เกือบหนึ่งเดือนผ่าน
ชีวิตใหม่ที่แสนเรียบง่ายของจอมขวัญได้เริ่มต้นขึ้น อาศัยอยู่ในจังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ บรรยากาศที่นี่ดีกว่าเมืองหลวงค่อนข้างมาก ที่นี่บางครั้งก็มีหมอกสีขาวจาง ๆ ในยามเช้าทำให้การเริ่มต้นในแต่ละวันแสนสดใส ผู้คนละแวกนี้ต่างให้การต้อนรับคนต่างถิ่นของเธออย่างดี หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่เธอเลือกหลังจากที่ถูกพลาธิปไล่ออกจากบ้านหลังที่เธอเคยอยู่อย่างกับหมูกับหมาเวลาเก็บของแทบไม่มี
เธอมาอยู่ที่นี่โดยที่ไม่บอกใครหรือติดต่อใครกลับไปทำตัวไร้ร่องรอยแม้แต่เพื่อนสนิทอย่างแพรไหมหรือป้านิ่มที่คอยดูเธอ ตั้งแต่อยู่บ้านโน้น ในเมื่อเขาอยากได้ทุกอย่างก็เอาไปรวมทั้งเงินจำนวนหนึ่งแสนห้าหมื่นบาทที่เขายัดใส่มือเธอตอนออกจากเกาะ เธอไม่อยากได้จึงฝากป้านิ่มคืนเขา
จอมขวัญมาที่นี่ด้วยเงินเก็บที่มีติดตัวไม่กี่แสนกับรถยนต์คันโปรดของเธอแต่ทว่ารถมันไม่ได้จำเป็นมากเท่าไรเธอจึงที่จะขายมันถึงแม้ว่าจะรักมากก็ตาม ขายแล้วเอาไปซื้อรถยนต์ญี่ปุ่นราคาไม่กี่แสนมาใช้แทนกับตอนนี้เธอไม่ได้ยิดติดในความสะดวกสบาย ขอแค่พออยู่พอใช้ก็เพียงพอแล้ว เงินที่เหลือจากการขายรถและซื้อรถคันใหม่เธอเอามาลงทุนเปิด
นับตั้งแต่วันที่พลาธิปไล่จอมขวัญออกจากบ้านหลังนั้นไปใจเขาปวดร้าวทรมาณเหลือเกินที่ตามหาหญิงสาวเท่าไรก็ไม่พบจนอาการเขาเริ่มเศร้าซึมลงทุกทีจนลูกน้องคนสนิทอดเป็นห่วงเจ้านายหนุ่มไม่ได้ ใบหน้าของเจ้านายเครียดอย่างเห็นได้ชัดไม่รู้ว่างานตรงหน้าหรือเรื่องที่ตามหาจอมขวัญไม่พบ“มีอะไรเปล่าสหัส”“ผมว่านายพักผ่อนหน่อยดีกว่าครับ” คนเป็นลูกน้องบอกกับเจ้านายด้วยความเป็นห่วง“ไม่… ฉันทำได้ไม่ได้เป็นอะไร”ตั้งแต่ที่จอมขวัญหายไปเจ้านายของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคนทำงานหามรุ่งหามค่ำออกตามหาหญิงสาวทุกที่ที่คิดว่าเธอจะไป“สหัสแล้วเรื่องที่ให้ตามหาว่าไงได้เรื่องบ้างไหม”“ได้ครับแต่ว่ายังไม่พบคุณจอมครับ พบแต่รถยนต์ของคุณจอมที่เธอใช้บ่อย ๆ ขายให้กับเต้นท์รถแห่งหนึ่งในจังหวัดทางภาคเหนือ“แล้วได้สืบต่อมั้ยว่าว่าเมียกูอยู่ที่ไหน”“เรื่องสืบต่อผมให้พีระตามอยู่ครับว่าคุณจอมอยู่ที่ไหน ถ้าได้เรื่องยังไงผมจะรีบมารายงานครับ” ลับหลังลูกน้องคนสนิทพลาธิปทิ้งกายลงเก้าอี้อย่างเหนื่อยอ่อน“จอมจ๋า… จอมไปอยู่ที่ไหนผมคิดถึง” เขาพร่ำเพ้อออกมา ร่างสูงถอนหายใจออกมาอย่
หลังจากวันที่พลาธิปหลังรู้ว่าจอมขวัญนั้นอาศัยอยู่ที่ไหนจากปากของแม่บ้านที่ทำงานกับกัณฑ์ธรณ์ที่ว่าแม่ค้าคนสวยอยู่คนเดียวน่ารักแถมทำอาหารอร่อยเย็นวันนั้นชายหนุ่มส่งลูกน้องของเขามาสอดส่องที่บ้านหลังน้อยแห่งนั้นพบว่ามีคนอยู่เพียงสามคนแต่สิ่งที่ลูกน้องของเขาพบคือแม่บ้านคนเก่าที่เขาเคยเจอที่บ้านของนายดิลก พลาธิปไม่อาจจะรอแม้แต่วินาที แต่ก็ต้องอดใจเอาไว้จอมขวัญยกหม้อแกงเขียวหวานขนาดกลางไม่เล็กไม่ใหญ่มากออกมาให้ป้านิ่มมาให้นางที่กำลังจัดเตรียมข้าวของอยู่หน้าบ้าน ที่ต่อเติมเป็นเพิงขายข้าวแกงในตอนเช้า หญิงสาวอยากช่วยงานป้านิ่มกับเกี๊ยวที่เป็นหลานสาวบ้าง เพราะตั้งแต่รู้ว่าเธอนั้นตั้งครรภ์ก็ไม่ยอมให้หยิบจับอะไรเลยกลัวกระทบกระเทือนกับเจ้าตัวเล็กในท้อง“ป้านิ่มขา แกงเขียวหวานเสร็จแล้วจ้า” หญิงสาวร้องตอบยิ้ม ๆ“คุณจอมป้าบอกแล้วไงคะ ว่าไม่ต้องช่วยไม่ต้องทำมันหนัก เดี๋ยวจะกระทบกระเทือน” นางว่าแล้วรีบเดินเข้าไปช่วยยกหม้อแกงจากมือหญิงสาว หลังจากที่นางเอาหม้อแกงมาวางจัดเตรียมแล้วหันมาบอกหญิงสาวอีกครา “ยกหม้อแกงหนัก ๆ แบบนี้ให้ยายหนึ่งมันทำ”จอมขวัญนั่งลงบนแคร่
ช่วงสายวันต่อมาจอมขวัญตื่นขึ้นรับยามเช้าที่แสนสดใสดั่งเช่นทุกวันแต่ด้วยร่างกายของเธออ่อนล้าเหลือเกิน เอาแต่นอนคิดตลอดทั้งคืนว่าเขามาที่นี่ได้อย่างไร ป้านิ่มบอกหรือแต่นางยืนยันว่าจะไม่บอกต่อให้เขาเป็นเจ้านายก็ตามกว่าเธอจะหลับได้ก็เกือบเที่ยงคืน แต่ไม่รู้ทำไมเธอถึงได้ตื่นเช้านักจอมขวัญเดินลงจากชั้นสองของบ้านแต่ก็อดแปลกใจไม่ได้เพราะช่วงวันหยุดน้ำหนึ่งหลานของป้านิ่มมักจะนั่งดูทีวีติดตามข่าวยามเช้าแต่วันนี้กลับไม่เห็นภายในบ้านเงียบเชียบจนอดสงสัยไม่ได้“หนึ่ง… หนึ่งอยู่ไหม” เธอร้องถามแต่ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา เท้าเรียวกำลังจะก้าวไปยังห้องนอนชั้นล่างที่หญิงสาวขอนอนแต่ทว่าเสียงเคาะประตูจากทางหน้าบ้านดังขึ้นแต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าใครมาหาเธอแต่เช้าหรือว่าจะเป็นป้านิ่ม“อรุณสวัสดิ์จ้ะเมียจ๋า” ใบหน้าหล่อของพลาธิปเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้มก่อนจะแทรกกายเข้ามาภายในบ้านหลังน้อยของหญิงสาว“นี่คุณออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้นะ”“จอมจ๋า” พลาธิปพูดขึ้นเสียงอ่อนพลางเดินเข้าไปหาหญิงสาว“หยุดนะ… อย่าเข้ามา”“จอม..” เขาเดินเข้าไปหาหญิงสาวอีก แน่นอนว่าเธอต้องร่
พลาธิปกลับมาตั้งหลักที่บ้านเพื่อนหนึ่งคืนเต็ม ๆ ว่าตนจะง้อเมียอย่างไรให้เธอหายโกรธและยอมกลับไปกับเขา ไม่อยากให้เธอทำงานลำบากลำบนอยู่ต่างจังหวัดแบบนี้แล้วตอนนี้กำลังท้องอยู่ด้วยตื่นแต่เช้ากว่าจะได้นอนก็ดึกตลอดสัปดาห์เขาเฝ้าตามดูเมียรักอยู่ไม่ห่างตั้งแต่วันที่เข้าไปหาเธอที่บ้านวันนั้นเขายังไม่ได้ไปหาเธออีกเลย“พวกมึงช่วยกูคิดวิธีง้อเมียหน่อยดิวะ”“ฉุดไปดิ ทำเหมือนมึงฉุดเขาไปตอนนั้นไง” กัณฑ์ธรณ์เสนอความคิดเห็น“มึงเก็บวิธีนี้ไว้ใช้ตอนง้อเมียมึงนะ” กัณฑ์ธรณ์ไม่สนใจเพื่อนของเขาแม้แต่น้อย อยากได้ความคิดก็เสนอ แต่เขาเริ่มมีความคิดดี ๆ แล้ว “กูคิดอะไรดี ๆ ออกแล้ว”“อะไรของมึงวะ” เขามองใบหน้าเจ้าเล่ห์ของเพื่อนอย่างนึกสงสัย“คุณจอมอยู่บ้านนั้นกับน้องที่ชื่อหนึ่งที่คอยอยู่เป็นเพื่อนคอยดูแลใช่มั้ย” พลาธิปพยักหน้า “เออ แล้วยังไงวะ”“นั่นสิครับ เกี่ยอะไรกับยัยเด็กปากจัดนั่นด้วย” สหัสว่าเสริม“เด็กนั่นเป็นหลานของแม่บ้านมึงใช่มั้ย มึงแค่โทรบอกแม่บ้านมึงให้เรียกตัวหลานกลับไปก่อนแล้วมึงก็ใช้จังหวะนี้อยู่กับเมียง้อเมียไปสิ”“ยัยเด็กนั้นเขาจะทำตาม
‘เธอเคยได้ยินใครบางคนมักจะบอกว่า’‘โลกนี้มักโหดร้ายกับคนที่อ่อนแอเสมอ’วันนี้เธอเห็นแล้วว่ามันคือเรื่องจริง ที่ว่าคนอ่อนแอและยอมคนอยู่มักจะโดนเอาเปรียบอยู่เสมอ ไม่คิดว่าจะมาเจอกับตัวเอง ที่วันหนึ่งไม่คิดไม่ฝันว่าคนที่เธอรักเปรียบเสมือนมารดาแท้ ๆ คนหนึ่งจะทำแบบนี้“มีเรื่องอะไรกัน มาทำอะไรกันเยอะแยะ” พนิตาถามเหล่าคนที่มาชุมนุมเกาะกลุ่มตะโกนเรียกป้าของเธออยู่หน้าบ้านนานสองนาน“นี่หนูนิตา ยายจรรยาอยู่บ้านไหม” หญิงสาวเลิกคิ้วเรียวมองคุณป้าสูงวัยอย่างสงสัย ว่ามาถามหาป้าสะใภ้ของเธอทำไมกัน“ไม่รู้สิคะ ว่าแต่คุณป้ามีอะไรกับป้าจรรเหรอคะ”“ก็ยายจรรยาโกงเงินแชร์พวกเรา” ชายวัยกลางคนหันมาตอบกระชากเสียงแข็งกร้าว“โกงเงิน เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ"เรื่องนี้มันต้องมีอะไรเข้าใจผิดแน่ ๆ ป้าสะใภ้ของเธอน่ะหรือจะโกงเงินแชร์ของชาวบ้านพวกนี้ เธอว่ามันเป็นไปไม่ได้ ถ้าโกงค่าหวยสิค่อยว่าไปอย่าง นอกจากอาชีพรับจ้างทั่วไปแล้ว ป้าของเธอนั้นจะรับเป็นเจ้ามือหวยคอยจดเลขที่ต้องการส่งเจ้ามือรายใหญ่ใหญ่เท่านั้น... แต่นี่โกงแชร์ ไม่น่าเป็นไปได้"ยายจรรยาออกมานะเ
‘ทุกอย่างต้องมีทางออกเสมอ’เป็นประโยคที่เธอและใครหลาย ๆ คนใช้ปลอบใจตัวเองอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรไม่ว่าจะร้ายหรือดี มันต้องมีทางออกเสมอ พนิตาตื่นเช้าเป็นประจำดั่งเคย และวันนี้เธอต้องเริ่มตั้งต้นหางานใหม่ทำให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะเอาเงินมาช่วยเหลือป้าสะใภ้ ตอบแทนที่นางเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่มารดาเธอเสียไป เมื่อสิบปีก่อนพนิตาเดินลงมาจากชั้นสองของบ้านไม้หลังเก่าสอดส่ายสายตามองหาจรรยาแต่ก็ไม่พบ หญิงสาวจึงละความสนใจและออกจากบ้านเพื่อไปหางานใหม่ทำให้เร็วที่สุดเธอรู้ว่างานสมัยนี้มันหายาก แต่เธอจะไม่ยอมแพ้ เมื่อคืนเธอนั่งหางานบนอินเทอร์เน็ตจนดึกดื่น วันนี้เธอจะลองไปเดินหาว่ามีบริษัทไหนเปิดรับสมัครอยู่บ้าง จนแล้วจนรอดหญิงสาวหาสมัครงานตั้งแต่เช้าจรดบ่ายก็ยังไม่มีบริษัทไหนต้องการพนักงานเพิ่มเลย มีแต่จะเอาพนักงานเก่าออกเพื่อลดค่าใช้จ่ายในช่วง ที่เศรษฐกิจไม่ดีเฮ้อ...เสียงถอนหายใจหนักหลังจากที่พนิตาเดินคอตกออกจากบริษัทใหญ่ หญิงสาวหลับตาพริ้มลงราวกับพักสายตาและพยายามคิดหาทางออกว่าจะเอาอย่างไรต่อไป แต่อยู่ ๆ เสียงแจ้งเตือนข้อความผ่านทาง
ร่างสูงเพรียวของพนิตาที่อยู่ในชุดเดรสรัดรูปสีดำ ทำให้เผยสัดส่วนเว้า ส่วนโค้งบนร่างกายสวยถูกคลุมด้วยเสื้อแขนยาวสีขาวเพื่อปกปิดและอำพราง เนื้อหนังนุ่มนิ่มขาวนวลเนียนของตนเอาไว้ ทิ้งกายนั่งลงบนโซฟาภายในบริษัท ที่หญิงสาวมาแคสงานอย่างหมดแรงและหมดหนทางที่จะหาเงินมาช่วยป้าจรรยา วันนี้เธอเตรียมตัวและกำลังใจมาเต็มที่ หวังที่จะผ่านการคัดเลือกให้เข้าไปอยู่ ในรอบสุดท้ายดังที่หวัง แต่ทุกอย่างก็พังลงกับคำว่า“ไม่ผ่านค่ะ คุณน้องผอมเกินไป ยังไม่ใช่แบบที่ต้องการด้วย ไว้มาใหม่รอบหน้านะคะ”สาวประเภทสองหุ่นล่ำร่างใหญ่ในชุดแฟชั่นสีสันฉูดฉาดที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตนเอ่ยขึ้นหลังจากที่เขายกมือขึ้นแนบหูราวกับฟังอะไรบางอย่างเมื่อครู่แต่ทว่าผิดกับพนิตาที่นิ่งราวกับโดนสาปเสียอย่างไรอย่างนั้น ก่อนเรียกสติของตนให้กลับมา พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณคนที่คัดเลือกทั้งสามตรงหน้าของเธอ ก่อนเดินคว้าเสื้อแขนยาวที่วางพาดเอาไว้ตอนเดินเข้ามาออกจากห้องไป แล้วมาหยุดนั่งคิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่งเริงใจ : ผลเป็นยังไงบ้างยัยนิตาเม็ดทราย : นั่นสิบอกมานะ
พนิตานั่งขบคิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงสองสัปดาห์ผ่านมานี้ หญิงสาว มีความรู้สึกว่าป้าสะใภ้ของตนเปลี่ยนไปจากที่เครียดว่าจะหาเงินมาคืนเหล่า ลูกแชร์ได้ครบตามที่กำหนดหรือไม่ กลับกลายเป็นว่าป้าของเธอไม่เครียดหรือความกังวลใด ๆ มันทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย จนตกเย็นวันนี้เธอไปถามลูกแชร์คนหนึ่งของป้า ว่าได้เงินคืนครบแล้วหรือยัง ซึ่งเขาคนนั้นตอบกลับมาว่าได้คืนครบหมดแล้ว แถมยังบอกเพิ่มอีกด้วยว่า หลายคนก็ได้เงินคืนแล้ว ซึ่งมันจะเป็นไปได้อย่างไร ป้าเธอไปหาเงินมาจากไหนตั้งหลายแสนบาทภายในระยะเวลาแค่ไม่กี่วัน"ยัยนิตา แกเป็นอะไร ฉันเห็นแกนั่งนิ่งมานานแล้วนะ" เม็ดทรายสะกิดเรียกสติให้หญิงสาวหลุดออกจากภวังค์"นั่นสิ ตั้งแต่ร้องเพลงจบจนมานั่งที่โต๊ะก็เงียบไม่พูดไม่จา" ตองเก้าพูดเสริมต่อจากเม็ดทราย"ไม่มีอะไรหรอกแค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอะ" บอกปัดเพียงแค่นั้นแล้วคว้าแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม พลันสายตาของตนนั้นเหลือบไปเห็นข้อความแจ้งเตือนขึ้นมายังหน้าจอก่อนหยิบมันขึ้นมาอ่านและตอบกลับในนาทีต่อมา"เดี๋ยวฉันมานะ" พูดขึ้นพลางคว้ากระเป๋าสะพายของตนขึ้น แต่ก็ถู
บทที่ 2“เฮ้ย อัทธ์ทำไมวันนี้มึงดูเครียดจังวะ”น้ำเสียงอันคุ้นเคยที่ไม่บอกก็รู้ว่าใครทำเอาคนที่นั่งดื่มเหล้าท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มภายในร้านต้องเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสนิทของตนโดยที่ไม่ได้ตอบอะไรแม้แต่คำเดียว“มึงมาช้าชิบหายเลยว่ะ” เทวาเพื่อนอีกคนที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่กับอัทธ์ตั้งแต่แรกระหว่างรอเจ้าของร้านผู้ที่เข้ามาใหม่“โทษทีลงมาช้าบัญชีที่ร้านมีปัญหานิดหน่อย”ธันว์บอกแล้วหย่อยกายนั่งที่โซฟาพร้อมทั้งหันไปบอกพนักงานชงเครื่องดื่มได้เลย แล้วหันไปคุยกับคนที่นั่งอยู่ก่อนหน้าเขา “ว่าแต่มึงเป็นอะไรกินเอากินเอา กลุ้มใจอะไรหรือเปล่าวะ” ธันว์เพื่อนสนิทซึ่งเป็นเจ้าของร้านแห่งนี้ถามอีกครั้งเพราะทาท่างของชายหนุ่มดูเคร่งเครียดผิดหูผิดตา มันยิ่งหน้านิ่งอยู่แล้ว พอมาอารมณ์นี้ยิ่งน่ากลัวกว่าเดิมอีก“มึงอย่าไปถามมันเลย ตั้งแต่มานั่งกูถามจนไม่รู้จะถามยังไงล่ะ” เทวาบอกอย่างปลง ๆเทวากระดกเครื่องดื่มที่พนักงานส่งให้เสื่อครู่ไปเล็กน้อย ใบหน้าคมของเขาขมวดคิ้วราวกับนิดเรื่องอะไรบางอย่างได้ขึ้นมาก่อนถามขึ้นท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังก้อง “ได้ข่า
บทที่ 1“ยัยนิลเอาอีกแล้วนะแก”“ขอโทษทีนะ ช้าไปหน่อย”เสียงหวานใสยังคงเป็นแบบฉบับของ สริตาบอกเพื่อนอย่างรู้สึกผิดที่ให้อีกฝ่ายรอนาน เกินควรเพราะเธอดันลืมของสำคัญก่อนจะเอามาประชุมเสียอย่างนั้น จึงต้องเสียเวลาย้อนกลับไปเอาอีกครั้ง ระหว่างที่เธอกำลังจะเดินไปหาเพื่อนร่วมงานที่กำลังรออยู่นั้นกลับพบชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่ง ที่เพียงเดินผ่านเธอก็ยังจำเขาได้ คนที่เธอรักหมดใจ“เป็นอะไรไป เจอคนรู้จักเหรอ” เพื่อนร่วมงานถามด้วยความเป็นห่วงและสงสัย เมื่อคนที่เดินมาใบหน้าเครียดราวกับเจออะไรที่ไม่สบายใจเสียอย่างนั้น“เปล่าหรอกไม่มีอะไร เราไปเถอะ”หญิงสาวบอกปัดออกไปเพื่อไม่ให้เพื่อนสนใจเรื่องของตน ก่อนจะผลักเพื่อนให้เดินไปข้างหน้า พลางสอดส่ายสายตาของเธอหันหลังกลับไปมองเพราะคิดว่าเขาอาจจะยังคงอยู่ที่เดิมแต่กลับไม่พบชายหนุ่มคนนั้น“นี่ยัยนิล เมื่อกี้นี้เจออะไรมาเหรอ สายตาดูกลัว ๆ” เพื่อนร่วมงานยังคงสงสัยในท่าทางที่แปลกไปของเพื่อน“เปล่าหรอกไม่มีอะไร ไปทำงานเถอะ เดี๋ยวก็ถึงเวลาประชุมแล้ว” สริตาบอกพลางวางกระเป๋าลงบนโ
บรรยากาศงานแต่งงานที่แสนหวานของคุณหนึ่งกับเม็ดทรายถูกจัดขึ้นริมทะเลในโทนสีขาวสะอาดตา ซุ้มสำหรับเจ้าบ่าวเจ้าสาวถูกจัดขึ้นและตกแต่งด้วยไม้ประดับคาดด้วยผ้าสีขาวผืนใหญ่ ที่พลิ้วไสวในยามที่สายลมพัดผ่านมากระทบ ด้านหน้าซุ้มมีดอกไม้ประดับนานาชนิดวางเรียงรายอยู่ตรงหน้า"งานแต่งของคุณหนึ่งกับยัยทรายสวยจังเลยค่ะพี่ชล" พนิตามองภาพตรงหน้าที่ทุกคนกำลังเดินไปร่วมยินดีกับเจ้าบ่าวเจ้าสาว"แล้วงานแต่งของเราอยากได้แบบไหน พี่จัดการให้นิตาได้ทุกอย่าง"ชลธรตอบกลับภรรยาสาวพร้อมทั้งโอบกระชับไหล่มนของเธอให้แนบชิดตัวเขาเบา ๆ"แบบไหนก็ได้ ขอเรียบง่ายก็พอค่ะ" ตอบยิ้ม ๆ ก่อนชวนสามีไปร่วมยินดีกับเจ้าบ่าวเจ้าสาว เสียงโห่ร้องยินดีดังกึกก้องตลอดงาน ทุกคนต่างสนุกสนานไม่แพ้เจ้าบ่าวเจ้าสาวของงานเลย หนุ่ม ๆ คนรักของเหล่าห้าสาวนั่งมองคนรักที่เต้นกันอย่างสนุกสุดเหวี่ยงไม่วางตา"ไม่ไปเต้นหน่อยเหรอครับคุณนิตา" ฟีนิกซ์ถามคนรักของเพื่อนที่นั่งยิ้มกับความสนุกตรงหน้า พนิตายังไม่ทันที่จะอ้าปากตอบ เจ้าสาวคนสายผู้ที่เด่นที่สุดในงานก็เดินเข้ามาชวนให้ไปสนุกด้วยกัน"นิตาไปเต้นด้วยกันสิ
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป พนิตายังคงอยู่ห้องที่ตัวเองซื้อเช่นเดิมเพิ่มเติมคือสามีสุดหล่ออย่างชลธรมาอาศัยอยู่ที่นี่ด้วย อาจเป็นเพราะเขาชวนเธอกลับไปอยู่ที่คอนโดมิเนียมของเขาด้วยกันแต่หญิงสาวปฏิเสธ จึงได้พาตัวเองมาอยู่กับเธอที่นี่แทน ทั้งนี้ก็เพราะว่าเขารอให้บ้านหลังใหม่ที่กำลังเร่งสร้างให้เสร็จสมบูรณ์ เตรียมพร้อมที่พวกเขาจะย้ายเข้าไปอยู่ในปีหน้าและสร้างครอบครัวที่อบอุ่นที่นั่นด้วยที่พนิตาเรียกเขาว่าสามีได้เต็มปากเต็มคำแบบนี้ก็ด้วยเหตุผลที่ว่า เมื่อสามวันก่อนชายหนุ่มรอไม่ไหวที่จะให้ถึงวันแต่งงานที่ยังไม่ได้ฤกษ์งามยามดี ด้วยความใจร้อนจึงพาเธอไปจดทะเบียนสมรสเสียก่อน ครั้นถ้าเธอไม่ยอมชลธรก็หาวิธีและคำพูดมาโน้มน้าวให้คล้อยตามจนได้"อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณสามีขาตื่นแล้วเหรอคะ" พนิตาทักทายสามีเสียงหวาน มือบางจับตะหลิวและด้ามของกระทะเทฟล่อนเตรียมอาหารเช้าให้เขาได้ทานก่อนออกไปทำงานหญิงสาวตักอาหารเช้าที่เธอทำได้ในตอนนี้มีเพียงข้าวผัดธรรมดาที่ง่ายแสนง่ายเท่านั้น หากทำเมนูอื่นคงต้องวิ่งอาเจียนอีกเป็นแน่"ตื่นแล้วจ้าเมียจ๋า" ว่าแล้วก็รีบเดินมาสวมกอดภรรยา
เจ้าของร่างเล็กกำลังง่วนและวุ่นวายอยู่กับการจัดตู้เย็นให้เป็นระเบียบเรียบร้อยดูสะอาดตา ให้เหมือนกับคลิปที่เธอเปิดดูผ่าน ๆ แล้วเห็นว่ามันเพลินดี จึงอยากลองทำดูบ้างในระหว่างรอชลธรที่ถือวิสาสะเข้าไปอาบน้ำราวกับว่าห้องนี้เป็นห้องของเขาแต่คนตัวเล็กกลับไม่รู้เลยว่าคนที่เธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จหมาด ๆ มีเพียงผ้าขนหนูสีขาวของพนิตาพันรอบเอวสอบหมิ่นเหม่เท่านั้น เดินออกมาหยุดดูคนตัวเล็กที่กำลังก้ม ๆ เงย ๆ ที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้น เวลาก้มลงหรือนั่งย่อ ๆ เพียงนิดเดียว ก็เผยแก้มก้นขาวเนียนที่เขาโปรดปรานและหลงใหลเป็นที่สุด"เสร็จสักที ปวดหลังไปหมด"ร่างเพรียวยืนขึ้นเต็มความสูงยกแขนทั้งสองเหนือศีรษะบิดไปมาให้คลายอาการปวด ทว่ากลับสะดุ้งตกใจเมื่อถูกสวมกอดจากทางด้านหลัง"ปวดหลังเหรอ... ผมนวดให้เอาไหม" บอกกับคนตัวเล็กเสียงแหบพร่าลมหายใจร้อนผ่าวรดต้นคอ ทำเอาพนิตาต้องเอี้ยวตัวหันหน้ามาเผชิญกับเขา"ไม่ต้องดีกว่าค่ะ กลัวจะไม่ใช่เเค่นวดน่ะสิคะ" พนิตาว่าอย่างรู้ทัน คนอย่างเขาเนี่ยน่ะหรือจะนวดให้เธอไม่มีทาง“แล้วจะใ
ช่วงสายของวันถัดมาเป็นวันที่พนิตาและเหล่าแก๊งเพื่อนสาวของเธอได้มาปาร์ตีฉลองบ้านใหม่ของหญิงสาวตามที่ได้นัดกันไว้ เจ้าของบ้านคนสวยตื่นจัดเตรียมบ้านให้พร้อม เพราะเริงใจพี่ใหญ่ของแก๊งไลน์เข้ามาบอกว่าอาหารกลางวันไม่ต้องเตรียมเดี๋ยวจะซื้อเข้าไปเอง รอให้พนิตาทำให้ทานตอนเย็นทีเดียวจะได้คุยกันนาน ๆ หน่อย อีกอย่างวันนี่เป็นวันหยุดจะได้ไม่ต้องรีบร้อนอะไรแต่ยังไงก็ตามเถอะต่อให้บอกว่าไม่ต้องทำของคาวก็ไม่เป็นไรเธออยากจะทำของหวานให้เพื่อนลองชิม เพราะการทำอาหารหรือทำขนมมันเป็นงานอดิเรกอย่างหนึ่งของเธอ เพื่อนของพนิตารู้ว่าเธอชอบทำอาหารแต่คงไม่รู้ว่าทำขนมได้ด้วย"ทำอะไรให้กินเล่นดีนะ" คนตัวเล็กขบคิดถึงเมนูที่ตนกำลังจะทำให้เพื่อนได้ลิ้มลอง“บราวนีเนี่ยแหละเหมาะสมที่สุด” พนิตาพูดออกมาอย่างดีใจเมื่อตนเลือกเมนูขนมได้แล้ว บ่นพึมพำไปพลางเปิดหารายการขนมผ่านยูทูบไปเรื่อย ๆจนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่ 'บราวนีมินิ' ชิ้นเล็กพอดีคำ แต่ตอนทำเธอต้อง ลดน้ำตาลลงเสียหน่อย หากหวานไปเพื่อนสาวเธอไม่กินแน่นอน อะไรที่มีน้ำตาล ไขมันเยอะ จะไม่มีทางอยู่ในกระเพาะของพวกเขาได้&nbs
เกือบสามสัปดาห์ผ่านมาแล้วที่พนิตาย้ายมาอยู่คอนโดมิเนียมแห่งใหม่ และยังไม่ลืมที่จะส่งข้อความกลับไปหาเพื่อนสาวทั้งห้าอยู่ตลอด เพื่อไม่ให้เพื่อนเป็นห่วงจนกังวลเช่นที่เธอเคยหายไม่ตอบกลับหลายวันเหมือนครั้งก่อนอีก ในที่สุดหญิงสาวก็ตัดสินใจบอกที่อยู่ใหม่ของเธอให้กับเพื่อนได้รับรู้ ห้าสาวแสนสวยต่างลงความเห็นว่าอยากจะมาเห็นห้องพักใหม่ของเพื่อนในวันนี้ แต่ว่าพนิตา ขอเลื่อนไปเป็นวันพรุ่งนี้แทน พร้อมทั้งบอกว่าไม่อยากให้มาวันนี้ เพราะเป็นวันทำงานเอาเป็นวันพรุ่งนี้ที่เป็นวันหยุดจะดีกว่าเม็ดทราย : ได้ตกลงพรุ่งนี้ก็ได้เม็ดมุก : แต่แกต้องทำของอร่อยไว้ให้พวกฉันกินด้วยนะพนิตา : เอาสิจัดให้ชุดใหญ่เลยที่รัก : น่ารักที่สุดพนิตา : งั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้นะพนิตาส่งข้อความไลน์ไปหาเพื่อนพร้อมทิ้งท้ายด้วยสติกเกอร์รูปผู้หญิงโบกมือบ๊ายบายด้วยความลั้ลลา ก่อนเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า แล้วเงยหน้าขึ้นมองป้ายร้านขายยาภายในห้างสรรพสินค้าอย่างชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง หญิงสาวถอนหายใจพร้อมกับเดินเข้าไปหาเภสัชกรที่ยืนประจำการคอยให้คำปรึกษาอยู่ทันที"สวัสดีค่ะรับยาตัวไหนคะ"
La La Carte (อะ ลาคลาส)ห้องวีไอพีในคลับหรูของฟีนิกซ์ หลังจากจัดการงานเอกสารเรียบร้อยมาเฟียหล่อเจ้าของที่นี่ก็เดินเข้ามาสมทบกับเพื่อน ทว่าภายในห้องที่คิดว่าเพื่อนและเหล่าคนรักของพวกมันจะยังมาไม่ครับก็ผิดคาดเพราะทุกคนต่างนั่งอยู่กันเป็นคู่ แต่ไม่ใช่กับชลธรที่นั่งอยู่อีกมุมหนึ่งของโต๊ะและดื่มเหล้าอย่างไม่สนใจใคร"ไอ้ชลเป็นอะไรวะ แดกเอาแดกเอา" หนึ่ง อรรถพลถามขึ้นหลังจากที่เขานั่งมองตั้งแต่เข้ามาในห้องพร้อมกับเม็ดทรายเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนก็เห็นนั่งดื่มอยู่แบบนี้ไม่พูดไม่จา"มึงเป็นอะไรวะ อกหักรักคุดตุ๊ดเมินหรือไง" กศิดิธแซวขำเพื่อให้บรรยากาศไม่มาคุจนเกินไป"เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร" เขาตอบเพียงแค่นั้น"นิตาไปไหนเนี่ย... โทรหาก็ไม่รับสาย" ตองเก้าหันไปถามเม็ดทรายหลังจากที่พยายามต่อสายหาพนิตาตั้งแต่บ่ายจนตอนนี้เพื่อนยังไม่รับสาย"ไม่รู้เหมือนกันติดต่อไม่ได้เลย""ไลน์ไปหาหรือยัง" เม็ดมุกถามขึ้นทั้งที่ยังกอดแขนของกศิดิธไว้ด้วย"ฉันไลน์ไปแล้วทั้งในกลุ่มแล้วก็ไลน์ส่วนตัวก็ไม่ตอบ" เม็ดทรายบอกไปตามจริงเพราะเท่าที่เห็นจำนวนคนอ่านมันขาดไปคนห
เช้าที่สดใสผสมผสานกับบรรยากาศริมทะเลที่เย็นสบาย ทำให้พนิตาตัดสินใจลุกขึ้นมาเดินทอดน่องยืดเส้นยืดสายให้คลายความเมื่อยขบตามร่างกายที่แทบจะไม่ได้พักตลอดการมาที่ภูเก็ตกับชลธร กลางวันออกไปเที่ยวชมเมืองถ่ายรูปสถานที่สำคัญพร้อมทั้งกินอาหารขึ้นชื่ออร่อย ๆ แต่พอตกเย็นเป็นไม่ได้ต้องหาข้ออ้างทำเรื่องอย่างว่ากับเธอทุกทีเขาไม่เหนื่อยบ้างหรือยังไงแต่เธอจะบอกว่าเธอเหนื่อยมากวันนี้พนิตาสวมชุดเดรสยาวคลุมเท้าสายเดี่ยวลายลูกไม้ฮาวายสุดฮิต ศีรษะเล็กบดบังแสงแดดจากหมวกสานสีขาวมีโบสีดำเล็ก ๆ ตรงกลาง สวมรองเท้าแตะเข้าชุด ผสมกับการแต่งหน้าอ่อน ๆ ไม่ว่านักท่องเที่ยวหรือคนที่ผ่านไปผ่านมาก็ต้องเหลียวมองความสวยของเจ้าของร่างเพรียวริมฝีปากเล็ก ๆ อ้าปากหาวหวอด ๆ คล้ายกับว่าตนยังนอนไม่เต็มอิ่ม จึงตัดสินใจเดินไปหากาแฟดื่มให้หายง่วงเสียหน่อย ทันทีที่ได้อเมริกาโน่เย็นเข้ม ๆ หอม ๆ ไม่มีน้ำตาลรสชาติที่เธอต้องการแล้ว จึงเดินไปนั่งโต๊ะไม้ริมระเบียงมองวิวท้องทะเลสีฟ้าครามด้วยความสบายตา โชคดีหน่อยที่วันนี้แสงแดดไม่ได้ร้อนมากมายนัก เธอเลยเลือกนั่งบริเวณนี้ ก่อนจะเรียกพนักงานมาสั่งอ