงยหน้าหล่อนได้เห็นสาวิตต์นั่งอยู่บนเก้าอี้ริมหน้าต่าง สีหน้าของเขาดูน่ากลัวอย่างไม่เห็นมาก่อนเลยหันกลับมามองมิ่งขวัญก็เห็นสีหน้าแย้มเยาะประหลาดนัก“คุณมินสลบนะคะ”“ฉันให้แกมาดู ไม่ได้ให้มาพูดมาก แกมีหน้าที่คอยพยาบาลเอาไว้ แต่แกห้ามยุ่งมากไปกว่านี้อีก”“ค่ะ”“พาเข้าไปในห้องนอนซะ”มิ่งขวัญออกคำสั่ง แล้วหล่อนจึงเดินเข้ามาหาสาวิตต์...จับมือของเขาไปบีบเหมือนจะให้กำลังใจแก่เขา“มิ่งเข้าใจว่าคุณเอกำลังเฮิร์ทมาก อีกไม่นานค่ะทุกอย่างจะเรียบร้อยมันจะกลายเป็นปุ๋ยจมดินไปเลย จะไม่มีใครเห็นซากของมันอีก...อย่างนั้นใช่ไหมคะ...ที่นี่มีที่มากมายให้ฝังมัน...”“เมื่อไหร่มันจะมา” คำถามของสาวิตต์เลื่อนลอย“ใจเย็นหน่อยค่ะ ยังไงซะมันก็จะต้องมา”“มันทำกับพี่เจ็บปวดนัก...” เขาหลับตาลง “รู้ถึงไหนอายถึงนั่น”“จะไม่มีใครรู้...” หล่อนลูบบ่าของเขาเบาๆ ด้วยมือที่เหลืออยู่ปลอบโยนเขา “มิ่งสัญญาว่าจะเอาตัวมันมาให้”“แล้วยายมินล่ะ...”“ขายมันซิ คุณเอ...หลังจากจัดการหมอนั่นแล้ว เอายายมินไปขาย” น้ำเสียงของมิ่งขวัญเหี้ยมเกรียม เขาแหงนหน้ามอง “มิ่งพูดจริงๆ นะ ไม่
“คุณมินเป็นอะไร...”แตะตัวมินตาแล้วก็พอว่าไม่ขยับสักนิด ปรางเงยหน้าหล่อนได้เห็นสาวิตต์นั่งอยู่บนเก้าอี้ริมหน้าต่าง สีหน้าของเขาดูน่ากลัวอย่างไม่เห็นมาก่อนเลยหันกลับมามองมิ่งขวัญก็เห็นสีหน้าแย้มเยาะประหลาดนัก“คุณมินสลบนะคะ”“ฉันให้แกมาดู ไม่ได้ให้มาพูดมาก แกมีหน้าที่คอยพยาบาลเอาไว้ แต่แกห้ามยุ่งมากไปกว่านี้อีก”“ค่ะ”“พาเข้าไปในห้องนอนซะ”มิ่งขวัญออกคำสั่ง แล้วหล่อนจึงเดินเข้ามาหาสาวิตต์...จับมือของเขาไปบีบเหมือนจะให้กำลังใจแก่เขา“มิ่งเข้าใจว่าคุณเอกำลังเฮิร์ทมาก อีกไม่นานค่ะทุกอย่างจะเรียบร้อยมันจะกลายเป็นปุ๋ยจมดินไปเลย จะไม่มีใครเห็นซากของมันอีก...อย่างนั้นใช่ไหมคะ...ที่นี่มีที่มากมายให้ฝังมัน...”“เมื่อไหร่มันจะมา” คำถามของสาวิตต์เลื่อนลอย“ใจเย็นหน่อยค่ะ ยังไงซะมันก็จะต้องมา”“มันทำกับพี่เจ็บปวดนัก...” เขาหลับตาลง “รู้ถึงไหนอายถึงนั่น”“จะไม่มีใครรู้...” หล่อนลูบบ่าของเขาเบาๆ ด้วยมือที่เหลืออยู่ปลอบโยนเขา “มิ่งสัญญาว่าจะเอาตัวมันมาให้”“แล้วยายมินล่ะ...”“ขายมันซิ คุณเอ...หลังจากจัดการหมอนั่นแล้ว เอายายมินไปขาย” น้ำเสียงของมิ่งขวัญเหี้ยมเกรียม เขาแหงนหน้ามอง “มิ่งพูดจริงๆ นะ ไม่